Category Archives: หนังไทยมาใหม่

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

 

 

ภาพยนตร์ อ้ายคนหล่อลวง” เล่าราวของอินา หนังไทยมาใหม่ สาวอีสานบุคลากรเล็กของบริษัทสินเชื่อ ที่อยากหลอกเงินคืนจากคนรักเก่าที่เด็กกว่าเป็นเพชร (แบงค์ ธิตำหนิผู้เอาไปอีกทั้งหัวใจแล้วก็เงินปริมาณกว่าห้าแสน ที่อินาจำต้องดำเนินการตระหนี่ชำระหนี้อีกนับเป็นเวลาหลายปี โดยคุณร่วมมือกับทาวเวอร์ (ณอำนาจน์) มิจฉาชีพมือโปร สำหรับในการคิดแผนให้ อาจารย์นงนุช (แหม่ม คัทลียาแกล้งปลอมตัวเป็นเศรษฐินีไปล่อให้เพชรต้องการจับมาปอกลอก โดยได้การช่วยเหลือจาก มิจฉาชีพ (เผือก พงศธรนักต้มรุ่นพี่ ที่มาเลียนแบบเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งเพื่อแผนแนบเนียนเพิ่มมากขึ้น ในระหว่างดำเนินแผน ทาวเวอร์ และก็ อินา ก็ได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พวกเขาแปรไป

 

พล็อตหนัง

ด้วยความที่หนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” เป็นหนังโรแมนติก คอเมดี้ อารมณ์ดี เราคาดหวังจาก GDH ได้เลยว่าหนังจะออกมาเป็นโทนที่เบาสมอง ผ่อนคลาย และทำให้คนดูได้หัวเราะออกมาดัง ๆ หลายฉาก ไม่ว่าจะเป็นมุกเกี่ยวกับความเป็นนักต้มตุ๋นที่ดูเนี้ยบตลอดของพระเอก ที่เมื่อเจอเหตุการณ์ให้ต้องซิ่งรถเฟอร์รารีก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก หรือมุกที่เล่นกับคำพูด ท่าทางตัวละคร หากจะยกให้ใครเป็นดาวตลกประจำเรื่องคงต้องยกให้ตัวละคร โจร ของเผือก พงศธร กับฉากแกล้งคุยโทรศัพท์ในตำนาน และอีกคนคือ แซมซั่น (เต๋อ ฉันทวิชช์) กับมุกเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งแม้จะดูเกินไปหน่อยในหลายฉาก แต่ก็กลายเป็นภาพจำหนึ่งของหนัง

ในหนัง ภาพยนตร์ “อ้ายคนหล่อลวง” อินา ตัวละครนางเอก จะต้องได้รับบททดสอบเกี่ยวกับการเชื่อใจคนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเธอถูกแฟนเก่าอย่างเพชรหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ เธอกลับเลือกที่จะเชื่อใจนักต้มตุ๋นอย่างทาวเวอร์ แต่อินาก็เป็นตัวละครที่โดนแล้วเข็ด เธอจึงสามารถซ้อนแผนของตัวเองได้อย่างแนบเนียน และทำให้จุดพลิกล็อคของหนังมีความน่าลุ้น น่าติดตาม ซึ่งหนังก็ทำมาได้อย่างลงตัวดีโดยคนดูไม่รู้สึกเอะใจ ดูหนังออนไลน์

 

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

 

ด้วยความที่เป็นหนังเกี่ยวกับการต้มตุ๋นหลอกลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด หนังก็ไม่ได้เห็นด้วยไปกับทุกสิ่งที่ตัวละครทำทั้งหมด ซึ่งคนดูก็สามารถคิดได้เองว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของหนัง แต่หากเป็นโลกแห่งความเป็นจริง คนดูย่อมจะต้องเข้าข้างเหยื่อมากกว่า หนังก็ได้ใส่ส่วนที่สอนในเรื่องนี้อยู่ในที และทำให้ชะตาชีวิตของทาวเวอร์ในตอนท้ายของหนังเปลี่ยนแปลงไป โดยที่เขาได้บางสิ่งเป็นการตอบแทนจากการเลือกเปลี่ยนชีวิตตนเองจากเส้นทางของนักต้มตุ๋น
ซีนอารมณ์ดราม่านิด ๆ ให้ตนดูอินกับตัวละคร ดูหนังฟรี

 

นักแสดง

หนัง ภาพยนตร์ อ้ายคนหล่อลวง ย้อนหลัง ได้ใส่ซีนอารมณ์ปะทะกันระหว่างตัวละครเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีนระหว่างอินา กับเพชร ซึ่งมีความหลังฝังใจกันมานาน หรืออินา กับทาวเวอร์ ในเรื่องการเชื่อใจซึ่งกันและกัน และทำให้คนดูอินไปกับชะตากรรมของอินา และเอาใจช่วยลุ้นไปกับเธอ ต้องยอมรับว่าใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งอยู่ในเกือบทุกฉากของหนัง สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้ เมื่อประกบคู่กับนักแสดงซูเปอร์สตาร์อย่างณเดชน์ ยิ่งทำให้ออร่าของทั้งสองพวยพุ่ง จนเด่นออกมาจากตัวละครอื่น ๆ ในหนัง

วันนี้เราจะมาแนะนำ หนังเรื่อง อ้าย..คนหล่อลวง เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ มีทั้งความฮา ตลก และความเพี้ยนของพระเอกกับนางเอก แถมความน่ารักโรแมนติกส่งท้ายเรื่องไว้อีก นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และ พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เป็นเรื่องราวของแก๊งต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ที่โชคร้ายโทรเข้ามาเจออดีตพนักงานธนาคารจนต้องหันมาทำภารกิจหลอกเงินคืนร่วมกันเพื่อไม่ให้ถูกจับส่งตำรวจ ไปดูกันค่ะว่าจะมีฉากไหนที่เราไม่ควรพลาด

 

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

 

  • ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท ทาวเวอร์ หัวหน้าแก๊งต้มตุ๋น ที่หล่อ ดูดี เท่ห์
  • พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ รับบท อินา อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ที่สวยและจิตใจดี ขี้สงสารคนจนทำให้ตัวเองถูกหลอก
  • ธิติ มหาโยธารักษ์ รับบท เพชร แฟนเก่าของอินา ชอบหลอกเอาเงินจากผู้หญิง
  • พงศธร จงวิลาส รับบท โจร พี่ชายของทาวเวอร์ เป็นอดีตแก๊งต้มตุ๋น
  • คัทลียา แมคอินทอช รับบท ครูนงนุช ครูสมัยประถมของอินา

 

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

ฉากแรกจะเป็นตอนที่ทาวเวอร์โทรไปหลอกอินาว่าจะช่วยรับบริจาคและให้อินาโอนเงินให้ แต่อินารู้ทันแถมยังให้พี่ที่รู้จักในธนาคารค้นหาที่อยู่บัตรประชาชนจนรู้ชื่อที่อยู่จริงของทาวเวอร์ และอินายังอัดเสียงไว้เป็นหลักฐานเอาผิดทาวเวอร์ด้วย
ฉากนี้ ตอนนี้ทาวเวอร์กับพี่โจรรู้ว่าเพชรให้เงินได้แค่ล้านเดียว ทั้งคู่เลยจะชิงหนีอินา ส่วนอินาก็พอรู้ว่าตัวเองคงโดนหลอกอีกแล้วเลยถ่ายคลิปรีวิวตัวเองที่ถูกหลอก แต่สุดท้ายเทาเวอร์ก็กลับมาหาอินา ทำให้ทั้งคู่กลับมาตกลงกันวางแผนใหม่แต่ครั้งนี้อินาจะเป็นคนถือเงินทั้งหมดที่จะได้ ฉากนี้จะเห็นได้ว่าอินากับทาวเวอร์เริ่มมีใจให้กัน

ส่วนฉากสุดท้ายหลังจากที่ทั้งคู่หลอกเอาเงินคืนมาได้ และทุกคนก็ต้องแยกจากกัน พี่โจรได้บอกทาวเวอร์ว่านักต้มตุ๋นกับคนธรรมดารักกันไม่ได้หรอก เรานี้ก็คิดว่าจะไม่ได้จบแบบแฮปปี้ จนมาถึงตอนที่อินาจะต้องโทรไปแจ้งหนี้ของลูกค้า แต่ลูกค้าของก็คือทาวเวอร์(เรานี่ยิ้มเลยจ้า^^) ทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง และทาวเวอร์ก็ได้ถามอินาว่า “มีแฟนไปยัง ถ้าบอกว่าชอบตอนนี้จะช้าไปไหม” ฉันเขิล~ เราคิดว่าทาวเวอร์พยายามกลับไปทำอาชีพที่สุจริตเพื่อให้ตัวเองดีพอที่จะรักผู้หญิงคนหนึ่งอะไรแบบนี้

 

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

 

เรียกได้ว่าเว้นห่างจากจอภาพยนตร์ไปร่วม 1 ปีเต็มสำหรับหนังค่าย GDH ที่ปีนี้ดูจะมือขึ้นกับการทำซีรีส์้ป้อนทั้งช่องทางโทรทัศน์และออนไลน์ แต่หลังจากเปิดตัวโพรเจกต์ภาพยนตร์ใหม่ไปไม่นานวันนี้ก็ได้ฤกษ์แกะกล่องหนังส่งท้ายปี 2020 ปีที่แสนสาหัสสำหรับหนังไทยเหลือเกินพร้อมการกลับมาครั้งที่ 4 อย่างเป็นทางการของเมษ ธราธรผู้กำกับสายคอมเมดีระดับร้อยล้านกับงานใหม่ที่หยิบเอากิมมิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาผูกโยงกับเรื่องการหลอกลวงโดยเอาความรักมาเป็นเครื่องมือ

หลังโดนแฟนเด็กอย่างเพชร (ธิติ มหาโยธารักษ์)หลอกเอาเงินไปหมดตัว อินา (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) พนักงานศรีสวัสดิ์ก็ใช้ชีวิตอย่างอัตคัตและเอาความหน้าโง่ของตัวเองมาเป็นคอนเทนต์ลงอินเทอร์เน็ตเรียกเงินบริจาคจนเป็นช่องทางให้ ทาวเวอร์ (ณเดชย์ คูกิมิยะ) 18มงกุฎแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นช่องทางทำเงินแต่ดันถูกอินาซ้อนแผนจับไต๋ได้

และเพื่อแลกกับลบคลิปเสียงหลักฐานการต้มตุ๋นทาวเวอร์ตกลงที่จะทำแผนลวงเอาคืนเพชรครั้งใหญ่และยังได้ ครูนงนุช (คัทลียา แมคอินทอช) ครูของอินาที่ติดหนี้ศรีสวัสดิ์ก้อนใหญ่และโจร (พงศธร จงวิลาส) สหายโจรที่ติดคุกมากับทาวเวอร์ ร่วมแผนจัดฉากโกงหมดหน้าตักกับเพชรแต่งานนี้อาชญากรตัวพ่อหรือสายมโนเพ้อรักใครจะโดนหักเหลี่ยม ?

 

จุดบอดของหนัง

สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดบอดของหนังเมษ ธราธรมาตลอดคงหนีไม่พ้นบทภาพยนตร์ที่แทบจะไม่ได้ทำหน้าที่อะไรไปมากกว่าการถูกใช้เพื่อรองรับมุกตลกสไตล์การ์ตูนหรือคอมิกคอมเมดี (Comic Comedy) อันเป็นลายเซ็นมาตลอด แม้ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันประเด็นที่หนังเขาบอกเล่าจะน่าสนใจมากทั้งการแข่งสอบสวนตู้ATMแจกเงินของคู่รักที่ต้องเลือกระหว่างความรักกับหน้าที่การงาน

หรือการพัฒนาตัวเองเรียนภาษาอังกฤษเพื่อตามไปง้อสาวคนรักก่อนที่หัวใจจะเริ่มสะกดคำว่าI Love You กับครูผู้สอนที่ทำให้เห็นทั้งการดิ้นรนในหน้าที่การงานและความสำคัญของความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อต้อนรับ AEC แต่พอหนังมุ่งไปทางคอมเมดี้เป็นหลักและเรื่องรักเป็นภาคบังคับเราเลยเห็นความลักลั่นไม่ลงตัวในเนื้องานของเขามาตลอด อ้ายคนหล่อลวง ep 1

แต่กับฝีมือการปั้นบทของเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวีที่ก่อนหน้านี้เขียนบทให้ ผู้กำกับ โต้ง – บรรจง ปิสัญธนกูล มาตลอดก็ทำให้ อ้าย..คนหล่อลวง เป็นบทหนังที่ถึงพร้อมด้วยลูกเล่นแพรวพราวและเต็มไปด้วยไอเดียเจ๋ง ๆ โดยเฉพาะการหยิบจับข่าวการหลอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาคลาสสิกของสังคมไทยอย่างการหลอกโดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือมาผูกโยงบทและมันยังสามารถรองรับกับมุกสไตล์ เมษ ธราธรที่เต็มไปด้วยตัวละครบุคลิกแบบการ์ตูน ๆ ได้ลงตัวราวกับวัดตัวตัดเสื้อผ้าเลยทีเดียว

 

 

โดยจุดเด่นที่สุดคือการเปรียบเทียบเล่นมุมของการ Scam หรือการหลอกลวงทั้งแบบใช้เทคโนโลยีอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นข่าวดังและการหลอกลวงที่อนาล็อกที่สุดอย่างการใช้ความรักที่ตรวจสอบได้ยากที่สุดและทำเอาเหยื่อหมดตัวและหัวใจที่สุดมาปั้นมาเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายของหนังต้มตุ๋นเจอปนด้วยเรื่องรักที่พลิกไปมาด้วยการลวงหลอกที่แม้จะถูกมองว่าโง่แต่ถ้าเกิดกับตัวเองก็อยากล่ะที่จากเสือจะกลายเป็นแกะเพราะแม้แต่คนฉลาดระดับด็อกเตอร์ยังพลาดท่าให้คำหวาน ๆ ของโจรหัวใจได้เลยจริงไหมล่ะ? อ้าย คน ห ล่อลวง เต็ม ม

และแม้หนังจะยังมีภาคบังคับเป็นโรแมนติกคอมเมดี้แต่สิ่งที่ทำให้หนังน่าตื่นตาจริง ๆ คงหนีไม่พ้นการคิดแผนโกงระดับอลังการดาวล้านดวงที่่หนังทำออกมาได้น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยแผนซับซ้อนซ่อนเงื่อนพลิกไปพลิกมาสไตล์หนัง Ocean’s Eleven ที่หายากมากในหนังไทยแถมยังเสี่ยงโป๊ะแตกเพราะบทและการกำกับไม่ดีพอแต่กับ อ้าย..คนหล่อลวง ผมเทคะแนนส่วนนี้ให้ทั้งงานเขียนบทของเต๋อและการกำกับของเมษเลยว่าทำออกมาได้เนียนและชวนลุ้นระทึกตามจริง ๆ โดยไม่ทิ้งความฮาแบบไม่เกรงใจกระเพาะคนดูเลยทีเดียว

 

สปอยหนัง อ้าย..คนหล่อลวง

หนึ่งในความกังขาที่มีต่อหนังก่อนหน้านี้คือการแคสติงนักแสดงสายละครอย่างณเดชย์ คูกิมิยะและแบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์ที่คนแรกเคยลงจอหนังไปครั้งเดียวกับบทโกโบริในคู่กรรม ส่วนฝ่ายหลังแม้จะเป็นยอดฝีมือในซีรีส์ที่รับท้าทายตัวเองตลอดแต่ก็เป็นมือใหม่ในงานภาพยนตร์ แต่เชื่อไหมครับว่าทั้งคู่เป็นเหมือนวัตถุดิบที่ชูรสหนังได้แบบถึงเครื่องมาก

ณเดชย์ คูกิมิยะ พิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งว่าเขามีดีมากกว่าแค่หน้าตา แม้บททาวเวอร์จะดูเหมือนบทตลกกะโหลกกะลาแต่การจับคนที่เล่นเป็นคุณชาย นักธุรกิจ และหนุ่มหล่อแสนดีมาเป็นอาชญากรผ่านคุกเลยกลายเป็นการพลิกคาแรกเตอร์ของเขาแบบแฟน ๆ และคนดูคิดไม่ถึง แต่จุดที่ทำให้รู้สึกบาปเลยที่ไม่ชมคือดรามาในจุดพลิกผันสำคัญของเรื่องและการเก็บปมที่ทำให้เราต้องลุ้นว่าอาชญากรอย่างเขาจะจริงใจกับแผนโกงที่ดันเริ่มมีความรักมาแทรกกลางยังไงที่ทำให้พาร์ตโรแมนติกของเรื่องทำงานได้ชวนจิกเบาะและลุ้นตามมาก

ส่วน ธิติ มหาโยธารักษ์ แม้บทจะไม่ได้ให้เขาทำอะไรมากไปกว่าการ “ยิ้ม” และฉายเสน่ห์หนุ่มน้อยร้อยเล่ห์ที่ทำเอาหัวใจมาเป็นเกมต่อรองล้มเจ้ามือ แต่ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวก็ยากนะที่เราจะคิดภาพใครมาแทนที่ได้ ยิ่งเป็นยิ้มที่ต้องอาศัยจังหวะคอมเมดี้และเล่นบทเลวหน้าซื่อก็ทำให้เราเชื่อได้เลยว่าถ้าสาวเล็กสาวใหญ่ได้เจอหม้อตุ๋นหน้าหล่ออย่าง เพชร ที่มีทั้งรอยยิ้มและลูกอ้อนกระชากใจจะให้โอนค่าเทอมหรือค่าขนมก็คงหมดตัวได้แน่ ๆ

 

 

ด้านใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ แม้จะเป็นครั้งที่ 2 ที่เธอกลับมาร่วมงานกับ GDH แต่คราวนี้บทอินากลับเรียกร้องให้เธอ “สร้างความเป็นธรรม” ให้ตัวละครได้หนักหนาที่สุดเพราะโดยบทที่เขียนมาว่าเธอคือ “เหยื่อ” ที่ “ซื่อ” จนหมดตัวและถูกมองว่าโง่ถูกเด็กหลอก แต่ใบเฟิร์นเอาความจริงใจและการสร้างภาพพนักงานเงินเดือนต่ำที่ก้มหน้าใช้หนี้ให้คนดูรักเธอด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ที่เราอดเอาใจช่วยไม่ได้ อ้ายคน ห ล่อลวง เต็มเรื่อง facebook

มันทั้งน่าสงสารและมีเสน่ห์แบบสาวบ้าน ๆ ที่ขัดกับเซ็กส์แอพพีลที่ถูกขายไปแล้วใน เฟรนด์โซน ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน และยิ่งหนังก็ใจร้ายให้เธอต้องมาเสี่ยงโดนหลอกด้วยความซื่อและการบูชาความรักแบบไม่ลืมหูลืมตางานนี้ใครกล้าด่าเธอว่าโง่ก็ใจร้ายเกินไปแล้วล่ะ นอกจากนี้หนังยังได้นักแสดงจอมขโมยซีนอย่างเผือก พงศธร จงวิลาส ที่เล่นเป็นโจรมุกแพรวพราวและเปิดตัวได้เวอร์วังชวนเวียนเฮดมาสร้างความบันเทิงให้หนังไม่น้อยเลย

บุษบา สปอยหนัง

บุษบา สปอยหนัง

บุษบา สปอยหนัง

 

 

ชื่อภาพยนตร์ : บุษบา

ผู้กำกับ : ชัยวัฒน์ สีตลาศัย

นักแสดงนำ : กรีน อัษฎาพร, เจฟฟรี เบญจกุล, โย่ง อนุสรณ์

ประเภท : สยองขวัญ

นับว่าเป็นความกล้าหาญของคนทำภาพยนตร์ไทยอีกค่ายหนึ่งที่เอาหนังที่ผู้แสดงมิได้ล่อใจอะไรมากมายมาฉายในตอนท่กระแส หนังไทยมาใหม่ บ้านพวกเราไม่ค่อยดีเยอะแค่ไหน กับหนังผีที่ถ้าหากเป็นเมื่อราวๆ 10 กว่าปีกลายจะเป็นหนังที่ขายได้แน่ๆ แต่ว่ากับเดี๋ยวนี้ สำหรับผมมีความรู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่หนังจะล่อใจผู้ชมให้ซื้อตั๋วไปดูได้ กับเรื่องนี้ จำเป็นต้องขอขอบคุณมากรอบสื่อจาก filmframe production ด้วยครับ

 

เรื่องย่อ

เรื่องราวของ “มินตรา” หรือ “มินท์” นักเต้นแนว Contemporary Dance ที่กําลังเดินทางตามความฝันของคุณเป็นการเป็นนักเต้นที่เป็นที่รู้จักระดับโลก คุณได้รับการทาบทามให้ร่วมออดิชั่นในกการแสดงเรื่องรามเกียรติ์ที่ประสมประสานระหว่างรำไทยกับโมเดิร์นแดนซ์เข้าด้วยกัน โดยที่คุณจำต้องเข้ารับการทดลองใน บท นางสีดา” การแสดงคราวนี้จัดขึ้นโดยบริษัท Organizer ที่ใหญ่อันดับที่หนึ่งของประเทศ ซึ่งผู้ครอบครองเป็น ทศ” ทศถูกใจมินท์ตั้งแต่ต้นที่ได้พบแต่ว่าติดตรงที่ตัวเขาเองมีเมียอยู่แล้ว

 

บุษบา สปอยหนัง

 

ผู้ที่มินท์ถูกใจเปลี่ยนไปเป็น เมษ” ผู้กํากับการแสดงงานคราวนี้ แต่ว่าเมื่อคุณจำต้องให้ทัศนคติเกี่ยวกับนางสีดา เมษได้ตกลงใจเลือก จีน่า” มินท์เก็บซ่อนความผิดหวังเอาไว้ แม้กระนั้นก็ยังยอมร่วมการแสดงคราวนี้ถัดไป ด้วยการเป็นนักเต้นสำรอง วันเดียวกันนั้นเองที่กลุ่มนักเต้นเริ่มเอ่ยถึงกระแสข่าวลือที่ ว่า 2 – 3 ปีกลายในสตูดิโอที่นี้เคยมีนางรําที่กําลังจะสวมบทนางสีดาหายตัวไป บรรยากาศเริ่มดูราวกับว่ามีอะไรซ่อนอยู่ ในเวลาเดียวกันก็มีผีนางรำคนหนึ่ง มารอปรากฎตัวด้านข้างตัวมินท์แล้วก็มานะช่วยทำให้คุณได้บทนางสีดาอย่างที่เธอต้องการ มินท์พยายามหาคำตอบว่าที่ผีนางรำมาช่วยตนเพื่ออยากอะไรกันแน่ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

บุษบา สปอยหนัง

 

บุษบา สปอยหนัง

 

บทหนังดูมีการผสมผสานกันระหว่างความลึกลับบวกกับการสืบสวนอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง หนังผีส่วนใหญ่จะอิงแนวนี้เป็นหลัก เพราะมันไม่ได้ไปหลอนกับความน่ากลัวของผีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการสืบเสาะหาความจริงที่ให้หนังสามารถเล่นกับตรงนี้ได้ และอาจมีการหักมุมเล็กๆ เพื่อความเซอร์ไพร์ส ซึ่งเรื่องนี้การดำเนินเรื่องการลำดับเรื่องยังแปลกๆ อยู่บ้าง เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรที่เดาไม่ได้ และตอนจบที่เหมือนจะหักมุมแต่ก็ไม่ได้ทำให้เซอร์ไพร์สอะไรเท่าไหร่ รวมไปถึงการเอา รามเกียรติ์ มาดัดแปลงเป็น Contemporary Dance ที่หนังยังสื่อออกมาได้ไม่ดีพอ คือคนดูไม่ได้อินไปกับความเป็น นางสีดา ที่นักแสดงต้องการบทนี้นักหนา

 

จุดแข็งของหนังเรื่องนี้

จุดแข็งเลยของเรื่องคือ ความเป็นหนังผีไทยนี่แหละ ที่เอกลักษณ์คือเรื่องของความหลอนและการผล่ออกมาหลอกคนดูในแต่ละดอก เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างดีครับ ถือว่าหลอกให้สะดุ้งได้ในหลายๆ จังหวะ ทั้งตอนมีผีหรือตอนไม่มีผี ด้วยบรรยากาศและความน่ากลัวของตัวผีบุษบาเอง มาได้จังหวะจะโคนแบบคนดูสะดุ้งหลายทีอยู่นะ

 

บุษบา สปอยหนัง

 

ตัวนักแสดงสำหรับผม กรีน อัษฎาพร สอบผ่านครับ ถึงจะดูยังไม่พริ้วกับหนังใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็ทำได้ดี และแบกรับหนังเอาไว้ได้ ส่วน โย่ง อาร์มแชร์ ส่วนตัวผมว่ายังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็พอได้ เพราะพี่แกก็ไม่ใช่นักแสดงอาชีพนี่นา ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่

เอาเป็นว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังผีไทยที่เข้าสูตรและมาตรฐานของหนังผีไทยแหละครับ เพียงแต่สิ่งที่ผมหวังคืออยากให้มีอะไรที่แปลกใหม่มากขึ้นกว่านี้สักหน่อย จะดีมากครับ สำหรับใครที่อยากดูหนังผีไทย ก็ลองไปดูกันครับ

 

พล็อตเรื่อง

พล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แต่วิธีการเล่าเรื่องราวใน “บุษบา” นั้นแค่คนดูเห็นหน้านักแสดงแต่ละคนในเรื่อง ก็เดาได้แล้วว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น นางเอกก็แสดงเป็นนางเอกผู้แสนดีตลอดเวลา พระเอกก็ขี้เก๊กห่วงหล่อ บรรดานางร้ายก็ต้องจิกตา แต่งตัวโป้ๆจริตเกินเบอร์ ส่วนคุณนายก็ต้องเล่นแบบใหญ่ๆรัชดาลัยต้องกราบ ซึ่งวิธีการแสดงของนักแสดงในหนังเรื่องนี้เหมือนกับเล่นละครหลังข่าวมากกว่า จะเป็นการแสดงในภาพยนตร์

ยังไม่รวมไปถึงความเชยตกยุคของบทภาพยนตร์ ที่เหมือนทีมงานไปค้นคว้าหนังสยองขวัญสืบสวนสอบสวนราว 20 ปีที่แล้วมาอ้างอิงเป็นพล็อตเรื่อง อาทิ ตัวละครในเรื่องต้องเดินเข้าไปในเขตพื้นที่แปะป้ายห้ามเข้า ฉากตัวละครโดนผีหลอกแต่ที่จริงคือความฝัน โรงละครที่น้ำรั่วกันอยู่ตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าท่อแตก หาช่างซ่อมไม่ได้ หรือผีเฮี้ยนจนทำให้การประปานครหลวงไม่อาจจะมาซ่อมโรงละครที่จะเปิดทำการแสดงในไม่กี่วัน

 

 

ความไม่สมเหตุสมผลของโลเคชั่น ปัญหานี้น่าจะการเลือกโลเคชั่นที่มีไม่มีความคล้ายคลึงกันของสถานที่ ทำให้คนดูไม่รู้สึกร่วมไปว่าบรรดาห้องหับต่างๆในหนังเรื่องนี้คือสถานที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องซ้อมเต้น (เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา) โรงละครที่เหมือนถ่ายในย่านใจกลางเมือง โซนออฟฟิศของตัวคณะละครที่งานสถาปัตยกรรมดูไม่กลมกลืนไปส่วนที่เหลือ ชั้นบนของตึกที่เก่าทรุดโทรม เหมือนไปถ่ายที่ห้องเรียนของมหาวิทยาลัยรัฐฯ ย่านสุขุมวิท เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะคนดู ไม่ได้มีโอกาสมองเห็น “รูปทรงภาพนอก” ของโรงละครแห่งนี้ก็เป็นได้ ทำให้เราไม่มีโอกาสเข้าใจลักษณะโดยรวมของสถานที่แห่งนี้ และทำให้สถานที่ในหนัง (ในความรู้สึกคนดู) กระจัดกระจาย ไม่เป็นพื้นที่อันหนึ่งอันเดียวกัน

น่าเสียดายท่ามกลางความล้าสมัยของหนัง กลับมีประเด็นที่น่านำมาขับเน้นให้แซ่บกว่านี้ก็คือเรื่องของ “การชิงดีชิงเด่นของผู้หญิง” ที่ไม่ว่าจะต้องรบราฆ่าฟันกันให้ตายไปข้าง แต่สิ่งที่พวกเธอต้องการคือการใช้เสน่ห์ เรือนร่าง ความสะสวย เพื่อการคุมอำนาจเหนือผู้ชายและเป็นหลักประกันให้ชีวิตของตัวเองว่าจะได้สุขสบายต่อไปในภายภาคหน้า

 

บุษบา สปอยหนัง

เป็นหนังผีไทยอีกหนึ่งเรื่องที่หลอนติดตาแบบสุดจัด โดยการเล่นกับความคุ้นเคยของคนไทย นั่นคือ “ผีนางรำ” ที่มาพร้อมกับเสียงเพลงแบบไทยๆ แค่เห็นหรือได้ยินก็หลอนแล้ว และยิ่งมาผสมผสานกับการเต้นแนว Contemporary Dance ในเรื่องอีกด้วย บอกเลยว่า หลอนติดตาแบบขนหัวลุกกันสุดๆ

“มินท์” (กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) นักเต้นที่อยากมีชื่อเสียง ระดับนานาชาติ ได้เข้าร่วมออดิชั่นการแสดงเรื่อง รามเกียรติ์ เข้ารับบท “นางสีดา” ได้เจอกับ “ทศ” (เจฟฟี่-เบญจกุล) เจ้าของบริษัท Organizer ทศได้ชอบมินท์ ตั้งแต่แรกเห็น แต่คนที่มินท์ชอบกลับเป็น “เมษ” (โย่ง อาร์มแชร์) ผู้กำกับการแสดง เมษ เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อนาคตไกล แต่เจ้าชู้แพรวพราว จึงเป็นที่ต้องตาของบรรดาสาวๆ รวมทั้งมินท์ แต่เขาไม่ได้สนใจมินท์มากกว่าผู้ร่วมออดิชั่นคนอื่นๆ

 

 

แต่สิ่งที่น่าสงสัยของเรื่องนี้ คือ เมื่อ 2-3 ปีก่อน เรื่องลึกลับได้เกิดขึ้นที่สตูดิโอแห่งนี้ มีนางรำที่รับบท “นางสีดา” หายตัวไป จะเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ มินท์จึงต้องพยายามหาคำตอบเพราะเขาได้เห็น “ผีนางรำ” อยู่บ่อยครั้ง ขณะซ้อม
ตัวหนังเป็นแนว ลึกลับ สยองขวัญ โดยจะทำให้เราสงสัยครุ่นคิด ตอนต้นถึงกลางเรื่อง ว่าทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น และหนังจะค่อยๆเฉลยคำตอบออกมา ไปตามประเด็น ดำเนินเรื่องแบบเส้นตรง และยืดยาวไปนิดนึงตอนกลางเรื่อง มีหักมุมนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ

เรื่องเสียงกับภาพต้องบอกเลยว่า ลงตัวสุดๆในจังหวะที่ต้องลุ้นระทึก จนตัวเกร็ง หลอนแบบติดตาไม่พอ ยังติดหูอีกต่างหาก และยังคงมีจังหวะ Jump Scare หรือ ผีตุ้งแช่ อยู่ในฉากที่เหมาะสม ไม่บ่อยเกินไป ส่วนด้านการเล่าเรื่อง เหมือนว่าจะดูรีบๆเกินไป ยังไม่ทันได้อินกับฉากนั้นๆสักเท่าไหร่ ก็ตัดไปที่ฉากใหม่แล้ว และเป็นแบบนี้บ่อยมาก แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังผีไทยที่มาตรฐานดีมากๆ

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

 

 

หลังจากที่ Marvel Studios ได้พาเราไปท่องเที่ยวตามแนวคิดพหุจักรวาล (Multiverse) หรือที่เรียกว่ามัลติเวิร์ส ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของ MCU (Marvel Cinematic Universe) เฟสที่ 4 ในตอนนี้สถานการณ์เริ่มทวีความวุ่นวายโกลาหลและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเหตุนี้เองหมอแปลกจึงต้องขอกลับมาร่ายมนต์เพื่อแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้นใน ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’หรือ‘จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย’

อย่างที่ทราบว่าหมอแปลกที่กลายมาเป็นจอมเวทใน Doctor Strange full movie (2016) และไปโผล่ในฐานะสมาชิกอเวนเจอร์ส (Avengers)ในภาพยนตร์หลายเรื่องมาถึงตอนนี้หนังเดี่ยวภาคที่ 2 ของหมอแปลกก็มาถึงเสียทีพร้อมๆกับการจับธีมมัลติเวิร์สมาเล่ากันแบบเต็มๆโดยไม่ต้องเล่าปูพื้นอะไรให้วุ่นวายบวกกับธีมหนังสยองขวัญที่มาพร้อมกับเรื่องราวของตัวแปรของหมอแปลกและตัวละครอื่นๆ ที่มาจากมิติเดียวกันและจากต่างมิติ หนังไทยมาใหม่

 

เรื่องราว

จากเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงของหมอแปลกหลังกลายเป็นจอมเวทใน ‘Doctor Strange’ (2016) และหลังเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความผิดพลาดต่อมัลติเวิร์สใน‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) ในภาคนี้หมอแปลกจึงต้องกลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ นานาที่ส่งผลสะเทือนรุนแรงต่อมัลติเวิร์สเมื่อคุณหมอแปลก ‘ดร. สตีเฟน สเตรนจ์ / ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (Benedict Cumberbatch) ต้องทรมานจากชีวิตรัก เมื่อ‘คริสติน พาลเมอร์’ (Rachel McAdams) กำลังจะแต่งงานใหม่กับใครบางคนที่ไม่ใช่เขา

แถมยังต้องทรมานซ้ำสองจากฝันร้ายในฝันเขาได้เข้าช่วยเหลือ ‘อเมริกา ชาเวซ’ (Xochitl Gomez) สาวน้อยผู้มีพลังในการทะลุผ่านมัลติเวิร์สที่กำลังถูกปีศาจจากต่างมิติไล่ดูดพลัง หมอแปลกพบว่า แท้ที่จริงแล้วทั้งหมดเป็นแผนของ‘วันด้า แมกซิมอฟฟ์ / สการ์เลต วิตช์’ (Elizabeth Olsen)ที่ต้องการดูดพลังของอเมริกา ชาเวซเพื่อใช้เดินทางไปพบกับลูกแฝดของเธอในอีกมิติ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

 

ทำให้ดอกเตอร์สเตรนจ์และอเมริกา ชาเวซ ทะลุไปยังลอนดอนที่อยู่ในมิติอื่นจนได้เจอกับตัวแปรของ ‘คาร์ล มอร์โด’ (Chiwetel Ejiofor) อดีตเพื่อนร่วมสำนักคาร์มาทาจ (Kamar-Taj) ที่ไม่น่าไว้วางใจ และตัวแปรของ ‘คริสติน พาลเมอร์’ที่ทำให้หมอแปลกหวั่นไหว ส่วน ‘หว่อง’ (Benedict Wong) จอมเวทสูงสุดก็ต้องรับหน้าที่ปราบแม่มดสการ์เลตวิตช์ที่ตอนนี้สามารถร่ายมนต์เพื่อสร้างความปั่นป่วนได้ในระดับมัลติเวิร์สเพราะเธอได้ครอบครองคัมภีร์ดาร์กโฮลด์ (Darkhold)คัมภีร์เวทมนตร์ด้านมืดที่มีความอันตรายอย่างมาก

 

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

ถ้า ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) และแอนิเมชันซีรีส์ ‘What If…?’ (2021) เปรียบเหมือนการซ้อมรับมือกับมัลติเวิร์ส ใน Doctor Strange 2’ ก็คือการลงสนามจริงแบบเต็มตัวล่ะครับแถมยังเป็นการมาแบบเล่นใหญ่กันตั้งแต่เปิดเรื่องกันเลย เดินเรื่องแบบสายลุยไม่ต้องคุยให้เสียเวลารวมทั้งสไตล์การกำกับจากไรมีที่ทำให้การดำเนินเรื่องในภาคนี้มีรสชาติที่ค่อนข้างแตกต่างออกไปจากภาคแรกอยู่มากพอสมควร

ความแตกต่างที่ชัดเจนมากๆก็คือการที่Marvel Studiosเองเริ่มจะเอานโยบายเดินเรื่องยาวไม่เล่าปูมหลังย้อนความให้เสียเวลาผลก็คือตัวหนังสามารถกระชับเรื่องราวและเล่าแบบเร็วๆได้เลยด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้เดินเรื่องเร็วมากแต่ข้อเสียก็คือหนังเรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่ยังไม่ได้ทำการบ้านด้วยการดูเรื่องอื่นๆหรืออ่านคอมิกมาก่อนหรือแค่อยากลองชิมลางหนัง Marvel เฉยๆเพราะอาจมีเหวอจนตามไม่ทันว่าตัวละครแต่ละตัวมีปูมหลังเชื่อมโยงกันยังไงอะไรที่เราควรจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ถ้าอยากดูจริงๆอย่างน้อยก็ต้องทำการบ้านมาในระดับหนึ่ง

 

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

 

รวมทั้งการเอาแซม ไรมี ผู้กำกับที่พอจะมีลายเซ็นชัดทั้งจังหวะสยองขวัญ มุกกวนๆ มุมกล้อง การตัดต่อการวางองค์ประกอบภาพแบบที่แฟนหนังคุ้นเคยนำเสนอด้วยกลิ่นอายหนังสยองขวัญคลาสสิกที่ได้อิทธิพลมาจากผลงานเก่าๆ ของเขาเอง ทั้งไตรภาค ‘Evil Dead’, ‘Drag Me to Hell’ (2009) บวกกลิ่นแฟนตาซีแบบ ‘Oz the Great and Powerful’ (2013) นิดหน่อย ผสมความกวนแบบไตรภาค ‘Spider-Man’ ทำให้โทนโดยรวมมีความเป็นหนังสยองขวัญแบบแซม ไรมีที่มีความฮา เพี้ยน ระห่ำแบบชนเพดานเรต PG-13 มากกว่าจะเป็นหนัง Marvel คลีนๆดูได้ทั้งครอบครัวในแบบที่เราคุ้นเคย

ด้วยส่วนผสมทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้ผู้เขียนรู้สึกได้ว่า ถ้าในอดีต ‘Evil Dead’ เคยถูกจัดเป็นหนังคัลต์ยังไงหนังเรื่องนี้ก็คือการหยิบเอาวิธีการแบบหนังคัลต์คลาสสิกมาใช้นั่นแหละรวมทั้งพล็อตการดำเนินเรื่องแรงจูงใจของตัวละครที่มีความคัลต์อยู่ในตัวทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังฮีโร Marvel ที่แตกต่างด้วยกลิ่นอายของหนังสยองขวัญ และมีความเป็นหนังคัลต์ที่มีครบทั้งความบ้าคลั่ง เพี้ยน กวนเบื้องล่าง แบบที่แฟนหนังแซม ไรมี จะกรี๊ดแน่นอนคือคงสู้หนังสยองขวัญจริงๆไม่ได้หรอกแต่วิธีการนี้ก็ถือว่าโดนเส้นและไปด้วยกันกับเรื่องราวของหมอแปลกแห่ง Marvel ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

การดำเนินเรื่อง

การดำเนินเรื่องแม้ตัวหนังจะพยายามบิลต์ว่าเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับมัลติเวิร์สแบบเต็มตัวตามชื่อภาคแต่ผู้เขียนก็แอบรู้สึกว่าการนำเสนอเกี่ยวกับมัลติเวิร์สก็ยังดูกั๊กๆไปหน่อยนะ ส่วนตัวบทก็ถือว่าเข้าใจง่ายเป็นเส้นตรงและเป็นสูตรสำเร็จอยู่พอสมควรยังดีที่ตัวหนังเองยังมีเซอร์ไพรส์ และวิธีการดำเนินเรื่องแบบคัลต์ๆสยองขวัญที่มีความดาร์กบ้า ฮา สยองมาช่วย ทำให้ตัวหนังที่ดูจะเดาง่ายและมีการกระทำบางอย่างของตัวละครที่ดูไม่เมกเซนส์ ยังมีความน่าสนใจอยู่ รวมถึงงานซีจีที่มีกลิ่นอายจากภาคที่แล้ว แต่เพิ่มเติมความแปลกใหม่เข้าไปโดยเฉพาะฉากทะลุมัลติเวิร์สและฉากร่ายมนต์ที่ตื่นตาและดีงามมากๆ doctor strange 2 เข้าฉายไทย

 

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

 

อีกจุดที่ผู้เขียนรู้สึกชอบก็คือ การที่บทพยายามสอดแทรกแก่นเกี่ยวกับชีวิตของคนที่อยู่ต่างมิติ ต่างจักรวาลซึ่งถือเป็น Conflict หลัก ๆ ของเรื่องเลย อย่างเช่นว่า บางครั้งตัวเราแม้อยู่ต่างมิติ ชีวิต ความคิด ความผิดพลาดก็อาจจะไม่ได้ต่างกันออกไปหรือบางครั้งชีวิตในอีกมิติของเราก็อาจจะไม่ได้ดีเด่กว่าตัวตนของเราที่อยู่ในปัจจุบันเท่าไหร่ หรือแม้แต่มุมมองของคนจากต่างมิติ ที่แม้ว่าจะเป็นคนคนเดียวกันแต่ถ้าอยู่ในต่างมิติ ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกันซึ่งตรงนี้บทสามารถแทรกเรื่องราวและเป็นบทสรุปของเรื่องได้โอเคเลย

 

doctor strange in the multiverse of madness สปอยหนัง

ในแง่ของการแสดง โดยเฉพาะนักแสดงหลักถือว่าอวยยศได้ทั้งทีมแบบไม่ขัดเขินเลยครับ ไล่ตั้งแต่ ‘เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์’ (Benedict Cumberbatch) ที่ยังคงเป็นหมอแปลกได้หล่อเท่ มีความกวน รวมทั้งสามารถรับบทตัวแปรแบบต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่งมาก คือเล่นได้แตกต่างกันแบบสุดขั้วจนแทบจะลืมไปว่าพี่เบนเขาเล่นเองนะเนี่ย รวมทั้ง ‘เบเนดิกต์ หว่อง’ (Benedict Wong) จอมเวทสูงสุดในภาคนี้ก็เท่และเก่งขึ้นเยอะมาก ๆ ส่วนน้อง ‘โซชิตล์ โกเมซ’ (Xochitl Gomez) ที่รับบทอเมริกา ชาเวซ ก็น่ารักมากๆ ขึ้นกล้องสุดๆ มีบทบาทในหนังเยอะด้วย บอกเลยว่า มีอนาคตใน MCU ต่อไปในภายภาคหน้าแน่นอน

 

 

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือวายร้ายหลักอย่างสกาเลต วิตช์ ที่รับบทโดย ‘อลิซาเบธ โอลเซน’ (Elizabeth Olsen) คือ MVP ของหนังเรื่องนี้เลยครับ เพราะบทบาทวันด้า แมกซิมอฟฟ์ ถือว่าเป็นบทที่มีความซับซ้อนอยู่พอตัวเลยแหละ เป็นแม่ที่รักลูกมาก ๆ จนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับลูก แม้ว่ามันจะเป็นภัยร้ายต่อมัลติเวิร์สก็ตาม ซึ่งคุณเค้าสามารถรับบทนี้ได้อย่างเข้าถึง สานต่อและเติมเต็มเรื่องราวจากซีรีส์ ‘WandaVision’ (2021) ได้ดีมากๆ ชนิดที่ว่าจะรู้สึกโกรธ สกาเลต วิตช์ และเห็นใจ วันด้า แมกซิมอฟฟ์ ไปพร้อมกันได้ในเวลาเดียวเลยแหละ

 

สรุปโดยรวม

โดยสรุป แม้ dr.strange ภาค 2 อาจจะไม่ได้ Epic ฮือฮาน้ำตาไหลเซอร์ไพรส์จนร้องว้าวได้เท่ากับ ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) และความคัลต์สยองขวัญของหนังเรื่องนี้อาจไม่โดนเส้นไม่ถูกจริตสำหรับบางคน แต่ก็ยังถือว่าเป็นหนังที่สามารถร่ายมนต์เปิดประตูสู่มัลติเวิร์สด้วยวิธีการและรสชาติใหม่ๆ ที่ได้ทั้งเรื่องราวแบบฮีโร และจริตความคัลต์ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง โหดสยอง และกวนเบื้องล่างตามแบบฉบับของแซม ไรมี ที่น่าจะทำให้แฟน ๆ MCU โดนเส้นไปกับความบ้าคลั่งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นครับ

 

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

สาวลับใช้ สปอยหนัง

สาวลับใช้ สปอยหนัง

 

 

ตั้งแต่ Netflix เปิดตัวในไทยก็ทยอยอัดคอนเทนต์เด็ดๆ มาเอาใจผู้ชมชาวสยามอยู่เนืองๆ และยิ่งหลังจากเริ่มซื้อพวกละครไทย และ หนังไทยมาใหม่ รวมถึงร่วมลงทุนในการผลิตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องก็ย่อมชัดเจนแล้วว่าคอนเทนต์ไทยบน Netflix ดูจะเป็นไฮไลต์เด็ดสำหรับผู้ชมไทยไม่แพ้ซีรีส์เกาหลีที่ทยอยครองความนิยมอย่างต่อเนื่อง และหลังจากผลิตซีรีส์ไทยแนวระทึกขวัญอย่าง เคว้ง เปิดตัวไปปีก่อน ก็ถึงคราวคอนเทนต์หนังยาวอย่าง The Maid ของผู้กำกับ ลี ทองคำ มาให้ผู้ชมพิสูจน์ความน่ากลัวและลุ้นระทึกด้วยรสชาติแปลกใหม่แต่ไม่ระคายลิ้นกันแล้ว

เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่ ลี ทองคำ ที่มีข่าวถ่ายทำหนังสัตว์ประหลาดทุนสูงของไทยในชื่อ The Lake บึง/กาฬ ตั้งแต่ปี 2561 แต่ก็หายเงียบไปแบบไร้การอัพเดท จนมาทำเรื่อง “สาวลับใช้” และได้ดาราวัยรุ่น พลอย ศรนรินทร์ ที่พักหลังเล่นหนังผีติดๆ กันตั้งแต่ อาปัติ สยามสแควร์ ผีโทรศัพท์ สิงสู่ จนได้ชื่อว่าเป็นดาราวัยรุ่นสายนี้โดยเฉพาะ มารับบท ‘จอย’ สาวใช้คนใหม่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ผู้ต้องเผชิญหน้ากับความลับอันดำมืดที่ซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้ หลังสาวรับใช้คนแล้วคนเล่าออกไปด้วยเหตุผลว่าทนเรื่องหลอนๆ ที่นี่ไม่ไหว ทั้งลูกสาวคุณนายที่มักเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น ตุ๊กตาลิงที่เคลื่อนที่ได้เอง และยังมีสาวรับใช้ปริศนาที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนปรากฎตัวออกมาหลอกหลอนอีกด้วย ในขณะที่ตัวจอยเองก็มีอะไรบาง สาวรับใช้ netflix

 

เรื่องราว

สาวลับใช้ netflix เรื่องย่อ ก็แน่นอนว่ามันบ่งบอกชัดเจนว่านี่จะเป็นหนังที่เล่นกับการรับรู้หรือ Perception ของคนดูต่อหนังผีที่มาในทรงเดียวกัน ตั้งแต่เปิดเรื่องที่มันฉายภาพสาวใช้คนก่อนหน้ากับความหลอนที่ต้องเข้าไปดูแลคุณหนูตัวน้อยที่มีปัญหาทางจิตพร้อมผีลิงสุดหลอนที่ทำให้เธอต้องขอลาออกจากงานแม่บ้านที่ทำอยู่ เป็นเหมือน Prologue หรือ อารัมภบทตามทำเนียมหนังฮอลลีวูด

จากนั้นสไตล์ภาพและการเล่าเรื่องก็มาในโหมดละคร ๆ ทันที ทั้งรถโบราณที่ไปรับตัว จอย (พลอย ศรนรินทร์) สาวรับใช้คนใหม่ของบ้าน และเมื่อมาถึงเธอก็เริ่มสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ทั้งลูกสาวที่ดูผิดปกติอย่างกับหลุดมาจากหนังเด็กนรกของฮอลลีวูดที่ชอบเห็นผี ๆ สาง ๆ หรือ คุณอุมา (สาวิกา ไชยเดช) คนแม่ที่แต่งตัวอย่างกับตัวเองอยู่มิลานแฟชันวีคตลอดเวลา และคุณผู้ชาย (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ที่วัน ๆ มือไม่ได้ห่างจากแก้วเหล้าเลยทีเดียว

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

 

และตามสไตล์ว่าหลังจาก หัวหน้าแม่บ้าน (ณัฐนี สิทธิสมาน) พูดว่าอย่าสอดรู้สอดเห็น สาวจอยก็เดินสำรวจบ้านและทำทุกอย่างที่หัวหน้าแม่บ้านนางบอกทันที และก็เจอดีตามฟอร์มกับผีสาวคนใช้สุดหลอน และความลับเบื้องหลังการมาทำงานที่บ้านหลังนี้ของเธอก็ค่อย ๆ เฉลยออกมาในองก์สองและองก์สามของหนังตามลำดับ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

ต้องยอมรับแหละว่าหากจะเอามาตรฐานการเล่าเรื่องหนังผีไทยระดับตำนานอย่าง เปนชู้กับผี ของ วิศิษย์ ศาสนเที่ยง หรือ สุขสันต์วันกลับบ้าน ของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ถือเป็นแม่แบบสำคัญของหนังมาเป็นตัวชี้วัดความกลมกล่อมของบทภาพยนตร์และการกำกับที่ดูประณีตกว่าก็คงไม่ได้ ดังนั้นงานชิ้นนี้ของ ลี ทองคำ เลยเป็นเหมือนการทดลองดั่งที่เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับผมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ในการฉายรอบสื่อมวลชนที่ กันตนาฟิล์มสตูดิโอ เสียมากกว่า ดังนั้นหากจะรีวิวและคิดตามเราอาจต้องแยกดูตามการเล่าเรื่องในแต่ละองก์ของหนังดังนี้ สาวใช้

เรียกง่าย ๆ ว่านี่คือภาพจำของผีไทยและผีเอเซียเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเรื่องของความแค้น อาฆาตพยาบาท ที่ทำให้วิญญาณยังไม่ไปไหนและเฝ้าวนเวียนอยู่รอบ ๆ สถานที่หรือบุคคลที่ตนผูกพัน สำหรับองค์แรกที่ ลี ทองคำ ตั้งใจทำเป็นหนังผีแบบไทย ๆ เน้นตุ้งแช่เอาให้หัวใจวายกันไปข้างนึงแท้จริงแล้ว เราจะสังเกตความผิดปกติในอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่ตุ๊กตาลิงท่าทางน่ากลัวและแถมมีวิญญาณลิงอีก

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

 

ส่วนการแต่งตัวของคุณนายอุมา ก็ชัดเจนเลยว่ามันแสดงถึงความไม่ปกติตั้งแต่ดีไซน์แล้ว โดยเฉพาะชุดที่แต่งตัวประหนึ่งอยู่ยุโรปทั้งที่ตัวเองอยู่เมืองไทย เหมือนต้องการ “หนี” จากอะไรสักอย่าง แต่แทนที่จะเป็นการวิ่งเหมือนสาวใช้อย่าง จอย เธอกลับใช้การแต่งตัวเพื่อหลบหลีกและทีละน้อยพอเรื่องราวไปเฉลยปมในองก์ที่ 2 เราจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมการแต่งตัวของเธอถึงดูเป็นมิลานแฟชันวีคขนาดนี้

ด้านคุณชาย แม้จะดูถูกทำให้ด้อยบทบาทไปนิด แต่การปูพื้นว่าตัวเองเป็นเหมือนเบี้ยล่างของเมียตลอดเวลาก็แสดงถึงการถูกลดทอนอำนาจ โดยเฉพาะการที่หนังให้สถานะเป็นสามีที่เกาะเมียกินก็แน่นอนล่ะ การ “หนี” ที่ดีที่สุดในเวลาที่ตัวเองขยับไปไหนก็ลำบากคงไม่พ้นการ ดื่มเหล้า ที่ช่วยพรากสติที่ตอกย้ำความต้อยต่ำ และแน่นอนรวมถึง “ความผิดบาป” ที่จะเฉลยในองก์ที่ 2 ด้วย

 

รักต้องห้าม ดราม่า และปัญหาทางจิต

เรื่องที่คนดู ดูจะติติงหนังเป็นพิเศษคงเป็นช่วงองก์ 2 นี่แหละ เพราะอย่างที่ตาเห็น โทนของหนังถูกทำให้เบาลงกว่าองก์แรกที่เอาผีมา แฮร่…. ใส่คนดูจนเหนื่อยแล้ว แต่หากมองอย่างพินิจพิเคราะห์ มันคือการพยายามกะเทาะความคิด จิตใจ ตัวละครแต่ละตัว อย่างน่าสนใจทีเดียว อย่างคุณนายอุมา ที่สามีไม่เห็นความสำคัญของเธอ หรือ แรงปรารถนาด้านกามารมณ์ที่ไม่ได้รับการตอบสนองของคุณผู้ชาย

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

 

และนี่เองก็คือการเฉลยที่มาการตายอย่างน่าอนาถของ พลอย (น้ำหวาน กรรณาภรณ์) สาวรับใช้ที่รู้ใจเจ้านายทั้งสอง โดยเฉพาะการที่ต้องเป็นเครื่องดับความใคร่ของเหล่าผู้ดีที่ถึงเวลา “ติดสัด” ก็ทำตัวไม่ต่างจากเดรัจฉาน นั่นทำให้การพูดถึงอดีต หรือ ฉากแฟลชแบ็กต่าง ๆ กลับไม่ได้ให้ข้อมูลเพียงเรื่องว่า “พลอยตายยังไง” เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้ามมันกำลังไปอธิบายพฤติกรรมของคนในบ้านในองก์ที่ 1 อีกด้วย

ฉากเล็กๆ ของหนัง

ในฉากเล็กๆ ของหนังที่ จอย ได้เข้าไปอยู่ในครัวร่วมกับพวกบรรดา สาวรับใช้รุ่นพี่ เราจะเห็นพฤติกรรมที่ดูธรรมดามากแต่ทว่ากลับมีที่มาทันทีเมื่อหนังบอกเล่าความจริงในองก์ที่ 2 นั่นคือการเสพติดความเงียบและการห้ามไม่ให้ใครถามหรือสงสัยในบ้านของหัวหน้าแม่บ้าน การบิดเบือนความจริงของพ่อบ้านคนขับรถ และหนักสุดคือพฤติกรรมชอบฟังเพลง งัดถั่งงัด ของพี่แม่บ้านลุคสาวใช้อีสาน ที่เราเห็นกันมาจนเฝือและให้ภาพที่คลีเช่มาก ๆ แต่พอมาอยู่ในบริบทของเรื่องราวแบบนี้ก็ทำให้มันพิเศษอย่างบอกไม่ถูก

ในบทปิดท้ายคงต้องบอกว่าในเมื่อเรื่องราวได้เฉลยปมต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว การคิดบัญชีแค้นในองก์สุดท้าย เลยเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และเป็นการปลดปล่อยและท้าทายความคิดผู้ชมชาวไทยอย่างแท้จริง เพราะไม่บ่อยหรอกที่หนังไทยจะหักมุมให้เรื่องราวในตอนท้ายพลิกผันและบิดทวิสต์ แนวหนัง หรือ Genre แบบหักศอกเหมือน “หนังคนละม้วน” ขนาดนี้

 

 

และที่ต้องชื่นชมมากคืองานกำกับศิลป์ในฉากปาร์ตีส่งท้ายเรื่องราวที่ให้ผู้ร่วมงานใส่ชุดสีขาว ที่ในที่นี้ไม่ได้แสดงถึงความบริสุทธิ์อย่างไร ในทางตรงกันข้ามเมื่อเรามาวิเคราะห์แล้วชุดสูทสีขาวคงไม่ได้แทนอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากชุดประจำตำแหน่งของบรรดา อีลิต (Elite) หรืออภิสิทธิชนที่มีตังค์และเวลาในชีวิตพอมาเสพของฟุ่มเฟือยทั้งไวน์และอาหารคานาเป้แบบที่เห็นในหนังได้ ดังนั้นเมื่อเรื่องราวดำเนินมาสู่จุดที่บ้าคลั่งที่สุดของหนัง การนองเลือดเลยเหมือนการแก้แค้นที่ไม่เพียงแค่เรื่องส่วนตัว แต่มันยังสาวไปได้ถึงการปฏิเสธและกำจัดเรื่อง “ชนชั้น” อย่างอดคิดไม่ได้

 

สาวลับใช้ สปอยหนัง

ในเมื่อผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ คุณไตรเทพ วงศ์ไพบูลย์ หรือ คุณอู่ วง Kidnappers ผู้ควบคุมการมิกซ์เสียงในภาพยนตร์ก็เลยขออนุญาตสรุปประเด็นเกี่ยวกับการออกแบบเสียงหรือ Sound Design มาเพื่อวิเคราะห์ตัวหนังกันนะครับ โดยประเด็นแรกเลยคือการออกแบบเสียงใน 3 องก์ของหนัง องก์แรกที่เป็นหนังผี คุณอู่ เลยการดีไซน์การแสดงผลในแต่ละช่องสัญญาณ (Channel) ร่วมกับ ลี ทองคำ ผู้กำกับภาพยนตร์แบบคู่ขนานโดยเมื่อหนังตัดต่อเสร็จ ผู้กำกับจะมาร่วมดูว่า Sound Design ของหนังแต่ละซีนสามารถล่อหลอกคนดูได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนไทยที่คุ้นเคยกับจังหวะตุ้งแช่ของหนังผีดีอยู่แล้ว

ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้ชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ของ กันตนาสตูดิโอ วันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับหนังในองก์แรกจู่โจมคนดูหนักมาก ๆ และมิติเสียงทั้งเสียงเท้าบนพื้นไม้ของตัวละครจอย และ พลอย ที่เป็นผีก็ถูกออกแบบมาอย่างดีแบบถ้าสังเกตดี ๆ เราจะพบความแปลกแยกของทั้ง 2 ตัวละครผ่านน้ำหนักของเสียงฝีเท้าได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งคุณอู่บอกว่าสำหรับผู้ชมที่รับชมทาง Netflix ก็จะได้รับประสบการณ์เดียวกันเมื่อต่อลำโพงโฮมเธียร์เตอร์ที่บ้านในระบบเสียง 5.1 แชนแนล ซึ่งผมพิสูจน์แล้วก็จริงตามที่คุณอู่บอกนะครับ สาวลับใช้ ep 1

 

 

แต่สำหรับองก์ที่ 2 และ องก์ที่ 3 งาน Sound Design จะลดบทบาทของเสียงเอฟเฟกต์ลงเพื่อให้ดนตรีประกอบของ Bruno Brugnano อดีตโปรดิวเซอร์มือทองของค่ายแกรมมี่โดดเด่นและช่วยบอกเล่าเรื่องราวขึ้นมา แต่นั่นก็ทำให้เกิดความหมายที่ต่างจากองก์แรกของหนังเพราะเมื่อตัวละครไม่ใช่สิ่งแปลกแยกของบ้านดังนั้นเสียงแปลก ๆ ทั้งฝีเท้าและไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดก็จะเริ่มหายไป เป็นการยอมลดบทบาทของเอฟเฟกต์เสียงให้ดนตรีประกอบได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีทีเดียว

แม้หนังจะมีข้อน่าติติงในด้านงานกำกับและการหักมุมแบบไม่เหลือความน่ากลัวที่จู่โจมคนดูแบบหนังในองก์แรกอยู่บ้าง เมื่อมองจากมุมของคนดูหนังผี แต่หากเปิดใจและร่วมด่ำดิ่งไปกับการทดลองเล่าเรื่องที่ทวีความวิปลาสขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละองก์ของหนังและการแสดงที่น่าจดจำของพลอย ศรนรินทร์ ควบคู่ไปกับงานโพรดักชันที่เนี้ยบ ถ่ายภาพได้สวยและงาน Sound Design ที่เร้าอารมณ์แล้วนี่จะเป็นประสบการณ์การชมภาพยนตร์ไทยแนวใหม่ที่รสชาติจัดจ้านไม่น้อยเลยทีเดียว

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

 

 

หลังจากที่ปลายปีที่แล้ว GDH ได้จัดงานแถลงข่าว GDH Xtraordinary 2021 LINE UP เพื่อเปิดเผยไลน์อัป 5 โปรเจกต์ หนังไทยมาใหม่ ที่จะเข้าฉายในปี 2563-2564 ซึ่งในปีคราวแล้ว อ้ายคนหล่อลวง’ (2563) หนังเรื่องแรกของโปรแกรมนี้ก็ได้เข้าโรงฉาย แล้วก็เอาเข้า Netflix เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว

 

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ การทดลองเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายกลับพลิกผัน เมื่อกล้ากับวี หมอเพื่อนคู่หูเกิดเห็น ‘ผี’ ด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่ต้องการค้นหาคำตอบเรื่องผีและข้อพิสูจน์เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย การหมกมุ่นยึดติดเพราะอยากรู้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังทำให้พวกเขาถลำลึกจนกู่ไม่กลับ และอาจทำให้ทั้งคู่ต้องสูญเสียมิตรภาพและคนที่ตนรักไป

ถึงทีของหนังเรื่องที่ 2 ของโปรเจกต์นี้อย่าง ‘GHOST LABฉีกกฎทดลองผี’ ที่คราวนี้ GDH ขอหวนคืนสู่หนังผีอีกครั้ง(หลังจากห่างหายจากแนวนี้ไปสักพัก)โดยผู้กำกับ ‘กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา’ ที่ผ่านผลงานทั้งหนังผี-หนังไม่ผีทั้งหลาย ตั้งแต่ ‘บอดี้ ศพ19’ (2550), ‘สี่แพร่ง’ ตอน “ยันต์สั่งตาย” (2551) , ‘ห้าแพร่ง’ “หลาวชะโอน” ตอน “หลาวชะโอน” และ ‘รัก 7 ปี ดี 7 หน’ ตอน “14”(2555)ดูหนังฟรี

 

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

 

นอกจากจะเป็นการหวนสู่หนังผีของ GDH แล้วหนังเรื่องนี้ยังเป็นภาพยนตร์ Netflix Original เรื่องแรกของ GDH ที่ฉายเฉพาะในหนังผี netflixด้วย ซึ่งนอกจากว่าจะมีข้อดีตรงที่ชมได้ทั่วโลกแล้วสิ่งที่หนังเรื่องนี้มีความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ การดันเรตติงขึ้นไปถึง 18+ ทั้งภาพโหดๆ และภาพความรุนแรงต่างๆ ใส่ในหนังแบบจัดเต็มได้กว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของ GDH ที่เคยมีมาดูหนังออนไลน์

 

องค์ประกอบของหนัง

ฉาก : มีฉากตุ้งแช่ความน่ากลัวระดับ 1-2

แสง สี : GDH ก็ยังคงเอกลักษณ์งานแสงสีได้ดีเหมือนเดิมเลย โดยเฉพาะฉากกลางคืนสวยมากจริง ๆ ให้ความรู้สึกหลอน วังเวง เยือกเย็น

เสียง : เสียงเอฟเฟคคือทำให้ตกใจง่ายมากในฉากตุ้งแช่ เสียงมันดีมาก คมชัด ฟังเเล้วก็มีหลอน ๆ หวาดเสียวบ้างแหละ

 

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

 

ปมปัญหาของเรื่อง : หลักๆ เลยก็จะเกี่ยวกับการไขหาคำตอบของโปรเจกต์ล่าเเสงเหนือในแง่วิทยาศาสตร์ว่าจริง ๆ แล้ว วิญญาณมันคืออะไรกันแน่ ด้วยการสำรวจแล้วก็ทดลองเพื่อหาคำตอบต่อไปเรื่อยๆ แต่แทนที่จะผ่านพ้นไปด้วยดีตามที่พวกเขาตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก กลับมีบางอย่างมาสกัดไว้

 

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

จริง ๆ พอได้ยินจั่วหัวว่าหนังเรื่องนี้เป็น “หนังผีสายวิทย์” แค่ทีเซอร์ก็น่าสนใจแล้วแหละ บวกกับความเป็น GDH ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเคี่ยวกรำบทหนังแบบเข้มข้นรวมถึงการเจอกันครั้งแรกของ 2 นักแสดงแห่งนาดาวอย่าง ‘ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร’ ในบท ‘หมอวี’ หมอสุดเนิร์ดที่มีปมบางอย่างในใจ ‘ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ ในบท ‘หมอกล้า’ หมอมาดเท่ที่มีโปรเจกต์ลับที่อยากจะทดลองอะไรบางอย่างเกี่ยวกับวิญญาณและโลกแห่งความตายและ ‘ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์’ กับการเล่นหนังครั้งแรกในบท ‘ใหม่’ แฟนหมอกล้า
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของธีม หรือแก่นเรื่อง จริง ๆ ต้องบอกว่ามันมีความน่าสนใจและมีความเท่ในตัวของมันเองอยู่แล้วนะครับ แล้วมันก็สัมผัสได้ตั้งแต่องก์แรก ที่เราจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างมุมมองเกี่ยวกับวิญญาณ ไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันของทั้งคู่ โอเค แม้ว่าตอนปูเรื่องแรก ๆ จะแอบรู้สึกยุกยิกกับการคุยอะไรเนิร์ด ๆ ไปบ้างกว่าจะปูเข้าเรื่องว่ามีโปรเจกต์ลับ ๆ เพื่อทดลองการปรากฏตัวของวิญญาณ และหวังว่าจะเป็นโปรเจกต์ที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยระดับโลก มันก็ค่อนข้างจะมีอะไรให้รู้สึกคันหัวใจยุบยิบอยู่เหมือนกัน

 

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

 

ตั้งแต่ในองก์แรก เราจึงจะได้เห็นการวางโครงคร่าว ๆ การสร้างโลเกชันหลักอยู่ในที่ที่ (ว่ากันว่า) วิญญาณเยอะสุด ๆ อย่างโรงพยาบาล (เพราะคนตายทุกวันและมีห้องดับจิต)และการอธิบายอธิบายเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์ว่า “ผีมีจริงไหม?” “ถ้าผีมีจริง มีอะไรที่จะวัดได้ไหม” และ “ถ้าผีมีจริง จะปรากฏตัวได้อย่างไร เมื่อไหร่?” ในองก์แรกอย่างชัดเจน รวมถึงเคมีที่เข้ากันของไอซ์และต่อ ที่แม้ว่าอายุจะห่างกันพอสมควร แต่ก็เรียกได้ว่าดูมีความเข้าขากันในระดับที่น่าสนใจทั้งหมดนี้จึงทำให้ในองก์แรกนั้นมีสถานะเป็นหนังแนวลี้ลับ ผสมสืบสวนสอบสวน (มีคอมเมดี้แทรกเล็กน้อย) ที่ดูพอจะเข้าใจในเจตนาและวิธีการของตัวละครได้ในระดับหนึี่งเลยทีเดียว รวมถึงความพยายามในการประคับประคองประเด็นความเชื่อระหว่างพุทธกับผีจนเรียกได้ว่าดูแล้วนึกถึง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ (2560) ได้ในแวบหนึ่งเหมือนกันนะครับฉีกกฎทดลองผี สปอย

 

องค์ประกอบ2

แต่พอเข้าสู่องก์ที่สอง ดูเหมือนว่าตาชั่งในการประคับประคองความเชื่อทั้งสองฝั่งเริ่มก็เริ่มจะเสียสมดุลเพราะกลับพบว่า บทเริ่มกลับพาออกไปไกลจากหลักวิทยาศาสตร์หล่อๆ ที่สองหมอหนุ่มหล่ออุตส่าห์ปูเรื่องไว้ให้อย่างดี เพราะแม้ว่าตัวละคร โดยเฉพาะต่อ ธนภพ (ที่กำลังจะเข้ามาแบกหนัง) และตัวหนังเองก็มีปมระทึกขวัญในระดับที่ไม่ควรสปอยล์เป็นอย่างยิ่งอยู่ แต่ดูเหมือนว่าหน้าหนังและเนื้อหาในองก์แรกที่เข้าใจว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นการ “เอาวิทยาศาสตร์ไปหาผี” กลับกลายเป็นว่าในองก์นี้ กลับเริ่มเอา “ผีโน้มกลับมาหาวิทยาศาสตร์” ไปเสียอย่างนั้น

จนทำให้เราแทบสัมผัสหลักการต่างๆ แทบไมไ่ด้เลยว่าผีจะกลับมาด้วยทฤษฏี วิธีการหรือปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ให้เราเชื่อได้ว่า “ผีมีจริง” ได้ยังไงกันแน่ นอกจากจะใช้ “บางสิ่งบางอย่าง” เอามาเป็น “เครื่องสังเวย” และ “ร่างทรง” ให้กับวิญญาณที่มีห่วงได้ใช้อาศัยในการสื่อสารเป็นการนำเอาความเชื่อทางพุทธ/ผี รวมถึงความผูกพันในแง่ของความรักความแค้น การมีห่วงผูกพัน รวมถึงประเด็นของวิญญาณที่วนเวียนไม่ไปไหนวิญญาณเข้าฝัน ฯลฯ

 

 

มาครอบด้วยมุมมองทางวิทยาศาสตร์ที่ดูจะเบาบางลงเรื่อยๆ ในขณะที่เรื่องดำเนินไปเท่านั้นเองรวมถึงบางประเด็นและบางเรื่องราวที่ยังอธิบายได้ไม่สุดไม่เคลียร์ รวมถึงบางประเด็นที่ถูกทิ้งขว้างไปแบบดื้อๆเสียอย่างนั้น ทั้งหมดนี้กลายเป็นความ “เบี้ยว” ที่ต้องใช้การแสดงของ ‘ต่อ ธนภพ’ ออกแรงแบกกันหนักหน่อย

โกสต์แล็บ..ฉีกกฎทดลองผี สปอยหนัง

จนพอเข้าองก์ที่สามต้องบอกได้เลยนะครับว่า มันพาไปไกลเกินไปจริง ๆ ครับ ถ้าจะบอกว่าดูแล้วยังเข้าใจในธีมที่เรื่องจะสื่อไหม ผู้เขียนคิดว่าเข้าใจครบถ้วนนะครับ แต่เพียงแต่ว่า บทมันพาไปไกลแบบที่เรียกว่าลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมวิทยาศาสตร์เท่ ๆ และหลักการทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าการสรุปจบธีมที่น่าจะจบลงได้แบบว้าว ๆ กลายเป็นการจบแบบลืมทฤษฏีวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง แล้วหันมาใช้ทฤษฏี “ฟ้ามีตา” และบทสรุปในแบบ “พุทธ/ผี”เพื่อสรุปผลการทดลองแบบฉลาดเกมส์โกงเข้าขั้นคุ้มคลั่งคลั่งของหมอวีและจบลงด้วยการเผชิญกับผลการทดลองที่ลุกขึ้นมาจัดการกันแบบโต้ง ๆ ชนิดที่ดูแล้วต้องร้องว่า “อิหยังวะ” เลยแหละ

อย่างที่เกริ่นไปบ้างแล้วครับว่า การแสดงของทั้งสองหนุ่มถือได้ว่าเคมีเข้ากันเป็นอย่างดี แต่การแสดงของทั้ง ‘ไอซ์-พาริส’และ ‘ต่อ-ธนภพ’ ถือว่าอยู่ในขั้นที่น่าพอใจครับ โดยเฉพาะการแสดงของ ‘ต่อ-ธนภพ’ ที่นอกจากจะแบกหนังทั้งเรื่องได้อย่างน่าประทับใจแล้ว การสร้างคาแรกเตอร์ “หมอวี” หมอเนิร์ดที่ค่อยๆ หมกมุ่นและคุ้มคลั่งในการทดลองขึ้นทีละนิดๆ ทั้งการพูดการแสดงท่าทางของต่อนั้น เรียกได้ว่า “สุด” มากๆเลยครับ

 

 

จริงๆ หนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นหนังที่แนะนำให้ดูได้นะครับ ฉากสยองๆ หลายฉากยังทำงานได้ดี มี Jump Scare บางๆ พอหอมปากหอมคอและฉากระทึกให้ลุ้นพองาม แต่ถ้าหากจะแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้ ขอแนะนำว่าให้ปิดโหมดการทำงานระบบตรรกะ และขอให้ลืมวิธีวิทยาการวิจัย (Research Methodology) หรืออะไรก็ตามที่เคยเรียนหรือรู้ตอนเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เทือกๆนี้ไปก่อนนะครับ คือเอาจริงๆ มันก็เป็นคำแนะนำที่ดูจะขัดๆ แปร่งๆ กับหนังที่ชวนให้เราใช้สมอง ใช้ความคิดหนัก ๆ กับหลักวิทยาศาสตร์ไปหน่อยนั่นแหละ

แต่ผลจากการทดลองของผู้เขียนในการดูแบบปิดโหมดตรรกะผลการทดลองพบว่า น่าจะทำให้สามารถเพลินไปกับตัวหนังได้มากกว่าจะมานั่งตั้งสมมติฐาน คิดหาข้อสงสัย จับผิดโน่นนี่ ต้องการคำตอบกับสมมติฐานที่ว่า “ผีมีจริงไหม?” เพราะหนังเรื่องนี้คงให้คำตอบได้ “ประมาณหนึ่ง”เท่านั้นล่ะนะครับหนังผี gth

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

 

 

ภาพยนตร์เรื่อง เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ ชยนพ บุญประกอบ ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของการแบ่งชนชั้นนักเรียนในโรงเรียนเป็นฐานันดรต่าง ๆ นั่นก็คือ คนทั่วไป อันธพาล เด็กเนิร์ด นักกีฬา คนหน้าตาดี นักกิจกรรมตัวท็อปและคนไร้ตัวตน ซึ่งในเรื่องจะเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่อยู่ในฐานันดรไร้ตัวตนเหมือนกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นธิติ มหาโยธารักษ์ ที่มารับบทเป็น ป๋อง เด็กหนุ่มนักเรียนชั้น ม.5 ที่เป็นคนค้นค้นการแบ่งนักเรียนในโรงเรียนในระดับฐานันดรต่าง ๆ และโดยจัดให้ตัวเองเป็นอยู่ในกลุ่มไร้ตัวตน ไม่มีคนสนใจ และไม่เป็นที่รู้จัก

 

เรื่องย่อ เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ

ป๋อง (แบงค์-ธิติ) แบ่งนักเรียนในโรงเรียนเป็นฐานันดรต่างๆ คือ คนทั่วไป, อันธพาล, เด็กเนิร์ด, นักกีฬา, คนหน้าตาดี, และนักกิจกรรมตัวท็อป โดยจัดตัวเองเป็นบุคคลผู้ไม่มีฐานันดร ไร้ตัวตน ไม่มีคนสนใจ แต่คนไม่มีศักดิ์อย่างป๋องก็ดันไปแอบชอบมิ้ง (ฟรัง-นรีกุล) นักกิจกรรมตัวท็อป ว่าที่ประธานสีคนต่อไป ทั้งที่เธอไม่เคยเหลียวแลเขาเลย

 

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

 

จนวันนึงป๋องได้รู้จักกับเมย์ไหน (ปันปัน-สุทัตตา) ผู้หญิงเก็บตัว ไม่เข้าสังคม และไม่มีฐานันดรเช่นเดียวกับเขาป๋องล่วงรู้ความลับของเมย์ไหนว่าเธอแอบชอบพี่เฟม (ต่อ-ธนภพ) สุดฮอต ผู้เป็นทั้งนักกีฬา หน้าตาดี และประธานสี แล้วป๋องยังรู้อีกว่า เมย์ไหนเลือกที่จะไร้ตัวตนเพราะเธออยู่กับใครไม่ค่อยได้ ร่างกายของเธอจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาเหมือนปลาไหลไฟฟ้าทุกทีที่เหนื่อย ตื่นเต้น หรือตกใจ
ทั้งสองตกลงเป็นเพื่อนกัน รักษาความลับของกันและกัน ค่อยๆ สนิทกัน และช่วยกันจีบมิ้ง-เฟมตัวท็อปของโรงเรียนอย่างลับๆ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

วิเคราะห์ วิจารณ์

หมู ชยนพ ผู้กำกับ “SuckSeed ห่วยขั้นเทพ” กลับมานำเสนอชีวิต loser / underdog ของเด็กวัยรุ่นม.ปลายอีกครั้ง โดยเอาความเป็นหนัง GTH มาผสมผสานกับอะนิเมะแบบที่เขาชอบ (นี่บางทีก็สงสัยว่า เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลาไหลหรือปิกาจู)

ตัว ละคร เม ย์ ไหน ไฟ แรง เฟ ร่อ เป็นหนังวัยรุ่น rom-com ที่ไม่ใช่แค่โอเวอร์แอ็คติ้งตามสไตล์ GTH แต่ยังเพิ่มความเป็นการ์ตูนอะนิเมะแบบโอเฟร่อได้อีก แล้วซาวนด์ประกอบนี่ก็ไม่รู้จะเอาฮาไปไหน ในส่วนของมุกตลกอาจฮาบ้างไม่ฮาบ้าง ขึ้นอยู่กับอายุ วัย หรือประสบการณ์ส่วนบุคคล แต่ก็คลายเครียดได้อยู่

 

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

 

ในส่วนของความซึ้ง เราว่ามันก็ซึ้งนะ มีเสี่ยวบ้างไรบ้าง กระตุ้นต่อมมโนบ้างไรบ้าง แต่มันก็มีความโรแมนติกแบบน่ารักๆ แบบเด็กๆ ที่ชวนอมยิ้ม เออ โดยส่วนตัวเราชอบพาร์ทดราม่ามากกว่าพาร์ทตลก ถึงแม้มันจะดราม่าไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ เพราะแม่งชอบตลกแทรก แต่โดยรวมก็สนุกดี

 

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

80% ของหนัง เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ เต็มเรื่อง facebook แทบไม่เน้นการนำเสนอเรื่องฐานันดรเท่าไหร่ ก็นั่นแหละ ไปเน้นเอาฮาและเน้นเอาฉากกุ๊กกิ๊กตามประสา จนกระทั่งกลับมาโผล่อีกทีก็ช่วงท้ายๆ เรื่อง ซึ่งเหมือนจู่ๆ ก็วกกลับมา และยังดูมีความพยายามมากเกินไปจนดูขาดความเป็นธรรมชาติ เช่น การเล่นคำระหว่างคำว่า ฐานันดร “ศักดิ์” กับ “ศักย์” ไฟฟ้า แต่จริงๆ ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะหนังมันเซอร์เรียลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับการ์ตูนสั้นหลายเรื่อง ตัวละครส่วนใหญ่ค่อนข้างแบนราบและมีคาแรกเตอร์แบบการ์ตู๊นการ์ตูน (ตามความตั้งใจของผู้กำกับนั่นแหละ) อย่างเช่น เมย์ลีด (ต้าเหนิง กัญญาวีร์) และเดอะแก๊ง (แพรว นฤภรกมล) นี่ดูสวยใสไร้สมอง แถมยังชอบใช้กำลังและเล่นพรรคเล่นพวก แต่เราก็ชอบนะ คาแรกเตอร์ชัดดี ตลกดี มีมุกเป็นของตัวเอง ดูดีมีซิกเนเจอร์

มีติดใจตรงคาแรกเตอร์ (และหน้าตา) ของป๋องนิดหน่อย หน้าตาก็ดี๊ดี บุคลิกนิสัยก็ดูเป็นคนปกติและเฟรนด์ลี่ดี แต่ทำไม้ทำไมถึงกลายเป็นคนไร้ตัวตนไปซะได้ก็ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม เราชื่นชมที่เด็กๆ นักแสดงนำแสดงได้ดีมีพัฒนาการ ถึงแม้ในภาพรวม เราจะยังสลัดภาพ “ฮอร์โมนส์” ของพวกเขาออกได้ไม่หมด 100% แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุกคนมีความตั้งใจเกินร้อย และทำได้ดีตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย

 

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

 

อย่างปันปันนี่ไม่ค่อยสงสัย นางเล่นหนังเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่แบงค์กับต่อนี่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เรา แบงค์แสดงดีเกินคาด ในเรื่องนี้ได้เห็นแล้วว่าน้องคนนี้ “เล่นตลกก็ได้ เล่นดราม่าก็ถึง” อนาคตไกลได้อีก ส่วนต่อในเรื่องนี้นี่เวรี่หล่อเกาหลีออร่าพุ่ง 4×100 เมตร ที่สำคัญต่อเล่นบ้าๆ บอๆ ชนิดไม่ห่วงหล่อเลยทีเดียว คนละเรื่องกับไผ่-ฮอร์โมนส์เลย

บทของพี่เฟม (ต่อ-ธนภพ) เป็นตัวแทนของฐานันดรคนหน้าตาดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า ถ้าเกิดมารูปร่างหน้าตาดี ทำอะไรก็ดูดี ป็อปปูล่าร์ ไปไหนมาไหนก็เหมือนมีสปอตไลท์ติดตามตัวเป็น GPS แถมยังมีอิทธิพลต่อคนฐานันดรอื่นอีก แล้วยิ่งถ้าหน้าตาดีแล้วยังมีความสามารถ เช่น เล่นกีฬาได้ ความหน้าตาดีนั้นก็จะเป็นบันไดให้เขาไปถึงจุดสูงสุดได้โดยใช้ความพยายามน้อยกว่าคนที่หน้าตาดีอย่างเดียวหรือมีความสามารถอย่างเดียว

 

เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ สปอยหนัง

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง คนที่รักกันจริง เขาจะพยายามหาทางให้อยู่ด้วยกันได้เอง แต่ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พยายาม หรือเลือกที่จะไป คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครผิดใครถูก มีแต่ใช่หรือไม่ใช่

วันนึง เราจะเจอคนที่รู้จักเราจริงทั้งข้อดีข้อเสียของเราแล้วเขายังรับเราได้และพยายามปรับตัวให้อยู่กับเราได้… เมื่อถึงวันนั้นแล้ว ก็อย่าปล่อยให้คนคนนั้นหลุดมือไปเป็นอันขาด เพราะเขามีค่า… เขาเห็นคุณค่าของเราและรักเราในแบบที่เราเป็น (แต่เอาจริงๆ นะ จริงๆ แล้ว ทุกคนล้วนมีค่ากันทั้งนั้นแหละ no matter what!)

ที่สำคัญ จำไว้ว่า สำหรับความรักก็ต้องพยายามและให้กันทั้งสองฝ่ายนะ ถ้าเป็นฝ่ายพยายามฝ่ายเดียว หรือให้อยู่ฝ่ายเดียว มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือพลีกายถวายหัวทำอะไรเพื่อเขาขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ เห็นหรือไม่เห็น คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี เม ย์ ไหน ไฟแรง เฟ ร่อ เต็ม เรื่อง ep 1

 

 

ส่วนคนฐานันดรสูงๆ อย่างพี่เฟมกับมิ้ง จะหันมาสนใจคนฐานันดรต่ำๆ หรือไม่นั้น อย่างที่เราก็เห็นกันถมเถไปในชีวิตจริงและละครหลังข่าว มันเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับคนฐานันดรสูงคนนั้นเขา value อะไรมากกว่ากัน ถ้าเขา value ชื่อเสียงเงินทองมากกว่าความรักความสุข เขาก็คงไม่หาเรื่องลดศักดินาตัวเองให้เหลือห้าไร่

แต่มันก็มีเหมือนกันนะ คนชั้นสูงที่เบื่อและชาชินกับแสงสีเสียงหรือการมีคนมานิยมชมชอบ แล้วพอเจอคนที่ไม่รู้จักเขา ไม่สนใจคลั่งไคล้เขา เขาจะไม่เข้าใจ เขาจะสนใจคนคนนั้นเป็นพิเศษ เขาจะรู้สึกว่าคนคนนี้น่าค้นหาและคงไม่ทำตัวน่ารำคาญใส่เขาแบบพวกติ่งชั้นต่ำ (นั่นไง ละครอีกละ)

ซึ่งทั้งนี้เราก็ต้องไปลุ้นกันต่อไปว่ารักหลายเส้าใน เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ จะลงเอยอย่างไร พี่เฟมกับมิ้งจะหันมาสนใจเมย์ไหนกับป๋องหรือเปล่า แล้วจะรับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้หรือไม่… (สับสน เข้าใจยาก สมกับเป็น “วัยว้าวุ่น” จริงๆ)

 

ความรู้สึกหนังดู

ความรู้สึก… ก็มีหลายชั้น หลายระดับ เช่นเดียวกับฐานันดร บางทีมันอาจเป็นแค่ความปลื้ม ความชอบ ความคลั่งไคล้ ความพิศวาส หรือแค่ความรู้สึกดี… แต่มันไม่ใช่ “ความรัก” ซึ่งเราต้องค่อยๆ ไตร่ตรองดูให้ดี มันใช้วัตถุหรือพฤติกรรมภายนอกชี้วัดไม่ได้เสมอไปอย่างตอนแยกชั้นฐานันดร เนาะ…

โดยสรุป เมย์ไหนไฟแรงเฟร่อ เต็มเรื่อง ภาคไทย ก็สนุกดี ซึ้งปนฮา นักแสดงก็เล่นดี แต่อาจจะไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนทุกวัย โปรดพิจารณาตัวเองก่อนการรับชม กลุ่มเป้าหมายหลักๆ แน่นอนว่าคือเด็กๆ วัยรุ่นวัยแจ่มใส รับรองวัยพวกนี้ฟินแน่อินแน่ ดีไม่ดีหัวเราะท้องแข็งตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

 

 

แต่ผู้ใหญ่ตอนต้นหลายคน (อย่างเราเป็นต้น) ก็ยังพอจะอินกับบางมุกได้อยู่นะ บางมุกที่แบบ “อะไรของมึง” เราก็คิดซะว่า อย่างน้อยก็ได้เข้าไปย้อนวัยใสๆ จุดเทียนกลางสายฝนอีกสักครั้ง รวมๆ ก็พอดูได้ขำๆ เพลินๆ บันเทิงดี

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

 

 

บอดี้ ศพ#19 สปอยหนัง ภาพยนตร์ไทยแนว Mystery Psychological Horror จากค่าย GTH ของผู้กำกับ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ซึ่งเขียนบทโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ และ ปวีณ ภูริจิตปัญญา

 

เรื่องย่อ

เรื่องราวของ ชลสิทธิ์ นักศึกษาหนุ่มคณะวิศกรรมศาสตร์ที่อาศัยอยู่กับพี่สาวชื่อ เอ๋ ซึ่งเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ วันหนึ่ง ชลสิทธิ์ ตื่นขึ้นมาในโรงละครที่กำลังทำการแสดงดนตรีอยู่อย่างงงๆ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไร เขาก็รีบเดินออกมาจากข้างนอก และเดินทางกลับบ้านทันที ตั้งแต่นั้นมา ชลสิทธิ์ มักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมฆ่าหั่นศพหญิงสาวรายหนึ่งอยู่ตลอดเวลา และในฝันนั้นเขายังเห็นผีตนหนึ่งที่มักจะเอ่ยถึงชื่อ ดาราราย ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ เขา

อาการฝันร้ายของ ชลสิทธิ์ เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงถึงขั้นที่เขาไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท จนสภาพร่างกายและจิตใจค่อยๆ แย่ลง แถมบางครั้งมันทำให้เขาเห็นภาพหลอนของผีตนนั้นที่คอยตามมาหลอกหลอนเขา จนกระทั่งเขาพลั้งมือบีบคอ เอ๋ จนเกือบตายเพราะคิดว่าเป็นผี ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

 

เอ๋ จึงขอให้เขาไปหาหมอเพื่อทำการรักษา เขาจึงได้ติดต่อขอเข้ารับการรักษากับ หมออุษา ตามคำแนะนำของ หมอจิ๊บ ที่ได้แนะนำให้กับเขาในวันที่เขาได้เข้าไปทำแผลที่โรงพยาบาล แต่หลังจากเข้าพบ หมออุษา เขาก็คิดว่าการรักษาไม่น่าจะได้ผล เขาจึงพยายามสืบหาต้นตอของฝันร้ายนั้นเองว่าผีตนนั้นต้องการอะไรจากเขา แล้วชื่อ ดาราราย ที่เขาได้ยินจากผีตนนั้นคือใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุฆาตกรรมที่เขาฝันถึง ยิ่งสืบหาความจริง ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็ยิ่งปรากฎ ความจริงนั้นคืออะไร ไปร่วมหาคำตอบกันนะฮะ ทางช่อง Netflix Body 2007 full movie

 

ความรู้สึกหลังจากดูจบ

บทหนังดีมาก แถมพอทุกอย่างเฉลยแล้วก็สามารถคลายปมทุกอย่างได้อย่างกระจ่างแทบจะไม่มีแผลเลย หนังไทยน้อยเรื่องมากฮะที่จะทำได้แบบนี้ (เพราะที่เห็นๆ มาจากหลายๆ เรื่อง แม้บทจะดี ดำเนินเรื่องดี หรือเล่าเรื่องดี แต่พอวิเคราะห์องค์รวมแล้วก็ยังจะเห็นบาดแผลของหนังซ่อนอยู่จุดนู้นจุดนี้เต็มไปหมด)

 

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

หนังสามารถนำประเด็นของคนเป็น โรค MPD (Multiple Personality Disorder) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคหลายบุคลิก มาเล่นได้อย่างชาญฉลาดมากฮะ เห็นได้ชัดว่ามีการทำการบ้านมาอย่างดี ไม่มีจุดที่ให้จับผิดได้เลย

 

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

 

สิ่งเดียวสำหรับหนังเรื่องนี้ที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็คือ การเดินเรื่องในช่วงต้นจนถึงกลางเรื่องที่ค่อนข้างจะอืดและเนือยไปหน่อย ทำให้บางช่วงแอบมีเบื่อๆ ไปบ้าง แต่ก็เหมือนจะรู้ เพราะทันทีที่เราเริ่มเบื่อหนังก็จะใส่อะไรที่น่าสนใจเพื่อดึงให้เรากลับมาอยู่กับหนังต่อได้

 

พล็อตและการดำเนินเรื่อง

เปิดเรื่องโดยใช้ CG ไหลภาพไปจากมุมสูงของเมืองไล่ไปตามท่อระบายน้ำจนเจอแมวผีกำลังกินเศษเนื้ออยู่ แล้วก็เริ่มเรื่องที่ชล (เป้ วง slur) ตื่นมาอยู่ใน concert ที่มีเพลง “คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว” ที่แพทกำลังร้องอยู่กับวงออเคสตร้า ฟังแล้วโหยหวนเหมือนโดนสะกด ชลลุกออกจาก Hall ไปกลางคันแล้วเค้าก็เจอเสื้อนอกถูกวางทิ้งไว้ เค้าหยิบมันกลับไปบ้านด้วย ภาพเปิดเรื่องส่วนใหญ่ใช้ CG หรือกล้องมุมสูง ดูสวย และลึกลับดี

เมื่อถึงบ้านเค้าก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครหรืออะไรอยู่กับเค้าด้วย แล้วเค้าก็เห็นผีครั้งแรกจากในถุงขยะนั่นเอง (อาจจะเป็นเศษของศพก็ได้) ชลเริ่มจะฝันเห็นฉากฆาตกรรมของผู้ชายคนนึงที่กำลังหั่นศพผู้หญิงอยู่ แต่เค้าไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉากนี้ก็แหวะๆ หน่อยเหมือนฉากในหนัง saw เลย กลับมาที่หมออุษา (เข็ม ตีสิบ) กำลังรักษาเด็กคนหนึ่งซึ่งมีสร้างเพื่อนในจินตนาการของตนเองจนกระทั่ง ฆ่าหมาตาย

ฉากนี้เราว่าประเด็นน่าจะอยู่ที่เพื่อนในจินตนาการที่เด็กสร้างขึ้นซึ่งจะเป็นตัวอธิบายเหตุผลในตอนสุดท้าย มากกว่าที่จะบอกถึงอาชีพของหมออุษาที่เป็นจิตแพทย์ มาที่หมอสุธี สามีหมออุษา กำลังถูกหมอจิ๊บ เพื่อนของหมออุษา ถามถึงเรื่องอาจารย์ดารารายที่หายตัวไป แต่สุธีกลับเงียบ ฉากนี้น่าจะเป็นประเด็นที่สงสัยกันว่าเป็นการกระตุ้นความทรงจำของหมอสุธี

ชลกลับมาบ้านและทำกับข้าวอยู่กับเอ๋ (แป้ง อรจิรา)บอดี้ศพ19 เอ๋คือใคร พี่สาวตนซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ ระหว่างนั้นก็เห็นภาพหลอนจึงพลาดหั่นนิ้วตัวเองเข้า เอ๋จึงพาชลมาทำแผลที่โรงพยาบาล ชลจึงได้เจอกับหมอจิ๊บ หลังจากเย็บแผลเสร็จหมอจิ๊บก็ทำการทดสอบสมองเบื้องต้น และถามชลว่าชื่อชลสิทธิ์ใช่ไหม ชลยืนยันว่าใช่และรู้สึกโกรธที่หมอหาว่าตนเองบ้า แต่หมอก็ยังฝากเบอร์โทรของหมออุษาไว้ให้ชล ฉากนี้ดูตอนแรกก็งงไปกับตัวละคร แต่พอรู้เฉลยตอนจบถึงได้ อ๋อ มันเป็นจั่งซี่นี่เอง ชลกลับมาบ้านและฝันซ้ำๆ เดิมรวมทั้งเห็นผีผู้หญิงที่ถูกผ่าท้องเผยให้เห็นอวัยวะภายในทั้งหมดโดดเข้าใส่ชลจึงสู้โดยการบีบคอผี แต่กลายเป็นว่ากำลังบีบคอพี่สาวตนเอง

 

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

 

เอ๋จึงขอร้องให้ชลไปหาหมออุษา เค้าตัดสินใจไปหาพบหมออุษา เมื่อได้พบชลสิทธิ์ หมอมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังทำการสอบถามต่อไป ชลเล่าเรื่องความฝันให้ฟังว่า ฝันจนรู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องจริง เค้ารู้สึกว่าเป็นเหยื่อที่โดนฆาตกรรมเสียเอง รู้สึกถึงลมหายใจสุดท้าย และได้ยินคำว่า “ชื่อดาราราย ตามหาฉันให้เจอ” จะบอกว่าชอบเมย์ (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) มากเลย เป็นผู้หญิงที่มีพลังมากๆ ระหว่างนั้นชลก็ยังคงซ่อนแอบกับผีเด็กบ้าง ผีผู้ใหญ่บ้างไปเรื่อยๆ วันนึงเค้าก็ฝันเห็นประตูข้างตู้เสื้อผ้าซึ่งเมื่อเค้าจะแอบมองเค้าก็เห็นผีตัวนั้นจับมือเค้าแล้วก็มีแหวนอยู่ในมือเค้า ฉากที่แหวนหล่นแล้วกลิ้งไปห้องหลังตู้เสื้อผ้า ทำได้สวยดี

เหมือน the load of the ring เลย หมออุษาเริ่มตามหาตัวดาราราย ในขณะที่ชลเองก็ต้องการพิสูจน์ให้เอ๋รู้ว่าเค้าไม่ได้บ้า หมออุษารู้ว่าดารารายเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่ม.เดียวกับหมอจิ๊บและหมอสุธี อุษาไปหานก ที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ของดารารายและก็ได้รู้ว่าสุธีเป็นคนฝากดารารายเข้าเป็นอาจารย์ที่นี่เอง นกเล่าเรื่องวิชาสะกดจิตเพื่อการบำบัด (เป็นการทำงานของจิตไร้สำนึก ที่จะดึงเอาเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจมากๆ ออกมาในสภาวะที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเพื่อใช้ในการรักษาคนไข้ คล้ายกับการสะกดจิตนั่นเอง) แต่เธอบอกสุธีแค่ว่าเธอไปเจอนก ขณะที่ชลก็ไปหาดารารายที่ม.และเห็นแมวผีอยู่ที่โต๊ะนก คืนนั้นเค้าเห็นนกถูกผีตัวเดียวกับที่เค้าเห็นฆ่าตายต่อหน้าต่อตา

