Tag Archives: สปอยหนังใหม่

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

รีวิวหนังไทย จากเวอร์ชัน ภาพยนตร์ ที่ทำรายได้สูงมากๆ เลยทีเดียว ในประเทศไทย ก้าวไปลือลั่น ในต่างประเทศ ถูกซื้อในฉายในหลายๆ ประเทศ คว้ารางวัลจากหลากเทศกาลหนังทั่วโลก ถูกตีพิมพ์เป็นนิยาย และวันนี้กลายเป็นละครที่ฉายให้คนไทยได้ดูกันทั้งในทีวีและออนไลน์ แน่นอน ผมกำลังพูดถึง ‘ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์’ หรือชื่ออังกฤษก็ ‘Bad Genius The Series’ นั่นเอง

ข้อสอบชุดนี้เป็นการรีวิว ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์ EP.1-2 ที่ฉายไปแล้วทางช่อง ONE 31 และทางออนไลน์ในแอปพลิเคชัน WeTV และ EP.3-4 ซึ่งมีการจัดฉายรอบ Special Screening ณ Paragon Cineplex เมื่อวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ

 

จากจุดเริ่มต้นการโกงข้อสอบในห้องเรียน.. จะลุกลามบานปลาย จนกลายเป็นการโจรกรรมข้อสอบระดับประเทศ พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่แค่นักเรียนมัธยม แต่คือตัวแทนที่สะท้อนการโกงในทุกระดับชั้นของสังคมไทย จากภาพยนตร์ปรากฏการณ์ ฉลาดเกมส์โกง สู่ละคร ฉลาดเกมส์โกง ที่จะพาคุณไปไกลกว่าเดิม ด้วยเรื่องราว ตัวละคร

เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

 

 

 

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

 

และบทสรุป ที่ใหญ่กว่า ใหม่กว่า และท้าทายยิ่งกว่า! หลังจากที่ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ (Bad Genius) เวอร์ชันภาพยนตร์ที่กำกับโดย นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่ออกฉายในปี 2560 สามารถกวาดเสียงตอบรับชื่นชมท่วมท้น กวาดรายได้ไปกว่า 113 ล้านบาทในประเทศไทย แถมยังออกไปโกยรายได้ในอีกหลาย ๆ

 

ประเทศทั่วโลก มาในปีนี้ GDH จึงได้เริ่มพัฒนาหนังเรื่องนี้ให้อยู่ในรูปแบบของซีรีส์ และเปลี่ยนนักแสดงใหม่ทั้งหมด ในชื่อ ‘ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์’ (Bad Genius The Series) โดยครั้งนี้ ทาง GDH ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิงเจ้าใหญ่ของจีนอย่าง WeTV ที่จะฉายซีรีส์นี้ในรูปแบบ Simulcast ให้คนไทยและคนจีนกว่าพันล้านคน ได้ชมไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าโดยรวมของซีรีส์เรื่องนี้ จะมีภาพรวมที่ชวนให้คิดไปว่าจะดึงเอากลิ่นอายเดิมจากในหนังมาชัดเจน และให้หมายรวมไปถึงพล็อตที่เน้นหนักในเรื่องของการเปิดโปง ตีแผ่เรื่องราวดราม่าในโรงเรียน ทั้งเรื่องของความเหลื่อมล้ำ โอกาสทางการศึกษาที่มี

 

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

 

ไม่เท่ากัน รวมไปถึงประเด็นดาร์กโลกแตกอย่างเรื่องของการ เรียกแป๊ะเจี๊ยะ การที่ครูหารายได้เสริม ด้วยการติวพิเศษ แล้วแอบเอาข้อสอบมาเฉลยก่อน อันนำไปสู่สาเหตุของการ “โกง” ตั้งแต่การโกงข้อสอบเล็ก ๆ ในโรงเรียน จนถึงการโกงข้อสอบระดับโลก แต่สิ่งที่ในซีรีส์สามารถทำให้ต่างออกไปได้อย่างชัดเจนมาก ๆ คือการเพิ่มเรื่องราวตีแผ่ประเด็นต่าง ๆ ที่ตัวละครแต่ละตัวต้องเจอ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนเรื่องราวของสังคมไทยแทบทั้งนั้น ทั้งเรื่องของความหวังในการใช้การศึกษาเพื่อที่จะเปลี่ยน

 

ฐานะและสถานะทางสังคม การทำตาม Passion ของเด็กวัยรุ่น ม.ปลาย ที่แต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน แต่กลับต้องถูกวัดผลความสามารถด้วยคะแนนการสอบ การมี Conflict of Interest (ผลประโยชน์ทับซ้อน) ในโรงเรียน รวมถึงเรื่องของประเด็นปัญหาเรื้อรังในสังคมในหลาย ๆ จุดที่แก้ไม่หายด้วย

 

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

 

ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตามเหตุผลต่อไปนี้ เห็นด้วย แน่นอนว่า ในหนัง เรื่องราวของการ “โกง” นั้นถือว่าเป็น Theme ใหญ่ที่ครอบคลุมตัวหนังไว้อยู่ ซึ่งแม้ว่าตัวหนังจะเล่าเรื่องของการออกแบบกลไกการโกงของครูพี่ลินและพรรคพวก แต่สิ่งที่ในหนังพยายามจะเล่าต่อออกมานั่นก็คือ เรื่องของ การ “โกง” แม้ว่าการโกงของลินนั้นเป็นสิ่งผิด แต่การที่ลินต้องยอมโกง ก็ทำอยู่ภายใต้เหตุผลของการ “โกงล้างโกง” อีกทีหนึ่ง ซึ่งนั่นก็หนักแน่นพอที่จะทำให้เราเอาใจช่วยลินในการโกงข้อสอบไปโดยปริยาย

เรื่องย่อ รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

รวมถึงเรื่องของการออกแบบเนื้อเรื่อง และโจทย์ของการโกงในรูปแบบต่าง ๆ ให้ “ฉลาด” สมกับชื่อหนัง มีความสนุก ตื่นเต้น พลิกล็อกอยู่ตลอดทั้งเรื่องจนแทบจะเดาทางหนังไม่ถูก อีกทั้งยังสามารถคุม Mood & Tone ของหนังให้ออกมาเหมาะสม ซึ่งนี่คือสิ่งที่หนัง และในซีรีส์สามารถทำได้อย่างสำเร็จสวยงามในระดับที่ใกล้เคียงกัน หนังฟรี หนังใหม่

 

ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเพราะ สิ่งที่ซีรีส์กำลังจะทำ คือการแผ้วทาง “ทางเลือกใหม่ ๆ ” ในการเล่าเรื่องนี้ให้ต่างจากความเป็นหนังอยู่พอสมควรเหมือนกัน แม้ว่าพล็อตโดยรวมของ 2 อีพีแรก จะมีทิศทางคล้าย ๆ กับเนื้อหาในช่วงครึ่งแรกในหนัง แต่สิ่งที่ในซีรีส์เติมต่อมาจากหนังนั่นก็คือเรื่องของการพยายามอุดรูรั่วต่าง ๆ ในหนัง เช่นการออกแบบการโกงข้อสอบด้วยตัวโน้ตเปียโน ซึ่งในซีรีส์ก็มีการปรับแต่ง “อะไรบางอย่าง” ทำให้ตัวซีรีส์ในอีพี 1-2 มีความแตกต่างจากเนื้อหาครึ่งแรกของหนังอย่างน่าสนใจ

 

 

 

เป็นเรื่องของ ลิน เด็กอัจฉริยะที่เพิ่งย้ายมาเข้าเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนเอกชน แต่ด้วยความที่พ่อของเธอต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงมากเพื่อให้เธอได้เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ลิน เด็กสาวที่มีระบบความคิดแตกต่างจากเด็กในรุ่นเดียวกันจึงได้ปิ๊งไอเดียระบบการลอกข้อสอบขึ้นมา โดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อแทน ก ข ค และ ง

 

ลินทำเงินได้มหาศาลจากการให้เพื่อนลอกข้อสอบนี้ แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นเมื่อเธอต้องการที่จะโกงข้อสอบ STIC ซึ่งเป็นข้อสอบระดับโลกที่จะจัดสอบพร้อมๆ กับทุกประเทศ ทำให้นี่จึงเป็นความเสี่ยงครั้งรุนแรงที่สุดที่เธอต้องเจอ และเธอทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ แบงค์ (เด็กเรียนทุน ที่เกลียดการโกงที่สุด) จึงต้องเข้ามามีส่วนในมหากาพย์การโกงข้อสอบของเธอ

 

 

เบื้องหลังก่อนมาเป็น “ฉลาดเกมส์โกง” ที่ทำเอาผู้ชมตื่นเต้นไปในทุกจังหวะนั้น เกิดจากโปรเจกต์ที่พี่เก้ง–จิระ ส่งต่อให้กับ ‘บาส–นัฐวุฒิ พูนพิริยะ’ (ผู้กำกับสุดหล่อ) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของเด็กกลุ่มหนึ่งที่ใช้ความต่างเวลาในการโกงข้อสอบระดับโลก (ไม่ใช่เด็กไทยนะ) จนเป็นเรื่องราวที่โด่งดังขึ้นมาช่วงหนึ่ง และเมื่อได้โจทย์มา พี่บาสก็เอามาปรับให้เข้ากับสภาพสังคมแบบไทยๆ จนออกมาเข้มข้นและรับประกันว่าใครดูก็ต้องชอบ

 

“ประเด็นใหญ่ๆ มันคือเรื่องการโกงในสังคมปัจจุบัน ประเด็นที่โขลกลงมาในหนังก็คือ มันพูดถึงเด็กวัยรุ่น ซึ่งสนามแห่งการโกงของเด็กวัยรุ่นมันไปไหนได้ไม่ไกลเท่าไหร่นอกจากโรงเรียน ก็เลยหยิบยกเรื่องการโกงข้อสอบมาเป็นประเด็นหลักของหนัง” บท

 

 

สัมภาษณ์ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับหนังเรื่อง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ จากนิตยสาร FILMAX ฉบับที่ 118 ประจำเดือน เมษายน 2560จากที่ได้ชมนั้นจะรู้ได้เลยว่าทุกฉากทุกตอน มันสะท้อนอะไรที่ไปไกลกว่าห้องสอบ จะว่าง่ายๆ ก็คือมันการพูดถึงทัศนคติของคน โกงมากกว่าการโกง เลยยิ่งน่ากลัวเพราะคนที่มีความคิดว่า ‘การโกงไม่ผิดหรอก’ วันหนึ่งเขาก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดแบบเดิม แล้วสังคมเราจะต้องมีคนที่มีชุดความคิดแบบนี้เยอะแค่ไหนกันเชียวล่ะ

รีวิว ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius)

ต้องยกเครดิตให้นักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ที่แสดงฝีมือออกมาได้ระดับโปรมากๆ  ‘ออกแบบ’ นางเอกหน้าใหม่ของเรื่องมี character ที่น่าสนใจมาก แค่ทำหน้านิ่งๆ ก็รู้สึกว่ามีพลังงานความโหดบางอย่างถูกส่งออกมาสู่คนดูทำให้เราเชื่อไปเลยว่าคนคนนี้คือตัวละครอย่างที่หนังอยากให้เราคิดตาม นอกจากนี้นักแสดงอีกหลายๆ คนที่เราอาจเคยเห็นจากซีรีส์ฮอร์โมนส์มาบ้างแล้ว ในหนังเรื่องนี้ก็สามารถฉีกบทเก่าแล้วทำให้เราตื่นเต้นได้อีกครั้งเหมือนกำลังดูนักแสดงหน้าใหม่ทั้งเรื่อง อย่างเช่น ‘นน’ ที่ต้องรับบทเป็นเด็กเรียนดีผู้ซื่อสัตย์ ก็ดีไซน์บุคลิก ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

 

 

ออกมาได้โคตรจะเจ๋ง หรือจะเป็น ‘เจมส์’ ที่ถึงแม้จะเล่นเป็นคนเจ้าเล่ห์ๆ อย่างที่ได้รับบทมาตลอด แต่ในเรื่องนี้เจมส์ก็ทำได้ดีมากๆ และฉายเสน่ห์ออกมาสุดๆ 10/10 คะแนน เป็นหนัง GDH ที่ทำออกมาได้แมส มีจังหวะตลก และน่าตื่นเต้นครบสูตร.. แต่ว่า! มันเป็นหนัง GDH ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เคยมี เพราะถึงจะดูแมสแต่ทำออกมาเท่และแตกต่างมากๆ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าหนังไทยไม่จำเป็นต้อง เป็นหนังตลกจ๋าถึงจะสนุก นักแสดงทุกคนคุณภาพเต็มเปี่ยม น่าสนใจและมีลุ้นได้รางวัลกันเกือบทุกบทบาท บทเขียนออกมาได้มีชั้นเชิงมีการทำการบ้าน ค้นหาอุดทุกเรื่องจนลงตัว Perfect ! การถ่ายทำและตัดต่อทำออกมาได้น่าสนใจมาก ไม่มีจังหวะ

 

 

ให้ได้เบื่อเลย เป็นหนังที่ดูแปปเดียวจบเพราะตื่นเต้นปนลุ้นไปจนลืมเวลาแม้กระทั่งเพลงและดนตรีประกอบ เองก็ใส่มาได้แบบไม่ยัดเยียดคนดู เป็นความลงตัวมากๆ หนังแสดงเซ้นส์ความขี้เล่นและกวนๆ ของผู้จัดทำ แต่ออกมาแบบไม่ล้นจนกลายเป็นหนังตลก ถือว่าคุ้มค่าที่สุดในการดูหนังช่วงนี้ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

รีวิวหนังไทย เป็นตัวเลขที่ทำเอาหลายคนแปลกใจไม่น้อยสำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ผลงานการกำกับล่าสุดของ “พจน์ อานนท์” (พชร์ อภิรุจ) จากค่าย “เอ็มพิคเจอร์” หลัง “มีข่าว” ออกมาว่าหนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้ในการเปิดตัววันแรกเมื่อ 6 เมษายนที่ผ่านมาไปถึง 22 ล้านบาท เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

 

ทั้งนี้จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” กลายเป็นหนังไทยอันดับ 3 ที่มีรายได้การเปิดตัวในวันหยุดสูงที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่อันดับหนึ่งนั้นยังเป็นของ “องค์บาก” กับรายได้ 30 ล้านบาท และอันดับ 2 “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” ที่กวาดไป 29.17 ล้านบาทตามเดิม นับตั้งแต่วันเข้าฉาย 6 เมษายนจนถึงวันที่ 11 เมษายนหนังหลวงพี่แจ๊สฯ ทำรายได้ไปแล้วทั้งหมด 72.74 ล้านบาท ซึ่งหากวิเคราะห์กันในหลายๆ ปัจจัยก็ต้องบอกว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นมีที่มาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

 

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจำนวนโรงฉายซึ่งแทบจะเรียกว่า “เหมาโรง” เครือเมเจอร์ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเพราะเอ็มพิคเจอร์กับเมเจอร์นั้นว่าไปแล้วก็คือกระเป๋าเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของราคาค่าตั๋วเพราะแม้หนังจะเข้าฉายวันพุธซึ่งปกติตั๋วจะถูกกว่าวันธรรมดา แต่เนื่องด้วยวันพุธที่ 6 เมษายนที่หนังเข้าฉายนั้นเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ดังนั้นค่าตั๋วนอกจากจะไม่ถูกแล้วยังแพงกว่าวันธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปอีกต่างหาก

 

แต่กระนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เห็น “จังหวะ” ของหนังเองที่ต้องบอกว่ามาได้ลงตัว ทั้งความเป็นหนังตลกแบบในรูปแบบที่ค่อนข้างจะถูกกับรสนิยมคนส่วนใหญ่ของบ้านเรา หรือจะเป็นเรื่องของเพลงและภาพยนตร์ตัวอย่างที่ถูกโหมโปรโมตผ่านทั้งทางโลกโซเชียลและในโรงที่ถูกปล่อยออกมาในก่อนหน้าซึ่งทำได้อย่างน่าสนใจและได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมากๆ รวมไปถึงช่วงจังหวะ “ขาขึ้น” ของตัวเอกของเรื่องอย่าง “แจ๊ส ชวนชื่น” ที่ตอนนี้หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะทั้งหมดเนื่องเพราะภาพลักษณ์ของเจ้าตัวที่ออกมานั้นค่อนข้างจะถูกจริตกับเด็กวัยรุ่นยุคนี้ ทั้งสไตล์การแต่งตัว ความเป็นคนตลกแบบ

 

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

 

นักเลงยียวนกวนบาทา ฯ ซึ่งถึงตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่า “แจ๊ส ชวนชื่น” นั้นคือหนึ่งในไอดอลระดับซุปตาร์ของเด็กวัยรุ่นยุคโซเชียลบ้านเราไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ขึ้นไปถึง 150 ล้านบาทตามที่มีการโหมโปรโมตอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่นั้นสุดท้ายสิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดก็คงจะหนีไม่พ้น “คุณภาพ” ของตัวหนังนั่นเอง

 

จากการสอบถามความรู้สึกไปยังคนดูบางส่วนพบว่าหากเปรียบเทียบกับความอยากดูในก่อนหน้าและความรู้สึกหลังดูแล้วต้องบอกว่ามีหลากหลาย ทั้ง ก็สนุกดี เฉยๆ ไปจนถึงผิดหวังนิดๆ ด้วยเหตุผลว่าหนังไม่มีอะไร แถมการเดินเรื่องก็ค่อนข้างขาดความต่อเนื่องเพราะดูเหมือนตัวหนังจะมุ่งแต่เน้นขายมุกตลกอย่างเดียว

 

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

 

โดยภาพรวมของ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ที่ออกมาต้องบอกว่าไม่ต่างอะไรไปจากหนังของ “พจน์ อานนท์” ที่ผ่านๆ มา คือเล่นกับกระแสหรือสถานการณ์ที่เป็นประเด็น ซึ่งถ้าเมืองนอกมีหนังสไตล์ “ยำหนังจี้” (scary movie) หลวงพี่แจ๊สก็คงจะเป็นไปในลักษณะ “ยำข่าว(โซเชียล)จี้” อะไรทำนองนี้ แต่ทั้งนี้สิ่งหนึ่งต้องชื่นชมผู้กำกับสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือความพอดีในการที่จะเล่นมุกตลกที่ไม่หยาบโลน และไม่เลอะเทอะ เลยเถิด เหมือนกับหนังบางเรื่องที่ผ่านมาของเจ้าตัวนั่นเอง

เรื่องย่อ รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

ถึงตรงนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ายุทธวิธีการโปรโมตของตัวผู้กำกับเองที่ออกมาระบุว่าหากจะดูหนังเรื่องนี้ก็ต้องเสียเงินเข้าไปดูในโรงเพราะจะไม่มีการปั๊มเป็นแผ่นออกมาวางขายนั้นจะสร้างกระแสหรือไปกระตุ้นให้คนทั่วไปยอมเสียเงินเข้าโรงไปดู “หลวงพี่แจ๊ส 4G” กันได้มากน้อยเพียงใด เพราะลำพังถ้าจะไปหวังกระแสจาก “ปากต่อปาก” นั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากจริงๆ ต้องขอบอกตรงๆ จากใจก่อนเลยว่า เรารู้สึกเสียเวลาสุดๆ ที่มาดูหนังเรื่องนี้ (ตอนแรกก็ไม่อยากเสียเวลามารีวิวด้วยซ้ำ แต่ไหนๆ ก็ดูแล้ว และที่ผ่านมาก็เขียนถึงหนังทุกเรื่องที่ดู ก็เลยตัดสินใจเขียนๆ ไปตามหน้าที่) หนังฟรี หนังใหม่

 

หลวงพี่แจ๊ส 4G นี่ถือเป็นหนังของผู้กำกับคนดัง พจน์ อานนท์ เรื่องแรกที่เราเคยดู แล้วมีคนบอกว่า หลวงพี่แจ๊ส 4G นี่มีเนื้อหาและสนุกกว่าหนังช่วงหลังๆ หลายๆ เรื่องของ พจน์ อานนท์ เขาแล้วนะ เราก็ “อห! แล้วเรื่องอื่นแม่งจะขนาดไหนวะ”ในความคิดของเรา หลวงพี่แจ๊ส 4G นี่จัดว่าแย่เลยนะ โดยทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับที่เขาเอาพระเอาธรรมมาล้อเล่นแต่อย่างใด หรือในส่วนของความไร้สาระ เราจะไม่ด่านะ เพราะมันเป็นหนังตลก ไม่จำเป็นต้องมีสาระก็ได้

 

 

แต่ที่ต้องด่านี่พล็อตล้วนๆ คือพล็อตเรื่องมันเละตุ้มเป๊ะและแก่นสารหามีไม่แบบสุดๆ เช่น มีฉากนึงเกี่ยวกับชาวบ้านขอหวย ชาวบ้านถูกหวยงวด 16 เมษายน แต่คือฉากนี้เสือกมาก่อนฉากประชาชีเล่นสงกรานต์ สงกรานต์บ้านหลวงพี่มาหลัง 16 เมษาฯ หรอ นี่สงสัย

 

มุกตลกปังบ้างไม่ปังบ้าง แต่ส่วนใหญ่ค่อนไปทาง “อะไรของมึง” แต่ส่วนที่ชื่นชมคือการเล่นมุกที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์ และเข้ากับสังคมยุคโซเชียลฯ ในปัจจุบัน และดารารับเชิญเยอะดี คิดว่าเด็กวัยรุ่นขาแวนซ์น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักๆ ที่จะชื่นชอบหนังเรื่องนี้

 

 

แต่สำหรับเรา… เราให้ 3/10 พอ ดูแล้วคิดตลอดเวลาว่า “เมื่อไหร่แม่งจะจบ” โดยทั้งนี้ 1 คะแนน แด่นักแสดงหล่อ (เป็นบางคน) + 1 คะแนน แด่มุกตลกที่ทันสมัย (ในบางมุก) และ + 1 คะแนน สำหรับความพยายามที่จะสอดแทรกสอนชาวพุทธและชาวเน็ต (ถึงแม้จะไม่ได้ออกมาเวิร์คเท่าไหร่นักก็ตาม)

 

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เชื่อว่าหนังของพี่ พจน์ อานนท์ ก็ยังจะขายได้เหมือนเดิมอยู่ดี จบ. ป.ล. นี่วิจารณ์หนังอย่างสุภาพและไร้อคติที่สุดแล้วค่ะ เพราะกลัวผู้กำกับฯ เขาจะมาตามด่าและจิกหัวอิชั้นไปทำหนังเอง บรัยส์ในยุคที่โซเชียลมีประเด็นเดือดกันทุกวัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดราม่า กลายเป็นส่วนหนึ่งที่คนไทยชอบเสพและเป็นอีกสีสันที่ทำให้เรามีเรื่องพูดคุยทุกวัน แต่กระแสมาไวไปไวชนิดที่บางเรื่องเราก็ลืมไปแล้ว การจับประเด็นดราม่ามายำจึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจ

 

 

รวมกับการสอดแทรกธรรมมะเข้าไปในหนัง กลายเป็นอีกความบันเทิงที่ต้องยอมรับว่า หลวงพี่แจ๊ส 4G สามารถทำออกมาโดนใจแฟนหนังคนไทยส่วนใหญ่ได้อย่างดีหลวงพี่แจ๊ส 4G เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ พระบวชใหม่ชื่อ หลวงพี่แจ๊ส ที่หนีเรื่องราววุ่นๆความรักไปหลบพบความสงบในชายผ้าเหลือง ซึ่งหลังจากที่ไปบวชไกลได้ไม่นาน หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็ได้ส่งให้หลวงพี่แจ๊ส เข้ามาศึกษาพระธรรมในเมืองกรุง เพื่อ

รีวิว หลวงพี่แจ๊ส 4G

เรียนรู้สัจธรรมของชีวิต โดยมีสองเด็กวัดอย่างนายมโน กับ นายสายสิญจ์ มาเป็นคนคอยติดตาม ความวุ่นๆในเมืองกรุงจึงบังเกิด ตั้งแต่การปรับตัวเรื่องวิถีชีวิต เรื่องราวความเชื่อและความงมงายของสาธุชนในกรุงเทพฯ สอดแทรกความฮามาตั้งแต่พระแจ๊สบวชนาคจนถึงจบเรื่อง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

 

หลวงพี่แจ๊ส 4G ถือว่ายำความบันเทิงที่โดนใจคนไทยมาไว้ได้แบบซื่อตรง ไม่ต้องอ้อมค้อม ทั้งประเด็นตลก การหยิบจับเรื่องดราม่าที่คนพูดถึงบนโซเชียลมาไว้ในหนัง เช่น คดีของดีเจชื่อดังที่ถอยรถชน ล้อเลียนรถเมล์สาย 8 วินมอเตอร์ไซค์ในเมืองกรุง หรือ แม้กระทั่งประเด็นการเมืองและเทรนด์ตุ๊กตาลูกเทพ ถือได้ว่าหนังเอาความจริงมาย้อนให้เราได้นึกถึงแบบชนิดที่ขำจนกรามค้าง โดย หลวงพี่แจ๊ส พยายามสอดแทรกธรรมมะแง่คิดในเรื่องของการไม่อยากให้ พุทธศาสนิกชนเชื่อและงมงายในสิ่งที่

 

 

มองไม่เห็น ซึ่งจะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมหมอง รวมถึงการส่งสารถึงคนดู เรื่องการทำความดี กฎแห่งกรรม เป็นอีกหนังตลกที่ไม่ได้มีแค่ความขำขัน แต่ยังให้คนในสังคมได้หันมามองด้วยว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองของเราเป็นอย่างไรบ้าง?สำหรับการแสดงของ แจ๊ส ชวนชื่น ถือเป็นตัวนำของเรื่องที่เก็บทุกมุก ขำทุกเม็ด  ความสำรวมในผ้าเหลืองก็ทำให้เราเห็นภาพของพระแจ๊สในมุมของพระอารมณ์ดีมากกว่าการเห็นภิกษุเป็นตัวตลก ส่วนเด็กวัดสุดกวนทั้งสองก็นำพาเรื่องป่วนๆและเป็นตัว

 

 

ช่วยหลวงพี่แจ๊สในการแก้ปัญหาพาเรื่องราวดำเนินไปอย่างสนุกสนาน และ ความเด็ดอีกอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือการรวมพลตัวพ่อตัวแม่ความตลกเข้ามาไว้ในเรื่องแบบจัดเต็ม ทั้งพ่อดม ชวนชื่น, เป็กกี้ ศรีธัญญา, ตั๊ก ศิริพร , สุเทพ สีใส และนักแสดงรับเชิญที่เคยสร้างความฮาในหนังพจน์ อานนท์หลายเรื่องก็กลับเข้ามาแจมให้หนังมีสีสันจัดจ้านมากขึ้นด้วย หลวงพี่แจ๊ส 4G  เป็นความตลกที่คนไทยดูได้ทั้งครอบครัว สอดแทรกสาระ จะดูเอาฮาก็ดี จะดูเพื่อเสริมสร้างความดีก็ได้ ใครกำลังหนีเรื่องเดือด ๆและอากาศร้อนๆ เชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณใจเย็น และ เย็นใจขึ้นได้มากเลยทีเดียว

รีวิว 4 แพร่ง

รีวิว 4 แพร่ง

รีวิว 4 แพร่ง

รีวิวหนังไทย ในประเทศไทยมีหนังผีมากมายที่มีความสยองและน่ากลัวจนแทบจัดอันดับไม่ถูก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังเรื่อง “4 แพร่ง” ของค่าย GTH ที่ได้รวบรวมเอาแนวหนังผีหลากหลายแนวคัดมาทั้ง 4 แนว 4 เรื่องให้อยู่รวมกันในหนังหลักเรื่อง ดังนั้นไม่ว่าใครจะชอบดูหนังผีแนวสยองขวัญ ไสยศาสตร์ มีความตลก หรือลุ้นระทึกก็สามารถชวนกันมานั่งดู 4 แพร่งได้ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

 

รับรองว่าคุณจะได้ลุ้นไปกับอารมณ์ความสนุกของหนังผีที่สนุกสนานลงตัวครบทุกแนวแน่นอน หากอยากรู้ว่าจะมีความสนุกแค่ไหนก็ตามมาอ่านรีวิวกันก่อนได้เลย หนัง 4 แพร่ง จะแบ่งออกเป็นหนังผี 4 เรื่องที่มีความน่าสนุกและลุ้นระทึกแตกต่างกันออกไปตามแนวสไตล์ ดังนี้

 

รีวิว 4 แพร่ง

 

เรื่องที่ 1 เหงา

สี่แพร่งเรื่องที่ 1 ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ปิ่น” หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในหอพักซึ่งตรงกับทางสามแพร่งได้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้ขาหักออกไปไหนไม่ได้ ด้วยความเหงาจึงทำให้เธอส่ง SMS คุยกับชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักแก้เหงาโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้ตายไปแล้ว ความหลอนที่มาพร้อมกับความเหงาจึงเริ่มเข้ามาเล่นกับประสาทของเธอที่ค่อย ๆ แตกเข้าไปทุกที

 

เรื่องที่ 2 ยันต์สั่งตาย

สี่แพร่งเรื่องที่ 2 ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มเด็กวัยรุ่นเกเรกลุ่มหนึ่งที่ไปรังแกลูกของหมอผี ทำให้เขาสร้างยันต์ที่เรียกว่า ยันต์สั่งตาย ซึ่งหากใครสบตากับยันต์นี้จะตายโดยทันที ทำให้พวกเขาต้องหลบหนีจากอาถรรพ์ของยันต์ที่คอยติดตามพวกเขาไปทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัวซึ่งมันจะค่อย ๆ ไล่ล่าพวกเขาทีละคนจนเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มีความน่ากลัวหวาดเสียวอย่างที่คุณคาดไม่ถึง

 

เรื่องที่ 3 คนกลาง

สี่แพร่งเรื่องที่ 3 ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งออกไปตั้งเต็นท์กลางป่าลึกหลังจากล่องแก่งผจญภัยเสร็จและตั้งวงร่วมกันเล่าเรื่องพี่ซึ่งพวกเขาก็ได้พูดถึงคนกลางที่มักจะเจอผีเสมอทำให้ไม่มีใครยอมนอนกลาง แต่หารู้ไม่ว่าความหลอนปนพีคแบบตลกร้ายกำลังจะมาเยือนพวกเขาในไม่ช้า

 

รีวิว 4 แพร่ง

 

เรื่องที่ 4 เที่ยวบิน 224

สี่แพร่งเรื่องที่ 4 ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “พิม” แอร์โฮสเตสสาวที่ได้รับหน้าที่ให้ไปดูแลเจ้าหญิงโซเฟียซึ่งเป็นผู้โดยสารคนเดียวของเที่ยวบิน 224 เพียงลำพังเพราะเพื่อนอีกคนของเธอเพิ่งได้ข่าวว่าน้องชายเสียชีวิตทำให้ไม่สามารถมาได้ เธอพยายามแนะนำตัวกับเจ้าหญิงโซเฟีย

 

แต่พระองค์ก็ไม่สนใจและออกจะกลั่นแกล้งพิมทางอ้อม รวมไปถึงการรับสั่งว่าจะเสวยอาหารที่แอร์โฮสเตสรับประทานกันแต่ด้วยแพ้กุ้ง พิมที่รีบจึงไม่มีเวลาหาอาหารให้ใหม่และนำกุ้งออกจากอาหารแทน จนเป็นเหตุทำให้เจ้าหญิงโซเฟียต้องเข้ารับการรักษาและเสียชีวิตซึ่งทุกอย่างคงจะจบลงแบบคลี่คลายมากกว่านี้หากไม่มีคำสั่งจากพระราชวังให้นำพระศพของเจ้าหญิงโซเฟียกลับโดยให้พิมเป็นคนดูแลด้วยเหมือนเดิม ความสยดสยองที่จะทำให้คุณไม่มีวันลืมจึงได้เริ่มต้นขึ้น

 

เรื่องที่ 1 เหงา จะออกแนวหลอนไปกับการเป้าหมายของผู้ที่ส่ง SMS มาให้นางเอกว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะยิ่งคุยกันตัวหนังก็ยิ่งบีบให้บรรยากาศชวนอึกอัดจากการคุยธรรมดาจนกลายมาเป็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคะยั้นคะยอจะมาหาปิ่นซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอม แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาว่า “คุณอยู่คนเดียว ผมเห็น” ทำให้เธอพยายามที่จะล้มเลิกการคุยกับอีกฝ่ายแต่ยิ่งหลีกหนีก็ยิ่งตาม โทนเรื่องก็เป็นแบบมืด ๆ ยิ่งทำให้ดูหลอนและตัวเรื่องก็บอกที่มาที่ไปของหนุ่มใน SMS ได้เป็นอย่างดี ทำเอาเรากลัวการอยู่หอไปเลยพอดูจบ

 

รีวิว 4 แพร่ง

 

เรื่องที่ 2 ยันต์สั่งตาย จะออกแนวน่ากลัวปนหวาดเสียวและลุ้นว่ากลุ่มวัยรุ่นเกเรจะหนีจากอุบัติเหตุอันส่งผลมาจากอาถรรพ์ของยันต์สั่งตายได้อย่างไร อารมณ์เหมือนดูหนังฆาตกรไล่ล่าที่มีวิธีการเหี้ยมโหดมากมายไม่ว่าจะเป็นจุดไฟเผาเห็นถึงน้ำเหลืองต่าง ๆ โดนของแหลมเสียบ รวมถึงควักลูกตาซึ่งต้องใจแข็งมากเวลาดู ผีจะออกมาแนว ๆ คล้ายซาตานหรือปีศาจซึ่งขนลุกเหมือนกัน ดูเรียลมาก

เรื่องย่อ รีวิว 4 แพร่ง

เรื่องที่ 3 คนกลาง แพร่งนี้เราชอบมากเพราะไม่ค่อยน่ากลัว แต่จะมีแบบผีโผล่มาอย่างไม่ตั้งตัวตามสูตรหนังผีปกติซึ่งหน้าก็ไม่ได้เละ ด้วยความที่เป็นผีเพื่อนซึ่งเสียชีวิตตอนเรือล่องแก่งล่มทำให้คนที่เหลือรักเพื่อนก็รักแต่กลัวก็กลัวจึงออกแนวตลกแบบฮา ๆ มีมุขมากมาย วิ่งหนีผีอยู่แต่บริเวณป่า น้ำตกแล้วก็มาเต็นท์อยู่ 3 ที่นี่ล่ะ แล้วจุดพีคก็มาแบบปังจนคนดูร้อง “เฮ้ย!” ตาม ๆ กัน เข้าใจวิถีของคนที่ตายโดยไม่รู้ตัวเลย หนังฟรี หนังใหม่

 

เรื่องที่ 4 เที่ยวบิน 224 จากความตลกร้ายในแพร่งก่อนหน้าก็ได้เวลาของเสียงกรีดร้องลั่นบ้านของจริงกับแพร่งที่ 4 เที่ยวบิน 224 ซึ่งมีบรรยากาศที่ชวนให้กดดันระหว่างพิมกับเจ้าหญิงโซเฟียตั้งแต่แรก คือเหมือนทั้งสองคนต่างแอบรู้จักอีกฝ่ายแบบลับ ๆ จากแหวนและรูปภาพซึ่งตัวเจ้าหญิงโซเฟียรู้มาว่าสามีตัวเองที่เป็นเจ้าชายได้แอบไปมีผู้หญิงคนอื่นซึ่งก็คือ “พิม” นั่นเองจึงได้หาทางกลั่นแกล้งแบบอ้อม ๆ

 

 

ส่วนตัวพิมก็เจ้าคิดเจ้าแค้นอีกฝ่ายที่กระทำตนเช่นเดียวกันจึงทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลับหลังเจ้าหญิงอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิต ซึ่งเรื่องจะมาสร้างอารมณ์สยองขวัญสั่นประสาทให้กับเราก็ตอนที่พิมต้องเฝ้าพระศพเจ้าหญิงโซเดียตั้งแต่ต้นทางให้ถึงปลายทางที่เครื่องบินลงจอดเพียงลำพังนี่ล่ะ คือคาแร็กเตอร์เจ้าหญิงตอนเป็นคนก็ว่าร้ายเงียบดูน่ากลัวแล้ว

 

