รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)
รีวิวหนังไทย จากเวอร์ชัน ภาพยนตร์ ที่ทำรายได้สูงมากๆ เลยทีเดียว ในประเทศไทย ก้าวไปลือลั่น ในต่างประเทศ ถูกซื้อในฉายในหลายๆ ประเทศ คว้ารางวัลจากหลากเทศกาลหนังทั่วโลก ถูกตีพิมพ์เป็นนิยาย และวันนี้กลายเป็นละครที่ฉายให้คนไทยได้ดูกันทั้งในทีวีและออนไลน์ แน่นอน ผมกำลังพูดถึง ‘ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์’ หรือชื่ออังกฤษก็ ‘Bad Genius The Series’ นั่นเอง
ข้อสอบชุดนี้เป็นการรีวิว ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์ EP.1-2 ที่ฉายไปแล้วทางช่อง ONE 31 และทางออนไลน์ในแอปพลิเคชัน WeTV และ EP.3-4 ซึ่งมีการจัดฉายรอบ Special Screening ณ Paragon Cineplex เมื่อวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
จากจุดเริ่มต้นการโกงข้อสอบในห้องเรียน.. จะลุกลามบานปลาย จนกลายเป็นการโจรกรรมข้อสอบระดับประเทศ พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่แค่นักเรียนมัธยม แต่คือตัวแทนที่สะท้อนการโกงในทุกระดับชั้นของสังคมไทย จากภาพยนตร์ปรากฏการณ์ ฉลาดเกมส์โกง สู่ละคร ฉลาดเกมส์โกง ที่จะพาคุณไปไกลกว่าเดิม ด้วยเรื่องราว ตัวละคร
และบทสรุป ที่ใหญ่กว่า ใหม่กว่า และท้าทายยิ่งกว่า! หลังจากที่ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ (Bad Genius) เวอร์ชันภาพยนตร์ที่กำกับโดย นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่ออกฉายในปี 2560 สามารถกวาดเสียงตอบรับชื่นชมท่วมท้น กวาดรายได้ไปกว่า 113 ล้านบาทในประเทศไทย แถมยังออกไปโกยรายได้ในอีกหลาย ๆ
ประเทศทั่วโลก มาในปีนี้ GDH จึงได้เริ่มพัฒนาหนังเรื่องนี้ให้อยู่ในรูปแบบของซีรีส์ และเปลี่ยนนักแสดงใหม่ทั้งหมด ในชื่อ ‘ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์’ (Bad Genius The Series) โดยครั้งนี้ ทาง GDH ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิงเจ้าใหญ่ของจีนอย่าง WeTV ที่จะฉายซีรีส์นี้ในรูปแบบ Simulcast ให้คนไทยและคนจีนกว่าพันล้านคน ได้ชมไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าโดยรวมของซีรีส์เรื่องนี้ จะมีภาพรวมที่ชวนให้คิดไปว่าจะดึงเอากลิ่นอายเดิมจากในหนังมาชัดเจน และให้หมายรวมไปถึงพล็อตที่เน้นหนักในเรื่องของการเปิดโปง ตีแผ่เรื่องราวดราม่าในโรงเรียน ทั้งเรื่องของความเหลื่อมล้ำ โอกาสทางการศึกษาที่มี
ไม่เท่ากัน รวมไปถึงประเด็นดาร์กโลกแตกอย่างเรื่องของการ เรียกแป๊ะเจี๊ยะ การที่ครูหารายได้เสริม ด้วยการติวพิเศษ แล้วแอบเอาข้อสอบมาเฉลยก่อน อันนำไปสู่สาเหตุของการ “โกง” ตั้งแต่การโกงข้อสอบเล็ก ๆ ในโรงเรียน จนถึงการโกงข้อสอบระดับโลก แต่สิ่งที่ในซีรีส์สามารถทำให้ต่างออกไปได้อย่างชัดเจนมาก ๆ คือการเพิ่มเรื่องราวตีแผ่ประเด็นต่าง ๆ ที่ตัวละครแต่ละตัวต้องเจอ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนเรื่องราวของสังคมไทยแทบทั้งนั้น ทั้งเรื่องของความหวังในการใช้การศึกษาเพื่อที่จะเปลี่ยน
ฐานะและสถานะทางสังคม การทำตาม Passion ของเด็กวัยรุ่น ม.ปลาย ที่แต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน แต่กลับต้องถูกวัดผลความสามารถด้วยคะแนนการสอบ การมี Conflict of Interest (ผลประโยชน์ทับซ้อน) ในโรงเรียน รวมถึงเรื่องของประเด็นปัญหาเรื้อรังในสังคมในหลาย ๆ จุดที่แก้ไม่หายด้วย
ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตามเหตุผลต่อไปนี้ เห็นด้วย แน่นอนว่า ในหนัง เรื่องราวของการ “โกง” นั้นถือว่าเป็น Theme ใหญ่ที่ครอบคลุมตัวหนังไว้อยู่ ซึ่งแม้ว่าตัวหนังจะเล่าเรื่องของการออกแบบกลไกการโกงของครูพี่ลินและพรรคพวก แต่สิ่งที่ในหนังพยายามจะเล่าต่อออกมานั่นก็คือ เรื่องของ การ “โกง” แม้ว่าการโกงของลินนั้นเป็นสิ่งผิด แต่การที่ลินต้องยอมโกง ก็ทำอยู่ภายใต้เหตุผลของการ “โกงล้างโกง” อีกทีหนึ่ง ซึ่งนั่นก็หนักแน่นพอที่จะทำให้เราเอาใจช่วยลินในการโกงข้อสอบไปโดยปริยาย
เรื่องย่อ รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)
รวมถึงเรื่องของการออกแบบเนื้อเรื่อง และโจทย์ของการโกงในรูปแบบต่าง ๆ ให้ “ฉลาด” สมกับชื่อหนัง มีความสนุก ตื่นเต้น พลิกล็อกอยู่ตลอดทั้งเรื่องจนแทบจะเดาทางหนังไม่ถูก อีกทั้งยังสามารถคุม Mood & Tone ของหนังให้ออกมาเหมาะสม ซึ่งนี่คือสิ่งที่หนัง และในซีรีส์สามารถทำได้อย่างสำเร็จสวยงามในระดับที่ใกล้เคียงกัน หนังฟรี หนังใหม่
ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเพราะ สิ่งที่ซีรีส์กำลังจะทำ คือการแผ้วทาง “ทางเลือกใหม่ ๆ ” ในการเล่าเรื่องนี้ให้ต่างจากความเป็นหนังอยู่พอสมควรเหมือนกัน แม้ว่าพล็อตโดยรวมของ 2 อีพีแรก จะมีทิศทางคล้าย ๆ กับเนื้อหาในช่วงครึ่งแรกในหนัง แต่สิ่งที่ในซีรีส์เติมต่อมาจากหนังนั่นก็คือเรื่องของการพยายามอุดรูรั่วต่าง ๆ ในหนัง เช่นการออกแบบการโกงข้อสอบด้วยตัวโน้ตเปียโน ซึ่งในซีรีส์ก็มีการปรับแต่ง “อะไรบางอย่าง” ทำให้ตัวซีรีส์ในอีพี 1-2 มีความแตกต่างจากเนื้อหาครึ่งแรกของหนังอย่างน่าสนใจ
เป็นเรื่องของ ลิน เด็กอัจฉริยะที่เพิ่งย้ายมาเข้าเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนเอกชน แต่ด้วยความที่พ่อของเธอต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงมากเพื่อให้เธอได้เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ลิน เด็กสาวที่มีระบบความคิดแตกต่างจากเด็กในรุ่นเดียวกันจึงได้ปิ๊งไอเดียระบบการลอกข้อสอบขึ้นมา โดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อแทน ก ข ค และ ง
ลินทำเงินได้มหาศาลจากการให้เพื่อนลอกข้อสอบนี้ แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นเมื่อเธอต้องการที่จะโกงข้อสอบ STIC ซึ่งเป็นข้อสอบระดับโลกที่จะจัดสอบพร้อมๆ กับทุกประเทศ ทำให้นี่จึงเป็นความเสี่ยงครั้งรุนแรงที่สุดที่เธอต้องเจอ และเธอทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ แบงค์ (เด็กเรียนทุน ที่เกลียดการโกงที่สุด) จึงต้องเข้ามามีส่วนในมหากาพย์การโกงข้อสอบของเธอ
