Category Archives: หนังไทยnetflix

เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ หนังอาร์ต Netflix ได้พี่หม่ำมาร่วมแจมด้วย

เมอเด้อเหรอ ภาพปก

รีวิวหนัง เมอเด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ หนังไทยแนวสืบสวน

เมอร์เด้อเหรอ ฉากเลิฟซีน

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นสมาชิกของแอพสตรีมมิ่งอับดับหนึ่ง Netflix ก็คงจะได้สัมผัสประสบการณ์การดูหนังไทยเรื่องใหม่ที่มีชื่อเรื่องว่า The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ   

อ่านรีวิวจบแล้วเชิญทุกท่านรับชม เมอร์เด้อเหรอ หนังไทยNETFLIX แบบเต็มเรื่องได้ที่ doonungvip.com

ซึ่งทุกๆ คน อาจจะกังวลว่ามันเป็นภาพยนตร์อาชญากรรมอย่างแท้จริงหรือไม่  และบางคนก็อาจยังไม่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ หรือยังไม่มั่นใจว่าควรดูหรือไม่ ในวันนี้เราจะมาเสนอรีวิวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้คุณฟังกันค่ะ 

The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ จาก Netflix เป็นหนังไทยที่มีความจริง และความเข้มข้นในตัวเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นผู้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์สักเท่าไหร่

ตัวเขาเองจึงตัดสินใจทำลงสตรีมมิ่ง ด้วยการเขียนบทหนังอย่างเรื่อง DEEP แต่ผลงานเรื่องนี้ออกมาแย่มาก 

จากนั้นเขาได้ทำ The Whole Truth ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อย ต่อมาเขาตัดสินใจทำหนังแนวตลกไทย 

และคิดว่าอาจจะดีกว่าถ้าทำหนังลงโรงภาพยนตร์เพื่อเก็บเงินค่าตั๋ว แต่เขากลับพบว่ายากกว่าที่จะได้ผ่านนายทุนได้ เพราะไอเดียคอนเซ็ปต์หลายๆ อย่างที่มีความแปลกเกินไปจริงๆ

โดยเนื้อหาเรื่องนี้ มีความน่าดู เหมือนตัวอย่างในวีดีโออย่างแรกตั้งแต่ต้น ด้วยไอเดียที่สร้างความสนุกสนาน และน่าสนใจในแบบ ของแนวคาแรคเตอร์อีสานไทย

ซึ่งไม่เคยมีภาพยนตร์ ที่ไหนปรากฏมาก่อน ใครก็ตามที่ดูในช่วงแรกย่อมต้องมีความสนุกขี้นอย่างแทบจะทุกคน ที่เรื่องหยิบเรื่องเหล่านี้มารับชม

สิ่งเหล่านี้เช่น รอยสักไทย หรือมวยไทยตามแบบผู้ที่ชื่นชอบมวยไทย อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความเป็ยไทย เรื่องเงินหรือทองเท่าไหร่ก็ตามว่า งานฝีมือดีจนเป็นที่สุด

และคนไทยที่ดู ก็ต้องรู้ทั้งหมดเพราะไอเดียเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นตลอดเวลา แต่หนังเรื่องนี้ใช้ไอเดียเหล่านั้น ทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าประทับใจ และตื่นเต้นกับสิ่งที่เป็นที่จับตามองดูได้อย่างชัดเจน

เรื่องย่อ เมอเด้อเหรอ

เมอร์เด้อเหรอ เรื่องย่อ หนังเริ่มต้นด้วยการฆาตกรรม 7 ศพในคืนเดียว ที่เกิดขึ้นในฉากเดียวกัน 

แต่วิธีการเล่าเรื่องใช้การสืบสวนของสารวัตร หม่ำ จ๊กมก ซึ่งมีอคติเสี่ยงเข่าฝรั่งแต่งงานกับคนอีสานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

วิธีการเล่าเรื่องนี้ทำให้เรื่องมีความเร็ว และน่าติดตามมากโดยใช้ขั้นตอนในการสืบสวนพยานแต่ละคน หลักฐาน และเอกสารพัดที่พบมาเป็นตัวฉาก 

และไม่เล่าเรื่องตามลำดับ ย้อนกลับไปกลับมาในการสอบสวน โดยทุกคนจะมีซีนที่เป็นของตัวเอง

เมอร์เด้อเหรอ นักแสดง สุนารี

บางครั้งอาจตัดฉาก ที่เล่าเรื่องให้เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์สมมุติ แต่สุดท้ายผู้ชมจะต้องประเมินหาว่าสิ่งใดเป็นเรื่องจริงว่าจะเชื่อหรือไม่

ซึ่งนี่คือแนวทางในการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ของหนังไทยมันไม่ใหม่สำหรับคนที่ชอบดูหนังสืบสวนแฟนตาซีแปลกๆแบบนี้ 

แต่ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะใช้รูปแบบนี้ซ้ำ แต่เนื่องจากเป็นหนังไทยที่พูดอีสานเป็นหลัก ฝรั่งเป็นรอง และภาษากลางก็มีบ้าง พร้อมกับเหตุการณ์วุ่นวายแบบอีสานบ้านนา บวกฆาตกรรม 7 ศพ ทำให้เรื่องราวที่เล่ามาดูน่าติดตามมากยิ่งขึ้น

การดำเนินเรื่อง เมอร์เด้อเหรอ

และในหนังเรื่องนี้ ก็มีความสนุกสนใจตั้งแต่ต้นเรื่องด้วยไอเดียตลกในอีสานไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะมีหนังไทยตลกพื้นบ้านฉายออกมาก่อนแล้ว

เมื่อดูช่วงแรกนั้นทำให้เราหัวเราะไปทุกครั้งที่มีสิ่งตลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏขึ้น อย่างเช่น สักลายมวยไทยติด และชอบมวยไทย 

การสักตัวของคนไทยต่ออาหาร ที่อร่อยและคล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่คำพูดและพฤติกรรมของฝรั่งเกี่ยวกับเรื่องเงินและทอง ฉะนั้นคนที่ได้ดูเรื่องนี้จะต้องรู้สึกความสนุกตามมุกทุกตัวที่มีในเรื่องเนื่องจาก ไอเดียด้านบนเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วไป แต่ในกรณีนี้นำมาใช้เพื่อเล่าเรื่องให้น่าสะดุดตามได้อย่างเต็มที่

โดยที่หนังเรื่องนี้เล่าถึงการวางพล็อตเรื่อง เป็นเหตุที่ทำให้ ผกก.วิศิษฏ์ ตัดสินใจนำเสนอด้านภาพที่เขาถนัด

เมอร์เด้อเหรอ หม่ำ จ๊กม๊ก นักแสดงนำชาย

ในหนังมีการเล่นสีสันสไตล์จัดจ้าน โดยใช้สีขั้วเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม โดยผลงานนี้มีความดำเนินเนื้อเรื่องคล้ายกับหนังเรื่อง ฟ้าทะลายโจร

แต่ดูโบราณมากกว่าหนังเรื่อง “หมานคร” แน่นอนว่าผลงานเหล่านี้เป็นผลงานชั้นนำระดับโลกของผู้กำกับ วิศิษฏ์ทั้งหมด 

และเมื่อมีนักแสดงหน้าตลกยอดเยี่ยมของไทยอย่าง พี่หม่ำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ร่วมงานเข้ามา 

ก็ทำให้เกิดความสัมพันธ์กับผลงานการกำกับของหม่ำที่มีสีสันอีสานโดดเด่นเช่น “แหยม ยโสธร” 

โดยผู้ชมจะรับรู้ได้ว่าหนังนี้ต้องมีความขบขัน แต่เมื่อรับชมแล้วจะพบว่าหนังยังคงเล่าเรื่องอย่างจริงจังในครึ่งแรก ทำให้ผู้ชมอยากรู้คำตอบว่าเนื้อเรื่องจะไปในทิศทางไหน 

ดังนั้นเมื่อเรื่องมีความซับซ้อน ผกก.วิศิษฏ์ จึงพยายามใช้การเรียบเรียงที่ไม่ทำให้สับสนมากเกินไป หมายความว่า 

ตัวเรื่องอาจจะมีการเล่าเนื้อหาโดยการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์และผลัดกัน แต่เนื้อหาจะยังคงเดินไปตามลำดับของเหตุการณ์

จนกระทั่งมีการทวนเหตุการณ์อีกครั้งในส่วนสุดท้ายของเรื่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องที่กล่าวถึงถือเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนที่น่าสนใจ แต่ไม่ยากเกินไป โดยยังสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม เมอร์เด้อเหรอ

ส่วนตัวเราที่ได้รับชมหนังเรื่องนี้แล้วนั้น คิดว่าภาพรวมของเหล่าดาราในเรื่องนี้เล่นได้ดีกว่าทุกเรื่องที่ดูมาใน Netflix

โดยเฉพาะเรื่องของ เจมส์ ลีฟเวอร์ ที่ไม่มีความจำ แต่เครดิตบอกว่าเขาเคยเล่นใน Netflix และเล่นในหลายเรื่องของโลก ในเรื่องนี้เขากลายเป็นเขยอีสานที่อยากช่วยเพื่อนแฟนและพ่อแม่ แต่เขาไม่รวยและมีความคิดอคติตลอดเรื่อง 

ในบทของเขา ที่แสดงเป็นตำรวจที่อคติได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ชมจะได้เกิดความสนุกกับรอยแผลที่อยู่ตรงปากทุกครั้งที่หนังฉาย

เมอร์เด้อเหรอ หม่ำ ฉากสอบสวน

แต่บทของเขาไม่ชัดเจนมากนัก (เพราะว่าเรื่องราวมีลักษณะคนย้อนอดีตหลายตัวละคร) แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือนางเอกที่แสดงโดยอิษยา ฮอสุวรรณ (เกรซจากหนังฉลาด เกม โกง) ที่สวยน่ารักทุกฉาก 

และบทที่เล่นเข้ากับรูปร่างและหน้าตาของเธอ ซึ่งเธอคือตัวดึงให้ผู้ชมติดตามเรื่องที่ดีกว่าเขยอีสานตัวเอกซึ่งเป็นคนร่างกายเธออย่างเดียว

จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง

ก่อนอื่นผู้เราต้องขอชื่นชมทีมแคสนักแสดงของภาพยนตร์ ที่สามารถแสดงบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยมเลยค่ะ 

โดยเฉพาะนักแสดงหลักที่ เล่นเป็นตัวละครเด็กที่สดใสออกมาได้ดีมากๆ โดยมีการเล่นบทที่น้องต้องเล่นคู่กับนักแสดงหลักที่เรียกว่าพี่หม่ำซึ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆ 

เพราะยิ่งพี่หม่ำสอบสวนน้องแสดง นั้นเราจะรู้สึกว่าทั้งคู่มีความลึกซึ้งอยู่ในใจ งานแสดงของทั้งคู่เป็นอย่างดีที่ไม่ค่อยพบในภาพยนตร์ไทยบ่อย ๆ

จุดเด่นภาพยนตร์ เมอร์เด้อเหรอ น่าสนใจมากๆ เพราะเรื่องราวของหนังดึงดูดใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมความทุกอย่างให้จบแบบที่ไม่มีคำถามค้างอยู่ ซึ่งเป็นลายเซ็นของผู้กำกับอยู่แล้ว 

และสำคัญที่สุดคือความเรียบง่าย ในการเรียบเรียงและเล่าเรื่องของหนังนี้ที่ถูกคิดโดยดีแล้ว ซึ่งหลังจากดูเราจะไม่เจองานระดับนี้ในภาพยนตร์ไทยเท่าไหร่นัก

เมอร์เด้อเหรอ ฉากตลก หนังไทย

หากพูดถึงความละเอียด ของทีมผู้สร้างหนังที่ดีมาก ๆ ตั้งแต่คอสตูม ชุดของจูน และการเสียดสีเกี่ยวกับเมียฝรั่ง ผู้หญิงที่ทำงานที่บาร์ เราคิกว่าหนังเรื่องนี้ไม่พูดถึง มากจนเกินไปค่ะ

ส่วนทางด้าน จุดด้อยเกี่ยวกับหนัง ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องตลกแต่ที่สิ้นสุดเป็นเรื่องสืบสวนฆาตกรรม มีประเด็นที่ทำให้ผู้ชมสงสัยว่าฆาตกรคือใครและศพตายได้อย่างไร ส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญมากในการสื่อสารหนัง

แต่กลับไม่มีการเฉลยที่น่าตื่นเต้นตามมา การเล่าเรื่องยาวและเปิดเผยทั้งหมดฉบับเต็ม ทำให้ผู้ชมประทับใจอย่างมาก 

ซึ่งเป็นคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน ซึ่งภาพรวมของหนัง มีคนหลายคนที่ไม่ชอบการพลิกสุดขั้วแบบนี้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังทำให้เรื่องดู ไม่สมเหตุผลมากขึ้น เหมือนหนังอินเดียที่พลิกตอนจบโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนทั้งหมด

รีวิวหนัง The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ภาพยนตร์เว้าอีสานเรื่องแรกจาก Netflix

สำหรับหนังเรื่องนี้ น่าจะถูกชื่นชมเพราะได้กระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม ให้สนุกสนานอย่างมากภายในแนวหนัง นอกจากนี้ยังมีการเล่นแบบดราม่าที่น่าเชื่อถือจากนักแสดงอุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ ในบทของทราย พยานที่เป็นเมียฝรั่ง เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา 

ในบทของพยานคนที่ 2 เป็นแม่ของทรายที่มาแบบไม่เด่นมาก แต่สามารถประคองทุกคนให้เข้าร่องได้อย่างดี และชนันทิชา ชัยภา ในบทของจูน ตัวหลักในเรื่องราว

พยานเด็กคนสุดท้ายที่เล่นหน้าเล่นตาได้น่ารักน่าชัง นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสายละครเวทีเช่นเจมส์ เลเวอร์ ในบทของเอิร์ล เป็นเขยฝรั่งสามีของทรายและผู้ต้องสงสัยหลักที่ทำให้เรารู้สึกสับสนว่าเขาน่าสงสารหรือน่ากลัวกันแน่

เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกร

หนังเรื่องนี้ใช้ตัวละครหม่ำ เป็นตัวแทนในการค้นหาความจริงแทนผู้ชม ผู้ชมรู้สึกงุนงงและได้เข้าใจอารมณ์ของหม่ำได้ง่าย 

เพราะมีการเข้าถึงง่ายและความสนใจคุ้นเคยกับตัวละครหม่ำ เราสามารถเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้ใช้กลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นผู้ชมในหลายวิธี

จุดที่สามารถพูดคำวิจารณ์เกี่ยวกับหนังได้ที่ไม่ใช่เรื่องหลักของเรื่องราวที่มุก นอกจากนี้ยังมีคำวิจารณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพในกราฟฟิกแสดงอารมณ์ของภาพ เช่น 

การเล่นสีที่ไม่เนียนตาในบางฉาก ชาววิจารณ์ยากที่จะกล่าวว่ามันเป็นความจงใจที่จะทำให้ดูดิบเหมือนหนังโบราณหรือไม่ แต่ถ้าทำให้เนียบเป็นไปตามสมัยก็น่าจะดี

สรุปโดยรวม

โดยสรุปแล้วหนัง ฆาตกรรมอิหยังวะ  ก็คือหนังไทยที่สร้างโดยผู้กำกับให้ฉายกับ Original Netflix คือคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นหนังที่ดีกว่าเรื่องก่อนอย่างมาก 

แต่ยังมีปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับเรื่องบทที่แปลกๆ ซึ่งไม่ลงตัวจนทำให้ไม่สามารถพูดถึงว่าเป็นหนังที่ดีได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีความสนุกในการเล่าเรื่องที่มีความแปลกๆ

เมอเด้อเหรอ หม่ำ จ๊กม๊ก ตำรวจสอบสวนคดี

และไอเดียจิกกัดของ คนอีสานที่ยังค่อนข้างจะต้อง ยิ้มได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นขอแนะนำให้คนดูได้ แต่ก็อย่าคาดหวังมากเกินไปก็พอค่ะ เพราะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ หนังสไตล์แบบนี้

ทีมงานกระซิบมาว่า เห็นหนังสีสดๆแบบนี้แล้วกลับทำให้นึกถึง หนังผีโมโนโทน The Medium ร่างทรง ถึงแม้สีสันของฟิล์มหนังจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความน่ากลัวระดับ 10 กระโหลก ยังทำให้ใครหลายคนบอกว่า จนถึงวันนี้ยังไม่กล้าเข้านอนคนเดียว

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

วันนี้จะมาแนะนำ รีวิวหนังไทยnetflix เรื่อง บอดี้ ศพ#19 หนังไทยแนว ระทึกขวัญ หนังผี สยองขวัญ จิตวิทยา หักมุม  ของค่าย GTH โดยผู้กำกับ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่เขียนบทของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุลเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ และ ปวีณ ภูริจิตปัญญา  รีวิว บอดี้ ศพ19  เป็น เว็บดูหนังเถื่อน ที่ยังไม่ค่อยมีค่ายไหนที่ใจกล้าสร้างหนังแนวนี้ หนังอาจจะไม่ได้รู้จักในวงกว้างสำหรับคนไทย แต่สำหรับหลายคนที่ชอบหนังแนวที่เป็น mystery psychology หรือเรื่องราวแนวระทึกขวัญ หักมุมที่เรามักจะได้เห็นในหนังต่างประเทศ อยากให้ลองเปิดใจให้กับบอดี้ ศพ19 รับรองว่ากระพริบตาไม่ได้แม้แต่ฉากเดียว