พอเป็นร่างไร้วิญญาณก็ยิ่งสยองหลอกหลอนพิมจนสติแตกมากมายทำเอาเปิดตาดูแทบไม่ได้เลย ซึ่งเอาจริง ๆ เรื่องก็จบแบบปลายเปิดอยู่นะ คือ สิ่งที่พิมเจออาจเป็นวิญญาณของเจ้าหญิงที่อาฆาตคนที่ทำให้ตัวเองต้องการและลักลอบเป็นชู้กับสามีก็ได้แต่จะบอกว่าอาจเป็นจิตใต้สำนึกของพิมที่เกรงกลัวบาปที่ตัวก่อเอาไว้กับพระองค์หลายอย่างจนเห็นภาพหลอนเกิดอาการ Phobia จนควบคุมตัวเองไม่อยู่และเผลอทำร้ายตัวเองก็ย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกัน เป็นอีกแพร่งที่สนุกและลุ้นไปสั่นไป

 

 

นางฟ้าพลอยต้องโดยสารไปกับศพเจ้าหญิง เหอๆ ขนลุก เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่ใช้ลูกเล่นในการดำเนินเรื่องทุกอย่างเท่าที่เคยใช้กันมา เพื่อหลอกหลอนนางฟ้าแสนสวยกับคนดูได้อย่างอยู่หมัด เสียดาย ผมไม่กลัวผีในจอมานาน และก็ไม่ใช่แต๋ว ไม่งั้นคงกรี๊ดสลบคาโรงสุดท้ายก็จบแบบไม่ต้องหักมุม แต่ใครจะสนใจตอนจบ เมื่อมันไม่มีทางอื่นให้จบอยู่แล้ว ผู้ชมควรจะสนุกสนานกับการกรี๊ดในฉากสั่นประสาทไม่ใช่หรือ

 

หลังจากไปอ่านพันทิพมา จึงได้สืบทราบว่า “เหงา” นั้นดัดแปลงจากหนังสั้น “ยันต์สั่งตาย” นี่เอามาจาก การ์ตูนจิตหลุด ส่วน น้องขาวๆ ที่เล่นฉากเลิฟซีน (ในเรื่องเธอชื่อ โยเกิร์ต น่ากิ๊น น่ากิน) เธอชื่อ ชลลี่ เคยเป็นพิธีกรคลับเอ็กซ์ (เสียดาย ไม่เคยดู) และเคยแสดงเรื่อง “สวยลากไส้” (นี่ก็ไม่เคยดู) ตอนนี้ รู้แล้ว ว่าเรื่องสุดท้ายคือ “เที่ยวบิน 224” แต่ขอไม่แก้ข้างบน เอาให้มันเก็บไว้ขำๆ เล่นอย่างนั้น

 

 

เป็นเรื่องปกติ ที่หนัง 4 in 1 ไม่มีทางจะโดนใจไปหมดทุกเรื่อง เพราะความที่ทั้งสี่ เป็นคนละเรื่องกัน เขียนโดยคนละคน กำกับโดยคนละคน แถมถูกจำกัดการเล่าอยู่ในเวลาที่สั้นลงถึง 4 เท่า ไม่อาจบอกเล่ารายละเอียดอะไรให้ลึกมากพอ ได้แค่เพียงทำหน้าของการเป็น “หนังผี” ที่เขย่าขวัญสั่นประสาทคนดูให้อยู่หมัด

รีวิว 4 แพร่ง

หนังผีรวมเรื่องสั้น 4 เรื่องจากค่าย GTH ที่รวมทั้งความสยองขวัญ น่าตื่นเต้น แถมความตลกเอาไว้ในเรื่องเดียวกัน สี่แพร่ง จึงติดอันดับหนึ่งในหมวดหนังผีไทยที่ทำรายได้ไปถึง 85 ล้านบาท และกลายเป็นที่นิยมจนต้องมีภาคต่อในชื่อ ห้าแพร่ง ในปีถัดมา ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

 

สี่แพร่ง เป็นภาพยนตร์ที่รวมเรื่องสั้นสยองขวัญเอาไว้ 4 เรื่อง ได้แก่ เหงา กำกับโดย ยงยุทธ ทองกองทุน เจ้าของหนังตลกอย่าง สตรีเหล็ก, แจ๋ว และ แก๊งชะนีกับอีแอบ โดย เหงา เป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวโสดอย่าง ปิ่น (รับบทโดย มณีรัตน์ คำอ้วน) ที่ได้รับข้อความจากชายแปลกหน้าเข้ามาในมือถือของเธอ ในขณะที่เธอนั่งอยู่ในห้องที่อพาร์ตเมนต์เพียงคนเดียว ท้ายที่สุดเจ้าของข้อความแปลกๆ นั้นกลับตามมาหลอกหลอนเธอถึงห้อง

 

 

ยันต์สั่งตาย เป็นเรื่องสั้นเรื่องที่ 2 ใน สี่แพร่ง กำกับโดย ปวีณ ภูริจิตปัญญา (บอดี้..ศพ#19) เป็นเรื่องราวของกลุ่มเด็กเกเรที่ไปรุมแกล้งลูกชายของสัปเหร่อ ซึ่งเป็นที่มาของยันต์สั่งตายที่ถูกใช้เพื่อแก้แค้นเด็กกลุ่มนี้ นำทีมโดย เดี่ยว (รับบทโดย วิทวัส สิงห์ลำพอง) และพิ้งค์ (รับบทโดย อภิญญา สกุลเจริญสุข) ซึ่งหากใครสบตากับยันต์สั่งตายนี้ก็จะต้องตายทันที เรื่องสั้นอีกเรื่องใน สี่แพร่ง ที่กลายเป็นตอนสำคัญของหนังและเป็นตอนที่หลายๆ คนชื่นชอบ ด้วยความตลก สนุก และหักมุม คนกลาง กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, พี่มากพระโขนง) เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนชายที่ออกไป

 

เที่ยวล่องแก่งกลางป่า นำทีมโดย ชิน (รับบทโดย อัฒรุต คงราศรี), เต๋อ (รับบทโดย ณัฏฐพงษ์ ชาติพงษ์), เผือก (รับบทโดย พงศธร จงวิลาส) และเอ (รับบทโดย กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) เมื่อตกกลางคืนที่พวกเขาต้องนอนรวมกันในเต็นท์ ทุกคนต่างเกี่ยงกันนอนริมเพราะเชื่อว่าคนนอนริมจะเจอผี แต่สุดท้ายคนที่ต้องเจอกับวิญญาณกลับไม่ใช่แค่คนนอนริมเท่านั้น ปิดท้ายด้วยเรื่องสั้นสุดหลอนที่ยังคงติดตาคนดูจนถึงทุกวันนี้ เที่ยวบิน 224 กำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, แฝด) นำแสดงโดย พิม (รับบทโดย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) แอร์โฮสเตสสาวที่เป็นชู้กับเจ้าชายอัลเบิร์ต แต่ด้วยความ

 

 

บังเอิญทำให้เธอต้องขึ้นไฟลต์พิเศษเพื่อรองรับ เจ้าหญิงโซเฟีย (รับบทโดย Nada Lesongan) ภรรยาของเจ้าชายอัลเบิร์ตเพียงลำพัง ซึ่งภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าหญิงโซเฟียเสียชีวิตกะทันหันและต้องให้พระศพขึ้นเครื่องกลับประเทศ โดยมีพิมดูแล ทำให้เธอต้องเจอกับบทลงโทษของการลักลอบเป็นชู้กับสามีคนอื่นในที่สุด

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

หนังไทยมาใหม่ ในบรรดาผีไทยประเภทต่างๆ สำหรับเรา ‘กระสือ’ ถือเป็นผีที่น่ากลัวน้อยที่สุด เพราะมองว่าเป็นภูตผีที่มีแค่ศีรษะ ตับ ม้าม ปอด และลำไส้ลอยไปลอยมา ดูแล้วไม่น่าจะมีความร้ายกาจสักเท่าไร
ในอดีตหนังที่เกี่ยวกับกระสือหลายๆ เรื่อง จึงถูกคุมโทนออกมาในแนวตลกขบขันเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็วางให้เป็นลูกคู่กับผีปอปเพื่อเป็นตัวสร้างสีสัน แต่สำหรับ แสงกระสือ ซึ่งถูกนำมาตีความโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่มีผลงานอย่าง เด็กใหม่ ตอน 2 และ Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย เขียนบทภาพยนตร์โดย ‘มะเดี่ยว’ – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล พร้อมกับได้ที่ปรึกษาด้านวิชวลอย่าง วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ก็ทำให้กระสือเวอร์ชันนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที
รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
จำ “จูบแรก” ของคุณได้ไหม? เด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านอันห่างไกล ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนอื่น แต่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนานที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่รู้ความจริง และพยายามปกป้องเธอจากการไล่ล่าของชาวบ้านที่หวาดกลัวผีกระสือ ความใกล้ชิดของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรัก ขณะที่อสูรกายอีกสายพันธุ์หนึ่งก็ต้องการหัวใจของเธอเพื่อความเป็นอมตะ หนทางที่เธอจะอยู่รอดคือหนีออกจากหมู่บ้าน หรือการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตามล่า… แล้วเขาจะปกป้องเธอได้หรือไม่
รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
     เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกรุงเทพฯ ยังถูกเรียกว่าพระนคร และในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวพระนครเท่าไรนักก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อ สาย (ณฑิรา พิพิธยากร) หญิงสาวที่ใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้เป็นนางพยาบาลคอยช่วยเหลือชาวบ้าน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย ซึ่งหนังก็บอกกับคนดูตรงๆ ว่าเธอคือกระสือ แต่ก็มีข้อสงสัยบางอย่างว่าในเมื่อสายได้รับการถ่ายทอดเชื้อกระสือมาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมถึงมาออกอาการในตอนโตช่วงนี้
     สายมีเพื่อนผู้ชายอยู่สองคนนั่นคือ เจิด (สพล อัศวมั่นคง) และ น้อย (โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) ซึ่งเจิดนั้นหลงรักและหมายมั่นว่าจะได้ครองคู่กับสายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนน้อยกลับเป็นคนที่สายมีใจให้ แต่น้อยก็จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ในพระนครเพื่อร่ำเรียนเป็นหมอ และมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้เขาต้องกลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกครั้ง พร้อมกับเหล่าผู้ล่ากระสืออีกหนึ่งกลุ่ม เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
     เรื่องราวในช่วงครึ่งแรกเป็นการปูที่มาที่ไปของตัวละครหลัก และบอกเล่าถึงวิถีการใช้ชีวิตของคนในหมู่บ้าน ไปพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของกระสือ ซึ่งเนื้อเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างมีความเนิบช้าและเยิ่นเย้อไปสักหน่อย กว่าเรื่องราวจะถูกขมวดให้เข้มข้นและกดดันขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
     ทีมนักแสดงของ แสงกระสือ นั้น ทำออกมาได้ดีทั้งเรื่องของการแสดงที่ตัวละครหลักแทบจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ โดยเฉพาะฝีมือของ สพล อัศวมั่นคง ที่เราว่าผู้ชายคนนี้น่าจะพัฒนาจนเป็นนักแสดงที่ขายฝีมือได้ในอนาคต ส่วนทางด้านนางเอกนั้นแม้จะยังไม่เข้าที่อยู่บ้าง แต่การแสดงออกด้วยสายตาทำออกมาในระดับที่ถือว่าสอบผ่าน และ โอบ นิธิ ขวัญใจแม่ยกคนนี้ ต้องยอมรับว่าบทของน้อยมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องอย่างมาก ทำให้เขาต้องแบกความกดดันของหนังเอาไว้สูงจนในหลายๆ ฉาก ยังทำออกมาได้พอให้ผ่าน
     ในงานด้านโปรดักชัน ถือว่าทีมงานมีความตั้งใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสูงจนเห็นได้ชัดทั้งการจัดองค์ประกอบภาพที่วางแต่ละซีนได้อย่างสวยงาม การถ่ายภาพที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน และซีจีที่ทำออกมาได้อย่างไม่รู้สึกขัดตา และบทภาพยนตร์ที่เข้มแข็ง
     แม้งานโดยรวมของ แสงกระสือ จะจัดอยู่ในระดับเกรดเอของภาพยนตร์ไทย แต่ก็มาพร้อมกับข้อด้อยบางอย่าง นั่นคือไม่สามารถทำให้เรารู้สึกอินไปกับเรื่องราวของตัวละคร ทั้งประเด็นรักสามเส้า การเมืองในระดับหมู่บ้าน การมาของคนแปลกหน้าพร้อมกับการคลี่คลายปมบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ถูกขยี้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ ทำให้ความเข้มข้นในบางประเด็นที่กำลังเหมือนว่าจะมีความพิเศษนั้นอ่อนแรงลง
     งานด้านภาพเองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ลดทอนบรรยากาศของความขลังและความน่าสงสัยลงไป เนื่องจากความสวยงามในการจัดแสง และความสดใสของโทนภาพ ที่กลายเป็นดาบสองคมให้กับบรรยากาศของหนังไปบ้าง (ลองนึกถึงฉากที่ใกล้เคียงกันกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ใน เปนชู้กับผี ดู)
แต่สิ่งที่เราชอบใน แสงกระสือ คือการที่หนังกำลังบอกกับคนดูว่า สุดท้ายแม้ว่าเราจะกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาของใครก็ตาม แต่ถ้าใช้หัวใจในการมองไปที่คนคนนั้น เราจะไม่รู้สึกรังเกียจหรือหวาดกลัวในสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังเป็นอยู่แม้แต่น้อย
     เช่นเดียวกับธรรมชาติของกระสือที่เวลาถอดหัวออกจากร่างจะมีการเปล่งแสงประกายออกมา ท่ามกลางความมืดมิดของใจคน แสงของความรักก็ยังคงเปล่งประกายให้เราได้เห็นอยู่เสมอ แม้สุดท้ายเราจะพบกับความจริงที่น่าเศร้าว่ามนุษย์เลือกที่จะกลบฝังแสงสว่างนั้นให้จมหายไปในความมืด เพียงเพราะว่าแสงนั้นเกิดมาจากความผิดปกติที่เราไม่เคยเปิดใจยอมรับมัน

หนังไทยแนวแฟนตาซีเฮอร์เรอร์ที่โปรดักชั่นน่าดูมากถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้เลย  สำหรับหนังผีกระสือ ผีโบราณที่แปลกแหวกความรู้สึกคนยุคใหม่ แต่ก็ทำออกมาได้รสชาติสากลแต่มีความขลังในแบบไทยสูงมาก ใครเด็กยุค 90 น่าจะจำละครช่อง 7 ที่มีกระสือยายสายและเนื้อเพลง “กระสือกลางวันมันเป็นหญิง มีทุกสิ่งธรรมด๊า ธรรมดา” ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นอีกผีที่คู่ขวัญชาวไทยมาตลอดเช่นกันหนังฟรี  หนังใหม่

 

ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบ

รอบนี้ค่าย ทรานสฟอร์เมชั่น ได้นำผู้กำกับ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับ Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย มาถ่ายทอดจินตนาการเหนือจริง พร้อมด้วยดารานักแสดงรุ่นใหม่ในบทนำทั้ง โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร และ เกรท-สพล อัศวมั่นคง และยังเป็นการคืนจออีกครั้งของดารารุ่นใหญ่อย่าง เอ็ม-สุรศักดิ์ วงษ์ไทย ด้วย เรียกว่าทั้งโปรดักชั่น ซีจี ดารา น่าตื่นตาตื่นใจไปหมดทีเดียวเชียว
สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างมากคือความพิถีพิถันระดับงานคราฟต์ ของผู้สร้างหนัง คือ การถ่ายภาพ ไลท์ติ้ง โลเกชั่น อาร์ตไดฯ คอสตูม แต่งหน้า เทคนิคพิเศษ รวมถึงซีจี คือเนี้ยบมาก ทำดีต้องชมครับ ความตั้งใจนี่ถ่ายทอดมาให้เห็นในทุกเม็ดทุกดอกของหนังเลย และส่วนที่สำคัญมากคือ รสนิยมดี ดีตั้งแต่เริ่มคิดโปรเจ็กต์ พูดถึงกระสือเราก็ติดภาพเก่า ๆ แต่ผู้กำกับโดมกลับมองต่างออกไป ผีกระสือไม่ใช่ความแหวะ แต่มันคือความงดงามในแบบหนึ่ง แสงของกระสือคือแสงแห่งความยวนใจ ไม่ใช่ความสยอง
ผู้กำกับชี้ให้เห็นความต่างของเวอร์ชั่นนี้กับที่ผ่านมาว่า “ในฐานะคนดูหนังพอนึกถึงกระสือเรามักจะยึดติดกับผีสาวที่มีหัวกับไส้และกินอาจม แต่ทางทรานส์ฟอร์เมชั่นพูดขึ้นมาว่า แล้วทำไมเราไม่ทำออกมาให้มันดีล่ะ คำนี้ท้าทายผมมาก โจทย์ในหัวของผมก็คือจะทำยังไงให้ออกมาเป็นกระสือสวยงาม”
คำว่าสวยงามนี้สำคัญมากเหมือนเป็นคีย์ของโปรดักชั่นโดยรวมเลยทีเดียว และก็ตอบโจทย์การผสานงานอาร์ตกับงานบันเทิงที่ลงตัว นี่น่าจะเป็นปัจจัยความสำเร็จของหนังในตลาดเมืองนอกแน่ ๆ
สิ่งที่ต้องชมต่อมาคือ การแสดง คือเราต้องไม่ลืมว่า บทนำ 3 คนนั้น มีถึง 2 คนที่จัดได้ว่าหน้าใหม่เลย และอีก 1 คนอย่างโอบ-นิธิ ก็ยังอยู่ในช่วงของการพิสูจน์ตัวเอง ทว่าการแสดงของทั้งสาม คือเอาอยู่ ไม่ใช่เอาอยู่ธรรมดามันรีดเร้นพลังตั้งแต่หัวใจมาถึงสายตาในการแสดงทีเดียว ต้องยอมรับว่า เราไม่ค่อยเห็นหนังไทยที่ดึงพลังการแสดงด้วยสายตามากนัก ในขณะที่หนังต่างชาติเขาทำเป็นเรื่องปกติ การที่หนังเรื่องนี้ทั้งให้จังหวะเวลาที่พอดี ให้การกำกับการแสดงที่ถูกต้อง และได้การแสดงที่ตรงโจทย์สื่อความอย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นพลังด้านการแสดงที่ทำให้เราตราตรึงมากเช่นกัน นี่ยังไม่นับมาตรฐานการแสดงของดารารุ่นเก่าทั้งหลายที่มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องซึ่งดีเป็นทุนแล้ว และการแสดงของตัวประกอบที่ชัดเจนว่าไม่ได้คัดมาแบบขอไปที แต่ตัวประกอบทุกตัวมีเรื่องราวมีการแสดงที่ส่งหนังได้อย่างน่าสะพรึง
ในด้านเนื้อหา หนังได้มะเดี่ยว-ชูเกียรติ มาเขียนบท ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ดีในฐานะคนเขียนบทด้วย และแน่นอนเมื่อหนังขับมาทางความรักสามเส้า ความคิดจิตใจแบบมนุษย์ที่มิติซับซ้อน รวมถึงความเป็นดราม่าแบบย้อนยุค ก็เรียกว่าลงตัว ดึงศักยภาพของมะเดี่ยวออกมาได้เต็มที่ สิ่งหนึ่งที่บทของมะเดี่ยวทำได้ดีมากคือการไม่ทำให้ผู้ชมเบื่อแม้กราฟหนังจะเล่าไปแบบไม่มีจุดลุ้นนัก เพราะบทจะสอดแทรกจุดหักมุมมากให้ช็อกคนดูอยู่ทุกระยะอย่างชำนาญมือ
แล้วผู้กำกับหนังก็ไม่พลาดที่จะใช้บทที่ดีในการสร้างหนังที่ดี นี่จึงคือความสมบูรณ์ที่เราบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีและดูสนุก ไม่ได้สนุกในแบบหนังบันเทิงจ๋า แต่มันคือความสนุกของการดื่มด่ำไปกับรสทางอารมณ์ทั้งสุขเศร้า รักหวานซึ้ง การเสียสละ ความรันทดใจ อย่างยิ่งยวด ซึ่งคู่ควรกับคำว่า คลาสสิก จริง ๆ
การที่ แสงกระสือ นำตำนานที่คุ้นเคยของคนไทยมาเล่าใหม่ มันก็ทำให้เรื่องราวดูทันสมัยไม่เฉิ่มเชย ตอบโจทย์วัยรุ่นด้วยการผูกเรื่องความรัก 3 เส้าเข้ามาด้วย ก็เป็นอะไรที่สูตรสำเร็จแต่ก็ใช้ได้ผลทุกที ที่มาที่ไปของกระสือมีการอธิบายชัดเจนว่า เจ้าผีสางตัวนี้มันมาจากอะไร มีวิธีติดต่อ-กลายพันธ์อย่างไรบ้าง ซึ่งดู ๆ ไปแล้วก็ให้อารมณ์ผีซอมบี้แบบฉบับไทย ๆ นี่แหละ
งานโปรดักชั่น งานถ่ายภาพหรือสถานที่โลเคชั่นการถ่ายทำ บอกเลยว่าดูดีมาก โดยในเรื่องจะเล่าเรื่องราวในเขตชนบทห่างไกลจากเขตพระนคร อาคารสถานที่ให้บรรยากาศอึมครึมไม่น่าไว้วางใจ แม้กระทั่งในฉากตอนกลางวันก็ยังให้ความรู้สึกสยอง บวกกับดนตรีประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็พยายามบิ้วท์ เร่งเร้าอารมณ์ให้คนอินกับหนังเหลือเกิน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีและหายากทีเดียวที่หนังไทยมีดนตรีประกอบขับเคลื่อนอารมณ์คนดู
kiss2บทภาพยนตร์ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้แสงกระสือ ดูดีกว่าหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา มีปมปริศนาการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม มีลูกเล่นชั้นเชิงให้คิดตามตลอด ความดราม่าใส่ได้สุดหรือความรักของตัวละครหลักก็ทำได้ดี จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่แสนเศร้า และที่น่าสนใจก็คือภายใต้แวหนังสยอง-โรแมนติก มันก็มีความเป็นหนัง “แอ็คชั่น” แฝงนิดหน่อยด้วย เชื่อว่าหากนำส่วนของฉากแอ็คชั่นไปต่อยอดก็เรียกว่าน่าสนใจมาก ๆ ทีเดียว
ตัวละครหลักในเรื่องมีความสำคัญ แม้กระทั่งตัวละครรอง ๆ ก็ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลัก สามารถนำไปแก้ประเด็นที่ผูกไว้ บ่งบอกได้ว่าทีมงานใส่ใจกับบทตัวละครได้ดี นางเอกของเรื่อง (มินนี่ – ภัณฑิรา พิพิธยากร) แสดงดีมาก ทั้งในตอนที่เป็นคนหรือกระสือ ซึ่งการแสดงสีหน้าตอนเป็นผีเผลอ ๆ ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ที่สมทบก็ทำได้ดีไม่แพ้กันช่วยเสริมให้หนังมีสีสันมากขึ้น
ในอีกด้านเราอาจมองได้ว่านี่คือหนังแนวก้าวพ้นวัยในรูปแบบหนึ่ง เด็กสาวที่วันหนึ่งเธอต้องพบว่าชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจะรับมืออย่างไร หากเปรียบเปรยการเป็นกระสือก็อาจเหมือนการเติบโตด้านร่างกาย มีประจำเดือน ร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความเขินอายต้องหลบซ่อน แต่สุดท้ายเรื่องราวของกระสือก็เป็นการสอนว่าเราไม่อาจต่อต้านธรรมชาติของการเติบโตได้ ไม่ว่าทั้งด้านดีหรือด้านร้าย แค่ต้องเรียนรู้และยอมรับ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของตนเอง และผู้อื่น ความรู้และการเปิดใจกว้างคือหนทางชนะสิ่งที่ไม่รู้และความกลัว หนังเรื่องนี้จึงให้คุณค่าในหลายระดับ ทั้งความงาม ปัญญา และอารมณ์ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

หนังไทยมาใหม่ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นค่ายหนังไทยที่กล้าผลิตหนังแนวทางใหม่ ๆ แปลกๆ แหวกตาคนดู ฮ่าๆๆๆผ มาสร้างความคึกคักให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จนต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ GMM ก็ยังได้ผลิตผลงานคุณภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกับ Mono Films ทำค่าย T-Moment ที่แม้จะมีหนังแค่ 3 เรื่องถ้วนได้แก่ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตรก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง
รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด
และหลังเปิดตัวความร่วมมือล่าสุดกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ และถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป๋็นทางการของคนตระกูลวรลักษณ์ ทั้งวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิศรุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดและผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายชิมลางก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังสแลชเชอร์คอมเมดี้เรื่องนี้นี่เอง เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex
ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตคู่หูยูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นต้องใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทผลิตเสื้อยืด แต่หลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอรวมถึง หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอเปิดเผยว่าคุณต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกเธอจึงต้องหาทางพิสูจน์ความจริงก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป
หนังได้ ภูวนิตย์ ผลดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ มาร่วมกันรังสรรค์เรื่องราวแนบสืบสวนสอบสวนคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากพิจารณาจากไอเดียตั้งต้นที่มันตั้งใจหยอกล้อกันระหว่างงานออฟฟิศที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับเจ้านายอย่างคุณต้นก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด
ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ในบท โบกี้
อีกทั้งการได้มุกดานักแสดงสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีพระเอกเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ แค่นี้ตัวหนังก็สามารถเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อสังเกตประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยคือการปูความสัมพันธ์ของตัวละครโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามตรงว่าแม้ฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ แต่กว่าหนังจะมาปูความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ปาไปองก์สองของหนังแล้ว ที่สำคัญความขัดแย้งของทั้งคู่ยังนำเสนอออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ง้องแง้งกันมากกว่า และยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยตัวละครเพื่อนสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวเท่าไหร่เข้าไปอีก
ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร ในบท หลินฮุ่ย นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ ในบท โจ๊ก
ประการต่อมาคือการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตคนดูอดคาดหวังไม่ได้เลยว่าตัวหนังควรออกมาระทึกและมีคนตายรายทางจนสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งเรื่องการฆาตกรรมเป็นเพียงอดีตที่เกิดขึ้นนานนับปีแค่ศพเดียว แล้วหนังก็เสียเวลาจับแพะชนแกะรายทางเอาทั้งความสงสัยแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร จงวิลาส) จนเราอดสงสัยในระดับสติปัญญาของนักสืบ 3 สาวไม่ได้เลย ที่สำคัญคือจุดหักมุมของมันก็มาในแบบจับยัดมากกว่าจะมีการปูปมนี้มาแต่ต้นไปอย่างน่าเสียดาย
เบื้องหลังฉากห้องนักบินในภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ใช้กล้อง Sony VENICE และเลนส์ Voigtlander
ประการสุดท้ายเลยคืองานกำกับของหนังยังไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกตามตัวละครหรือสถานการณ์ในเรื่อง ทั้งที่หนังมีฉากที่เอื้อต่อการทำให้คนดูตามติดและอกสั่นขวัญแขวนได้เพียบทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปจนถึงไคลแมกซ์ของหนังที่แม้จะทำให้คนดูได้หัวเราะและสนุกสนานบ้าง แต่จังหวะของมันก็เอื่อยจนผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ ทั้งการกำกับการแสดงที่เหมือนผู้กำกับเองก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ตัวละครรีแอ็กกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไงจนดูประดักประเดิด มุกที่ให้หลินฮุ่ยเอาตัวชนกับฆาตกรก็ดูเป็นมุกสังขารที่เกินความเข้าใจไปหน่อยจนมันดูกระอักกระอ่วนเกินจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ครับ หนังฟรี  หนังใหม่

ความรู้สึกหลังดูหลายๆอย่าง 

แต่กระนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีมาก ๆ แต่ดันมาตอนจบคือคำพูดของฆาตกรที่ว่าด้วยสังคมการทำงานแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นสายที่เอาคนรู้จักหรือมีความสัมพันธ์เข้ามาทำงานด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหากหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทยที่มีบทหนังวิพากษ์สังคมการเมืองที่ทำงานที่เฉียบคมมาก ๆ อย่างไรก็ดีหากใครจะเข้าไปเสพหนังสนุก ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็ถือว่ายังตอบโจทย์อยู่ดีครับ
ความรู้สึกหลังดูจบ
หนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยสนุกเลยฮะ เดินเรื่องวนเวียนไม่ไปข้างหน้าซะที และด้วยความยาวหนังประมาณ 2 ชั่วโมงจึงกลายเป็น 2 ชั่วโมงที่อืดอาดยืดยาดมาก แถมปูมหลังของตัวละครที่พยายามสอดแทรกเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้หนังมันเมคเซนต์อะไรเท่าไหร่นัก
ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวผู้กำกับเองหรือได้โจทย์มาจากทางค่ายนะฮะ ถึงได้ตีความและเล่าหนังออกมาในทิศทางแบบนี้ คือหนังไม่มีความชัดเจนในแนวทางใดแนวทางหนึ่งเลย เราจึงได้เห็นว่าหนังมีทั้งความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังตลก (จุดนี้จะเห็นได้ตั้งแต่โปสเตอร์แล้วที่ทำให้คนดูรับรู้ว่านี่เป็นหนังตลกนะ) แต่มันก็ไม่ตลกเลย มุกแป๊กมาก ก็มีบางซีนที่พอให้ขำ หึหึ ได้บ้างแต่จากที่สังเกต คนดูทั้งโรงก็ไม่ได้ หึหึ กันทุกคนนะ
หนังมีทั้งความ “พยายาม” จะเป็นหนังตลกร้ายจิกกัดสังคมแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ถึง ทั้งๆ ที่เรื่องราวในแวดวงพนักงานออฟฟิศ มีอะไรให้เอามาเล่นได้อีกเยอะ แต่หนังก็ไม่เอามาเล่น (แค่แตะๆ พอให้เห็นว่ากำลังเล่าเรื่องของพนักงานบริษัทอยู่นะ)
และสุดท้ายหนังยังมีความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญหักมุม ซึ่งในพาร์ทนี้แมวโอเคนะ โดยเฉพาะในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเนี้ย ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย เพียงแต่ว่ามันถูกความอืดอาดยืดยาดน่าเบื่อที่ทำให้มีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่หนังจะจบครอบงำมาเกือบทั้งเรื่องแล้ว พอมาถึงจุดไคลแมกซ์อารมณ์มันเลยไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น
สิ่งที่ต้องขอชมเชยมากที่สุดสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือการแสดงของคุณ ดีเจเผือก ฮะ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการและศักยภาพทางด้านการแสดงของเขาอย่างชัดเจนเลยฮะ สามารถทำให้เรา “เชื่อ” ในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อกับเราได้
สำหรับหนังเรื่อง My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือด เป็นหนังไทย อีกหนึ่งเรื่อง ที่เราคิดว่าพล็อตเรื่อง และ แนวของหนังได้ ดีมีความแปลกใหม่ และ น่าสนใจมาก ซึ่งจะไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในประเทศไทย โดยหนังมีการหยิบยกทฤษฎีทางจิตวิทยาเข้ามาพูดถึง และการดำเนินเรื่อง วางทามไลน์หรือนักแสดงภายในเรื่องทุกอย่างออกมาในทิศทางที่ดีโอเคเลย แต่การนำเสนอเรื่องราวนี้เรียกว่าขาดมิติหรือลูกเล่นภายในเรื่องสุด ๆ ไม่มีจุดไคลแมกซ์หรือจุดพีคทำให้คนดูรู้สึกเบื่อไม่ตื่นเต้น อีกทั้งในบางจุดของหนังก็รู้สึกถึงความไม่ Make Sence จับนั้นผสมนี่ ยำใส่กันจน งง ถึงขั้นจะต้องอุทานว่าอีหยังว่ะกันเลยเดียว! หรืออย่างในตอนจบที่มีฉากแอคชั่นต่อสู้กัน หนังต้องการพรีเซนต์ให้ดูตลกแต่เรากลับรู้สึกว่ามันดูพยายามจนทำให้แข็งทื่อไปซะงั้น
My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือดMy Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือดอีกทั้งในเรื่องนี้จะต้องมีพาร์ทของการสืบสวนแต่ไม่มีความเข้มข้นไปไม่สุด ออกไปแนวครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีช่องว่างเยอะเกิน ทำให้ดูไปหงุดหงิดไป กลับกลายเป็นหนังสืบสวน ระทึกขวัญก็ไม่ใช่ หรือจะไปในแนวตลกคอมเมดี้ก็ไม่เชิง เพราะหนังเรื่องนี้แทบมีมุขหรือฉากตลกที่น้อยมาก ถึงมีก็มียังฝืด ๆ
My Boss is a Serial Killer บอสฉัน ขยันเชือดบอก ตรง ๆ ว่า สำหรับเรื่อง My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือด แอบเสียดายนักแสดงในเรื่องมาก เพราะเป็นนักแสดงชั้นนำที่โด่งดังที่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ก้อง สหรัถ , ไอซ์ ปรีชญา , มุกดา นรินทร์รักษ์ , เผือก พงศธร และนักแสดงสมทบอย่าง ผักกาด พอวิไล , โอ๊ต ปราโมทย์และ นอท สัณหณัฐ โดยในเรื่องนี้คนที่โดดเด่นน่าจับตามองก็คือ มุกดา นรินทร์รักษ์ ที่ก้าวขามาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้และเป็นMain Cast เรื่องแรกเลย นับว่าทุกบทบาทแสดงออกมาได้ดีและเต็มที่มาก ๆ ค่ะ จุดนี้ทางเราขอชื่มชม ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว แฟนฉัน

รีวิว แฟนฉัน

รีวิว แฟนฉัน

หนังไทยมาใหม่ พูดถึงหนังไทยของค่ายหนัง GTH กันไปหลายเรื่องแล้ว วันนี้ก็จะพูดถึงหนังไทยของค่าย GTH กันอีก เกือบ 20 ปีแล้วนะ สำหรับหนังเรื่อง แฟนฉัน ที่เป็นหนังแจ้งเกิดของ แน็ค ชาลี , แจ๊ค แฟนฉัน , หรือโฟกัส จิระกุล เรียกว่าตอนเข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. 2546 เรียกได้ว่ากอบโกยรายได้กันไป 137 ล้านบาท เยอะที่สุดในปีนั้น ผมชอบหนังของค่าย
รีวิว แฟนฉัน
GTH เกือบทุกเรื่องนะ ดูเกือบทุกเรื่อง ก็สนุกและมีสาระดี เป็นเมื่อก่อนสะสมแผ่นหนังดีวีดีไว้เยอะ แต่เป็นแผ่นไรท์นะ จนหลัง ๆ ต้องโยนทิ้ง เพราะมันเยอะมาก เป็นพัน ๆ เรื่อง ไม่มีที่เก็บเลยต้องโยนทิ้ง เพราะเดี๋ยวนี้นิยมสตรีมมิ่งลงมาดูในคอมกันแล้ว ไม่นิยมซื้อแผ่นหนังดีวีดีกันแล้ว
หนังเรื่อง แฟนฉัน จะเล่าถึง เพื่อนในวัยเด็กของเจี๊ยบที่มีเพื่อนสนิทเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อน้อยหน่า ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และพ่อของทั้ง 2 คนก็เปิดร้านตัดผมเหมือนกัน แต่
รีวิว แฟนฉัน
ทั้งคู่กับไม่ถูกกันซะงั้น เจี๊ยบกับน้อยหน่าสนิทกันมากและมักจะเล่นด้วยกัน จนวันหนึ่งเจี๊ยบอยากเข้ากลุ่มกับเด็กผู้ชาย ซึ่งมีหัวโจกชื่อ แจ๊ค ซึ่งแจ๊คมีคู่แค้นชื่อ น้อยหน่า แจ๊คบอกกับเจี๊ยบว่า ถ้าอยากเข้ากลุ่มต้องไปแกล้งน้อยหน่าให้แจ๊คเห็น เพื่อแสดงความเป็นลูกผู้ชาย เจี๊ยบไปแกล้งน้อยหน่าจนน้อยหน่าร้องไห้ จนกระทั่งน้อยหน่าโกรธหรือเกลียดไปเลย จนหลังจากนั้นน้อยหน้าได้ย้ายบ้านไปอีกจังหวัดหนึ่ง เจี๊ยบตามไปเพื่อจะไปขอโทษแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว จนเจี๊ยบโตขึ้น เขาได้รับการ์ดแต่งงานจากเพื่อนในวัยเด็กที่ ชื่อน้อยหน่า และเจี๊ยบแปลกใจว่าถ้าเขาและน้อยหน่าเจอหน้ากัน ยังจะจำเพื่อนสนิทคนนี้ในวัยเด็กได้หรือไม่
รีวิว แฟนฉัน
ดูแฟนฉันจบ เหมือนย้อนความทรงจำในอดีต ครั้งเรายังเด็ก ปั่นจักรยานเล่นกับเพื่อน ๆ บางทีก็ยิงนก ตกปลา แกล้งเพื่อนผู้หญิง เคยนะครับ เล่นกระโดดยางกับเพื่อนผู้หญิงนี่ ดูแล้วก็อดขำ อมยิ้มไม่ได้ ชอบเนื้อเรื่องที่ย้อนเรื่องราวของ 2 เพื่อนซี้ในวัยเด็กที่เล่นกันตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะโกรธกัน สุดท้ายก็ไม่ลืมกัน ปูเรื่องได้ดีมาก สอดแทรกเพลงดังสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวเข้าไปในหนังด้วย ดีครับ เหมือนได้ดูหนังร่วมสมัย ได้เห็นแน๊ค ชาลี เล่นหนังตั้งแต่ตอนเด็ก ได้ดูโฟกัส เล่นตั้งแต่ยังเด็ก มีความเวอร์จิ้นในหนังดี จนทั้งคู่โตขึ้นอยากให้เป็นแฟนกันจริง ๆ ได้เห็นดาราเด็ก ที่ตอนนี้ก็โตขึ้นหมดแล้ว จะมีอยู่ในวงการบันเทิงตอนนี้ก็เห็นจะ 3 คน ดูหนังแฟนฉันเหมือนเห็นตัวเองในอดีต ที่เมื่อก่อนก็เล่นแบบนี้ ขี่จักรยานกับเพื่อน ๆ ชอบความคลาสสิคของหนัง
ช่องทางในการรับชมนะครับ สามารถหาชมได้ทาง Netfix , GooglePlay , True-ID หรือจะซื้อแผ่นดีวีดีมาดูก็ซื้อได้ที่ร้าน ฺฺB2S หรือร้านแมงป่อง บูมเบอแรง หรือซื้อออนไลน์ตอนนี้ซื้อได้จะเป็นแผ่นหนังมือสอง ที่ผ่านการดูมาแล้วหลายรอบ ก็เว็บลาซาด้า , ช้อปปี้ เป็นต้น เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว แฟนฉัน

 

10 ปี แฟนฉัน หนังรักใสๆ ในความทรงจำ
รีวิวหนัง วิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน
โดยส่วนตัวแล้วดิฉันเป็นคนชอบดูหนังแนวสยองขวัญ หรือแฟนตาซี เรื่องสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ลึกลับซับซ้อน ที่ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา ดิฉันไม่ค่อยชอบดูหนังไทยเท่าไรหนักจนเพื่อนแนะนำให้ดูภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เป็นภาพยนตร์เรื่องราวเกี่ยวกับความรักตอนวัยเด็ก ในอดีตของความทรงจำ ดิฉันเชื่อว่าทุกคนก็มีความทรงจำดี ๆ สมัยตอนเด็ก ดิฉันก็เช่นกันมันเป็นความทรงจำที่เลือนลาง จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้ดิฉันสนใจที่จะดูภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน ทำให้อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
น้อยหน่าเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวเธอเป็นเพื่อนกับเจี๊ยบสองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ยังเล็กเพราะบ้านของเขาทั้งสองอยู่ติดกันแถวระแวกบ้านเดียวกัน แถวนั้นไม่มีเด็กวัยเดียวกัน ทำให้สองคนนี้เล่นด้วยกัน เจี๊ยบจะไปเล่นกับน้อยหน่า เช่นพวกกระโดดยาง เล่นขายของ จนกระทั่งเจี๊ยบเริ่มโตขึ้นและเริ่มอยากเล่นกับเด็กผู้ชายถึงขนาดไปขอเข้าแก๊งกับเด็กผู้ชาย ที่เป็นคู่อริกับน้อยหน่า พวกแก๊งเด็กผู้ชายยื่นคำขาดให้เจี๊ยบพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายให้พวกเขาเห็น และศัตรูของพวกเขา ก็คือน้อยหน่าและใช้ให้เจี๊ยบไปตัดยางของน้อยหน่าที่กำลังเล่นกันอยู่ น้อยหน่าโกรธมากและไม่ยอมคุยกับเจี๊ยบจนวันที่น้อยหน่าย้ายบ้านไปที่อื่น เจี๊ยบตั้งใจจะไปขอโทษแต่ก็ไม่ทัน เมื่อผ่านไป 10 กว่าปีจนวันหนึ่งเธอส่งการ์ดงานแต่งงานมาให้เจี๊ยบที่บ้าน เขาสองคนยังจำกันได้ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเจี๊ยบก็ยังจำเธอได้ เพื่อนซี้เมื่อสิบขวบ
ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน จะเป็นเรื่องที่ขัดแจ้งกันระหว่างเพื่อนที่แตกหักกันระหว่างน้อยหน่ากับเจี๊ยบที่ทำให้ทั้งสองไม่เข้าใจกัน แต่สุดท้ายทั้งสองก็กลับมาเจอกันอีกครั้งและก็เป็นเพื่อนซี้กันเมื่อ 10 ปีที่เเล้วตัวละคร
ชวิน จิตรสมบูรณ์ (จั๊ก) รับบท “เจี๊ยบ” (ตอนโต)
โฟกัส จีระกุล (โฟกัส) รับบท“น้อยหน่า”
เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ (แจ๊ค) รับบท “แจ๊ค”
อัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล (เกตต์) รับบท “บอย”
วงศกร รัศมิทัต (ต้น แมคอินทอช) รับบท ชาญ (พ่อของเจี๊ยบ)
อนุสรา จันทรังษี (กบ) รับบท แม่ของเจี๊ยบ
ปรีชา ชนะภัย (เล็ก คาราบาว) รับบท สมัย (พ่อของน้อยหน่า)
นิภาวรรณ ทวีพรสวรรค์ (ไก่ 18 กะรัต) รับบท แม่ของน้อยหน่า
ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพความทรงจำในวัยเด็ก มีสิ่งที่ชอบเล่นเหมือนกัน ผู้ชายอาจจะมีขี่จักรยาน เป่ากบ ผู้หญิงอาจจะมีกระโดดยาง เล่นขายของ แต่สุดท้ายไม่ว่าทั้งสองจะชอบอะไร ถ้ามีความเข้าใจกันก็สามารถเล่นด้วยกันได้ จนเกิดเป็นเพื่อนซี้กัน
ฉาก
ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เป็นฉากในหมู่บ้านที่ทั้งสองมีความทรงจำที่ดีต่อกัน ซึ่งมีทั้งตอนอดีต และตอนปัจจุบัน ว่ามีการพัฒนาไปมากเพียงใดซึ่งเป็นการแยกอดีตกับปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
สัญลักษณ์พิเศษ
เป็นฉากในหมู่บ้านตอนอดีตที่ยังเป็นเด็ก บ่งบอกสถานที่ตอนนั้นว่าไม่ค่อยมีความเจริญมากหนัก เมื่อเปรียบเทียบกับตอนปัจจุบัน
มุมมองในการเล่าเรื่อง
ทุกคนคงมีภาพความทรงจำในวัยเด็ก ต่างกันในรายละเอียดว่าตอนเด็กเรามีความทรงจำดี ๆ กับใคร ได้ทำอะไรบ้างที่เรารู้สึกผูกพันมันกับสถานการณ์นั้น ๆ ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ที่อยากกลับไป
เป็นเด็กอีกครั้ง หนังฟรี  หนังใหม่

ความรู้สึกส่วนตัว 

 

อีกเรื่องที่ผมต้องยกให้เฮียคือเรื่องความกตัญญูและรักแฟนมากกกกกก โดยแฟนสาวสุดสวยที่มีแจ็คอยูข้างกายก็คือ “คุณ” ซึ่งเฮียเคยให้สัมภาษณ์แบบหล่อ ๆ ว่า “ใครมายุ่งด้วย ผมก็ไม่ยุ่ง ไม่อยากยุ่งกับใครที่ไม่ใช่แฟนเรา ที่ทำคืองานล้วน ๆ ต่อให้พริตตี้เซ็กซี่แค่ใหน ผมว่าความรักที่ยาวนานมั่นคงกว่า” แหมมมมมมมมมมมมมมม หล่อไปเลยนะครัช
คนถัดมาที่ผมจะพูดถึงคงหนีไม่พ้น ชายอินดี้แห่งวงการบันเทิงไทย ผู้ไปทางใหนก็สุดทาง “แน็ค ชาลี ปอทเจส”  หรือ “เจี้ยบ” (แต่คนส่วนใหญ่มักจำนามสกุลทางฝั่งแม่ “ไตรรัตน์” มากกว่า)  ปีนี้อายุ 26 ปี มีความสามารถพิเศษมากมาย และมีลูกบ้าเต็มเหนี่ยว สามารถติดตามดูผลงานได้ทั้ง IG และในYoutube
ig: @charliepotjes
ปัจจุบัน “แน็ค ชาลี” เป็นเจ้าพ่อแห่งวงการอินดีไปแล้ว เขากลับมาดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่การใส่เสื้อเทาไปรายการ 10fight10 ให้อาหารตัวเหี้ย และร้องเพลงด้วยเสียงสกู้ปปี้ดู ซึ่งคำถามที่คนส่วนใหญ่มักจะถามคนที่รุ้จักหรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับแน็ค คือ “เค้าเป็นแบบนี้มานานแล้วหรอ” ผมก็กล้าพูดเลยครับว่า “เขาอินดี้แบบนี้มาตั้งแต่แรกก่อนเล่นหนังแฟนฉันแล้ว” แต่ถ้าถามถึงเรื่องคนรู้ใจ ผมตอบให้ไม่ได้จริง ๆ เพราะผมไม่รู้! ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นของแน็คนั้นมีตัวตนหรือไม่ เพราะการจะขอข้อมูลจากคุณชาลีนั้น ยากซะเหลือเกิน หึ! ผมคิดว่าเหล่าบรรดาเอเจนซี่ที่ติดต่องานไปน่าจะรู้เรื่องความยากกกกกของคุณแน็คดีกันใช่มั้ยขอรับ?

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

 

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด สวัสค้าบทุกๆ ท่าน และ คนรักหนังไทยทุกคน วันนี้ก็อยู่กับแอด บี อีกเช่นเคย วันนี้แอด บี จะพาทุกคน มาเสียน้ำตา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ใครจะเสียน้ำตาบ้าง แต่แอด เสียไปเป็นลิตรอะ บอกตรงๆ เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย

เรื่องราวของหนัง ครูแอน ได้เข้าไปสอนที่โรงเรียนเรือนแพ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญและด้วยความเหงาบวกกับความห่างไกลเทคโนโลยีรวมถึงสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เธอต้องระบายความรู้สึกผ่านไดอารี่เล่มหนึ่ง จนเวลาผ่านไป ครูสอง เข้ามาสอนต่อและได้พบกับสมุด บันทึกที่ครูแอนได้เขียนและลืมทิ้งไว้ เมื่อเปิดอ่านทำให้ครูสองเกิดความรู้สึกดีดีกับครูแอนแม้ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน

 

ซึ่งการที่ครูสองได้อ่านบันทึกของครูแอนนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกและเหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มีความเข้าใจความรู้สึกที่ตรงกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแต่การที่ครูสองได้อ่านบันทึกของครูแอน ทำให้ครูสองอยากจะพบหน้าของครูแอนซักครั้ง

 

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

 

สำหรับ คิดถึงวิทยา คือหนังแนวดราม่าโรแมนติก ที่หยิบประเด็นครูผู้สอนหนังสือในต่างจังหวัดมาเล่าเรื่องให้เห็นถึงการเรียนการสอนของเด็กต่างจังหวัดที่แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสแวดล้อมดีๆ เนื้อหาสอดแทรกความสำคัญของคำว่าครูลงไป ทำให้เราได้

 

เห็นความทุ่มเทของครู ที่สั่งสอนถ่ายทอดความรู้เพื่อให้เด็กเติบโตไปเป็นคนที่ดี นำความรู้ไปพัฒนาชีวิต สิ่งที่หนังสื่อสารออกมาคือภาพที่แตกต่างจากสังคมการเรียนการสอนของครูในยุคปัจจุบัน หากใครดูแล้วประทับใจแสดงว่าคุณคงเข้าใจความหมายที่แท้จริงของครูที่เสียสละและถูกจะเป็นผู้ให้ด้วยความเต็มใจ

 

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

 

ถ้าเอาดีเทลมาร่วมกันคราวๆ หนังมีไดอารี่ของคนเหงาๆ2 คนที่มาเขียนระบาย คนหนึ่งเบื่อชีวิตที่มีระเบียบต้องการออกจากความวุ่นวายที่เต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ อีกคนที่เลือกมาอยู่เพราะไม่อยากเป็นคนตกงาน ภายใต้โรงเรียนเรือเรือนแพกลางเขื่อนที่เงียบสงบ ไม่มีครูที่ไหนเต็มใจมาสอน หนังจึงค่อยๆนำเสนอการเล่าเรื่องของตัวละครหลัก ที่มาอยู่ในสถานที่เดียวกัน ทำหน้าที่เหมือนกัน แตกต่างกันที่ช่วงเวลา พาไปรู้จักครูแอนและครูสอง ไดอารี่เล่มเดียวบิ้วอารมณ์ให้ตัวละคร 2 คนอยากรู้จักกัน

 

บทหนังเชื่อมโยงกันไปหมด ทั้งสุข เศร้า เหงา รัก แฮปปี้ ยอมรับเลยว่าบทหนังดีมากๆ ยิ่งดูยิ่งเข้าใจหัวอกคนเป็นครูจริงๆ เรารู้สึกสนุกที่บทบาทครูสองเขาไม่มีความเข้าใจในเชิงวิชาการเลยสักนัด แต่กลับมาเรียนรู้ชีวิตคำว่า”ครู” จริงๆ ไปตามเด็กมาเรียนหนังสือ เพียรพยายามที่จะสอนมอบความรู้ให้เด็กด้วยความเต็มใจ เลือกเป็นผู้ให้ หลายๆฉากที่ได้สัมผัสผมมีความสุขมาก คือรับรู้ว่าครูแบบนี้นับจะตายไปจากการศึกษาไทยเสียแล้ว ไม่ได้สักแต่ว่าสอนในตำรา หรือมาทำหน้าที่สอนไปงั้นๆ ไม่ได้

 

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

 

ใส่ใจนักเรียนแบบครูยุคใหม่ คือมีสาระและคอเมดี้ที่สอดแทรกลงไป การที่ร่วมแสดงกับเด็กทำให้เขามีเสน่ห์หลายๆฉากทำให้ใครต่อใครอมยิ้มมาก โดยเฉพาะซีนจำลองรถไฟกลางน้ำ ไอเดียนี้สร้างสรรค์ดีแหะด้านครูแอน จะเป็นพาร์ทที่แตกต่างจากครูสองอย่างสิ้นเชิง เป็นคุณครูที่เสียสละ เจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยแคร์กฏระเบียบ เป็นครูสาวที่ชีวิตมีประเด็นให้เจอตลอดเวลา ทั้งเรื่องเพื่อนร่วมงานที่ไม่สบอารมณ์ แฟนที่ไม่เข้าใจอะไรเธอเลยสักนิด ชีวิตไม่มี เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

เรื่องย่อ รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

ความสุข ยกเว้นเรื่องเดียวคือการสั่งสอนเด็กในโรงเรียนเรือแพ ที่เธอเองผ่อนคลายที่สุด ตรงนี้เองคือสิ่งที่คุณพลอย ตีความคาแรกเตอร์ครูสาวภูธรให้เห็นภาพแม่พิมพ์ของชาติได้น่าประทับใจ ยิ่งหลงรักตัวละครนี้มากขึ้นไป เรื่อย ๆ ยิ่งเมื่อหนังตัดต่อภาพลำดับ 2 เหตุการณ์ได้ลงล็อค สื่อวสารให้คนดูเข้าใจมันจึงทำให้เราอินกับเนื้อหาทั้งหมด

 

รอกันมานานแสนนานที่จะพบกับอรรถรสในแบบหนังของ GTH ที่จะกลับมาอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้ว ‘พี่มาก..พระโขนง’ เข้าฉายและดังเปรี้ยงสร้างประวัติการณ์หนังไทยรายได้ 1 พันล้านบาทไปในที่สุด และค่ายนี้ก็หันไปทุ่มเทกับการผลิตซีรี่ส์ทางทีวีอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมีข่าวหนังใหญ่ปี 2557 สามเรื่องรวด และนี่คือเรื่องแรก ‘คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)’ มีพระนางชูโรงที่มีแรงดึงดูดอย่าง บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว และ พลอย เฌอมาลย์ ประกบด้วยนักแสดงที่อุบไว้เซอร์ไพรส์ในโรงอีกหลายคน

 

 

เรื่องราวที่เป็นคำถามที่ดูเหมือนจะง่ายๆ แต่มันตอบแสนยาก เพราะช่างเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้พบในชีวิตเราสักเท่าไหร่ นั่นคือ คำถามที่ว่า “เราจะรู้สึกรักใครสักคนที่เราไม่เคยเจอหน้าค่าตาได้หรือไม่” การรู้จักกันผ่านตัวอักษร จะทำให้เรารู้สึกรักใครสักคนได้แค่ไหน ถ้าใครไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ตรงๆ กับตัวเอง จะรู้สึกและเข้าใจคนที่เจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

 

เมื่อครูสอง (บี้ สุกฤษฎิ์) จำใจต้องไปเป็นครูสอนเด็กในโรงเรียนกลางน้ำของหมู่บ้านห่างไกล โรงเรียนที่มีอาหารหลังเล็กๆ มีเพียงนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่เรียนรวมอยู่ด้วยกันในห้องเดียว ครูหนึ่งคนจัดการแทบจะทุกอย่างเกือบจะตลอด 24 ชั่วโมง แต่สิ่งหนึ่งที่ผลักให้เขายังสู้ต่อก็คือไดอารี่เล่มหนึ่งที่ครูคนเก่าเขียนแล้วทิ้งเอาไว้

 

 

ครูแอน (พลอย เฌอมาลย์) คือเจ้าของไดอารี่เล่มนั้น เขียนบรรยายความรู้สึกทุกอย่างตั้งแต่ได้มาอยู่ที่นี่เมื่อ 1 ปีทีแล้ว ก่อนที่เธอจะจากโรงเรียนแห่งนี้ไปด้วยเหตุผลบางอย่าง และข้อความในนั้น กลับสร้างความรู้สึกบางอย่างให้กับครูชายใจเหงาๆ คนนั้นเหตุผลของครูแอนที่มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเพียงเอาชนะ แต่เหตุผลของครูสองคือไม่มีทางเลือก แต่แล้วต่างคนได้รับรู้ว่าช่วงเวลาดีก็สามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานที่ที่เหงาสุดๆ เวลาของเขาและเธอไม่เคยตรงกัน ในวันที่เขาต้องจากไป ก็กลายเป็นวันที่เธอกลับมา

 

หนังอาศัยการเล่าเรื่องที่ดีและน่าสนใจ ด้วยการพูดถึงเหตุการณ์ของคนสองคนสองเวลาที่เล่าล้อไปพร้อมๆ กัน ผ่านการดำเนินเรื่องแบบเนียนๆ ผ่านเทคนิคพิเศษที่มีเข้ามาเพื่อสอดรับการเล่าเรื่อง รูปแบบการลำดับภาพ การถ่ายทำ มุมกล้อง เพลงประกอบ ล้วนทำออกมาได้ถึงตามมาตรฐานของหนังค่ายนี้ แถมยังมีบางซีน สอดแทรกฉากระทึกขวัญเข้ามาด้วยซ้ำก่อนจะกลับไปเล่าซีนดราม่าใหม่ สลับไปกับเนื้อหาที่เสียดสีการเรียนการสอนของคนไทย และแน่นอน มันเต็มไปด้วยฉากขำขันนอกจากนี้ หนังของ ผกก. ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร ยังมีเซอร์ไพรส์ที่นักแสดงรับเชิญที่ดูเหมือนจะถูกอุบไว้ หลายคนคงคุ้นเคยกับผลงานของพวกเขาและเธอมาแล้ว ซึ่งแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลว เพียงพอที่จะเป็นกำลังสำคัญที่จะพาเรื่องราวให้ดำเนินไปได้

 

 

น่าเสียดายที่หนังอย่าง ‘Teacher’s Diary’ ยังเป็นเพียงหนังรักฟีลกู้ดจากค่ายจีทีเอช และยังไม่ก้าวข้ามไปไหน ก็คือหนังมีองค์ประกอบที่น่าสนใจ เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง แต่ยังย้ำอยู่กับจุดเดิม ลงเอยแบบไม่มีอะไรเกินความคาดเดาคือทำให้เรารู้สึกดี ไม่ฟูมฟายกับชีวิตที่ต้องพบเจออุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า แต่บางครั้งการขยี้น้อยเกินไป หรือเปลี่ยนแนวทางไปในแบบอื่นบ้าง หนังฟรี  หนังใหม่

รีวิว คิดถึงวิทยา (Teacher’s Diary)

หนังเรื่องนี้ผ่านตาข้าเจ้าถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อนลากไปดูในโรง แต่ไม่มีเวลาเขียนบล็อกจึงดองมา จำเป็นต้องดูอีกครั้งโดยยืมดีวีดีเพื่อนมาดูเก็บรายละเอียดมา ถือได้ว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างสวยงามมากๆ เรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติหนังไทย ข้าเจ้าได้ไปดูเค้าเปิดตัวหนังเรื่องนี้ที่เมญ่าเชียงใหม่ด้วยล่ะ อวดๆ ๆ บี้หล่อพลอยสวย ได้เห็นตัวอย่างก่อนคนกรุงเทพซะอีก

 

เรื่องภาพถือว่าโดดเด่นมากๆ นอกจากจะถ่ายทำด้วยอัตราส่วน 2.35:1 แล้ว ภาพยังจัดองค์ประกอบสวยมากอีกต่างหาก หนังที่ภาพสวยมีอยู่ 2 แบบคือ สวยเพราะจัดองค์ประกอบสวย กับสวยเพราะภาพอาร์ต ซึ่งสวยเพราะองค์ประกอบมันจะดีกว่าตรงที่ภาพจะดูสมจริงและเป็นธรรมชาติมากกว่า ทำให้มันต้องเซ็ทยากไปด้วย มีหนังไม่ค่อยกี่เรื่องหรอกที่จะทำภาพสวยได้ประมาณนี้

 

นอกจากนี้ยังมีฉาก Long Take ที่ใหญ่ๆ อีก 2 ฉาก และเป็นฉากสำคัญที่ทำออกมาได้ดีและต่อเนื่องมาก ฉากแรกคือฉากที่พายุซัดโรงเรียน เริ่มตั้งแต่บี้ตื่นนอนมาเพราะน้ำฝนสาดใส่ใบหน้า เด็กมาตามไปช่วยเหลือ บี้เดินไปตามเด็กๆ ให้เข้ามาหลบในห้องเรียน สั่งให้เด็กปิดหน้าต่าง บี้ไปปิดกันสาดที่ผนังอีกข้าง ผนังล้มตึง เด็กๆ วิ่งมากอดบี้แล้วร้องไห้ ท่ามกลางพายุลมและฝน ฉากนี้ยาวหนึ่งนาทีกว่าๆ และเป็นฉากที่สะพรึงมาก

 

 

อีกฉากคือฉากที่พลอยได้ทราบความจริง เริ่มจากมีผู้หญิงท้องมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง พลอยเดินไปตามทางเดินในอาคารเรียน สวนทางกับเวียร์ เวียร์เข้ามาคุย พลอยบอกปัด พาเดินลงบันไดอาคาร เวียร์พยายามจะกล่อม แต่พลอยไม่สนใจ เดินออกมาจากอาคาร เวียร์ยังตามมา พลอยเดินขึ้นรถ ขอโอกาสให้ผมเถอะ เวียร์บอก พลอยสตาร์ทรถ แล้วขับรถออกไป ก่อนจะปล่อยโฮในรถอีกเล็กน้อย ยาวราว ๆ สองนาที ถือว่าเป็นฉากที่พีคที่สุดของหนัง

 

เพลงประกอบถือว่าดีมาก เพราะได้ หัวลำโพง ริดดิม เจ้าเก่ามาทำเพลงสกอร์ของหนังให้ และเรื่องนี้ก็ทำเพลงได้ดีมากอีกแล้ว เพลงประกอบเพราะจนอยากได้เพลงเดี่ยวๆ มาฟังเลย แต่ก็ไม่มี เค้าไม่ทำเป็นอัลบั้มแงงงงง ส่วนเพลงประกอบ OST ได้ 25 Hours มาทำเพลง ไม่ต่างกัน ให้ ถือว่าเพราะและเนื้อเพลงมีความหมายดี ส่วนตัวข้าเจ้าชอบเวอร์ชั่นเดโมมันมากกว่า เป็นเพลงที่ทำออกมาก่อนแต่ยังไม่ได้ปล่อย (ไปหาฟังได้ ที่นี่ )

 

นักแสดงเล่นดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ค่อยทำให้อินเท่าไหร่ เพราะมองยังไง ครูสองก็คือบี้ ยังไงก็ไม่ใช่ครูสอง ส่วนครูแอนก็คือพลอย แถมยังออกไปทางแตง/จูนในรักแห่งสยามอีกต่างหาก 555 ส่วนเวียร์ที่เล่นหนุ่ม ไม่มีคำบรรยาย เพราะเล่นได้แข็งมาก

 

 

ไม่มีชีวิตชีวาชนิดที่ว่าครูแอนหาคนแบบนี้มาเป็นแฟนได้ยังไง คือมีดีแค่หน้าหล่อหุ่นล่ำนะ แต่การแสดงนั้นเป็นธรรมชาติมาก (ก้อนหินกับต้นไม้) ส่วนเด็กๆ ในเรื่องน่ารัก เป็นตัวของตัวเอง แต่เสียดายที่บทเด็กๆ ไม่ได้เด่นจนน่าจดจำเท่าไหร่บทหนังมีความสดใหม่ เอาเค้าโครงเรื่องจริง 2 เรื่องมากอปรรวมกัน รีวิวหนัง

 

1.เรื่องราวของครูสองที่เป็นครูสอนเด็กที่โรงเรียนแพนั้นมีอยู่จริงที่จังหวัดลำพูน ครูสองมีตัวตัวตนจริงๆ

2.เรื่องสมุดไดอารี่มีที่มาจากเพื่อนของเฮียเก้งจิระ เค้าย้ายไปทำงานที่บริษัทหนึ่ง แล้วใช้โต๊ะต่อจากผู้หญิงคนหนึ่ง เขาได้พบกับสมุดไดอารี่ของเธอ เลยตามหาจนเจอและแต่งงานกัน

 

การตัดต่อทำได้ดีมาก ต่อเนื่อง และฉากที่ตัดสลับกันที่ทำได้ดี ทำให้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนและมีอารมณ์ร่วม ฉากการตัดต่อที่เด่นที่สุดที่ชอบและจดจำได้คือฉากที่ทั้งครูสองและครูแอนต่างผูกพันและทำกิจกรรมต่างๆ กับเด็ก สลับกันมาบนเรือนแพแห่ง

 

นั้น ถือว่าเป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่เล่าเรื่องด้วยภาพได้ดีแบบนั้น แต่หนังไม่ค่อยได้ให้รายละเอียดในหลายๆ ฉาก (ทำให้หนังกระชับ ซึ่งก็ดี) โดยรวมยังไม่ค่อยพีค เพราะข้าเจ้ายังไม่รู้สึกว่าพระเอกนางเอกจะมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปได้เร็วและมากมายขนาดนี้ และยังไม่ได้พรากจากกันจนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้เจอกันมากพอ แต่ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ

สายหนังรักโรแมนติก

สายหนังที่ชอบโทนเรื่องแบบธรรมชาติ

สายหนังที่ชอบการเรียนการสอน ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด วันนี้เราจะมารีวิว หนังผี แนวรัก แบบน่าตลกๆ ฮาๆ มานำเสนอหนังไทย สุดฮา ให้ทุกท่านได้ลองไปดูคือเรื่อง พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak) สรุปเรื่องนี้เป็นหนังผี หนังตลก หนังรัก หนังซึ้ง หน้าดราม่าหรือว่าอะไรกันแน่ ไม่มีอะไรมาจำกัดความได้เลย ครบรสมาก นาค มาก เต๋อ เผือก เอ ชินใครที่ยังไม่รู้จักตำนานพี่มากแห่งพระโขนงก็มาฟังเรื่องย่อก่อน ส่วยใครที่รู้แล้วก็ข้ามส่วนนี้ไปได้ หรือถ้าลืมไปแล้วก็มารื้อฟื้นกัน พี่มากเนี่ยนะเป็นคนอินเตอร์หน่อยมีความฝรั่งในเรื่องนะ ตำนานเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้555 พี่มาก

 

ต้องไปสู้รบ เพราะปกป้องประเทศชาติ กับเพื่อน. ๆ 4 คนก็คือ เต๋อ เผือก เอ ชิน ในสมัยก่อนผู้ชายต้องออกรบปกป้องบ้านเมือง พ่อมากก็ต้องออกรบไปทั้ง ๆ ที่แม่นาคตั้งท้องอยู่ แต่ความเป็นชายชาติทหารก็จำต้องทำ พอพ่อมากรบจบก็กลับมาหาแม่นาค

 

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

 

แต่ไม่รู้เสียแล้วว่าแม่นาคได้ตายไปในขณะคลอดเจ้าแดง ทุกคนรู้แฟนคลับรู้ แม่นาคเมียไอ้มากได้ตายไปแล้ว แม่นาคไม่ยอมเป็นทาสไปเป็นวิญญาณเฉย ๆ หรอกค่ะ ฉันรอพี่มากที่ท่าน้ำทุกวัน ตามเสต็บผีไทย แต่เพราะ ใหม่ ดาวิกา แสดงก็เลยเป็นผีที่น่ารักเฉย หนังไทยที่เป็นพล็อตเรื่องผีต้องกลายมาเป็นหนังตลกเพราะแก๊งพ่อมาก แถมจบด้วยเรื่องซาบซึ้งใจของแม่นาค และพ่อมากอีก

 

“แม่นาคพระโขนง” คือตำนานผีที่น่าจะเรียกได้ว่าดังที่สุดในไทย ถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วหลายครั้งมาก (รวมถึงละครและละครเวที) ซึ่งก็มีการตีความที่แตกต่างกันออกไป ทั้งแบบตามตำนานดั้งเดิมอย่าง “แม่นาคพระโขนง” แบบจริงจังอย่าง ”นางนาก”แบบปัจจุบันอย่าง ”นาค รักแท้/วิญญาณ/ความตาย” หรือไปไกลสุดกู่อย่าง “แม่นาคอเมริกา” ก็เคยมาแล้ว แต่ที่เหมือนกันในทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา คือส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ตัว “แม่นาค” เท่านั้น แต่ “พี่มาก..พระโขนง” (ของแท้ต้องมีจุด 2 จุด) เลือกที่จะ

 

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

 

ตีความต่างออกไปอีกด้วยการไปเน้นที่ตัว “พี่มาก” แทน อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่มีการตีความมาแล้วหลายแบบ ส่วนตัวเลยอาจไม่ได้ตื่นเต้นรู้สึกพิเศษอะไรกับการตีความแบบพี่มากนัก แต่สิ่งที่ดึงดูดให้อยากไปดูเรื่องนี้จริงๆ ก็คือ การนำแก๊งค์สี่แพร่งและห้าแพร่ง มาใส่ไว้ในเรื่องด้วยในบท “เพื่อนพี่มาก”

 

หากใครเคยประทับใจบทบาทของ เผือก (พงศธร จงวิลาส) ชิน (อัฒรุต คงราศรี) เต๋อ (ณัฎฐพงษ์ ชาติพงศ์) และเอ (กันตพัฒน์ สีดา) จาก “คนกลาง” ในสี่แพร่ง และ ”คนกอง” ในห้าแพร่ง บอกได้เลยว่าจะไม่ผิดหวังกับบทบาทของพวกเขาในพี่มาก..พระ โขนง ทั้ง 4 คนยังคงคาแรกเตอร์แบบเดิม ชื่อเดิม และความฮาแบบเดิม (และดูเหมือนจะยิ่งกว่าเดิม) ไว้ไม่มีเปลี่ยน เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากการเที่ยวป่า หรือถ่ายหนัง มาเป็นเพื่อนกับพี่มากแทน ที่ต้องพยายามหาทางบอกมากให้ได้ว่านาคเป็นผี

 

รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

 

นำมาซึ่งเสียงหัวเราะในแทบทุกฉากที่ 4 คนนี้ออกมา โดยเฉพาะเผือกกับชินนี่แค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว หลายฉากโดยเฉพาะฉากกินข้าวหรือฉากบนเรือนี่ฮากันแบบ Non-Stop เลยทีเดียวอันที่จริง มุขตลกและเหตุการณ์หลายอย่างของ 4 คนนี้ในพี่มาก..พระโขนง ชวนให้นึกถึงคนกองและคนกลางไม่น้อย ผู้กำกับ “บรรจง ปิสัญธนะกุล” เลือกหยิบเอาวัตถุดิบเดิมๆ ที่เคยใช้มาใช้ใหม่อีกครั้ง ในสถานการณ์แบบเดิมๆ ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อการ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

เรื่องย่อ รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

ถูกหาว่า ”หมดมุข” หรือ ”หากินกับของเก่า” มาก แต่ก็ถือว่าทั้งผู้กำกับและทีมงานทำการบ้านมาดี เลยทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อกับมุขเก่าๆ เหล่านี้นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนย้อนรำลึกความหลังเก่าๆ แทนอย่างไรก็ตาม ความเข้าขาและความฮาของแก็งค์ 4 คนนี้ ก็ชวนให้อดหวั่นใจไม่น้อยก่อนเข้าไปดูว่า จะแย่งซีน พี่มาก (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ แม่นาค (ดาวิกา โฮร์เน่) ไปหมดหรือป่าว ซึ่งก็พบว่า “จริง” แม่นาคอาจถือว่ารอดตัวไปเพราะความสวยของใหม่

 

จับตาจริงๆ ในทุกซีนที่ออกมา แต่กับมาริโอ้ในบทพี่มาก แม้จะตีความพี่มากเวอร์ชั่นใหม่ได้น่ารัก (และบ๊องแบ๊ว) ได้ดีไม่น้อย แต่ก็ยอมรับว่าช่วงแรกโดนแก๊งค์ 4 คนแย่งซีนไปเยอะทีเดียว เรียกได้ว่าแม้จะใช้ชื่อเรื่องว่าพี่มาก..พระโขนง แต่ตัวเดินเรื่องจริงๆ กลับเป็นเหล่าเพื่อนพี่มากไปแทน แต่ถึงกระนั้นพี่มากกับแม่นาคก็สามารถกลับมายึดจออย่างเต็มภาคภูมิในช่วงท้ายเรื่องโดยส่วนตัว แม้พี่มาก..พระโขนง จะมีหน้าหนังที่ขายความตลก (บวกน่ากลัว) ซึ่งยอมรับว่าทำได้ดีทีเดียว แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือ

 

 

“ความรัก” ของพี่มากและนาคที่ส่งมาถึงคนดูอย่างเราในช่วงท้ายเรื่อง เป็นช่วงที่หนังละวางความตลกและความน่ากลัว แต่มาโฟกัสที่ความรักแทน บทบาทของพี่มากและนาคที่ดูเหมือนจะกดไว้โดยความตลกของแก๊งค์สี่แพร่งในช่วงที่ผ่านมา ได้ฉายแสงออกมา และเป็นแสงที่น่าประทับใจเสียด้วย อย่างที่บอก หนังเรื่องนี้ใช้วัตถุดิบเก่าๆ จากสี่แพร่งและห้าแพร่งเสียเยอะ แม้แต่ในส่วนของตำนานแม่นาคเอง นอกจากความสมัยใหม่ในแง่คำพูดและคาแรกเตอร์ตัวละคร ที่เหลือก็ยังคงตามเส้นเรื่องตำนาน

 

เช่นเดิม ฉากจำต่างๆ เช่นความเฮี้ยนหรือเก็บมะนาวก็ยังคงไว้ตามเดิม ส่วนที่เปลี่ยนจริงๆ มีนิดเดียวช่วงท้ายเรื่อง แต่มันเป็นการเปลี่ยนที่ Impact และสดใหม่มาก จนทำให้อภัยและลืมการใช้มุขเก่าๆ ที่ผ่านมาในเรื่องทั้งหมดการเลือกเปลี่ยนบางส่วนในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้พี่มาก..พระโขนงแตกต่างจากแม่นาคทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา และทำให้เรารู้สึก “ซึ้ง” ไปกับความรักของมากและนาคเป็นอย่างมาก ที่จริงการที่นาคเลือกจะยังคงอยู่ ก็เพราะ “ความรัก” ที่มีต่อมาก แต่ที่ผ่าน