เบื้องหลังก่อนมาเป็น “ฉลาดเกมส์โกง” ที่ทำเอาผู้ชมตื่นเต้นไปในทุกจังหวะนั้น เกิดจากโปรเจกต์ที่พี่เก้ง–จิระ ส่งต่อให้กับ ‘บาส–นัฐวุฒิ พูนพิริยะ’ (ผู้กำกับสุดหล่อ) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของเด็กกลุ่มหนึ่งที่ใช้ความต่างเวลาในการโกงข้อสอบระดับโลก (ไม่ใช่เด็กไทยนะ) จนเป็นเรื่องราวที่โด่งดังขึ้นมาช่วงหนึ่ง และเมื่อได้โจทย์มา พี่บาสก็เอามาปรับให้เข้ากับสภาพสังคมแบบไทยๆ จนออกมาเข้มข้นและรับประกันว่าใครดูก็ต้องชอบ
“ประเด็นใหญ่ๆ มันคือเรื่องการโกงในสังคมปัจจุบัน ประเด็นที่โขลกลงมาในหนังก็คือ มันพูดถึงเด็กวัยรุ่น ซึ่งสนามแห่งการโกงของเด็กวัยรุ่นมันไปไหนได้ไม่ไกลเท่าไหร่นอกจากโรงเรียน ก็เลยหยิบยกเรื่องการโกงข้อสอบมาเป็นประเด็นหลักของหนัง” บท
สัมภาษณ์ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับหนังเรื่อง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ จากนิตยสาร FILMAX ฉบับที่ 118 ประจำเดือน เมษายน 2560จากที่ได้ชมนั้นจะรู้ได้เลยว่าทุกฉากทุกตอน มันสะท้อนอะไรที่ไปไกลกว่าห้องสอบ จะว่าง่ายๆ ก็คือมันการพูดถึงทัศนคติของคน โกงมากกว่าการโกง เลยยิ่งน่ากลัวเพราะคนที่มีความคิดว่า ‘การโกงไม่ผิดหรอก’ วันหนึ่งเขาก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดแบบเดิม แล้วสังคมเราจะต้องมีคนที่มีชุดความคิดแบบนี้เยอะแค่ไหนกันเชียวล่ะ
รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)
ต้องยกเครดิตให้นักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ที่แสดงฝีมือออกมาได้ระดับโปรมากๆ ‘ออกแบบ’ นางเอกหน้าใหม่ของเรื่องมี character ที่น่าสนใจมาก แค่ทำหน้านิ่งๆ ก็รู้สึกว่ามีพลังงานความโหดบางอย่างถูกส่งออกมาสู่คนดูทำให้เราเชื่อไปเลยว่าคนคนนี้คือตัวละครอย่างที่หนังอยากให้เราคิดตาม นอกจากนี้นักแสดงอีกหลายๆ คนที่เราอาจเคยเห็นจากซีรีส์ฮอร์โมนส์มาบ้างแล้ว ในหนังเรื่องนี้ก็สามารถฉีกบทเก่าแล้วทำให้เราตื่นเต้นได้อีกครั้งเหมือนกำลังดูนักแสดงหน้าใหม่ทั้งเรื่อง อย่างเช่น ‘นน’ ที่ต้องรับบทเป็นเด็กเรียนดีผู้ซื่อสัตย์ ก็ดีไซน์บุคลิก ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
ออกมาได้โคตรจะเจ๋ง หรือจะเป็น ‘เจมส์’ ที่ถึงแม้จะเล่นเป็นคนเจ้าเล่ห์ๆ อย่างที่ได้รับบทมาตลอด แต่ในเรื่องนี้เจมส์ก็ทำได้ดีมากๆ และฉายเสน่ห์ออกมาสุดๆ 10/10 คะแนน เป็นหนัง GDH ที่ทำออกมาได้แมส มีจังหวะตลก และน่าตื่นเต้นครบสูตร.. แต่ว่า! มันเป็นหนัง GDH ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เคยมี เพราะถึงจะดูแมสแต่ทำออกมาเท่และแตกต่างมากๆ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าหนังไทยไม่จำเป็นต้อง เป็นหนังตลกจ๋าถึงจะสนุก นักแสดงทุกคนคุณภาพเต็มเปี่ยม น่าสนใจและมีลุ้นได้รางวัลกันเกือบทุกบทบาท บทเขียนออกมาได้มีชั้นเชิงมีการทำการบ้าน ค้นหาอุดทุกเรื่องจนลงตัว Perfect ! การถ่ายทำและตัดต่อทำออกมาได้น่าสนใจมาก ไม่มีจังหวะ
ให้ได้เบื่อเลย เป็นหนังที่ดูแปปเดียวจบเพราะตื่นเต้นปนลุ้นไปจนลืมเวลาแม้กระทั่งเพลงและดนตรีประกอบ เองก็ใส่มาได้แบบไม่ยัดเยียดคนดู เป็นความลงตัวมากๆ หนังแสดงเซ้นส์ความขี้เล่นและกวนๆ ของผู้จัดทำ แต่ออกมาแบบไม่ล้นจนกลายเป็นหนังตลก ถือว่าคุ้มค่าที่สุดในการดูหนังช่วงนี้ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง