Tag Archives: หนังเก่าไทยน่าดู

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง หากใครกำลังหาหนังรักที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความรักอย่างเดียว แต่ยังทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวของชีวิตคนเราได้มุมมองใหม่ ๆ ซึ่งให้ความรู้สึกละมุนอบอุ่นหัวใจ เราขอแนะนำเรื่อง “คิดถึงวิทยา”เลย เป็นหนังอีกเรื่องในดวงใจของเราและหลายคน แถมยังเป็นแรงผลักดันให้ครูหลายคนไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อสร้างเยาวชนให้กลายเป็นคนดีของสังคมอย่างสมบูรณ์แบบด้วย เรื่องราวของหนังคิดถึงวิทยาจะน่าติดตามกันแค่ไหนต้องมาอ่านรีวิวกัน

 

เรื่องย่อ คิดถึงวิทยา

หนัง “คิดถึงวิทยา” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “สอง” ที่ได้มาเป็นครูที่โรงเรียนเรือนแพแห่งหนึ่งทางภาคเหนือซึ่งอยู่ห่างไกลความเจริญ ต้องเดินทางโดยใช้เรือเท่านั้น และปัญหาใหญ่ของเขาก็คือ การที่เด็กนักเรียนไม่ค่อยสนใจครูอย่างเขาเลยสักนิด ทำให้สองรู้สึกท้อจนกระทั่งได้ไปค้นพบสมุดบันทึกของ “แอน”ที่ก่อนหน้าที่สองจะมา เธอเคยถูกส่งมาเป็นครูที่โรงเรียนเรือนแพอย่างไม่เต็มใจนักและทำให้เด็ก ๆ ที่นี่เปิดใจยอมรับเธอได้ซึ่งทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นในการเป็นครูสอนที่นี่

จนกระทั่งเวลาผ่านไปในที่สุดแอนก็ได้กลับมาที่โรงเรียนเรือนแพอีกครั้ง ในขณะที่สองได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว และแอนก็ได้เห็นว่าบันทึกของตัวเองถูกเขียนเพิ่มเติมเรื่องราวด้วยลายมือของสอง มิตรภาพของทั้งคู่จึงได้เกิดขึ้นผ่านบันทึกเล็กๆ 1 เล่มนี้ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

 

ความน่าสนใจของหนัง “คิดถึงวิทยา”

หนัง คิดถึงวิทยา netflix ได้ถ่ายทอดมุมมองที่แปลกใหม่ของการเป็นครูที่ต้องมาสอนในโรงเรียนชนบทซึ่งเทคโนโลยียังเข้าไม่ถึง ทำให้ต้องมีทักษะชีวิตพอตัว โดยเราอาจจะชินกับภาพของครูดอยกันแล้ว แต่คงไม่มีใครจะคาดคิดว่าในประเทศไทยจะมีโรงเรียนเรือนแพด้วยซึ่งตรงนี้ได้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ “ครูสามารถ สุทะ” ซึ่งเป็นครูสอนโรงเรียนเรือนแพเพียงคนเดียวที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร

โดยนำมาแต่งเติมเรื่องราวเป็นหนังรักผ่านสมุดไดอารี่ของคู่พระนางให้มีสีสันและบอกเล่าชีวิตการทำหน้าที่ครูว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำให้เด็กสนใจในการเรียน ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เผชิญร่วมกันมาและมิตรภาพที่คุณมอบให้เขาอย่างเป็นกันเองจะค่อย ๆ ทำให้เด็กเปิดใจให้คุณจนพวกเขารักคุณเหมือนอย่างครูสองกับครูแอน

 

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

 

ในด้านความรักของคู่พระนางต่างคนต่างรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายผ่านไดอารี่ แต่พระเอกก็ทำได้เพียงพยายามเก็บครูแอนไว้ในใจเพราะรู้ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงดั้นด้นไปหาถึงโรงเรียนในต่างอำเภอเพื่ออยากเห็นหน้าสักครั้ง ส่วนนางเอกกับแฟนก็เริ่มมีความรู้สึกห่างเหินกันมากขึ้นเพราะอุดมการณ์ในการสอนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จนกระทั่งต้องเลิกรากันในที่สุด ซึ่งเราลุ้นทั้งเรื่องว่าคู่พระนางจะได้เห็นหน้าคนที่เฝ้ารอมาในฉากไหน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังแน่นอน

 

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง ได้สอนให้เราเรียนรู้ว่า การเป็นครูไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเวลาราชการหรือในสถานศึกษานั้น ๆ แต่คำว่า “ครู” เป็นเสมือนจิตวิญญาณที่อยู่ในตัวของคุณ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดกับเด็กนักเรียน คุณอย่าได้รีรอที่จะเข้าไปช่วยเขา จงอดทนแม้ว่าคุณจะรู้สึกลำบากและท้อ เพราะยังมีเด็กหลายคนที่ต้องการครูอย่างคุณอยู่ และการสอนเด็ก

เป้าหมายที่แท้จริงก็คือ การพัฒนาให้เขาได้รับความรู้มากที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพและเป็นคนที่ดีของสังคม ไม่ว่าเขาจะเลือกทำอาชีพใด ทำนา หาปลา หมอ ตำรวจก็ตาม ต่อไปพวกเขาย่อมสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากคุณมาใช้ได้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นในทางตรงหรือทางอ้อม คิดถึงวิทยา mastermovie

ข้อเสีย บอกตรงๆว่าผมไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าข้อเสียได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าเป็นข้อสังเกตละกันครับ หนังเรื่องนี้ มีกรอบมากๆครับ กรอบของความเป็นหนังรักโรแมนติก Feel Good และ GTH กรอบเหล่านี้ครอบความกล้าที่จะหลุดออกมาของหนังไว้จนมิด ทั้งที่ประเด็นในหนังมันสามารถสร้าง Conflict ใหญ่โตระดับสะเทือนระบบการศึกษาของสังคมไทยได้เลย แต่หนังข้ามสิ่งเหล่านั้นไป เล่าแค่ที่อยากจะเล่า ปัญหาระดับรากเหง้าของประเทศ
เลยกลายเป็นแค่เรื่องปัญหาเล็กๆในความโรแมนติกเท่านั้น ผมมั่นใจว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่ค่าย GTH ทำ ประเด็นเหล่านี้จะกลายเป็นประเด็นใหญ่โตที่ถูกเอามาขยี้ให้เรารู้สึกได้เลยว่าระบบการศึกษาของเรามันแย่แค่ไหน ที่น่าสนใจกว่านั้น แน่ใจว่า “ครู” ที่หนังสื่อมาให้เห็นเป็น “ครู” ที่ควรจะเป็นจริงๆของสังคมไทย อยากให้คิดให้ละเอียดๆนะครับ ถ้าหนังจงใจซ้อนภาพตลบ 2 ชั้นให้คนดูหวนมาคิด ก็ถือว่าดี แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่

 

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

 

ในชีวิตของผม ในแต่ละวันดูหนังอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งเรื่องหรือสองเรื่อง และในแต่ละเดือนดูหนังเยอะมาก เรียกว่าดูมันทุกแนว ทุกประเภทเลยทีเดียว ไม่ว่าจะหนังไทย จีน ฝรั่ง หรือการ์ตูน แต่ผมจะไม่ดูหนังอยู่ประเภทเดียวคือ หนังรัก นอกนั้นชอบดูหมด ยิ่งเป็นหนังผี นี่ยิ่งชอบดูคนเดียว ชอบดูตอนกลางคืนด้วยนะ เพราะฝึกจิตใจเราให้เข้มแข็งได้ป็นอย่างดี หนังแต่ละเรื่องแต่ละประเภทให้แง่ดีให้ข้อดีแก่เรานะ อยู่ที่เราจะมองว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากหนังนอกจากความบันเทิงที่ได้ ไม่ใช่ว่าพอดูหนังจอก็จบกันไป มันไม่ใช่ เหมือนกับหนังไทยค่ายนี้เลย GTH หรือปัจุบันเปลี่ยนชื่อค่ายหนังมาเป็น GDH จำได้ว่าชอบดูหนังไทยของค่ายหนังค่ายนี้มาก ๆ นอกจากให้ความบันเทิงแล้วยังให้แง่คิด ในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ให้ตัวละครมาสอนคนดู และเรื่องที่จะมาแนะนำและรีวิวในวันนี้ เป็นหนังไทยจากค่าย GDH เรื่อง คิดถึงวิทยา พระเอกชื่อ บี้ สุกฤษ กับนางเอกชื่อ พลอย เฌอมาลย์ เรื่องนี้เก่าแล้วหนังตั้งแต่ 2016 4-5 ปีแล้วแต่ผมก็ยังพอจำเนื้อเรื่องของหนังได้
ดูแล้วเห็นความรักที่ครูมีต่อเด็กนักเรียน ถึงแม้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เมื่อเด็กขาดเรียนหรือไม่มาครูก็เป็นห่วงวาจะเรียนไม่ทัน ไม่ได้เรียน ดูแล้วทำให้เราน้ำตาซึม ได้ข้อคิดดี ๆ มากกว่าการดูหนัง ได้เห็นความลำบากของครูคนนึงที่ทำไปเพราะความรัก ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่มากมายอไร แต่ก็เต็มใจที่จะไปสอน ผมว่าควรหาดูนะหนังเรื่องนี้ ให้มากกว่าความสุขและรอยยิ้ม คิดถึงวิทยา ภาค2

 

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง

หนัง “คิดถึงวิทยา” ได้ถ่ายทอดมุมมองที่แปลกใหม่ของการเป็นครูที่ต้องมาสอนในโรงเรียนชนบทซึ่งเทคโนโลยียังเข้าไม่ถึง ทำให้ต้องมีทักษะชีวิตพอตัว โดยเราอาจจะชินกับภาพของครูดอยกันแล้ว แต่คงไม่มีใครจะคาดคิดว่าในประเทศไทยจะมีโรงเรียนเรือนแพด้วยซึ่งตรงนี้ได้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ “ครูสามารถ สุทะ” ซึ่งเป็นครูสอนโรงเรียนเรือนแพเพียงคนเดียวที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร
โดยนำมาแต่งเติมเรื่องราวเป็นหนังรักผ่านสมุดไดอารี่ของคู่พระนางให้มีสีสันและบอกเล่าชีวิตการทำหน้าที่ครูว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำให้เด็กสนใจในการเรียน ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เผชิญร่วมกันมาและมิตรภาพที่คุณมอบให้เขาอย่างเป็นกันเองจะค่อย ๆ ทำให้เด็กเปิดใจให้คุณจนพวกเขารักคุณเหมือนอย่างครูสองกับครูแอน

 

 

ในด้านความรักของคู่พระนางต่างคนต่างรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายผ่านไดอารี่ แต่พระเอกก็ทำได้เพียงพยายามเก็บครูแอนไว้ในใจเพราะรู้ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงดั้นด้นไปหาถึงโรงเรียนในต่างอำเภอเพื่ออยากเห็นหน้าสักครั้ง ส่วนนางเอกกับแฟนก็เริ่มมีความรู้สึกห่างเหินกันมากขึ้นเพราะอุดมการณ์ในการสอนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จนกระทั่งต้องเลิกรากันในที่สุด ซึ่งเราลุ้นทั้งเรื่องว่าคู่พระนางจะได้เห็นหน้าคนที่เฝ้ารอมาในฉากไหน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังแน่นอน
หนัง “คิดถึงวิทยา” ได้สอนให้เราเรียนรู้ว่า การเป็นครูไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเวลาราชการหรือในสถานศึกษานั้น ๆ แต่คำว่า “ครู” เป็นเสมือนจิตวิญญาณที่อยู่ในตัวของคุณ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดกับเด็กนักเรียน คุณอย่าได้รีรอที่จะเข้าไปช่วยเขา จงอดทนแม้ว่าคุณจะรู้สึกลำบากและท้อ เพราะยังมีเด็กหลายคนที่ต้องการครูอย่างคุณอยู่ และการสอนเด็กเป้าหมายที่แท้จริงก็คือ การพัฒนาให้เขาได้รับความรู้มากที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพและเป็นคนที่ดีของสังคม ไม่ว่าเขาจะเลือกทำอาชีพใด ทำนา หาปลา หมอ ตำรวจก็ตาม ต่อไปพวกเขาย่อมสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากคุณมาใช้ได้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นในทางตรงหรือทางอ้อม
ช่วงท้าย หนังเข้าสู่ความเป็น “คิดถึงวิทยา” เต็มๆ โดยเล่าว่าความคิดถึงมันแปรเปลี่ยนไปเป็นอะไร แล้วหนังก็หักทิศทางอีกครั้ง จนผมเริ่มไม่แน่ใจว่า จะทำยังไงหนังถึงจะไปจบแบบ “Feel Good” (หนังแนวนี้ของ GTH ผมไม่เคยกล้าคิดว่า GTH จะไม่ Feel Good) แต่หนังก็ไปได้ในแบบที่ดูเรียบง่ายราบรื่นและสวยงาม แล้วก็จบไปอย่าง Feel Good ตามความประสงค์ ส่วนตัวผมว่าตอนจบมันไปได้พี๊คกว่านี้อีกเยอะ แต่ดูเหมือนหนังต้องการอารมณ์กรุ่นๆ อบอุ่นกึ่งเหงา ดูจบแล้วสบายใจเสียมากกว่า

 

คิดถึงวิทยา สรุป

คิดถึงวิทยา สปอยหนัง การแสดง เป็นส่วนที่หาข้อติแทบจะไม่ได้เลยของหนังเรื่องนี้ ทั้งบี้ ทั้งพลอย เวียร์ นักแสดงสมทบ รวมทั้งนักแสดงเด็กทุกคน ทำได้ดีมากๆๆๆ เรียกว่าดูแล้วไม่มีความรู้สึกติดขัดสะดุดสายตาแต่ประการใด
ข้อดี ของหนังเรื่องนี้คือ หนังชัดเจนในเรื่องที่จะเล่า พาคนดูไปในทิศทางที่หนังอยากให้เป็นได้โดยไม่หลุดออกไป ยิ่งถ้ารับสิ่งที่หนังส่งออกมาได้มาก ก็จะยิ่งอิน อิ่ม สบายใจ มีความสุข เรียกว่ายิ้มออกมาจากโรงได้เลย ยิ่งใครคิดถึงหนังสไตล์ GTH ชอบหนังสไตล์ GTH เรื่องนี้มันเป็น GTH แบบสุดโต่งเลยล่ะครับ คิดถึงวิทยา pantip

 

 

สรุป หนังเรื่องนี้ดูง่าย ดูสบาย Feel Good สไตล์ GTH การแสดงดี ภาพสวย อิ่ม อุ่น เหงานิดๆ เพลงเพราะ เหมือนกินอาหารที่อร่อยสวยงามรสชาดดีทุกอย่าง ขาดแค่ความแปลกใหม่ ถ้าใครชอบสไตล์ของ GTH รวมทั้งหนังโรแมนติกดูแล้วสบายใจอินเลิฟ เรื่องนี้สมบูรณ์แบบมากครับ แต่ถ้าคุณเป็นคอหนังที่หวังว่าจะ “ได้” อะไรมากกว่าที่คาดจากหนังเรื่องนี้ ชอบคิดต่อ ชอบการเจาะลึกเสียดสีสังคม หนังเรื่องนี้จะแตะประเด็นในแบบที่ไม่พยายามให้เราไปสนใจประเด็นเหล่านั้น แต่ถ้าสนใจก็ลองไปดูก็ได้ครับว่า คุณจะคิดมากเหมือนกับผม หรือเห็นอะไรเหมือนกับที่ผมเห็นหรือไม่ เอ..หรือว่าผมบ้าไปเองคนเดียว เฮ้อ สำหรับผม หนังเรื่องนี้เหมือนรถรุ่นใหม่ที่ทำออกมาดีทุกอย่าง สมบรูณ์ ครบครัน แต่ไม่กล้าที่ใส่ Option ใหม่ๆที่ล้ำยุค เพียงเพราะแค่กลัวคนซื้อมองว่าเกินความจำเป็น

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง เด็กไทยล้วนรู้จักขุนช้างขุนแผน เพราะเป็นนิทานพื้นบ้านชื่อดังและเป็นวรรณคดีที่อยู่ในแบบเรียนที่บังคับเรียนโดยกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย ถึงแม้ว่าเมื่อสอบเสร็จ-เรียนจบ-โตแล้ว เราจะจำเรื่องราวหรือรายละเอียดนั้นได้บ้างไม่ได้บ้างแต่หากเราจดจำตัวละครหลักทั้งสามอย่าง ขุนแผน (แก้ว), ขุนช้าง (ช้าง), และนางพิมพิลาไลย (วันทอง) ได้นั้นก็เพียงพอเหลือแหล่แล้วที่จะไปดู ขุนแผน ฟ้าฟื้น ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของพี่ ก้องเกียรติ โขมศิริ (ผู้กำกับ ขุนพันธ์) ได้อย่างเพลิดเพลินและรู้เรื่อง ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

เรื่องย่อ ขุนแผน ฟ้าฟื้น

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

 

ภาพยนตร์ ขุนแผน ฟ้าฟื้น เริ่มจาก แก้ว (มาริโอ้ เมาเร่อ) กับสหายรักของเขา เพชร (โจเซฟ สิรินัฎฐ์) เดินทางมาแสวงโชคที่เมืองยูท่า (หรืออยุธยา) แล้วมาเจอกับช้าง (ฟิลลิปส์ The Face Men) กับพิม (ฟ้า ยงวรี) ซึ่งเป็นเพื่อนในวัยเด็กแก้วจำพวกเขาไม่ได้เพราะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ตกหลุมรักนางพิมตั้งแต่แรกเห็นต่อมาแก้วได้เรียนวิชาอาคมกับอาจารย์เดช (ต๊อก ศุภกรณ์) และสมัครเป็นทหารอาสา เพื่อพิสูจน์ตนเองและลบล้างคำเหยียดหยามที่ว่าขุนไกร (ปีเตอร์ นพชัย) พ่อของเขาเป็นกบฏ แล้วก็ต้องมาแข่งขันแย่งชิงการเป็นที่หนึ่งกับช้างทั้งในเรื่องของหัวใจและเรื่องการเป็นทหารในขณะเดียวกัน จอมเวทย์สายดำ แสนตรีเพชรกล้า (ปราโมทย์ แสงศร) และพรรคพวก นำโดยมือขวา รัศมีจันทร์ (เจด แองเจลิน่า นางเอกโนราห์ 2018) ก็กำลังมีแผนก่อความไม่สงบในงานใหญ่ประจำเมืองและหวังลอบสังหารพระยาเดโช (น้านงค์ เชิญยิ้ม) ขุนแผนฟ้าฟื้น 2

