รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด หากจะมีหนังไทย สักเรื่องที่เข้าไปอยู่ในใจคนดู โดยเฉพาะ คนไทย บอกเลยว่า หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” จากค่าย GDH อาจคว้าตำแหน่งนั้นได้ไม่ยาก อย่างแน่นอน เพราะเป็นหนังที่เหมาะ กับรสนิยมคนไทย อยู่หลายองค์ประกอบ เลยทีเดียว ทั้งพล็อตของเรื่อง ของความเป็นหนังปล้น
รีวิว อ้ายคนหล่อลวง
มุกตลกที่ใส่ไม่ยั้ง และ ความกุ๊กกิ๊กนิดหน่อย จนเขินตาม ฮ่าๆๆๆ เมื่อผสานกับเคมีของนักแสดงอย่าง ณเดชน์ และใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ยิ่งทำให้หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” กลายเป็นหนังที่กลมกล่อมและดูได้อย่างบันเทิงไม่น้อย
หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” เล่าเรื่องราวของอินา สาวอีสานพนักงานเล็กๆของบริษัทสินเชื่อ ที่ต้องการหลอกเงินคืนจากแฟนเก่าที่เด็กกว่า คือ เพชร (แบงค์ ธิติ) ผู้เอาไปทั้งหัวใจและเงินจำนวนกว่าห้าแสน ที่อินาต้องทำงานงกๆใช้หนี้อีกหลายปี โดยเธอร่วมมือกับทาวเวอร์ (ณเดชน์) นักต้มตุ๋นมืออาชีพ ในการวางแผนให้ ครูนงนุช (แหม่ม คัทลียา) แกล้งปลอมตัวเป็นเศรษฐินีไปล่อให้เพชรอยากจับมาปอกลอก โดยได้ความช่วยเหลือจาก โจร (เผือก พงศธร) นักตุ๋นรุ่นพี่ ที่มาปลอมเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งเพื่อให้แผนแนบเนียนมากขึ้น ในระหว่างดำเนินแผน ทาวเวอร์ และ อินา ก็ได้รู้สึกถึงสายใยบางอย่างที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป
รีวิว อ้ายคนหล่อลวง
หนัง อ้ายคนหล่อลวง : พล็อตตลกคอเมดี้ ยิงมุกไม่ยั้ง
ด้วยความที่หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” เป็นหนังโรแมนติก คอเมดี้ อารมณ์ดี เราคาดหวังจาก GDH ได้เลยว่าหนังจะออกมาเป็นโทนที่เบาสมอง ผ่อนคลาย และทำให้คนดูได้หัวเราะออกมาดัง ๆ หลายฉาก ไม่ว่าจะเป็นมุกเกี่ยวกับความเป็นนักต้มตุ๋นที่ดูเนี้ยบตลอดของพระเอก ที่เมื่อเจอเหตุการณ์ให้ต้องซิ่งรถเฟอร์รารีก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก หรือมุกที่เล่นกับคำพูด ท่าทางตัวละคร หากจะยกให้ใครเป็นดาวตลกประจำเรื่องคงต้องยกให้ตัวละคร โจร ของเผือก พงศธร กับฉากแกล้งคุยโทรศัพท์ในตำนาน  และอีกคนคือ แซมซั่น (เต๋อ ฉันทวิชช์) กับมุกเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งแม้จะดูเกินไปหน่อยในหลายฉาก แต่ก็กลายเป็นภาพจำหนึ่งของหนัง

รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

หนัง อ้ายคนหล่อลวง : โลกนี้ช่างโหดร้าย
ในหนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” อินา ตัวละครนางเอก จะต้องได้รับบททดสอบเกี่ยวกับการเชื่อใจคนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเธอถูกแฟนเก่าอย่างเพชรหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ เธอกลับเลือกที่จะเชื่อใจนักต้มตุ๋นอย่างทาวเวอร์  แต่อินาก็เป็นตัวละครที่โดนแล้วเข็ด เธอจึงสามารถซ้อนแผนของตัวเองได้อย่างแนบเนียน และทำให้จุดพลิกล็อคของหนังมีความน่าลุ้น น่าติดตาม ซึ่งหนังก็ทำมาได้อย่างลงตัวดีโดยคนดูไม่รู้สึกเอะใจ
ด้วยความที่เป็นหนังเกี่ยวกับการต้มตุ๋นหลอกลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด หนังก็ไม่ได้เห็นด้วยไปกับทุกสิ่งที่ตัวละครทำทั้งหมด ซึ่งคนดูก็สามารถคิดได้เองว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของหนัง แต่หากเป็นโลกแห่งความเป็นจริง คนดูย่อมจะต้องเข้าข้างเหยื่อมากกว่า หนังก็ได้ใส่ส่วนที่สอนในเรื่องนี้อยู่ในที และทำให้ชะตาชีวิตของทาวเวอร์ในตอนท้ายของหนังเปลี่ยนแปลงไป โดยที่เขาได้บางสิ่งเป็นการตอบแทนจากการเลือกเปลี่ยนชีวิตตนเองจากเส้นทางของนักต้มตุ๋น
หนัง อ้ายคนหล่อลวง : ซีนอารมณ์ดราม่านิด ๆ ให้ตนดูอินกับตัวละคร
หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” ได้ใส่ซีนอารมณ์ปะทะกันระหว่างตัวละครเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีนระหว่างอินา กับเพชร ซึ่งมีความหลังฝังใจกันมานาน หรืออินา กับ
ทาวเวอร์ ในเรื่องการเชื่อใจซึ่งกันและกัน  และทำให้คนดูอินไปกับชะตากรรมของอินา และเอาใจช่วยลุ้นไปกับเธอ ต้องยอมรับว่าใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งอยู่ในเกือบทุกฉากของหนัง สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้  เมื่อประกบคู่กับนักแสดงซูเปอร์สตาร์อย่างณเดชน์ ยิ่งทำให้ออร่าของทั้งสองพวยพุ่ง จนเด่นออกมาจากตัวละครอื่น ๆ ในหนัง

ความรู้สึกส่วนตัว

 

จะว่าไป “อ้ายคนหล่อลวง” เป็นหนังที่ผมทั้งคาดหวังและก็ไม่คาดหวังในคราวเดียวกัน (เอ๊ะ…ยังไง) …ที่ว่าคาดหวังเพราะหนังปะยี่ห้อ GDH ที่อย่างน้อยๆ เราคงคาดหวังถึงมาตรฐานทั้งงานสร้าง โปรดักชัน งานด้านบทได้อยู่ไม่น้อย บวกกับทีมนักแสดงที่ขนมาระดับท๊อปฟอร์ม ทั้งณเดชน์ ใบเฟิร์น พี่แหม่ม คัทลียา แบงค์ ธิติ และดีเจเผือก …แต่
ทันทีที่เห็นตัวอย่างหนัง ทำไมผมกลับรู้สึกเฉยๆ ดูแล้วไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่รู้สึกสนุกกับมุก หรือ แก๊ก ที่ตัดมาในตัวอย่าง โดยเฉพาะมุกตลกสังขารในตอนท้ายที่มีเต๋อ ฉันทวิชช์มารับเชิญ …ทั้งๆ ที่การตัดตัวอย่าง ก็ตัดมาได้ดีนะตามมาตรฐานของค่าย …ความคาดหวังที่อยากดูมากเลยกลายเป็นความไม่คาดหวังทันที
แม้จะรู้สึกเฉยๆ มากกับตัวอย่างหนังที่เห็น แต่เนื้อหนังจริงกลับดูสนุกในระดับมาตรฐานของ GDH โดยเฉพาะส่วนของแผนการหลอกลวงต่างๆ ที่มีทั้งลูกล่อ ลูกชน มี twist หักมุม ตลบหลัง อันนี้ต้องยกเครดิตให้ทีมเขียนบทที่ยังคงทำหนังโจรกรรมแบบไทยๆ ที่ค่อนข้างแข็งแรง ดูสนุกอยู่ แม้จะมีกลิ่นไอและอดคิดถึงหนังตระกูล Ocean อยู่บ้างไม่น้อย
…แต่ “อ้ายคนหล่อลวง” ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ถ้าได้ใส่ใจกับบท คิดให้เยอะๆ  เราก็จะได้หนังโจรกรรมชั้นดีได้ไม่ยาก บวกกับการได้ทีมนักแสดงที่แข็งแรง เล่นได้เข้าขากัน เลยทำให้หนังเรื่องนี้เอาตัวรอดได้อย่างสบายๆ ตามมาตรฐานของค่าย
ในแง่ของความเป็นหนังโจรกรรม ต้มตุ๋น ผมยอมรับนะว่า “อ้ายคนหล่อลวง” ตอบโจทย์ได้ดีในจุดนี้ แต่ในแง่ของความเป็นหนังโรแมนติก คอมเมดี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นหน้าหนังหลักของหนัง ผมกลับรู้สึกว่าหนังพาผมไปไม่ถึงในจุดนั้น …ซึ่งเป็นปัญหาที่ผมพบในหนังของผู้กำกับเมษ ธราธรแทบทุกเรื่อง ทั้ง ATM เออรัก เออเร่อ ที่พาร์ทตลก พาร์ทตามสืบคนขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็มกลับทำงานได้ดีกว่าพาร์ทโรแมนติกของพระเอก นางเอก หรือ ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู แม้ว่าพาร์ทโรแมนติกจะดูดีขึ้น แต่ความเป็นหนังตลกยังกลบ
อยู่ดี …หรือในงานอย่าง “อ้ายคนหล่อลวง” ยอมรับว่าผู้กำกับเมษ ได้พัฒนางานได้กลมกล่อมกว่างานเรื่องก่อนที่กำกับเดี่ยว (ยกเว้น บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ งานกำกับเรื่องแรกของผู้กำกับ ที่ทำคู่กับบอล วิทยา) โดยเฉพาะจังหวะการของลูกล่อ ลูกชนตามแบบหนังจารกรรมชั้นดี ผสานมุกตลกที่ยิงเข้าเป้าบ้าง ไม่เข้าเป้าบ้าง แต่โดยรวมๆ กลับดูเพลิดเพลิน และหัวเราะดังๆ ไปกับตัวหนังได้ในหลายๆ มุก (แต่มุกที่ไม่ชอบที่สุดยังคงเป็นทุกมุกที่เล่นกับสรีระ สังขาร ที่มีเต๋อ ฉันทวิชช์ รับเชิญ ไม่ใช่ว่าเต๋อเล่นไม่ดีนะ แต่ผมกลับไม่ตลกเลยสักมุกที่เล่นกับน้ำลายในหนัง)
หนังเดินเรื่องมาอย่างสนุก (สำหรับผม) แต่กลับพาไปไม่ถึงในมุมโรแมนติกในช่วงท้าย ที่เหมือนกับว่าจำเป็นต้องใส่มาเพื่อให้เห็นว่าพระเอก นางเอก ต้องรักกันนะ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดทั้งมวลของหนัง มันไม่มีตรงไหนเลยที่ปูเรื่องราวความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนซ์ของคู่พระ นาง ว่าทั้งคู่ตกหลุมรักกันเลย อารมณ์ตรงนี้เลยพาไปไม่ถึง (สำหรับผม) ซึ่งดูเหมือนพาร์ทโรแมนติกกลับเป็นจุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ (รวมถึงเรื่องก่อนๆ ของผู้กำกับไปด้วย) …ไม่ใช่ว่าพระ นาง ทั้งณเดชน์ และ ใบเฟิร์น เล่นไม่ดี ตรงกันข้าม ทั้งคู่เล่นดีมาก ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่มีเคมีที่ดีต่อกัน ตรงกันข้าม เคมีทั้งคู่ดีมาก แต่จะด้วยบท หรือการกำกับ ที่ดันดึงเคมีความโรแมนติกของพระ นางออกมาได้ไม่ถึง มันเลยฉุดความรู้สึกทั้งหมดที่มีในหนัง แทนที่หนังจะดูดี กลมกล่อมกว่านี้ กลับมาสะดุดในจุดที่ควรจะเป็นจุดขายสำคัญของหนัง….นี่เสียดายมากๆ นะ หนังควรได้คะแนนเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ
“อ้ายคนหล่อลวง” ยังคงเป็นงานมาตรฐานที่ดีของ GDH อย่างน้อยมันก็ตอบโจทย์ความดูสนุก แม้ในพาร์ทโรแมนติกจะแห้งแล้ง จืดชืด และไปไม่ถึงฝั่งฝัน (ถ้าพาร์ทนี้ดีนะจะลงตัวกว่านี้เยอะเลย) …แต่วัดจากเสียงหัวเราะของผู้ชมในโรง เชื่อเลยว่าหนังคงได้ใจคนดูหลายๆ คนไปแล้ว ทันทีที่ดูหนังจบ ผมพูดกับตัวเอง “หนังได้เงินแน่ๆ” เชื่อสิ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *