Tag Archives: รีวิวหนังnetflix

รีวิวหนัง ขุนบันลือ ภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา

รีวิวหนัง ขุนบันลือ

รีวิวหนังไทยมาใหม่ สวัสดีค่ะกลับมาพบกันในวันนี้เราจะมารีวิวหนังเรื่อง ขุนบันลือ ภาพยนตร์ไทยแนว คอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ซึ่งภาพยนตร์เริ่มเรื่องราวทั้งสิ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ซึ่งในยุคนั้นมีขุนบันลือเป็นขุนนางในกระทรวงมหาดไทย เขาได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปทําธุระให้กับ พระยาปันตานัยนิรัณ เมืองจังหวัดเชียงราย

เรื่องราววุ่นวายก็เลยได้เริ่มขึ้นในในเวลานั้น ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนที่อยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นแบบไหนมาติดตามรับชมการแนะนำหนังไปพร้อมๆกันในบทความนี้ได้เลยนะคะ

ข้อมูลภาพยนตร์

กำหนดฉาย: 27 ธันวาคม 2561

แนว: ตลก

นำแสดง: เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, เอ็นดู วงษ์คำเหลา, สุนารี ราชสีมา, เพทาย วงษ์คำเหลา, ลัทธ์กมล ปิ่นโรจน์กีรติ, ธนา ฉัตรบริรักษ์, ศักราช  ศรีวังพล, เจสสิก้า เอสพินเนอร์, สายสิน วงษ์คำเหลา, สมรักษ์ คำสิงห์, นพรุจ  แย้มขะมัง, นก วนิดา  เชิญยิ้ม, ปลาคราฟ เชิญยิ้ม, อรชร  เขิญยิ้ม, นงค์ เชิญยิ้ม, โรเบิร์ต สายควัน, เอกชัย ศรีวิชัย, ณัฐรภัทร์ กริษฐาเมธาสิริ, ไนกี้ นิธิดล ป้อมสุวรรณ

กำกับ: เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา

รีวิวหนัง ขุนบันลือ

รีวิวหนัง ขุนบันลือ ผลงานการกำกับของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา

เป็นอีกรอบที่พี่หม่ำกลับมาเล่นเอง ควบคุมเอง กับหนังสไตล์ตลกโปกฮาเบาสมอง ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่ามันเป็นการมัดเรื่องของมุกตลกขบขันคาเฟ่ จะยิง 5 บาท 10 บาท ก็เอาหมด แนวๆเดียวกับละครชิงร้อยชิงล้านนั่นแหละ

เพียงแค่มีเนื้อหาที่มากขึ้น มีการเชื่อมโยงเรื่องหละหลวมๆซึ่งมันก็จะไม่ใช่หนังที่มีบทคงที่เท่าไรนัก หลายๆครั้งเลยทำให้บทพังทลาย เพราะว่าผู้กระทำระกระโดดของฉาก (เป็นถ่ายซีนมุกไว้เป็นชอตๆแล้วตัดมาต่อกันเพื่อเก็บได้ทุกมุก แล้วก็มองเป็นการเป็นงาน)

ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ หม่ำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หลังจากห่างหายไปนานกว่า 4 ปี นับจาก ทาสรักอสูร (2014)

งานนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะสามารถทำรายได้เทียบเท่าผลงานของลูกสาว เอ็ม บุษราคัม จาก ส่มภัคเสี่ยน (2017) ในแนวตลกที่กวาดรายได้ทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาทได้หรือไม่นะ?  ช่องทางการรับชม  ดูหนังฟรีออนไลน์

รีวิวหนัง ขุนบันลือ

หนังเรื่องนี้เองก็ไม่ได้หนีพ้นไปจากหนังในกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากว่าพี่หม่ำ รวมทั้งคณะละครในหนังประเด็นนี้ล้วนขบขัน …หนังมันเลยเฮฮา

ซึ่งในส่วนของมุก มีหลายมุกที่ทำเป็นดี ยิงตรงเป้า บางมุกก็บางทีก็อาจจะแป้กไปบ้าง แม้กระนั้นรวมๆรวมทั้งเป็นหนังที่มองได้เพลิดเพลินนะ

เพียงแค่พวกเราบางครั้งก็อาจจะจำต้องรู้จักพี่กินดีโดยประมาณนึง เนื่องจากมุกที่เล่นในประเด็นนี้ก็จะวนๆแถวจังหวัดเชียงราย แถวครอบครัวพี่หม่ำ

เรื่องย่อ ขุนบันลือ

เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัย ร.ศ. 123 (พ.ศ. 2447) เมื่อ ขุนบันลือ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ได้รับมอบหมายให้ไปราชการที่เมืองเชียงราย แต่ขุนบันลือเองกลับกังวลใจ เพราะถูก มด (เอ็นดู วงษ์คำเหลา) ทาสหญิงที่ขุนบันลือแอบมีความสัมพันธ์ด้วย จับได้ว่าท่านขุนเคยมีซัมติงกับซัมวันที่เมืองเชียงรายมาก่อน 

รวมถึงความชุลมุนวุ่นรัก เมื่อเพื่อนรักของท่านขุน พาลูกสาวลูกชายมาฝากให้ช่วยดูแลระหว่างที่ไปราชการต่างประเทศ และทั้งคู่กลับมีเรื่องชอบพอกับบรรดาทาสในเรือนท่านขุนซะอีก

เรื่องราวความรักระหว่างชนชั้นจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ยันรุ่นลูก ท่านขุนจะหาทางออกอย่างไร มาติดตามอ่านรีวิวกันต่อเลยค่ะ

เรียกว่าการกลับมากำกับและพ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของ หม่ำ เพ็ชรทาย ครั้งนี้เรื่องราวของหนังก็ยังคงเป็นความตลกโปกฮาที่เป็นจุดขายของเจ้าตัวเหมือนเดิม คราวนี้ได้หยิบเอาเรื่อง

ส่วนตัวเกี่ยวกับการนอกใจภรรยาไปมีเมียน้อยเชียงรายที่แก๊งตลกสามช่าอำกันจนหลายคิดว่าเป็นเรื่องจริงมาปรับเป็นบทภาพยนตร์หวังให้แฟนๆ ได้ฮากัน

พร้อมด้วยการพาบรรดาคนในครอบครัวทั้งภรรยา ลูกชาย และน้องชายมาร่วมแสดง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้สร้างความสนุกเฮฮากันท้องคัดท้องแข็งได้มากอย่างที่คาดหวังไว้

ด้วยมุกตลกที่ปรากฏอยู่ในหนังนั้นไม่ได้มีความแปลกใหม่เลย ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นมุกเหล่านี้ในโชว์ตามรายการต่างๆ หรือภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของ หม่ำ เพ็ชรทาย จังหวะในการตบส่งมุกรวมก็ดูธรรมดาสร้างเสียงฮาได้เพียงน้อยนิดพอได้ขำในลำคอ

ในส่วนของพล็อตเรื่องที่ดูเหมือนจะน้ำเน่าอารมณ์คล้ายละครย้อนยุคสมัยก่อน แม้จะมีการแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเป็นช่วงๆ ก็ไม่ได้ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น ดูๆ ไปก็แอบเบื่อเล็กน้อย และเชื่อว่าหลายคนน่าจะเดากันออกและมันก็ไม่สร้างเสน่ห์อย่างที่ควรจะเป็นเลย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตั้งความหวังเพื่อที่จะไปสนุกเฮฮากับ ขุนบันลือ netflix นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร เหตุผลก็ดังที่กล่าวมาข้างต้นว่าหนังค่อนข้างจะซ้ำซาก

แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากหวังดูเอาแค่เพลินๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะบางครั้งบางเรื่องราวก็อาจจะทำให้คนเราหัวเราะได้ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้

ความน่าสนใจของภาพยนตร์

ด้วยการตัวทีเซอร์หนัง มีจุดน่าสนใจตรงที่มาเซตฉากเป็นแบบย้อนยุค แอบให้ความรู้สึกควันหลงจาก บุปเพสันนิวาส หน่อย ๆ แต่เส้นเรื่องของแต่ละตัวละครไม่ได้มีอะไรที่หนังหยิบมาขยายอะไรแบบจริงจัง

หนังไม่ได้โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของ ขุนบันลือ กับหญิงสาวคนไกลที่เป็นปริศนามากอย่างที่คิด แต่จะวนเวียนอยู่กับเรื่องราวในชีวิตประจำวันมากกว่า แล้วก็ขยันปล่อยมุก 5 บาท 10 บาท

รีวิวหนัง ขุนบันลือ

บวกกับความตลกหน้าตายในแบบหม่ำสไตล์มาสร้างจุดขายเหมือนหนังของแกเรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าด้วยความที่มีนักแสดงรับเชิญหลากหลายมาสร้างสีสัน

นี่คือจุดที่ช่วยพยุงหนังให้ดูเพลินได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก ทุกอย่างดูสมูทกว่าที่คิด ที่หนังดูจะมีบรรยากาศที่ดี ไม่พยายามตลกเกินไป

ความรู้สึกหลังรับชม

คือถามว่ามันตลกมั้ย ผมว่ามันตลกนะ หลายๆชอตที่ยิงมานี่ฮาจริง แต่ถ้าคนไม่รู้ว่าเชียงรายคืออะไร พี่หม่ำมีประเด็นอะไรกับที่บ้าน ก็อาจจะงงๆ ไม่เกทมุกก็เป็นได้ แต่ถ้าเกทกับเรื่องที่เค้าแซวๆพี่หม่ำกันบ่อยๆ 

ที่เหลือก็คือเข้าไปเสพความฮาล้วนๆ โดยรวมมองว่านี่เป็นหนังตลกส่งท้ายปีที่เรียกเสียงหัวเราะได้ดี สำหรับคนที่ชอบตลกสไตล์พี่หม่ำค่ะ หลายมุกหลายตัวละครปูมาดี เพื่อมาขยี้มุกซ้ำทีหลังก็มี

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นไปทางความฮาเสียส่วนใหญ่ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมากมาย ไม่ได้มีปนของตัวละคร หรือความซับซ้อนใดๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาภาพยนตร์ไว้ดูคลายเครียด กับภาพยนตร์เรื่อง ขุนบันลือ

รีวิวหนัง ขุนบันลือ จุดเด่นและจุดด้อยหนัง

อย่างไรก็ดี เนื่องจากว่าตัวหนังมันมิได้มีเส้นเรื่องที่จะพัฒนาต่อได้เป็นชิ้นเป็นอัน มันมีแต่ชายหญิงแต่ละคู่มองเห็นหน้าสบตากันแว้บแรกแล้วปิ๊ง แล้วไปจบกัน หรือไม่ก็มีเงื่อนที่เกี่ยวเนื่องกันมาก่อนแล้ว ที่ผ่านมามองเห็นกันเดินไปเดินมาในบ้านไม่คิดอะไร

แม้กระนั้นพอเพียงอยู่ๆไปก็เกิดอารมณ์เปลี่ยว อารมณ์เหงาหงอย อารมณ์คัน (ฮา) ความสัมพันธ์ของผู้แสดงที่เป็นข้ารับใช้ในเรือนกับตัวขุนนางนั้นเลยไม่ค่อยจะมีมากมายอย่างที่จะต้องเป็น

ทั้งยังหนังก็มิได้ตั้งใจจริงกับข้อความสำคัญประเด็นการเลิกขี้ข้าอีกเช่นเดียวกัน จริงๆจำเป็นต้องกล่าวว่าหนังมีพลอตซึ่งสามารถสร้างโอกาสต่างๆเข้ามาใส่ไว้ในเรื่องให้แข็งแรงขึ้นได้

และก็บางทีอาจครบรสมากยิ่งกว่าภาพยนตร์ตลกที่มาในอารมณ์เฮฮาคาเฟ่แต่ก่อน หลายมุก หลายเหตุการณ์ดูก็รู้ว่ามาแบบด้นสด ไหลไปบ่อย

ราวกับมองตลกคาเฟ่คณะ ป๋าเทพ เล่น เพียงแค่ตัวมุกไม่ค่อยฉีก รวมๆเลยค่อนข้างจะจาง จะมีตัดคะแนนหน่อยตรงที่จังหวะจะโคนไม่ค่อยดี จะไปงัดฉากตลกมาใช้ซะโดยมาก

ซึ่งนี่ก็เป็นเยี่ยมในสิ่งที่อยู่คู่หนังหม่ำมาตลอด พอๆกับหนังพชร์ แต่เข้าใจได้ว่ามันยังเวิร์กและเข้าถึงฝูงชนมองอีกกลุ่มนั่นแหละ

อันที่จริงดู ๆ ไป นี่เหมือนกับจะเป็นหนังที่หม่ำเคลียร์ตัวเองประเด็น ‘คนเชียงราย’ ให้ชัด ๆ กับเมียแกเองมากกว่าค่ะฮ่าๆ ซึ่งก็เป็นความโรแมนติกแบบกระด้าง ๆ ตามสไตล์คนขี้เขินแบบแกเอง ขณะที่น้องมิกซ์ ก็ได้ออกมาโชว์สกิลแร็พอยู่หลายซีน

โดยภาพรวม หนังขุนบันลือ เต็มเรื่อง สร้างความบันเทิงได้ในระดับที่ดูได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกติดขัดหรือรำคาญอะไรมากนักค่ะ

บทสรุปโดยรวมของภาพยนตร์

ส่วนฝ่ายนักแสดงสมทบก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ตัวแจมที่ต้องยกให้เขาเลยอย่าง “โรเบิร์ต สายควัน” ก็ทำออกมาได้ดี ทำให้หนังมีความน่าดูมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ใครที่กำลังหาหนังตลกดูคลายเครียด หัวเราะไปจนจบเรื่องล่ะก็ หนังขุนบันลือ เต็มเรื่อง พากย์ไทย ก็เป็นหนังที่แนะนำอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

หากว่ามุกขำขันรวมๆจะมองแกนๆจางแต่ว่าในช่วงท้าย หนังก็หมวดเงื่อนเข้าด้วยกันก้าวหน้าในเรื่องครอบครัว ที่จริงดูๆไป

นี่อย่างกับจะเป็นหนังที่กินจัดการตนเองประเด็น ‘คนจังหวัดเชียงราย’ ให้ชัดๆกับภรรยาเอ็งเองมากยิ่งกว่าฮ่าๆ ซึ่งก็เป็นความโรแมนติกแบบแข็งกระด้างๆตามสไตล์คนขี้เขินแบบแกเอง

ช่วงเวลาที่น้องมิกซ์ ก็ได้ออกมาโชว์สกิลแร็พอยู่หลายซีน ก็แค่ยังไม่ถึงกับฉายแววเมื่อมาอยู่บนหนัง อย่างไรก็แล้วแต่ ในรูปภาพรวม ขุนกึกก้อง สร้างความสนุกสนานได้ในระดับที่มองได้เรื่อยไม่เคยรู้สึกขัดข้องหรือหงุดหงิดอะไรเท่าไรนัก

และจะต้องดูว่าจุดหนึ่งที่ถูกใจเป็นเรื่องของการเก็บเนื้อหาในฉาก-รูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัว ทำเป็นดีมากกว่าที่คิดอย่างยิ่งจริงๆ‪

โดยภาพรวมหนังไม่ได้น่าเกลียด ไม่ได้แย่เข้าขั้นวิกฤต แน่นอนล่ะ..หนังแนวนี้เราไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเขา ถ้าใครดูตัวอย่างหนังแล้วชอบ สนุกกับมุกในตัวอย่าง บอกเลยว่ามุกที่เหลือทั้งหมดในเรื่องคุณผู้ชมก็จะสนุกกับมันเช่นกัน

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนัง อาตมาฟ้าผ่า หนังตลกไทยใหม่ล่าสุด นำแสดงโดย โอ๊ต ปราโมทย์ และ ป๊อป ปองกูล

รีวิวหนัง Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์ 2023

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

หนังไทยมาใหม่  วันนี้อยากจะขอมานำเสนอเรื่อง Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์ เป็นหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตพระเอกอย่าง มิตรชัย บัญชา พระเอกขวัญใจคนไทย ที่สมัยก่อนนักเร่ฉายหนังขายยาต้องมีหนังที่เขาแสดงติดรถไว้เพื่อฉายเรียกลูกค้า

และเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนด้วย เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี 2 เด้งของคอหนังไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ข่าวแรกก็คือ นี่คือการกลับมากำกับหนังไทยของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์แถวหน้าของไทย

เจ้าของผลงานระดับตำนานทั้ง ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ (2540), ‘นางนาก’ (2542) และ ‘จัน ดารา’ (2544) และอีกข่าวก็คือ Netflix เองก็มีออริจินัลคอนเทนต์ที่แปลกใหม่มากขึ้น

โดยคราวนี้เลือกที่จะหยิบเอากลิ่นอายเมืองไทยช่วงทศวรรษ 2510 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย หรือที่เรียกกันว่ายุค ‘มิตร-เพชรา’ หรือยุคฟิล์ม 16 มม. มาบอกเล่าผ่านอาชีพเล็ก ๆ ที่สูญหายไปแล้วในยุคนี้อย่าง ‘หนังขายยา’

และอาชีพนักพากย์หนัง ด้วยตัวเส้นเรื่องถือว่าน่าสนใจมาก ๆ หลังจากดูจบแล้วเราไปดูรีวิวกันเลยดีกว่าค่ะ และเพื่อนๆสามารถรับชมหนังเรื่องนี้ได้ทาง ดูหนังฟรีออนไลน์ สุดยอดเว็บดูหนังฟรี ตามไปรับชมกันได้เลยค่ะ

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

มนต์รักนักพากย์ (2023) เรื่องย่อ

เรื่องราวของ มนต์รักนักพากย์ เต็มเรื่อง เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2513 หน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดา ที่ประกอบไปด้วย มานิตย์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าและนักพากย์ประจำหน่วย, ไอ้เก่า (จิรายุ ละอองมณี) ไอ้หนุ่มพนักงานดูแลเครื่องฉาย

และ ลุงหมาน (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) คนขับรถ จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับ เรืองแข (หนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวหัวก้าวหน้าผู้อยากมีอนาคต มาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย

พวกเขาทั้ง 4 คนต้องออกตระเวนฉายหนัง พากย์หนังกลางแปลง และขายหยูกยา ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเปลี่ยนแปลงอาชีพของพวกเขา

ในแง่หนึ่ง การหยิบเอาเรื่องราวของอุตสาหกรรมหนังไทยในช่วงปี 2513 ถือว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นไม่น้อย เพราะแทบไม่มีหนังไทยที่เคยพูดถึงวงการหนังในยุคนี้มาก่อน

แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรื่องราวที่พ้นสมัยไปแล้วมีความน่าสนใจมากกว่าเป็นแค่สารคดีเฉย ๆ ตัวหนังให้น้ำหนักกับการสร้างมวลบรรยากาศของหนังไทย ที่คอหนังไทย คนทำหนัง และนักดูหนังน่าจะชอบค่ะ

การดำเนินเรื่อง

ตัวหนังแอบหยอดและสอดแทรกสิ่งละอันพันละน้อย ที่เป็นการแสดงความเคารพหนังไทยยุคนั้นเอาไว้เต็มไปหมด รวมทั้งการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน

อุตสาหกรรมหนังไทยยุค 16 มม. ตั้งแต่การถวิลหาความสมจริงในหนังมากขึ้น การเข้ามาของสื่อโทรทัศน์ที่มีผลต่อธุรกิจขายยา รวมทั้งการเสียชีวิตกะทันหันของ มิตร ชัยบัญชา

ที่เปรียบกับการสิ้นสุดของเสาหลักของวงการหนังไทย ทั้งในมุมของคนดู และคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนถึง (และก็น่าจะมีอีกเยอะที่ไม่มีใครพูดถึงเช่นกัน)

เอก เอี่ยมชื่น ผู้เขียนบท เลือกที่จะให้ตัวละครของหนังเป็นตัวเดินเรื่องแบบกึ่ง ๆ Road Movie ที่มีบรรยากาศและองค์ประกอบย้อนยุคครอบคลุมอยู่

และปล่อยให้ตัวละครเดินเรื่องและพบกับ Conflict ไปเรื่อย ๆ ผ่านบรรยากาศและองค์ประกอบ โดยมีเส้นเรื่องเกาะเกี่ยวไว้แบบบาง ๆ

ความฝันของทุกคนล้วนแตกต่าง

มนต์รักนักพากย์ หนังไทย แม้จะมีกลิ่นอายของยุคสมัยก่อน แต่เส้นเรื่องก็ยังคงดำเนินไปด้วยความฝันทั้งของ มานิตย์ เรืองแข เก่า และลุงหมาน ทุก ๆ การเดินทางพวกเขาต้องแบกความฝันที่เขามีไปด้วย และหวังว่าสักวันมันจะเป็นจริงขึ้นได้

ด้วยความพยายามของพวกเขาแม้ความฝันของพวกเขาจะแตกต่าง แต่จุดหมายคือความสุขและสิ่งที่พวกเขารัก และพวกเขาก็สามารถก้าวผ่านความกลัวใจใจไปได้ ดูแล้วสร้างแรงบันดาลใจได้ดีทีเดียว