รีวิว บอดี้ ศพ19 เรื่องนี้ แบ่งออกเป็นสองมุมดีกว่า ได้แก่

มุมของชลสิทธิ์

   ชลสิทธิ์ (เป้ อารักษ์) อยู่สองคนพี่ที่ชื่อเอ๋ พี่ก็ดูจะเป็นห่วงเน้องชาย อย่าง ชลสิทธิ์ที่ ชอบฝันเห็นการฆ่าอยู่เสมอ ชลสิทธิ์ไปสืบจนรู้ว่า ผีที่ตัวเองเห็นชื่อ ดาราราย แล้วต้องการขอความช่วยเหลือ ชลสิทธิ์ได้ไปผ่ากุ้ง แล้วมีดบาด เลยไปหาหมอจิ๊บ หมอจิ๊บบอกให้ชลสิทธิ์ไปหาหมออุษา แต่หมออุษาก็ไม่บอกอะไร นอกจากให้กลับไปก่อน ชลสิทธิ์เห็นว่า ผีดารารายไปฆ่าคนถึงสองคน

และสาเหตุของคนที่ตายเป็นคนที่ 1 ได้โดนลวดหนาดแทงและมีสัตว์สต๊าฟพุ่งออกมาเต็มไปหมด ส่วนอีกคนตายในทะเลเลือดที่เต็มไปด้วยกรด ชลสิทธิ์ตามหาพี่สาวไม่เจอ เลยมาตามดูในกระเป๋าที่ตัวเองเอามาแต่แรก แล้วพบว่า ฆาตรกรคือ หมอสุธีและหมอเป็นคนจับพี่สาวไป ในระหว่างฝันนั้น ตัวเองเห็นว่า ตัวเองกำลังฆ่าหั่นศพพี่สาวตัวเองอยู่

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

มุมความจริง

   เอ๋  (แป้ง อรจิรา) ได้แสดงเป็น ดาราราย ส่วนชลสิทธิ์ตายไปแล้วซึงเก็บใว้ในตู้เบอร์ 19 แล้วใครล่ะ คือ ชลสิทธิ์ คนๆนั้น คือ หมอสุธี  (ปลาย ปรเมศร์) หมอสุธีถูกสะกดจิตใว้โดย ดาราราย ทำให้ตัวเองคิดว่า เป็นชลสิทธิ์ และอยู่กับพี่สาวที่ชื่อ เอ๋ ส่วนจริงๆแล้ว หมออุษากับหมอจิ๊บรู้ว่า หมอสุธีสร้างโลกอีกโลกหนึ่งขึ้นมา

แต่หมออุษาเลือกที่จะปล่อยวาง อาจจะเพราะกำลังตั้งใจคิดอยู่ว่า จะรักษาสามีอย่างไรดี  หมอสุธีตัดสินใจฆ่าหั่นศพหมอดารารายเพราะว่า หมอจะเอาเรื่องความรักของทั้งสอง (เป็นชู้กัน) ไปเปิดเผย และฆ่าคนอีกสองคน ก่อนที่ตัวเองจะถูกจับ หมออุษาบอกความจริงหมอสุธี ส่วนหมอสุธิในคราบชลสิทธิ์ตกใจมาก

และกำลังจะหันไปมองอุษาเห็นเป็นผีดาราราย เลยตัดสินใจแทงเข้าไป แต่หมออุษาไม่ตาย  เรื่องราวต่อตรงว่า หมอดารารายสะกดจิตหมอสุธีบอกว่า ถ้าได้ยินเพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว แล้วต้องมนต์สะกด  พอถึงตอนจบ หมอก็หนีออกไปถูกแทง แต่หมอไม่ตาย (ฉากนี้ดูศิลปะมาก) แล้วดารารายก็ดีดนิ้ว บอกว่า ฉันอโหสิกรรม และถอนการสะกดจิต หมอร้องด้วยความเจ็บปวด

รีวิว บอดี้ ศพ19 เรื่องย่อ

ได้เล่าถึงเหตุการณ์ของ ชลสิทธิ์ (เป้ อารักษ์) นักศึกษาชายคนหนึ่งที่ได้พักอยู่กับพี่สาวชื่อ เอ๋ (แป้ง อรจิรา) ซึ่งเป็น วันหนึ่ง ชลสิทธิ์ ตื่นขึ้นมาในโรงละครที่กำลังทำการแสดงดนตรีอยู่แต่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไร เขาก็รีบเดินออกมาจากข้างนอก และเดินทางกลับบ้านทันที ตั้งแต่นั้นมา ชลสิทธิ์ มักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมฆ่าหั่นศพหญิงสาวรายหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

และเขายังคงฝันเห็นผี มาโดยตลอดและชอบพูดชื่อ ดาราราย ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ เขาอาการฝันร้ายของ ชลสิทธิ์ เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงถึงขั้นที่เขาไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท จนสภาพร่างกายและจิตใจค่อยๆ แย่ลง แถมบางครั้งมันทำให้เขาเห็นภาพหลอนของผีตนนั้นที่คอยตามมาหลอกหลอนเขา จนกระทั่งเขาพลั้งมือบีบคอ เอ๋ จนเกือบตายเพราะคิดว่าเป็นผี

เอ๋ จึงขอให้เขาไปหาหมอเพื่อทำการรักษา เขาจึงได้ติดต่อขอเข้ารับการรักษากับ หมออุษา ตามคำแนะนำของ หมอจิ๊บ ที่ได้แนะนำให้กับเขาในวันที่เขาได้เข้าไปทำแผลที่โรงพยาบาลแต่หลังจากเข้าพบ หมออุษา เขาก็คิดว่าการรักษาไม่น่าจะได้ผล เขาจึงพยายามสืบหาต้นตอของฝันร้ายนั้นเองว่าผีตนนั้นต้องการอะไรจากเขา แล้วชื่อ ดาราราย ที่เขาได้ยินจากผีตนนั้นคือใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุฆาตกรรมที่เขาฝันถึงยิ่งสืบหาความจริง ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็ยิ่งปรากฎ ความจริงนั้นคืออะไร ไปร่วมหาคำตอบกันนะฮะ

เนื้อเรื่อง

เรื่อง บอดี้ ศพ 19 HD เป็นหนังผี จิตวิทยา ระทึกขวัญสยองขวัญ และยัง หักมุม วางเนื้อเรื่องใว้ดี รูปแบบการนำเสนอก็ดี แทบจะเดาเรื่องไม่ออกเลยว่าเนื้อเรื่องจะเป็นแบบไหน CG (คอมพิวเตอร์กราฟิกส์) สวย เนียนดี  เริ่มเรื่องมาโดยใช้ CG (คอมพิวเตอร์กราฟิกส์) โดยเป็นภาพจากมุมสูงของเมืองลงตามท่อระบายน้ำและได้เจอแมวผีตัวนึง ที่กินเศษเนื้ออยู่ แล้วก็เริ่มเรื่องที่ชล (เป้ อารักษ์) ที่ตื่นมาอยู่ใน concert ที่มีเพลง “คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว” ที่แพทกำลังร้องอยู่กับวงออเคสตร้า ฟังแล้วโหยหวนเหมือนโดนสะกด ชลลุกออกจาก Hall ไปกลางคันแล้วเค้าก็เจอเสื้อนอกถูกวางทิ้งไว้ เค้าหยิบมันกลับไปบ้านด้วย

ภาพเปิดเรื่องส่วนใหญ่ใช้ CG (คอมพิวเตอร์กราฟิกส์) หรือกล้องมุมสูง ดูสวย และลึกลับดี เมื่อถึงบ้านเค้าก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครหรืออะไรอยู่กับเค้าด้วย แล้วเค้าก็เห็นผีครั้งแรกจากในถุงขยะนั่นเอง  ชลเริ่มจะฝันเห็นฉากฆาตกรรมของผู้ชายคนนึงที่กำลังหั่นศพผู้หญิงอยู่ แต่เค้าไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

ซึ่งการแสดงในหนังบางตอนมีความคล้ายกับหนังเรื่อง saw เลยทีเดียวนะ  และหนังได้ตัดมาที่ หมออุษา (เข็ม ตีสิบ) กำลังรักษาเด็กคนหนึ่งซึ่งมีสร้างเพื่อนในจินตนาการของตนเองจนกระทั่ง ฆ่าหมาตาย ฉากนี้เราว่าประเด็นน่าจะอยู่ที่เพื่อนในจินตนาการที่เด็กสร้างขึ้นซึ่งจะเป็นตัวอธิบายเหตุผลในตอนสุดท้าย มากกว่าที่จะบอกถึงอาชีพของหมออุษาที่เป็นจิตแพทย์ มาที่หมอสุธี สามีหมออุษา กำลังถูกหมอจิ๊บ เพื่อนของหมออุษา ถามถึงเรื่องอาจารย์ดารารายที่หายตัวไป แต่สุธีกลับเงียบ ฉากนี้น่าจะเป็นประเด็นที่สงสัยกันว่าเป็นการกระตุ้นความทรงจำของหมอสุธี ชลกลับมาบ้านและทำกับข้าวอยู่กับเอ๋ (แป้ง อรจิรา) พี่สาวตนซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์

รีวิว บอดี้ ศพ19 (2007)

ตอนนั้นได้เห็นภาพหลอนจึงตกอยู่ในภวังค์ทำให้หั่นนิ้วตัวเองเข้าไป เอ๋จึงพาชลสิทธิ์ไปที่โรงพยาบาล ชลสิทธิ์จึงได้เจอหมอชื่อจิ๊บ พอเย็บแผลเสร็จหมอจิ๊บก็ทำการทดสอบสมองเบื้องต้น และถามชลว่าชื่อชลสิทธิ์ใช่ไหม ชลยืนยันว่าใช่และรู้สึกโกรธที่หมอหาว่าตนเองบ้า แต่หมอก็ยังฝากเบอร์โทรของหมออุษาไว้ให้ชล

ดูแรกๆอาจจะรู้สึกงงๆหน่อยแต่พอรู้เฉลยตอนจบถึงได้ อ๋อ มันเป็นจั่งซี่นี่เอง ชลกลับมาบ้านและฝันซ้ำๆ เดิมรวมทั้งเห็นผีผู้หญิงที่ถูกผ่าท้องเผยให้เห็นอวัยวะภายในทั้งหมดโดดเข้าใส่ชลจึงสู้โดยการบีบคอผี แต่กลายเป็นว่ากำลังบีบคอพี่สาวตนเอง เอ๋จึงขอร้องให้ชลไปหาหมออุษา เค้าตัดสินใจไปหาพบหมออุษา เมื่อได้พบชลสิทธิ์ หมอมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังทำการสอบถามต่อไป

ต่อมา ชลได้เล่าว่าเขาฝันว่าอะไรบ้าง และยังบอกอีกว่าความฝันจนรู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องจริง เค้ารู้สึกว่าเป็นเหยื่อที่โดนฆาตกรรมเสียเอง รู้สึกถึงลมหายใจสุดท้าย และได้ยินคำว่า “ชื่อดาราราย ตามหาฉันให้เจอ” จะบอกว่าชอบเมย์ (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) มากเลย เป็นผู้หญิงที่มีพลังมากๆ ระหว่างนั้นชลก็ยังคงซ่อนแอบกับผีเด็กบ้าง ผีผู้ใหญ่บ้างไปเรื่อยๆ วันนึงเค้าก็ฝันเห็นประตูข้างตู้เสื้อผ้าซึ่งเมื่อเค้าจะแอบมองเค้าก็เห็นผีตัวนั้นจับมือเค้าแล้วก็มีแหวนอยู่ในมือเค้า

และยังมีอีกฉากที่ได้ทำแหวนตกลงไปแล้วแหวนไหลไปห้องหลังตู้เสื้อผ้า ทำได้สวยดี เหมือน the load of the ring เลย หมออุษาเริ่มตามหาตัวดาราราย ในขณะที่ชลเองก็ต้องการพิสูจน์ให้เอ๋รู้ว่าเค้าไม่ได้บ้า หมออุษารู้ว่าดารารายเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่ม.เดียวกับหมอจิ๊บและหมอสุธี อุษาไปหานก ที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ของดารารายและก็ได้รู้ว่าสุธีเป็นคนฝากดารารายเข้าเป็นอาจารย์ที่นี่เอง นกเล่าเรื่องวิชาสะกดจิตเพื่อการบำบัด (เป็นการทำงานของจิตไร้สำนึก ที่จะดึงเอาเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจมากๆ ออกมาในสภาวะที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเพื่อใช้ในการรักษาคนไข้ คล้ายกับการสะกดจิตนั่นเอง)

แต่เธอได้บอกสุธีว่าไปเจอนก ในตอนที่ชลก็ได้ไปหาดาราราย ที่มหาลัย และได้เห็นแมวผี อยู่ที่โต๊ะนก คืนนั้นเค้าเห็นนกถูกผีตัวเดียวกับที่เค้าเห็นฆ่าตายต่อหน้าต่อตา อุษาโทรหาจิ๊บเพื่อจะบอกว่าเธอรู้เรื่องดารารายแล้วและคาดคั้นให้จิ๊บเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ของสุธีกับดาราราย (ดารารายเป็นเมียน้อยสุธีตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์จนจบและระหว่างที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอก

สุธีก็มาแต่งงานกับอุษาแทน แต่ทว่าสุธี ได้ทำเหมือนจะออกห่างจาก อุษา เพียงเพราะรู้สึกผิดกับอุษาแต่ดารารายไม่ยอม) ชลมาหาหมออุษาเพื่อจะบอกว่านกถูกผีฆ่าแต่เค้ากลับเจอหมอจิ๊บกับแมวผีแทน เค้าพยายามเตือนหมอจิ๊บว่าอย่าพูดเรื่องดารารายไม่งั้นหมอจะเป็นรายต่อไป อุษากลับบ้านพร้อมทั้งบอกสุธีว่าเธอรู้เรื่องหมดแล้ว

สุธีรู้สึกผิดมากเลยสู้หน้าต่อไปไม่ไหว เค้าบอกเธอว่ามันจบแล้ว ดารารายจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตของเค้าอีก ขณะที่ชลกำลังอาบน้ำ เค้าเห็นภาพหมอจิ๊บกำลังจมอยู่ในทะเลเลือดและหน้าถูกราดด้วยน้ำที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (พูดไปผีมันดูไม่ค่อยน่ากลัวเลย วิธีฆ่าก็ไม่โหด ฉากโดนผีฆ่ากันเลยดูงั้นๆ ไม่หยองเท่าไหร่) ชลเริ่มเห็นภาพในความฝันชัดขึ้น

ต่อมาดารารายคุยกับสุธี ตอนนี้กำลังตามหาเอ๋แต่หาไม่เจอเลยแม้แต่เงา เค้าเห็นแมวผีตัวนั้นที่บ้านของเค้าเอง เค้าเดินตามแมวผีนั่นไป ไปยังประตูข้างตู้ที่เค้าเคยเห็นผีสิ่งที่เค้าเห็นเหมือนฉากในความฝันของเค้า ผู้ชายกำลังหั่นศพผู้หญิงอยู่ ในทันทีที่หัวถูกสับออกจากตัว เค้าก็ได้รู้แล้วว่าศพนั้นเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นคือเอ๋ พี่สาวเค้าเอง

ส่วนผู้ชายที่กำลังหั่นศพนั่นเล่าคือตัวเค้าเอง เมื่อตั้งสติได้เค้าบุกเข้าไปในห้องข้างตู้อีกครั้ง มันเหลือแค่แหวนที่เค้าเคยทำหล่นหายและเศษรูปถ่ายที่ถูกเผาไฟ เป็นภาพของดารารายกับสุธีบนเตียงนอน เค้าคิดว่าเค้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว เค้าต้องรีบไปบอกหมออุษาว่าสุธีสามีหมอเป็นฆาตกร ระหว่างที่อุษาไปดูศพหมอจิ๊บตำรวจพบนามบัตรที่หมอจิ๊บเขียนเบอร์อุษาให้กับชลไว้

ขอแนะนำเลยครับว่าเป็นหนังไทยอันดับ1 ที่สนุกมากๆ

เหตุผลการตามของหมอจิ๊บคือการที่ถูกตีหัวแล้วโดนลากลงบ่อดองศพซึ่งมีฤทธิ์เป็น กรด หรือ ด่าง นี่แหละ เธอได้ไปดูศพจิ๊บที่ห้องเก็บศพ และพบว่าเจ้าของตู้เบอร์ 19 นามสกุล ศุวมงคล (นามสกุล ดาราราย) ชลมาหาหมออุษาที่บ้านเมื่อเจออุษา ชลบอกอุษาว่าสุธีเป็นคนฆ่าดาราราย ฆ่านก ฆ่าหมอจิ๊บ และฆ่าเอ๋ พี่สาวเค้าด้วย อุษาก็ตะโกนกลับไปว่าฉันรักษาคุณไม่ได้อีกแล้ว คุณต่างหากที่เป็นคนฆ่าคนทั้งหมด เป็นคนฆ่าพี่สาวตัวเอง

ชลสิทธิ์เขาได้เสียชีวิตไปแล้วนะ ลองไปดูที่ตู้# 19 ชลรู้สึกงงมากๆเลยในตอนนี้ เค้าล้มลงและมองเห็นผีดารารายกำลังจะกระโดดใส่ตัวเค้า เค้าคว้าเสาโคมไฟแทงใส่ผีร้ายแล้วผีก็หายไปกลายเป็นอุษาที่ถูกแทง เค้าไปดูที่ตู้#19 ชลสิทธิ์ ศุวมงคล สาเหตุการตายคือเสียเลือดมาก ความทรงจำทั้งหมดเริ่มกลับมา

