Tag Archives: จัน ดาราจิรายุ ละอองมณี

รีวิวหนัง Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์ 2023

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

หนังไทยมาใหม่  วันนี้อยากจะขอมานำเสนอเรื่อง Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์ เป็นหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตพระเอกอย่าง มิตรชัย บัญชา พระเอกขวัญใจคนไทย ที่สมัยก่อนนักเร่ฉายหนังขายยาต้องมีหนังที่เขาแสดงติดรถไว้เพื่อฉายเรียกลูกค้า

และเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนด้วย เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี 2 เด้งของคอหนังไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ข่าวแรกก็คือ นี่คือการกลับมากำกับหนังไทยของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์แถวหน้าของไทย

เจ้าของผลงานระดับตำนานทั้ง ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ (2540), ‘นางนาก’ (2542) และ ‘จัน ดารา’ (2544) และอีกข่าวก็คือ Netflix เองก็มีออริจินัลคอนเทนต์ที่แปลกใหม่มากขึ้น

โดยคราวนี้เลือกที่จะหยิบเอากลิ่นอายเมืองไทยช่วงทศวรรษ 2510 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย หรือที่เรียกกันว่ายุค ‘มิตร-เพชรา’ หรือยุคฟิล์ม 16 มม. มาบอกเล่าผ่านอาชีพเล็ก ๆ ที่สูญหายไปแล้วในยุคนี้อย่าง ‘หนังขายยา’

และอาชีพนักพากย์หนัง ด้วยตัวเส้นเรื่องถือว่าน่าสนใจมาก ๆ หลังจากดูจบแล้วเราไปดูรีวิวกันเลยดีกว่าค่ะ และเพื่อนๆสามารถรับชมหนังเรื่องนี้ได้ทาง ดูหนังฟรีออนไลน์ สุดยอดเว็บดูหนังฟรี ตามไปรับชมกันได้เลยค่ะ

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

มนต์รักนักพากย์ (2023) เรื่องย่อ

เรื่องราวของ มนต์รักนักพากย์ เต็มเรื่อง เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2513 หน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดา ที่ประกอบไปด้วย มานิตย์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าและนักพากย์ประจำหน่วย, ไอ้เก่า (จิรายุ ละอองมณี) ไอ้หนุ่มพนักงานดูแลเครื่องฉาย

และ ลุงหมาน (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) คนขับรถ จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับ เรืองแข (หนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวหัวก้าวหน้าผู้อยากมีอนาคต มาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย

พวกเขาทั้ง 4 คนต้องออกตระเวนฉายหนัง พากย์หนังกลางแปลง และขายหยูกยา ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเปลี่ยนแปลงอาชีพของพวกเขา

ในแง่หนึ่ง การหยิบเอาเรื่องราวของอุตสาหกรรมหนังไทยในช่วงปี 2513 ถือว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นไม่น้อย เพราะแทบไม่มีหนังไทยที่เคยพูดถึงวงการหนังในยุคนี้มาก่อน

แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรื่องราวที่พ้นสมัยไปแล้วมีความน่าสนใจมากกว่าเป็นแค่สารคดีเฉย ๆ ตัวหนังให้น้ำหนักกับการสร้างมวลบรรยากาศของหนังไทย ที่คอหนังไทย คนทำหนัง และนักดูหนังน่าจะชอบค่ะ

การดำเนินเรื่อง

ตัวหนังแอบหยอดและสอดแทรกสิ่งละอันพันละน้อย ที่เป็นการแสดงความเคารพหนังไทยยุคนั้นเอาไว้เต็มไปหมด รวมทั้งการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน

อุตสาหกรรมหนังไทยยุค 16 มม. ตั้งแต่การถวิลหาความสมจริงในหนังมากขึ้น การเข้ามาของสื่อโทรทัศน์ที่มีผลต่อธุรกิจขายยา รวมทั้งการเสียชีวิตกะทันหันของ มิตร ชัยบัญชา

ที่เปรียบกับการสิ้นสุดของเสาหลักของวงการหนังไทย ทั้งในมุมของคนดู และคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนถึง (และก็น่าจะมีอีกเยอะที่ไม่มีใครพูดถึงเช่นกัน)

เอก เอี่ยมชื่น ผู้เขียนบท เลือกที่จะให้ตัวละครของหนังเป็นตัวเดินเรื่องแบบกึ่ง ๆ Road Movie ที่มีบรรยากาศและองค์ประกอบย้อนยุคครอบคลุมอยู่

และปล่อยให้ตัวละครเดินเรื่องและพบกับ Conflict ไปเรื่อย ๆ ผ่านบรรยากาศและองค์ประกอบ โดยมีเส้นเรื่องเกาะเกี่ยวไว้แบบบาง ๆ

