รีวิว 4Kings อาชีวะยุค 90

รีวิว 4Kings อาชีวะยุค 90

รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด หนังเรื่องแรกจากค่าย เนรมิตรหนังฟิล์ม บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเปิดเรื่องมาด้วยฉาก  บิลลี่ (จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) กำฃังขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกัน ลูกสาวโมโหจึงเดินลงจากรถไป และไปโดนลูกหลงของพวกเด็กช่างที่ตีกัน จากนั้นเรื่องราวก็จะเล่าย้อนกับไปในอดีต สมัยที่ บิลลี่ยังเป็น

 

วัยรุ่นเรียนอาชีวะที่สถาบันช่างกลอินทร เขามีเพื่อนสนิทอีก 2 คนได้แก่ ดา (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) และ รูแปง (ภูมิ รังษีธนานนท์) พวกเขาทั้ง 3 สนิทกันมาก ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากร่วมเป็นร่วมตายในการประจันหน้ากับสถาบันคู่อริมานักต่อนักซึ่งพวกเขามีคู่อริอยู่อีก 3 สถาบัน  ได้แก่ เทคโนประชาชล, กนกอาชีวะ และ ช่างกลบุรณพนธ์ ซึ่งแต่ละสถาบันก็มีแต่ตัวแสบๆทั้งนั้น โดยเรื่องราวจะเล่าถึงวีรกรรมและเหตุการณ์ต่างๆที่เหล่าวัยรุ่นเลือดร้อนพวกนี้ต้องเจอ และถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่

 

รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

 

ไม่มีวันลืม บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ทุกคนควรไปรับชมด้วยตาตัวเอง 4KINGS อาชีวะ ยุค 90 รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix พึ่งเช้า Netflix ได้มาไม่กี่วัน อย่างแรกเลยที่เห็นตั้งแต่หนังเริ่มยันจบ และรู้สึกประทับใจ ก็คืองานภาพ เพราะงานภาพเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก อาจจะไม่ถึงกับที่สุดแต่ถือว่าดี พอทัดเทียมกับหนังต่างชาติได้ สามารถถ่ายประเทศไทยออกมาได้ดูมีคลาส มีการคุมโทน รวมถึงคอสตูม

 

ในเรื่อง ก็ออกแบบได้ดี กลืนไปกับงานภาพอย่างสวยงาม ซึ่งจากที่ดูตัวอย่างก็คาดหวังไว้แล้วว่างานภาพน่าจะดี และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าเทียบจากหนังไทยที่ดูมาในปีนี้ งานภาพเรื่องนี้ถือเป็นอันดับต้นๆของปีเลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่นี้ ตัดมาที่ตัวการเล่าเรื่อง บทต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้มาตรฐาน ไม่แย่ และก็ไม่ถึงกับดีขนาดนั้น เพราะมันมีตรรกะของเด็กช่างในเรื่องบางอย่างที่มันแปลกๆ และไม่มีคำตอบ คือหนังพยายามจะให้เราคิดตลอดว่า ตีกันทำไม? แต่ดูจนจบก็ไม่ได้คำตอบ แต่พอไป

 

รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

 

ฟังจากผู้กำกับให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่า มันเป็นเพราะวัยคึกคะนอง ไม่มีหัวคิด มันไม่มีเหตุผลอะไร มันเป็นแค่การกระทำที่ยั้งคิด และสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่ทำให้เด็กช่างในยุคนั้น คิดแบบนั้น ทำแบบนั้น ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพราะคนปกติทั่วไป พอโตขึ้นก็คงนึกย้อนถึงสิ่งที่เราเคยทำตอนเด็ก และคิดว่า ทำไปทำไม เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนแรกก่อนดูจบผมมองว่าบทไม่ได้หวือหวาอะไรมาก และก็คิดอยู่แล้วว่าหนังต้องมาแนวสอนให้ข้อคิด แต่มาชอบตรงบทสรุป เนี่ยแหละ ผมโรคจิตแหละมั้ง ไม่ชอบดูหนัง

 

ที่จบแบบแฮปปี้ เพราะมองว่าชีวิตจริง มันไม่ได้แฮปปี้แบบนั้นไปซะทั้งหมด เลยชอบดูหนังที่จบแบบคนดูเซ็ง แต่สมเหตุสมผลมากกว่า เรื่องนี้ถือว่าจบบทสรุปได้ดีทีเดียวต่อมาพูดถึงการแสดงในเรื่อง ซึ่งจากตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้ใช้นักแสดงค่อนข้างแปลกใหม่ ไม่ใช่ดาราที่เราคุ้นหน้ากันซักเท่าไหร่ แถมยังมีนักร้องอย่าง จ๋าย ไททศมิตร และ บิ๊ก D Gerrard และก็นักแสดงหน้าใหม่ๆไฟแรง อย่าง ณัฐ, ทู และ ภูมิ

 

รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

 

แต่ขอบอกเลยว่า แคสมาดีมาก นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี ดีเลยแหละ การแสดงไม่โดด ทัดเทียมกันหมด ยกตัวอย่างการแสดงโดดๆก็ หนังไทยบางเรื่อง ที่อยู่ในซีนเดียวกัน คนนึงแสดงแบบละคร คือพูดจาที่คนธรรมดาไม่พูด แต่อีกคนแสดงแบบภาพยนตร์ ซีนนั้นมันจะขัดตาและดูแปลกๆไปทันที แต่เรื่องนี้นักแสดง แสดงไปในทางเดียวกันหมด แต่สิ่งที่เซอร์ไพรมากสำหรับผม คือไอสองนักร้องที่มาเล่นเรื่องนี้ แสดงดีอย่างกะดาราตัวจริง ทั้งจ๋าย และบิ๊ก ซึ่งตัวละครของจ๋าย เป็นตัวที่เด่น ๆ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

เรื่องย่อ รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

เลยแหละ คือเป็นเพื่อนตัวละครหลัก เห็นแกทั้งเรื่อง แกเลยได้โชว์สกิลการแสดง เห็นว่าแกเรียนการแสดงมา ถือว่าแกเล่นบทที่ได้รับได้ดีมาก โดยส่วนตัวผมว่าเล่นได้สมบูรณ์กว่า เป้ อารักษ์อีก เพราะยังมีบางซีนที่เป้ แสดงแล้วรู้สึกขัดๆ แปลกๆ

แต่จ๋ายนี่แสดงเป็นธรรมชาติมาก อีกคนที่เกินคาดเลย คือ บิ๊ก D Gerrrad มาเรื่องนี้เล่นเป็นเด็กบ้าน ที่ไม่เรียนหนังสือ แสดงบ้าได้ใจจริงๆ ถึงบางคนอาจจะดูว่าเล่นใหญ่ไปรึเปล่า แต่ผมมองว่ามันเหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวละครแล้ว มันเป็นคนบ้าๆเพี้ยนๆ มันก็

 

ต้องแบบนี้แหละ ถึงจะไม่ได้มีบทเยอะ แต่ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเรื่องเลย นอกจากสองคนนี้ คนอื่นๆก็เล่นได้ดี พี่โจ๊กที่เรื่องนี้รับบทเป็น มด ประชาชล แกก็แสดงได้สมบทบาทดี เท่เหมือนเดิม แม้กระทั่งพี่แหลม 25Hour ก็ยังเล่นออกมาได้ดีเลย แถมมีเซอร์ไพรตอนเอ็นเครดิต (ไปดูกันเอาเอง)

 

 

มาถึงซีนที่ชอบ ก็คงจะเป็นซีนตอนที่ บิลลี่ อินทร(จ๋าย),โอ๋ ประชาชล(ณัฐ) ,เอก BU(ทู) โดนจับไปอยู่บ้านเมตตา (น่าจะสถานพินิตแหละมั้ง) ช่วงที่ 3 คนนี้โดนจับนี่ชอบมาก ทำให้เห็นได้ว่า สุดท้ายแล้วพวกนี้มันก็แค่เด็กวัยรุ่น ตีกันตามเพื่อนตามพี่บอก

 

 

ไม่ได้มีอะไรเลย พอมันจนตรอกโดนจับมาอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้ คนที่ไปดูแล้วเป็นวัยรุ่นกำลังคึกคะนองก็คิดกันเองละกัน ว่ามันโคตรไม่มีเหตุผล ถึงต่อให้มีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การใช้กำลังมันไม่ใช่ทางออก ทุกปัญหาบทโลกนี้

แก้ได้ด้วยสมอง และสติ จำไว้แค่นี้พอครับ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังไทยที่เราไม่ค่อยได้เห็นแนวนี้มานานแล้ว ฟิลเหมือนไทยสมัยรุ่งเรื่อง ยุค90 ยุค2000 กล้าเล่นกล้าทำ ซึ่งชอบมาก เพราะปกติแล้ววงการภาพยนตร์ควรมีความหลากหลาย ถ้าอยากจะทำเงิน หนังฟรี  หนังใหม่

รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90

กับมันจริงๆ (หมายถึงขายต่างชาติได้) ต้องเปิดกว้างให้คนทำงานได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างตรงไปตรงมา ลองผิดลองถูก จะได้เกิดการพัฒนา และเกิดการแข่งขัน จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณภาพมันจะดีขึ้นเองถ้าหากเกิดการแข่งขันกัน

ไม่ใช่ทำเพื่อให้บางคนสบายใจ ซึ่งจากเรื่องนี้ เป็นผลงานแรกของผู้กำกับคนนี้ ถือว่าเป็นงานแรกที่ทำออกมาได้ดีเลย และเป็นหนังเรื่องแรกของสตูดิโอ เนรมิตรหนังฟิล์ม ด้วย ที่กล้าที่จะลงทุนกับผู้กำกับหน้าใหม่ และแนวหนังที่ขายคนไทยยาก

แบบนี้

 

 

จริงแล้วชื่อ 4Kings ก็บอกในตัวอยู่แล้วว่ามี 4 สถาบันที่เป็นคู่แค้นกัน แต่เรื่องราวจะเล่าผ่านสายตาฝั่ง อินทรอาชีวะ เป็นหลัก โดยเจาะไปที่คู่ปรับตัวฉกาจอย่าง เทคโนโลยีประชาชล (ซึ่งเพี้ยนชื่อมาจากของจริงคือ เทคโนโลยีประชาชื่น) ที่มีตัวละครนำอย่าง มด ชล หัวโจกของกลุ่ม รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ

 

และ โอ๋ ชล ที่เป็นเหมือนมือขวารับบทโดย นัท ณัฏฐ์ กิจจริต และจะยังมีอีก 2 สถาบันสุดแสบอย่าง กนกอาชีวะ และช่างกลบุรณพนธ์ เป็นตัวสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ โดยเล่าผ่านตัวนำอย่าง บ่าง กนก ที่รับบทโดย แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์

หรือ แหลม 25Hours และ เอก บู รับบทโดย ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ ซึ่ง

 

 

หนังฉลาดในการค่อย ๆ พาจากกลุ่มอินทรไปรู้จักกลุ่มอื่น ผ่านตัวละครของบิลลี่ที่มีเหตุให้ต้องเข้าไปร่วมหัวจมท้ายกับ โอ๋ ชล และ เอก บู ในช่วงเวลาหนึ่ง และนี่คือสิ่งสำคัญมาก ใครที่กำลังตัดสินใจไปดู ต้องเข้าใจก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่

หนังแอ็กชันแบบเด็กเกเรตีกันแบบพวกหนังเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่วัยรุ่นกำลังนิยม

 

แต่มันคือหนังดราม่าหนังชีวิตที่เข้มข้นมาก ๆ และความรุนแรงด้านภาพก็ไม่ได้เป็น ส่วนสำคัญเลย เพราะความรุนแรงต่ออารมณ์และความรู้สึกผู้ชมนั้นมันสาหัสสากรรจ์กว่ามาก ๆ ต่อให้เป็นผู้ชายแมน ๆ ยังไง คุณก็มีโอกาสโดนสักฉากในหนังที่

ทำเอาน้ำตาร่วงได้แน่นอน นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วจะอยากบอกต่อใครสักคนเลยว่า ของมันดีจริง ๆ

ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *