Tag Archives: ดูหนัง

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

 

 

สปอยหนัง หากคุณอยากกลับไปนึกถึงคนแรกที่ทำให้คุณได้รู้จักคำว่า “รัก” อีกครั้งและเขาก็ยังคงเป็นรักแรกที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจคุณตลอดเวลา มาวันนี้เรามีหนังที่จะพาคุณย้อนเวลาไปสู่ชีวิตวัยมัธยมซึ่งมีแต่ความสนุกสนาน มิตรภาพ เสียงหัวเราะ และน้ำตาอีกครั้งกับหนัง “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” หนังไทยnetflix

ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักกันดี ยิ่งใครอยู่มัธยมตอนที่หนังเรื่องนี้เพิ่งออกมาก็คงจะยิ่งติดใจจนดูซ้ำหลายรอบแน่นอน หนึ่งในนั้นก็คือเราค่ะ เพราะเรื่องนี้เลยทำให้เรารู้จักกับคำว่า “รักแรก” เหมือนกันเรื่องย่อของหนังสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก
หนังสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “น้ำ”เด็กมัธยมหน้าตาขี้เหร่ถึงขั้นถูกเรียกว่า “ปลวก” เพราะไม่ค่อยสนใจดูแลตัวเองซึ่งน้ำได้ไปตกหลุมรัก “พี่โชน” รุ่นพี่ที่เป็นหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน แต่เพราะมีคู่แข่งมากมาย
เธอจึงต้องลบคำสบประสามและทำให้เขาหันมาสนใจเธอให้ได้ ภารกิจแปลงโฉมจากปลวกน้อยให้กลายเป็นหงส์จึงเริ่มขึ้นท่ามกลางมิตรภาพของเพื่อนและความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟที่มีแววจะปั่นป่วนมากกว่าที่คิด ดูหนังออนไลน์

 

เนื้อเรื่อง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว เนื้อเรื่องเริ่มต้นจากการตกหลุมรักรุ่นพี่ของน้ำ ซึ่งพี่โชนคนนี้ก็เป็นหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน แต่น้ำก็ไม่กล้าบอกกับพี่โชนไปตรง ๆ ว่าแอบรัก ก็ได้แต่ทำทุกวิถีทางให้พี่โชนสนใจในตัวเธอ สาวน้อยตัวดำ ๆ ก็ได้พวกเพื่อน ๆ ที่รู้มาโดยตลอดว่าแอบรักรุ่นพี่คนนี้มานานแล้ว ช่วยกันหลาย ๆ วิธีเพื่อที่ให้เพื่อนรักได้สมหวัง เริ่มจากการช่วยขัดสีฉวีวรรณเนื้อตัวให้ดูดีขึ้น สวยขึ้น แล้วไปสมัครเข้าชมรมการแสดง ไปเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ตั้งใจเรียน จนในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นสาวฮอตของโรงเรียน

 

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

 

จุดพีคมันอยู่ที่พี่โชนก็แอบหลงรักน้ำมานานแล้วเหมือนกัน แอบชอบตั้งแต่ตอนที่น้องน้ำยังมีหน้าตาขี้เหร่ และพี่โชนก็แอบตามถ่ายรูปเก็บและจดบันทึกไว้เป็นอัลบั้มเลย (แอบเขิน แอบมโนว่าตัวเองเป็นน้ำ) แต่สิ่งที่ทำให้พี่โชนกับน้ำไม่ได้เป็นแฟนกันสักที ก็เพราะว่าเพื่อนรักของพี่โชนที่ชื่อท็อปก็ดันตัดหน้าขอน้ำเป็นแฟนไปซะก่อน แถมทั้งสองก็เคยสัญญากันไว้ว่าจะไม่เอาแฟนเก่าของเพื่อนมาเป็นแฟนของตัวเองเด็ดขาด (อิหยั่งว่ะ) จนวันที่น้ำตัดสินใจเป็นฝ่ายบอกรักพี่โชนในวันที่พี่โชนจบการศึกษา ในวันนั้นเองที่ทำให้น้ำของเราต้องเศร้าใจอย่างหนัก เพราะพี่โชนได้ตกลงคบกันกับปิ่น ที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่นเอง แต่ลึกๆ แล้วเราก็ดูออกแหละ ว่าพี่โชนยังรักน้ำอยู่สิ่งเล็กๆ ดูหนังฟรี

 

ความน่าสนใจของหนัง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

หนังสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก มีความน่าสนใจตรงที่มีการถ่ายทอดให้เห็นถึงบุคลิกและชีวิตของตัวละครวัยมัธยมหลายตัวที่มีความเป็นธรรมชาติทำให้เรานึกถึงชีวิตของตัวเองในวัยมัธยมซึ่งมีโมเม้นต์หลายอย่างแบบนี้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแอบรักใครสักคน การคบหากับกลุ่มเพื่อนที่มีความเหมือนกันแม้จะไม่ใช่เพื่อนที่มีอะไรโดดเด่นแต่ก็ร่วมเป็นร่วมตายได้ตลอด

บทจะกรี๊ดรุ่นพี่ผู้ชายก็จะดี๊ด๊าเหมือนกันเป็นกลุ่มแบบสุมหัวเงียบ ๆ เพื่อนกันบางทีเราอยากทำอะไรก็มีอายเพราะกลัวโดนล้อ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ช่วยเราเหมือนกับเพื่อนในกลุ่มที่ช่วยน้ำแปลงโฉมและใช้วิธีให้ของแทนใจแก่พี่โชนต่าง ๆ พยายามเข้าชมรมที่ทำให้มีคนสนใจซึ่งก็ได้เป็นชมรมละครเวทีที่น้ำในแสดงเป็นสโนไวท์

 

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

 

บอกเลยว่าฉากนี้เราฟินจิกหมอนตอนพี่โชนผู้น่ารักต้องมารับบทเจ้าชายจำเป็นและจูบลง สมองนี่คิดไปไกลก่อนนางเอกแล้วจ้า ตั้งแต่นั้นนางเอกก็เริ่มหน้าตาดีมากขึ้นจนสุดท้ายก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์ประจำโรงเรียนซึ่งพี่โชนก็เริ่มจะเข้าหาเธอมากขึ้น แต่กับมีมารผจญคือเพื่อนพระเอกที่มาชอบนางเอกนี่ล่ะ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ดูได้ทางไหน

เราเสียน้ำตาให้กับฉากท้ายๆ หลายฉากมากไม่ว่าจะเป็นฉากที่นางเอกซึ่งห่างเหินจากเพื่อนๆ เพราะเอาแต่อยู่กับพวกพระเอกไปง้อจนกอดคอกันร้องเพลงวัน เดือน ปี และฉากที่นางเอกร้องไห้เปิดไดอารี่ซึ่งพระเอกเอามาให้ ในนั้นมีแต่รูปนางเอกทีเผลอที่พี่โชนแอบถ่ายไว้หลายรูปพร้อมข้อความบอกความในใจมากมายทำให้เราได้รู้ว่าพระเอกชอบนางเอกตั้งแต่ตอนหน้าปลวกแล้ว คือหน่วงมาก ณ จุดนี้ แต่สุดท้ายก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนะ เป็นหนังอีกเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดทุกประการค่ะ

 

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

หนังสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักทำให้เราได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพความรักของการเป็นเพื่อนที่ดี ช่วยเหลือ และอยู่เคียงข้างกันและกัน แม้ว่าเราจะทำตัวอย่างไรสายใยระหว่างเพื่อนก็ไม่สามารถตัดได้ขาด และในมุมมองของความรัก สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวตนจนบรรลุเป้าหมายให้อยู่ในสายตาเขามากแค่ไหน แต่เขาก็รักที่คุณเป็นตัวของคุณที่นิสัยด้วยนะ

 

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

 

หากอยากให้เขาอยู่ในสายตา วิธีที่สุดคือ เราอาจจะเข้าหาเขา คอยช่วยเหลือ ให้เขารู้จักเรามากขึ้นและเมื่อเริ่มสนิทแล้วจึงค่อยบอกความในใจไป แม้จะเร็วแต่ก็ดีกว่าเราบอกช้าจนถูกคนอื่นแซงหน้านะ
หนังที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งรับบทเป็น ” น้ำ ” กับ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น ” พี่โชน ” ทั้งสองคนมีผลงานการแสดงก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วมากมาย แต่การรับบทบาทในหนังเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงและจดจำทั้งสองคนไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังโด่งดังไปไกลถึงเมืองนอกกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในประเทศจีนถึงขั้นคลั่งไคล้พี่โชนอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ว่าต้องรู้จักพี่โชนกันแทบทุกคน และเมื่อปี 2562 ประเทศจีนก็ได้ทำภาพยนตร์ซึ่งมีเค้าโครงมาจากหนังเรื่องนี้โดยให้ชื่อว่า ” A Little Thing Called First Love ” มาริโอ้จึงกลายเป็นผู้ชายในฝันของสาว ๆ ตราบจนทุกวันนี้ และใบเฟิร์นเองก็ยังแสดงได้น่ารักและสมบทบาทในภาพยนตร์อีกด้วย สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก จีน wetv

 

สรุปและให้คะแนน สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว หนังเรื่องนี้ฉายในปี 2553 ซึ่งถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ทุกครั้งที่ได้กลับมาดู ก็ยังสามารถทำให้หัวใจของเราพองโตได้เสมอ ไม่เพียงแค่สื่อถึงความรักใสใสในวัยเรียนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวของความรักของเพื่อนแทรกเข้ามาให้รับรู้ และให้รู้สึกถึงความรักความผูกพัน ความหวังดีที่เพื่อนมีให้ต่อกัน ดูกี่ครั้งก็ยังแอบน้ำตาซึมได้กับฉากเดิม ๆ ตัวละครในเรื่องมีความลงตัวมาก ๆ ทั้งนักแสดงนำ พระเอก นางเอก ดูแล้วฟินตาม ส่วนตัวประกอบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพ้องเพื่อนของน้ำ ที่ดูบ้าน ๆ มีความน่ารัก ตลก ฮา ๆ แบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งตั้งใจทำให้ต่างกับกลุ่มนักเรียนอีกกลุ่มที่มีแต่คนสวย ๆ เด่น ๆ ให้เห็นถึงความแตกต่างกันไปเลย กลุ่มตัวละครเสริมอีกกลุ่มก็คือเหล่าคณะครูอาจารย์ ที่ได้ตุ๊กกี้มาร่วมทีมสร้างความตลกให้ภาพยนตร์ได้มีเสียงหัวเราะอีกด้วย

เราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 10/10 ไปเลย เพราะหนังสามารถย้อนกลับไปดูและยังทำให้เราอินกับตัวละครได้ไม่เบื่อ ทุกครั้งที่ดูก็ยิ่งทำให้เรานึกถึงตอนที่แอบชอบรุ่นพี่เมื่อครั้งที่เรายังเรียนอยู่มอต้น สปอยให้ฟังขนาดนี้แล้ว ใครที่ยังไม่เคยดูก็ควรไปหามาดูแก้เครียดนะคะ เผื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนตอน 14 อีกครั้ง สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก ตอนที่ 1

 

 

บอกเลยว่าฉากนี้เราฟินจิกหมอนตอนพี่โชนผู้น่ารักต้องมารับบทเจ้าชายจำเป็นและจูบลง สมองนี่คิดไปไกลก่อนนางเอกแล้วจ้า ตั้งแต่นั้นนางเอกก็เริ่มหน้าตาดีมากขึ้นจนสุดท้ายก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์ประจำโรงเรียนซึ่งพี่โชนก็เริ่มจะเข้าหาเธอมากขึ้น แต่กับมีมารผจญคือเพื่อนพระเอกที่มาชอบนางเอกนี่ล่ะ

เราเสียน้ำตาให้กับฉากท้าย ๆ หลายฉากมากไม่ว่าจะเป็นฉากที่นางเอกซึ่งห่างเหินจากเพื่อน ๆ เพราะเอาแต่อยู่กับพวกพระเอกไปง้อจนกอดคอกันร้องเพลงวัน เดือน ปี และฉากที่นางเอกร้องไห้เปิดไดอารี่ซึ่งพระเอกเอามาให้ ในนั้นมีแต่รูปนางเอกทีเผลอที่พี่โชนแอบถ่ายไว้หลายรูปพร้อมข้อความบอกความในใจมากมายทำให้เราได้รู้ว่าพระเอกชอบนางเอกตั้งแต่ตอนหน้าปลวกแล้ว คือหน่วงมาก ณ จุดนี้ แต่สุดท้ายก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนะ เป็นหนังอีกเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดทุกประการค่ะ
หนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของน้ำ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) หญิงสาวหน้าปลวก (คำที่ใช้ในหนัง) เธอแอบชอบหนุ่มฮ็อตของโรงเรียนอย่างพี่โชน (มาริโอ เมาเร่อ) โดยตลอดทั้ง 3 ปีที่พี่โชนและน้ำเรียนอยู่ที่เดียวกัน เธอทำทุกอย่างเพื่อให้พี่โชนหันมาสนใจเธอ เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นทั้งหน้าตาและการเรียน การยอมรับตำแหน่งสุดหินอย่างดรัมเมเยอร์ และทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว และสุดท้าย เธอก็ได้บทเรียนเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อน ชีวิต ความรัก ครอบครัว และการไล่ตามความฝันของตัวเอง

 

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รีวิว

ชมรมคนต่อต้านหนังฟีลกู้ดฟีลเลี่ยนทั้งหลายอย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะตัวหนังจริงๆ ทำได้ลงตัวและสนุกกว่าที่ผมเล่าให้ฟังในบรรทัดที่แล้วซะอีก การที่ผมซึ่งไม่ชอบหนังสไตล์ฟีลกู้ดแต่สนุกไปกับหนังเรื่องนี้นั้น ตอนแรกผมคิดว่า เป็นเพราะความ Pure และความสมจริงของหนัง แต่พอผมดูหนังเรื่องนี้รอบที่สอง ผมก็ได้ฉุกคิดว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้เพียวหรือสมจริงขนาดนั้น แต่หนังมันมีจุดเด่นตรงที่หนังสามารถกลบความ fantasy เอาไว้ได้อย่างพอเหมาะ จนคนดูหลับตาให้กับความ fantasy และความไม่สมจริงในหนังเรื่องนี้ได้อย่างสะดวกใจ หรืออีกนัยหนึ่งคือ หนังสามารถทรงตัวอยู่บนเส้นด้ายบางๆ ที่คั่นระหว่าง reality และ fantasy ได้อย่างน่าชื่นชม

หากพูดแบบหยาบๆ ก็คือ หนังเรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ก็คือ “ซินเดอเรลล่า” ที่ถูก ดัดแปลงให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั่นเอง ซึ่งถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด คงต้องยกตัวอย่างหนังเรื่อง Ever After (1998, แอนดี้ เทนแนนท์) ซึ่งเป็นหนัง ”ซินเดอเรลล่า” ที่ลดโทนเทพนิยาย (นางฟ้า, แม่มดใจร้าย, รถฟักทอง) ลงไป เหลือแต่ฉากหลังในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวความคิดที่แฝงอยู่ใน Ever After ยังคงเป็น fantasy อยู่ดี ทั้งการที่นางเอกได้เลื่อนชนชั้นไปเป็นคู่รักของเจ้าชายได้อย่างรวดเร็วหรือ อุปสรรคในเรื่องถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย จนถึงแม้องค์ประกอบหนังจะถูกทำให้เป็น reality โคตรๆ ขนาดไหนก็ไม่ทำให้หนังดู real ขึ้นมาในภาพรวมได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับ Memories of Matsuko (2006, เท็ตซึยะ นาคาชิมะ) ซึ่งถึงแม้ภาพในหนังจะโอเว่อร์เหนือจริงขนาดไหน แต่ด้วยโทนเรื่องหลักก็ได้ทำให้ Memories of Matsuko กลายเป็นหนังสะท้อนชีวิตจริงได้อย่างน่าขนลุก!

 

 

หนังที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งรับบทเป็น ” น้ำ ” กับ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น ” พี่โชน ” ทั้งสองคนมีผลงานการแสดงก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วมากมาย แต่การรับบทบาทในหนังเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงและจดจำทั้งสองคนไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังโด่งดังไปไกลถึงเมืองนอกกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในประเทศจีนถึงขั้นคลั่งไคล้พี่โชนอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ว่าต้องรู้จักพี่โชนกันแทบทุกคน และเมื่อปี 2562 ประเทศจีนก็ได้ทำภาพยนตร์ซึ่งมีเค้าโครงมาจากหนังเรื่องนี้โดยให้ชื่อว่า ” A Little Thing Called First Love ” มาริโอ้จึงกลายเป็นผู้ชายในฝันของสาว ๆ ตราบจนทุกวันนี้ และใบเฟิร์นเองก็ยังแสดงได้น่ารักและสมบทบาทในภาพยนตร์อีกด้วย สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักเต็มเรื่อง movie2free

 

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

 

 

ประเภท: ดราม่าผู้กำกับ: นัฐวุฒิ พูนพิริยะ หนังไทยnetflix

นำแสดงโดย: ธนภพ ลีรัตนขจร, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, วิโอเลต วอเทียร์

ความยาว: 136 นาที

กำหนดฉายในไทย: 10 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

สปอยหนัง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เชื่อว่าบางคนอาจจะมีอาการคล้ายกัน หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้จบลงไป แม้ว่าตัวจะลุกเดินออกไปจากโรงหนังแล้ว แต่ข้างในหัวของเรายังคงวนเวียนอยู่กับสารที่หนังได้หยิบยื่นเอาไว้ให้อยู่เลย เพราะนี่คือ “One for the Road” (วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ) หนังสัญชาติไทยที่ผสมผสานความอินเตอร์ และประสบความสำเร็จด้วยดีตามเทศกาลหนังต่างประเทศ และกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีชชิ้นล่าสุดของผู้กำกับหนุ่ม “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” ที่สามารถพูดได้ดังๆ เลยว่า เขาอนาคตไปอีกได้ไกลแน่นอน

 

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

 

เชื่อว่าบางคนอาจจะมีอาการคล้ายกัน หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้จบลงไป แม้ว่าตัวจะลุกเดินออกไปจากโรงหนังแล้ว แต่ข้างในหัวของเรายังคงวนเวียนอยู่กับสารที่หนังได้หยิบยื่นเอาไว้ให้อยู่เลย เพราะนี่คือ “One for the Road” (วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ) หนังสัญชาติไทยที่ผสมผสานความอินเตอร์ และประสบความสำเร็จด้วยดีตามเทศกาลหนังต่างประเทศ และกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีชชิ้นล่าสุดของผู้กำกับหนุ่ม “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” ที่สามารถพูดได้ดังๆ เลยว่า เขาอนาคตไปอีกได้ไกลแน่นอน ดูหนังออนไลน์ดูหนังฟรี

 

เรื่องราว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

เป็นเรื่องราวของ บอส หนุ่มนักธุรกิจที่ย้ายภูมิลำเนาจากบ้านเกิด มาเปิดกิจการบาร์ในมหานครนิวยอร์ก เขาได้ตัดสินใจย้อนเส้นทางกลับไปยังเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อพบกับ อู๊ด เพื่อนที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน นับว่าเป็นการพบเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปีที่ห่างเหินกันไป พวกเขาร่วมกันออกเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อนึกย้อนและระลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา เนื่องจากอู๊ดกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะลุกลามและเหลือเวลาอีกเพียงไม่มากแล้ว
คือแค่ฟังจากพล็อตเรื่องก็น่าจะพอเดาทางออกได้ว่าน่าจะมาแนวไหน ก็คงหนีไม่พ้นหนังแนวโร้ดทริปเพื่อกลับไปทบทวนเรื่องราวอดีตที่ผ่านมา พล็อตแบบนี้แน่นอนว่าไม่ค่อยหวือหวาอะไร แต่กลับ One for the Road ได้ใช้กิมมิกในการเล่าเรื่องที่มีเทคนิคชั้นเชิงเข้ามาช่วยส่งเสริม จึงพัฒนาให้หนังโร้ดทริปย้อนทางกลับไปหาแฟนเก่าเรื่องนี้ กลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเรื่องเล่าสะกิดใจไปได้ทุกหลักกิโลเมตรของตัวละครที่พานพบมา วันสุดท้ายก่อนบายเธอ pantip

 

บทภาพยนต์ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ในส่วนของบทภาพยนตร์ของ One for the Road อาจจะไม่ได้ถึงขั้นดีเลิศสมบูรณ์แบบอะไร เพราะหลายๆ มุมก็ยังคงแฝงด้วยสูตรสำเร็จง่ายๆ ที่เข้าถึงคนดูได้ไม่ยาก แต่ลูกเล่นในการเล่าเรื่องและไดอะล็อกต่างๆ ที่ถูกวางเอาไว้อย่างบรรจงตลอดทั้งเรื่องนี้ ถูกปรุงออกมาเป็นสูตรที่กลมกล่อมและคมคาย โดยน่าจะแบ่งหนังออกได้เป็น 2 องก์หลักๆ ในขณะที่องก์แรกคือโร้ดทริปไปตามรายทาง องค์สองก็คือความบอบช้ำจากผลแห่งการกระทำทั้งหมด

ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้สร้างมิติให้กับตัวละครในทุกๆ ตัวเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ทุกคาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้มีมุมมองและเหตุผลในตัวเองเป็นอย่างดี เหตุและผลที่ไม่จำเป็นจะต้องเล่าออกมาเป็นภาพเพื่อขยายความ แต่ใช้ความรู้สึกของตัวละครนี่แหละ เป็นตัวขยายความในตัวของมันเองโดยอัตโนมัติ และนี่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างดีในหนังเรื่องนี้ และถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างแข็งแรง สามารถประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้สบายๆ

 

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

 

ในขณะที่องค์ประกอบของนักแสดงนั้น คงจะต้องลุกปรบมือให้เลย เพราะแคสติ้งของหนังเรื่องนี้เลือกมาได้เป็นอย่างดีทุกตัวละคร “ต่อ ธนภพ” กับ “ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์” เป็นนักแสดงนำคู่ที่ช่วยกันประคองหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างสบายๆ การแสดงในระดับมืออาชีพของทั้งคู่ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะทุกอย่างถ่ายทอดออกมาเป็นธรรมชาติ เล่นน้อยแต่อินเนอร์ออกมาเพียบ ซีนอารมณ์ต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีแบบไม่มีใครยอมใคร
แต่อาจจะเทใจให้กับไอซ์ซึไปเล็กน้อย เพราะนี่คืออีกหนึ่งผลงานการแสดงที่ดีของเขาเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงการทรานสฟอรม์ร่างกายตัวเอง เพื่อสวมบทบาทผู้ป่วยโรคร้ายจริงๆ กับการลดน้ำหนักแบบสุดขั้ว แต่อินเนอร์และการยั้งเข้าถึงบทบาทอารมณ์ของตัวละครก็ถือว่าแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เลย และเขาผู้นี้ก็น่าจะไม่พลาดที่จะได้เข้าชิงรางวัลทางการแสดงต่างๆ อย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะได้รางวัลติดมือด้วยซ้ำ

 

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

 

นอกจากนี้ 2 หนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำเรื่องแล้ว บรรดาสาวๆ ที่เป็นองค์ประกอบแฟนส์เก่านั้น ก็ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “พลอย หอวัง” ที่เฉิดฉายจากหนังเรื่องนี้แบบเซอร์ไพรส์ “ออกแบบ ชุติมณฑน์” ที่ให้การแสดงน้อยแต่มากได้ดี เช่นเดียวกับ “นุ่น ศิรพันธ์” ที่ไม่ต้องพูดอะไรมากเธอคนนี้อินเนอร์นักแสดงมาเต็ม และยังมี “วี วิโอเลต” ที่เป็นคนที่ไม่สามารถละสายตาไปได้ หนังเรื่องนี้ขับเสน่ห์และเทคนิคการแสดงของวีออกมาได้อย่างดี ยิ่งซีนอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเรียลจัดๆ ต้องปรบมือให้เธอเลย วันสุดท้ายก่อนบายเธอ 037

เราน่าจะทราบว่า “หว่องกาไว” ปรมาจารย์นักสร้างหนังระดับเอเชีย มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังเรื่องนี้ และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จึงได้รับอิทธิพลความหว่องเข้ามาแทรกเสริมอยู่ประปราย แต่ก็ไม่ใช่เป็นการคัดลอกสูตรกันมา เพราะหนังเรื่องนี้เองก็ยังมีความเป็น บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับของหนังเองอยู่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน และต้องบอกเลยว่านี่น่าจะเป็นหนังที่สร้างมาจากตัวตนและสิ่งที่ผู้กำกับอยากจะถ่ายทอดออกมาจริงๆ ด้วยซ้ำ

 

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ netflix ยังโดดเด่นเรื่องโปรดักชั่นดีไซน์ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแตกต่างจากหนังไทยทั่วๆ ไปอย่างแจ่มแจ้ง การออกแบบฉากและจัดวางแสงสีต่างๆ สัมผัสได้ถึงความละเอียดและละเมียดละไมที่เป็นการถ่ายทอดที่ทำออกมาได้บิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้ดี กลายเป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นหนังไทยสไตล์อินเตอร์แบบเรียลๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติองค์ประกอบแวดล้อมต่างๆ แทบจะทุกอณู และอีกสิ่งที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ดีไม่น้อยหน้าองค์ประกอบอื่นๆ

จนต้องหยิบเอามาชื่นชมก็คือ เทคนิคการแต่งหน้าในหนัง แม้ว่าจะเป็นองค์ประกอบเล็กน้อยที่ส่วนใหญ่ผู้ชมไม่ค่อยให้ความสำเร็จกันสักเท่าไหร่ แต่หากว่าพินิจดูรายละเอียดจริงๆ แล้ว เทคนิคการแต่งหน้าให้กับนักแสดงเรื่องนี้เต็มไปด้วยกิมมิกที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวเป็นอีกนัยได้อย่างสมบูรณ์ มีการลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนดูอาจจะไม่ทันได้สังเกตเข้ามาใส่ไว้ ทั้งรอยสิวหรือรอยย่นบนใบหน้า เป็นสิ่งที่ช่วยแยกไทม์ไลน์ในการเล่าเรื่องได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

 

 

คงต้องบอกว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ก็น่าจะเป็นหนังที่ บาส นัฐวุฒิ ได้มีอิสระในการเล่าเรื่องในสิ่งที่ตัวเองอย่างเล่าอย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น หนังเรื่องนี้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับเขาค่อนข้างมาก เป็นมุมมองที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในต่างประเทศกับเรื่องราวดราม่าในชีวิต ที่ได้แรงบันดาลใจตัวผู้สร้างเองแท้ๆ และนี่จึงเป็นจุดที่ทำให้หนังเล่าเรื่องออกมาได้อย่างมีจังหวะ
กับเรื่องเล่าที่เล่าผ่านมุมมองของ แก้วเหล้า แก้วค็อกเทล ทุกๆ แก้วที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในตัวเอง รสชาติแต่ละแก้วแตกต่างกัน ก็เหมือนกับชีวิตในช่วงที่ผ่านๆ ต่างก็มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นหนังที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบดีเลิศที่ดีสุด แต่หลายๆ องค์ประกอบก็ถือว่าช่วยยกระดับความเป็นหนังไทยได้ดีขึ้นอีกเป็นกอง และเชื่อเหลือเกินว่า บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับชาวไทยผู้นี้ อนาคตยังไปต่อได้อีกไกลและน่าจะยิ่งใหญ่ได้ยิ่งกว่านี้

 

มีให้ดูแล้ววันนี้ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (อังกฤษ: One for the Road) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า ผลิตโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส บล็อกทู ดิสทริบิวชัน และเฮาส์ตัน สตูดิโอ ของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ อำนวยการสร้างโดย หว่อง ก๊า ไหว่ และจัดจำหน่ายโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า เป็นผู้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำแสดงโดย ธนภพ ลีรัตนขจร และ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ เข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ตัวภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยกันเพื่อตามหาเพื่อนเก่าเพื่อคืนของสำคัญและบอกลากันก่อนจากไป

 

 

การฉาย ในส่วนของประเทศไทย ภาพยนตร์มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการผ่านการเปิดตัวโครงการใหม่ของจีดีเอช ห้าห้าเก้า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า ประกาศเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจาก เจ็ตโทน คอนเทนต์ส ก่อนเปิดเผยวันเข้าฉายอย่างเป็นทางการคือ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ผ่านมิวสิกวิดีโอ “Nobody knows” ที่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ พร้อมทั้งปล่อยใบปิดภาพยนตร์ และตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ก่อนมีงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2565 ณ บ้านหับโห้หิ้น บางกอก ถนนสุขุมวิท และมีรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ออกฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 วันสุดท้ายก่อนบายเธอออนไลน์

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

สปอยหนัง หลังจากเรารอคอยการเข้าฉายของ Mother Gamer หรือ เกมเมอร์เกมแม่ กันมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายในที่สุดวันนี้ Mother Gamer หนังที่หอบโจทย์ยากอย่างการทำหนังวัยรุ่นเกี่ยวกับกีฬาอีสปอร์ตโดยมีเกม ROV เกมโมบา (MOBA – multiplayer online battle arena ) ยอดฮิตเป็นแกนกลางของความสัมพันธ์ตัวละครที่พร้อมจะเติบโตผ่านวิวาทะทางความคิดระหว่างเด็กยุคใหม่กับผู้ใหญ่ยุคนี้ก็จะได้เข้าฉายเพื่อพิสูจน์ตัวเองในสนามโรงภาพยนตร์เสียที หนังไทยมาใหม่

 

เรื่องย่อ เกมเมอร์ เกมแม่

กล่าวอย่างสั้น ๆ หนังเล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่าง เบญจมาศ (พิยดา อัครเศรณี) ครูคณิตศาสตร์ที่มองว่ามือถือคือศัตรูต่อการเรียน กับ โอม (ต้นหน ตันติเวชกุล) ลูกชายนักกีฬาอีสปอร์ตที่เหตุเกิดจากฝ่ายแรกไปขัดขวางความฝันของลูกชาย และเพื่อให้หนทางในสายกีฬาอีสปอร์ตต้องดับลง เบญจมาศจึงก่อปาร์ตี้ตั้งทีมอีสปอร์ตชื่อ Ohm Gaga ร่วมกับ กอบศักดิ์ (ลภัส งามเชวง) นักเรียนหลังห้องจอมเก๋าในฐานะอดีตสมาชิกของทีม Higher ที่โอมสังกัดอยู่เพื่อหวังโค่นทีมของลูกชายโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังให้บทเรียนสำคัญในฐานะแม่และครู

เสือ ยรรยง คุรุอังกูร ยังคงทำหนังวัยรุ่นในภาษาที่เข้าใจวัยรุ่นเจนนี้อย่างแท้จริง โดยในเกมเมอร์เกมแม่ก็มี ROV ที่กำลังมาทดสอบความสัมพันธ์ของแม่กับลูกชายวัยรุ่นยุคที่การเล่นเกมกลายเป็นกีฬาที่ทำเงินได้ และการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เบญจมาศแม้จะเป็นแม่ที่ยังไม่ได้ชราในแง่สังขารแต่ต้องยอมรับว่าสังคมที่เด็กกล้าพูดกล้าทำและความรู้ความสามารถในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการเล่นเกมที่กลายเป็นอาชีพก็กลับผลักไสเธอให้กลายเป็นคนตกยุคอย่างช่วยไม่ได้
ยิ่งเรามาพิจารณาข้อมูลที่หนังให้เราเกี่ยวกับตัวเบญจมาศต้้งแต่ต้นเรื่องที่หนังแสดงให้เห็นว่าเธอเข้มงวดกับลูกเพียงใดในยุคที่การศึกษานอกจากคะแนนสอบยังมีคะแนนนอกระบบที่วัดตามค่าเงินบาทที่ผู้ปกครองจะยอมแลกกับโอกาสของลูกแล้วก็ยิ่งทำให้เห็นว่าในเกมที่อำนาจอยู่ที่ผู้ใหญ่เธอสอนโอมให้เล่นตามกติกาที่ไม่แฟร์กับเขามาทั้งชีวิตเพื่อหวังให้โอมเดินในเส้นทางสู่ความสำเร็จตามอุดมคติการศึกษาสร้างอนาคต ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

แต่แล้วปัจจุบันในเวลาของโอมก๋็กลายเป็นอนาคตที่เบญจมาศไม่เข้าใจทันทีเมื่อกีฬาอีสปอร์ตได้กลายเป็นเส้นทางที่ลูกเลือกเป๋็นอาชีพ โดยคนเป็นแม่ในฐานะครูในระบบการศึกษาไทยได้แต่ต่อต้านการเล่นเกมของนักเรียนจนถึงขั้นออกแคมเปญห้องเรียนปลอดมือถือเพื่อหวังอัปเงินเดือนด้วยผลงานเสริมหลักสูตรในเกมที่ผู้ชี้ถูกผิดคือผู้มีอำนาจในองค์กรนั้น ๆ แต่สำหรับในเกมที่เธอหวังจะชนะโอม เบญจมาศกลับเลือกทางลัดด้วย “ข้อตกลงแบบไทย ๆ ” กับกอบศักดิ์ให้ตั้งทีมกีฬาอีสปอร์ตแลกกับการช่วยให้จบ ม.6 หลังถูกยื่นคำขาดจากทีม Higher ให้จ่ายค่าเสียหายหลักแสนหากต้องการให้โอมออกจากทีม ดูหนังฟรี

ดังนั้นเมื่อกติกาของโลกผู้ใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนใจโอมได้ เบญจมาศจึงจำใจต้องลงสนามในเกมของเด็กยุคนี้ ซึ่ง ณ. จุดนี้เองที่หนังเริ่มให้เบญจมาศกลายเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ที่หนังพาคนดูในฝั่งคนไม่เล่นเกมได้เกาะไปทำความเข้าใจกับทั้งเกม ROV ที่มีศัพท์แสงสุดบรรเจิดมากมายและพาไปรู้จักกับกีฬาอีสปอร์ตว่ามันมีการแข่งขันจริงจังแค่ไหน ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกของผู้ชมในวงกว้างได้อย่างชาญฉลาดยิ่งเพราะผู้กำกับใช้บริบทในหนังมาบอกเล่ามันโดยอิงเกม ROV ตั้งแต่ฉากกอบ

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

ศักดิ์เล่นเกมในห้องเรียนวิชาสังคมไปจนถึงบทเรียน ROV 101 ที่เบญจมาศได้กลายสถานะเป๋็นนักเรียนบ้าง
กล่าวมาถึงตรงนี้คงชัดเจนแล้วว่าตัวละครเบญจมาศคือตัวแบกหนังทั้งเรื่องอย่างแท้จริงและถือเป็นโชคดีของผู้กำกับ (และคนดู) ที่มันได้ อ้อม พิยดา อัครเศรณี นางเอกยุค 90s ที่มารับบทแม่และครูอย่างเบญจมาศ เพราะเธอสามารถทำให้คนดูเชื่อว่าทุกการกระทำที่ผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมเซ็นเอกสารให้โอมไปเข้าทีม Higher หรือการหลอกใช้เด็กตั้งทีมมาโค่นทีมลูกชายล้วนนำเสนอด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบของตัวละครที่ดูมีเลือดเนื้อจิตใจจนคนดูสัมผัสได้

และทีละน้อยนอกจากดรามาของแม่ที่การตัดสินใจไม่ได้ถูกต้อง 100% หนังยังพาให้เบญจมาศค่อย ๆ เข้าสู่โลกแห่ง ROV ด้วยอุปสรรคในการทำทีมที่มีทั้งการซื้อตัวผู้เล่นหรือแม้แต่ความกากในการเล่นเกมของเธอเองก็เริ่มทำให้เริ่มตาสว่างว่าแม้แต่คนเป็นครูก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง เชื่อว่าคนดูจะต้องลุ้นระทึกและหลงรักอ้อม พิยดากับซีนแอบเล่น ROV ในห้องส้วมบนรถโดยสารคณะครูที่หนังทำออกมาน่ารักทีเดียว

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

และในขณะเดียวกันแม้หนังจะมีแกนกลางที่ความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกแต่หนังก็สร้างตัวละครอย่างกอบศักดิ์ที่เป็นตัวแทนนักเรียนหลังห้องสุดเก๋าที่เกรดของวิชาในระบบการศึกษาอาจทำให้เขาถูกมองว่าเป็นคนโง่แต่ในโลกของเกมกอบศักดิ์คือฮีโร แต่ลึก ๆ แล้วมันก็สะท้อนภาพของวัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้เห็นภาพเพราะแม้เกรดในสมุดพกจะต่ำเตี้ยแค่ไหนการที่กอบศักดิ์มาเจอครูเบญจมาศก็นับว่าเป็นโชคดีของทั้งคู่เพราะในขณะที่กอบศักดิ์ขาดผู้ใหญ่มามองเห็นคุณค่าของเขาในฐานะเกมเมอร์ ด้านครูเบญจมาศเองก็ขาดคนช่วยลดช่องว่างระหว่างใจระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอยู่ด้วยเหมือนกัน เกมเมอร์เกมแม่เต็มเรื่องพากย์ไทย facebook

ดังนั้นภาพที่ครูเบญจมาศต้องถูกบังคับให้มาเล่น ROV ร่วมกับบรรดาลูกทีม Ohm Gaga เลยแปรเปลี่ยนจากการพยายามเอาชนะลูกชายมาเป็นการเปิดใจยอมรับเส้นทางใหม่ ๆ ของเยาวชนชาวเกมเมอร์ และ ROV ยังสามารถผสานความรู้เดิมอย่างคณิตศาสตร์มาปรับใช้กับการวางแผนได้ดีทีเดียว และแม้ว่าหนังเรื่องเดียวจะไม่ได้ทำให้ภาพของเด็กติดเกมดีขึ้นแต่เชื่อว่าตัวหนังมันได้เสนอทางเลือกของการเล่นเกมอย่างฉลาดเอาไว้แล้วเหมือนการใช้ชีวิตที่ฉลาดที่ทั้งกอบศักดิ์และครูเบญจมาศได้เรียนรู้มันร่วมกัน