ชลสิทธิ์เขาเป็นน้องชาย ของดารารายซึ่งประสบอุบัติเหตุมาแล้วในตอนนั้น โดยหมอสุธีเป็นเจ้าของไข้ เค้าไม่สามารถยื้อชีวิตชลสิทธิ์ไว้ได้ เค้าเสียใจมากเพราะรู้ว่าชลสิทธิ์มีความหมายกับดาราราย(หรือเอ๋) มากกอดศพและบอกเค้าว่าเธอไม่เหลือใครแล้ว ขออย่าให้ทิ้งเค้าไป

รีวิว บอดี้ ศพ19 หนังผี หนังสยองขวัญ ที่คอหนังห้ามพลาด

และเขาได้เอายาพิษใส่ในน้ำของดารารายเองเพราะดารารายแอบถ่ายรูปบนเตียงไว้และใช้เป็นเครื่องต่อรองไม่ให้สุธีทิ้งเธอ เมื่อเธอดื่มเครื่องดื่มเธอรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ระหว่างนั้น เพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยุ่คนเดียว ก็ดังขึ้น เธอจับมอืหมอและบอกว่าทุกครั้งที่สุธีได้ยินเพลงนี้ขอให้เค้ารู้สึกถึงแต่เรื่องดีดีระหว่างเธอและเค้า

แต่ถ้าเค้าคิดจะทิ้งเธอ เค้าจะต้องเจ็บปวดและได้รับทุกอย่างกลับไปเช่นกัน เค้าจะไม่มีวันลืมเธอได้เลยเฮือกสุดท้ายของเธอ เธอพูดว่า “ชื่อดาราราย ตามหาฉันให้เจอ” แล้วหมอก็พาเธอมาที่บ้านเคยให้ดารารายอยู่และฆ่าหั่นศพที่นั่นหนังใหม่

ซึ่งเมื่อเปิดช่องท้องเค้าพบตัวอ่อนของเด็กอยู่ในท้องดาราราย เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเค้า เมื่อเค้ารู้ว่านกบอกเรื่องเค้ากับดารารายให้อุษาฟัง เค้าก็กลับไปฆ่าเธอโดนใช้ของมีคมฟันเธอทั้งตัว (ในจินตนาการชลเห็นลวดหนามเกี่ยวตัวนกจนตาย) ส่วนหมอจิ๊บก็วิ่งไปตีหัวแล้วโยนลงบ่อดอง (ในจินตนาการเห็นจมทะเลเลือด) หมอถูกจับระหว่างให้การที่ศาล

เค้าก็ยังยืนยันว่าหมอสุธีเป็นคนฆ่าคนทั้ง 3 เมื่อเค้ามองตัวเองในกระจกก็เห็นหน้าชลสิทธิ์ในนั้น ระหว่างพาตัวกลัวเรือนจำเพลงที่สะกดหมอก็ดังขึ้น เค้ากระโดดลงจากรถทันที และถูกเห็นเส้นที่รถบรรทุกขนมาหล่อนใส่ทิ่มตามตัวทั้งร่าง

หลายๆฉากมันงดงามมากเลยนะ เหมือน แมทริกเลย แต่หมอยังไม่ตายนะ มานอนให้เค้าแหวกอกอยู่ที่ ร.พ. ให้ oxegen อยู่ แล้วผีดารารายก็โผล่มาบอกว่า ฉันอโหสิให้คุณ และจะปลดปล่อยคุณเดี๋ยวนี้ อ๊ากกกกกกก แล้วหมอสุธีก็สำลักเลือดพร้อมรับรู้ถึงความเจ็บปวดขณะโดนแหวกอกทันที

รีวิว บอดี้ ศพ19 ความรู้สึกหลังจากดูจบ

สรุป เรื่องนี้ก็เป็นภาพยนต์แนว จิตวิทยา ระทึกขวัญ หักมุม ผีนิดๆ ชลสิทธิ์คือน้องของดารารายที่ตายไปแล้ว (นอนในตู้ 19) แต่ระหว่างที่โดน keyword ที่ดารารายสะกดไว้ (เพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว) หมอสุธีจะคิดว่าตัวเองคือชลสิทธิ์ แต่ที่ไม่รู้ว่าดารารายคือพี่สาวตัวเองอาจเพราะความทรงจำลึกๆ +รู้สึกผิดทำให้อยากจะลืมเรื่องของดาราราย

เอ๋จริงๆ ก็คือดารารายสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์(ซึ่งเป็นเมียน้อยหมอแล้ว) ที่หมอสุธีสร้างขึ้นในจินตนาการ (เหมือนเด็กที่อุษารักษาตอนเปิดเรื่อง) เหตุที่หมอจิ๊บทดสอบสมองตอนที่ชลไปทำแผลมีดบาด และอุษาตกใจตอนชลสิทธิ์เข้ารับการรักษาเพราะสิ่งที่หมอจิ๊บ+อุษาเห็นคือสุธี ที่บอกว่าตัวเองคือชลสิทธิ์นั่นเอง

นำแสดงโดย
– เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบทเป็น ชลสิทธิ์
– แป้ง อรจิรา แหลมวิไล รับบทเป็น เอ๋ (พี่สาวของ ชลสิทธิ์)
– เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร รับบทเป็น หมออุษา (ภรรยาของ หมอสุธี)
– ปลาย ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบทเป็น หมอสุธี (สามีของ หมออุษา)
– เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบทเป็น ดาราราย

  ความรู้สึกหลังจากดูจบ

บทภาพยนต์นี้ดีมากๆ และเมื่อทุกอย่างเฉลยแล้วก็สามารถคลายปมทุกอย่างได้อย่างดีมาก เป็นหนังไทยน้อยเรื่องมากที่จะทำได้แบบนี้ (เพราะที่เห็นๆ มาจากหลายๆ เรื่อง แม้บทจะดี ดำเนินเรื่องดี หรือเล่าเรื่องดี แต่พอวิเคราะห์องค์รวมแล้วก็ยังจะเห็นบาดแผลของหนังซ่อนอยู่จุดนู้นจุดนี้เต็มไปหมด)หนังสามารถนำประเด็นของคนเป็น โรค MPD (Multiple Personality Disorder) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคหลายบุคลิก มาเล่นได้อย่างชาญฉลาดมากฮะ เห็นได้ชัดว่ามีการทำการบ้านมาอย่างดี ไม่มีจุดที่ให้จับผิดได้เลย ยิ่งสืบหาความจริง ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็ยิ่งปรากฎ ความจริงนั้นคืออะไร ไปร่วมหาคำตอบกันนะครับทางช่อง The Medium ร่างทรง

รีวิว The Medium ร่างทรง หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

รีวิว ร่างทรง The Medium หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

รีวิว ร่างทรง The Medium หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

แน่นอนว่ามันเป็นภาพยนต์ไทยเรื่องแรกที่รับชม เว็บดูหนังเถื่อน ในโรงหลังเขาประกาศให้โรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ เปิดให้บริการได้ มันเป็นหนังไทยจากค่าย GDH559 ที่ทำงานด้วยโครงเรื่องและอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากทีมงานเกาหลี ที่นำโดยนาฮงจิน เป็นหนังไทยแนวสยองขวัญ รีวิว The Medium   รีวิวหนังไทยnetflix นั่นเองแหละครับ

แต่ด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำในรูปแบบ mockumentary คือ ดำเนินเรื่องเหมือนสารคดีที่อาจทำให้คนดูรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องจริง และเป็นการกลับมาทำหนังสยองขวัญอีกทั้งของผู้กำกับชาวไทย บรรจง ปิสัญธนะกูล เจ้าของผลงานอย่าง แฟนเดย์พี่มาก..พระโขนงกวน มึน โฮ4 แพร่ง5 แพร่ง โดยก่อนหน้านั้นก็กำกับหนังสยองขวัญที่สร้างชื่อร่วมกับ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ เรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ และ แฝด หรือติดตามหนังเรื่องอื่นได้ที่ ผ้าผีบอก Ghost cloth

เรื่องย่อหนัง ร่างทรง (The Medium)

เหตุการณ์ต่างๆได้บอกถึงการถ่ายทอดร่างทรง ย่าบาหยัน ของคนหนึ่งในภาคอีสานของไทย แต่ทายาทคนนี้ไม่สามารถรับช่วงต่อแต่ก็ไม่อาจฝืนชะตาได้ นำมาสู่เรื่องราวเขย่าขวัญคนทั้งโลก เรื่องเกริ่นขึ้นใน ปี 2018 ทีมงานสารคดีทำข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวร่างทรงในไทย และไปพบเจ้าของเรื่องอย่าง ป้านิ่ม (เอี้ยง-สวนีย์ อุทุมมา) ที่เป็นร่างทรง ‘ย่าบาหยัน’ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่นในจังหวัดเลย

ที่น่าสนใจคือย่าบาหยันจะสืบทอดกันต่อเฉพาะลูกหลานที่เป็นผู้หญิงในตระกูลของป้านิ่มเท่านั้น โดยคนที่มีแนวโน้มรับต่อในปัจจุบันมากที่สุดคือ มิ้งค์ (ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร) ลูกของพี่สาวป้านิ่มนั่นเอง ทำให้ทีมสารคดีขออนุญาตมาถ่ายทำป้านิ่มและครอบครัวในปี 2019 จนได้มาเจอเรื่องราวต่าง ๆ และตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อของสารคดีจากเรื่องว่าร่างทรงคืออะไร มาเป็นเรื่องของการสืบทอดร่างทรงแทน

และเรื่องนี้ก็ได้กลับมาเล่นหนังสยองขวัญอีกครั้งของ โต้ง – บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับชั้นแนวหน้าในปัจจุบันของไทยจากทั้งผลงานปลุกกระแสผีไทยจาก “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” (2547) จนมาถึงสร้างประวัติศาสตร์หนังไทยพันล้านจากหนังสยองปนขำเรื่อง “พี่มากพระโขนง” (2556) ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเขาในทุกย่างก้าว และการก้าวรอบนี้ก็เรียกว่าเป็นบันไดก้าวแรกสู่ระดับนานาชาติของบรรจงอย่างแท้จริง

เพราะว่าได้ถูกโน้มน้าวให้ร่วมงานกับผู้กำกับเกาหลีชื่อดังระดับเวทีนานาชาติอย่าง นาฮงจิน ที่เคยมีผลงานแนวสยองขวัญเรื่อง “The Wailing” (2016) ที่ได้รสชาติสยองชวนคิดที่น่าสนใจ และหนังเรื่อง “ร่างทรง” ก็ไปคว้าอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีมาได้ด้วยอย่างงดงามเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พร้อมคำชื่นชมในดีกรีความโหดขนหัวลุกของหนัง แน่นอนว่านี่คือความภูมิใจของคนไทยอย่างแท้จริงแล้ว โดยไม่ต้องสนใจว่าหนังจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร

รีวิว The Medium ร่างทรง

ถ้าจะนับว่าอะไรที่ นาฮงจิน ส่งผลด้านดีต่อหนังนอกไปจากโครงเรื่องตั้งต้นที่เดิมเขาตั้งใจไว้ทำ “The Wailing” ภาค 2 นั่นก็คือ แนวทางการสร้างฉากและบรรยากาศของหนัง ที่กลิ่นฝนชื้นในชนบทดูเยือกเย็น ชวนเร้นลับ และภาพแปลกตาของพิธีกรรมความเชื่อที่แฝงอยู่ในชีวิตของคนได้อย่างน่าทึ่ง ฉากหลังเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ขาดไปรับรองหนังมีกร่อยลงแน่ ๆ

และบอกใว้ก่อนเลยว่าความคิดของทีมงานคนไทยไม่ใช่ย่อย ๆ เลย ไม่ว่าจะฉากหุบผาที่สถิตของรูปปั้นย่าบาหยัน รวมถึงตึกร้างที่รากไม้ชอนไชเป็นทรวดทรงน่าขนลุก นี่คือ 2 ฉากเด่น ที่แค่เห็นไม่ต้องเอาดนตรีหรืออะไรเข้าช่วยก็ชวนขนลุกแล้ว

พอประกอบกับดนตรีที่สร้างอารมณ์ร่วมมาก ๆ และการแสดงแบบเหมือนประทับร่างของนักแสดงสายฝีมือล้วน ๆ ทั้งตัวหลัก ตัวรอง ตัวประกอบ (เนี้ยบยันตัวประกอบนี่สำหรับหนังไทยคือคุณภาพสูงมาก) และบทหนังที่ปั่นหัวคนดูไปมา มันจึงเป็นหนังที่มีพลังสูงมาก ต้องปรบมือในการเลือกใช้นักแสดงที่เอาชื่อชั้นฝีมือเข้าว่าจริง ๆ

หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

ยิ่งช่วงหลังๆของภาพยนตร์เรื่องนี้จัดได้ว่า วุ่นวาย สับสน น่ากลัว ปั่นประสาท ขนหัวลุก น่ากลัวมาก ๆ บางช่วงทำเอาคลื่นไส้มวนท้อง อาจเพราะความมืดของโรง การเคลื่อนภาพที่สมจริงสั่นไหวเหมือนอยู่ในสถานการณ์ ดนตรีที่โหมกระหน่ำ การตัดต่อที่ฉับไว ต้องยกความดีครึ่งหนึ่งให้กับการชมในโรงภาพยนตร์จริง ๆ ถ้าจอเล็กกว่านี้ มืดน้อยกว่านี้ ดนตรีไม่ดังอย่างนี้ มันคงไม่ได้ผลตามที่คนทำหนังต้องการนัก แล้วเรื่องไล่ระดับอารมณ์ได้ดีไม่มีหย่อนแบบอัดแล้วอัดเล่าใส่หัวใจคนดูตลอดครึ่งเรื่องหลัง จนอยากปรบมือให้ดัง ๆ

รีวิว ร่างทรง The Medium หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

และยังมีอีกอย่างที่น่ายกย่องคือความรุนแรงของเรื่องที่กล้าท้าทายข้อห้ามจารีตสังคมไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างน่าชื่นชมในความฉลาดไม่โฉ่งฉ่าง คงเล่าไม่ได้ว่าทาบูที่โดนขยี้ย่ำนั่นเป็นอะไรบ้าง แต่เห็นความจงใจลองของตรงนี้ชัดเจน ถ้าฝีมือการเล่าด้อยกว่านี้ รับรองไม่ผ่านหน่วยงานหั่น-แบนของไทยแน่นอน (และชื่อ GDH ก็อาจเป็นเกราะช่วยประมาณหนึ่ง) และที่สำคัญอาจกลายเป็นหนังไร้รสนิยมไปได้ง่าย ๆ ทีเดียวกับการเล่นของโสมมทั้งทางสายตาและทางจิตใจแบบนี้ ขอปรบมือดัง ๆ ให้อีกรอบ

ครึ่งหนึ่งหนังสารคดี อีกครึ่งคือหนัง(โคตร)สยองขวัญ

ดูเหมือนหนังจะถูกวางมาตั้งแต่ต้นแล้วจะดำเนินเรื่องในสไตล์กึ่งสารคดี ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกจริงในใจคนดู ครึ่งแรกนั้นหนังบอกเล่าด้วยการมีทีมงานสารคดีที่เราไม่เห็นตัวเข้าไปขอถ่ายทำสัมภาษณ์ป้านิ่ม คนทรงย่าบาหยันคนปัจจุบัน ก่อนจะไหลเรื่อยไปถึงคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมก็คงจะเป็นงานถ่ายภาพที่ทำออกมาได้สวยงาม จนแอบนิยมในใจไม่ได้ว่า ช่างเป็นสารคดีที่เก็บเรื่องราวชาวบ้านพื้นถิ่นอีสานได้ดูดีเหลือเกิน

รีวิว ร่างทรง The Medium หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา

เรื่องราวได้เริ่มปั่นประสาทมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมิ้งเริ่มแสดงอาการผิดประหลาดมากขึ้นทุกที หนักข้อถึงขนาดไม่กินอะไรจนผอมแห้งเห็นกระดูก (ซึ่งอันนี้ ได้รู้เบื้องหลังว่า น้องญดาลดน้ำหนักไป 10 กิโลกรัมจริงๆ) ตัวหนังหลังจากนั้นจึงเริ่มจะไม่เรียลเท่าก่อนหน้าแล้ว เมื่อหนังเข้าสู่โหมดสยองขวัญเต็มตัว

ก็เริ่มจะไต่ระดับความโหดมากขึ้นเรื่อยๆ หนังเล่นทุกทางเท่าที่จะเล่นได้ โดยเฉพาะการใช้ภาพจากกล้องวงจรปิด การเล่นกับจอดำที่มองไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เสียง อะไรแบบนี้เป็นต้น จนไปปิดด้วยที่ความเฮี้ยนแบบจัดเต็มในโค้งสุดท้าย เหมือนคนที่กำลังวิ่งหนีเพราะโดนรุกไล่จากสัตว์ร้ายอย่างไม่ลดละ วิ่งยาวๆ มันก็ต้องมีเหนื่อยหอบกันบ้าง

ตั้งคำถามสะท้อนสังคม หลายสิ่งชวนถกเถียง

เรื่องราวในหนังนี่ จะว่าไป ก็หยิบเรื่องราวในสังคมมาตั้งได้หลายคำถามเหมือนกันนะ นอกเหนือจากเรื่องราวของความเชื่อความศรัทธาของคนในท้องถิ่นแล้ว ก็ยังตั้งคำถามไปถึงเรื่องการนับถือศาสนาที่นับว่าเป็นหนึ่งสิ่งสากลด้วยอีกต่างหาก

หนังยังมีแนวคิดให้เราในแนวพฤติกรรมบางอย่างเข้าไป ทำให้รู้สึกเหมือนหนังจะวิพากย์ไปถึงหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น วงการตำรวจเอง วงการทรงเจ้าเข้าผี รวมไปถึงความโหดร้ายที่มนุษย์ทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่เว้นแม้แต่บางเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว การกระทำของตัวละครบางส่วนก็ไม่ลงรายละเอียด เหมือนจะให้ผู้ชมไปถกเถียงวิเคราะห์กันเอาเอง

อาจจะมีบางคนไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด โดยใช้ข้อมูลที่รีเสิร์ชมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมายำเข้าด้วยกัน แล้วเริ่มเล่าด้วยแนวทางสารคดี มันจึงดูเหมือนจริง แต่ก็เป็นเพียงช่วงแรกเท่านั้น เพราะในช่วงต่อๆ มา คนดูก็อาจจะพอเห็นความไม่เนียนของตากล้องมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหนังพยายามจะเล่าด้วยวิธี found footage

ภาพที่ต้องการให้เห็นต้องเป็นมุมมองของตากล้องสารคดี ซึ่งบางทีก็ทำหน้าที่เกินเลย บางเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะยกกล้องขึ้นถ่าย แต่ตากล้องก็ยังถ่ายต่อราวกับไม่สนใจความควรไม่ควรการเล่าในแบบกึ่งสารคดีจึงดูเหมาะดีกับช่วงแรก แต่ดูประดักประเดิดไปในช่วงหลัง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะขาดตกไม่พูดถึงไปไม่ได้เลย คือ น้องญดา นริลญา กุลมงคลเพชร ที่เล่นเป็นหญิงสาวแสนสก๊อยผู้ไม่เชื่อในเรื่องร่างทรง แต่กลับถูกผีเข้าจนออกอาการหนักข้อ เธอเล่นได้สุดมาก มีทั้งช็อตที่อึ้งไปเลย กับช็อตที่ต้องใช้พลังมากมายเพื่อจะแสดงได้อย่างเข้าถึง แม้ว่านี่จะเป็นเพียงงานแสดงหนังเรื่องแรกของเธอเท่านั้น

รีวิว The Medium รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง

7.4

The Medium (Rang Zong)

หนังผีน่ากลั้วๆแนวกึ่งสารคดี ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง โดยมีผู้กำกับมากฝีมือ โต้ง บรรจง เรื่องราวนี้ได้แนวทางมาจากความเชื่อเรื่องร่างทรงในแถบอีสาน เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งมีอาการแปลกประหลาดจนถูกเข้าใจว่าเป็นร่างทรงคนใหม่ของย่าบาหยัน หนังตั้งคำถามว่ามันคืออะไรกันแน่ ศรัทธาที่คนเชื่อถือกันนั้นเป็นของจริงมั้ย ครึ่งแรกเล่าแบบหนังสารคดี แต่ครึ่งหลังจัดหนักกับความเป็นหนังสยองขวัญ ยิ่งตอนท้าย ยิ่งเล่นหนักหน่วง กว่าจะจบคงเหนื่อยหอบไปตามๆ กัน

รีวิว ร่างทรง The Medium หนังผีกึ่งเรียลที่ตั้งคำถามถึงศรัทธา
ชื่อภาพยนตร์ ร่างทรง / Rang Zong / The Medium
ผู้กำกับ บรรจง ปิสัญธนะกูล
ผู้เขียนบท นาฮงจิน (story), ชเวชาฮวอน (story), ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
นักแสดง นริลญา กุลมงคลเพชร, สวนีย์ อุทุมมา, ศิราณี ญาณกิตติกานต์, ยะสะกะ ไชยสร, บุญส่ง นาคภู่, ภัคพล ศรีรองเมือง
แนว/ประเภท Horror
เรท ไทย/น18+
ความยาว 130 นาที
ปี 2021
เข้าฉายในไทย 28 ตุลาคม 2021
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย GDH559, จอกว้างฟิล์ม, Northern Cross, Showbox

ร่างทรง

พล็อตและบท – 7.3

การดำเนินเรื่อง – 7.1

การแสดง – 8.1

งานถ่ายภาพและเทคนิคพิเศษ – 7.5

ดนตรีและเพลงประกอบ – 7

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่สารคดี ภาพยนตร์ซีรี่

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่ สารคดี ภาพยนตร์ ซีรี่

เว็บดูหนังเถื่อน วันนี้จะมาเล่าเรื่อง 13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ ที่หลายคนคงจำเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2016 และโด่งดังไกลออกไปทั่วโลก ในฐานะคนไทย คนหนึ่งที่ติดตามชีวิตของ 13 ทีหมูป่าติดถ้ำกันเเบบไม่มีหยุดพักเช่นเดียวกับหลายๆคน เลยรู้เรื่องราวมาเยอะพอสมควรว่าจะเป็นเเบบไหน

เเต่  รีวิวหนังไทยnetflix  เรื่องนี้ได้ทำให้เรารู้สึกจริงๆเลยเหมือนกับตอนที่ข่าวพึ่งออกใหม่ๆเฉยเลย ซึ่งเรื่องเล่าจากในถ้ำ เป็นการตีแผ่เรื่องราวที่ทั่วโลกเคยให้ความสนใจเหตุการณ์ที่สมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชน 13 คนทางภาคเหนือของประเทศไทยติดอยู่ในถ้ำที่น้ำท่วมเมื่อกลางปี 2018 หลังติดอยู่ในถ้ำนานถึง 17 วัน จนแทบจะไม่มีใครคาดหวังว่าพวกเขาจะรอดชีวิตกลับออกมา

แต่ต้องขอแนะนำตรงนี้เลยนะว่าเรื่องทีม 13 หมูป่า มาสเตอร์  เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแรกนะที่ได้เอามาทำเป็นหนัง เพราะมีหนังหลายเรื่องเเล้วที่นำเหตุการณ์นี้มาสร้าง เพราะเหตุการณ์หมูป่าถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จารึกของไทย เเละของโลกเช่นกัน เพราะข่าวออกทั่วโลกเลย ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นได้ที่นี่ บุพเพสันนิวาส ๒

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ สารคดีที่สร้างจากเรื่องจริง

สารคดีนี้  Netflix ได้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาจากการสัมภาษณ์ ของโปรดิวเซอร์ และกำกับภาพยนตร์โดย ไพลิน วีเด็ล ผู้กำกับสารคดีคนแรกของไทย ที่สามารถคว้ารางวัลสาขาสารคดียอดเยี่ยมจากงาน International Emmy Awards ครั้งที่ 49 จากผลงานสารคดี Netflix ‘ความหวังแช่แข็ง: ขอเกิดอีกครั้ง(Hope Frozen: A Quest to Live Twice) ซึ่งจะว่าไป สารคดีเรื่องนี้คือผลพลอยได้จากซีรีส์ Netflix ‘ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง’ (Thai Cave Rescue) ที่เพิ่งฉายไปไม่นานนี้เองล่ะนะครับ

ความเป็นมาของสารคดีเรื่องนี้ คือ ไพลินได้เข้าไปสัมภาษณ์กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำงานด้านข้อมูลให้กับทางซีรีส์ จนกระทั่ง Netflix มองเห็นว่าน่าจะต่อยอดไปเป็นสารคดีจริงจังได้ เลยมีการถ่ายซีนจำลองเหตุการณ์ประกบการสัมภาษณ์ในภายหลัง ซึ่งถ้ำหลวงในซีนนั้นกับในซีรีส์ก็คือถ้ำหลวงจำลองอันเดียวกันนั่นแหละ

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่สารคดี ภาพยนตร์ซีรี่

สารคดีเรื่องนี้ ทำให้เราได้เห็นและสัมผัส ในมุมมองของ 13หมูป่า ในช่วง แรกเริ่มของเหตุการณ์ทั้งหมด สำรวจเบื้องหลังวิถีชีวิตในฐานะเด็กท้องถิ่น และในฐานะลูกชาย ที่ถ่ายทอดผ่านพ่อแม่ของเด็ก ๆ จนกระทั่งเข้าไปติดภายในถ้ำ ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาในสถานการณ์อันตรายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความท้อแท้ที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อน รวมไปถึงเรื่องราวนอกถ้ำ

ตั้งแต่ตำนานปรัมปราเก่าแก่ของ ถ้ำหลวง ข้อมูลด้านธรณีวิทยาของตัวถ้ำ รวมทั้งความรู้สึกของพ่อแม่ของเด็ก ๆ สำรวจปฏิบัติการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อุทยานถ้ำหลวง นักสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำหลวง ผู้บัญชาการหน่วยซีล นักประดาน้ำในถ้ำจากต่างประเทศ เลยไปสำรวจปรากฏการณ์สังคมในฐานะข่าวใหญ่ที่ดังไปทั่วโลก ผ่านมุมมองของผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และปฏิกิริยาทางสังคมที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ณ เวลานั้นด้วย

ความน่าสนใจของสารคดีเรื่องนี้

ขอบอกเลยนะว่าความน่าติดตามอีกมุมมองของเรื่องนี้ อยู่ที่เนื้อเรื่องที่ไม่ได้เล่าจากมุมมองในเชิงข่าว ข้อมูลดิบ เทคนิค หรือนำเสนอแต่ความอันตรายภายในถ้ำหลวงที่น้ำท่วม ความตื่นตะลึงในปฏิบัติการที่เสี่ยงอันตรายในทุก ๆ ขั้นตอน แต่ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ หรือแม้แต่การตั้งคำถามกับระบบการจัดการและโครงสร้างของผู้มีอำนาจในการจัดการวิกฤติ

แต่เนื้อหาหลักของหนังเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย หรือจะเรียกว่าเป็น Trivia ส่วนตัวของ Subject หลักในเรื่อง นั่นก็คือตัวแทนเด็ก ๆ 13หมูป่าตัวจริงทั้งโค้ชเอก, ไตตั้น, มิกซ์, ตี๋, เติ้ล, มาร์ก และ อดุลย์ ประกอบวางกับซีนสถานการณ์จำลอง และฟุตเทจจากข่าวบางส่วนแทน แน่นอนว่ามันอาจจะทำให้รู้สึกว่าเดจาวูเหมือนดูซ้ำเหตุการณ์เดิมที่รู้บทสรุปไปแล้วบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนเสริมเรื่องราวที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าตีหัวเข้าบ้านอะไรขนาดนั้น

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่สารคดี ภาพยนตร์ซีรี่

และสิ่งเหล่านั้นก็คือ ผู้สร้างสารคดีในเรื่องนี้ เขาไม่ได้อยากต้องการให้ เป็นสารคดีบันทึกประวัติศาสตร์ หรือการบันทึกเหตุการณ์ของข่าวถ้ำหลวงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเหมือนกับไดอารี่ที่เด็ก ๆ 13 หมูป่าได้เล่าทุกอย่างในมุมมองของ แต่ละคน ตั้งแต่ก่อนวินาทีที่ 0 ที่ก้าวเข้าถ้ำหลวงด้วยซ้ำ รวมทั้งสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นวินาทีต่อวินาทีในระหว่างระหว่างติดถ้ำ

ตั้งแต่ในช่วงแรกที่เด็กๆ ทุกคน ยังคงมีความหวัง  สะท้อนผ่านมุกตลกคุยเล่นคุยหัว แต่พอสถานการณ์เลวร้ายลง ความหวังเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความหิว ความเครียด ความกดดัน การต่อสู้เอาตัวรอดแบบสับสนไร้เหตุผล เราจึงเริ่มรู้สีกได้ว่ากราฟของไดอารี่ฉบับนี้เริ่มดำดิ่งลงเห็น ๆ มุกตลกของพวกเขาเริ่มออกไปในทางมุกตลกร้าย ที่สะท้อนภาพความทุกข์และความสิ้นหวังที่กำลังครอบงำพวกเขาทีละนิด แม้จะมีความหวังอยู่บ้าง แต่เหมือนพวกเขาเองก็เริ่มเผื่อใจเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเอาไว้แล้วด้วย

โครงเรื่องของสารคดี

สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้มี โครงสร้างที่ซับซ้อนมากเกินไป จริง ๆ มันก็เป็นท่าที (Format) สากลของภาพยนตร์สารคดีทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ และประกอบกับเรื่องราวของถ้ำหลวงนั้นถูกเล่าจนปรุ และทุกคนต่างก็รู้บทสรุปของมันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องชมตัวหนังว่า สามารถลำดับกราฟเรื่องออกมาได้น่าสนใจ เป็นกราฟเรื่องที่เล่าตามความรู้สึกของทุกคน ค่อย ๆ

สวิงจากด้านบวกลงไปจนถึงความท้อแท้อย่างถึงที่สุด มุกร้าย ๆ ที่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มค่อย ๆสะท้อนความรู้สึกที่ไม่ได้แค่เกิดจากความห่าม แต่มาจากความรู้สึกลึก ๆ ที่ยังอยากมีความหวังเอาตัวรอดออกไปจากถ้ำเสียมากกว่า ส่วนโค้ชเอกก็รู้สึกหวาดหวั่นในฐานะพี่ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบน้อง ๆ หรือแม้แต่ปูมหลังของเด็ก ๆ แต่ละคนที่เล่าโดยพ่อแม่ก็เป็นการเติมเต็มเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิด และความเป็นมนุษย์ให้กับเด็ก ๆ และเติมความน่าสนใจให้กับตัวสารคดีมากยึ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา

จนเมื่อเด็ก ๆ ได้ออกมาจากถ้ำแล้ว ท่ามกลางทุกคนที่ดีใจมีความสุข แต่เนื้อเรื่องของหนังก็ยังตั้งคำถามกับพวกเขาในฐานะที่กลายมาเป็นที่รู้จักและได้รับโอกาสนับไม่ถ้วน ซึ่งสารคดีก็ได้สะท้อนเรื่องราวผ่านความรู้สึกกดดันของเขาต่อกระแสสังคมส่วนหนึ่งที่อาจมองพวกเขาว่าพวกเขาเป็นคนสร้างภาระขึ้นจากความบ้าบิ่น มากกว่าเป็นผู้ประสบเหตุ

หนังที่สร้างจากเรื่องจริง

ความรู้สึกของโค้ชเอกที่กลัวพ่อแม่ของน้อง ๆ จะเข้ามาดุด่า รวมทั้งความรู้สึกผิดลึก ๆ ในใจที่พวกเขามองว่าตัวเองมีส่วนให้เกิดความสูญเสียหลาย ๆ อย่าง ทั้งเวลา ทรัพยากร และโดยเฉพาะกับนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ ที่ทำให้พวกเขามีมุมมองต่อชีวิตที่เปลี่ยนไปจากตอนก่อนเข้าถ้ำอย่างเห็นได้ชัด

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่สารคดี ภาพยนตร์ซีรี่

13 หมูป่าเรื่องเล่าจากในถ้ำ’ สำหรับหลายๆ คนอาจมองว่าเป็นสารคดีถ้ำหลวงอีกเรื่องหนึ่งนั่นแหละ แต่สำหรับผู้เขียน สารคดีเรื่องนี้ก็อาจจะสื่อให้นึกถึงหนังแนว Coming of Age อยู่เหมือนกันนะครับ

แทนที่ตัวละครต้องออกเดินทางไกลเหมือนหนัง Coming of Age ปกติ พวกเขากลับเดินทางเข้าไปในถ้ำ เพื่อไปเจอสถานการณ์ที่เลวร้าย กระทบกระเทือนรุนแรง และได้กลับออกมาพร้อมกับคำตอบที่ว่า พวกเขารู้สึกกับเหตุการณ์อันจะเป็นเหตุการณ์ใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขาอย่างไรบ้าง พวกเขาผ่านความรู้สึกโหดร้ายดำดิ่งมาได้อย่างไร และพวกเขามีความคิดที่เติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง

สารคดีของเด็กทั้ง 13 คน

ไม่สนว่าใครจะคิดยังไงก็ตามนะ แต่อย่างน้อย สารคดีเรื่องนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาเด็กๆ ทั้ง 13คน ได้เพิ่มเติมเรื่องราวของตัวเอง ลงไปเติมเต็มในเหตุการณ์ครั้งใหญ่ ที่เป็นเหมือนไดอารี่ที่เติมเรื่องที่ไม่เคยถูกเล่าในฐานะของเด็กชายที่กำลังจะโตเป็นหนุ่มที่เคยผ่านสถานการณ์และความรู้สึกที่มืดมิดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตมาแล้ว

ทุกเรื่องราวเหล่านั้นอาจเลือนหายสาบสูญไปตามเวลา หลายคนอาจยังไม่เข้าใจพวกเขาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่พวกเขารู้สึกก็คือ ไดอารี่เล่มนี้จะเป็นบทบันทึกเล็ก ๆ ที่คอยย้ำเตือนให้พวกเขา (และพวกเรา) มองเรื่องราวเหล่านั้นไว้เป็นอดีต และย้ำเตือนว่า หากยังคงมีโอกาสที่สอง ทุกเหตุการณ์ในชีวิตล้วนเป็นบทเรียนที่สอนให้คนเราเติบโตขึ้นได้จริง ๆ

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ บทสรุป 13 หมูป่า: เรื่องเล่าจากในถ้ำ | THE TRAPPED: 13 HOW WE SURVIVED THE THAI CAVE

คุณภาพด้านการแสดง   8.7

คุณภาพโปรดักชัน   8.8

คุณภาพของบทภาพยนตร์   9.1

ความบันเทิง   9.2

ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม   10

13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ จากข่าวดังทั่วโลก มาสู่สารคดี ภาพยนตร์ซีรี่

จุดเด่นเรื่องนี้เป็นอีกมุมมองที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้กันมาก่อนจากปากของเด็กๆทั้ง 13 คน อาจจะมีเดจาวูบ้างแต่ถือว่าไม่ตีหัวเข้าบ้าน เรียบเรียงกราฟอารมณ์ของเรื่องราวได้น่าสนใจและน่าติดตาม โปรดักชันถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ทั้งซีนบทสัมภาษณ์ ช็อต Insert ซีนจำลองเหตุการณ์ที่สมจริง และฟุตเทจที่เลือกใช้จุดสังเกต9.2 13 หมูป่า: เรื่องเล่าจากในถ้ำ

 

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

นายพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ผู้กำกับไม่ว่าจะเป็นเรื่องเท่ง โหน่ง คนมาหาเฮีย’ ‘เท่ง โหน่ง จีวรบิน และ’ แคท อ่ะ แว่บ ที่ล้วนประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างดี และในอีกชื่ออย่าง เท่ง เถิดเทิง ก็คือนักแสงตลกที่สามารถข้ามความสำเร็จจากวงการทีวีสู่วงการภาพยนตร์ได้อย่างสวยงามทั้งงานสร้างชื่ออย่าง มือปืน/โลก/พระ/จันทร์ จนถึง หลวงพี่เท่ง’  เป็นการ  เว็บดูหนังเถื่อน  ที่สามารถสร้างรายได้ระดับปรากฎการณ์ได้ทั้งคู่หลังจากที่พี่เท่ง เถิดเทิงได้ทิ้งงานกำกับมาหลายปีจากนั้นก็กลับมากับงานกำกับครั้งใหม่ อย่าง รีวิว ทิดน้อย เป็นภาพยนต์ที่นำเอาตำนาน แม่นาคพระโขนง มารีเมคใหม่ รีวิวหนังไทยNetflix  ในมุมมองของคนแอบรักอย่างตัวละครทิดน้อยที่ถูกมอบหน้าที่ คนตาบอดเพราะความรัก เรียกได้ว่านี่จะเป็นงานหนังตลกปนโรแมนติกเรื่องแรกในพอร์ตโฟลิโองานกำกับของเขา ดูรีวิวหนังเรื่องอื่นได้ที่ Bad Guys ล่าล้างเมือง

เรื่องย่อ ทิดน้อย

ณ ทุ่งพระโขนง มีสาวสวยเธอผู้นั้นคือ นาค (พัชราภา ไชยเชื้อ) ซึ่งเป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายคน รวมไปถึง มาก (อนันดา เอเวอริงแฮม) หนุ่มหล่อกำยำแห่งทุ่งพระโขนง และ ทิดน้อย (เท่ง เถิดเทิง) ชายหนุ่มที่มีหัวใจให้นาคผู้เดียว และเป็น มาก ที่ได้ครอบครองหัวใจนาคแต่หลังจากเขาถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ทิดน้อยเลยต้องรับหน้าที่คอยดูแลนาคที่กำลังท้องแก่ และในช่วงเวลานี้ที่จะพิสูจน์ใจว่าระหว่างรักแท้ของมาก กับ รักแท้แท้ของทิดน้อย ใครจะได้ครอบครองหัวใจของนาคกันแน่

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

เมื่อได้ดูหนังจบลงไปแล้วคงจะบอกว่าบทบาทการแสดงของ ‘ทิดน้อย’ ดูจะเป็นการแสดงที่เหมือนละครสามช่าที่ไม่ต่างจากงานชิ้นก่อน ๆ ทั้งการนำตำนานของหนังที่คนรู้จักอยู่แล้ว มาผูกเรื่องเข้าไปแบบหลวม ๆ และมีซีนทีเล่นทีจริงที่หลายคนคิดถึงจากรายการชิงร้อยชิงล้านพอคนดูไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องราวอะไรมากนักก็เป็นโอกาสของพี่เท่งเขาล่ะที่จะใส่มุกเข้ามาไม่ยั้ง ซึ่งพี่เท่งก็ใช้บริการจากบรรดานักแสดงตลกที่เป็นพันธมิตรกันทั้งรุ่นเก๋าอย่างพี่โหน่ง หรือ น้าถั่วแระ เชิญยิ้ม ไปจนถึงรุ่นใหม่อย่าง แจ๊ค แฟนฉัน และ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ที่มาสร้างสีสันให้หนังได้เป็นอย่างดี

รีวิว ทิดน้อย หนังมาสเตอร์

แต่จุดหลักๆที่สำคัญของหนัง คือการนำ อนันดา เอเวอริงแฮม  มาแสดงในหนังตลกแนว ๆ นี้มาประกบคู่กับ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกซุปตาร์ที่ร้างจอไปนานกลับมารับบท แม่นาค อีกรอบหลังจากแสดงในเวอร์ชันละครไปเมื่อ 24 ปีที่แล้วก็ทำให้ ‘ทิดน้อย มาสเตอร์’ มีแนวทางชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือบรรดาแฟนคลับอั้ม รวมถึงคนที่เคยดูหนังที่อนันดาเล่นแล้วอยากเห็นเขาเล่นบทตลกบ้างก็ทำให้หนังดูมีสิ่งที่ชวนติดตามไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ

เพียงแต่ งานกำกับของพี่เท่งก็ยังไม่สามารถทำให้อั้มและอนันดา เก็ตกับการเล่นมุกแบบด้นสดหรือการปล่อยจอยไหลไปกับบทแบบเดียวกับนักแสดงตลกรับเชิญมากมายบนจอได้ เลยทำให้ภาพรวมเองก็ออกมาไม่กลมกล่อมนัก นักแสดงหลักก็ดูจะพยายามแสดงในส่วนที่เล่าเรื่อง แต่ด้วยงานกำกับที่ไม่ได้เน้นการคุมแอ็กติ้งก็ทำให้ภาพรวมการแสดงของทั้งคู่ออกมาดูไม่จืดจนเหมือนนักแสดงฝีมือตกอย่างเห็นได้ชัด

นักแสดงนำระดับซุปเปอร์สตาร์

ส่วนคนอื่นๆที่เอามาทำมุก ตลก ขำๆ ไม่ค่อยจะมีผลกับเรื่องราวเท่าไหร่นัก มิหนำซ้ำคงต้องยอมรับล่ะว่าหากจะประเมินในฐานะหนังตลกเองก็ยังเป็นหาจังหวะที่จะทำให้คนดูขำได้ยาก เพราะการเอาโนว์ฮาว (Know How) การเล่นมุกไปเรื่อยแบบละครสั้นสามช่ามาใช้กับหนังชั่วโมงครึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาเลยกลายเป็นหนังที่ล้นไปทุกส่วนจนบาลานซ์ระหว่างความตลกกับความโรแมนติกอย่างที่มันอยากเป็นไม่ได้

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

และบ้างครั้งการเล่นมุกต่างๆดูไม่ค่อยจะตรงจังหวะสักเท่าไหร่นะ แต่ดีที่มีทิดน้อยที่เป็นจุดขาย มาเป็นตัวละครศูนย์กลางในการเล่าเรื่องก็กลับเล่าได้สะเปะสะปะเหมือนไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหน จะให้คนดูลุ้นว่าทิดน้อยจะเอาชนะใจนาคยังไงก็ดันให้คาแรกเตอร์ทิดน้อยดูไม่ค่อยฉลาด เข้าข้างตัวเองและแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาเรื่อย ๆ หรือจะให้คนดูซาบซึ้งกับความเสียสละของทิดน้อยและทำให้เห็นความรักที่มั่นคงของเขา หนังก็กลับไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องราวในส่วนนี้มากพอเสียด้วย

ปัญหาของหนัง

ในส่วนของประเด็นหลังที่สำคัญของหนัง ‘ทิดน้อย Netflix’  คือการที่พี่เท่งยัง คิดถึงรูปแบบเดิมๆในการทำหนัง จนทำให้จังหวะจะโคนการเล่าเรื่องของมันดูเชื่องช้า ย่ำกับที่ และไม่ตอบโจทย์ในการพาผู้ชมยุคใหม่เข้าโรงไปฮากับหนังสักเท่าไหร่ และที่ถือว่าไม่สนใจความเปลี่ยนแปลงของสังคมเลยก็คือบทเดือนของ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ที่ยังคงเป็นมุมมองผู้ชายในยุคเบบี้บูมที่เห็นกะเทยเป็นสิ่งแปลกปลอมและหมั่นลวนลามผู้ชายจนดูน่ากลัว

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ แบบตรงไปตรงมาเลย คือการเอาหนังทั้งเรื่องความยาว ชั่วโมงครึ่ง ที่เล่าเรื่องยืดยาวและมุกตลกไม่ทำงานกับคนดูไปเทียบกับคลิปตลก ๆ ที่มีความยาวเพียงไม่กี่วินาที ก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าระหว่างการเสียเงินซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองกับการเปิดคลิปตลกในแอปต่าง ๆ แถมดูได้ทุกที่ ผู้ชมที่ต้องการความบันเทิงแบบทันทีจะเลือกแบบไหน

การกลับมา ของพี่เท่ง

หลังจากที่ได้ห่างหายจากวงการไปถึง 8 ปี พี่เท่ง เถิดเทิงก็กลับมาอีกครั้งกับงานกำกับครั้งใหม่อย่าง ‘ทิดน้อย หนังดีหนังดัง’ หนังที่ขอหยิบตำนานแม่นาคพระโขนงมาเล่าใหม่ในมุมมองของคนแอบรักอย่างตัวละครทิดน้อยที่ถูกมอบหน้าที่ คนตาบอดเพราะความรัก เรียกได้ว่านี่จะเป็นงานหนังตลกปนโรแมนติกเรื่องแรกในพอร์ตโฟลิโองานกำกับของเขา

พอดูหนังจบ แล้วก็คงไม่ผิดอะไรถ้า เราจะบอกว่าหนังเรื่อง ‘ทิดน้อย’ ดูจะเป็นการต่อยอด จากละครสามช่า ไม่ต่างจากงานชิ้นก่อน ๆ ทั้งการนำตำนานที่คนรู้จักอยู่ แล้วมาผูกเรื่องเข้าไปแบบหลวม ๆ และมีซีนทีเล่นทีจริงที่หลายคนคิดถึงจากรายการชิงร้อยชิงล้าน พอคนดูไม่จำเป็นต้องสนใจ เรื่องราวอะไรมากนักก็เป็นโอกาสของพี่เท่งเขาล่ะ

รีวิว ทิดน้อย มุกตลกต่างๆในเรื่อง

ที่นักแสดงจะใส่มุกขำขัน เฮฮากันตลอดเวลา ซึ่งพี่เท่งก็ได้เชิญนักแสดงตลกเก๋าๆ ที่เป็นพันธมิตรกันทั้งรุ่นเก๋าอย่างพี่โหน่ง หรือ น้าถั่วแระ เชิญยิ้ม ไปจนถึงรุ่นใหม่อย่าง แจ๊ค แฟนฉัน และ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ที่มาสร้างสีสันให้หนังได้เป็นอย่างดี

มันไม่ได้มีแค่มุก ที่เล่นอะไรก็ดูผิดจังหวะ ไปหลายต่อหลายอย่างเลยแหละนะ แม้แต่ไอเดียที่เป็นจุดขาย อย่างการเอาทิดน้อย มาเป็นตัวละครศูนย์กลาง ในการเล่าเรื่องก็กลับเล่าได้สะเปะสะปะ เหมือนไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหน จะให้คนดูลุ้นว่าทิดน้อยจะเอาชนะใจนาคยังไง ก็ดันให้คาแรกเตอร์ทิดน้อย ดูไม่ค่อยฉลาด เข้าข้างตัวเอง และแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาเรื่อย ๆ หรือจะให้คนดูซาบซึ้ง กับความเสียสละของทิดน้อย และทำให้เห็นความรักที่มั่นคงของเขา หนังก็กลับไม่ได้ให้น้ำหนัก กับเรื่องราวในส่วนนี้มากพอเสียด้วย

และสิ่งที่เป็นประเด็นหลักๆเลยของหนัง ‘ทิดน้อย’ นั่นก็คือการพี่เท่งยังยึดติดแบบเดิมๆ รสนิยมการดูหนังของตนเอง จนทำให้จังหวะ จะโคนการเล่าเรื่องของมันดูเชื่องช้า ย่ำกับที่ และไม่ตอบโจทย์ ในการพาผู้ชมยุคใหม่เข้าโรงไปฮา กับหนังสักเท่าไหร่ และที่ถือว่าไม่สนใจความเปลี่ยนแปลง ของสังคมเลย ก็คือบทเดือนของ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ที่ยังคงเป็นมุมมองผู้ชาย ในยุคเบบี้บูมที่เห็นกะเทยเป็นสิ่งแปลกปลอม และหมั่นลวนลามผู้ชายจนดูน่ากลัว

ถ้าจะให้พูดแบบจริงๆตรงๆเลยก็คือ การเอาหนังทั้งเรื่องความยาว 105 นาที ที่เล่าเรื่องยืดยาว และมุกตลกไม่ทำงานกับคนดู ไปเทียบกับคลิปตลก ๆ ที่มีความยาวเพียงไม่กี่วินาที ก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าระหว่างการเสียเงินซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง กับการเปิดคลิปตลกในแอปต่าง ๆ แถมดูได้ทุกที่ ผู้ชมที่ต้องการความบันเทิง แบบทันทีจะเลือกแบบไหน

รีวิว ทิดน้อย ยังตลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโรแมนติก

ที่เป็นจุดขายของหนังจริง ๆ คือการเอา อนันดา เอเวอริงแฮม  ที่ไม่เคยได้แสดงในหนังตลกแนว ๆ นี้มาประกบคู่กับ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกซุปตาร์ที่ร้างจอไปนานกลับมารับบท แม่นาค ในครั้งนี้ได้

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง ทิดน้อย

  • ประเภท: คอมเมดี้ / ดราม่า
  • ผู้กำกับ: เท่ง เถิดเทิง
  • นำแสดงโดย: อั้ม พัชราภา, เท่ง เถิดเทิง, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม
  • ความยาว: 87 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 25 มกราคม 2023 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: ทิดน้อย

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)

 

รีวิวหนัง One for the Road ก่อนจากขอเจอเธอก่อน

One for the Road

รีวิวหนัง One for the Road ก่อนจากขอเจอเธอก่อน

รีวิวหนัง One for the Road นานทีผมจะเปิดดูหนังไทย วันนี้ไปเจอหนังเรื่องone for the road เต็มเรื่อง hd ซึ่งสนุกน่าดู มันเป็นเรื่องราวของชายสองคนที่ออกเดินทางทบทวนความทรงจำก่อนที่ชายหนึ่งคนที่จะต้องจากโลกนี้ไป เพราะเขานั้นป่วยเป็นโรคร้าย ด้วยความรักเพื่อนเขาเลยพาเพื่อนออกเดินทางไปเรื่อยให้ได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุขงานนี้แฟนหนังone for the road พากย์ไทย เต็มเรื่อง ต้องเสียน้ำตาแน่นอน ตามไปดูกันได้ที่ ดูหนังออนไลน์ แล้วอย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดน้ำตาไว้ด้วยนะครับ

One for the Road น่าดู

ผลงานใหม่ของผู้กำกับชื่อดัง

มีผู้กำกับไทยหลายคนที่เขา สามารถสร้างผลงานออกมาให้ชมแล้วได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี แล้วถ้าเขานั้นได้ร่วมงานกับค่ายหนังไทยยักษ์ใหญ่อย่าง GDH559 มันยิ่งทำให้ผลงานของเขาถูกจับตามองแล้วมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น ผมกำลังพูดถึง บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่วันนี้มีผลงานใหม่One for the Road 2021 full movieที่ได้ หว่องกาไว เป็นผู้ดูแลงานสร้าง หลังโด่งดังไกลถึงซันแดนซ์ วันนี้ คนไทยกำลังจะได้ดูในโรงหนังกันแล้ว

One for the Road

แค่ได้ยินชื่อผู้กำกับก็น่าดูแล้ว เพราะเขาเคยฝากผลงานไว้มากมาย เช่น Countdown และ Bad Genius ฉลาดเกมส์โกง และนี่คือผลงานหนังยาวเรื่องที่สาม ที่แทบจะมั่นใจแล้วว่า เขาเป็นตัวจริงในฐานะผู้กำกับหนังชาวไทย ด้วยผลงานที่เด่นชัดแล้วประสบความสำเร็จมากมาย แถมยังมีรางวัลมาการันตี อย่างคว้ารางวัล Creative Vision จากเวที Sundance Film Festival ทำให้คนไทยมากมายรอคอยจะได้ชมด้วยตาตนเองใน รีวิว หนังไทยnetflix

รีวิวหนัง One for the Road เรื่องย่อการเดินทาง

ดูหนัง One for the Road ซูม การเดินทางครั้งนี้มันเริ่มจาก อู๊ด เขานั้นรู้ตัวเองว่ากำลังมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ลูคิเมียที่รุมเร้า ทำให้เขาเลือกจะตามเพื่อนรักอย่าง บอส ให้ปิดบาร์ที่นิวยอร์กเป็นการชั่วคราว เพื่อทำหน้าที่เป็นพลขับพาเขาตระเวณไปทั่วไทยเพื่อคืนของ กล่าวคำขอโทษและบอกลาเหล่าอดีตแฟนสาวของเขา

ด้วยความที่เขานั้นยรักเพื่อนของบอส เขาจึงต้องขับรถบีเอ็มสุดวินเทจพาเพื่อนของเขานั้น ที่อยู่ในสภาพที่แย่ แทบจะไม่ไหวออกเดินทางหาแฟนเก่าทั้งสามของอู๊ด ไม่ว่าจะเป็น หนูนา, อลิส และพี่รุ้ง ด้วยความสามารถด้านการผสมค็อกเทล เขาจึงใช้มันเพื่อทำค็อกเทลแฟนเก่าให้เพื่อน

One for the Road น่าติดตาม

โดยที่ไม่รู้ว่า วันหนึ่งเขาก็ต้องตามหาแฟนของตัวเองเช่นกัน เธอคือ พริม สาวบาร์เทนเดอร์คนที่เขาไม่เคยลืม และทริปบอกลาครั้งนี้ พาให้ความรักที่ไม่เคยหมดไปจากใจให้กลับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง งานนี้ตามไปลุ้นกันต่อได้ที่หนัง Faces Of Anne

นี่แหละคำว่าเพื่อน

ผมชอบคำพูดหนึ่งของบอสนะที่พูดว่า ความสัมพันธ์มันก็เหมือนแดกเหล้า วันนึงมึงก็จะเมาเหมือนหมา แล้วเขาคนนี้แหละที่ขับรถพาอู๊ดไปตามหารแฟนเก่าของเขา ชีวิตของเขาค่อนข้างสบายๆ เหมือนโนสนโนแคร์ วันๆ มีความสุขกับการเป็นเจ้าของบาร์ ชงค็อกเทลให้ลูกค้า ดูเหมือนจะมีความสุข แต่วันนึงกลับต้องมาจัดโร้ดทริปพาเพื่อนตามหาแฟนเก่า ด้วยจุดประสงค์เพียงจะคืนของ พร้อมเอ่ยคำบอกลา

ทริปนี้ในหนัง วันสุดท้ายก่อนบายเธอ netflixคงจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นรได้ ถ้าหากว่าเพื่อนจะถึงคราวเสียชีวิต เพราะการกลับไปหาคนที่เคยคบ คือ การขุดความทรงจำเก่าๆ ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ความผูกพัน ความรักที่อาจยังหลงเหลืออยู่ ย่อมจะทำให้น้ำตาไหลรื้นได้ไม่ยาก ยิ่งได้พบเจอกันตรงหน้า ย่อมจะสะเทือนใจไม่อาจกลั้น

ชีวิตของแต่ละคน เกิดมาพร้อมกับช่วงเวลาหนึ่ง และเวลาเหล่านั้นก็ใช้ไปกับแฟนอย่างน้อยหนึ่งคน เมื่อเป็นอดีตก็กลายเป็น แฟนเก่า คือคนที่เรายังจำจดไว้แม้เวลาจะผ่านเลยไป เมื่อมีอะไรสะกิดขึ้นมา ความทรงจำเก่าๆ ก็จะย้อนกลับขึ้นมาเหมือนเช่นตะกอน ยิ่งถ้าจบกันไม่ดี หรือจบกันแบบค้างคา คงไม่พ้นมีน้ำตาแน่นอน

แปลกดีที่ดูเหมือนหนังจะเล่าถึงแฟนเก่าแต่ละคนด้วยช่วงเวลาที่ไม่ได้นานมาก แต่กลับทำงานกับผมได้ทุกคน แม้กระทั่งกับคนที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้ ก็กลับมีช็อตไม้ตายที่กลั้นไม่อยู่ คงเป็นคนประเภทที่อ่อนไหวกับความทรงจำจริงๆ นั่นแหละ

ไอเดียดีแปลกใหม่

หนังเรื่อง วันสุดท้าย ก่อน บายเธอ เต็มเรื่อง พากย์ไทยไม่ใช่แค่ขับรถตะลอนไปหลายจังหวัดเพื่อตามหาแฟนเก่า แต่ยังใส่ไอเดียของการทำค็อกเทลเมนูต่างๆ ที่สอดประสานไปกับความทรงจำที่มีต่อแฟนคนนั้นๆ ของอู๊ด และคนที่คิดค้นค็อกเทลให้ก็คือบอส เพื่อนและพลขับของอู๊ดนั่นเอง

ในระหว่างเดินทางยังเหมือนเป็นอัลบั้มรวมเพลงรักให้เราได้ฟังกันยาวๆ แล้วอู๊ดเองก็ไม่ได้มีความหลังเพียงแค่แฟนเก่าเท่านั้น แต่เขาก็มีความหลังเกี่ยวกับพ่อที่เป็นดีเจของตนเองด้วย ในรถคันนี้ ไม่ได้เปิดเพลงจากคลื่นไหน แต่เป็นเทปบันทึกเสียงการจัดรายการของพ่อ และเพลงที่ถูกเปิดก็ล้วนมีความหมายอันสอดประสานไปกับความทรงจำของอู๊ด

การมีนักแสดงที่เล่นดีก็เป็นอีกจุดแข็งของหนัง คนที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผมน่าจะเป็นไอซ์ซึ นอกจากลงทุนลดน้ำหนักแล้วก็ยังทำให้เราอินไปกับบทบาท เขารับส่งกับต่อได้ดี ขณะที่บรรดาแฟนเก่าทั้งหลายคงต้องยกให้วีที่พาสะเทือนใจได้สูงสุด อึ้งไปกับการแสดงของพลอยที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ จนอดอินไม่ได้

ในพาร์ทของงานถ่ายภาพ หนังเต็มเปี่ยมไปด้วยงานละเอียด ทั้งด้านการจัดแสง มุมมองภาพ และวิธีการตัดต่อ กลิ่นของความเป็นหว่องกาไวลอยฟูฟ่องอยู่ในหลายส่วนของหนัง ผสานกับดนตรีประกอบที่เน้นแจ๊สฟังเพลินอุรา จัดเป็นงานคราฟต์ชั้นเยี่ยมที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง

ความรักที่เพื่อนมีให้กัน

จะเห็นได้จากตัวอย่างหนังว่า มันเป็นหนังเดินทาง ที่เรัยกได้ว่าเป็นทริปแห่ง redemption ของหนุ่มสองคนที่มีนิสัยแบดแบด แย่แย่ ที่คนดูหลายคนอาจมองอย่างไม่สบอารมณ์ว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องหาเรื่องกลับไปหาแฟนเก่าที่ตนเองเคยทำระยำทิ้งไว้ อาจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะยินดีกับการกลับมาเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย

หนังเรื่องนนี้ถือว่าสื่อถึงความรักของเพื่อนที่มีให้กันมากมายของ อู๊ดกับบอส ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ใครจะรู้ว่าพวกเขาสองคนนั้น ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านอะไรมามากมาย สิ่งใดที่พวกเขาทำต่อกันและพาให้ชีวิตของพวกเขาเดินมาถึงตรงนี้ หนังจะพาเราไปสำรวจ องก์ที่สามจึงดูหนักหน่วงแต่แตกต่างไปจากก่อนหน้า

วันสุดท้ายก่อนบายเธอ pantip เลืกที่จะเดินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่พอจะถึงจุดพีคก็จัดหนักจัดเต็มให้คนดูเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่แนวโรแมนซ์ แต่เป็นดราม่าที่แทรกทั้งเรื่องราวความรัก ครอบครัว ฐานะ ความฝัน ความทรงจำ และความสัมพันธ์ รวมทั้งหมดเอาไว้ด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่ใช่แค่ตัวละครที่เดินทางพร้อมสำรวจชีวิตตนเอง ตัวเราคนดูก็ไม่ต่างกัน หนังทำให้เราหวนนึกไปว่า ที่ผ่านมา เราเคยใจร้ายกับใครบ้าง เราเคยทำใครผิดหวังเอาไว้บ้าง เคยทำตัวนิสัยเสียจนวันนึงทำให้ชีวิตใครต้องพังหรือเปล่า แน่นอนว่า ไม่มีใครย้อนอดีตได้ เราทำได้เพียงย้อนความทรงจำ หลังได้รับบทเรียนจากมัน เราก็ก้าวเดินต่อไป

นักแสดงที่มาแสดงมากมายใน One for the Road

สิ่งที่หนังวันสุดท้าย ก่อน บาย เธอ 4K ขนทัพนักแสดงมาเพื่อพยุงหนังแบบเต็มที่ ไล่ตั้งแต่นักแสดงหลักอย่าง ต่อและไอซ์ซึที่เคมีเข้ากันอย่างลื่นไหล ในแต่ละบทสนทนาของทั้งคู่แฝงไว้ด้วยความยียวนกวนทีนและเป็นห่วงกันตลอด จนเรารู้สึกได้เลยว่า นี่แหละความเป็นเพื่อนที่ไม่ประดิดปะดอย โดยเฉพาะไอซ์ซึ ที่ต้องขอชมมาก เพราะเขาใช้วิธีการแสดงแบบ Method Acting ในการดำดิ่งเข้าสู่ความเป็นอู๊ด ซึ่งไอซ์ซึต้องลดน้ำหนักถึง 17 กิโลกรัมและศึกษาพฤติกรรมของผู้ป่วยลูคีเมียระยะสุดท้ายไปพร้อมกัน

ในส่วนของเหล่านักแสดงสมทบที่เอาเข้ามาเสริมก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ไล่ตั้งแต่บรรดาแฟนเก่าของอู๊ดที่รับบทโดย พลอย หอวัง, ออกแบบ ชุติมณฑน์, นุ่น ศิรพันธ์ ที่ทยอยมาสร้างสีสันกันเป็นระยะ แต่น่าเสียดายที่หนังให้มิติพวกเธอเป็นแค่คนที่ผิดหวังจากอู๊ดและโผล่มาเพื่อด่ากับให้อภัยเท่านั้น

แม้กระทั่งตัวละครอย่าง พริม เธอนั้นเป็นแฟนเก่าหนึ่งในสามคนของอู๊ด ซึ่งได้มิติและแอร์ไทม์มากกว่าแฟนเก่าคนอื่น ๆ ก็มีหน้าที่เพียงแค่ช่วยขับตัวตนจริง ๆ ของอู๊ดกับบอสออกมา และที่อดพูดถึงไม่ได้เลยก็คือบท พ่อของอู๊ด ที่แม้จะโผล่มาแค่เสียงและซีนสั้นๆ แต่ก็ทำหน้าที่ในการนำพาอู๊ดกับบอสให้ทำภารกิจไปจนสุดทาง

ชื่อภาพยนตร์One for the Road / วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ
ผู้กำกับ บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ผู้เขียนบท พวงสร้อย อักษรสว่าง, ณฐพล บุญประกอบ, นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
นักแสดง ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร, นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, วี วิโอเล็ต วอเทียร์, หญิง รฐา โพธิ์งาม, พลอย หอวัง
แนว/ประเภท Drama
เรท MPAA/, ไทย/
ความยาว 136 นาที
ปี 2021
สัญชาติ ไทย
เข้าฉายในไทย 10 กุมภาพันธ์ 2022
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย Block 2 Pictures, Jet Tone Production, GDH559

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง

รีวิวหนัง Faces of Anne ถึงผมจะไม่ใช่แฟนตังยงของหนังสยองขวัญสักเท่าไร แต่ก็ชอบดูอยู่นิดหน่อย โดยเฉพาะหนังเรื่องfaces of anne เต็มเรื่อง พากย์ไทย ที่กำลังมาแรงชวนให้คนดูตามหาว่าใครคือแอนตัวจริง แถมด้วยความสยองขวัญให้เราได้ตกใจอยู่ตลอด งานนี้ในหนังFaces of Anne 2022 ยังขนดราสาวมาให้เราได้ชมฝีมือการแสดงหลายคนเลย ถ้าไม่อยากพลาดชม ผมแนะนำเลยคับ ไปดูที่ ดูหนังออนไลน์ มีให้ชมแบบภาพHD

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง น่าดู

โปรเจคใหญ่ที่กำลังมาแรง

ได้ข่าวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มานานสักพักละ ว่าเขากำลังจะสร้าง และสุดท้ายก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายโรงไปตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2022 ที่ผ่ามา กว่าจะได้เข้าไปดูก็วานนี้ จึงได้เวลามานั่งเขียนถึงFaces of Anne – Pantip ผลงานการกำกับเรื่องล่าของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่ร่วมกันกับ ราสิเกติ์ สุขกาล

ผลงานหนังไทยที่กำลังมาแรง ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ แต่ก็คงจะไม่ได้รับผลตอบรับจากคนไทยเท่าที่ควร เรื่องราวลึกลับระทึกขวัญที่พาผู้คนสับสนและสงสัยว่า เหตุใดพวกเธอจึงได้ชื่อว่าแอน เหตุใดพวกเธอจึงได้มาอยู่ที่นี่ กลายเป็นคนไข้ทั้งที่ไม่รู้ว่าป่วยเพราะอะไร แถมยังถูกตามล่าและฆ่าจากปีศาจหัวกวางโดยไม่รู้เหตุผล

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง

แม้ว่าผลงานการกำกับหนังของเขาจะห่างหายไปหลายปีนั้บตั้งแต่ ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า 2562 จะเว้นช่วงมานานเกือบ ๆ จะ 4 ปีได้แล้ว แต่ชื่อของพี่คงเดช จาตุรันต์รัศมี เรียกว่าไม่ได้หายไปไหนไกลนะครับ ถ้าใครจำกันได้ เพราะพี่คงเดชนี่แหละที่เป็นคนเขียบทร่วมให้กับซีรีส์สุดแรงอื้อฉาว เด็กใหม่ ทั้งซีซัน 1 2561 และซีซัน 2 2564

จนมาปีนี้ พี่คงเดชเลยได้กลับมาอีกครั้งใน Faces of Anne หรือในชื่อไทยห้วน ๆ ว่า แอน ความน่าสนใจอยู่ที่ครั้งนี้เป็นการกำกับร่วมครั้งแรกของพี่คงเดช กับ ราสิเกติ์ สุขกาล ที่เคยทำงานกับหนังของคงเดช ในฐานะผู้กำกับศิลป์ให้กับหนังของพี่คงเดชหลาย ๆ เรื่อง งานนี้ไปชมกันได้ที่ รีวิว หนังไทยNETFLIX

รีวิวหนัง Faces of Anne เรื่องย่อตามล่าหาแอนตัวจริง

หนังfaces of anne สปอย หนังจะพาเราไปชมเรื่องราวใน วันหนึ่ง ที่พวกเธอนั้นได้ลืมตาขึ้นมาจากการหลับ แล้วพบว่าพวกเธอใส่ชุดแปลกๆ ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก และต่อมา เธอจึงได้รู้ว่า ตนเองชื่อแอน โดยที่ไม่แน่ใจว่านั่นใช่ชื่อของเธอจริงๆ หรือเปล่า จากนั้น เธอก็ได้รู้ว่า มีอีกหลายคนที่ชื่อแอน และทุกคนกำลังถูกมันไล่ล่า มันคือ ปีศาจที่สวมหน้ากากหัวกวางที่มาพร้อมกับค้อนเหล็กในมือ

งานนี้พวกเธอต้องหนี เพื่อเอาตัวรอด แถมพ่วงด้วยการตามไขปริศนา กับเรื่องราวสยองขวัญ โดยที่พวกเธอทุกคนมีชื่อเดียวกันคือ แอน สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้ก็คือ ที่นี่มันดูไม่เหมือนโรงพยาบาลแต่มีหมอมีพยาบาลอยู่ เธอไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ที่สำคัญ เธอต้องรีบหาวิธีเอาตัวรอดและออกจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้อย่างเร็วที่สุด

รีวิวหนัง Faces of Anne ใครคือแอนตัวจริง สยอง

โดยเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นกับสาวๆที่ชื่อ แอน พวกเธอนั้นต้องตื่นขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและมาที่นี่ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ เธอต้องรีบหาวิธีเอาตัวรอดและออกจากสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้ ทุกคนชื่อแอน และทุกคนกำลังถูกมันล่า พบกับตัวอย่างแรก จากภาพยนตร์ Faces of Anne ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่มี แอน กี่คน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอคือ แอน จริง ๆ หรือเปล่า คุณเท่านั้น ที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง 

มาทำความรู้จักแอนไปพร้อมกัน

หนังที่มีชื่อไทยสั้นๆ เรียกง่ายๆ ว่า แอน สปอย เรื่องนี้ ทิ้งห่างจาก Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า หนังเรื่องก่อนของคงเดชราว 4 ปี ระหว่างนั้น ก็มีชิ้นงานของเขาที่ส่งออกมาให้เราได้เสพกันอยู่เรื่อยๆ จนไม่ได้รู้สึกว่าห่างหายไปไหน กับโปรเจกต์ที่ผ่านกาลเวลาและถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควร

จากเดิมที่จะเป็นเหล่าไอดอลสาว BNK48 ร่วมกันเล่นเป็นแอน ตอนนี้ มันถูกปรับเปลี่ยนเป็นเหล่านักแสดงสาวมากหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นนางเอกหนังที่คงเดชมุ่งมั่นอยากร่วมงานด้วย และบางคนก็เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้ว

สำหรับหนังเรื่องนนี้มีไอเดียที่ใหม่ กับพล๊อตเรื่องที่แปลกใหม่ และเป็นการทำงานร่วมกับ ราสิเกติ์ สุขกาล ผู้กำกับศิลป์ที่เคยร่วมงานกันมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Snap แค่…ได้คิดถึง’, Where We Belong, P-047 แต่เพียงผู้เดียว และ ทั้งยังเคยออกแบบงานสร้างให้กับหนังของเต๋อ นวพล อย่าง MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY อีกด้วย

งานนี้เหล่าบรรดาแฟนหนังผู้กำกับรายนี้ก็ยังคงรอชมสไตส์การทำหนังของเขาว่าจะใส่มุมมองเชิงใดให้คนดูได้ขบคิดกันอีก จากผลงานครั้งก่อนเก่าที่มักเป็นหนังดราม่าบ้าง ตลกบ้าง หรือโรแมนติกบ้าง ครั้งนี้ คงเดชใช้วิธีการเล่าแบบหนังระทึกขวัญปนลึกลับ สร้างความสงสัยและสับสนให้กับคนดูด้วยการไม่บอกอะไรกับพวกเขามากนัก คนดูทำได้เพียงเรียนรู้จักกับ แอน ไปพร้อมๆ กับตัวละคร

นักแสดงสาวที่มาร่วมแสดง

ในตัวหนังfaces of anne เต็มเรื่อง 037 จะบอกถึงผู้หญิงคนหนึ่งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ ในห้องๆ หนึ่ง และพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนในห้องข้างๆ ก่อนจะพบว่าตนกำลังถูกหมอและพยาบาลกลุ่มหนึ่งเข้ามาฉีดยาบางอย่างให้ เธอได้รับข้อมูลว่าตัวเองนั้นชื่อแอน และเหมือนคนอื่นๆ ก็ชื่อแอนเช่นกัน และทุกแอนกำลังหนีจากการไล่ล่าของปีศาจหัวกวางนาม เวติโก และผู้ชมอย่างเราๆ ก็ได้รู้ว่า มันเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมมากแค่ไหน ภาพในหนังอาจไม่ถึงน่ากลัวแต่ก็บ่งบอกได้ว่าจิตใจของเวติโกนั้นเหี้ยมไม่เบาเลย

ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง รับบท แอน ,อิษยา ฮอสุวรรณ รับบท แอน

วิโอเลต วอเทียร์ รับบท แอน ,วรันธร เปานิล รับบท แอน

ภัณฑิรา พิพิธยากร รับบท แอน ,สุทัตตา อุดมศิลป์ รับบท แอน

อรัชพร โภคินภากร รับบท แอน ,ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์ รับบท แอน

เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ รับบท แอน ,แพรวา สุธรรมพงษ์ รับบท แอน

ความรู้สึกหลังดูหนัง Faces of Anne

หนังเรื่องแอน pantip เลือกที่จะเล่าเรื่องแบบวนเวียน ให้คนดูได้ซึมซับสิ่งที่แอนในเรื่องต้องประสบพบเจอและค่อยๆ เรียนรู้บางสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะช่วยให้เธอได้ออกไปจากที่นัานได้หรือเปล่า สลับไปกับประสบการณ์หนีตายจากปีศาจตัวเดิมที่วนเวียนมาไล่ล่าทุกคืน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์กระมังที่ทำให้เธอยังมุ่งหวังจะได้ออกไป สถานที่ที่ดูไม่น่าใช่สถานพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยทางจิต กับใบหน้าและน้ำเสียงของพวกเธอเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนไม่รู้แล้วว่าแท้จริงเธอหน้าตาเป็นยังไง และแอนคนไหนเป็นตัวจริงกันแน่!

ระหว่างดู อาจไม่ค่อยรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะแตะประเด็นเรื่องการบ้านการเมืองมากเท่าเรื่องที่ผ่านๆ มา อาจมีเล่าถึงบ้าง หรืออาจสอดแทรกสัญญะบางอย่างอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อที่ตัวละครใส่ ปีศาจทำไมต้องเป็นหัวกวางและแท้จริงแล้วมันคือใครกันแน่ และยังมีอย่างอื่นๆ อีก

หากสิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือการวิพากย์ประเด็นวัยรุ่นในสังคม แต่ละคนอาจมีชีวิตที่แตกต่างแต่ก็มีบางอย่างเป็นร่วมกัน ความชื่นชอบหลงไหลในช่วงวัยรุ่นอาจจะทำให้เธอมองเห็นโลกอีกใบซ้อนทับอยู่ การมองหาตัวตนที่ใช่ทำให้ต้องลองเป็นในหลายๆ ตัวตน โซเชียลมีเดียที่พวกเธอกระโจนเข้าใส่โดยไร้การยับยั้ง ทำให้พวกเธอหลงทางจนเกิดความอึดอัดและดิ้นรน จนอาจนำไปสู่…บางสิ่ง

ร่วมกันตามไขปริศนาสุดลึกลับ

ตัวหนัง Faces of Anne เล่นกับความอยากรู้ของมนุษย์ที่เมื่อสงสัยก็ใส่ใจแต่จะควานหาคำตอบ ใช้ตัวเอกเป็นผู้หญิงที่คนพร้อมเอาใจช่วย บวกกับเลือกให้ผู้มารับบทเป็นนางเอกสาวมากหน้าในวงการที่เข้ามาร่วมเล่นในบทบาทเดียวกัน บางคนได้เล่นเยอะหน่อย บางคนก็อาจปรากฏเพียงฉากเดียว

ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะทำให้คนยังอยู่กับหนัง ผมชอบนะการเล่าเรื่องแล้วพาเราไปเจอสถาที่ใหม่ให้แม้เรื่องเล่าไม่ได้ออกไปไกลแต่ก็ยังดึงดูดความสนใจได้อยู่ รวมไปถึงไอเดียของการเปลี่ยนหน้าตาตัวละครแบบต่างๆ นอกจากนี้ งานออกแบบศิลป์ การจัดวางแสง ผสมกับเสียงดนตรีประกอบ ก็สร้างความลึกลับให้กับหนังได้ดี

อาจจะดูว่าไม่ใช่แนวทางของแฟนหนังไทยสักเท่าไร แต่ส่วนตัวผมแล้ว มันคือความแปลกใหม่และแตกต่างในบรรดาหนังไทยด้วยกัน กับเรื่องราวที่ดูจบต้องใช้เวลากระเทาะ แตกประเด็น และอาจจำเป็นต้องดูกันหลายๆ คนแล้วนำมาถกกัน ซึ่งจะทำให้เห็นบางสิ่งที่เราอาจมองข้ามไป

ชื่อภาพยนตร์Faces of Anne / แอน

กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี, ราสิเกติ์ สุขกาล

เขียนบท คงเดช จาตุรันต์รัศมี

แสดงนำ อิ้งค์ – วรันธร เปานิล, ก้อย – อรัชพร โภคินภากร, ออกแบบ – ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, นาน่า – ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์, ปันปัน – สุทัตตา อุดมศิลป์, วี – วิโอเลต วอเทียร์, มิวสิค –
แพรวา สุธรรมพงษ์, เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ, อุ้ม – อิษยา ฮอสุวรรณ, มินนี่ – ภัณฑิรา พิพิธยากร

แนว/ประเภท ลึกลับ, ระทึกขวัญ

เรท น13+

ความยาว 116 นาที

ปี 2022

สัญชาติ ไทย

เข้าฉายในไทย 13 ตุลาคม 2022

ผลิต/จัดจำหน่าย Song Sound Production, M Pictures

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี

รีวิวหนัง Ghost Lab มาเจอกันกับผม กับการรีวิวหนัง วันนี้ผมเอาหนังผีที่กำลังเป็นกระแสอย่าง หนัง ghost lab ฉีกกฎทดลองผี 2021 ที่ได้นักแสดงหนุ่มหล่อมาแสดงถึง2คน กับเนื้อเรื่องเกี่ยวกับหมอหนุ่มสองคนที่้ต้องการพิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือไม่ ด้วยการใช้วิทยาศาสตร์มาทดสอบ งานนี้ หนังเรื่องฉีกกฎทดลองผี จะทำให้คนดูลุ้นสนุกได้มากแค่ไหนต้องไปดูกันใน ดูหนังออนไลน์ กันได้เลยครับ

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี น่าดู

การกลับมาทำหนังผีของ GTH

หลังจากที่ปลายปีที่แล้ว GDH ได้จัดงานแถลงข่าว เพื่อเผยไลน์อัป 5 โปรเจกต์หนังใหม่ที่จะเข้าฉายในปี 2563-2564 ซึ่งในปีทีแล้ว อ้ายคนหล่อลวง 2563 หนังเรื่องแรกของโปรแกรมนี้ก็ได้เข้าโรงฉาย และเอาเข้า Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี

ถือว่าเป็นการกลับมาสร้างหนังผีอีกครั้งของ GDH แล้ว แถมยังเป็นการจับมือร่วมกับ ghost lab Netflix Original เรื่องแรกของ GDH ที่ฉายเฉพาะใน Netflix ด้วย ซึ่งนอกจากว่าจะมีข้อดีตรงที่ชมได้ทั่วโลกแล้ว ส่ิงที่หนังเรื่องนี้มีความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ การดันเรตติงขึ้นไปถึง 18+ ทั้งภาพโหด ๆ และภาพความรุนแรงต่าง ๆ ใส่ในหนังแบบจัดเต็มได้กว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของ GDH ที่เคยมีมา งานนี้ต้องไปติดตามชมกันที่ รีวิวหนังไทยnetflix

รีวิวหนัง Ghost Lab เรื่องการทดลองเกี่ยวกับผี

หนัง ฉีกกฎทดลองผี สปอย มันเป็นเรื่องขงหมอหนุ่มสองคนที่พวกเขานั้นรเป็นเพื่อนกัน หนึ่งคือ วี หมอที่ไม่เชื่อเรื่องผีๆ แต่ก็ดันกลัวผี และสองคือ กล้า หมอศัลย์ที่เชื่อในเรื่องผีมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยทำมาแล้วทุกอย่างเพื่อจะพิสูจน์ว่าผีมันมีจริงๆ

เมื่อทั้งสองคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ พวกเขาจึงร่วมมือกันสร้างห้องประชุมหรือห้องวิจัยลับส่วนตัวกันขึ้นมาในตึกร้างแห่งหนึ่งภายในโรงพยาบาล และเริ่มการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าผีมีจริงด้วยวิถีคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ แนวคิดที่เป็นเหตุเป็นผล และต้องสามารถแสดงมันออกมาให้คนอื่นเห็นผลได้ การทดลองอันแปลกประหลาดจึงได้เริ่มขึ้น

รีวิวหนัง Ghost Lab การทดลองเกี่ยวกับผี หนังใหม่

งานนี้ยังมีสาวสวยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกหนึ่งคน เธอคือใหม่ ที่เป็นแฟนสาวของกล้า เธอมองเห็นความหมกมุ่นของหมอสองคนนี้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกับมัน แต่การทดลองครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหันหลังกลับได้ เมื่อพวกเขาหมกมุ่นยึดติดกับมันจนเกิดขอบเขต สามารถไปลุ้นกันต่อได้ใน รีวิวหนังไทยnetflixน่าดู

ตามพิสูจน์ความจริงเรื่องผี

ถือว่าหนังมีความคิดดีมากที่นำเรื่องราวมาให้ แพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เน้นพิสูจน์ความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ จับพวกเขามาใส่พฤติกรรมการทดลองว่าผีมีจริง จะว่าไป หนังก็ใส่มาทั้งหมอที่เชื่อเรื่องผี คลั่งไคล้เรื่องผีมาตลอดอย่า หมอกล้า และหมอที่ไม่เคยเห็นผี ไม่เชื่อเรื่องผีแต่ดันเป็นคนกลัวผี อย่าง หมอวี สองหมอ สองบุคลิก สองความเชื่อ มาผสานมือกันสร้างการทดลองที่ขัดกับภาพลักษณ์ตัวเอง

การให้ ต่อ ธนภพ มาเล่นเป็น หมอวี เขาเปลี่ยลุคใหม่ ดูให้น่าเชื่อถือมากขึ้น นับว่าเข้าที ขณะที่ ไอซ์ พาริส มาสวมบทบาท หมอกล้า ผู้เคยเห็นผีพ่อตั้งแต่ตอนเด็ก เลยเชื่อฝังหัวว่าผีมีจริง แต่การที่จะทำให้หมอวีเห็นคล้อยตามมันต้องมีเหตุจูงใจ ในที่สุด เหตุนั้นก็มาถึง เมื่อทั้งสองเห็นผีพร้อมกัน ทำให้หมอวีบอกว่า งั้นกูเอาด้วย ฉากนี้ก็คือเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีให้กับหมอวีอยู่นะ

หนังGhost Lab Pantip เดินเรื่องได้มีอะไรให้น่าสนใจเลยทีเดียว ชวนให้น่าติดตาม แถมยังตามหาความจริงแบบมีเหตุมีผล ถือว่าไม่เลวเลยแหละ แต่เท่าที่รู้สึก ส่วนใหญ่หนังก็ให้เวลากับสองคู่หูหมอผู้หมกมุ่นวิจัยแทบจะทั้งเรื่อง มีบางช่วงเท่านั้นที่มีตัวอื่นเข้าร่วมเฟรม ทำให้แม้แต่บทใหม่ของณิชาก็ดูกลายเป็นตัวประกอบไปเลย

หนังให้ความรู้สึกว่า เออ ต่อให้เป็นหนังผีก็ยังจับเอาการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้าไปใส่ได้ อีกทั้ง คนเขียนบทก็ยังใส่แง่มุมชีวิตส่วนตัวของหมอเข้าไปด้วย นัยว่าเพื่อให้คนดูได้เข้าถึงตัวละครมากขึ้น ทั้งไอซ์และต่อก็ล้วนแสดงพาร์ทดราม่าได้ดี มีบางช่วงที่ทำให้น้ำตาคลอไปได้เหมือนกัน

แพทย์ที่หมกหมุ่นเรื่องผี

แต่ก็อย่างว่า ดูหนังไปจะรู้สึกว่าแพทย์หนุ่มสองคนอาจจะหมกหมุ่นเกินไป เรื่องราวจึงค่อยๆ บานปลายจนแทบกูไม่กลับ หนึ่งในตัวละครหลักตัดสินใจกระทำการบางอย่างที่สร้างความช็อคให้ผู้ชม โดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับว่า เขาจะเลือกทำเช่นนั้น กลายเป็นสร้างความไม่เชื่อถือในตัวละครไปตลอดจนจบเรื่อง แถมตัวละครนั้นยังมีพฤติกรรมที่ผิดแผกไปจากที่เคย ยิ่งทำให้นายแพทรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เขากระทำมากขึ้น กลายเป็นว่า สิ่งที่ตัวละครกระทำกันมาก่อนหน้านั้น ที่ดูมีเป็นคนมีเหตุผลกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนไม่ใช้เหตุผล

ในครึ่งหลังของตัวหนังนั้น หลังความเปลี่ยนแปลงอย่างแบบที่เรียกได้ว่าแบบฉับพลัน บทหนังก็ใส่ความคาดไม่ถึงเข้าไป ทำให้หนังมีจุดดึงดูดให้ผู้ชมยังติดตามต่อ แต่ไม่ได้อินกับตัวละคร หรือกระทั่งหลุดความเชื่อมโยงกับตัวละครไปแล้ว นั่นจึงทำให้ ช่วงครึ่งหลังของหนังดูเนือยๆ และผู้ชมก็เริ่มตั้งคำถามในใจว่า แล้วมันจะจบอย่างไรกัน คำถามนั้นคำถามเดียวที่ชักพาให้ผู้ชมยังอยู่กับหนัง

ดูหนัง ghost lab ฉีกกฎทดลองผี จะเห็นได้ว่าหนังพอมีฉากให้เราได้ตกใจอยู่บ้าง แต่ถ้าหากจะแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้ ขอแนะนำว่าให้ปิดโหมดการทำงานระบบตรรกะ และขอให้ลืมวิธีวิทยาการวิจัย Research Methodology หรืออะไรก็ตามที่เคยเรียนหรือรู้ตอนเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เทือก ๆ นี้ไปก่อนนะครับ คือเอาจริง ๆ มันก็เป็นคำแนะนำที่ดูจะขัด ๆ แปร่ง ๆ กับหนังที่ชวนให้เราใช้สมอง ใช้ความคิดหนัก ๆ กับหลักวิทยาศาสตร์ไปหน่อยนั่นแหละ

หลายองค์ประกอบที่ทำมาให้น่าติดตาม

ถ้าว่ากันด้วย ห้อง ทดลองผี เรื่องของธีม หรือแก่นเรื่อง จริง ๆ ต้องบอกว่ามันมีความน่าสนใจและมีความเท่ในตัวของมันเองอยู่แล้วนะครับ แล้วมันก็สัมผัสได้ตั้งแต่องก์แรก ที่เราจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างมุมมองเกี่ยวกับวิญญาณ ไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันของทั้งคู่ โอเค

แม้ว่าหนังนัก วิทยาศาสตร์ ทดลอง วิญญาณ ตอนปูเรื่องแรก ๆ จะแอบรู้สึกยุกยิกกับการคุยอะไรเนิร์ด ๆ ไปบ้างกว่าจะปูเข้าเรื่องว่ามีโปรเจกต์ลับ ๆ เพื่อทดลองการปรากฏตัวของวิญญาณ และหวังว่าจะเป็นโปรเจกต์ที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยระดับโลก มันก็ค่อนข้างจะมีอะไรให้รู้สึกคันหัวใจยุบยิบอยู่เหมือนกัน

ตั้งแต่ในองก์แรก เราจึงจะได้เห็นการวางโครงคร่าว ๆ การสร้างโลเกชันหลักอยู่ในที่ที่ ว่ากันว่า วิญญาณเยอะสุด ๆ อย่างโรงพยาบาล เพราะคนตายทุกวันและมีห้องดับจิต และการอธิบายอธิบายเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์ว่า ผีมีจริงไหม? ถ้าผีมีจริง มีอะไรที่จะวัดได้ไหม และ ถ้าผีมีจริง จะปรากฏตัวได้อย่างไร เมื่อไหร่?