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง หลังโด่งดังจากการร่วมเขียนบทหนังสยองขวัญอย่าง ลองของหรือเปนชู้กับผี แล้ว ก้องเกียรติ โขมศิริ ถือเป็นผู้กำกับที่ทำหนังหลากหลายแนวที่สุดทั้งดราม่าอาชญากรรมอย่าง ไชยา ระทึกขวัญอย่างเฉือนและสุขสันต์วันกลับบ้านหรือกระทั่งแอ็กชันอย่างอันธพาลและขุนพันธ์ทั้งสองภาค ซึ่งจากเครดิตจะเห็นว่าก้องเกียรติมักวนเวียนอยู่กับความดำมืด อาชญากรรม มนตร์ดำ มาตลอด นั่นทำให้ขุนแผนฟ้าฟื้นกลายเป็นงานขายตลกแฟนตาซีจริงจังที่เปิดซิงด้านสว่างของเขาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งด้วยชื่อชั้นงานเขียนบทที่ไม่ใช่ของไกลตัวทำให้บทหนังเต็มไปด้วยไอเดียเด็ดๆ มากมายทั้งการแอบแซวตัวเองในฉากเปิดเรื่องของขุนพันธ์ยันล้อไปยังตุ๊กตาผีแอนนาเบลหรือจะเป็นการเล่าเรื่องแบบโพสต์โมเดิร์นใส่องค์ประกอบโลกปัจจุบันเข้าไปในเนื้อหาที่ดูเป็นพีเรียตแบบไม่สนความถูกต้องเชิงประวัติศาสตร์ก็ทำให้ขุนแผนฟ้าฟื้น กลายเป็นงานหนังไทยขายครีเอทีฟที่น่าสนใจในเชิงแนวคิดไม่น้อยแต่อาจเป็นโชคร้ายที่กรอบการเล่าเรื่องของหนัง 2 ชั่วโมงอาจยังไม่สามารถรองรับไอเดียดีๆ หรือองค์ประกอบกาวๆ ที่พยายามจะเล่าได้มากนักผลลัพธ์คือหนังออกมาไม่ลงตัวเท่าที่ควรดังจะกล่าวถึงต่อไป

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

 

ว่าด้วยเส้นเรื่องของหนังเองเหมือนขุนแผนฟ้าฟื้นจะพยายามผูกโยงเส้นเรื่อง3เส้นไว้ด้วยกันได้แก่การตามหาความทรงจำเรื่องพ่อของแก้ว , เรื่องรักสามเส้าแต่ครั้งอดีตระหว่างแก้ว ช้าง และ พิม ส่วนสุดท้ายคือตำนานแห่งนักรบอัฐมารถที่ต้องปกป้องยูท่าจาก แสนตรีเพชรกล้าและเหล่าสมุนโดยมีแทรกการฝึกวิชาอาคมของแก้วกับอาจารย์เดชเป็นระยะซึ่งลำพัง 3 เส้นเรื่องหลักหนังยังไม่สามารถเล่าได้เคลียร์นัก เพราะพอยัดเส้นเรื่องที่คนต้องติดตามเยอะเกินไปเลยเกิดอาการความจำเสื่อมแก่คนดูเป็นระยะ คือพอแก้วอยากจะตามหาพ่อไปๆ มาๆ หนังก็จะไปเล่าเรื่องรักสามเส้าแถมพอแทรกเรื่องนักรบอัฐมารถเข้ามา กว่าจะมาสรุปเรื่องก็ปาไปเกือบหนังจบแล้ว จนคนดูประมวลผลอารมณ์ตัวเองได้ยากจริงๆ และ ยิ่งหนังเล่าไปเรื่อย ๆ เราก็สัมผัสได้เลยว่าก้องเกียรติไม่ถนัดกับงานคอเมดี้ยิ่งหนังพยายามดึงอารมณ์คนดูให้ตลกด้วยการถล่มมุกต่างๆ ทุก 30 วินาทีก็สัมผัสได้แต่ความฝืดเฝือไปพร้อมกับอาการสะดุดในการเล่าเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย

 

จุดขายสำคัญสำหรับหนัง ขุนแผนฟ้าฟื้น

จริงๆ คงหนีไม่พ้นเหล่านักแสดงที่ทำหน้าที่เรียกแขกได้ไม่ยากทั้งมาริโอ เมาเร่อที่มีชื่อเป็นพระเอกพันล้านจากพี่มากพระโขนงหรือจะเป็นหน้าใหม่ที่น่าสนใจมากๆทั้งฟิลลิปส์ ณัทธนพล ทินโรจน์ หนุ่มหล่อจากรายการ The Face Men ที่พกพาความหล่ออินเตอร์มาลบภาพขุนช้างอ้วนหัวล้านที่เราคุ้นเคยรวมถึงนางเอกสาวสวยอย่างฟ้า ยงวรี งามเกษมนางเอกช่อง3ที่เพิ่งผ่านละครเพชรกลางไฟ มาเรื่องเดียว รับบท พิม ชนวนเหตุรักสามเส้าแถมยังแพ็กนักแสดงรุ่นกลางอย่าง ปราโมทย์ แสงศร และ ต็อก ศุภกร กิจสุวรรณ กะมาเอาใจคอหนังรุ่นใหม่เต็มที่ ด้วยหน้าหนังขุนแผนสไตล์ซูเปอร์ฮีโร แต่สุดท้ายก็กลายเป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับเมื่อภาพรวมทางการแสดงของหนังกลับออกมาพังพินาศอย่างเห็นได้ชัด ที่ออกหน้าออกตามากคือมาริโอ เมาเร่อ ที่พยายามทุ่มเทให้กับการเล่นมุกที่บทเขียนมาแบบไม่ห่วงหล่อแต่ด้วยจังหวะการกำกับตัดต่อที่ดูรีบๆ ขุนแผนฟ้าฟื้น imovie

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

 

จบซีนบ้างหรือตัดฉับแบบไม่ทันตั้งตัวบ้างก็ทำให้มุกต่างๆ ทำงานกับคนดูได้น้อยเหลือเกินส่วนฟ้า ยงวรี กับหนุ่ม ฟิลิป ก็ยังไม่อาจทำให้เราหลงรักหรือมีเสน่ห์มากพอให้ติดตามตัวละครได้มากเท่าใดนักผิดกับหมอริท เดอะสตาร์ ที่มาน้อยแต่บันเทิงมากๆ จนขโมยซีนนักแสดงอื่นๆ ที่เล่นมาทั้งเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อส่วนเจด แองเจลิน่า โฟรม็องโตนางเอกจากหนัง โนราห์ ปีที่แล้วก็มาในบทเหมรัศมี สีจันทน์ นักฆ่าสาวสุดเซ็กซี่ จนหนุ่มๆ ละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว
หากจะสรุปแบบให้แฟร์กับหนังแล้วใครอยากดู ไอเดียของหนังหรืองานภาพ งานกำกับศิลป์ ก็ยังถือว่า ขุนแผนฟ้าฟื้นทำหน้าที่ของมันได้ดีพอสมควร แต่น่าเสียดายที่บทหนังและการแสดงกลับไม่สามารถสร้างความบันเทิงระดับบิ๊กอย่างที่คาดหวังไว้เลยกลายเป็นงานผิดฟอร์มไปอย่างน่าเสียดาย

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น วิเคราะห์ วิจารณ์

ขุนแผนฟ้าฟื้น ท้าวเวสสุวรรณ ไม่ใช่แค่การตีความวรรณคดีไทยใหม่ หากแต่เขาสร้างโลกใบใหม่ของขุนช้างขุนแผนและจักรวาลฮีโร่ไทยขึ้นมาใหม่ตามจินตนาการสุดบรรเจิดของพี่ก้องเกียรติเอง โดยมีการใส่บริบทยุคใหม่สมัยปัจจุบันลงไปในบริบทพีเรียดย้อนยุคนั้นอย่างลงตัว และมีการยำเอาหนังดังหลายเรื่องมาล้อมาเลียนอีกด้วย เช่น King Arthur, Aladdin, ฯลฯ รวมถึง pop culture อย่าง Annabelle ด้วย เป็นต้น อย่างฉากเปิดเรื่องและมีการนั่งรถไล่ล่ากันก็เล่นใหญ่ มัน(ส์)ตระการตามาก ราวกับฉากซิ่งเปิดฉาก Fast & Furious

ตัวละครเอกในขุนช้างขุนแผนเป็นไพร่ฟ้าหน้าใสและขุนนางธรรมดา จึงคิดว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมคงไม่น่าจะมาดราม่าเหมือนตอนเคสทศกัณฐ์ในเอ็มวีท่องเที่ยวไทยที่เป็นประเด็นเมื่อสองสามปีก่อน อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเราโอเคตั้งแต่เคสทศกัณฐ์จนมาถึงเคสขุนแผน ฟ้าฟื้นนี้ เพราะมันทำให้ตัวละครในวรรณคดีไทยกลับมามีชีวิตจับต้องได้และเป็นที่จดจำอีกครั้ง ดีกว่าปล่อยให้ขึ้นไปวางไว้บนหิ้งแล้วถูกคนรุ่นใหม่มองข้ามและหลงลืมกันไปตามกาลเวลา

 

 

จริง ๆ แล้ว ขุนช้างขุนแผนเองก็เป็นเรื่องที่มีการเล่าแต่งเติมเสริมแต่งหรือดัดแปลงต่อๆ กันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาอยู่แล้ว พอกรุงฯแตก ร.2 และเหล่ากวีชั้นครูในสมัยนั้นก็มารวบรวมและเอาเค้าโครงเดิมนั้นมาเสริมแต่งกันใหม่ โดยมีบริบททางสังคมของสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นสอดแทรกเข้าไปด้วยอีกเช่นกัน ดังนั้น ขุนแผน ฟ้าฟื้น ก็เป็นการเล่าขุนช้างขุนแผนในแบบที่มีบริบททางสังคมในปัจจุบัน เข้าไปสร้างสีสันร่วมสมัยไปด้วย เช่น การสะท้อนเกี่ยวกับการขนส่งสาธารณะในปัจจุบัน เป็นต้น

เอาเป็นว่า การมาดูหนังเรื่องนี้ ควรทำสมองให้โล่ง เปิดใจให้กว้าง และลืมขุนช้างขุนแผนที่คุ้นเคยออกไปชั่วขณะ แล้วจะบันเทิงกับหนังมาก เพราะหนังเขาทำมาค่อนข้างครบรสเลยทีเดียวตั้งแต่แอ็คชั่น แฟนตาซี ดราม่า โรแมนติก และคอเมดี้ โปรดักชั่นทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่จัดเต็มและซีจีที่ดูดีไม่ขัดตา หรือถ้าติดใจสงสัยเหมือนเราตอนก่อนมาดูว่า ทำไมขุนช้างมันหล่อจังวะ ไม่เห็นอ้วนและหัวล้านเลย สุดท้ายในหนังก็จะมีคำตอบให้เราเอง ไม่ต้องคิดเยอะ

 

ขุนแผน ฟ้าฟื้น สปอยหนัง

คือหนังแนว Postmodern ที่หยิบยืมเอาวรรณกรรมในอดีต นำมานำเสนอใหม่ภายใต้บริบทและวิธีการคิดแบบใหม่ๆ จะเห็นได้ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่ดูมีความเป็นคนที่มีความคิดหัวสมัยใหม่ แต่บริบทและฉากหลังเกิดขึ้นในสมัยอยุธยา ทรงผม แฟชั่น หรือวิถีชีวิตของพวกเขา ล้วนแล้วแต่มีความเก๋ เปรี้ยว เป็นฮิปสเตอร์แตกต่างจากหนังไทยย้อนอดีตเรื่องอื่น

วัฒนธรรมร่วมสมัยที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบสไตล์หนังมิวสิคัลเอามาใส่ไว้ในช่วงต้นเรื่อง ตัวละครอย่างช้างและพิม มีวงดนตรีที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นระบบคมนาคมขนส่งในเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับแท็กซี่และรถประจำทาง สิ่งเหล่านี้ทำให้คนดูเห็นความพยายามใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี

 

 

แต่น่าเสียดายที่ความร่วมสมัยในหนัง กับบทภาพยนตร์ที่ค่อนข้างสะเปะสะปะและไม่ค่อยคืบหน้าไปไหนทำให้ “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” วนเวียนอยู่แต่ความทรงจำของแก้วที่ขาดหายไปคำถามถึงการหายไปของพ่อแก้ว ซึ่งเมื่อเราพิจารณาจิกซอว์ต่างๆหลังจากชมภาพยนตร์ไปสักระยะ ก็บทสรุปของหนังก็แทบไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายอีกทั้งความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าของตัวละครเอก ก็ไม่ได้หนักแน่นเข้มข้นจนผู้ชมต้องรู้สึกอยากจะเอาใจช่วยตัวละครไหน เพราะท้ายที่สุดแล้วหนังก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะนำเสนอหนัง “ภาคนี้” ให้มีความเคร่งขรึมจริงจัง แต่มาในโทนหยอกล้อ ซึ่งอาจจะเป็นความ “ล้อเล่น” ที่มากเกินไปก็เป็นได้ ขุนแผน ฟ้าฟื้น ตอนจบ

 

แฝด สปอยหนัง

แฝด สปอยหนัง

แฝด สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง หากใครที่กำลังตามหาหนังไทยที่มีความหลอนสั่นประสาทอยู่แล้วล่ะก็เราขอแนะนำหนังเรื่อง “แฝด” เลยค่ะ ชื่อภาษาอังกฤษคือ “Alone” เป็นหนังของทางค่าย GTH ในปี 2007 โดยได้ผู้กำกับหลัก คือ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่เคยเป็นผู้กำกับในหนัง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ และได้นักแสดงนำอย่างมาช่า วัฒนพานิช มาเล่นเป็นนางเอกด้วย
แค่ชื่อของผู้กำกับกับนักแสดงมากฝีมือระดับประเทศก็ทำให้อยากดูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะคะ งั้นเราตามไปอ่านรีวิวกันเลยดีกว่าก่อนที่จะดูหนังเต็ม