ซึ่งเอาจริง ๆ ตัวหนังค่อนข้างจะเดินตามโครงเรื่องแบบที่คุ้นเคยกัน และหลาย ๆ จุดในหนัง เอาเข้าจริงก็แอบ Cliché ประมาณหนึ่งเลยแหละ อีกจุดก็คือ

พอหนังเน้นเล่าบรรยากาศ พล็อตของตัวละครบางส่วนจึงยังไม่ลงตัวนัก โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ที่ยังดูฉาบฉวย และมีช่องโหว่อยู่บ้าง

แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ด้วยรายละเอียดโครงเรื่อง การอธิบายตัวละคร การสร้างบรรยากาศที่สมจริงและเข้าถึงได้ง่าย รวมทั้งการมีเซตของตัวละครที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นกันคนละแบบ

ช่วยให้ตัวหนังมีเสน่ห์และตามดูได้เพลิน ๆ รวมทั้งการที่ตัวหนังฉลาดด้วยการหาทางลงให้กับตัวละครได้สมจริงมาก ๆ

เหมือนเป็นตัวบ่งบอกว่า ในช่วงชีวิตของวงการหนังไทย ล้วนผ่านวัฏจักรการล้มหายตายจากมาไม่มากก็น้อย แต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทดแทน สิ่งที่ตัวละครทำได้ก็คงมีแค่โอบรับ เข้าใจ และปล่อยให้อดีตผ่านไปช้า ๆ เท่านั้นเอง

บรรยากาศชวนให้นึกถึงวันวาน

ถ้าใครเกิดทันในยุคหนังกลางแปลงที่กำลังเฟื่องฟู คงจะอินน่าดู เพราะเนื่องด้วยรายละเอียดของหนังหลาย ๆ อย่างทำออกมาได้ดีจนว้าว แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย ๆ หนังเขาก็ใส่ใจ เช่น สลากล็อตเตอรี่ในยุคนั้น ร้านรวงต่าง ๆ การแต่งตัวในยุคนั้น

ซึ่งเราไม่มีทางเคยเห็นแน่นอน และการเร่รถไปในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อฉายหนังและขายยา แต่ถ้ายุคหลัง ๆ อย่างตัวเราเองก็อาจจะไม่ทัน แต่หนังก็ทำให้เห็นภาพของบรรยากาศในยุคนั้นจึงทำให้คนดูอินกับหนังได้ไม่ยาก

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

วิธีการเอาตัวรอดในเรื่องอาจจะยังมีกลุ่มคนที่มองเพศหญิงเป็นเครื่องทางเพศ ในเรื่องเราจะเห็นว่าตัวดวงแขมีการปกป้องตัวเองอย่างไร

เมื่อต้องมาอยู่ในทีมที่มีแต่ผู้ชาย และจะได้เห็นวิธีการปกป้องพวกพ้องจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ผู้กำกับใส่เข้าไปแล้วรู้สึกว่าลงตัวมาก ๆ

มนต์รักนักพากย์ (2023) การรำลึกถึงพระเอกขวัญใจหนังไทยในอดีต

เรื่องนี้มีการผสมความรำลึกถึงพระเอกที่เฟื่องฟูในยุคนั้น มิตร ชัยบัญชา ในเรื่องได้เสริมรายละเอียดของเนื้อหาเข้าไป และเขาก็เป็นแรงบรรดาใจให้ผู้คนมากมายในสมัยนั้น

แต่กลับต้องมาจากไปในวัยอันควร มีฉากที่เรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาให้คนที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้เห็นเช่นฉากยกร่างของมิตรชัยบัญชาให้ประชาชนดู

เพื่อพิสูจน์ว่าเขาได้เสียชีวิตจริง ๆ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเป็นเพียงการแสดง ๆ แต่เมื่อได้ย้อนดูภาพเก่า ๆ แล้ว มันคือเรื่องจริง ที่หนังหยิบยกขึ้นมาแสดงให้คนรุ่นหลังได้รู้

ทีมงานและนักแสดง นักแสดงทุกคนทำออกมาได้ดี การสื่ออารมณ์การเข้าสวมบทบาทได้สมจริง ฉากร้องไห้ก็ทำให้ดูแบบเสียใจจริง ๆ เลือกนักแสดงมาได้ดีมาก ๆ