ในองก์แรกอย่างชัดเจน รวมถึงเคมีที่เข้ากันของไอซ์และต่อ ที่แม้ว่าอายุจะห่างกันพอสมควร แต่ก็เรียกได้ว่าดูมีความเข้าขากันในระดับที่น่าสนใจ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ในองก์แรกนั้นมีสถานะเป็นหนังแนวลี้ลับ ผสมสืบสวนสอบสวน มีคอมเมดี้แทรกเล็กน้อย ที่ดูพอจะเข้าใจในเจตนาและวิธีการของตัวละครได้ในระดับหนึี่งเลยทีเดียว รวมถึงความพยายามในการประคับประคองประเด็นความเชื่อระหว่างพุทธกับผี จนเรียกได้ว่าดูแล้วนึกถึง ฉลาดเกมส์โกง 2560 ได้ในแวบหนึ่งเหมือนกันนะครับ

เปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับผีใน Ghost Lab

แต่พอมาระยะกลางๆเรื่อง หนุ่มทั้งสองคนเริ่มสับสน และแอบมีความคิดเปลี่ยนไป เพราะกลับพบว่า บทเริ่มกลับพาออกไปไกลจากหลักวิทยาศาสตร์หล่อ ๆ ที่สองหมอหนุ่มหล่ออุตส่าห์ปูเรื่องไว้ให้อย่างดี เพราะแม้ว่าตัวละคร โดยเฉพาะต่อ ธนภพ ที่กำลังจะเข้ามาแบกหนัง และตัวหนังเองก็มีปมระทึกขวัญในระดับที่ไม่ควรสปอยล์เป็นอย่างยิ่งอยู่

ในGHOST LAB นั้นถ้าเรามองไปดูเหมือนว่าหน้าหนังและเนื้อหาในองก์แรก ที่เข้าใจว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นการ เอาวิทยาศาสตร์ไปหาผี กลับกลายเป็นว่าในองก์นี้ กลับเริ่มเอา ผีโน้มกลับมาหาวิทยาศาสตร์ และความเชื่อในทางพุทธ/ผี ไปเสียอย่างนั้น

จนทำให้เราแทบสัมผัสหลักการต่าง ๆ แทบไมไ่ด้เลยว่า ผีจะกลับมาด้วยทฤษฏี วิธีการ หรือปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ให้เราเชื่อได้ว่า ผีมีจริง ได้ยังไงกันแน่ นอกจากจะใช้ “บางสิ่งบางอย่าง เอามาเป็น เครื่องสังเวย และ ร่างทรง ให้กับวิญญาณที่มีห่วงได้ใช้อาศัยในการสื่อสาร เป็นการนำเอาความเชื่อทางพุทธ/ผี

รวมถึงความผูกพันในแง่ของความรัก ความแค้น การมีห่วงผูกพัน รวมถึงประเด็นของวิญญาณที่วนเวียนไม่ไปไหน วิญญาณเข้าฝัน ฯลฯ มาครอบด้วยมุมมองทางวิทยาศาสตร์ที่ดูจะเบาบางลงเรื่อย ๆ ในขณะที่เรื่องดำเนินไปเท่านั้นเอง รวมถึงบางประเด็น และบางเรื่องราวที่ยังอธิบายได้ไม่สุด ไม่เคลียร์ รวมถึงบางประเด็นที่ถูกทิ้งขว้างไปแบบดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น ทั้งหมดนี้กลายเป็นความ เบี้ยว ที่ต้องใช้การแสดงของ ต่อ ธนภพ ออกแรงแบกกันหนักหน่อย

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก มาถึงคิวหนังผีน่าดูอย่างหนัง ผ้าผีบอกเต็มเรื่อง ที่งานนี้ไม่ได้มาแค่ความสยองยังขนความสนุกมาอีก กับความฮาที่มาเพิ่มสีสันให้หนัง ผ้าผีบอกเต็มเรื่อง 123 งานนี้ใครที่เป็นแฟนๆBNK48 ห้ามพลาดเด็ดขาดเพราะเป็นหนังของสาวๆที่มาโชว์ฝีมือทางดานการแสดง ถ้าไม่อยากพลาดชมหนังเรื่องนี้ ไปดูกันได้ที่ ดูหนังออนไลน์ กันได้เลยครับ

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา น่าดู

ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับฝีมือดี

แต่อย่างว่าละครับ เพราะมันเป็นผลงานของ iAM Films ที่กำลังจะมาเอาดีทางด้านการผลิตหนัง เรื่องแรกก็จัดเต็มขนเมมเบอร์ BNK48 มาทีเดียว 5 คน จัดนักแสดงชายมาเสริมทัพสร้างสีสัน มีมะเดี่ยวมาเป็นโปรดิวเซอร์ดูแลการผลิต ส่งไม้ให้ ณัฐพงษ์ อรุณเนตร รับหน้าที่กำกับ หลายคนก็อาจสงสัยว่าเขาเคยมีผลงานอะไรออกมาก่อนหน้าบ้าง

ต้องบอกว่าเขาก็มีผลงานที่เราเคยชมกันมาก่อน โดยที่เป็นผู้กำกับร่วมใน ทริอาช ก่อนหน้านั้น ก็คือเคยผลงานการแสดงในหนังอย่าง 13 เกมสยอง , ฝัน หวาน อาย จูบ และ หลุดสี่หลุด หนังเรื่องนี้คงจะเป็นงานแรกๆ ที่เขาได้บินเดี่ยวอย่างจริงๆ จังๆ สักที

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา สนุก

ครั้งนี้หนัง ผ้าผีบอก full hd ไม่ได้มาแบบไทบ้านขั้นสุด แต่ก็พอมีกลิ่นอายของไทบ้านอยู่ เพราะตัวหนังก็ยังหยิบเอาวัฒนธรรมภาคเหนือ-อีสานมาปรับใช้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ ส่วนผสมสูตรนี้ มาจากโปรดิวเซอร์อย่าง มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และได้ อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์ นักแสดงจากภาพยนตร์ของพี่มะเดี่ยว ทั้ง 13 เกมสยอง 2549, และเคยผ่านงานมิวสิกวิดีโอของทั้ง BNK48 และ CGM48 มานั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก ไปติดตามกันได้ที่ รีวิวหนังไทยnetflix

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก เรื่องย่อชวนน่าดู

สำหรับหนังผ้าผีบอก สปอย หนังนั้นจะปูเรื่องราวไปใน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ1000ปีก่อนหน้านี้ ณ เวียงไชยเชษฐ์บุรี เจ้าหลวงรังสิมันต์ ได้ทำการจัดการแข่งขันทอผ้าเพื่อที่เขาจะเลือกพระชายา เจ้านางหลวงคู่บัลลังก์ แต่ในวันถวายผ้า อัญญานางหอมนวล จากนครผางาม กลับถูกรัดคอตายโดยไม่อาจล่วงรู้ตัวผู้กระทำ

แต่แล้วก็มาถึงเวลาปัจจับัน พันปีต่อมา อชิ หนุ่มวัยรุ่นโอตาคุผี พาทีมงานมาบ้านยายทวดที่เชียงใหม่ แอบเข้าไปในห้องเก็บของแล้วดันไปสัมผัสผ้าตุ้มโบราณเข้าเลยได้เจอกับอัญญานางหอมนวล ที่ปรากฏและประกาศว่า หากใครได้สัมผัสและไม่อาจหาคนร้ายที่ฆ่าเธอได้ภายใน 3 วัน คนผู้นั้นจักต้องตาย

รีวิวหนัง ผ้าผีบอก หนังผีที่มาพร้อมความฮา หนังดี

จึงทำให้เขาต้องมาทำหน้าที่สืบสวนหาคนที่ฆ่า นางหอมนวล ผู้ต้องสงสัยที่ทุกคนคิดได้ก็คงจะหนีไม่พ้น สาระปี เจ้านางฝีปากกล้าแห่งนครภวินท์ สะบันงา (จิรดาภา อินทจักร/ปูเป้ BNK48) เจ้าหญิงขี้เมาเจ้าเล่ห์แห่งเมืองกวินทราบุรี และ เก็ดถะหวา เจ้านางผู้อ่อนแอขี้โรคแห่งเมืองไชยเชษฐ์บุรี การสืบหาอดีตครั้งนี้ อชิจะทำได้สำเร็จหรือไม่ อัญญานางหอมนวลจะเป็นอิสระจากความแค้นได้หรือเปล่า ต้องไปลุ้นกันที่ รีวิวหนังไทยnetflixน่าดู

ไม่ใช่แค่หนังผีแต่มีความฮามาด้วย

ตอนแรกอาจจะคิดว่าเป็นหนังผี ดูไปอีกที เอ รึว่าเป็นหนังตลก แต่ที่จริงมันผสมหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องราวย้อนยุค ย้อนไปราวพันปีชนิดที่ไม่ต้องไปสนว่าสมัยนั้นมันจะมีเรื่องแบบนี้หรือไม่ ทั้งเรื่องราวลึกลับที่เริ่มต้นด้วยปริศนา ใครฆ่าหอมนวล และเมื่อตัวละครเข้าไปสืบสาวราวเรื่องก็กลับได้พบว่า ผีที่ตนคิดว่าจะได้เจอ พวกเธอกลับมีอะไรที่แฟนตาซีบ้าบอเข้ามาด้วย ระหว่างนั้นก็จัดเต็มมุกตลกเรี่ยราดไม่มีหยุด แต่ในทุกสิ่งที่ว่ามานั้น ก็มีเรื่องราวโรแมนติกแทรกซึมอยู่

ถ้าจะดูแบบแยกกันเป็นฉากๆ ก็อาจจะพบว่ามีบ้างที่การกระทำดูไม่เม้กเซ้นส์ แต่ถ้าดูโดยรวมๆ มันคือหนังที่เหมือนคนเมากาวเล่าไปเรื่อยแต่ไม่หลุดธีมของตัวเอง อีกนัยหนึ่งก็เหมือนมนุษย์เบียวๆ คนนึงที่นั่งเล่านิทานให้ฟัง ผสมผสานไอเดียเวทย์มนตร์แบบพ่อมดแม่มดเข้ามา ใส่เอฟเฟกต์บู้มๆ เข้ามา โดยที่เอฟเฟกต์ก็ไม่สนว่าต้องเนียน แต่เป็นคนมีความจริงใจที่จะเล่า ไม่สนใจใครจะหาว่าเบียว ฉันก็จะไปของฉันแบบนี้ ใครจะทำไม

เรื่องราวของหนัง ผ้าผีบอก netflix ก็แอบมีแนวการสืบสวนเข้ามาผสมอยู่บ้าง ในช่วงที่เขาตามหาความจริงของความตายของอัญญานางหอมนวล หญิงสาวแสนสวยที่ทำหน้าที่ทั้ง สาปอชิ, ร่วมออกเดินทางตามหาสาเหตุการตายของตนเอง, พบเจอเรื่องใหม่ๆ เซอร์ไพรซ์กับเพิ่งรู้ และแน่นอน เสียงบรรยายเรื่องราวครั้งอดีตเมื่อพันปีก่อนเป็นเสียงของเธอเอง งานนี้ก็ต้องเรียกได้ว่า วี วีรยา จาง ทำได้ทั้งความสวยและลีลาการแสดง

สนุกชวนให้น่าติดตาม

เรื่องราวในหนังเล่าถึงอะไรที่ชวนประหลาดใจ ตอนแรกของหนังนั้นมันทำให้เราเข้าใจในแบบหนึ่ง แต่พอเวลาของหนังผ่านไป มันก็ทำให้เราได้พบว่าเรื่องจริงมันคืออีกแบบ แถมเรื่องราวในอดีตเหล่านั้น ล้วนเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับทุกคนในก๊วน แต่ละคนก็จะได้รับสองบทบาทในลักษณะที่แตกต่างกันไป

ในหนัง ผ้าผีบอกเต็มเรื่องพากย์ไทย นอกจากเราจะได้ชมหนังสนุกแล้ว หนังเองยังมีผลงานเพลงให้ได้ฟังกัน2เพลงจากบรรดาสาวๆ เพลงหนึ่งเข้าไปอยู่ในหนังในช็อตที่ชวนรู้สึกอิหยังวะ แต่พอหนังมันเบียวมาทั้งเรื่องก็เลยไม่ได้ถือสา เอาเป็นว่า จัดไป กับอีกเพลงนั้นไพเราะมาก เหมาะกับช่วงเวลาที่จะเล่าพาร์ทนั้นเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้ประทับใจกัน ก็คงจะเป็ฝีมือการแสดงของนักแสดงที่ทำได้ดี ที่ถือว่าค่อนข้างได้ผลเลยล่ะครับ สามารถหยิบเอาเสน่ห์ของแต่ละคน และแทรกความตลกออกมาได้น่าสนใจ ซึ่งแฟนคลับน่าจะพอดูออกครับว่าคาแรกเตอร์ไหนที่เอามาจากตัวเมมเบอร์จริง ๆ

หนังเรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นความก้าวหน้าของสาวๆ BNK48 ถือว่าโตขึ้นไปอีกระดับ แต่ถ้าจะให้ยกเป็น MVP ของเรื่อง ก็คงต้องยกให้คู่ของ หอมนวล วี BNK48 และ บักคูณ วอร์ วนรัตน์ ตัวพระนางหลักของเรื่อง ที่งานนี้ถือว่ามีความน่ารักชวนจิ้น วอร์เล่นได้ทั้งบทฮา ซึ้ง โรแมนติก ส่วนน้องวีก็ถือว่าสวยและขึ้นกล้องมากจริง ๆ ครับ เรียกว่างานนี้ #วอร์วี ต้องมาละนะครับ

ขนนักแสดงหนุ่มสาวมาเพียบ

นี่คือหนังคัลต์ หรือจะเรียกมันว่าเป็น หอแต๋วแตก เวอร์ชัน BNK48 ก็ได้เพราะมันเต็มไปด้วยความสนุกเฮฮา ที่ใช้ความเบียวขั้นสุด ความกาว ล่อฮากันแบบไม่ต้องเกรงใจใคร ในขณะเดียวกันหนัง ผ้าผีบอกเต็มเรื่อง 037 มันก็ยังเกาะเกี่ยวความสยองขวัญ ตำนานผี และความบันเทิงแบบจักร ๆ วงศ์ ๆ มาสับ ๆ คลุกเคล้าจนกลายเป็นหนังผีตลกที่เหมาะกับการถอดสมองระหว่างดู เหมือนกำลังนั่งกินหมกกบอยู่หน้าฮ่านอย่างไรก็อย่างนั้นเลยครับ

แถมครั้งนี้ยังมีนักแสดงมากมาย เช่น วีรยา จาง รับบท อัญญานางหอมนวล ,มิลิน ดอกเทียน รับบท สาระปี

วนรัตน์ รัศมีรัตน์ รับบท อชิ ,อานันท์ ว่อง รับบท เจ้าหลวงรังสิมันต์

พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค รับบท เก็ดถะหวา ,ณัฐกุล พิมพ์ธงชัยกุล รับบท คำเคิบ

จิรดาภา อินทจักร รับบท สะบันงา ,สหรัฐ หอมแสง รับบท หมอผีสิงห์คำ

ไม่ควรพลาดกับหนัง ผ้าผีบอก

งานนี้ถือว่าหนังผ้าผีบอกเต็มเรื่อง 037hd ทำได้ดี แม้จะขนบรรดาสาวๆ BNK48 มาหลายแต่พวกน้องๆก็ แสดงได้สนุกสนาน การที่เมมเบอร์รับบทบาทในหนังบางเรื่องได้ไม่เข้าปากเข้าบท แต่กับหนังเรื่องนี้ ต้องชื่นชมว่าสามารถแก้เกมตรงจุดนี้ได้ค่อนข้างดีนะครับ อาจจะเพราะว่าจำนวนเมมเบอร์+หยิ่นวอร์+ทีมแก๊งรายการผีนั้นถือว่ากำลังดี ไม่เยอะเกิน สามารถเฉลี่ยแอร์ไทม์ได้ค่อนข้างดีเลย

สิ่งที่สำคัญที่เป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ก็คือ การพัฒนาบทจากคาแรกเตอร์ของเมมเบอร์แต่ละคน ที่ถือว่าค่อนข้างได้ผลเลยล่ะครับ สามารถหยิบเอาเสน่ห์ของแต่ละคน และแทรกความตลกออกมาได้น่าสนใจ ซึ่งแฟนคลับน่าจะพอดูออกครับว่าคาแรกเตอร์ไหนที่เอามาจากตัวเมมเบอร์จริง ๆ

นั่นก็ทำให้การแสดงของ BNK48 ถือว่าโตขึ้นไปอีกระดับ แต่ถ้าจะให้ยกเป็น MVP ของเรื่อง ก็คงต้องยกให้คู่ของ หอมนวล และ บักคูณ พระนางหลักของเรื่อง ที่งานนี้ถือว่ามีความน่ารักชวนจิ้น วอร์เล่นได้ทั้งบทฮา ซึ้ง โรแมนติก ส่วนน้องวีก็ถือว่าสวยและขึ้นกล้องมากจริง ๆ ครับ