แต่กระนั้นบทหนังเองก็ยอมแลกดรามาและความสัมพันธ์แม่ลูกที่ค่อย ๆ หายไปหลังโอมกับเบญจมาศเริ่มมีปัญหากันเพื่อเทเวลาแทบทั้งหมดไปกับการเรียนรู้ของเบญจมาศในโลกของ ROV ซึ่งในด้านหนึ่งมันก็ทำให้พัฒนาการด้านความสัมพันธ์แม่ลูกในตอนท้ายไม่หนักแน่นเท่าที่ึควรแต่มันกลับส่งผลต่อฉากการฝึกเล่น ROVแต่ละฉากที่ผู้กำกับดีไซน์ช่วยให้คนดูเข้าใจตัวเกมและวงการอีสปอร์ตในเบื้องต้นได้ดีมากเรียกได้ยอมเจ็บกับการสูญเสียการเล่าดรามาไปกับสีสันอันฉูดฉาดของวงการเกมแทน แม้จะทำให้หนังไม่ลงตัวเท่าที่ควรก็ตาม เกม เม อ ร์ เกมแม่ Facebook

 

สรุปโดยรวม เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่ ทิ้งท้ายขอพูดถึงเหล่าบรรดานักแสดงวัยรุ่นกันบ้าง เติร์ด ลภัส งามเชวง มีเสน่ห์ในแบบแบดบอยมาก ๆ ในบทของกอบศักดิ์ดูแล้วเชื่อได้เลยว่าจะเป็นคนพาเบญจมาศสู่โลกของเกมเมอร์เหมือนมอร์เฟียสฉบับกวน ๆ ที่จะพานีโอตื่นจาก The Matrix ยังไงยังงั้น ส่วน ต้นหน ตันติเวชกุล นี่เสียดายมากเพราะดรามjาช่วงท้ายของหนังเขาทำได้ดีมากแต่ด้วยช่วงเวลาที่หนังให้เขาถือว่าน้อยเกินไปจริง ๆ ส่วน วี วีรยา จาง ในบทมะปรางแม้จะให้ความสดใสกับหนังแต่บทของเธอแทบไม่มีผลอะไรกับเรื่องนอกจากเพิ่มซีนโรแมนติกให้กับกอบศักดิ์

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

โดยภาพรวมแล้วขอสรุปว่า เกมเมอร์เกมแม่ อาจยังไม่ใช่หนังที่ลงตัวนักในส่วนของบทภาพยนตร์แต่งานดีไซน์แต่ละซีนของหนังน่าสนใจและน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียวเพื่อให้คนไม่เล่น ROV อย่างผมเข้าใจในกติกาของตัวเกมและสนุกไปกับฉากแข่งขันในหนัง และยังมีการแสดงที่เชื่อมือได้ทั้งจาก อ้อม พิยดา อัครเศรณี กับ เติร์ด ลภัส งามเชวง มาทำให้หนังดูสนุกและน่าประทับใจจนอยากให้มีโอกาสที่ครอบครัวที่มีลูกเล่นเกมได้มาดูด้วยกันเพราะหนังนำเสนอวงการอีสปอร์ตได้เข้าใจง่ายและไม่มองผู้ใหญ่ในแง่ร้ายเกินไปเป็นการนำเสนอที่น่าจะกระชับพื้นที่ “ช่องว่างระหว่างใจ” ของผู้ปกครองและลูก ๆ เหล่าเกมเมอร์ได้ดีทีเดียว
เรียกว่า “Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่” เป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่มีความกล้าที่จะฉีกแนวเดิมๆ ด้วยการหยิบเอาพล็อตเรื่องของ e-Sport มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

เมื่อคำสั่งห้ามของแม่ใช้ไม่ได้ผล เบญจมาศจึงต้องหาทางสกัดกั้นไม่ให้โอมก้าวไปสู่ชัยชนะ ด้วยการยื่นข้อเสนอให้ “กอบศักดิ์” (เติร์ด ลภัส) เด็กหลังห้องอดีตโปรเพลเยอร์ของ Higher มาช่วยตั้งทีมอีสปอร์ตหน้าใหม่ “Ohmgaga” เพื่อแลกกับที่เบญจมาศจะช่วยให้กอบศักดิ์เรียนจบ กอบศักดิ์เลยพาเหล่าเกมเมอร์ตัวจี๊ดมาร่วมทีม Ohmgaga ทั้ง “มะปราง” (วี วีรยา) สาวเปรี้ยวสุดเท่, “ไกด์” (บอส ธนบัตร) นักวางแผนฝีมือฉกาจ, “แบงค์” (นนท์ ศุภวัจน์) สายเปย์ตัวเป้ง และ “แม็ก” (เตชินท์ ณัฐชนน) จอมโวยวายจากร้านเกม

แต่สิ่งที่เบญจมาศไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็คือ เธอต้องลงสนามในฐานะนักกีฬาของทีม เคียงข้างกับกอบศักดิ์ผู้พยายามพิสูจน์ตัวเอง พร้อมเผชิญหน้ากับโอมลูกชายที่อยากขีดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง

 

 

บนเส้นทางแห่งการแข่งขันเกม RoV แบตเทิลครั้งนี้ “เกมเมอร์” หรือ “เกมแม่” ใครกันแน่จะเป็นผู้ชนะ
ไม่ต้องรู้เรื่องเกมก็ดูหนังได้
คำถามที่หลายคนอยากรู้ก็คือ ไม่ได้เล่นเกมนี้จะดูหนังรู้เรื่องมั้ย ตอบเลยค่ะ ดูรู้เรื่องและสนุกไปกับหนังได้เพลิน ๆ เลยค่ะ เพราะในหนังเองจะมีการค่อย ๆ ปูพื้นมาให้บ้าง ส่วนใครที่เป็นแฟนเกม ROV อยู่แล้วน่าจะทำให้อินกับเนื้อเรื่องไม่ยาก รวมถึงยังมีคนในวงการ e-Sport ที่คุ้นตามาร่วมแจมหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นักกีฬา e-Sport ตัวจริง รวมถึงนักพากย์เกม หนัง rov เกม เม อ ร์ เกมแม่ เต็มเรื่อง

 

ความต่างระหว่างคนสองยุค เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่ ส่วนเนื้อเรื่องเรียกว่าค่อนข้างเดินเป็นเส้นตรงตามสูตรสำเร็จ คาดเดาตอนจบได้ไม่ยาก มีการจิกกัดสังคมไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครอง-เด็ก, ระบบการศึกษาจนไปถึงการเล่นเกมเอง มีหยอดมุกตลกมาเป็นช่วงๆให้คนดูได้ผ่อนคลาย บทค่อนให้คะแนนกลางๆมีหลายประเด็นที่หนังปูไว้แต่ไม่ขยี้ต่อให้สุด ตัวหนังไม่ได้เล่าถึง Background ของหลายตัวละครหลักเท่าที่ควร นอกจากนั้นนักแสดงหลายคนน่าจะมีผลสำคัญต่อเนื้อเรื่องหรือบางประเด็นกลับไม่เล่นต่อซะงั้น หายไปดื้อๆ

สิ่งที่โดดเด่นคือเรื่องของโปรดักชั่นที่ใส่ Visual Effect ที่จัดเต็มแสงสีเสียง เหมือนเรากำลังเล่นเกมอยู่ มีการทดลองมุมกล้องแปลก ๆ ทำให้ดูตื่นตาตื่นใจ ซีนการแข่งขันเกมก็ทำออกมาสนุกทำให้เราลุ้น เอาใจช่วยตามไปด้วย ที่สำคัญยังใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างฉากดวลกันตัวต่อตัวนั้นท่าทางการสู้นั้นเอามาจากตัวละครในเกมจริง ๆเลยค่ะ
หนังนำเสนอความแตกต่างระหว่างคนสองยุคระหว่างครูเบญและโอม ซึ่งครูเบญก็เหมือนตัวแทนของผู้ใหญ่ที่เติบโตในสภาพสังคมแบบเก่า ยึดติดว่าการเรียนสูง ๆ เรียนให้เก่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีความสำเร็จในอนาคต มีความเจ้ากี้เจ้าการกำหนดชีวิตลูกให้เป็นอย่างที่ตัวเองเป็นโดยที่ไม่เคยถามเลยว่าลูกของเธอต้องการอะไร เธอมอง “เด็กเล่นเกม = เด็กติดเกม” ทั้งที่ไม่เคยลงไปสัมผัสด้วยตัวเองให้รู้ว่าเกมดีไม่ดียังไงน่าเสียดายที่หนังน่าจะเพิ่มปมของตัวละครนี้ว่าเคยเจออะไรมาบ้างถึงให้ให้เธอเป็นแบบนี้

 

 

ฝั่งของโอมถือเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตในยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟู มีนวัตกรรมและอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนนั้นก็คือ e-Sport เอาเกมแข่งเป็นกีฬา มีการฝึกซ้อม วางแผน เล่นเป็นทีม กลายเป็น Entertainment รูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ยิ่งนักกีฬาที่มีชื่อเสียงนั้นทำรายได้เป็นหลักแสนหลักล้านต่อเดือนก็มี

ตัวโอมถือเป็นเด็กที่โชคดีรู้ตัวว่าชอบอะไร โดยเฉพาะเรื่องพรสวรรค์ด้านการเล่นเกม แต่เขาเองก็พยายามแบกความหวังของแม่ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดทั้งเรื่องของการเรียนและการเล่นเกม แต่สุดท้ายกลับเป็น ผู้ใหญ่เองที่ไม่เคยถามความต้องการของลูกเลย ว่าจริงๆแล้วลูกเธอชอบไม่ชอบอะไร จนทำเกิดการแตกหักกับแม่ขึ้นมา

ฝั่งของทีม “Ohmgaga” เรียกว่าเป็นตัวแทนของเด็กเล่นเกมที่โตมาจากสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้จริงๆ ถ้าเพิ่มแรงจูงใจของแต่ละคนในการเข้าร่วมทีมน่าจะทำให้ดูสนุกกว่านี้ เพราะการรวมตัวเหมือนง่ายเกินไป อยากรวมก็รวมเหมือนเพื่อนชวนเล่นเกมก็มา

ในส่วนของไคลแมกซ์นั้นถ้าหากมีการสร้างปมของตัวละครแต่ละตัวให้ลึกขึ้นน่าจะทำให้ลุ้นได้มากกว่านี้
โดยรวมแล้ว Mother Gamer แม้จะยังไม่ได้เป็นหนังที่สมบูรณ์ไปทุกด้าน แต่มาตรฐานที่ทำออกมาบอกได้เลยว่าหนังไทยไม่แพ้ใคร ยิ่งถ้าเล่น ROV อยู่แล้วยิ่งทำให้ดูหนังสนุกขึ้นอีก หรือพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากรู้ว่าเด็กเล่นเกมสมัยนี้เป็นยังไงก็สามารถติดตามชมได้ในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ 10 กันยายนเป็นต้นไป เกม เม อ ร์ เกมแม่ เต็ม เรื่อง พากย์ไทย imovie

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

สปอยหนัง แต่หนังเรื่องนี้กลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมทั้งโรงได้ตั้งแต่ฉากแรกๆ แม้ฉากนั้นอาจจะดูโอเวอร์ ไม่สมจริงไปบ้างแต่ยอมรับว่า รีวิวหนัง สตรีเหล็ก ตบโลกแตก เรียกเสียงหัวเราะจากคนเส้นลึกอย่างผม ได้ ตลอดทั้งเรื่องยังมีการปล่อยมุกฮาสอดแทรกให้ได้ขำตลอด โดยเฉพาะทีมนักแสดง ที่ต้องขอปรบมือให้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ แทค ศรันยู แจ๊ส ชวนชื่น ตุ๊กกี้ และคนอื่นๆ พวกเขาสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ตลอดเวลาด้วยการแสดงที่ตลกแนบเนียนแบบเป็นธรรมชาติมากๆ โดยเฉพาะ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แสดงได้ “สาว” สมบทบาทมากจริงๆ หนังไทยน้อยยุค

 

เนื้อหาของภาพยนต์ สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ตลกที่เน้นเอาฮาแบบไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่หากได้สอดแทรกข้อคิดเชิงสะท้อนสังคมในเรื่องเพศที่ 3 ไว้อีกด้วย หากถามผมว่า “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้ เมื่อเทียบกับ “สตรีเหล็ก” ใน เวอร์ชั่นก่อนๆ แล้วอันไหนดีกว่า ผมคงไม่อาจนำไปวิจารณ์เปรียบเทียบกันได้ เพราะแต่ละภาคหรือแต่ละครั้งที่สร้างนั้น ผู้สร้างผู้กำกับ ย่อมวิธีการนำเสนอและการเล่าเรื่องในแบบที่แตกต่างกันออกไป ดูหนังฟรี
ในส่วนของ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนักแสดง ขอชมว่าเลือกสีมาได้ ฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ในหลายฉาก มีการโชว์เสื้อผ้าหน้าผมแบบอลังการสุดๆ แม้แต่ชุดกีฬาที่นักวอลเลย์บอลในเรื่องสวมใส่ แต่ละชุดก็สวยสดใสทั้งนั้น ยังไม่นับฉากที่มี

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

การถ่ายทำตามสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดลำปาง ซึ่งงดงามมีเสน่ห์ ดูเพลินไปเลยสำหรับคนที่รักธรรมชาติและวิวสวยๆ
สตรีเหล็กในภาคนี้เป็นคล้ายๆการรีบูท เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องนั้นจะอยู่ในปี พศ 2530 ครับ เป็นเรื่องราวชีวิตของกลุ่มคนที่เป็นเกย์ตุ้ดกะเทยที่รักในการเล่นกีฬาวอลเล่บอลและได้ลงแข่งขัน ซึ่งก็เหมือนกับภาคก่อนแหละครับ ดูหนังออนไลน์

 

ข้อดีของหนัง สตรีเหล็ก

ข้อดีของหนังเรื่องนี้ เน้นไปที่ความฮาครับ ซึ่งระดับความฮาขอยกให้ไปเลย แต่ละมุขนี่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั้งโรงเลย โดยเฉพาะตัวผม แต่ในสตรีเหล็กภาคนี้นั้นจะออกแนวตลกสุภาพหน่อยครับ พวกคำหยาบๆมากๆ ไม่ค่อยมีเหมือนในเรื่องหอแต๋วแตก

ส่วนเรื่องนักแสดงก็จะเป็นแก๊งซ์เดิมๆที่เราเห็นในหนังของพี่พจน์ครับ กลุ่มของสตรีเหล็กก็มาจากนักแสดง ม6/5 ดูหนัง ซึ่งขอบอกว่าน้องๆสามารถทำได้ดีมากในเรื่องของการแอ๊บเป็นตุ้ดเป็นแต๋ว สามารถทำให้เชื่อว่าน้องเค้าเป็นกันจริงๆ มีมุมเล็กน่ารักๆ ให้ฟิน ดูแล้วฟินไปและฮาไปด้วย และมีทีมรุ่นพี่ที่เป็นเหล่าเพศที่สามอีกมากมายที่มาร่วมกันสร้างสีสันครับ และเนื่องจากหนังเรื่องนี้นย้อนไปในสมัยอดีตซึ่งผมก็ยังไม่เกิด ทีมงานก็เก็บรายละเอียดได้ดีครับ เช่น พวกโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะเพลงนี่ ผมชอบมากเลยครับ ทำให้หนังดูมีกิมมิคในตัวเองมากยิ่งขึ้น

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

ตอนหลังก็มีเหล่านายแบบมาแข่งฟุตบอลในแมทสุดท้าย ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น แทนไท แอ๊บแตกด้วย ผมนี่ฮาเลย ฮ่าๆ อ่อๆๆ เรื่องนี้มีฉากวันปีใหม่ด้วยครับ เหมือนจงใจจะ Happy New Year ผู้ชมไปในตัว และก็มีฉากที่แทคกับแจ๊คชวนชื่น เป็นของกันและกันด้วย ฮ่าๆ สตรีเหล็ก 2
สุดท้าย ถ้าใครอยากจะไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อคลายเครียดเอาฮาก็ไปดูเถอะครับรับรองไม่ผิดหวัง ส่วนใครที่ซีเรียสมากก็ไม่ต้องดูมัน รอดูในเว็บแทน ฮ่าๆ สำหรับเรื่องนี้ ผมให้คะแนน 6.5/10 ครับ เพราะคิดว่าหนังมันยังไม่สุด เอาไปแค่นี้ก่อนละกัน

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

เมื่อครูบี๋ (สิริธนา หงส์โสภณ) โค้ชคนใหม่ก้าวเข้ามา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็เกิดขึ้นกับทีมวอลเล่ย์บอลชายประจำจังหวัดลำปาง ซึ่งยังไม่เคยรู้รสชาติของชัยชนะมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว โค้ชคนใหม่พยายามทุกวิถีทาง ที่จะสร้างทีมให้แข็งแกร่ง มล (สหภาพ วีระฆามินทร์) และ จุง (ชัยชาญ นิ่มพูลสวัสดิ์) นักตบลูกยางฝีมือก๋ากั่น เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่กลับสร้างความอึดอัดให้กับคนอื่นๆ จนพากันลาออกไป เพราะทั้งคู่เป็นกะเทย คงเหลือแต่
ชัย (เจษฎาภรณ์ ผลดี) มือเซ็ตตัวฉกาจ ที่พยายามทำใจ แต่ผู้เล่นแค่ 3 คน ไม่สามารถเป็นทีมได้ วิทย์ (เอกชัย บูรณผานิต), โหน่ง (โจโจ้ ไมอ๊อกชิ) และเปีย (กกกร เบญจาธิกูล) เพื่อนร่วมทีมของมลและจุงสมัยเรียน จึงต้องเข้ามาช่วยเสริมกำลัง

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

ภายใต้ชื่อทีมสตรีเหล็ก เหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่ปากน้ำโพเกมส์ คือเป้าหมายของทีม วิบากกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดเส้นทางของการเป็นแชมป์ เหมือนจะทดสอบความแข็งแกร่งของกำลังกาย
และกำลังใจของทีมสตรีเหล็ก ทีมที่มีเป้าหมายเหมือนกัน โดยคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว กิตติผู้มีอำนาจในแวดวงกีฬา เมืองแมน อดีตสมาชิกทีมลำปาง ที่กลายมาเป็นหัวหน้าทีมคู่แข่งตัวเก็ง ต่างเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของด่านทดสอบที่จะพิสูจน์ใจ จนกว่าจะถึงวันแห่งการเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย โดยมีเหรียญทองเป็นเดิมพัน สตรีเหล็ก 4

 

หนังที่มาพร้อมกับความฮา สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก เมื่อแรกที่ผมได้ยินว่าภาพยนตร์เรื่อง “สตรีเหล็ก” จะกลับมาสร้างใหม่นั้น ผมคิดว่าไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยเพราะเป็นภาพยนตร์ที่เคยสร้างเคยฉายมาแล้ว รวมทั้งมั่นใจว่าของเก่าทำไว้ได้ดีมากๆ ด้วย ยิ่งพอเห็นชื่อผู้กำกับในเวอร์ชั่น “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้คือ “คุณพจน์ อานนท์” ด้วยแล้ว ผมอดคิดไปไม่ได้ว่า คงออกมาแนวฮาๆ คาดหวังสาระอะไรมากมายไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ผมเป็นคนที่สนับสนุนภาพยนตร์ไทย จึงตัดสินใจตีตั๋วไปดู “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายคือ วันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2557 โดยไม่คิดหรือคาดหวังอะไรมากมายนัก

แต่หนังเรื่องนี้กลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมทั้งโรงได้ตั้งแต่ฉากแรกๆ แม้ฉากนั้นอาจจะดูโอเวอร์ ไม่สมจริงไปบ้างแต่ยอมรับว่า เรียกเสียงหัวเราะจากคนเส้นลึกอย่างผม ได้ ตลอดทั้งเรื่องยังมีการปล่อยมุกฮาสอดแทรกให้ได้ขำตลอด โดยเฉพาะทีมนักแสดง ที่ต้องขอปรบมือให้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ แทค ศรันยู แจ๊ส ชวนชื่น ตุ๊กกี้ และคนอื่นๆ พวกเขาสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ตลอดเวลาด้วยการแสดงที่ตลกแนบเนียนแบบเป็นธรรมชาติมากๆ โดยเฉพาะ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แสดงได้ “สาว” สมบทบาทมากจริงๆ

 

 

ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ตลกที่เน้นเอาฮาแบบไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่หากได้สอดแทรกข้อคิดเชิงสะท้อนสังคมในเรื่องเพศที่ 3 ไว้อีกด้วย หากถามผมว่า “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้ เมื่อเทียบกับ “สตรีเหล็ก” ใน เวอร์ชั่นก่อนๆ แล้วอันไหนดีกว่า ผมคงไม่อาจนำไปวิจารณ์เปรียบเทียบกันได้ เพราะแต่ละภาคหรือแต่ละครั้งที่สร้างนั้น ผู้สร้างผู้กำกับ ย่อมวิธีการนำเสนอและการเล่าเรื่องในแบบที่แตกต่างกันออกไป
ในส่วนของ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนักแสดง ขอชมว่าเลือกสีมาได้ ฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ในหลายฉาก มีการโชว์เสื้อผ้าหน้าผมแบบอลังการสุดๆ แม้แต่ชุดกีฬาที่นักวอลเลย์บอลในเรื่องสวมใส่ แต่ละชุดก็สวยสดใสทั้งนั้น ยังไม่นับฉากที่มีการถ่ายทำตามสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดลำปาง ซึ่งงดงามมีเสน่ห์ ดูเพลินไปเลยสำหรับคนที่รักธรรมชาติและวิวสวยๆ สตรีเหล็ก ตัวจริง

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

ผมขอเริ่มจากข้อดีของหนังเรื่องนี้ไปก่อนนะครับและจะต่อด้วยข้อด้อย เริ่มจากสตรีเหล็กเวอร์ชั่นใหม่นี้จะเน้นไปที่ความฮาครับ ซึ่งระดับความฮาขอยกให้ไปเลย แต่ละมุขนี่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั้งโรงเลย โดยเฉพาะตัวผม แต่ในสตรีเหล็กภาคนี้นั้นจะออกแนว ตลกสุภาพหน่อยครับ พวกคำหยาบๆมากๆ ไม่ค่อยมีเหมือนในเรื่องหอแต๋วแตก ส่วนเรื่องนักแสดงก็จะเป็นแก๊งซ์เดิมๆที่เราเห็นในหนังของพี่พจน์ครับ กลุ่มของสตรีเหล็กก็มาจากนักแสดง
ม6/5 ซึ่งขอบอกว่าน้องๆสามารถทำได้ดีมากในเรื่องของการแอ๊บเป็นตุ้ดเป็นแต๋ว สามารถทำให้เชื่อว่าน้องเค้าเป็นกันจริงๆ มีมุมเล็กน่ารักๆ ให้ฟิน ดูแล้วฟินไปและฮาไปด้วย คนที่ฮามากที่สุดในเรื่องคงจะยกให้กับ คุณต๊อบ ชัยวัฒน์ครับ ผมแอบนึกว่าเป็นเดอะ ฮอล์ค ยักษ์ตัวเขียวอยู่ตลอดเวลา ฮามากกกกกกกกกกกกกกก และมีทีมรุ่นพี่ที่เป็นเหล่าเพศที่สามอีกมากมายที่มาร่วมกันสร้างสีสันครับ สตรีเหล็ก 1

 

 

และเนื่องจากหนังเรื่องนี้นย้อนไปในสมัยอดีตซึ่งผมก็ยังไม่เกิด ทีมงานก็เก็บรายละเอียดได้ดีครับ เช่น พวกโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะเพลงนี่ ผมชอบมากเลยครับ ทำให้หนังดูมีกิมมิคในตัวเองมากยิ่งขึ้น ตอนหลังก็มีเหล่านายแบบมาแข่งฟุตบอลในแมทสุดท้าย ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น แทนไท แอ๊บแตกด้วย ผมนี่ฮาเลย ฮ่าๆ อ่อๆๆ เรื่องนี้มีฉากวันปีใหม่ด้วยครับ เหมือนจงใจจะ Happy New Year ผู้ชมไปในตัว และก็มีฉากที่แทคกับแจ๊คชวนชื่น เป็นของกันและกันด้วย ฮ่าๆ โอเคข้อดีขอจบแค่นี้ก่อน ต่อไปมาดูข้อด้อยกันบ้างนะครับ

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

 

 

ประเภท: ตลก / สยองขวัญ
ผู้กำกับ: วัชรพงษ์ ปัทมะ, เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์
นำแสดงโดย: เมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน, มาชิดา สุทธิกุลพานิช, ภูวรักษ์ คำสิงห์
ความยาว: 97 นาที
กำหนดฉายในไทย: 31 มีนาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

 

เนื้อเรื่องย่อ แดงพระโขนง

รีวิวหนัง แดง พระโขนง เรื่องย่อ: เรื่องเล่าจากทุ่งพระโขนงที่ยังไม่เคยถูกพูดถึงกับลูกชายของนางนากอย่าง ไอ้แดง ความหลอน ความน่ากลัว และเสียงหัวเราะ กำลังจะนำมาซึ่งความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน มิตรภาพแห่งวัยเยาว์ที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้น
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจหลายประการสำหรับการรับชม ‘แดง พระโขนง’ ผลงานหนังยาวเรื่องแรกของ แจ็ค แฟนฉัน หรือ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ที่จับมือกำกับร่วมกับเพื่อนอย่าง เอ็กซ์ วัชรพงษ์ ปัทมะ เรื่องนี้ ซึ่งทราบว่าเป็นพล็อตที่คุยกันมานานและฟูมฟักมาพอสมควรจนได้รับโอกาสจากทาง M Pictures และ บั้งไฟ ฟิล์ม ของ หม่ำ จ๊กม๊ก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ที่ทั้งช่วยปั้นและช่วยร่วมแสดงในเรื่องนี้ สปอยหนัง

หนังไทยnetflix ประการแรก จากตัวอย่างหนังเราอาจเข้าใจว่ามันเป็นหนังแบบเดียวกับ ‘พี่มากพระโขนง’ ที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นสยองขวัญผสมตลกผ่านสายตาของกลุ่มเด็กในพระโขนง ซึ่งก็ทำให้ดูแปลกใหม่และแตกต่างจากหนังก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่ทว่าเอาจริงหนังเรื่องนี้ยกระดับไปเป็นอีกมโนทัศน์หนึ่งเลย มันเป็นหนังที่เหมือนภาคต่อหลังจากพี่มากซึ่งชาวบ้านมีทัศนคติต่อผีที่ดีที่ไม่เป็นภัยได้แล้ว และชาวบ้านก็อยู่ร่วมกันกับไอ้แดงเหมือนเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ที่ชาวบ้านพระโขนงเอ็นดูช่วยกันเลี้ยงดูอยู่ห่าง ๆ มันเป็นแนวคิดที่ดูมีวุฒิภาวะมากอันนี้ขอชื่นชมเลย ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

 

แต่หนังก็ยังเป็นหนังมันต้องมีความขัดแย้งให้เรื่องเดินได้ ดังนั้นบทจึงให้ชาวบ้านในเรื่องเลือกไม่บอกพวกลูกหลานเรื่องไอ้แดงเป็นผี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สนิทกันไม่ตะขิดตะขวงใจ ทำให้เกิดสถานการณ์เด็กหัวโจกเริ่มสงสัยไอ้แดงและพยายามพิสูจน์ว่าเป็นผีด้วยวิธีต่าง ๆ ที่พอได้เห็นในตัวอย่างหนังบ้างแล้ว

ประการต่อมา เราเห็นน้องเมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน ที่มารับบท ไอ้แดง และน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่ามีความคล้าย แน็ก ชาลี ไตรรัตน์ สมัยเล่นหนัง ‘แฟนฉัน’ ไม่น้อย ซึ่งก็ทราบว่าเป็นความตั้งใจของแจ็คจริง ๆ อันนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าแจ็คก็อยากลองเลียนสูตรสำเร็จบางประการคือถึงพรสวรรค์ไม่สูง แต่พรแสวงและประสบการณ์ที่คลุกคลีทีมงานหนังที่ประสบความสำเร็จมานาน ก็ก่อร่างสร้างแจ็คที่มีแนวทางการทำหนังของตนเองได้

 

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

หนังมีความเป็น ‘แฟนฉัน’ ในบางแง่มุม มันพูดเรื่องมิตรภาพที่บริสุทธิ์มาก ๆ และก็แบบเด็ก ๆ อะไรที่ผิดแผกจากความปกติเล็กน้อยก็อาจขยายกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนแบบสมัยเด็กเพื่อนเหยียบขี้หมาก็แบบจะไล่ให้ออกจากกลุ่มไปหรืออาจล้อกันข้ามเดือน แต่นี่เพื่อนเป็นผีมันก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในแง่มุมที่ดีคือเด็กเขาคืนดีกันง่ายและคิดไม่เยอะเท่าผู้ใหญ่ ทำให้อารมณ์ของหนังไม่หนักเกินไป ดูได้ทั้งครอบครัว

แต่ก็มีจุดติงบ้างว่าหนังยังมีแนวคิดแบบไทยจ๋า (ซึ่งเข้าใจได้เพราะกลุ่มเป้าหมายคือคนไทยวงกว้าง) ที่ยังเล่นตลกกับเรื่องรูปร่างหน้าตา ผิวดำ ตัวอ้วน ตาเข ยิ่งเราเพิ่งมีเรื่องภรรยาของ วิล สมิธ ในงานออสการ์มาด้วยมันก็เป็นอารมณ์แปลก ๆ ดีที่สังคมบ้านเราก็ยังชอบดูหนังที่ใช้จริตแบบนี้กันอยู่ได้ตลอด อันนี้ไม่โทษคนทำหนังด้วยเพราะยอมรับว่าคนไทยก็ยังตลกกับอะไรแบบนี้จริง ๆ แต่ก็แค่ตะหงิดไม่ถึงกับทำให้หนังดูแย่หรอกครับ แค่อยากฝากไว้ในอนาคต

 

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

 

และหนังเรื่องนี้จึงน่าประหลาดใจที่ว่ามันมีตลกเบอร์ใหญ่มาร่วมแสดงหลายคนมาก จนเราก็เสียวว่าความอ่อนบารมีของแจ็คและเอ็กซ์จะทำให้คุมหนังไม่อยู่หรือไม่ คือถ้ามันจะเป็นหนังจั่วมุกรัว ๆ แบบ ‘โกยเถอะโยม’ ก็ไม่ผิดอะไร แต่มันก็มีให้เห็นหลายเรื่องที่มีเส้นเรื่องดราม่าแต่พอเอาตลกมาเล่นมาก ๆ ก็มักจะแป้กหรือก็ตลกกันหลงเส้นเรื่องไปเลย แต่เรื่องนี้ผู้กำกับถือว่าประคองอยู่ หนังให้อารมณ์ฟีลกู้ดแบบรสกลาง ๆ ไม่ฟินจัดแบบพวกหนัง GDH แต่ก็ไม่เบาจนไม่รู้สึก และแค่รักษาโทนนี้ได้โดยมีสารพัดตลกรุ่นใหญ่มาพร้อมปล่อยของ เท่านี้ก็รู้สึกว่าผู้กำกับทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว

 

งานภาพของหนัง แดงพระโขนง

หนังยังมีงานภาพ ทำสีคุมโทนหนังที่ดูดี และมีฉากโชว์ซีจีบางฉากที่ดูว้าวด้วย อย่างฉากบ้านที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป รวมถึงพวกการแต่งหน้าผีหลายฉากก็รู้สึกทำได้ดีให้อารมณ์หนังไทยสมัยก่อนที่แต่งหน้าผีกันโหดมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีซีจีหลายฉากที่มันยังดูลอย ๆ อยู่บ้างเช่นพวกยืดแขนยืดขา แต่ก็ไม่ใช่จุดที่ร้ายแรงเพราะเหมือนคนทำหนังก็รู้จุดอ่อนดีและไม่ได้เอามาเป็นฉากโชว์ขนาดนั้น อย่างฉากมะนาวตกใต้ถุนที่มีในหนังตระกูลแม่นาคทุกเรื่องนี่ ถือว่าเรื่องนี้ก็เลี่ยงซีจีได้ฉลาดมากทีเดียว แดงพระโขนงรีวิว

 

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

 

และความประหลาดใจสุดท้าย คือ 10 นาทีสุดท้ายของหนัง เหมือนโจทย์ของคนทำหนังมีว่าประคองหนังให้คนดูอยากดูไปถึงช่วงท้ายหนังให้ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะ 10 นาทีสุดท้ายนี่คือที่สุดจริง ๆ คือจากก่อนหน้านี้ที่ว่ามาทั้งหมดเราจะไม่แปลกใจเลยถ้าตอนท้ายเรื่องจะมี ใหม่ ดาวิกา หรือ มาริโอ้ มาโผล่รับเชิญในหนังที่เป็นเหมือนจักรวาลเดียวกันเรื่องนี้ แต่หนังเรื่องนี้ขยี้ได้ร้ายกาจไปยิ่งกว่านั้นอีก และทำให้ ‘แดง พระโขนง’ เป็นหนังที่ยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้น ไม่แปลกใจเลยที่คนจะปรบมือให้กันทั้งโรงในบทสรุปของหนัง ชื่นชมครับ

 

รีวิวหนัง แดง พระโขนง

วงการหนังไทยยังคงคึกคักต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ เพราะสุดสัปดาห์นี้ก็จะถึงคิวของอีกหนึ่งหนังผีไทยจะลงโรงฉายเป็นโปรแกรมใหม่ ที่ถือว่าเป็นหนังผีที่มีแนวคิดและไอเดียที่ค่อนข้างน่าสนใจ กับการแตกหน่อตำนานเรื่องผีสุดอมตะของไทยออกเป็นอีกแขนง กับ “แดง พระโขนง” ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นการต่อยอดจักรวาลตำนานนี้ มาพร้อมกับทีมผู้สร้างหนังตลกหน้าเดิม ๆ ที่แน่นอนว่าจังหวะและมุกต่าง ๆ ก็สไตล์เดิม ๆ มีทั้งอารมณ์ขำขันและขยะแขยงปะปนกันไป

แดง พระโขนง เป็นเรื่องเล่าหลังจากที่ผีนางนากแห่งทุ่งพระโขนง โดนสมเด็จโตปราบและได้นำปั้นเหน่งของนางนากไปบำเพ็ญเพียรกับพระมาก ทุ่งพระโขนงจึงกลับมามีความสงบสุข 10 ปีต่อมามีผีเด็กอาละวาดทำร้ายคนในทุ่งพระโขนงอีกครั้ง ชาวบ้านหวาดผวาว่าเป็นฝีมือของ ไอ้แดง ลูกของนางนากที่สมเด็จโตไม่ได้นำร่างไปบำเพ็ญเพียรด้วย ทำให้ชาวบ้านทุ่งพระโขนงหวาดผวาและหาทางที่จะทำให้หมู่บ้านกลับมาสงบสุขให้ได้ แดงพระโขนง ใครเล่น

หนังที่โหมโรงโปรโมตว่าเป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของ “แจ็ค แฟนฉัน” กับเพื่อนซี้ของเขา “เอ็กซ์-วัชรพงษ์ ปัทมะ” ที่เกิดแนวคิดดังกล่าวขึ้นมา ก่อนจะนำไปปรึกษา “หม่ำ จ๊กม๊ก” ที่ร่วมแสดงและทำหน้าที่อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ให้กับ ภายใต้งานสร้างของบั้งไฟ ฟิล์ม ของเขา แต่ความเป็นจริงแล้ว แจ็คเพิ่งจะถูกแฉมาหมาด ๆ ว่า…เขาลงพื้นที่มากองถ่ายในฐานะผู้กำกับแค่เพียง 2 คิวเท่านั้นเอง (แต่ก็ได้เครดิตเป็นผู้กำกับอยู่นะ)

 

 

แดง พระโขนง ก็มาพร้อมกับสไตล์หนังไทยดาดดื่นที่ให้ความรู้สึกฝืนที่จะกลืนลงคอ แม้ว่าจะมีไอเดียที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย แต่การนำมาเล่าเรื่องและการกลั่นกรองออกมาเป็นบทหนังยังค่อนข้างล้มเหลว ไม่ต่างกับหนังตลกไร้สาระทีหาความบันเทิงใจเกือบจะไม่ได้เลย มุกตลกก็เต็มไปด้วยมุกโบราณที่ล้าสมัย ไม่ว่าจะเป็นมุกเหยียดผิว-เหยียดอัตลักษณ์บุคคล ที่ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ขำขัน แต่เป็นการคุกคามทางวาจาประเภทหนึ่งไปเสียแล้ว

หนังวางโครงเหมือนจะเป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน แต่เนื้อในของหนังที่มีภาพใส ๆ นี้นั้นยังเต็มไปด้วยมุกหยาบโลนในปริมาณหนึ่ง ที่ก็แอบรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยที่ผู้ปกครองจะพาลูกหลานมาดูหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะมุกคำหยาบทะลึ่งต่าง ๆ ที่สามารถเลี่ยงได้ แต่หนังกลับใส่เข้ามาอย่างตรงไปตรงมา คำหยาบกลายเป็นมีชื่อที่ฟังทีไรต้องสะดุ้ง หนังที่มีเด็ก ๆ เป็นนักแสดงนำ กลับพังครื้นลงไปต่อหน้าต่อตาเพราะผู้ใหญ่พยายามยัดมุกหยาบ ๆ ให้หนังสอดแทรกไปด้วยพิษเสียอย่างนั้น

 

สรุปหนัง แดงพระโขนง

รีวิวหนัง แดง พระโขนง เป็นหนังผีตลกแบบไทย ๆ ที่ซ้ำซากจำเจเป็นที่สุด ไม่ต่างกับหนังเมื่อ 10-15 ปีก่อน ช่วงเวลาที่นั่งดูหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด นอกจากจะเต็มไปด้วยมุกขำเอาใจคนเจนเอ็กซ์ไล่ขึ้นไปถึงเบบี้บูมเมอร์แล้ว การเล่าเรื่องของหนังยังค่อนข้างเลวร้าย พอ ๆ กับบทหนังที่มีแค่หยิบมือเดียว หนังเสียเวลาไปกับการเล่าเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ฉากแล้วฉากเล่า ที่สารภาพเลยว่าก้มดูนาฬิกาตลอด และพบว่าหนังเล่าวนอยู่ในอ่างแบบนั้นครบ 1 ชั่วโมงพอดี ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องในช่วง 30 นาทีสุดท้าย

การเล่าเรื่องที่พยายามยัดเยียดให้เห็นถึงมิตรภาพของแก๊งเด็กทุ่งพระโขนง ให้ความรู้สึกเหมือนย้ำคิดย้ำทำ ฉากละแวกนี้คล้ายกับนั่งดูละครก่อนข่าวที่ยืดไปมาและนำไปตัดเข้าโฆษณาได้ เนื้อเรื่องแทบจะไม่เดิน เด็ก ๆ ก็ต้องมาเล่นมุกตลกที่ผู้ใหญ่ยัดเยียดให้เล่นไปตามน้ำ เป็นอะไรที่พยายามจะทำให้ตลก แต่กลับไม่ตลก เพราะมุกที่พวกเด็ก ๆ เล่นออกมานั้น คือการเหยียดมนุษย์กันเองทั้งนั้น แดงพระโขนงซูม

ซาวน์ดนตรีก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่…ทำให้รำคาญใจ เปิดฉากมาเริ่มแรกก็รู้สึกเพลินดีอยู่ เพราะหนังใช้ซาวน์ประกอบเดียวกันกับ นางนาก หนังเวอร์ชั่นปี 2542 ที่ทำให้รู้สึกสะพรึงและขนลุกไปกับความทรงจำที่หวนคิดถึง แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อย ๆ แบบไม่ค่อยได้เคลื่อนที่เนื้อเรื่องไปไหน ซาวน์ที่ว่าน่าหลงใหลนี้กลับเป็นสิ่งที่รู้สึกหงุดหงิดที่เดี๋ยวตัดใส่ ๆ วนไปเรื่อยอยู่ตลอดทั้งเรื่องทีมนักแสดงของ แดง พระโขนง ก็ถือว่ามีความหลากหลายดี แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย เป็นนักแสดงตลกที่หยอดเข้าไปเป็นตัวโจ๊กคนละเล็กคนละน้อย บางตัวละครใส่มาให้เต็ม บางคาแรกเตอร์ก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่แคสติ้งนักแสดงเด็ก ๆ ก็ถือว่าพวกเขาทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะยังไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยกันพยุงหนังทั้งเรื่องให้ไปตลอดรอดฝั่ง ในแบบอารมณ์หวานอมขมกลืน

 

 

แต่กระนั้น แดง พระโขนง ที่กระท่อนกระแท่นกับการเล่าเรื่องราวและนำเสนอไปเกือบจะทั้งเรื่อง กลับสามารถพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างกะทันหัน เพียงแค่ในช่วงเวลา 10 นาทีสุดท้ายของเรื่อง กับอีสเตอร์เอ้กของหนังที่กลายเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ไปโดยปริยาย แค่ฉากเดียวสามารถพลิกสถานการณ์ให้กับ แดง พระโขนง ไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนต้องยอมสารภาพตรง ๆ เลยว่าเผลออุทานร้อง “ว้าวววว!” ออกมาโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว

กลายเป็นว่าหนังที่เกือบจะพังครื้นไปกองตรงหน้า มีหน่วยกู้ชีพมาช่วยพยุงชีวิตของหนัง แดง พระโขนง เอาไว้ในช่วงโค้งสุดท้ายของเรื่องนี้ แม้ว่าหนังจะค่อนข้างล้มเหลวแทบจะทุก ๆ องค์ประกอบเลยก็ตาม แต่เพราะพลานุภาพของอีสเตอร์เอ้กที่หนังได้นำมาใส่เอาไว้ในช่วงท้าย ได้ช่วยยกระดับให้กับหนังเรื่องนี้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ และเป็นสิ่งที่ต้องให้ทุก ๆ คนไปพิสูจน์เอง และบอกไว้เลย…จะเจอสปอยล์หลุดตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายแน่นอน! แดงพระโขนง netflix

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

 

สปอยหนัง มาแรงไม่หยุดแบบฉุดไม่อยู่กับ “บุพเพสันนิวาส 2” หนังฟอร์มยักษ์น้ำดีที่พลิกจากละครดังระดับตำนานที่สร้างกระแสออเจ้าฟีเวอร์ด้วยประวัติศาสตร์ของยุคกรุงศรีอยุธยา สู่การปรับโฉมเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเปิดตัวไปเพียงแค่วันเดียวก็กอบโกยรายได้ไปมากถึงกว่า 50 ล้านบาท หนังไทยมาใหม่

 

เรื่องย่อ บุพเพสันนิวาส 2

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว เรื่องราวของ “บุพเพสันนิวาส 2” เรียกได้ว่าปังปุริเยสืบไปในทุกภพชาติ เพราะเปลี่ยนบรรยากาศของความเป็นอยุธยากรุงเก่า สู่ setting ของยุครัตนโกสินทร์ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านตัวละครเอกคู่ขวัญอย่าง “ภพ” , “เกสร”, และ “เมธัส” ในยุคสมัยที่นายห้างหันแตรนำเรือเอ็กซ์เพรสเข้ามาขายในสยาม ดูหนังฟรี

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส 2” ยังคงสไตล์คล้ายกับละครกล่าวคือ การเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในรูปแบบที่ดูทันสมัย เข้าใจง่าย ยิ่งได้ปิ๊ง อดิสรณ์ ผู้กำกับมือทองระดับแนวหน้ามาควบคุมดูแลผลงาน ยิ่งมีความบันเทิงศิลป์ ตบมุขโบ๊ะบ๊ะกันอย่างไม่ดูยัดเยียด และให้กลิ่นอายของความเป็นไทยที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ บุพเพสันนิวาส 2 กำหนดฉาย

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

ถ้าจะให้รีวิว “บุพเพสันนิวาส 2” คงอดชมไม่ได้ว่าพล็อตเรื่อง ฉากต่างๆ ถูกรังสรรค์และจัดวางมาอย่างลงตัวเป็นพล็อตเรื่องที่คาดเดาไม่ค่อยได้ไม่ดูถูกคนดูและมีเสน่ห์ในแง่ที่เต็มไปด้วยมุขตลกแต่ก็เต็มไปด้วยสาระ เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์มากเช่นกัน ทั้งยังเป็น 3 นาทีที่ใส่ความเป็นไทยในรัตนโกสินทร์ลงไปได้ราวกับกิ่งทองใบหยก สำหรับใครที่มีความรู้ประวัติศาสตร์หรืออ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับยุคสมัยนั้นมาบ้าง จะยิ่งสนุกขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องปาลเลอกัวซ์ นายห้างหันแตร หมอบรัดเลย์ และสุนทรภู่

หนังใหม่เข้าโรงตัวเดินเรื่องอย่าง “ภพ”, “เกสร” , และ “เมธัส” ก็เดินเรื่องได้ดี แทบไม่มีที่ติ #โป๊ปเบลล่า คือนักแสดงที่เหมาะแก่การเป็นคู่พระนางของเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของ “พี่หมื่น-น้องการะเกด” และ “พี่ภพ-น้องเกสร” นอกจากนี้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้คุณจะได้เห็นพัฒนาการการแสดงอีกขั้นของไอซ์ พาริส อย่างแน่นอน

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

MVP ของเรื่อง ขอยกให้ “อาภู่ (สุนทรภู่)” เพราะออกมาไม่บ่อยมาก ทว่าทุกฉากที่ออกมามักสร้างความพีคไม่หยุด บางฉากเล่นมุขง่ายๆ ที่เราอาจเคยเห็นมาบ้าง แต่ด้วยตัวละคร จังหวะ กรู๊ฟ มันเข้ากันอย่างเพอร์เฟ็กต์จนกลั้นขำไว้ไม่ได้
ตัวละครที่เซอร์ไพรส์ที่สุด คือ “พี่ปี่” เพราะปกติผู้ชมมักจะเห็นปุ๊กกี้ในเวอร์ชันที่ตลก ขายขำ ออกมาฉากไหนก็ต้องร้องออกมาว่า “ฮ่าๆ” ดังๆ สักหนึ่งแมตช์ แต่ในเรื่องนี้จะได้เห็นมุมเศร้าของพี่ปี่ที่เล่นได้ถึงพริกถึงขิงสัมผัสได้ว่ามันเรียลมากจริงๆ

ตัวละครที่แคสต์ได้ดีที่สุด คือ “ปาลเลอกัวซ์” เพราะแทบจะถอดร่างจากรูปภาพปาลเลอกัวซ์ในประวัติศาสตร์มาเลย ราวกับนั่งไทม์แมชชีนโดเรมอนมาแสดงให้เราดู คาแร็กเตอร์ก็เล่นได้อย่างน่าเชื่อถือดูเป็นคนมีความรู้กูรูและมีความลึกลับซับซ้อนของความคิดในบางครั้ง

 

งานภาพ แสง สี ของหนัง บุพเพสันนิวาส 2

ในส่วนของงานภาพ แสง สี ของ “บุพเพสันนิวาส 2” GDH ทำได้ตามมาตรฐานของตนเอง เพราะงานภาพคม ละเอียด และค่อนข้างสมจริงเป็นอย่างมากจะมองไปทางไหนก็สวยไปเสียทุกฉากไม่ว่าจะเป็นฉากเอฟเฟ็กต์ ฉากบู๊ ฉากรักโรแมนติก และอื่น ๆ อีกมากมายที่รอให้คุณมาชมด้วยตาตนเอง บอกตามตรงว่า CG เรื่องนี้ต้องใช้คำว่า “เริ่ดไม่ไหว”
ในด้านของงานเสียง “บุพเพสันนิวาส 2” ซาวด์เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ใส่เข้ามาในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว งานเสียงที่ปังที่สุดคือเพลงประกอบภาพยนตร์ “ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง” ที่ได้นักร้องสาวพราวเสน่ห์อย่าง อิ๊งค์ วรันธร มาขับร้อง ความลงตัวของเพลง คือ การไม่ยัดเยียดความเป็นไทยมากจนดูขัดหู แต่เป็นการร้องสบายๆ ในสไตล์อิ๊งที่ฟังแล้วดูมีความไทยประยุกต์และชวนเคลิบเคลิ้ม เชื่อว่าหลายคนที่ดูภาพยนตร์จบไปจะต้องกลับไปเปิดเพลง “ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง” คลอไปตลอดวันตลอดคืน บุพเพสันนิวาส 2 ถอนตัว

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

สิ่งที่ชอบอีกหนึ่งอย่างของ “บุพเพสันนิวาส 2” คือ คำบรรยายภาพ เพราะเป็นภาษาอังกฤษที่สวยเข้ากับยุคสมัย มีการใช้คำภาษาอังกฤษโบราณมาประยุกต์กับการแปล เช่น คำว่า “thou” ที่เป็นสรรพนามภาษาอังกฤษในยุคสมัยก่อน
โดยรวมแล้ว ขอให้คะแนนรีวิว “บุพเพสันนิวาส 2” ที่ 9.8/10 ไม่รู้จะติอะไร แต่ขอหักคะแนนที่เอาพี่ปี่ออกมาน้อยไปหน่อย เพราะค่อนข้างคาดหวังกับตัวละครนี้มาก ส่วนภาพ แสง สี เสียง มันไม่รู้จะติอะไร ไปนั่งดูในโรงฯ ก็อุทานในใจตลอดว่า “ว้าวววววว” ขอรับรองว่าการซื้อตัวหนังเข้าชม “บุพเพสันนิวาส 2” คือ คุ้มค่ามาก ก.ไก่ล้านตัวอย่างแน่นอน

 

ผลงานล่าสุดของ GDH บุพเพสันนิวาส 2

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว ถ้ายังจำกันได้ ในงานเปิดไลน์อัปผลงานของ GDH ที่ชื่อว่า ‘GDH Xtraordinary 2021 Line Up‘ ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว มีไตเติลอันหนึ่งที่เปิดตัวครั้งแรกในงานนั้นด้วย นั่นก็คือ ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ ที่ถือว่าฮือฮามาก เพราะว่าเป็นผลงานร่วมทุนครั้งแรกของ GDH และ ‘บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น’ หยิบเอาผลงานละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ (2561) ที่เคยสร้างกระแส ‘พีหมื่น-การะเกด’ ที่เคยกวาดเรตติงละครสูงทะลุถึง 18.6 ส่วนวันพุธ-พฤหัสบดีที่ออกอากาศเพลาใด เทรนด์ทวิตเตอร์ก็ติดอันดับมิได้ขาดสาย มาสร้างในรูปแบบภาพยนตร์นะออเจ้า

และถ้านึกย้อนไปเมื่อตอนละครฉายนอกจากกระแสความสนุกประทับใจ ฟินเวอร์ของละครแบบถล่มทลายแล้วไอเทมสิ่งละอันพันละน้อยในละครยังกลายมาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวไทยเพลานั้นแต่งตาม กินตามใช้ตามเที่ยวตามกันเป็นว่าเล่น ตั้งแต่กระแสการแต่งชุดไทย กุ้งเผา หมูกระทะ มะม่วงน้ำปลาหวาน พี่หมื่นแรปด่าการะเกด (เจ้าเป็นคนกำเริบ ฯ) โล้สำเภา พ่อม้ำน้ำ มนต์กฤษณะกาลี มีมพี่กิ๊ก สุวัจนี ฯลฯ แถมยังพาให้หนังสือนิยายต้นฉบับที่ประพันธ์โดย ‘รอมแพง’ (จันทร์ยวีร์ สมปรีดา) ขายดีจนพิมพ์ซ้ำนับไม่ถ้วน บุพเพสันนิวาส 2 ซูม

 

 

มาถึงปีนี้ ตัวหนัง ‘บุพเพฯ ๒’ ตัวหนังได้ ‘พี่ปิ๊ง’ (อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม) ผู้กำกับแห่ง ‘จอกว้างฟิล์ม’ เจ้าของผลงาน ‘รถไฟฟ้า มาหานะเธอ’ (2552) และละคร ‘น้ำตากามเทพ’ (2558) มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ แถมยังเปิ๊ดสะก๊าดด้วยการเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่เปิดขายโทเคนดิจิทัลเพื่อระดมทุนสร้างผ่าน ‘Destiny Token’ ที่ขายหมดเกลี้ยงไปแล้วเรียบร้อยได้มูลค่าระดมทุนรวม 265 ล้านบาท ส่วนรายชื่อผู้ระดมทุนก็จะได้รับการขึ้นเครดิตท้ายในฐานะ Executive Producer

 

หนัง GDH ที่ยังเหลือพื้นที่ให้ใส่ความเป็นแฟนตาซีจ๋าๆ รื้อสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ให้กับบุคคลในประวัติศาสตร์ (แบบไม่ต้องแคร์ว่าจะดูเป็นการลบหลู่หรือไม่) และยังเหลือพื้นที่ให้เล่าเรื่องแบบกาว ๆ หรือโบ๊ะบ๊ะแค่ไหนก็ได้ แต่ยังคงอยู่ในกรอบของความเป็นบุพเพฯ อยู่นั่นเองซึ่งถือว่าเป็นการหารครึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าโอเค เพราะถ้าขืนยัดความเป็นบทละครช่อง 3 หรือเอาวิธีการแบบจีดีเอชมาเล่าล้วน ๆ เลย มันอาจจะไม่เวิร์ก ออกมาไม่สนุกเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

ประกอบด้วยทุนสร้างที่ถือว่าค่อนข้างสูงตัวหนังก็เลยเล่นใหญ่ใส่เต็มทั้งโปรดักชันที่ทุ่มทุนสร้างงานเซตติง ฉาก พรอป ที่ถือว่าละเอียดใช้ได้ แม้งานซีจีอาจจะมีลอยนิด ๆ รวมทั้งตัวหนังเองก็ยังวางเรื่องราวใหญ่โต ที่เล่าตั้งแต่การบ้าน (คนรักกัน) ไปถึงเรื่องของการเมืองในประวัติศาสตร์ทำให้ตัวหนังยาวมากถึง 166 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 46 นาทีแน่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ต้องชมทีมเขียนบทนะครับว่าสามารถรักษาความเป็นแก่นของบุพเพฯ สำหรับแฟนๆ เอาไว้ได้ดีเลยแหละ คนเป็นแฟนๆ น่าจะชอบบุพเพฯ ภาคขยายนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

ในขณะที่ก็ยังสามารถหยอดมุกฮา โรแมนติกและรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์ในแบบฉบับของ GDH เอาไว้ได้อย่างมันมือเต็มเหนี่ยวและลงตัวมากเสียจนคนที่ไม่เคยดูละครมาก่อนก็สามารถดูไปด้วยได้แบบเพลินๆ และดูรู้เรื่อง พาร์ตฮาก็ได้ฮา พาร์ตโรแมนติกก็ได้ฟิน โดยเฉพาะคู่โป๊ป-เบลล่านี่ไม่ผิดหวังครับ เข้าคู่กันทีไรก็ได้ฟิน น่ารักน่าหยิกทุกฉากไปโป๊ปก็เล่นทั้งหล่อทั้งตลกได้พอดีๆ ส่วนเบลล่าก็มีเสน่ห์มาก สวยขึ้นกล้องสุดๆ อีกคนที่มีผลต่อเรื่องก็คือ ‘เมธัส’ (พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ซึ่งจริงๆ อีตานี่แหละคือตัวเดินเรื่องที่แท้จริง

 

 

แต่มันก็มีข้อสังเกตอีกนั่นแหละว่าพอเกิดอาการมันมือแล้วมันก็มีจุดที่เกิดอาการมันมือเกินไปอยู่เหมือนกันอาการแรกก็คือบางจังหวะของบางมุกที่แอบทำงานไม่เต็มสูบ บางจังหวะมุกที่ควรจะคมๆ หรือตั้งใจวางไว้ให้ฮากลับไม่คมแฮะ แต่มุกเล็กมุกน้อย มุกคำพูด หรือมุกจาก ‘พี่ปี่’ นี่คือฮาแตกมากๆ พี่ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) นี่คือฮาธรรมชาติจริงๆ อีกอย่างที่เกิดขึ้นคือการเล่าเรื่องในบางจังหวะก็เกิดอาการเตะถ่วงจนทำให้เรื่องหลวมและยืดยาวเกินความจำเป็น โดยเฉพาะไคลแมกซ์ที่แอบวางให้พลิกล็อกไปมาๆ จนยาวยืดตกท้องช้างไปบ้าง ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังมีความยาวมากเกินไปด้วย หากหนังเลือกหั่นฉากตัดซีนย้วยๆ ออกบ้างอาจทำให้ Pace สนุกกว่านี้ก็ได้