ความฝันของทุกคนล้วนแตกต่าง

มนต์รักนักพากย์ หนังไทย แม้จะมีกลิ่นอายของยุคสมัยก่อน แต่เส้นเรื่องก็ยังคงดำเนินไปด้วยความฝันทั้งของ มานิตย์ เรืองแข เก่า และลุงหมาน ทุก ๆ การเดินทางพวกเขาต้องแบกความฝันที่เขามีไปด้วย และหวังว่าสักวันมันจะเป็นจริงขึ้นได้

ด้วยความพยายามของพวกเขาแม้ความฝันของพวกเขาจะแตกต่าง แต่จุดหมายคือความสุขและสิ่งที่พวกเขารัก และพวกเขาก็สามารถก้าวผ่านความกลัวใจใจไปได้ ดูแล้วสร้างแรงบันดาลใจได้ดีทีเดียว

ซึ่งเอาจริง ๆ ตัวหนังค่อนข้างจะเดินตามโครงเรื่องแบบที่คุ้นเคยกัน และหลาย ๆ จุดในหนัง เอาเข้าจริงก็แอบ Cliché ประมาณหนึ่งเลยแหละ อีกจุดก็คือ

พอหนังเน้นเล่าบรรยากาศ พล็อตของตัวละครบางส่วนจึงยังไม่ลงตัวนัก โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ที่ยังดูฉาบฉวย และมีช่องโหว่อยู่บ้าง

แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ด้วยรายละเอียดโครงเรื่อง การอธิบายตัวละคร การสร้างบรรยากาศที่สมจริงและเข้าถึงได้ง่าย รวมทั้งการมีเซตของตัวละครที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นกันคนละแบบ

ช่วยให้ตัวหนังมีเสน่ห์และตามดูได้เพลิน ๆ รวมทั้งการที่ตัวหนังฉลาดด้วยการหาทางลงให้กับตัวละครได้สมจริงมาก ๆ

เหมือนเป็นตัวบ่งบอกว่า ในช่วงชีวิตของวงการหนังไทย ล้วนผ่านวัฏจักรการล้มหายตายจากมาไม่มากก็น้อย แต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทดแทน สิ่งที่ตัวละครทำได้ก็คงมีแค่โอบรับ เข้าใจ และปล่อยให้อดีตผ่านไปช้า ๆ เท่านั้นเอง

บรรยากาศชวนให้นึกถึงวันวาน

ถ้าใครเกิดทันในยุคหนังกลางแปลงที่กำลังเฟื่องฟู คงจะอินน่าดู เพราะเนื่องด้วยรายละเอียดของหนังหลาย ๆ อย่างทำออกมาได้ดีจนว้าว แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย ๆ หนังเขาก็ใส่ใจ เช่น สลากล็อตเตอรี่ในยุคนั้น ร้านรวงต่าง ๆ การแต่งตัวในยุคนั้น

ซึ่งเราไม่มีทางเคยเห็นแน่นอน และการเร่รถไปในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อฉายหนังและขายยา แต่ถ้ายุคหลัง ๆ อย่างตัวเราเองก็อาจจะไม่ทัน แต่หนังก็ทำให้เห็นภาพของบรรยากาศในยุคนั้นจึงทำให้คนดูอินกับหนังได้ไม่ยาก

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

วิธีการเอาตัวรอดในเรื่องอาจจะยังมีกลุ่มคนที่มองเพศหญิงเป็นเครื่องทางเพศ ในเรื่องเราจะเห็นว่าตัวดวงแขมีการปกป้องตัวเองอย่างไร

เมื่อต้องมาอยู่ในทีมที่มีแต่ผู้ชาย และจะได้เห็นวิธีการปกป้องพวกพ้องจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ผู้กำกับใส่เข้าไปแล้วรู้สึกว่าลงตัวมาก ๆ

มนต์รักนักพากย์ (2023) การรำลึกถึงพระเอกขวัญใจหนังไทยในอดีต

เรื่องนี้มีการผสมความรำลึกถึงพระเอกที่เฟื่องฟูในยุคนั้น มิตร ชัยบัญชา ในเรื่องได้เสริมรายละเอียดของเนื้อหาเข้าไป และเขาก็เป็นแรงบรรดาใจให้ผู้คนมากมายในสมัยนั้น

แต่กลับต้องมาจากไปในวัยอันควร มีฉากที่เรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาให้คนที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้เห็นเช่นฉากยกร่างของมิตรชัยบัญชาให้ประชาชนดู

เพื่อพิสูจน์ว่าเขาได้เสียชีวิตจริง ๆ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเป็นเพียงการแสดง ๆ แต่เมื่อได้ย้อนดูภาพเก่า ๆ แล้ว มันคือเรื่องจริง ที่หนังหยิบยกขึ้นมาแสดงให้คนรุ่นหลังได้รู้