 

 

มา เรากลับไปติดกรอบที่ว่า ”ผี” กับ “คน” อยู่ร่วมกันไม่ได้ จะอยู่ร่วมกันได้ก็แต่ในสถานะที่ผีเป็นคนรับใช้ของคนอย่างเช่นกุมารทองเท่านั้น แต่กับผีอย่างแม่นาค ที่อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ที่มี ทำให้ชาวบ้านมองว่าแม่นาคมีสถานะที่ต่างไปจากคน และในเมื่อแม่นาคไม่ได้ควบคุมได้หมือนกุมารทอง ลงท้ายก็เลยกลายเป็นความกลัวและต่อต้าน ความรักในหนังแม่นาคเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา จึงมักลงท้ายด้วยการให้แม่นาค “เสียสละ” ความรักแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

 

ช่วงท้ายของพี่มาก..พระโขนงคือการกลับมาสู่สาเหตุของเรื่องราวนั่นก็คือ “ความรัก” เมื่อหนังเริ่มต้นด้วย “ความรัก” ก็ควรจบลงด้วย “ความรัก” ไม่ใช่ “ความกลัว” พี่มาก..พระโขนง จบลงอย่างสวยงามมากๆ ด้วยการโยนประเด็นเรื่อง “ความรัก” กลับมา

 

 

ให้เราคิดว่า ที่ว่ารักกันนั้นมันจำกัดอยู่เพียงแค่ “คน” เหรอ เรารักที่ตัวเขาหรือแค่ความเป็น “คน” ในตัวเขา หนังทำให้เราเห็นว่าความรักไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นั้น และในเมื่อทั้งคนทั้งผีต่างก็มีความรักได้ “ความรัก” นี่เองจึงเป็นเหมือนตัวที่ทำให้สถานะของ “คน” และ “ผี” ที่ดูเหมือนจะไม่เท่ากันให้เท่ากันได้ การแสดงออกความรักที่พี่มากมีต่อแม่นาคจึงเป็นส่วนที่ประทับที่สุดในเรื่องนี้ และเชื่อว่าทุกคนน่าจะประทับใจเช่นกัน นอกเหนือจากความสนุกและฮาที่แก๊งค์สี่แพร่งจัดให้เรา หนังฟรี  หนังใหม่

 

สิ่งที่ประทับใจ รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)

1.ภาพสวยมาก ถึงเนื้อเรื่องจะเป็นฟิลกลางคืนอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผีก็เลยต้องมืด ๆ ไว้ก่อน แต่ได้ภาพที่สวยเห็นทุกอย่างชัดเจน องค์ประกอบต่าง ๆ ดี

2.เป็นหนังตลกแหละแต่พล็อตเรื่องผีเป็นตัวนำ ก็ได้แก๊งพ่อมากมาอยู่ในเรื่องทุกฉากฮาหมด ดูคลายเครียดจากงานชิว ๆ

 

 

3.ความรักของแม่นาคก็ยังคงเป็นตำนานอยู่ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม แม่นาครอพี่มากที่ท่าน้ำทุกวัน ไม่ยอมไปไหน ความเสียใจที่ตายไปพร้อมกับลูกด้วยความเหงาเปลี่ยวที่ผัวไปรบ มันช่างโดดเดี่ยวจริง ๆ นะแม่นาค

4.ความรักของพ่อมาก ถึงแม้จะรู้ว่าเมียตัวเองตายแล้ว แต่ก็ยังคงรับไม่ได้ อยากอยู่ด้วยกันถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

5.ฉากสุดท้ายเป็นฉากสุดซึ้ง เป็นหนังไทยที่ดีเรื่องหนึ่งเลย

6.พี่มากในเรื่องก็คือน่ารักไม่ไหว อ้อนเมียเก่งที่ 1 แต่ตอนจบคือซึ้งมากจริง ๆ

 

 

ชื่อภาพยนตร์: พี่มาก..พระโขนง / Peemak

ผู้กำกับภาพยนตร์: บรรจง ปิสัญธนะกูล

ผู้เขียนบทภาพยนตร์: บรรจง ปิสัญธนะกูล, นนตรา คุ้มวงศ์, ฉันทวิชช์ ธนะเสวี

นักแสดงนำ: มาริโอ้ เมาเร่อ, ดาวิกา โฮร์เน่, ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, พงศธร จงวิลาส, วิวัฒน์ คงราศรี, กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข

แนว/ประเภท: Comedy, Horror, Drama

เรท: ไทย/น15+ , USA/

ความยาว: นาที

ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: GTH

วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 28 มีนาคม 2556

ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด เรื่องราวของ เหมยลี่ (คริส หอวัง) สาวหมวยวัย 30 ปี ที่น่ารักของแอด ฮ่าๆๆๆ ที่ได้เจอผู้ชายดีๆ ในเวลากลางคืน ลุง (เคน ธีรเดช) หนัง GTH ที่โดนใจคนเมืองอย่างล้นหลาม ในที่สุด ผมก็ได้ดู ‘รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ’ กับเขาจนได้ เสาร์เย็นย่ำ ณ พารากอนซีเนเพล็กซ์ โรงประจำตัวที่เดิม โรง 4 โรงใหญ่ สยามภาวลัย ที่ผมชอบซื้อบัตร 140 แถวไกลจอสุดไปนั่งดูกับหมูน้อย…

 

หลังจากบิวต์ตัวเองและคนอื่นๆ จนขนาดตัวเองยังอดใจรอดูไม่ไหว เห็นเขาได้ไปดูหนังเรื่องนี้กันวันรอบพิเศษ ก็ให้อิจฉา แต่จะไปดูวันแรกที่หนังเข้าก็ไม่ไหว ภารกิจที่มีไม่เปิดโอกาสให้ไปดูในวันธรรมดาได้ จำต้องรอจนวันเสาร์ แล้วก็ถึงเวลานั้น ที่เราจะไปขึ้นรถไฟฟ้าในโรงหนังกัน จองตั๋วหนังจากเว็บ ก่อนจะไปรับตั๋วที่โรง ทุกขั้นตอนดูเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่กลับมาเจอเมื่อเดินไปยังที่นั่งในโรงและพบว่า มีคนนั่งอยู่ในที่นั่งของเรา ในที่สุดพนักงานต้องเข้ามาดู ปรากฏว่า ลูกค้าสามกลุ่มที่ได้ที่นั่งทับซ้อนกัน

 

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

 

ปัญหานี้ คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นัก มักจะเกิดกับหนังที่มีกระแสคนแห่มาดูกันสุดสุด คิวจองจากเน็ต คิวจากหน้าโรงหนัง ตีพันกันมั่วกับคิวจองทางโทรศัพท์ กลายเป็นว่า พนักงานย้ายพวกผมสองกลุ่มจากที่ต้องนั่งแถว O ไปนั่งแถว C ที่บุ๊คเอาไว้ให้ โชคดีจัง ได้ดูบัตรแพงซะงั้นเรา จ่าย 140 ดูที่นั่ง 220 คุ้มสุดสุด!

 

เรื่องราวที่ดูจะโดนใจของสาวๆ ในเมืองใหญ่หลายๆ คน ที่ผู้ชายไม่ค่อยจะได้ตกถึงท้อง จนวัยล่วงเข้าเลข 3 ก็ยังคง “ซิงๆ” อยู่ เรื่องราวของ “เหมยลี่” (คริส หอวัง ดีเจคลื่นแฟตเรดิโอ) สาวหมวยตาชั้นเดียวที่เข้าใจผิดมาตลอดว่า การจีบผู้ชายก่อนเป็นเรื่องต้องห้าม อยู่กับ “เพื่อน” และ “เมรัย” จนไม่ได้เจอผู้ชายดีๆ ในเวลากลางวัน แต่เธอกลับได้เจอผู้ชายดีๆ ในเวลากลางคืน “ลุง” (เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) วิศวกรรถไฟฟ้าคนนี้ เขาดูดีทั้งหน้าตาและนิสัย?จนเธออยากจะเป็น “ป้า” ของเขาสักที

 

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

 

เมื่อใครต่อใครรอบกายเหมยลี่ต่างก็พากันมีคู่ไปหมด ไม่ว่าจะเป็น “เป็ด” (โอปอล์) เพื่อนสนิท, เด็กในบ้าน หรือแม้กระทั่งหมาสาวของเพื่อน เธอคงคิดว่า รถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายนี้ เธอต้องคว้าไว้ให้ได้ แม้จะไม่มีประสบการณ์จีบผู้ชายมาก่อนก็ตาม แต่มันไม่ง่าย เมื่อความอ่อนหัดของสาววัยสามสิบ ไม่อาจสู้สาวกระโปรงสั้นสุดน่ารักอย่าง “เพลิน” (แพท อังศุมาลิน) ที่ดูมีลูกล่อลูกชนดีกว่าได้

 

หนังเล่นกับมุกตลกฮาๆ มากมายทุกฉาก จนคนดูพากันหัวเราะอย่างไม่หวาดไม่ไหว เพราะความเปิ่นๆ ฮาๆ ของเหมยลี่ บวกการตัดต่อแบบหนังการ์ตูนญี่ปุ่นที่โอเวอร์แอ็คติ้งนิดๆ มีคิดในใจให้ได้ยิน หนังของ GTH เคยส่งให้หลายคนโด่งดังไปหลายคน

 

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

 

เรื่องนี้คงไม่พ้น ทำให้ชื่อ “คริส หอวัง” โด่งดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า นอกจากนี้ ยังคิดถูกที่เลือก “เคน” มาแสดง เพราะเขาคือผู้ชายที่หญิงไทยหลายคนเพ้ออยู่ จึ๊ดแน่นอน เพราะพวกเธอต้องคิดว่าตัวเองกำลังเป็น “เหมยลี่” อยู่แน่ ๆ ในโอกาสที่ครบรอบ 10 ปี BTS ทาง GTH จึงปั้นเรื่องของรถไฟฟ้าของคนเมืองมาผสมกับความรักของสาวเมือง ที่นับวันยิ่งแต่งงานกันน้อยลง ไม่ก็แต่งกันในวัยที่มากขึ้นทุกที อาจด้วยเพราะผู้ชายเมืองหายากขึ้นทุกทีจนต้องแย่งกันคว้า แม้ว่าเหมยลี่ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

เรื่องย่อ รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

จะเจอคนนั้น แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ต้องสะดุดด้วยอุปสรรคหลากรูปแบบ ที่มีพลังพอจะแยกคนสองคนให้เลิกลาจากกันได้ทั้งเวลาเอย ระยะทางเอย ความผันแปรของจิตใจเอย ทุกอย่างคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงกับทุกคน มิน่ามันถึงโดนใจยิ่งนักนอกจากดาราแขกรับเชิญหลายคนที่มาช่วยสร้างความฮา (นอกจาก แจ็ค แฟนฉัน ที่เห็นกันในหนังตัวอย่างไปแล้ว) ไปดูเอาเองแล้วกันว่ามีใครบ้าง หนังมีเวลาให้เราสนุกความรักที่แสนฮาไปค่อนเรื่อง ก่อนปิดท้ายด้วยอารมณ์อีกด้านของความรัก แม้

 

จะเตรียมใจมาแค่ไหน ผมก็ไม่วายเสียน้ำตาให้กับมัน ตั้งแต่คำพูดนั้นของเหมยลี่ มาจนถึงตอนจบ น้ำตาไม่เคยเหือดแห้งจางไป ทำให้ผมนึกถึง “Marley & Me” หนังหมาๆ ที่ตั้งใจเล่าเรื่องคนที่ผมเพิ่งได้ดูไป ฮาตลอดเรื่องแล้วมาร้องไห้กันตอนท้าย แต่“Marley & Me” ก็ไม่ได้ทำให้เราเศร้านานขนาดนี้ หนังจบแล้ว เพลงดังที่ถูกกรอกหูมานานก็ปิดท้าย ตอกย้ำให้น้ำตามันเอ่อออกมาอีกครั้ง อินต่อไปจนถึงตอนขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน

 

 

หากคุณยังคงตราตรึงใจกับหนังไทยแนวความรักใส ๆ ของคนแอบรักที่พยายามทำทุกอย่างให้ได้ใจเขาในอดีตก็คงต้องนึกถึงหนังเรื่อง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” ของค่าย GTH เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดูเป็นร้อยครั้งก็ไม่เบื่อ ยิ่งได้นักแสดงนำอย่างคริส หอวังและเคน ธีรเดชมาเป็นคู่พระนางในเรื่องก็ยิ่งทำให้เคมีคู่กันจนถล่มรายได้แบบพุ่งกระฉูดจนส่งผลให้เพลงประกอบหนังอย่าง “โปรดส่งใครมารักฉันที” ของ Instinct ดังมาจนถึงปัจจุบันไปด้วย

 

แต่หากใครที่เพิ่งมาเป็นคอหนังรุ่นใหม่ เราก็แนะนำว่าต้องลองติดตามเพราะรถไฟฟ้ามาหานะเธออาจจะเป็นหนังในดวงใจของคุณอีกเรื่องก็ได้ หนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เหมยลี่”สาวออฟฟิศที่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนในขณะที่เพื่อนสนิทของเธอแต่งงานแล้ว จนกระทั่งในคืนวันแต่งงานของเพื่อนเธอซึ่งทำเอาเหมยลี่เมาหนักจนนอนบนเตียงที่คอนโดแทนที่คู่บ่าวสาว

 

 

เมื่อสร่างเมาแล้วเธอจึงได้ขับรถกลับบ้านแต่ด้วยความที่ยังคงมึนอยู่จึงทำให้ขับรถไถเข้าไปข้างทาง “ลุง”จึงช่วยเข้ามาดูรถทำให้ทั้งสองได้พบกันจนเป็นจุดเริ่มต้นที่โชคชะตาได้นำพาให้เหมยลี่ต้องมาโคจรเจอกับลุงเรื่อย ๆ จนทำของส่วนตัวเขาพังหลายอย่าง แต่นั่นก็ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันมากขึ้น

 

หนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) ได้บอกเล่าถึงมุมมองคนโสดซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปัญหาสำหรับคนวัยทำงานที่ควรจะได้แต่งงานมีครอบครัวสมบูรณ์แบบแล้ว แต่นางเอกซึ่งเป็นตัวแทนคนโสดกลับยังหาแฟนไม่ได้เพราะความที่เป็นคนซุ่มซ่าม เปิ่น ๆ เธอจึงรู้สึกเหงาซึ่งมันค่อนข้างจะโดนใจผู้ชม

 

 

หลายคนมากแบบอินจัดกับโมเม้นต์ชีวิตนาง จนกระทั่งฟ้าได้ส่ง “ลุง” (ใช่แล้ว! นี่คือชื่อของพระเอก คือปังตั้งแต่ชื่อตัวละครคิดดู) พระเอกของเราที่เป็นวิศวกรรถไฟฟ้าให้ต้องมาถูกนางเอกป่วนชีวิตทำของพังทุกครั้งที่พบกัน ซึ่งนางเอกที่ตกหลุมรักพระเอกมาตั้งแต่แรก นางก็พยายามจะซ่อมสิ่งที่ทำพัง หนังฟรี  หนังใหม่

รีวิว รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)

ให้พระเอกจนพวกเขาได้มาพบกันหลายครั้งและสนิท พระเอกก็เป็นคนที่ยิ้มง่าย อบอุ่น และใจดีเกินเบอร์จริง ไม่โกรธหรือต่อว่านางเอกสักคำ พ่อของลูกที่แท้ทรูในเรื่องจะมีฉากโรแมนติกกุ๊กกิ๊กระหว่างที่ก่อให้เกิดความรักระหว่างคู่พระนางมากมาย เช่น ฉากเล่นน้ำสงกรานต์ที่พระเอกหล่อทะลุแป้ง ฉากที่ทั้งคู่พากันไปท้องฟ้าจำลอง และได้ชวนลุงดูดาวหางที่กำลังจะมาถึงโลกในเร็ว ๆ นี้ซึ่งเขาก็ตกลง แถมนาง

 

ก็หึงพระเอกมากด้วยเวลามีน้องที่รู้จักกันมาเข้าใกล้พระเอก มีความฮาและโรแมนติกครบจบในเรื่องเดียวจริง โดยเฉพาะฉากที่พระเอกให้เบอร์นางเอกในรถไฟฟ้านี่ผู้ชมกรี๊ดกันลั่นโรงเลยจริงแล้วหนังเรื่องนี้เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมายังไม่มีใครสนใจมากนัก แม้จะมี เคน ธีระเดช เป็นพระเอกก็ตาม คงจะเป็นเพราะหนังที่ผ่านๆมาของ เคน ธีระเดช นั้นล้วนแต่แป๊กสนิท แต่พอเดือนกันยาที่ผ่านมามีหนังตัวอย่างออกฉายเท่านั้นแหละ กระแส

 

 

ความน่าสนใจของ ?รถไฟฟ้ามาหานะเธอ? ก็พุ่งปรี๊ดทะยานแซงหน้าหนังทุกเรื่อง แม้กระทั่งหนังฟอร์มยักษ์ของโลกอย่าง Avartar ที่เปิดตัว Clip 15 นาทีไปก่อนหน้า ก็ไม่แรงเท่า รวมทั้ง 5 แพร่ง ก็ยังดูหมองๆไป เมื่อคนบางคน ( โดยเฉพาะสาวๆ ) ที่ไปดู 5 แพร่ง ยังออกมาชื่นชมหนังตัวอย่างของ ?รถไฟฟ้ามาหานะเธอ? ซะมากกว่าชื่นชมหนัง 5 แพร่ง ทั้งเรื่องซะอีก ผมขอยกให้หนังตัวอย่างของรถไฟฟ้าได้ครองรางวัล ?Trailer of the year 2009? สุดยอดหนังตัวอย่างปี 2552 ไปครองอย่างเอกฉันท์

 

ความแรงของ ?รถไฟฟ้ามาหานะเธอ? นั้นพอติดเครื่องได้ก็พุ่งทะยานซิ่งแรงกว่าที่เราเห็นรถไฟฟ้า BTS วิ่งซะอีก เรียกได้ว่าแรงระดับชิงคันเซนรถไฟจรวดของญี่ปุ่นทีเดียว โดยเฉพาะกับบรรดา สาวชาวกรุง สาว office ที่อายุแถวๆ 30 ปี แต่ยังไม่มีผัว(แต่ต่อไปขอเรียกพวกเธอว่า L30NH หรือ Ladies 30 No Husband นะครับ ) พวก L30NH เนี่ยะจะโดน จะอินกับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ อินขนาดฝันเอาตัวเองเป็น เหมยลี่? และ อยากได้หนุ่มหล่ออย่าง เคน มากดกระดิ่งหน้าบ้านกันทุกคน ด้วยการจับ