 

โดยรวมแล้ว ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ เป็นภาคขยายพหุจักรวาลของละครบุพเพสันนิวาสในแบบฉบับของ GDH ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นรอมคอมพีเรียดอิงประวัติศาสตร์สไตล์ ‘ออเจ้า’ ได้อย่างสนุกสนาน เป็นหนังแฟนเซอร์วิสที่แฟนละครหลงรักแต่ก็ยังมีพื้นที่กว้างให้คนที่ไม่เคยดูละครได้ตามทันแบบสนุก ๆ แม้ว่าจะมีความขาดๆเกินๆ มุกทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง และตัวหนังเกือบ 3 ชั่วโมงที่หลายคนอาจรู้สึกว่ามันยาวเกินไปแต่ก็ถือว่าเป็นความบันเทิงที่เหมาะเอาไว้ดูแบบเพลินๆ ได้ฮา ได้ฟินแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะอย่างน้อยดูแล้วก็น่าจะไม่เบะปากคว่ำแบบพี่กิ๊ก สุวัจนี บุพเพสันนิวาส 2 ดูฟรี

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

 

 

สปอยหนัง จะมีสักกี่คน ที่จะได้รู้จักและเข้าใจกับสิ่งๆนึ้ แม้บางคนจะเดินไขว้ขว้า ค้นหามันมากเท่าไหร่ ความรักนั้นยิ่งกลับเดินห่างออกไปไกลจากเราที่กำลังเดินหาอยู่ แต่ถ้าว่าความรักมันอาจเกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา โดยในบางทีความรักอาจจะวนเวียนอยู่รอบตัวเราทั้งๆที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ด้วยความบังเอิญ ที่ทำให้คนสองคนนั้นได้พบกัน ได้รักกัน สิ่งๆนั้นผมเรียกมันว่า ความรัก… ดูหนังออนไลน์

เรื่องย่อ เขาเรียกผมว่าความรัก

“เค้าเรียกผมว่า ความรัก”หนังรักอารมดี จากผู้กำกับ “วศิน ปกป้อง”หนึ่งในสอง ของ ผู้กำกับ “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก”ที่เคยสร้างกระแสหนังรักวัยรุ่นในเมื่อ 2ปีที่ ผ่านมา โดยกวาดรายได้จากคอหนังรักไปกว่า 80ล้านโดยที่ผ่านมาคู่หูอย่าง “เสนาเพชร”ได้แยกตัวออกไปคิดบทและกำกับหนังรักอย่าง 30+ โสด On Sale ในช่วงปีที่ผ่านมา หนังไทยย้อนยุค
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
มาถึงปีนี้จะปล่อยให้เพื่อนฉายเดี่ยวนำหน้าแบบนี้อยู่คนเดียวได้อย่างไร พี่ “วศิน ปกป้อง”จึงพลักดันโปรเจคหนัง “เค้าเรียกผมว่า ความรัก”นี้ขึ้นมาโดยได้นักแสดงสุดฮอตอย่าง เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ มาประกบคู่นางเอกหน้าใหม่ อย่าง โบว์ -ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์ และนักแสดงสมทบอย่าง สตาร์บัค , แจ๊ส ขวนชื่น , และตลกซุปเปอร์สตาร์อย่าง คอม ชวนชื่น มาเพิ่มสีสัน ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เมื่อย้อนไปในวัยเรียนเชื่อว่าทุกคนจะต้องมี “ป๊อปปี้เลิฟ” บ้างล่ะ เช่น แอบปลื้มรุ่นพี่ แอบชอบเพื่อนในห้องเดียวกัน บางคนก็สมหวังในความรัก แต่มีบางคนที่เสียใจ พอโตขึ้นได้ทำงานได้เกิดความใกล้ชิด บางคนก็มีอาการแอบชอบพี่ หรือเพื่อนที่ทำงาน แอบรักข้างเดียวโดยที่เขาไม่รู้ตัว พยายามเอาใจทุกอย่าง แต่ไม่ยอมบอกความรู้สึกทีมีต่อเขาออกไป เป็นอาการของคนปากแข็ง กลัวถ้าบอกแล้วเราจะเสียใจ แต่ไม่ได้คิดว่าถ้าไม่บอกเราก็จะเสียใจเหมือนกัน

 

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

ถ้าคุณเป็นคนปากแข็งไม่กล้าบอกความรู้สึกตัวเอง ขอแนะนำหนังเรื่อง “เค้าเรียกผมว่าความรัก” ผลงานของ “วศิน ปกป้อง” ผู้กำกับที่มีผลงานสร้างชื่อมาแล้วกับหนังเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ที่ทำให้หลายคนประทับใจกันมาแล้ว ในเรื่องนี้ได้พระเอกหล่อ มาดเซอร์ “เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ” มารับบท “คิว” หนุ่มมาดกวน ที่ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เขากลายเป็นกามเทพ และนางเอกน้องใหม่สาวสวย โบ–ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์ รับบท “เก้อ” สาวข้างบ้านคิว หน้าตาสวย มีหนุ่มๆ มารุมล้อม หนังเรื่องนี้จะทำให้หัวใจของคุณพองโต แล้วอยากพูดว่า “รัก” ดังๆ

เล่าเรื่องตอนเด็ก เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก ตั้งแต่เด็กจนวัยรุ่น คิว (เป้ – อารักษ์) เป็นหนุ่มหล่อ เท่ห์ และป๊อปปูล่าที่สุดในโรงเรียน วันหนึ่งก็มีเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะข้างบ้านอย่าง เก้อ (โบ – ธัญญะสุภางค์) มาแอบสารภาพรัก เขาจึงล้อเธอและแกล้งเธออย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของเก้อเลยแม้แต่น้อย วินาทีนั้นทำให้เก้อเสียใจมากจนถึงกับประกาศก้องว่า ” ถ้าวันใดที่เธอสวย ขึ้นมาเธอจะไม่มีวันรับรักคิวเด็ดขาด” ซึ่งคิวก็เชื่อว่าจะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน จนเมื่อเก้อโตขึ้นเธอสวยราวกับนางฟ้า หนุ่มๆ ต่างรุมล้อมเธอผิดกลับคิวเมื่อโตขึ้นความฮอต ความป๊อปปูล่าที่เคยมีก็กลับหดหาย กลายเป็นแค่หนุ่มเซลล์แมนห่วยๆ คนหนึ่งในบริษัทฯ ของบิ๊ก
เพื่อนเก่าสมัยประถมที่เคยถูกคิวแกล้งจนต้องย้ายโรงเรียนหนี คิวยังมี โจ (สตาร์บัคส์) หนุ่มเพื่อนซี้ ปากแข็ง ที่แอบหลงรัก มิว (เฟย์ จิรประภา) สาวสวยสุดมั่น คู่กัดกับโจ ทั้งคู่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ติดอยู่ที่ปากแข็งกันทั้งคู่
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
จนวันหนึ่งที่คิวเผลอคลิกเว็บไซต์หนึ่งเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ เขาถูกชักชวนให้เข้าไปประชุมลับกับองค์กรกามเทพ โดยกฎเหล็กขององค์กรนี้มีอยู่ว่า “กามเทพมีหน้าที่ทำให้คนอื่นรักกันเท่านั้น และไม่มีสิทธิ์ที่จะรักกับใครได้เลย” คิวจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ เพื่อกลับมาเป็นคนปกติ เมื่อคิวเห็นบิ๊กสนิทกับเก้อมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหึงหวง อยากบอกว่า “รักเก้อ” เขา เรียกผม ว่าความ รัก hd
แต่กลับพูดไม่ได้ เพราะยังเป็นกามเทพ

ความรู้สึกส่วนตัว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก “เค้าเรียกผมว่า..ความรัก”เปนเรื่องราวของ คิว (เป้ อารักษ์) อดีตแบดบอยคนดังของโรงเรียน ผู้ไม่เคยเชื่อในความรัก เขาล้อเล่นกับความรักเป็นเรื่องฮาๆมาตลอด จนกระทั่งเขาหลงรัก เก้อ (โบ ธัญญะสุภางค์)สาวน้อยข้างบ้านเข้าอย่างจัง เธอกำลังจะทำให้เขารู้จักกับความรัก แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเธอคือคน ที่เขาเคยทำร้ายจิตใจและปฏิเสธความรักอย่างไร้เยื่อใยเมื่อ ครั้งยังเด็ก เธอจะเกลียดเขาไหม เขาจะต้องทำยังไงที่จะทำให้เธอรู้สึกดีและกลับมารักเขา…
เป็นหนังรักที่มีบทที่สามารถดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม ซึ่งนำเรื่องราวของกามเทพ มาตีความใหม่ในแบบของพี่ วศิน และสามารถทำให้คนดูเข้าถึง และเข้าใจความหมายของเหล่าบรรดา กามเทพ ในเรื่อง โดยผสมนำมุขตลกมากสอดแทรกกับความโรแมนติก ด้วยความหยาบคาย ได้อย่างลงตัว โดยได้ น้า คอม ชวนชื่น และแจ๊ส ชวนชื่น ตลกขาประจำของวงการหนังไทย มาสร้างสีสันทำหนังสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้ ไม่มากไม่น้อย ทำให้ตัวหนังมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
และตัวเอกอย่าง เป้ อารักษ์ และนางเอกใหม่อย่าง โบว์ – ธัญญะสุภางค์ ถึงแม้ตัวบทจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือพิเศษอะไรมาก แต่ทั้งคู่สามารถสื่อถึงบทและความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างดี ทำให้คนดูเชื่อ และอินกับความรักของตัวละครทั้งสองแต่น่าเสียดายที่หนังเน้นย้ำกับ คำว่าความรัก และ กามเทพ มากเกินไป ทำให้ตัวหนังเหลือความน่าสนใจแค่ไม่กี่ส่วน แต่ด้วยการที่ช่วงต้น ปูเรื่องมาดี มีมุขตลกคอยเสริม ทำให้หนังไม่น่าเกลียด จนไม่ให้อภัย ช่วงท้ายของเรื่อง ถึงแม้จะจับมาใส่รวมกันและรวดเร็วมากไปหน่อย ทำให้ไม่สามารถตราตรึงความรู้สึก เหมือนอย่าง”สิ่งเล็กๆที่เรียกรัก”และสามารถเดาทางสุดท้ายของตอนจบในเรื่องได้ แต่โดยรวมถือว่าสอบผ่าน ในเรื่องบท การแสดง และที่ชอบเป็นพิเศษคือ ซาวค์และเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่เลือกมาเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและเลือกใช้มันถูกจังหวะของอารมณ์
อาจจะไม่ใช้หนังรักที่กระแสแรง แต่เมื่อเราซื้อตั๋วเข้าไปชมแล้ว สามารถนั่งยิ้มได้ตลอดเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบและยังให้แง่คิดกับคนดูได้ว่า“เราไม่ควรมองข้ามความรักของใคร ถึงแม้ความรักนั้นเราอาจจะไม่ต้องการ แต่สักวันนึงมันอาจย้อนกลับมาในวันที่เราต้องการมันก้อได้…” เค้าเรียกผมว่าความรัก netflix

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

หนังเรื่องนี้สื่อถึง คนเราเมื่อมีโอกาสได้บอกคำว่า “รัก” เช่น รักพ่อ รักแม่ รักเพื่อน หรือคนที่เราแอบรัก ควรให้เขาเหล่านั้นรับรู้ อย่ามัวแต่ปากแข็งหรือเขินอาย ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เรานั่นแหละจะต้องเสียใจที่ไม่ได้พูดว่า “รัก”
หนังเรื่องนี้ ให้คะแนน 7 เต็ม 10 เพราะว่า ถ้าพูดถึงความเป็นจริง คงไม่มีองค์กรกามเทพแบบนี้อยู่ในโลก และความรักก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายอย่างนั้น คนเราจะรักกันจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่สำหรับเรื่องความตลก ขอบอกว่าจัดเต็มเพราะมีดาราตลกมากฝีมือย่าง น้าค่อม ชวนชื่น แจ๊ส ชวนชื่น มาสร้างสีสัน รวมถึงนักแสดงทุกคนก็รับส่งมุกตลกได้ดี ทำให้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมอยู่ตลอดเวลา
ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้โปรโมทน้อยหรือยังไง… หารูปในอินเตอร์เน็ตมาประกอบบทวิจารณ์ได้ยากมาก… สำหรับรูปนี้จะบอกว่า นักแสดงตลกในเรื่อง เป็นชุดเดียวกับสุดเขตเสลดเป็ด ที่ต้องบอกว่า ลงตัวมากๆ กับพระเอกเป้ อารักษ์ ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้หนังเรื่องเค้าเรียกผมว่าความรัก… “ฮา” เอามากๆ และเรียกว่าไต่ระดับความฮาจากฮาเล็กไปจนฮาใหญ่ เก็บทุกเม็ดทุกรายละเอียด ขำจนแทบลืมหายใจ… จนบางทีมากไป จนต้องตัดคะแนนการดำเนินเรื่องไปที่ 7 คะแนน
ฉากนี้เป็นฉากแต่งงานที่นายสตาร์บัคไปยืนมึนๆ ใส่คู่บ่าวสาว เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องไปดูกันเอง เรื่องนี้วิจารณ์ไม่ค่อยถนัด เพราะตัวอย่างหนังไม่บอกอะไรเลย แต่ในตัวหนังจริงๆ รายละเอียดเยอะและยาวมาก ถ้าวิจารณ์ไม่ดีเดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์… แต่รับรองด้วยคะแนนจากนาซีทีวีเลยว่า เรื่องนี้เด็ดจริงๆ  และตอนจบมีการหลอกคนดูด้วยว่าจะจบอีกแบบ แท้จริงแล้วจบอีกแบบ สรุปว่า “ฟิน” และ “อิ่มรัก” ไปตามๆ กัน…
อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีคู่รักหลายคู่ที่ออกมาให้เราเห็นมุมมองความรักแบบต่างๆ และมีอยู่คู่หนึ่งด้วยที่ไม่ใช่ความรักแบบธรรมดาทั่วไป  เป็นความรักที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ แต่หนังก็ทำออกมาไม่น่าเกลียด กลับดูลงตัวและมีชั้นเชิงในการนำเสนอ ในประเด็นที่ว่า บางคนมีโอกาสบอกรักกับคนที่รักแต่ไม่ทำ ในขณะที่บางคนจะตายวันไหนไม่รู้หรือไม่สามารถพูดคำว่ารักได้ด้วยซ้ำ… หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอก
เหนือจากเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ที่ถือเป็นหนังที่สามารถนำเสนอมุมมองความรักได้อย่างมีชั้นเชิง ต้องชมผู้กำกับ “วศิน ปกป้อง” จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเขาแล้ว ขอให้รักษาระดับนี้ต่อไป และสร้างสรรค์หนังไทยดีๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ นะครับ นาซีทีวีเป็นกำลังใจให้ สำหรับหนังเรื่องแรกที่กำกับแบบฉายเดี่ยวแถมยังเขียนบทเองด้วยนี้ “My name is Love เค้าเรียกผมว่าความรัก” รับคะแนน 8/10 คะแนนจากนาซีทีวีไปเลย เค้าเรียกผมว่าความรัก เต็มเรื่อง

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

 

 

สปอยหนัง ในยุคปัจจุบันที่มีวงดนตรีเกิดใหม่มากมาย คุณยังคิดถึงวงดนตรีคุณภาพอย่างบอดี้แสลม ,So Cool ,โมเดิร์นด็อก ,พาราด็อกซ์ และอื่น ๆ อยู่อีกหรือไม่ หากคุณยังคิดถึงพวกเขาเหล่านั้นก็แนะนำให้หาหนังเรื่อง “SuckSeed ห่วยขั้นเทพ” มาดูกันให้ได้เลย แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนกับตัวเองหลุดไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง แต่ก่อนจะไปหาหนังมาดูก็สามารถมาอ่านรีวิวคร่าว ๆ จากเรากันก่อนได้เรื่องย่อหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ หนังไทยnetflix

 

เนื้อเรื่อง ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ

หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เป็ด” “คุ้ง” และ “เอ็กซ์”ที่ตัดสินใจก่อตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้นมาด้วยเป้าหมายที่อยากจะเป็นนักดนตรีระดับประเทศ แต่เพราะเวลานี้พวกเขาเป็นคนที่ห่วยในด้านการเล่นดนตรีและร้องเพลงในระดับขั้นเทพจนถูกเพื่อนร่วมชั้นและคนอื่นมองแบบดูถูกแต่ก็ไม่ย่อท้อจึงได้ตั้งชื่อวงของตัวเองว่า “SuckSeed” ขึ้นมา

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

 

พวกเขาต้องพยายามเพิ่มทักษะให้ตัวเองเก่งพอก่อนจะไปแข่งงานประกวดวงดนตรีของค่ายเพลงดังระดับประเทศให้ได้ ทว่ามันกลับยากมากยิ่งขึ้นเมื่อทั้งเป็ดและคุ้งต่างหลงรัก “เอิญ” เพื่อนวัยเด็กที่เพิ่งย้ายเข้ามาเหมือนกัน เธอเป็นคนร้องเพลงเก่ง แต่กลับไปเป็นนักร้องนำให้วงอารีน่าซึ่งเป็นวงดนตรีคู่แข่งของโรงเรียนตัวสำคัญป๊อปปูล่าร์เกินเบอร์ที่มีเป้าหมายจะไปแข่งในงานระดับชาตินี้เหมือนกัน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่! ดูหนังฟรี

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

ความน่าสนใจของหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพมีความน่าสนใจตรงที่ตัวละคร “เป็ด” “คุ้ง” และ “เอ็กซ์” เหมือนถูกสร้างให้มาเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่อยากสร้างวงดนตรีเป็นของตัวเองแต่มีทักษะในระดับห่วย อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ SuckSeed กลายเป็นหนังที่โด่งดังมากในหมู่วัยรุ่น ณ ตอนที่เข้าโรงภาพยนตร์ก็คือ มีนักร้องนำจากวงดนตรีระดับเทพของไทยเรามารับเชิญให้ร้องเพลงดังประจำวงตัวเองในฉากต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ของทั้งสามกันอย่างลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นอารมณ์อินเลิฟตกหลุมรัก อารมณ์อกหัก หรืออารมณ์ท้อแท้