ทีมงานและนักแสดง นักแสดงทุกคนทำออกมาได้ดี การสื่ออารมณ์การเข้าสวมบทบาทได้สมจริง ฉากร้องไห้ก็ทำให้ดูแบบเสียใจจริง ๆ เลือกนักแสดงมาได้ดีมาก ๆ

ตัวละครที่เราชอบเลยคือ หนูนา หนึ่งธิดา ไม่คิดว่าจะเล่นออกมาดีขนาดนี้ ตัวละครดวงแขบุคลิกดูก้านโลก แต่ก็อ่อนหวาน หนูนาทำให้เราเชื่อบุคลิกนั้นจริง ๆ ซึ่งเราประทับใจมาก

หลังจากดูหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกอยากย้อนกลับไปในวันวาน แม้ว่าตอนนั้นเราอาจจะยังเด็กมาก ๆ แต่ก็ยังคงไม่ทันหนังขายยาที่มีพากษ์สดอยู่ดี

จะมาทันช่วงยุคหนังกลางแปลง ล้อมวิก แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงอินกับกลิ่นอายของยุคนั้น ๆ อยู่ดี โดยส่วนตัวชอบหนังโทนนี้มาก ๆ สำหรับใครถ้าชอบหนังแนวนี้สามารถดูได้ที่ Netflix

บทสรุปโดยรวมของภาพยนตร์

ผู้เขียนมองว่าทีมงานมีความฉลาดในการ casting ตัวละครหลักและการเลือกโลเคชัน และสถานที่ถ่ายทำก็ทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครในเรื่องได้

บางซีนมันอาจจะดูเชยๆ ดูชนบท แต่ผู้เขียนก็รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก พล็อตเรื่องดี ภาพสวย ตัวละครมีเรื่องราวที่น่าสนใจ แม้ในเรื่องจะยาวไปนิดหนึ่งในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งย่อเนื้อเรื่องให้กระชับขึ้นได้

โดยรวมหนังให้ความรู้สึกเต็มอิ่มและไม่น่าเบื่อเลย ซึ่งหลังรูจบให้อารมณ์ครบทุกรสเลยทั้งตลก เศร้า และสนุกสนาน รวมถึงน่าสงสาร

ผู้เขียนเกิดทันในช่วงที่หนังกลางแปลงดังในตลาดแถวบ้านของผู้เขียนซึ่งเอาจริงๆผู้เขียนไม่รู้เลยว่าในชีวิตนั้นมีอาชีพนักพากย์หนังกลางแปลงด้วย เรื่องนี้เล่าและตีแผ่เบื้องหลังการทำอาชีพพากย์หนังกลางแปลงอยู่ด้วย

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

ซึ่งเหมือนเราได้กลับไปย้อนยุคในสมัยก่อนที่จะมีสมาร์ทโฟนจริงๆ และได้รับรู้และเข้าใจว่าในสมัยก่อนนั้นคนที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้นเขาใช้ชีวิตกันยังไง

และหนังไทยเรื่องนี้ทำออกมาดีกว่าที่ผู้เขียนเคยคาดคิดหรือคาดหวังเอาไว้ในตอนแรกก็ดูตามกระแสเฉยๆเพราะติดกระแส top 10 ในช่อง Netflix แต่มันกลับดีกว่าที่คิดเอาไว้

แล้วทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็กและไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆและคอยซื้อของในตอนที่เดินเล่นในตลาดจริงๆ หนังไม่ได้เน้นไปที่ประเด็นความรักมากนัก

แต่เน้นไปที่การทำอาชีพของตัวเอกมากกว่าเลย เป็นความประทับใจแบบที่หาได้ยากในเสน่ห์ของหนังไทย การแสดงของนักแสดงก็ค่อนข้างดีดู เป็นธรรมชาติในเรื่อง ไม่ล้นเกิน ไม่ขาดเกิน กำลังดีเลย

สำหรับหนังมนต์รักนักพากย์ (Once Upon A Star) เราให้คะแนน 9/10 ถือเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกดี มองดูแล้วมีกลิ่นอายของยุค 60 ที่ดูอบอุ่น ดูของวินเทจ

และวิถีชีวิตของคนในยุคนั้นด้วย และที่สำคัญตัวหนังยังพาเราไปสัมผัสประสบการณ์การฉายหนังขายยาที่ทุกวันนี้หาดูไม่ได้อีกแล้ว เพื่อนๆสามารถชมภาพยนตร์ได้ที่ทาง Netflix

หรือเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากรับชมรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิว The Box กล่องหลอน ซ่อนตาย ซีรีส์ไทยแนวระทึกขวัญ/สืบสวนสอบสวน