อุษาโทรหาจิ๊บเพื่อจะบอกว่าเธอรู้เรื่องดารารายแล้วและคาดคั้นให้จิ๊บเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ของสุธีกับดาราราย (ดารารายเป็นเมียน้อยสุธีตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์จนจบและระหว่างที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอก สุธีก็มาแต่งงานกับอุษาแทน แต่สุธีพยายามตีตัวออกห่างเพราะรู้สึกผิดกับอุษาแต่ดารารายไม่ยอม) ชลมาหาหมออุษาเพื่อจะบอกว่านกถูกผีฆ่าแต่เค้ากลับเจอหมอจิ๊บกับแมวผีแทน เค้าพยายามเตือนหมอจิ๊บว่าอย่าพูดเรื่องดารารายไม่งั้นหมอจะเป็นรายต่อไป อุษากลับบ้านพร้อมทั้งบอกสุธีว่าเธอรู้เรื่องหมดแล้ว สุธีรู้สึกผิดต่ออุษามากเค้าบอกเธอว่ามันจบแล้ว ดารารายจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตของเค้าอีก ขณะที่ชลกำลังอาบน้ำ

เค้าเห็นภาพหมอจิ๊บกำลังจมอยู่ในทะเลเลือดและหน้าถูกราดด้วยน้ำที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (พูดไปผีมันดูไม่ค่อยน่ากลัวเลย วิธีฆ่าก็ไม่โหด ฉากโดนผีฆ่ากันเลยดูงั้นๆ ไม่หยองเท่าไหร่) ชลเริ่มเห็นภาพในความฝันชัดขึ้น เห็นฉากที่ดารารายคุยกับสุธี เค้าพยายามตามหาเอ๋แต่หาไม่เจอ เค้าเห็นแมวผีตัวนั้นที่บ้านของเค้าเอง เค้าเดินตามแมวผีนั่นไป ไปยังประตูข้างตู้ที่เค้าเคยเห็นผีสิ่งที่เค้าเห็นเหมือนฉากในความฝันของเค้า ผู้ชายกำลังหั่นศพผู้หญิงอยู่ ในทันทีที่หัวถูกสับออกจากตัว เค้าก็ได้รู้แล้วว่าศพนั้นเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นคือเอ๋ พี่สาวเค้าเอง ส่วนผู้ชายที่กำลังหั่นศพนั่นเล่าคือตัวเค้าเอง เมื่อตั้งสติได้เค้าบุกเข้าไปในห้องข้างตู้อีกครั้ง

มันเหลือแค่แหวนที่เค้าเคยทำหล่นหายและเศษรูปถ่ายที่ถูกเผาไฟ เป็นภาพของดารารายกับสุธีบนเตียงนอน เค้าคิดว่าเค้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว เค้าต้องรีบไปบอกหมออุษาว่าสุธีสามีหมอเป็นฆาตกร ระหว่างที่อุษาไปดูศพหมอจิ๊บตำรวจพบนามบัตรที่หมอจิ๊บเขียนเบอร์อุษาให้กับชลไว้ สาเหตุการตามของหมอจิ๊บคือถูกตีหัวด้วยของแข็งแล้วลากลงบ่อดองศพซึ่งมีฤทธิ์เป็น กรด หรือ ด่าง ซักอย่างแหละ เธอไปดูศพจิ๊บที่ห้องเก็บศพ และพบว่าเจ้าของตู้เบอร์ 19 นามสกุล ศุวมงคล (นามสกุล ดาราราย) ชลมาหาหมออุษาที่บ้านเมื่อเจออุษา ชลบอกอุษาว่าสุธีเป็นคนฆ่าดาราราย ฆ่านก ฆ่าหมอจิ๊บ และฆ่าเอ๋ พี่สาวเค้าด้วย อุษาก็ตะโกนกลับไปว่าฉันรักษาคุณไม่ได้อีกแล้ว

 

 

คุณต่างหากที่เป็นคนฆ่าคนทั้งหมด เป็นคนฆ่าพี่สาวตัวเอง ชลสิทธิ์ตายไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ให้ไปดูที่ตู้# 19 ชลงงไปหมด เค้าล้มลงและมองเห็นผีดารารายกำลังจะกระโดดใส่ตัวเค้า เค้าคว้าเสาโคมไฟแทงใส่ผีร้ายแล้วผีก็หายไปกลายเป็นอุษาที่ถูกแทง เค้าไปดูที่ตู้#19 ชลสิทธิ์ ศุวมงคล สาเหตุการตายคือเสียเลือดมาก ความทรงจำทั้งหมดเริ่มกลับมา ชลสิทธิ์คือน้องชายคนเดียวของดารารายซึ่งประสบอุบัติเหตุมา โดยหมอสุธีเป็นเจ้าของไข้ เค้าไม่สามารถยื้อชีวิตชลสิทธิ์ไว้ได้ เค้าเสียใจมากเพราะรู้ว่าชลสิทธิ์มีความหมายกับดาราราย(หรือเอ๋) มากกอดศพและบอกเค้าว่าเธอไม่เหลือใครแล้ว ขออย่าให้ทิ้งเค้าไป เค้าเป็นคนวางยาในเครื่องดื่มของดารารายเองเพราะดารารายแอบถ่ายรูปบนเตียงไว้

และใช้เป็นเครื่องต่อรองไม่ให้สุธีทิ้งเธอ เมื่อเธอดื่มเครื่องดื่มเธอรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ระหว่างนั้น เพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยุ่คนเดียว ก็ดังขึ้น เธอจับมอืหมอและบอกว่าทุกครั้งที่สุธีได้ยินเพลงนี้ขอให้เค้ารู้สึกถึงแต่เรื่องดีดีระหว่างเธอและเค้า แต่ถ้าเค้าคิดจะทิ้งเธอ เค้าจะต้องเจ็บปวดและได้รับทุกอย่างกลับไปเช่นกัน เค้าจะไม่มีวันลืมเธอได้เลยเฮือกสุดท้ายของเธอ เธอพูดว่า “ชื่อดาราราย ตามหาฉันให้เจอ” แล้วหมอก็พาเธอมาที่บ้านเคยให้ดารารายอยู่และฆ่าหั่นศพที่นั่น ซึ่งเมื่อเปิดช่องท้องเค้าพบตัวอ่อนของเด็กอยู่ในท้องดาราราย เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเค้า เมื่อเค้ารู้ว่านกบอกเรื่องเค้ากับดารารายให้อุษาฟัง เค้าก็กลับไปฆ่าเธอโดนใช้ของมีคมฟันเธอทั้งตัว

ส่วนหมอจิ๊บก็วิ่งไปตีหัวแล้วโยนลงบ่อดอง (ในจินตนาการเห็นจมทะเลเลือด) หมอถูกจับระหว่างให้การที่ศาล เค้าก็ยังยืนยันว่าหมอสุธีเป็นคนฆ่าคนทั้ง 3 เมื่อเค้ามองตัวเองในกระจกก็เห็นหน้าชลสิทธิ์ในนั้น ระหว่างพาตัวกลัวเรือนจำเพลงที่สะกดหมอก็ดังขึ้น เค้ากระโดดลงจากรถทันที และถูกเห็นเส้นที่รถบรรทุกขนมาหล่อนใส่ทิ่มตามตัวทั้งร่าง ฉากนี้สวยมาก เหมือน แมทริกเลย แต่หมอยังไม่ตายนะ มานอนให้เค้าแหวกอกอยู่ที่ ร.พ. ให้ oxegen อยู่ แล้วผีดารารายก็โผล่มาบอกว่า ฉันอโหสิให้คุณ และจะปลดปล่อยคุณเดี๋ยวนี้ อ๊ากกกกกกก แล้วหมอสุธีก็สำลักเลือดพร้อมรับรู้ถึงความเจ็บปวดขณะโดนแหวกอกทันที

 

สปอยหนัง บอดี้..ศพ*19

สรุป เรื่อง บอดี้ 19 เรื่องจริง นี้ก็เป็นหนังจิตวิทยา+ผีนิดๆ ชลสิทธิ์คือน้องของดารารายที่ตายไปแล้ว (นอนในตู้ 19) แต่ระหว่างที่โดน keyword ที่ดารารายสะกดไว้ (เพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว) หมอสุธีจะคิดว่าตัวเองคือชลสิทธิ์ แต่ที่ไม่รู้ว่าดารารายคือพี่สาวตัวเองอาจเพราะความทรงจำลึกๆ +รู้สึกผิดทำให้อยากจะลืมเรื่องของดาราราย เอ๋จริงๆ ก็คือดารารายสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์(ซึ่งเป็นเมียน้อยหมอแล้ว) ที่หมอสุธีสร้างขึ้นในจินตนาการ (เหมือนเด็กที่อุษารักษาตอนเปิดเรื่อง) เหตุที่หมอจิ๊บทดสอบสมองตอนที่ชลไปทำแผลมีดบาด และอุษาตกใจตอนชลสิทธิ์เข้ารับการรักษาเพราะสิ่งที่หมอจิ๊บ+อุษาเห็นคือสุธี ที่บอกว่าตัวเองคือชลสิทธิ์นั่นเอง

 

 

ให้ไปเลย 7.5 เต็ม 10 ฮะ เป็นหนังไทยอีก 1 เรื่องที่กล้าเรียกได้ว่าเป็น ของดี เลยฮะ ใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำให้หามาดูได้เลยฮะ ไม่ผิดหวังแน่นอน บอดี้ ศพ 19 doomovie

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง ภาพยนตร์เรื่อง วัยเป้ง นักเลงขาสั้น เป็นภาพยนตร์ไทยแนวแอคชั่น คอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ พชร์ อานนท์ ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของแก็งค์วัยรุ่นมัธยมที่เกเร เลือดร้อนมัดจะหาเรื่องทะเลาะกันจนเกิดปัญหาเสมอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นนิก คุณาธิป ปิ่นประดับ รับบท เป้ง หัวโจกของแก๊งค์ เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว เป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด มีอะไรไม่ถูกใส่ก่อนเลย เป้งเป็นคนรักครอบครัวมาก และหลงรัก รุ้ง ซึ่งเป็นน้องสาวของแมว ฝั่งคู่อริ คนต่อมาคือ เน็ท สิรภพ มานิธิคุณ รับบท ป๋องแป๋ง น้องชายของเป้ง หัวโจกแก๊งค์ เฟี้ยวฟ้าว มะพร้าวแก้ว เป็นคนมีความฝันอยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง

 

เรื่องย่อ วัยเป้งง นักเลงขาสั้น

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง บอกเล่าเรื่องราวของ เด็กกางเกงขาสั้น 2 แก๊ง 2 โรงเรียน แก๊ง “เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว” มีเป้งเป็นหัวหน้าแก๊ง และแก๊ง “ไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง” มีติ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งก่อนหน้านี้ เป้ง กับ ติ่ง เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แล้ววันหนึ่งมีเหตุให้ทั้งคู่แตกหักกัน ชนิดที่ว่าเจอหน้ากันที่ไหนต้องยกพวกตีกันทุกที และความเกลียดชังยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นเมื่อ รุ้ง น้องสาวของแมว จากแก๊งไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง ที่ติ่งตามจีบอยู่ ไปคบกับเป้ง

ทั้งสองแก๊งยกพวกตีกันครั้งใหญ่ ส่งผลให้ทั้งสองแก๊งถูกฝ่ายปกครองของโรงเรียนตัวเองเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาว่ากล่าวตักเตือน และยืนคำขาดห้ามทั้งสองแก๊งสร้างเรื่องอีกเด็ดขาด ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

 

เป้งมีน้องชายชื่อ ป๋องแป๋ง แม้ว่าภาพที่ทุกคนเห็น ป๋องแป๋งเป็นหัวโจกตามพี่ชาย แต่แท้จริงแล้ว ป๋องแป๋งมีความใฝ่ฝันอยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง เขาหมั่นฝึกซ้อมเพื่อหวังจะได้โชว์บนเวทีสักครั้ง ป๋องแป๋งกับเพื่อนอัดคลิปวงของเขาปล่อยลงยูทูป ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ยอดวิวพุ่งกระฉูด จนได้รับการติดต่อให้ไปเล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ตของศิลปินดัง ป๋องแป๋งดีใจมาก ทางฝ่ายติ่งทราบเรื่อง จึงยกพวกเตรียมบุกงานคอนเสิร์ต หวังทำลายความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของน้องชายคนเดียวของเป้ง ข่าวรู้ถึงหูเป้ง เขาไม่รอช้าที่จะบุกไปหยุดแก๊งของติ่ง เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อน และเพื่อให้ฝันของน้องได้เป็นจริง แต่เป้งได้ให้สัญญากับแม่ไว้ว่า จะไม่มีเรื่องอีก

ระหว่างคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ และความฝันของน้องชายคนเดียวที่เป้งรักมาก เป้งจะตัดสินใจอย่างไร เรื่องราวครั้งนี้จะลงเอยอย่างไรต้องตามลุ้นไปพร้อม ๆ กัน วัยเป้ง นักเลงขาสั้น เต็มเรื่อง พากย์ ไทย

 

พล็อตเรื่อง วัยเป้งง นักเลงขาสั้น

หนังเรื่อง หนัง วัย เป้ง ง นักเลงขาสั้น ของสองแกงค์สองโรงเรียนที่ไม่ถูกกัน “แกงค์เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว” และ “แกงค์ไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง” ที่หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันในหนังเรื่อง ม.6/5 มาก่อน ทั้งสองแกงค์นี้เจอกันทีไรก็ต่อยตีกันตลอด หนังเปิดตัวด้วยฉากต่อยตีกันบนสะพานเชื่อมแถว BTS ช่องนนทรีที่ๆ คนพลุ่งพล่านพนักงานออฟฟิตเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเวลา แอดแมวไปทีไรก็จะเจอพนักงานยูนิเซพดักขอให้บริจาคตังค์หักผ่านบัตรเครดิทตลอดๆ แต่ความเก๋ของเรื่องนี้คือ ไม่มีใครผ่านแถวนั้นเลยตอนเด็กมันตีกัน แม้กระทั่ง รปภ. สักคนก็ไม่มีจ้า

ทีนี้ต่อยตีกันธรรมดาก็ไม่เก๋ไง ต่อยไปสักพัก….ฝนตกจ้าภาพเด็กนักเรียนชายวัยฉะกัน เสื้อขาวบางเปียกเสื้อ คลุกวงในต่อยในต่อยตีกัน โอ้วโหว สาววายคือฟินจ้า หนังตัดภาพกลับไปที่โรงเรียน เป็นฉากเปิดแม่ของหัวโจกแกงค์แรก ที่แสดงโดย เมย์ ภัทรวรินทร์ ต้องมาคุยกับครูฝ่่ายปกครอง ระหว่างที่คุยก็มีครูผู้ช่วย เป็นชะนีแก่ๆ ลุคเหมือนครูระเบียบผสมยายแหวว ตีสิบ อีครูนี้ก็ปากร้ายระรานชาวบ้านมากอยู่ดีๆ ก็ไปแซะแม่เด็กว่า “กระเป๋าแอเมสของปลอมใช่ไหมค๊ะ” พอแม่กลับถึงบ้าน ก็นั่งกินเหล้า ส่วนลูกออกไปแว้นมอไซต์ต่อ เฮ๊ย ! หรือนี่จะเป็นหนังที่พี่พจน์ ตั้งใจจะ สะท้อนปัญหาสังคมไทย

วันต่อมาอีแกงค์นี้ก็ไปตีกันที่สยามต่อ คือยืนตะเบ๊ะท้าทายกันนานมากตีกันกลางห้างใหม่อย่างสยามวัน แน่นอน ไม่มีรปภ.เช่นเคย ระหว่างดูก็พยายามจะคิดเข้าข้างหนังว่า สงสัยเป็นห้างใหม่เลยยังหารปภ.เรื่องราวเริ่มมีเหตุผลมากขึ้นเราเริ่มรู้สาเหตุที่เค้าตีกันแล้ว เมื่อตัวนางเอกโผล่มานางชื่อว่ารุ้ง รุ้งคือสวยมาก สวยแบบหัวหน้าแกงค์ทั้งสองแกงค์เนี่ยอยากจะได้มาเป็นภรรยา

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

 

สวยจนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้ชายจะตีกันเพื่อแย่งชิง วันหนึ่งรุ้งทะเลาะกับผู้ชายเลยหนีมานอนที่บ้านหัวหน้าแกงค์อีกฝ่ายนึง #ค่ะอีรุ้งสวยมาก #หมั่นไส้ พอเช้ามา แม่เมย์กลับมาบ้านเจอชะนีอยู่ในบ้านตัวเองพร้อมลูกเลยโกรธมากไล่ตะเพิดชะนีออกจากบ้าน แม่เครียด แม่กินเหล้า แม่เป็นเมียพี่ปูแบล็กเฮด พี่ปูเป็นนักร้องมีสาวมาติดพันพูดคุย แม่ไปอาละวาดกลางร้าน ไล่แขกในร้าน หนังแสดงถึงจุดแตกหักของครอบครัว ลูกไม่คุยกะแม่ แม่กินเหล้าไม่สนใจปัญหาลูกนี่มันคือหนังที่พี่พจน์ตั้งใจสร้างมาเพื่อสะท้อนสังคมชัดๆ เช้ดดดเข้ หนังเริ่มมาถึงจุดหักเหเมื่อสองแกงค์นี้ไปต่อยตีกันแน่นอนฝนตกฮะ และโดนจับเข้าคุก พ่อแม่มาประกันตัว อีเด็กก็เริ่มจะสำนึกตัวได้แล้วว่าเฮ๊ย ! กูไม่ควรตีกันนะตี

กันพ่อแม่จะเสียใจจะเว๊ยเฮ๊ย เลิกตีกันหันมาเล่นดนตรีดีกว่า น้องพระเอกก็เลยเล่นดนตรีจนได้เป็นวงเปิดของคอนเสิตร์อะไรสักอย่างที่จัดที่เซ็นทรัลเวิร์ด แต่ทีนี้เรื่องไม่จบง่ายๆไงเมื่อ อีแกงค์โจทย์มันยังไม่สำนึกไง พาพวกมาดักตีอีกแกงค์ก่อนขึ้นคอนเสิตร์ เลยต้องมาปะทะกัน กลางลานจอดรถ เซนทรัลเวิลด์ ความคัลท์ของหนังเรื่องนี้คือลานจอดรถเซนทรัลเวิลด์ไม่มีรปภ. จ้า ยืนต่อยกันเกือบชั่วโมง แต่ห้างใหญ่ระดับเซ็นทรัลเวิล์ด นอกจากไม่มีรปภ. ก็ยังไม่มีรถสักคันมาจอดชั้นที่เด็กพวกนี้ต่อยตีกันเลยจ้า