ทำให้เรากลับมาคิดถึงพวกเขาอีกครั้ง และทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักเพลงเก่ามากยิ่งขึ้นด้วยจนกลับมาฮิตอีกครั้ง ในตัวหนังทำให้เราเห็นถึงการฝึกซ้อมที่ต้องอาศัยความพยามยามเล่นบ้างจริงจังบ้าง และไหนจะมีเรื่องความรักวัยเรียนเข้ามาโดยพระเอกหรือก็คือ “เป็ด”นี่ล่ะที่ดันไปตกหลุมรักนางเอกที่เพิ่งปฏิเสธ “คุ้ง”ไป กลายเป็นว่านางเอกเองก็ตกหลุมรักพระเอกด้วยเช่นกันเพราะเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถึงขนาดแต่งเพลงที่ชื่อว่า “เพลงที่ฉันไม่ได้แต่ง” ให้นางเอกซึ่งนางก็นำไปร้องบนเวทีประกวดการแข่งขันระดับชาติ ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง 037

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

 

พอคุ้งรู้เข้าก็เหมือนพระเอกทรยศความไว้ใจของเพื่อนจนกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของวงSuckSeed ที่ทำให้เราได้รับบทเรียนในด้านมิตรภาพของเพื่อนด้วย ทุกคนสามารถมีความรักได้แต่ก็ต้องมีในทางที่เหมาะสม หนังเรื่องนี้มีเพลงประกอบไพเราะมากมายเลยนะคะ ลองไปหาฟังกันได้ แต่ที่เราชอบที่สุดก็คือ “ทุ้มอยู่ในใจ” ที่เก้า จิรายุร้องคู่กับณัฐชานี่ล่ะ
ข้อคิดดี ๆ จากหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ
หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพได้สอนให้เรารู้ว่า ทุกคนย่อมมีดนตรีอยู่ในหัวใจ แม้คุณจะเป็นคนที่เล่นดนตรีห่วยก็ตามแต่เมื่อมีความพยายามและกำลังใจในหมู่เพื่อนฝูงที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เดี๋ยวทักษะที่ห่วยขั้นเทพมันก็จะเพิ่มเป็นต้นใหญ่ได้ขึ้นมาเอง

นอกจากนั้นการซื่อสัตย์และการคงเส้นคงวาก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ทำให้อุปสรรคต่าง ๆ มาสั่นคลอนมิตรภาพของเพื่อนได้ ทุกอย่างมันคือบททดสอบให้เราเติบโตขึ้นเพื่อเป็นคนเก่ง
เป็นภาพยนตร์จากค่ายหนังไทยที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง GTH ภาพยนตร์ได้ผู้กำกับอย่าง ชยนพ บุญประกอบ หรือพี่หมู มากับกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งพี่หมูนั้นได้กำกับหนังดังหลายๆ เรื่องที่เรารู้จักกันดีอย่าง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ, พรจากฟ้า, friend zone ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ แจ้งเกิดนักแสดงทั้ง 4 

Suck Seed ภาพยนตร์ไทยแจ้งเกิดนักแสดงอย่าง เก้า จิรายุ(เป็ด) พีช พชร(คุ้ง) แนท ณัฐชา(เอิญ) เอิร์ธ ธวัช(เอ็ก) ท้อป ณภัทร(ตวง) รับบทหลักของเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดของนักแสดงวัยรุ่นที่ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา ซักซี้ด ได้ฉายไปเมื่อวันที่ 17มีนาคม 2554 ซึ่งใช้ทุนสร้าง 20ล้านบาทแล้วได้กวาดรายได้ไปถึง 78.32ล้านบาท อีกทั้งได้ไปฉายที่งานเทศกาลหนังไทเป ฟิล์ม เฟสติวัล ที่ประเทศไต้หวันอีกด้วย

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ มันคือภาพยนตร์วัยรุ่นแนวดนตรีที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นสุดห่วย อย่างคุ้งผู้ที่มีแฝดชื่อเค ซึ่งคุ้งและเคนั้นถึงหน้าจะเหมือนกันมากแต่นิสัยและการกระทำนั้นต่างกันมาก เคนั้นเป็นหนุ่มฮอตแสนเท่ที่เป็นนักกีต้าของวงชื่อดังของโรงรียน ส่วนคุ้งนั้นเป็นแฝดอีกคนที่ไม่เอาอ่าว ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยและเปลี่ยนงานอดิเรกหรือสิ่งที่ทำไปตามใจตัวเอง ซึ่งเขาจะมีเป็ดเป็นเพื่อนสมัยเด็กๆ ที่คอยติดสอยห้อยตามไปทุกที่

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

 

เป็ด ตัวเอกของเรื่อง รับบทโดย เก้า จิรายุ ชีวิตเขานั้นห่วยมากในด้านการตัดสินใจขี้ขาดและเป็นคนขี้อาย แค่จะบอกชอบผู้หญิงที่ตัวเองรักยังไม่กล้าที่จะบอก ซึ่งผู้หญิงคนนั้น ก็คือ เอิญ สุดท้ายเป็ดก็ไม่ได้บอกความรู้สึกให้เอิญรู้ อีกทั้งยังมีข่าวลือว่า คุ้งโทรไปสารภาพรักกับเอิญ ซึ่งทำให้เอิญเสียใจมาก ทำให้เป็ดไม่กล้าจะบอกความจริงว่าคนที่โทรไปนั้นคือ เขานั่นเอง ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง facebook

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย จนเวลาผ่านเลยไป คุ้งและเป็ด ได้เติบโตกันจนอยู่มัธยม ปีที่ 6 เอิญก็ได้ย้ายกลับเข้ามาเรียนที่เดียวกันกับคุ้งและเป็ดแล้วเรื่องราววุ่นๆ จึงเกิดขึ้น เมื่อคุ้งได้เกิดหลงรักเอิญขึ้นมา เพราะความสวยของเอิญ บวกกับความทรงจำในสมัยก่อน ซึ่งเป็นตอนที่เอิญเสียใจมันทำให้คุ้งกลับรู้สึกชอบเอิญ ส่วนเป็ดที่รู้ว่าเอิญกลับมาเรียนด้วยกันความรู้สึกต่างๆ ก็หวนคืนกลับมา
คุ้งรู้ว่าเอิญเล่นดนตรีเป็น คุ้งเลยชวนเอิญมาตั้งวงด้วย แล้วได้ชวนเป็ดมาด้วย ซึ่งเป็ดได้รับเลือกให้เล่นเบส คุ้งเป็นนักร้องนำและกีต้าร์ เอิญได้เล่นกีต้าร์ จากนั้นเขาจึงชวน เอ็กหนุ่มนักกีฬา ที่ได้มาเป็นมือกลองของวง ที่บ้านทำร้านเบเกอรี่ โดยมีคุณพ่อสนับสนุนยกห้องเก็บอุปกรณ์ทำขนมปังเป็นห้องซ้อมให้พวกเพื่อนๆ ซึ่งเอ็กนั้นก็มีความห่วยเหมือนกัน เขานั้นได้ชอบหญิงสาวสวยคนหนึ่งแต่ก็ถูกทอมแย่งไป หลังจากตั้งวงดนตรี พวกเขาก็จะไปประกวดฮอตเวฟ ซึ่งกติกาก็คือการแต่งเพลงรักที่ห้ามมีคำว่ารัก แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เอิญนั้นต้องออกจากวงไปทำให้พวกเขาทั้ง 3คนต้องมาตั้งวงและทำเพลงเข้าประกวด ซึ่งการรวมตัวของพวกห่วยที่หวังจะชนะฮอตเวฟจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าดึงดูด
สิ่งที่หน้าสนใจของหนังเรื่องนี้ คงเป็นการที่แทรกเพลงต่างๆ ให้เข้ากับเนื้อเรื่องที่ทำให้คนอินกันสุดๆ แต่ถ้าพูดแบบนี้ผู้อ่านคงคิดว่าเรื่องอื่นๆ เขาก็ทำกันเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่หนังเรื่องแตกต่างและทำให้ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากคือการที่มีการถ่ายทำเอ็มวีของเพลงต่างเข้ามาผสมกับเนื้อเรื่องและได้นักร้องของเพลงมาร่วมแสดง ได้แก่เพลง ก่อน ที่ได้พี่ป๊อดโมเดิร์นด็อก เพลงมีแต่เธอที่ได้ต้าพาราด็อก เพลงน้ำตาที่ ได้แด๊กซ์บิ๊กแอส ยิ่งโตยิ่งสวยที่ได้ ปูแบล็คเฮด ความเชื่อ วงบอดี้แสลม และเลี้ยงส่ง ที่ได้โจ๊กโซคูลมาร่วมแสดงและสร้างสรสันให้กับภาพยต์เรื่องนี้อีกด้วย

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำให้คนดูรู้สึกแปลกใจและยังคงเป็นสิ่งใหม่ที่วงการภาพยนต์คงเป็นเรื่องของการเล่าเรื่องโดยมีภาพอนิเมชั่นประกอบเข้ากับตัวหนัง ซึ่งทำให้หนังนั้นมีมิติที่แตกต่างจากหนังวัยรุ่นที่ผ่านๆ มา ส่วนในด้านการแสดงต้องบอกเลยว่าเก้าจิรายุทำได้ดีมาก แต่นักแสดงนำคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า ซึ่งถ้าในตอนนั้นแต่ละคนยังคงเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของวงการเลยก็ว่าได้ แต่ที่ต้อง ตบมือให้คงเป็นการแสดงของพีช พชร ที่เล่นเป็นแฝดที่มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้วและเขายังทำได้ดีมากอีกด้วย เรียกได้ว่าการแสดงของพวกเขานั้นเป็นตัวส่งให้หนังมีชีวิตชาวามากยิ่งขึ้น
การที่หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจอีกอย่างคงเป็นเรื่องราวความรักในหลายๆ แง่มุม ของตัวละคร และเรื่องราวมิตรภาพของเพื่อน ที่แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปก็ไม่อาจทำให้มิตรภาพของเราจางหายไปได้ ซึ่งตัวหนังทำได้ดีมากในการให้แง่คิดและยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นที่สนใจในการเล่นดนตรีอีกด้วย

 

 

หนังเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยไม่ว่าวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ใครๆ ก็สามารถดูได้ ซึ่งหนังสร้างความเฮฮาสนุกสนานและความประทับใจในทุก ๆด้านทุกแง่มุม DooDiDo ผู้เขียนให้คะแนนรีวิวเรื่องนี้ 9/10 คะแนน หากใครอยากรับชมก็ลองหาชมดูได้ที่ทางช่องสตรีมมิ่งต่างๆ ได้เลยจ้า
“หนังวัยรุ่น” จัดเป็นหนึ่งในประเภทของหนังปราบเซียน คือไม่ใช่ว่ามันไม่ทำเงิน กำกับยากหรืออะไร แต่เพราะเป็นหนังประเภทที่คนทำมาเยอะ(มาก)แล้ว และยากที่จะฉีกแนวจากหนังวัยรุ่นทั่วไป คือถ้าเราหลับตาดูก็จะนึกภาพตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบได้เลย ซักซีด หวยขั้นเทพ ภาค1

 

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ สรุปเรื่อง

เริ่มต้นด้วยพระเอกหล่อ นางเอกสวยใส -> ฝันอยากจะตั้งวงดนตรี/ประกวดเต้น/แข่งกีฬา -> เจออุปสรรค ที่บ้านไม่เห็นด้วย เล่นไม่เก่ง อุปกรณ์ไม่ดี -> ปิ๊งสาว -> จบที่งานประกวด พลิกชนะเลิศ ได้รางวัล สาวชอบ ที่บ้านยอมรับ Happy Ending จบ .. แค่นี้ก็รู้สึกถึงความเอียน~~~~

Suck Seed ห่วยขั้นเทพ มีหน้าหนังที่เหมือนข้างบนว่าไว้ทุกประการ .. เด็กวัยรุ่น ตั้งวงดนตรี ประกวด Hot Wave ปิ๊งสาว มีอุปสรรคที่ทุกคนเป็นตัวห่วย .. มีเพียง 2 อย่างที่ทำให้ก่อนจะดูแล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าจะดี คือนางเอก (น้องแนท ณัฐชา นวลแจ่ม) ที่เล่นดนตรีเอง และโปสเตอร์หนังมีโลโก้ GTH ประกันคุณภาพอยู่ต้องชมทีมงานแคสนักแสดงของ GTH ที่เลือกนักแสดงได้ตรงกับบทและดูเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ GTH ในการปั้นนักแสดงหน้าใหม่ โดยการเลือกนักแสดงให้เป๊ะกับบท พอแสดงออกมาก็ดูดีสมกับตัวละคร
ไล่มาตั้งแต่ บอล ต่าย season change, ซันนี่ นุ่น เอ๋ เพื่อนสนิท, แพตตี้ ปิดเทอมใหญ่, พีค สายลับจับบ้านเล็ก, หนูนา กวนมึนโฮ และต่อไปเราคงจะได้เห็น เก้า แนท เอิร์ท พีช Suck Seed

 

 

สรุปแล้วชอบครับ แตกต่างจากหนังวัยรุ่นทั่วไป นักแสดงทุกคนก็สมบทบาทดี เสียดายที่ช่วงไคลแม๊กยังเรียกอารมณ์ได้ไม่จี๊ดเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วโดนเลยทีเดียว หนังสนุกมาก ดูแล้วรู้สึกเสียดายที่ทำไมสมัยเราเป็นวัยรุ่นถึงไม่มีหนังแบบนี้บ้าง ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง imovie

ช่วงนึงของหนังก็ทำให้นึกว่า เออ ชีวิตวัยรุ่นมันก็มีแค่ เพื่อน ดนตรี กีฬา กะโชว์หญิงนี่หว่า .. ก็แล้วมันต้องมีอะไรมากกว่านั้นด้วยเหรอ ? เกิดมาเป็นวัยรุ่นได้แค่ครั้งเดียว มันก็ต้องขอทำอะไรมันส์ๆ กะเค้าบ้าง … ซักซี๊ดนึง

รีวิว อันธพาล Gangster

รีวิว อันธพาล Gangster

รีวิว อันธพาล Gangster

 

 

รีวิว อันธพาล Gangster

อันธพาล (อังกฤษ: Gangster)
ภาพยนตร์ไทยแนวอาชญากรรม
ออกฉายในปี พ.ศ. 2555
กำกับโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ
ยุคที่ “อันธพาล” โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็น “ฮีโร่” ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้างและปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่ จากฮีโร่กลับกลายเป็น “ผู้ร้าย” หนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใดๆ รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ “แดง” กับ “จ๊อด” ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน สปอยหนัง
จากยุคร็อกแอนด์โรลเข้าสู่ยุคฮิปปี้ การกลับมาของอันธพาลรุ่นเก๋า “จ๊อด” (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และ “แดง” (สมชาย เข็มกลัด) เมื่อเส้นทางแห่งการเป็นนักเลงอันธพาลถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย แดงชวนจ๊อดร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่ โดยทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์และตามเก็บทวงหนี้ จนทำให้ได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้องสุดห้าว “ธง” (สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และ “เปี๊ยก” (กฤษฎา สุภาพพร้อม) ที่ยกให้ทั้งคู่เป็นฮีโร่รุ่นพี่นักเลงในดวงใจ และฝันไว้สักวันจะต้องเป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงเหมือนแดงกับจ๊อดให้ได้
รีวิว อันธพาล Gangster
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อจ๊อดเริ่มเข้าใจและรู้ซึ้งถึงความหมายของวงการนักเลงอันธพาลอย่างถ่องแท้ การใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่ทำให้ผู้คนนับถือ ทัศนคติและมุมมองที่ต่างกันของคน 2 วัย กลับเป็นกระจกสะท้อนของกันและกันให้ได้เรียนรู้ถึง “ชีวิตที่ผ่านพ้น” กับ “ชีวิตที่กำลังจะเติบโต” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาเลือกเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า “อันธพาล”  เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว อันธพาล Gangster

 

รีวิว อันธพาล Gangster
ดึงนักแสดงชายฝีมือคุณภาพอย่าง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” รับบทเป็น “แดง” และ “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์” รับบทเป็น “จ๊อด” อันธพาลดาวดังรุ่นเก๋า สู่ภาพยนตร์แอคชั่นดราม่าสุดเข้มข้น พร้อมตีแผ่เรื่องราวชีวิตของลูกผู้ชายที่ถูกเรียกว่า “อันธพาล”
เรื่องราวสุดเข้มข้นที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์จริงในยุคที่อันธพาลไทยกลายเป็น “นักโทษหนีตาย” ที่ต้องหนีจากการถูกจับตาย แต่ไม่เคยหนีพ้นจากวังวนของอาชญากร สู่ภาพยนตร์ที่เปิดเผยครบถ้วนทุกมิติในแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสของคนที่ถูกเรียกว่า “อันธพาล”
การคัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่เกือบพันคน จนเหลือเพียง 2 คนสุดท้ายเท่านั้น เพื่อรับบทตัวแสดงสำคัญในเรื่องนี้ได้แก่ “คริน- สาครินทร์ สุธรรมสมัย” และ “บิ๊ก-กฤษฎา สุภาพพร้อม” ในบทบาทของอันธพาลรุ่นใหม่ที่ชื่อ “ธง” และ “เปี๊ยก” ที่เปรียบเป็นตัวแทนของคนยุคปัจจุบันนำพาเข้าไปสู่ยุคอดีตอีกครั้ง
“อันธพาล” เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดย “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ผู้กำกับฝีมือคุณภาพที่การันตีความความสามารถ สไตล์การกำกับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่สูง ด้วยการคว้ารางวัล “ผู้กำกับยอดเยี่ยม” จากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19” มาแล้ว
ระดมทีมโปรดักชั่นระดับหัวกะทิเพื่อ “ออกแบบงานสร้าง” และ “ออกแบบเครื่องแต่งกาย” ให้เสมือนจริงกับภาพยนตร์แอคชั่นย้อนยุคปี พ.ศ. 2500 จากทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์ไทยชั้นแนวหน้าอย่างเรื่อง “ปืนใหญ่จอมสลัด” (2551), “องค์บาก 2” (2551), “องค์บาก 3” (2553), “ไชยา” (2550) เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นทีมงานที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับก้องเกียรติมาแล้วทุกเรื่อง
ฉากแอคชั่นบู๊ระห่ำที่จะหวนกลับมาเขย่าวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง กับการต่อสู้แบบนักเลงไทยโบราณที่วัดกันด้วยใจกับใจ และมีศักดิ์ศรีเข้ามาเดิมพัน แอคชั่นดุเดือดสุดเข้มข้นจากเหล่านักแสดงนำที่ทุ่มเทกับการแสดงอย่างเต็มที่ทุกคน
หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย วันนี้ถึงวาระครบรอบ 1 ทศวรรษ หรือ 10 ปีบริบูรณ์พอดี ของหนังแอคชั่นดราม่าย้อนยุคที่ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีงามใน “อันธพาล” ที่เป็นการหยิบเอาความดิบเถื่อนในอดีตมาร้อยเรียงเรื่องราวเป็นความเข้มข้นที่ประชันบทบาทกับทีมนักแสดงมากฝีมือ
ในยุคที่อันธพาลโด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้างและปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่ จากฮีโร่กลับกลายเป็นผู้ร้ายหนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใด ๆ รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ แดง กับ จ๊อด ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน
จากยุคร็อกแอนด์โรล เข้าสู่ยุคฮิปปี้ การกลับมาของอันธพาลรุ่นเก๋า จ๊อด และ แดง เมื่อเส้นทางแห่งการเป็นนักเลงอันธพาลถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย แดง ชวน จ๊อด ร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่ โดยทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์และตามเก็บทวงหนี้ จนทำให้ได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้องสุดห้าว ธง และ เปี๊ยก ที่ยกให้ทั้งคู่เป็นฮีโร่รุ่นพี่นักเลงในดวงใจ และฝันไว้สักวันจะต้องเป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงเหมือน แดง กับ จ๊อด ให้ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อ จ๊อด เริ่มเข้าใจและรู้ซึ้งถึงความหมายของวงการนักเลงอันธพาลอย่างถ่องแท้ การใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่ทำให้ผู้คนนับถือ ทัศนคติและมุมมองที่ต่างกันของคน 2 วัย กลับเป็นกระจกสะท้อนของกันและกันให้ได้เรียนรู้ถึง “ชีวิตที่ผ่านพ้น” กับ “ชีวิตที่กำลังจะเติบโต” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาเลือกเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า อันธพาล หนังฟรี หนังใหม่