ตัวละครที่เราชอบเลยคือ หนูนา หนึ่งธิดา ไม่คิดว่าจะเล่นออกมาดีขนาดนี้ ตัวละครดวงแขบุคลิกดูก้านโลก แต่ก็อ่อนหวาน หนูนาทำให้เราเชื่อบุคลิกนั้นจริง ๆ ซึ่งเราประทับใจมาก

หลังจากดูหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกอยากย้อนกลับไปในวันวาน แม้ว่าตอนนั้นเราอาจจะยังเด็กมาก ๆ แต่ก็ยังคงไม่ทันหนังขายยาที่มีพากษ์สดอยู่ดี

จะมาทันช่วงยุคหนังกลางแปลง ล้อมวิก แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงอินกับกลิ่นอายของยุคนั้น ๆ อยู่ดี โดยส่วนตัวชอบหนังโทนนี้มาก ๆ สำหรับใครถ้าชอบหนังแนวนี้สามารถดูได้ที่ Netflix

บทสรุปโดยรวมของภาพยนตร์

ผู้เขียนมองว่าทีมงานมีความฉลาดในการ casting ตัวละครหลักและการเลือกโลเคชัน และสถานที่ถ่ายทำก็ทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครในเรื่องได้

บางซีนมันอาจจะดูเชยๆ ดูชนบท แต่ผู้เขียนก็รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก พล็อตเรื่องดี ภาพสวย ตัวละครมีเรื่องราวที่น่าสนใจ แม้ในเรื่องจะยาวไปนิดหนึ่งในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งย่อเนื้อเรื่องให้กระชับขึ้นได้

โดยรวมหนังให้ความรู้สึกเต็มอิ่มและไม่น่าเบื่อเลย ซึ่งหลังรูจบให้อารมณ์ครบทุกรสเลยทั้งตลก เศร้า และสนุกสนาน รวมถึงน่าสงสาร

ผู้เขียนเกิดทันในช่วงที่หนังกลางแปลงดังในตลาดแถวบ้านของผู้เขียนซึ่งเอาจริงๆผู้เขียนไม่รู้เลยว่าในชีวิตนั้นมีอาชีพนักพากย์หนังกลางแปลงด้วย เรื่องนี้เล่าและตีแผ่เบื้องหลังการทำอาชีพพากย์หนังกลางแปลงอยู่ด้วย

Once Upon A Star มนต์รักนักพากย์

ซึ่งเหมือนเราได้กลับไปย้อนยุคในสมัยก่อนที่จะมีสมาร์ทโฟนจริงๆ และได้รับรู้และเข้าใจว่าในสมัยก่อนนั้นคนที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้นเขาใช้ชีวิตกันยังไง

และหนังไทยเรื่องนี้ทำออกมาดีกว่าที่ผู้เขียนเคยคาดคิดหรือคาดหวังเอาไว้ในตอนแรกก็ดูตามกระแสเฉยๆเพราะติดกระแส top 10 ในช่อง Netflix แต่มันกลับดีกว่าที่คิดเอาไว้

แล้วทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็กและไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆและคอยซื้อของในตอนที่เดินเล่นในตลาดจริงๆ หนังไม่ได้เน้นไปที่ประเด็นความรักมากนัก

แต่เน้นไปที่การทำอาชีพของตัวเอกมากกว่าเลย เป็นความประทับใจแบบที่หาได้ยากในเสน่ห์ของหนังไทย การแสดงของนักแสดงก็ค่อนข้างดีดู เป็นธรรมชาติในเรื่อง ไม่ล้นเกิน ไม่ขาดเกิน กำลังดีเลย

สำหรับหนังมนต์รักนักพากย์ (Once Upon A Star) เราให้คะแนน 9/10 ถือเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกดี มองดูแล้วมีกลิ่นอายของยุค 60 ที่ดูอบอุ่น ดูของวินเทจ

และวิถีชีวิตของคนในยุคนั้นด้วย และที่สำคัญตัวหนังยังพาเราไปสัมผัสประสบการณ์การฉายหนังขายยาที่ทุกวันนี้หาดูไม่ได้อีกแล้ว เพื่อนๆสามารถชมภาพยนตร์ได้ที่ทาง Netflix

หรือเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากรับชมรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิว The Box กล่องหลอน ซ่อนตาย ซีรีส์ไทยแนวระทึกขวัญ/สืบสวนสอบสวน