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

คนต่อมาคือกาย กรกฤติ เหล่าตระกูล รับบทเป็น กัน เด็กมุทะลุ ลุยได้ทุกที่ขอแค่มีเพื่อน มีความฝันอยากเป็นนักดนตรี และชอบเล่นกีต้าร์คนต่อมาคือโตส อรัสมันต์ จิตตะศิริ รับบทโตส เพื่อนสนิทของเป้ง เรียกได้ว่าเป็นคู่หูของเป้ง มีเรื่องทุกครั้งเขาจะอยู่เคียงข้างเป้ง คนต่อมาคือโอ๊ต ภาสกร สารรัตนะ รับบท มูฟวี่ หนึ่งในแก๊งค์เฟี้ยวฟ้าว มะพร้าวแก้ว เป็นคนติดเพื่อน รักแฟน คนต่อมาคือเจมส์ ภูวดล เวชวงศา รับบทติ่ง หัวโจกในแก๊งค์ ไส้เลื่อน สะเทือนติ่ง

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

 

เป็นคนใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหามีความเป็นผู้นำ ติ่งหลงรักรุ้ง คนต่อมาคือบิว กิตติพัฒน์ สมานตระกูลชัย รับบทแมว เพื่อนสนิทของติ่ง เป็นพี่ชายของรุ้งไม่ว่าติ่งจะลุยที่ไหน แมวจะเป็นเหมือนมือขวา ที่อยู่เคียงข้างติ่งเสมอ และคนสุดท้ายคือเทปวรชัย ศิริคงสุวรรณ รับบท แผ่นเสียงหนึ่งในแก๊งค์ ไส้เลื่อน สะเทือนติ่ง เป็นคนที่มีบุคลิกกวนๆ แอบชอบเพื่อนสนิทของรุ้ง โดยภาพยนตร์เรื่อง วัยเป้ง นักเลงขาสั้น เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2560

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง

เอาจริงๆ เรื่องนี้ถ้าเทียบกะผลงานที่ผ่านมาของพี่พจน์ ถือว่าดีกว่านะฮะ มีเส้นเรื่องชัดเจนขึ้น มีประเด็นชัดเจนว่าต้องการจะสะท้อนสังคม สะท้อนปัญหาครอบครัว แต่หนังมันก็ไม่ได้สมจริง หรืออยู่ในโลกความจริง มันมีหลายอย่างที่ดูไปก็รู้สึกขัดตาไป เช่น รปภ. หายไปไหน? ต่อยกันตอนค่ำๆ ทำไมพอโดนตำรวจจับ เดินขึ้นรถตำรวจท้องฟ้าดันสว่างจ้าเป็นกลางวันซะงั้น

ถ้าเราโฟกัสไปที่ความบันเทิง หนังยังตอบโจทย์เราได้อยู่ในเรื่องของความสนุก มุขตลกบางมุขถือว่าโอเค ไม่ได้แป๊ก ไม่ได้โวยวายเหมือนเรื่อง ม 6/5 เมย์ ภัทรวรินทร์แสดงเป็นแม่ได้โอเคเลย ฉากกินน้ำชามะนาวทำให้เรารู้สึกจริงๆ ว่านางกำลังกินเหล้าอยู่ชะนีเพื่อนนางเอกนี่ก็ขโมยซีนพอตัว เป็นตลกแบบตลกสังขาร ตลกเจ็บตัว นี่ถ้าปั้นดีๆ สามารถดังระดับตุ๊กกี้ได้เลยนะ

 

 

หลายคนสงสัยว่า แอดแมวไม่พูดถึงคู่เกย์ในเรื่องเหรอ คือจริงๆหน้าตานางก็น่ารักทั้งคู่นะ แต่พอได้ยินชื่อคู่นี้แล้วแบบว่า “ฝ่ายเคะชื่อมูฟวี่ ฝ่่ายเมะชื่อซีรี่ย์” “ซีรีย์รักมูฟวี่น๊ะ มูฟวี่ก็รักซีรียส์เหมือนัน” ความรู้สึกจิ้นมันหายไปทันทีที่ได้ยินชื่อนาง ชื่อแบบ เกิดมาคู่กันเป็นขวัญเรียม โกโบริอังศุมารินมากจ้า วัยเป้ง นักเลงขาสั้น ภาค 2 เต็มเรื่อง

 

สรุปหนัง

 

 

วัยเป้งง นักเลงขาสั้น สปอยหนัง ถ้าตัดความไม่สมจริงทั้งหลายออกไป ถือเป็นหนังสะท้อนสังคมส่งเสริมสถาบันครอบครัวชัดๆ แต่มันก็คือหนังสไตล์พี่พจน์อ่ะนะ อย่าไปหาเหตุผลอะไรมากมายเลย ดูเอาตลกๆ ดูเอาขำๆคลายเครียดก็พอ บางทีหนังที่เราไม่ได้คาดหวังอะไร มันก็ทำให้เราสนุกได้นะ คะแนนความชอบเรื่องนี้ 7/10 วัยเป้ง นักเลงขาสั้น ภาค 1 เต็มเรื่อง

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ สปอยหนัง

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

 

 

ชื่อภาพยนตร์: ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ / I Fine…Thank You Love You

ผู้กำกับภาพยนตร์: เมษ ธราธร

ผู้เขียนบทภาพยนตร์:

นักแสดงนำ: ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ, โจ๊ก โซคูล, ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด, Sora Aoi

แนว/ประเภท: Comedy, Romance

ความยาว: 122 นาที

สปอยหนัง “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานหนังตลกของ GTH ที่มีจุดแข็งตาม 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น (โดยเฉพาะคลิปพระนางเต้นเพลง “ABC ชักกระตุก” นี่เราชอบมาก) แต่แข็งแกร่งกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมาของ GTH ตรงที่ “อาศัยกินบุญเก่า” ของชื่อค่าย, ชื่อ ATM เออรัก เออเร่อ, ชื่อของพระนาง รวมถึงชื่อตัวประกอบอย่างบร๊ะเจ้าโจ๊ก (เช่นเดียวกับกรณีตุ๊กตาผี Annabelle ที่มีคนหลงไปดูเยอะเพราะความฮอตของ The Conjuring) ได้อย่างสบายๆ

 

เรื่องย่อ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย เรื่องราวโดยย่อ เริ่มจากสาวญี่ปุ่นสุดเอ็กซ์ คายะ (โซระ อาโออิ จาก ปิดเทอมใหญ่.. หัวใจว้าวุ่น และหนังญี่ปุ่น AV อีกหลายเรื่อง) ต้องย้ายไปทำงานที่อเมริกาและต้องการบอกเลิกกับ ยิม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จาก เพื่อนสนิท) แฟนหนุ่มที่เป็นนายช่างหรือวิศวกรซ่อมบำรุงในโรงงานที่เธอทำอยู่ แต่เนื่องจากยิมสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ในขณะที่คายะก็สื่อสารภาษาไทยไม่ได้เลยเช่นกัน คายะจึงต้องมาขอร้องให้ ครูเพลง (ไอซ์-ปรีชญา จาก ATM เออรัก เออเร่อ) ติวเตอร์ที่สอนภาษาอังกฤษให้เธอจนสอบสัมภาษณ์ได้ ช่วยเป็นสื่อกลางไปบอกเลิกกับยิมแทนเธอ

ครูเพลงตัดสินใจยอมช่วยเพราะคายะจ่ายค่าจ้างด้วยกระเป๋า Louis Vuitton Alma BB Monogram Vernis สีแดงสุดหรู (กระเป๋ารุ่นนี้สีนี้เราก็ชอบเองเป็นการส่วนตัว ยิ่งดูแล้วก็ยิ่งอยากได้) แต่พอเอาเข้าจริง เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะยิมเป็นคนปากหมา โผงผาง กวนตีน และจริงจังกับคายะมาก แถมเรื่องพลิกโผ กลายเป็นยิมมาจ้างครูเพลงให้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้แบบที่ติวให้คายะแบบตัวต่อตัว เพราะเขาต้องการสอบสัมภาษณ์และตามคายะไปทำงานที่อเมริกา ซึ่งการสอนยิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกนั่นแหละ เพราะยิมเป็นวิศวกรที่พื้นฐานภาษาแทบเป็นศูนย์ และทำให้ครูเพลงต้องปวดกบาลอยู่บ่อยๆ ไอ ฟาย แต่ ง กิ้ ว เลิ ฟ ยู้ 123hd

 

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

 

และนอกจากจะต้องเจอกับลูกศิษย์สายห่ามอย่างนายช่างยิมแล้ว ติวเตอร์เพลงคนสวยยังต้องรับมือกับนักเรียนในคลาส Business Conversation ที่มาตามตื๊อเธอไม่เลิกอย่าง คุณพฤกษ์ อีกหนึ่งอัตรา (ตู่-ภพธร นักร้องคนดังที่มาเซอร์ไพรส์แฟนๆ หลายซีนเลยทีเดียว) ซึ่งจริงๆ แล้ว คุณพฤกษ์เป็นคนเพอร์เฟ็กต์ เป็นนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย ตอนแรกติวเตอร์สาวโสดเองก็เคลิบเคลิ้มไปกับเจ้าชายในฝันและหลวมตัวไปเล่นด้วยกับเขาอยู่หรอก แต่พอไปๆ มาๆ มารู้ทีหลังว่าเขาไม่ใช่ เรื่องมันก็เลยซับซ้อนเข้าไปอีก ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

สำหรับเนื้อเรืองก็ประมาณว่า คายะ(แสดงโดยโซระอาโออิ) ต้องการจะเลิกกับแฟนของเธอ ยิม(ซันนี่) ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เข้ากันได้เรื่องเดียวคือเรื่องจุดจุดจุด….คือไม่ต้องการการสื่อสารอะไรใดๆทั้งสิ้นว่างั้น คายะก็เลยวานให้ติวเตอร์เพลง(ไอซ์ ปรีชญา)ไปแปลคำพูดเพื่อบอกเลิกเป็นภาษาไทยให้(จากภาษาอังกฤษ) ครูเพลงเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษที่ท่าทางจะชื่อดังและร่ำรวยพอสมควรดูจากบ้านและไลฟ์สไตล์ของเธอ

 

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

 

คายะติดสินบนให้กับครูเพลงเป็นกระเป๋าหลุยส์ เธอจึงยอมตกลงรับงานนี้ โดยเมื่อเธอไปแปลให้ยิม บอกว่าคายะไปอเมริกาแล้วและเธอก็คงไม่กลับมาอีกขอให้ยิมโชคดี ส่วนยิมก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเนื่องจากแฟนหนี เขาจึงบังคับให้ติวเตอร์เพลงมาติวภาษาอังกฤษเพื่อไปตามคายะ โดยขู่ติวเตอร์เพลงจนติวเตอร์เพลงต้องยอมจำนนทำงานนี้ ในระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ค่อยๆรักกันค่ะหลังจากนี้จะเป็นสปอยล์และความรู้สึกหลังดูนะคะ ใครไม่อยากดูอย่าเลื่อนลงไปนะ

 

ความแตกต่างระหว่างพระเอกกับนางเอก

ความต่างระหว่างพระเอกกับนางเอกมีมาก พระเอกดูจน ดูซกมก นางเอกดูไฮโซ และกลับไม่เลือกคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าบางครั้งความรักเราก็เลือกไม่ได้ว่าจะรักคนที่อยู่ในสังคมเดียวกัน หรือคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าหรือแม้จะฝืนหลักการของสังคมเช่น ติวเตอร์รักกับนักเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสียจรรยาบรรณในสายตาคนส่วนใหญ่

นางเอกจึงมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ตอนท้ายสุดและยินยอมที่จะคบกับพระเอกในที่สุด นางเอกน่ารักค่ะเรื่องนี้ เต้นตลกดีตอนจบ ด้วยความที่เป็นหนังรักสำหรับวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นๆเราไปดูแล้วเลยไม่อินมาก แต่ก็ตลกมุขพี่โจ๊กฆ่าจิ้งจกด้วยง่ามตูดนี่แหละ ฮามาก แล้วก็มุขของพฤกษ์ที่บอกว่าผมมีชีวิตเพื่อเพลง ไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิต มุขนี่อย่างฮา

บางมุขก็แนวตึ่งโป๊ะคาเฟ่ไปนิด สรุปหนังดูเพลินอย่าไปคิดมากอีกเรื่องหนึ่ง อ้อ พระเอกนี่ก็ประหยัดจริงจังคือเอาน้ำซุปข้าวมันไก่มารวมทำเป็นซุปมาม่า สุดยอดเลยวิธีนี้ ขนาดซุปแข็งเป็นวุ้นยังเวฟได้ แถมกัขฬระนักเลงจนน้องที่ไปดูด้วยกันบอกเป็นตูๆเลือกคุณพฤกษ์แสนไฮโซ

 

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

 

มุขที่เราชอบ ชอบตอนพระเอกสัมภาษณ์งานค่ะ มันมั่วได้ใจมาก นางเอกก็ช่างเก็งข้อสอบมาถูกเหลือเกิน ช่วยเหลือพระเอกขนาดนี้เราว่าเป็นใครๆก็หลงรักนะ ชุดตอนเธอไปกับพระเอกที่เป็นล่ามที่บอกว่าให้ใส่ชุดคล้ายงานแต่งสวยมากค่ะ สรุปรวมๆอีกที ไปดูอย่าไปคาดหวังอะไรมาก เอาฟีลกู๊ดแนว GTH พอค่ะ

ที่เราชอบคือโซระ อาโออิ เธอแสดงดีนะคะ น่ารักมากด้วยถึงแม้จะออกแนวอีโรติคไปนิด แต่มันไม่ได้น่าเกลียดมากค่ะ แค่ส่อ ซันนี่เล่นได้เข้ากับบทดี ดูดีมาก ไอซ์นางเอก น่ารักทุกท่วงท่า ส่วนไม่ชอบคือ มันไม่เรียลเลย ไม่เหมือนโลกแห่งความเป็นจริง ออกการ์ตูนๆ เข้าใจว่าเป็นฟีลนิยมหนังสมัยนี้ และก็ไม่ได้ซึ้งขนาดนั้นตามที่หนังรักควรจะเป็น เผลอๆบางคนไปเชียร์คุณพฤกษ์พระรองด้วยซ้ำ ให้คะแนนความเพลิน ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู ตอนจบ

 

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย

สืบเนื่องจากความสำเร็จของ ATM เออรัก เออเร่อ (2555) ที่ทำรายได้รวมกว่า 150 ล้าน กับ พี่มากพระโขนง (2556) ที่ยอดรวมทะลุหลักพันล้าน บวกกับความล้มเหลวเมื่อกลางปี 2557 ของ ฝากไว้..ในกายเธอ ทางค่ายหนังไทยยักษ์ใหญ่จึงต้องฝากความหวังครั้งสุดท้ายของปีไว้กับ เมษ ธราธร ผู้กำกับฯ เจ้าของผลงาน ATM เออรัก เออเร่อ ให้กอบกู้ชื่อเสียงและหน้าตากลับมาสู่ GTH อีกครั้ง! ไอ ฟาย แต่ ง กิ้ ว เลิ ฟ ยู้ ซับ ไทย

 

 

ถ้าอ้างอิงจากผลงานเก่าๆ ที่ทะลุ 100 ล้านแบบลอยตัวของ GTH จะเห็นว่าหลายเรื่องเป็นหนังแนวตลก (comedy) เช่น กวน มึน โฮ, ATM เออรัก เออเร่อ, และ พี่มากพระโขนง ซึ่งวิเคราะห์ที่มาของรายได้ได้หลายทาง

  • การพีอาร์และการตลาดที่สายแข็งเหนือยุทธภพของค่าย
  • ดารานักแสดงที่ไม่ได้หล่อสวยโอเวอร์แต่มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ และเข้าถึงง่าย
  • กระแสปากต่อปาก และพลังแห่งโซเชียลเน็ตเวิร์ก (ทั้งทางบวกและทางลบ)
  • มุกตลกที่เน้นสายแมสและชนชั้นกลางเป็นหลัก

 

ความรู้สึกหลังดู

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ รีวิวหนังไทย เอาเรื่องความรู้สึกก่อนคือหนังก็ทำได้ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโอ้ว ว้าว วู้ว เฮ้ยยย สนุกโคตรๆๆๆๆหรืออลังการโคตร อะไรแบบนี้ค่ะ มันเป็นแบบมาตรฐานหนังไทยตลกฟีลกู้ดทั่วๆไป มุขแป้กไม่แป้กมั่ง หนังดำเนินเรื่องเร็วส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษไม่มีแปลเลยสงสารแม่ที่ไปดูด้วยดูไม่เข้าใจตอนนั้นๆ เพราะบางตอนทำได้ดีมากเช่น ตอน 1 minute speech ที่ให้พูดถึงคำว่า mole

แล้วพฤกษ์(ตัวละครในเรื่องที่นางเอกเคยชอบตอนแรก) บอกว่า mole หรือไฝนั้นเลือกที่ๆมันจะเกิดขึ้นมาไม่ได้ คนเรามักจะตามหาคนที่มีไฝที่เดียวกันเพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นพรหมลิขิตแต่มันอาจจะไม่เจอเลยก็ได้ทั้งชีวิต น่าแปลกที่ว่าไฝนั้นเหมือนกันกับโชคชะตา โชคชะตาเลือกที่จะเกิดที่จะเป็นไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะลิขิตชีวิตตัวเองได้ หลังจากนั้นพฤกษ์ก็เอาปากกามาจุดเป็นไฝที่เดียวกันนางเอก เป็นคำพูดหรูหราโลกสวยที่น่าประทับใจค่ะ

 

 

อีกตรงหนึ่งก็คือตอนจบที่นางเอกบอกว่า เจ้าหญิงซิลเดอเรลล่าในโลกแห่งความเป็นจริง อาจจะไม่ได้ต้องการเจ้าชายรูปงาม แต่ต้องการช่างทำรองเท้าธรรมดา และช่างทำรองเท้า อาจจะไม่ต้องการซินเดอเรลล่าก็ได้ เรื่องราวเหล่านี้อาจจะไม่จบแบบสมบูรณ์หรือ happily ever after เสมอไป แสดงถึงเรื่องของความรัก คนไปดูหนังรักมักจะเจอฉากจบที่ตัวละครแต่งงาน แฮปปี้ แต่ดูๆไปพบว่านั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นของชีวิตคู่ นอกจากนี้หลายคู่ต้องจบด้วยการเลิกกัน

ส่วนมุขในเรื่องดูขาดๆเกินๆสนุกดีแต่มันดูล้น บางอันดูขาด แต่ตัดภาพได้ดีมากค่ะ ตัดต่อได้ดึงอารมณ์คนทั้งๆที่เป็นฉากธรรมดาๆแต่ทำให้ซึ้งหรือรู้สึกน่ารักกินใจได้ ชีวิตนางเอกดูสมบูรณ์เกินไป เรื่องดูเวอร์ๆ แต่อย่างว่ามันเป็นหนัง ต้องทำใจว่าความเว่อร์มันก็มีอยู่แล้ว ถ้าไปดูหนังชีวิตเรียลมันก็คงไม่สนุก ไอ ฟาย แต่ ง กิ้ ว เลิ ฟ ยู้ เต็มเรื่อง part 1

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

 

 