ข้อมูลหนัง รีวิว อันธพาล Gangster

หนังเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ “โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ” เจ้าพ่อหนังแอคชั่นหลากสไตล์แห่งวงการหนังยุคปัจจุบัน ที่มาสานต่อเสมือนกับหนังภาคต่อของ “2499 อันธพาลครองเมือง” ที่มาพร้อมกับทีมนักแสดงชายแถวหน้าของวงการทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “น้อย วงพรู”, “บิ๊ก กฤษฎา”, “เต๋า สมชาย” หรือ “เจี๊ยบ วสุ”
อันธพาล อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่รายได้มากสักเท่าไหร่ แม้ว่าคำวิจารณ์ของหนังจะออกมาค่อนข้างดีก็ตาม โดยหนังเก็บเงินตลอดโปรแกรมฉายไปได้ราว ๆ 25 ล้านบาท แต่หนังก็ยังมีชื่อติดโผเข้าชิงบนเวทีรางวัลต่าง ๆ ในปีนั้นอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ได้โกยรางวัลกลับบ้านไปได้สักเท่าไหร่ก็ตาม
อันธพาล เป็นเสมือนเป็นภาคต่อหรือตอนต่อให้สมบูรณ์จาก 2499 อันธพาลครองเมือง ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2540 ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของแก๊งนักเลงอันธพาลวัยรุ่น ที่มักขัดแย้งกันและไล่ฆ่าฟันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในครั้งนี้ ได้ ก้องเกียรติ โขมศิริ ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ ซึ่งเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ได้รับการจับตามองจากผลงานเรื่องก่อนหน้านี้หลายเรื่อง ในครั้งนี้เป็นภาพยนตร์ที่เล่าจากมุมมองของตัวผู้กำกับเอง[3]
ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ว่างานสร้าง รวมถึงการแต่งตัวทำได้ดีไม่แพ้ 2499 อันธพาลครองเมือง เป็นอรรถรสทางสายตาที่น่าจดจำ เช่นเดียวกับบทภาพยนตร์ ที่สามารถเก็บรายละเอียดของตัวละครได้ครบถ้วนและมีความลึกตื้นหนาบางตามบทบาทความสำคัญของแต่ละคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวละครประกอบอย่างน้าหำ นักเลงรุ่นลายครามซึ่งนอกจากจะเสริมทัพในการเป็นตัวสีสันของเรื่อง ตัวละครตัวนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิตนักเลงอันธพาลออกมาได้อย่างลุ่มลึกสะเทือนอารมณ์อีกด้วย
ส่วนการแสดงต้องถือว่า กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่รับบทเป็น จ๊อด และภคชนก์ โวอ่อนศรี ที่รับบทเป็น โอวตี๋ มือปืนผู้พิศมัยแต่เฉพาะการฆ่า เข้าถึงบทบาทได้อย่างดีมาก และการดำเนินเรื่องยังสอดแทรกบทสัมภาษณ์จากบุคคลต่าง ๆ ทั้งชายและหญิง ที่เสมือนเป็นบุคคลที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ถือว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ทำเนื้อเรื่องสะดุดแต่ประการใด เพราะมีครบทุกรสทั้งแอ็กชั่น, ตลกขบขัน, สุขเศร้าและซึ้ง ขณะที่ฉากแอ๊คชั่นก็ดูดิบเถื่อน สมจริง และเสมือนจะบอกว่า ภาพยนตร์มิได้สร้างมาจากเรื่องจริงทั้งหมด แต่เป็นการอ้างอิงมาจากปากคำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้  ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

รีวิว มึงกู…เพื่อนกันจนวันตาย

รีวิว มึงกู...เพื่อนกันจนวันตาย

รีวิว มึงกู…เพื่อนกันจนวันตาย

สปอยหนัง เป็น ภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องหนึ่ง ที่เลื่อนกำหนดฉายหนี “น้ำท่วมกรุงเทพ” ตามกำหนดเดิมจะฉายในราวๆ เดือน ธันวาคมของปีที่แล้ว รีวิวหนัง มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย เลือนมาลงโปรแกรมต้อนรับปีใหม่ ปีมังกรนี้แทน กับภาพยตร์เรื่อง “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย”
รีวิว มึงกู...เพื่อนกันจนวันตาย
หนังไทยnetflix “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” เป็นอีกหนึ่งผลงานของค่าย “พระนครฟิลม์” ผมต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า มาช่วงหลังๆนี้ ผมไม่ค่อยได้หยิบยกหนังของค่าย พระนครฟิลม์ มาแนะนำให้แฟนๆ ชาวสนุก รู้จักกันเท่าไหร่นัก แต่ผมยังจำได้ว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นหนังไทยยังเฟื่องฟูกว่าสมัยนี้ ค่ายพระนครฟิลม์ เป็นอีกหนึ่งค่ายหนังที่ผลิตภาพยนตร์ออกสู่สายตานักชมภาพยนตร์เยอะที่สุด เรียกว่าตลอดทั้งปีเราจะได้ดูหนังของค่ายนี้แทบทุกเดือน ด้วยศักยภาพของทีมทำงานของค่ายนี้ ผมว่าสามารถสู้ค่ายอื่นๆ ได้สบายมาก ภาพสวย การถ่ายทำดี นักแสดงดี เสื้อผ้าหน้าผม ของนักแสดงก็ดี แต่หนังของค่ายนี้เกือบ 80% ที่ผมเห็นว่าไปไม่ถึงฝั่งฝัน มีหนังที่ประสบผลสำเร็จจริงๆ เพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น นอกนั้นแป้กหมด
รีวิว มึงกู...เพื่อนกันจนวันตาย
เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น ผมมาวิเคราะห์ดู ก็เห็นจะเป็นเรื่องของ “บท” หนังของค่ายนี้ จะดำเนินเรื่องมาดีน่าติดตามมาโดยตลอด แต่พอมาถึงตอนจบ หลายคนร้องออกมาว่า “อะไรวะ” เรียกว่าจบไม่ดี จบไม่สวย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ตกม้าตายตอนจบ” รีวิวหนังไทย แทบทุกครั้งไป จนทำให้หนังของค่ายนี้หดหายไปเรื่อยๆ ออกฉายในจำนวนน้อยลง เอาชนิดที่ว่า ออกฉายแล้วไม่ขาดทุน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว มึงกู…เพื่อนกันจนวันตาย

รีวิว มึงกู...เพื่อนกันจนวันตาย

และ “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” จะมาเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ของค่ายนี้ ที่จะมาทดสอบว่า หนังของค่ายนี้ ควรจะอยู่หรือจะไปได้แล้ว
สำหรับผู้กำกับที่เข้ามากุมบังเหียนเรื่องนี้ให้ก็คือคุณ อัศจรรย์ สัตโกวิท ดูจากชื่อแล้วก็ไม่ใช่ผู้กำกับหน้าใหม่เสียทีเดียว เพราะก่อนหน้านั้นคุณอัจรรย์ เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง Soul’s Code ถอดรหัสวิญญาณ และอีกเรื่องคือ กขค โรงเรียนนอก ก่อนที่จะมากำกับเรื่อง “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย”
หนังเป็นเรื่องราวช่วงชีวิตวัยรุ่นที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘กัน’ กับ ‘สอง’ เด็กหนุ่มสองคนที่มีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ‘กัน’ เด็กหนุ่มที่ถูกมองจากคนรอบข้างว่าเป็น ‘เด็กเกเร’ เนื่องจากเป็นหัวโจกในกลุ่มเพื่อนที่ชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท แต่สาวๆ ต่างพากันกรี๊ดในความหล่อ เท่ และฐานะที่ร่ำรวย
‘กัน’ เป็นลูกคนเดียวของเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว การที่พ่อแม่ใช้เงินเลี้ยงดูมากกว่าความรักความใส่ใจ ทำให้กันเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว เขาจึงพยายามไขว่คว้าความรักความอบอุ่นจากเพื่อน เขาให้ความสำคัญกับความรักระหว่างเพื่อนมากกว่าความรักแบบหนุ่มสาวซึ่งต่าง จากวัยรุ่นทั่วๆ ไป ถึงแม้จะมี ‘แอล’ สาวสวยมาคอยตามสนใจก็ตาม
‘สอง’ ดูหนังฟรี เด็กหนุ่มที่ถูกแม่เลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด เขาไม่เคยได้คิดตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง การขาดอิสระทำให้เขากลายเป็นเด็กเก็บตัว แม้ว่าเขาจะอึดอัดมากแต่ไม่มีทางออก จนกระทั่งแม่แต่งงานใหม่เขาจึงใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้างในการขอย้ายไปเรียนต่อ กับพี่สาวที่เชียงใหม่ เพราะไม่ต้องการอยู่กับพ่อเลี้ยง
วันแรกของการเปิดเรียน สองได้รู้จักกับ ‘เนม’ เพื่อนร่วมห้อง สิ่งแรกที่เนมเตือนสองก็คือให้ระวังตัวและอย่าเข้าใกล้กัน เพราะกันเป็นตัวแสบของกลุ่มวัยรุ่นระดับจังหวัด
เว็บดูหนังฟรี เนม แนะนำให้สองรู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่อย่าง ‘ดิว’ ซึ่งเรียนอยู่วิทยาลัยเดียวกัน สองชอบดิวตั้งแต่แรกเห็น ดิวเองก็สนใจสองไม่น้อยเหมือนกัน แต่ความรักระหว่างสองกับดิวกลับถูกกลุ่มนักเรียนรุ่นพี่ขัดขวาง สองถูกดักทำร้าย ความกลัวทำให้สองยอมถอยห่างและหลบหน้าดิว
กันแอบเห็นเรื่องราวที่สองถูกรังแก จึงตัดสินใจชวนสองเข้าแก๊งค์ Sperm ซึ่งมี ก้า, ต๊อด,แนิค, แชมป์, อาร์ม, เบียร์ เป็นสมาชิกร่วมแก๊งค์
วิถี ชีวิตของสองเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้เข้าร่วมแก๊งค์ของกัน สองได้เรียนรู้ชีวิตด้านมืดของวัยรุ่นที่นิยมยกพวกตีกัน การลองผิดลองถูก ความหมายของคำว่าเพื่อน และข้อแตกต่างระหว่างคำว่าอันธพาลกับลูกผู้ชาย
มิตรภาพ ระหว่างเพื่อนกับเพื่อนและเรื่องราวการต่อสู้แบบลูกผู้ชายจะสามารถทำให้ กัน,เว็บดูหนัง
สอง และเพื่อนๆ ก้าวผ่านวัยแห่งความรุนแรงนี้ไปได้หรือไม่อย่างไรนี่คือบทพิสูจน์ที่แท้จริง ของวัยเดือด วัยที่คำว่าเพื่อนสำคัญที่สุด
ก่อนที่ผมจะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ อย่างที่ไม่ได้หวังอะไรมากนัก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่า หนังของค่ายนี้แป้กมาหลายเรื่องแล้ว แต่พอดูไปดูมา ผมว่านี่อาจเป็นหนังเรื่องแรกของค่ายนี้ที่มีการวางโครงเรื่องได้ดีมาก ดีกว่าทุกๆเรื่องที่เคยผ่านมาของค่ายนี้ ความสนุกและความตื่นเต้น ถ้าเทียบเรื่องนี้ ก็เป็นน้องๆ 2499 อันธพาลครองเมือง แต่ยังมีกลิ่นอายเรื่อง “เด็กเสเพล” และเรื่อง เรียกเขาว่า อีกา(หนังญี่ปุ่น) ปนอยู่บ้าง ตัวหนังตีแผ่ชีวิตของเด็กวัยรุ่นชายได้ดี เพราะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ไม่จีบหญิง เล่นกีฬาหรือดนตรี ก็จะเป็นพวกเกเร ชกต่อยกันไปเลย
สำหรับเรื่องนี้ผมขอปรบมือให้กับน้อง มาริโอ้ จากที่เคยเฝ้าสังเกตการแสดงของน้องมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่ รักแห่งสยาม เรื่องแรกที่เล่น มาถึงเรื่องนี้ โอ้สามารถพัฒนาการเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อยากจะบอกน้องดังๆ ว่า น้องเล่นไม่แข็งเป็นท่อนไม้อีกแล้ว สอบผ่าน
ไม่มีพล็อตเรื่องไม่มีคติสอนใจ มีแต่ตัวละครเล่นกัน สู้กัน ดูหนัง เพื่อแย่งความเป็นจ่าฝูงหรือประกาศอาณาเขต หลายครั้งผู้เขียนต้องถามตัวเองว่ามาดูหนังวัยรุ่นแอคชั่นดราม่า “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” หรือมาเข้าเรียนวิชามนุษยวิทยาอีกครั้งหนึ่ง
“มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” หนังแอคชั่นดราม่าที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของผู้กำกับ บอม – อัศจรรย์ สัตโกวิท เป็นเรื่องเกี่ยวกับ สอง (เมาส์ – ณัชชา จันธพันธ์) น้องใหม่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เข้าร่วมแก๊งค์วัยรุ่นเกเรที่มี กัน (มาริโอ้ เมาเร้อ) เป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่เหตุการณ์พาไปมีเรื่องกับอีกแก๊งค์หนึ่ง จึงต้องพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายและมิตรภาพความเป็นเพื่อน หนังฟรี หนังใหม่

ความรู้สึกส่วนตัว

บทภาพยนตร์จะแน่นมากขึ้นถ้าทั้งเรื่องเน้นไปที่ สอง เพราะเขามีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด จากเด็กที่ไม่มีเพื่อน อยู่ในเมืองที่ไม่รู้จัก และไม่กล้ามีเรื่องกับใครแม้เพื่อปกป้องตัวเอง จนได้มีกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นโหล รักเพื่อน และสามารถปกป้องเพื่อนได้ แต่ด้วยบทที่ต้องเจียดเวลาให้ กัน ในเรื่องของความรักกับ เนม (โม – มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) ความคลั่งไคล้ของ แอล (อาย – กมลเนตร เรืองศรี) พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาให้ และความเข้าใจผิดเรื่องหนึ่ง จึงทำให้สองมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมบูรณ์และไม่น่าเชื่อถือ (จากที่เป็นเด็กแหยๆ ทำไมถึงกล้าต่อยคนอื่น) และปัญหาของ กัน ถูกแก้ไขเร็วเกินไป (เนมเข้าใจ กัน จากคำพูดคำเดียวของแม่)
และส่วนใหญ่ของบทก็ทุ่มให้ฉากสังสรรค์ (เที่ยวผับ เตะบอล ดื่มเหล้า) และฉากต่อยกัน ไม่แน่ใจว่าต้องการสื่อว่าเด็กผู้ชายก็ต้องมีเรื่องชกต่อยบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เห็นคือความไม่สมเหตุสมผล สองถูกอีกแก๊งค์หนึ่งขู่ให้เลิกกับแฟนสาว ดิว (เบลล่า – ราณี แคมเปญ) แต่เด็กแก๊งค์นั้นกลับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ดิว เลย กันและเพื่อนยกพวกตีกับอีกกลุ่มเรื่องแย่งสาว แย่งบุหรี่ หรือเพราะแค่เกลียดขี้หน้า และทั้งหมดนี้ได้ขัดกับสิ่งที่ กัน บอกกับ สอง ว่า เขาและเพื่อนไม่ได้เป็นอันธพาลยกพวกตีกัน แต่แค่สู้กันเพื่อรู้แพ้รู้ชนะ และที่เลวร้ายที่สุดแน่จะเป็นตอนจบที่ยาวเกินไป และหักมุมแบบไม่จำเป็น
นอกจากบทที่ไม่แน่นแล้ว หลายฉากยังสะดุดทางด้านอารมณ์มาก ฉากที่ กัน พา เนม หนีอีกแก๊งค์หนึ่งก็ตัดเข้าเป็นมิวสิควิดีโอเพลงรักโรแมนติกอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว หรือฉากที่ขึ้นรถหนีหลังจากยกพวกตีกันก็มีมุขตลกโผล่มา
นักแสดงเกือบทั้งหมดยังไม่สามารถสื่อความเป็นเพื่อนได้ แม้พวกเขาอาจจะโอบใหล่กัน แต่ด้วยลักษณะท่าทาง คำพูด และความห่างของร่างกาย รีวิวหนัง ผู้เขียนยังไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิท บทของมาริโอ้นั้นไม่ต่างจาก พี่โชน “ในสิ่งเล็กๆ” เท่าไหร่ก็เลยไม่มีความถ้าทายมาก ส่วน เมาส์ พระเอกอีกคนหนึ่ง ยังคงใช้สีหน้าเดียวกันไม่ว่าจะกลัว โกรธ หรือตกใจ
ในช่วงชีวิตวัยรุ่นชาย ที่มีเกเรบ้าง ลองผิดลองถูกบ้าง โดนแฟนสาวทิ้งบ้าง เพื่อน มักอยู่ข้างๆเรา ช่วยให้เราผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ ดังนั้น คำว่า “เพื่อน” จะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตวัยรุ่นชาย นี่คือสิ่งที่ “มึงกูฯ” อยากจะสื่อแต่ไม่สามารถสื่อออกมาได้ ด้วยพล็อตเรื่องที่ดำเนินอย่างไร้เป้าหมาย อารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่อง บทสรุปตอนท้ายที่ยืดเยื้อเกินไป และการแสดงที่ติดขัด สิ่งที่เรากลับเห็น คือชีวิตของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่รักสนุก รักที่จะอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม และรักที่จะสู้กลับกลุ่มอื่นเพื่อพิสูจน์ความเป็นใหญ่ เหมือนกับฝูงหมาป่า ลิง หรืออะไรสักอย่างหนึ่ง แค่นั้น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์