 

ประเด็น ขายฝันลมๆแล้งๆให้บรรดา L30NH ที่เฝ้ารอรถด่วนขบวนสุดท้ายมาสอยตัวไปจากคานทองเนี่ยะ ผมมองว่าเป็นการจับประเด็นจุดขายของหนังได้อย่าง? work สุดๆเพราะไม่ว่าจะไปคุยกับใคร เช็คเว็บไหนๆที่เป็นเรื่องหนังก็มีแต่คนพูดถึง เหมยลี่ พูดถึง รถไฟฟ้า กันทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยความแรงของหนังตัวอย่าง และ จุดขายของหนังที่โดนเต็มกบาลนี้แหละ ทำให้ผมต้องไปพิสูจน์ว่า ?รถไฟฟ้ามาหานะเธอ? ของเขาดีจริงๆ หรือ ดีแค่โฆษณา ผมจึงขึ้นรถไฟฟ้ามหานครจากหมอชิต ไปดู ?รถไฟฟ้ามาหานะเธอ? ที่ Grand EGV ในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

 

ชื่อหนังแรกๆ คือ Last Train to Bangrak ตั้งโดย พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล แน่นอนว่าฟังง่ายและตรงไปตรงมา นึกถึงเพลงดังที่ร้องว่า เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย และขบวนสุดท้ายนั้นกำลังจะวิ่งไปที่บางรัก คือถ้ามึงไม่ขึ้นขบวนนี้ มึงอาจจะไม่มีความรักแล้วนะบทร่างแรกๆ ของหนังเรื่องนี้จริงๆ ว่าด้วยการที่พี่เคนของเราเป็นคนสร้างรางรถไฟฟ้า แล้วส่วนต่อขยายนั้นมันมาพาดผ่านหน้าบ้านและดาดฟ้าของตึกแถวบ้านเหมยลี่ ทั้งสองเลยมีโอกาสได้คุยกันผ่านรางรถไฟฟ้าและดาดฟ้าบ้านในเรื่อง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบทเป็นดาราชื่อ สตีเฟ่น จำรัส ซึ่งเล่นละครชื่อ น้ำตากามเทพ ร่วมกับ แอฟ ทักษอร โดยมีต้นแบบแห่งการแสดงแนวโกรธแล้วชี้มือสั่นจาก ตู่-นพพล โกมารชุน และ อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์  ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

 

 

 

 

 

 รีวิวหนังใหม่ล่าสุด  สวัสดีค้าบ ทุกคน วันนี้อยู่กับ แอดบีเช่นเคย วันนี้แอด บี ก็จะมา รีวิวหนัง เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก แน่นอนว่าหนังเก่า แต่ทำน้ำตาแตก ไปหลายรอบนะ บวกกับความฮาอ่ะ ฟินเวอร์  รีวิวหนังดีอยากบอกต่อ หนังเรื่องนี้ทำเอาเราฟินไม่เลิก ดูมาตั้งแต่ตัวอยู่ม.1 จนตอนนี้จบปี 4 แล้วก็ยังเปิดดู
เป็นหนังรักวัยรุ่นที่เราโคตรชอบเลย เราชอบถึงขั้นที่เราไปเรียนโรงเรียนเดียวกับที่พี่โชนน้องน้ำเล่นเลยนะ ( มาริโอ้กับใบเฟิร์นนั่นแหละ แต่อยากให้รู้ว่าอินขนาด กรี๊ดดดด )
เป็นการเริ่มต้นของหนังโดยการที่มีเด็กสาวหน้าตาไม่ได้สวยมากเท่าไหร่ แต่แอบชอบรุ่นพี่ม.4 มาก ๆ มันฟินตรงนี้ตรงที่หนังทำให้เนื้อเรื่องดูเป็นรักในวัยมัธยมจริง ๆ เหมือนกับเอาเรื่องจริงมาทำเป็นหนังยังไงยังงั้นเลย
รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก
เพื่อน ๆ ของน้ำก็อยากให้น้ำสมหวังกับพี่โชน จึงมีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า 9 สูตรรักฉบับนักเรียน ในหนังสือก็จะบอกวิธีต่าง ๆ ที่จะทำให้คนที่เราชอบหันมาชอบเธอ
งั้นเราข้ามวิธีที่ 7  เลยแล้วกันนั่นคือการทำให้ตัวเองดูดีขึ้นทำให้น้ำได้ถูกขัดสีฉวีวันด้วยขมิ้น ตัวเหลือเลยจ้า หลังจากขัดตัวเสร็จก็ไปหาพี่โชนที่บ้าน พอพี่โชนเจอเท่านั้นแหละสิ่งแรกที่ถามน้ำคือ ทำไมน้ำตัวเหลืองขนาดนี้ เป็นดีซ่านรึเปล่า ( ฮ่า ๆ ฮามาก )
ยังไม่พอน้ำและเพื่อนยังไปคัดตัวเข้าชมรมนางรำด้วย เพราะชมรมนี้มีแต่คนสวย ๆ ที่ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไร คนทั้งโรงเรียนก็แห่กันเข้ามาดู แล้วน้ำจะพลาดได้ยังไงล่ะ แต่ต้องหัวเสียเพราะเจออริชื่อเค้ก นางเป็นรุ่นเดียวกับน้ำที่ชอบพี่โชนเหมือนกัน ได้แซะเข้ามาว่า ถ้าไม่แน่ใจว่าสวยจริงอะ
ไปสมัครชมรมอื่นก็ได้นะ  เท่านั้นแหละ ทำให้เกือบได้ตบกันแล้ว พอครูอรก็ห้ามไว้ก่อนและไล่น้ำกับเพื่อนน้ำออกไป รวมถึงเค้กด้วย แต่พอเห็นว่าเค้กสวยหน่อยก็เลยให้เดินกลับเข้ามาในแถวอีกรอบ นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าลำเอียง!
รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก
ครูอิมจึงชักชวนให้ไปสมัครชมรมแสดงละคร ตอนแรกน้ำก็ไม่สนใจ แต่ตอบตกลงไปเพราะสงสารครูอิม แต่พอเห็นว่าชมรมนี้มีพี่โชนอยู่ด้วย น้ำเลยตกลงเข้าชมรมแบบไม่คิดเยอะเลยค่ะ
ในช่วงที่มีงานโรงเรียน ก่อนหน้าวันจริงตัวละครทุกตัวจะต้องมาแสดงใหญ่ก่อนจะเล่นวันจริง ซึ่งน้ำเป็นตัวละครสโนไวท์ แต่เจ้าชายหายไปไหนไม่รู้ พี่โชนเลยถูกเรียกให้แสดงแทน
รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก
ในระหว่างที่พี่โชนกำลังก้มลงจุมพิษน้ำ แต่พอน้ำลืมตามาอีกทีกลายเป็นใครไม่รู้ เลยลุกหนีแทบจะตกเวทีเลย แต่พี่โชนจับมือไว้ได้ทัน ส่งตาให้กันปิ้ง ๆ แอบเขินมาก ๆ ฉากนี้
ข้ามไปตอนสุดท้ายเลยคือ ปิดภาคเรียน น้ำที่ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้ไปหาพ่อที่ต่างประเทศก็สามารถทำเกรดได้ 4.00 จึงทำให้ต้องไปเรียนต่อ แต่มีสิ่งเดียวที่น้ำยังไม่บอกพี่โชนคือ น้ำชอบพี่โชน
และเรื่องราวต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อ ไปติดตามกันเอาเองนะคะทุกคน แต่ถ้าไม่ดูถือว่าพลาดจริง ๆ
รีวิว หนังNetflix สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก จากผู้ชมทั่วโลก
ภาพยนตร์ที่สนุกสนานเหมาะสำหรับเด็กสาววัยรุ่น 8/10

รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก

ฉันดูหนังเรื่องนี้เมื่อสองสามเดือนก่อนกับเพื่อน ๆ ตอนแรกไม่ได้สนใจเพราะไม่ค่อยอินกับหนังไทย แต่ผมให้ลองเพราะเพื่อนหลายคนบอกว่าดี ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับหญิงสาววัยรุ่นที่ไม่ได้รับความนิยมนามว่านัมซึ่งหลงรัก Shone หนุ่มหล่อยอดนิยม มันสนุกมากที่ได้เห็นว่านัมเปลี่ยนเป็นสาวสวยได้อย่างไรเพราะตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และความรักสามเส้าระหว่าง Nam, Shone และ Shone เพื่อนของ Shone ตอนจบทำได้ดีทีเดียว ผมแนะนำหนังเรื่องนี้เพราะสนุกไม่น่าเบื่อและพูดตรงๆ การแสดงค่อนข้างดี สำหรับคนแก่และเด็กวัยรุ่นก็ยังดูได้ ฉันร้องไห้และหัวเราะที่ได้ดูมันจริงๆ ดูหนังให้สนุก! แนะนำเป็นอย่างยิ่ง
รัก .. รัก .. รัก .. มันคือ “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” 9/10
ต้องบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดังระเบิดไปไกลเกินความคาดหมายของผม
เป็นการผสมผสานระหว่างความตลกขบขันและความโรแมนติกเข้ากับความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา
ใบเฟิร์นพิมพ์ชนกลือวิเศษไพบูลย์มอบผลงานดีเด่นให้เธอ.. การแสดงคุณภาพจากดาราสาวแบบนี้เธอน่ารักสุด ๆ .. เออ .. มีอะไรจะบอกอีกนะ
รักใบเฟิร์นมากเหลือเกินตอนนี้
นี่คือภาพยนตร์ที่คุณสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำอีกและมันจะไม่มีวันแก่
คุ้มค่าทุกเงินดอลลาร์ร้อย.. ก็ตาม.
thunghuachang, 2 April 2011
พระเจ้าช่วย..! นี่คือ Comedy Romance ที่แท้จริง! 10/10
ตั้งแต่ดูรักแห่งสยาม (2550) ฉันสนใจหนังโรแมนติกที่สร้างโดยประเทศไทยเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นนักแสดง Mario Maurer มีความสำคัญที่นี่ การแสดงเป็นสิ่งที่ดีและสมควรได้รับรางวัลนักแสดงที่ดีที่สุด ที่นี่ยังเป็นนักแสดงที่ดีมากโดยเฉพาะเมื่อเธอกลายเป็นคนที่สวยแตกต่างกันมาก! นอกจากนี้การนำเสนอของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเรียบง่ายและเข้าใจง่ายก็สมบูรณ์แบบ อารมณ์ขันทำหน้าที่ได้เหมาะสมมาก ตอนจบดีมาก. ผู้ชมไม่ผิดหวังกับระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร มิตรภาพและความโรแมนติกเป็นสิ่งที่สัมผัสได้มาก สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับรักครั้งแรกของฉันสำคัญมากและฉันไม่เคยรู้สึกถึงมัน
ดังนั้นฉันจึงให้คะแนน 10!

ความคิดเห็น

นี่คือภาพยนตร์ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้หากพวกเขาทิ้งอคติทางวัฒนธรรมของตัวเองไว้ข้างประตู เรื่องราวในตัวมันค่อนข้างธรรมดา … มันเป็นเรื่องราวความรักของวัยรุ่นและถ้ามีวิธีสร้างสิ่งที่ไม่เหมือนใครในรูปแบบของยานพาหนะสำหรับแนวนี้ฉันอยากจะได้ยินมัน สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำในรูปแบบที่ยอดเยี่ยมนั้นเปิดเผยมากมายเกี่ยวกับตัวละครและวัฒนธรรมของผู้คนที่น่ารักที่สุดในโลก คนไทยไร้เดียงสาและอึมครึม อาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความคิดและแรงบันดาลใจลึกลับในคราวเดียวและยังเต็มไปด้วยแบบแผนอันเล็กน้อยและอาฆาตแค้นและการเหยียดเชื้อชาติภายใน
Nam ตัวเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้มีลักษณะเป็น “ธรรมดา” และ “อึดอัด” ในช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เธอไม่ใช่ … เธอเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างน่ารัก สิ่งที่เธอรองลงมาคือความเป็นไทยและผิวสีเข้ม หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่คุณอาจไม่รู้สถานะทางสังคมของจีนและผู้ที่ได้รับรางวัลผิวซีดและความอัปยศที่มอบให้กับผู้ที่มีลักษณะเหมือนคนพื้นเมืองในภูมิภาคนี้ ผู้สร้างภาพยนตร์มีความกล้าหาญในการเปิดเผยแง่มุมที่น่ายกย่องของวัฒนธรรมไทยโดยครูของ Nam เรียกเธอว่า “คนผิวสี” ในช่วงเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้จะมีความซื่อสัตย์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นสากลของหญิงสาวที่มีต่อเด็กชายคนแรกของเธอได้อย่างน่ารัก แต่ก็แสดงถึงความเป็นไทยอีกครั้ง จาก Cheer เพื่อนที่มีขนาดใหญ่ แต่เป็นที่รู้จักในทันทีไปจนถึงช่วงเวลาเต้นรำที่สั่นสะเทือนของ Booty ในงานเฉลิมฉลองของเธอมีอะไรมากมายที่นี่เป็นเอกลักษณ์ของไทยและเป็นที่รักของพวกเราที่รักและชื่นชมผู้คนที่ได้ยินอย่างอบอุ่นเหล่านี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียบง่ายเกินไปในเนื้อเรื่องหรือไม่? ใครสน. นี่ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงแฟนตาซีโรแมนติกของสาวไทยอย่างแท้จริง ทุกอย่างตั้งแต่ครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวไปจนถึงประชากรที่เป็นผู้หญิงพูดถึงประเทศไทยในปัจจุบัน
ฉันชอบหนังเรื่องนี้เพราะมันไม่ได้พยายามที่จะเป็นอเมริกันหรือยุโรปหรือมหากาพย์กังฟูของจีนเรื่องอื่น .. มันเป็นเพียงเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับความฝันของสาวไทย
beachvbguy, 15 August 2011
เรื่องราวเกี่ยวกับความรักและวัยกำลังจะมาถึง 10/10
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มีการเปิดตัว ตอนนี้ฉันหาเวลาเขียนรีวิวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แล้ว การดูภาพยนตร์ที่สร้างจากประเทศไทยทำให้ฉันมีความสุขที่ได้เห็นว่าความรักสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรักอิสระได้อย่างไร ดูนัมเติบโตเป็นหญิงสาวที่น่ารักตั้งใจที่จะเติบโตใกล้ชิดกับความรักในขณะที่ทำหน้าที่ของเธอในฐานะลูกสาวให้กับครอบครัวของเธอ
ฉันยินดีที่จะบอกว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างแน่นอนในการรับชม ไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของการเปลี่ยนแปลงของเธอจากเด็กสาวเป็นหญิงสาวที่น่ารัก ในขณะที่สอนเธอถึงวิธีการรักษาทุกอย่างให้สมดุล และความรักนั้นอาจไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป นอกจากนี้ยังเป็นเพียงและเราควรระลึกถึงเพื่อนของเราเสมอโดยไม่คำนึงถึงเรื่องของหัวใจ
ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถมุ่งเน้นไปที่วิธีการจัดฉากของภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าฉันต้องเข้าสู่เทคนิค ฉันยังสามารถแบ่งปันสถานที่และมุมการถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อีกด้วย ลูกเรือดีมาก! และเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับผู้กำกับและนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้
magsirover, 16 August 2020
โรแมนติก 9/10
เมื่อเพื่อนของฉันแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ฉันฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อยเกี่ยวกับคำแนะนำนี้ หนังเรื่องนี้มีโครงเรื่องที่เรียบง่าย อธิบายถึงความรักครั้งแรกและสิ่งที่วิเศษ แม้ว่าเรื่องราวจะดูเรียบง่าย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะการเปลี่ยนแปลงของ Nam อาจไม่น่าเบื่อและสามารถทบทวนในระหว่างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
Crazy Little called Love (2010) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติกคอมเมดี้นำแสดงโดยใบเฟิร์นพิมพ์ชนกลือวิเศษไพบูลย์ (ขณะที่น้ำ) และมาริโอ้เมาเร่อ (รับบทเป็น Shone) นัมเป็นเด็กสาวมัธยมปลายที่แอบหลงรักรุ่นพี่ Shone Shone เป็นนักเรียนเกรด 10 ที่มีเสน่ห์และสนใจในการถ่ายภาพและฟุตบอล นัมรับรู้ว่าไม่ใช่สาวพราวเสน่ห์ในโรงเรียนด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ของเธอพยายามทุกอย่างเพื่อปรับปรุงตัวเองเพื่อดึงดูดความสนใจของโชเนะ เธอเริ่มรักษาผิวคล้ำและเริ่มศึกษาอย่างขยันขันแข็ง ในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดความขัดแย้งมากมายเช่นความขัดแย้งระหว่างนัมกับเพื่อนของเธอระหว่างนัมกับส่องและคนอื่น ๆ ด้วยปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าดูมากขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงด้วยความสุข ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับการแสดงคือการที่พวกเขาแสดงภาพคนที่แอบชอบและคนที่ชอบทำสิ่งที่โง่ที่สุด แต่น่ารักที่สุดสำหรับคนที่พวกเขาชอบด้วยความเต็มใจ โดยรวมแล้วไม่ใช่โครงเรื่อง แต่เป็นตัวละครที่ทำให้การแสดงนี้คู่ควรกับการยกย่องและเวลาของฉัน เรื่องราวนั้นดี แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบในสายตาของฉันก็คือผู้คนในการแสดง ช่วงเวลาที่จริงใจและตลกน่ารักมากมายสร้างความสมดุลให้กับภาพยนตร์ได้ดีทีเดียว
หลังจากดูหนังเรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลกที่จะรู้ว่าทุกสิ่งเล็กน้อยสามารถทำให้เรามีความสุขหรือกังวลได้อย่างไร นอกจากนั้นความรักสามารถทำให้ใครบางคนเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเพื่อให้เหมาะสมกับคนที่เขารักหรือเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา / เธอ จะดีถ้าการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางบวก และไม่จำเป็นต้องพูดฉันแนะนำการแสดงนี้อย่างแน่นอน น่ารักจังอยากกอดจังเลย!