สปอยหนัง ‘The Whole Truth ปริศนารูหลอน’ เป็นภาพยนตร์ Netflix Original แนวดราม่า-ระทึกขวัญผลงานล่าสุดของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ที่บอกเล่าเรื่องราวของ พิม (รับบทโดย ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์) และ พัท (รับบทโดย แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์) สองพี่น้องที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับตา (รับบทโดย สมภพ เบญจาทิกุล) และยาย (รับบทโดย ทาริกา ธิดาทิตย์) ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เพราะแม่ (รับบทโดย นิโคล เทริโอ) ประสบอุบัติเหตุนอนโคม่า แต่เมื่อย้ายเข้าไปในบ้านทั้งสองก็ได้พบกับรูหลอนปริศนา ที่เรียกพวกเขาไปพบกับความจริงบางอย่างที่ซ่อนไว้

เป็นหนังไทยทางเน็ตฟลิกซ์ที่เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจอีกเรื่อง เพียงแค่ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ที่เคยเป็นไอคอนหนังไทยในช่วงเวลาหนึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าการรอชม เพราะช่วงหลัง ๆ แกห่างหายไปและไปทำงานบริหารอยู่ข้างหลังเสียมากกว่า โดยนาน ๆ ทีจะมีหนังมาให้ชมกัน และเราในฐานะแฟนหนังของแกตั้งแต่ ‘ฟ้าทะลายโจร’ (2540) และชอบมากในช่วง ‘หมานคร’ (2547) กับ ‘เปนชู้กับผี’ (2549) ก็ยังคงเฝ้าติดตามและลุ้นให้แกกลับมาคืนฟอร์มอยู่เสมอ ยิ่งเป็นโปรเจกต์กับทางเน็ตฟลิกซ์ก็ยิ่งน่าสนใจว่าวิศิษฏ์จะช่วยกู้ศรัทธาคอหนังไทยในเน็ตฟลิกซ์ที่ตกต่ำลงได้ด้วยหรือไม่

จริงแล้ววิศิษฏ์ ศาสนเที่ยงเป็นอีกผู้กำกับที่เขียนบทเองและเขียนบทได้ดี เรียกว่าแกเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งและเข้าใจตลาดอีกคนหนึ่ง เพราะงานที่แกเขียนบทให้คนอื่นกำกับก็ถือว่าสร้างมาตรฐานในวงการหนังยุคหนึ่งเช่นกัน และแม้แต่ในกรณีที่แกกำกับหนังจากบทของคนอื่นในเรื่อง ‘เปนชู้กับผี’ ก็ยังเห็นการกำหนดทิศทางหนังที่เก่งทีเดียว

 

เนื้อเรื่อง ปริศนารูหลอน

The Whole Truth เรื่องย่อ ปริศนา รูหลอน หนังผีไทยเรื่องล่าสุดจาก Netflix กำกับโดย วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง กับนักแสดงนำ กับ ปันปัน สุทัตตา เรื่องราวของรูลึกลับบนกำแพงบ้านตายายที่สองพี่น้องไปพบเจอ และกลายเป็นจุดเริ่มการเผยความลับดำมืดของครอบครัวนี้

 

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

 

หนังผีไทยของ Netflix เรื่องที่ 3 ต่อจาก สาวลับใช้ กับ GHOST LAB ซึ่งคราวนี้ได้ วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับดังจากหนังผีขึ้นหิ้งของไทยอย่าง เปนชู้กับผี ซึ่งตัวผู้กำกับเองมีงานหลากหลายแนว แต่ช่วงหลังจะเน้นจับแนวผีสยองขวัญเป็นหลักอย่าง รุ่นพี่, สิงสู่ มีเขียนนิยาย รุ่นน้อง ภาคต่อจากหนังรุ่นพี่ด้วย (มีคุมงานหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่อง DEEP ด้วย) ซึ่งเท่ากับว่าผู้กำกับวิศิษฐ์ได้หันมาเอาดีด้านนี้จริงจัง อาจจะเพราะหลังจากอกหักจากหนังอินทรีแดงที่ไม่สามารถทำภาคต่อได้ ในฐานะที่เป็นแฟนผลงานของผู้กำกับคนหนึ่ง ผู้เขียนจึงค่อนข้างคาดหวังกับงานนี้ไว้มากว่าอาจจะเป็นผลงานที่พาผู้กำกับวิศิษฐ์ให้กลับมาดังได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณอย่างที่ผ่านๆ มา กับการฉายในสตรีมมิ่งก็ไม่มีแรงกดดันเรื่องรายได้กลับมา และยังเป็นผลงานที่โกอินเตอร์ตรงๆ ผ่านเน็ตฟลิกซ์ด้วย แต่ก็ต้องบอกกันก่อนเลยว่าค่อนข้างผิดหวังหนักมากกับผลงานเรื่องนี้ของผู้กำกับวิศิษฐ์ครับ ซึ่งอาจจะเพราะบทหนังถูกเขียนโดยคนอื่นที่หน้าใหม่ด้านนี้อย่าง Abishek J. Bajaj (อภิเษก เจ บาจาช) ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นงานที่เน็ตฟลิกซ์ส่งต่อให้ผู้กำกับวิศิษฐ์ทำ ผลงานที่ออกมาจึงดูแปลกๆ และค่อนข้างตกต่ำจากมาตรฐานผลงานดีๆ ของเขาครับ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

เนื้อเรื่องเริ่มต้นจาก พิมและพัท สองพี่น้องที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านใหม่ของตายายที่มารับตัวพวกเขาไปหลังจากแม่ประสบอุบัติเหตุรถชนกันจนต้องนอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อมาอยู่บ้านของตายายพวกเขาก็รู้สึกอึดอัดจากพฤติกรรมแปลกๆ ของทั้งคู่ และเมื่อมาเจอรูลึกลับบนกำแพงที่ส่องเข้าไปแล้วเห็นห้องประหลาดอีกด้าน ยิ่งทำให้เรื่องราวของบ้านหลังนี้ลึกลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

 

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน มาในเรื่องนี้บทหนังเป็นฝีมือของ อภิเษก จิรธเนศวงศ์ ซึ่งเท่าที่ทราบคือไม่มีผลงานหนังยาวก่อนหน้าให้พอเห็นฝีไม้ลายมือเลย และอาจเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หนังมีผู้ร่วมเขียนบทหลายคนรวมถึงตัวผู้กำกับอย่างวิศิษฏ์ที่ต้องลงมาร่วมเขียนบทด้วย ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นลักษณะทีมเขียนบทแต่แรก หรือการเข้ามาแก้ไขบทในภายหลังเพื่อแก้ปัญหา เพราะสิ่งที่เห็นได้ชัดของหนังคือปัญหาของบท ที่ตั้งใจเป็นหนังสยองขวัญขายไอเดียและพยายามหลอกผู้ชมด้วยการหักมุมไปมา แล้วทำให้คนดูตกตะลึงกับความจริงหลังสุด แต่กลับกลายเป็นว่าไปไม่ถึงฝั่งฝันสักด้าน ปริศนา รูหนอน pantip เต็มเรื่อง

ธีมของเรื่องหนังของวิศิษฏ์ในยุคหลังมีความจิกกัดสังคม และในเรื่องนี้ก็ว่าด้วยความจริงอาจมีหลายชั้น เปลี่ยนไปตามวัยของผู้มอง และบางทีความจริงที่แท้ก็โป้ปดหลอกลวงและปรากฏแก่หน้าเรามาแต่แรกเพียงแต่เราไม่ได้สนใจจะมองเห็นมัน ซึ่งสาระนี้มีนัยของการวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยในบางแง่มุมอยู่ และใครที่ชอบค้นชอบคุ้ยคิดวิเคราะห์สัญญะในหนังน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงงานก่อนหน้าของวิศิษฏ์อย่าง ‘สิงสู่’ (2561) ที่ซ่อนข้อความแรง ๆ อยู่ไม่น้อย

ฟังดูหนัง ‘ปริศนารูหลอน’ มีทรงหนังที่ดูดีไม่น้อย ทว่าสิ่งที่เหมือนกับหนังเรื่องก่อนอย่าง ‘สิงสู่’ ดันไม่ใช่เพียงแต่ความคมคายที่ซ่อนไว้ แต่ยังเป็นปัญหาการเล่าเรื่องที่พูดง่าย ๆ คือทั้งสองเรื่องดูไม่สนุก ซึ่งเป็นจุดที่น่าแปลกใจในงานยุคหลังของวิศิษฏ์ที่มักเล่าเรื่องไม่ราบรื่นหรือสร้างอารมณ์ร่วมเท่าไรนัก การที่หนังมีทรงของหนังสยองขวัญที่มาพร้อมการหักมุม ท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นความล้มเหลวทั้งเรื่องสยองขวัญและการหักมุมเอง การจะให้ไปถึงจุดคนคิดวิเคราะห์สัญญะที่ผู้สร้างต้องการโดยต้องทนทรมานกับความไม่บันเทิงของหนัง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมกับคนดูนัก

 

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

 

ความล้มเหลวในแง่หนังสยองขวัญนั้น จริงแล้วในช่วงการสร้างปมของเรื่องต้องยอมรับว่าน่าสนใจทีเดียว และเป็นทั้งหมดที่ตัวอย่างหนังนำมาใช้ทำให้ดูน่าสนใจด้วย ประกอบกับการแสดงของนักแสดงทั้งรุ่นเด็กรุ่นใหญ่ที่ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นใหญ่อย่าง สมภพ เบญจาทิกุล และทาริกา ธิดาทิตย์ ที่รับบทตากับยาย ที่สามารถส่งพลังการแสดงออกมาจนต้องหยุดตามองทุกครั้งได้อย่างดี ส่วน ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์ เองในฐานะตัวเดินเรื่องหลัก ร่วมกับ แม็ค ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ในบทพิมและพัท หลานที่เพิ่งพบว่าแม่ตนเองประสบอุบัติเหตุโคม่าจนต้องมาอยู่อาศัยบ้านของตากับยายที่ไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิตและเพิ่งรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ ประกอบกับงานออกแบบศิลป์และการกำกับภาพที่ดูน่าสนใจก็เพียงพอกับวัตถุดิบตั้งต้นให้หนังยอดเยี่ยมมากแล้ว

ทว่าเมื่อหนังดำเนินไปจนรูบนผนังในเรื่องปรากฏตัวเป็นต้นไป หนังก็ลดระดับความขลังลงจากภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังรูที่ดูเป็นฉากประดิษฐ์เกินไป รวมถึงผีที่อยู่ในนั้นก็เป็นการแต่งหน้าที่ดูหลอกตาจนขาดความน่ากลัว พอประกอบกับซีจีที่หนังพยายามยัดเยียดใช้โดยไม่จำเป็นซึ่งก็ไม่ได้ทำได้ดีนัก เพราะเอาเข้าจริงการใช้เทคนิคพิเศษแบบไม่พึ่งซีจีอาจดูน่ากลัวกว่าเสียด้วย ทำให้หนังลดระดับจากหนังสยองมีรสนิยมในช่วงแรกกลายเป็นละครเย็นหลังข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะอย่างน่าเสียดาย

 

พล็อตเรื่อง ปริศนารูหลอน

ปริศนาภาพหลอน เต็มเรื่อง เปิดเรื่องด้วยชีวิตประจำวันธรรมดาของเด็กนักเรียนสองคนและแม่ของเขา เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แวะจอดข้างทาง และพาคนดูหักเลี้ยวไปเรื่องที่ร้อยเรียงไปตามลำดับเมื่อความจริงหลังรูเล็กดำมืดค่อย ๆ เปิดเผยปริศนา ความลับดำมืดให้เห็น ดูแล้วอาจจะเหมือนภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์หักมุมทั่วไปหนึ่งเรื่อง แต่เมื่อเรามองให้ดีประเด็นสำคัญของการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่ามันสนุกแค่ไหน แต่อยู่ที่มันกำลังสื่อสารอะไรกับเราผ่านสัญญลักษณ์ในเรื่อง และเมื่อเราได้ดู ภาพที่เราเห็นในจอจึงไม่ใช่แค่ตัวละคร บ้านหนึ่งหลัง และรูหนึ่งรู แต่ขยายใหญ่กว่านั้นขึ้นอยู่กับผู้ชมว่าจะตีความเห็นเป็นอะไร

 

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

 

พล็อตเรื่องถ้าดูเผินๆ อาจจะเหมือนลอกหนังฝรั่ง The Visit ของผู้กำกับเอ็มไนท์ ชมาลายาน ซึ่งก็เหมือนกันแค่พล็อตเท่านั้น แม้จะมีกลิ่นอายแนวลึกลับหักมุมเหมือนกัน แต่เนื้อในของปริศนารูหลอนแตกต่างออกไปมาก ซึ่งเนื้อหารีวิวต่อจากนี้อาจจะมีสปอยล์จางๆ ปนอยู่ด้วย เพราะยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่เขียนถึงความพยายามยำใหญ่หลายแนวของเรื่องอย่าง วัยรุ่น ผี ไซไฟ อาชญากรรม จิตวิทยา ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นสปอยล์ไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นการรวมหลายแนวเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ผีหรือสยองขวัญเพียวๆ แบบหนังแนวนี้ที่ผ่านมา

 

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน

โอเคการยำรวมหลายแนวเข้าไว้ด้วยกันอาจจะเป็นไอเดียที่ดีที่ทำให้การเดินเรื่องดูหลากหลาย สามารถบิดไปมาได้ตามใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็มาในแนวแบบนั้นเลย ด้วยการวางเรื่องชีวิตวัยรุ่นเป็นตัวเปิดเรื่องให้ดูเหมือนมีปมลึกลับ จากการที่เพื่อนชายร่วมโรงเรียนของพิมมีความลับบางอย่างซ่อนไว้ และพยายามเอาจุดนี้มาข่มขู่พัทน้องชายของเธอให้ร่วมมือ ก่อนที่จะตัดไปแนวลึกลับจากการมาของตัวละครตายายปริศนา ตามด้วยการพบรูในบ้านที่โยนเข้าเรื่องผีเต็มๆ ก่อนที่จะสับขาหลอกมาเฉลยด้วยแนวทฤษฎีไซไฟ ตามมาด้วยการบิดเรื่องไปแนวล้างแค้นอาชญากรรม ก่อนจะกลับมาด้วยแนวจิตวิทยา แล้วก็สลับมาผีอีกครั้ง ซึ่งการที่เรื่องพลิกไปมาหลายแนวอย่างที่เห็น เป็นการตั้งใจให้เรื่องดูมีหักมุมซับซ้อนชวนคิดติดตาม

 

 

ซึ่งก็ได้ผลในแง่นั้น แต่ปัญหาคือการพลิกในแต่ละครั้งมันดูไม่เนียน ทื่อๆ เหมือนอยากจะยัดอะไรก็ยัดมา อย่าง เรื่องแก่งแย่งชิงตำแหน่งเชียร์ลีดเดอร์ กับช่วงที่เกิดอาชญากรรมล้างแค้นคนที่ขับรถชนแม่ของพิม สองเรื่องนี้แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเส้นเรื่องหลักเลย เป็นได้แค่เนื้อหาหลอกคนดูให้คิดว่ามีอะไรกับรูในเรื่องแค่นั้น หรืออย่างการพยายามยัดให้เรื่องผีกลายเป็นทฤษฎีรูหนอนแนวไซไฟข้ามมิติ ก็เป็นอะไรที่เรียกว่ายัดมาทื่อๆ แบบไร้ชั้นเชิงมาก โดยไม่มีที่มาที่ไปอธิบายอะไรเพิ่มเติมด้วย ก่อนที่ช่วงท้ายจะกลายเป็นแนวจิตวิทยาไปอีก เป็นความพยายามทำให้เรื่องดูซับซ้อนหักมุมสุดๆ แต่ผลที่ได้มันกลับเป็นความพยายามมากไปจนดูไม่เนียนเอามากๆ แต่อย่างน้อยก็อาจจะมีข้อดีตรงที่ แม้เรื่องจะดำเนินไปแบบหลากหลายแนวรวมกันก็ไม่ได้ดูแล้วงงหรือเข้าใจยากอะไรครับ

 

ปัญหาของบทหนัง ปริศนารูหลอน

สปอยหนัง ปริศนารูหลอน ปัญหาของบทอาจจะค่อนข้างแย่แล้ว แต่ที่แย่กว่าคือ แอคติ้งการแสดงของตัวละครทุกคนในเรื่องดูไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ โอเคตัวตายายที่เล่นโดย หมู-สมภพ เบญจาทิกุล กับ ก้อย-ทาริกา ธิดาทิตย์ อาจจะเป็นตัวละครที่ต้องการให้แอคติ้งออกมาประหลาดๆ ดูไม่เหมือนคนปกติอยู่แล้วเพื่อสร้างความน่าสงสัยแบบหลอนๆ ให้กับคนดู แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันออกมาประหลาดแบบแข็งๆ มากกว่าจะเป็นในแนวลึกลับน่าสงสัยแบบเนียนๆ อย่างที่ควรจะเป็น ส่วน ปันปัน สุทัตตา กับ แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ในบทของพิมกับพัทที่เป็นตัวเอกหลักในการเดินเรื่องราวกลับแสดงออกมาแข็งๆ แอคติ้งไม่ผ่าน ประกอบกับบทพูดที่ไม่เป็นธรรมชาติด้วย ทำให้ปันปันที่ว่าเป็นนักแสดงที่เก่งก็ยังเอาตัวไม่รอดในเรื่องนี้ กลายเป็นเหมือนกำลังเล่นหนังเกรดบีท่องบทพูดไปแทน ซึ่งเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมาก แอบแถมด้วยว่าแม้แต่บทแมว “ลาเต้” ในเรื่องที่ดูเหมือนมีความสำคัญ เพราะมีการใช้ภาพแมวตัวนี้ขึ้นในโปสเตอร์โมทโมทเรื่องด้วย แต่ก็กลับไม่ได้ใช้แมวตัวนี้ให้เป็นส่วนสำคัญกับเรื่องเลย

 

 

นอกจากข้อเสียที่ว่ามาแล้ว ในเรื่องยังมีส่วนที่แอบน่ารำคาญอยู่ด้วยจากการใช้เสียงซาวเอฟเฟ็กต์ประกอบแบบโฉ่งฉ่างเกินพอดีในทุกๆ ฉาก อะไรนิดหน่อยก็ใส่เข้ามาจนล้นมากเกินไป และฉากผีในเรื่องก็ออกมาแบบซ้ำๆ ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแล้วกับแนวผีคลานเหมือนพวกผีญี่ปุ่น กับเล่นเรื่องอ๊วกเป็นเลือดวนไปวนมา ซึ่งก็เป็นคำใบ้ของเรื่องว่าสุดท้ายแล้วพอเฉลยมาคนดูจะเข้าใจว่าทำไมผีต้องทำอะไรซ้ำๆ แบบนั้น แต่มันก็กลายเป็นข้อเสียไปด้วยเมื่อไม่สามารถครีเอทฉากผีหลอกเว่อร์ๆ ไปกว่านั้นได้จากข้อจำกัดที่ว่าครับ ถามว่าน่ากลัวไหมก็น่ากลัวพอประมาณ แต่ก็ไม่ได้มีฉากน่าจดจำด้วยเช่นกัน

สรุปว่าไม่ผ่านจริงๆ แม้ตัวหนังอาจจะดูได้ไม่แย่แบบเกินทนอะไร แต่พอดูจบก็รู้สึกเสียดายเวลากับความคาดหวังก่อนดูมาก ซึ่งถ้าใครต้องการดูแบบฆ่าเวลาก็คงดูได้ แต่ถ้าให้แนะนำก็คงต้องบอกผ่านเลยกับเรื่องนี้ครับ ปริศนา รู้ หลอน 123HD