 

เรื่องย่อแฝด

 

แฝด สปอยหนัง

 

แฝด เรื่องย่อ หนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “พิมพ์” ที่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองไทยหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนที่ประเทศเกาหลี เพราะได้ข่าวการป่วยหนักของแม่ เมื่อได้กลับมาอยู่บ้านเกิดที่จากไปนานหลายปีทำให้อดีตต่าง ๆ ที่เจ็บปวดของเธอเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตกับ “พลอย” แฝดน้องที่ตัวติดกันพลันกลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่เกิด “พิมพ์”กับ “พลอย”ก็เป็นแฝดสยามที่ตัวติดกัน ทุกคนมองว่าพวกเธอเป็นตัวประหลาด แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ยังคงรักกันเสมอ จวบจนโตขึ้นพวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแยกกัน แต่การผ่าตัดผิดพลาดทำให้พลอยเสียชีวิต พิมพ์ที่ได้กลับมาบ้านจึงต้องคอยหลบหนีจากอดีตและวิญญาณของพลอยที่ตามหลอกหลอนโดยไม่รู้สาเหตุ เธอจะสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างเป็นสุขหรือไม่ แล้วแฝดเธอจะหายแค้นได้หรือเปล่า รอชมกัน ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

ความน่าสนใจของหนัง แฝด

แฝด สปอยหนัง มีความน่าสนใจตรงที่ตัวหนังได้ใช้เรื่องราวของแฝดสยามที่มีเพียงไม่กี่คู่ในประเทศไทยมาเป็นจุดที่ดึงดูดคนเข้ามาดูและทำให้เราอยากรู้ว่าเหตุใดแฝดที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตดูรักกันดี เมื่อมีฝ่ายหนึ่งตายไปก็เลือกที่จะมาตามหลอกหลอนราวกับแค้นเคืองแฝดพี่ถึงขนาดนั้น

หนังจะมีสแกรี่จั๊มป์ค่อนข้างเยอะ เล่นกับความสลัวของตัวบ้านหลังใหญ่ได้คุ้มจนหลอนตาม ๆ กันทำเอาเรานอนไม่หลับไปเลยเมื่อนึกถึงฉากติดตามที่ตอนพิมพ์นอนบนเตียงมีขาของผีแฝดน้องห้อยต่องแต่งลงมา โชคดีที่ทุกครั้งพระเอกที่เป็นแฟนพิมพ์ก็มักจะมาช่วยเอาไว้เสมอซึ่งหนังก็จะค่อย ๆ เฉลยตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไปหลังจากที่ปล่อยความกลัวขั้นสุดมากมายจนทำให้เราไม่เข้าใจผีพลอยเลยจริง ๆ ว่าจะแค้นอะไรขนาดนั้น

 

แฝด สปอยหนัง

 

โดยหนังได้มีการเล่าเรื่องย้อนไปถึงตอนที่คู่แฝดเจอพระเอกที่มารักษาขาที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองเมาเข้ารับการผ่าตัดแยกร่างกัน ด้วยความที่พระเอกเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเธอเหมือนคนอื่นทำให้ทั้งคู่สนิทกัน มักใช้เวลาว่างในโรงพยาบาลออกมานั่งเป็นแบบให้พระเอกวาดรูป จากความสนิทจึงทำให้แฝดพิมพ์กับพลอยต่างตกหลุมรักพระเอกเหมือนกัน เฮ้ย!

แต่สุดท้ายพระเอกก็หลงรักพิมพ์ทำให้พลอยเริ่มเกลียดพิมพ์จนสุดท้ายก็กินยาฆ่าตัวตาย หลังการผ่าตัดแยกร่างสำเร็จ พิมพ์ก็ได้ไปเรียนเมืองนอกกับพระเอก แต่เรื่องมันกลับมีจุดพีคอีกชั้นที่บางคนอาจเดาออก แต่ไม่ขอบอกดีกว่า ไม่ดูกันเอาเอง แต่เป็นเราเราเองก็เจ็บปวดแทนวิญญาณแฝดเหมือนกัน พี่น้องทำกันได้

 

แฝด สปอยหนัง

หนัง Alone ได้ให้แง่คิดกับเราว่าความรักและความหลงย่อมทำลายมิตรภาพของมนุษย์ที่รักกันมากได้แม้แต่พี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่เว้น ฉะนั้นเราควรรักทุกคนแบบพอดี อย่ารักมาก ควรรักแบบกลาง ๆ เผื่อใจเพื่อที่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตจะได้ไม่เสียใจในตัวคนที่รักจนไปไหนไม่ได้และเอาแต่ผูกเวรกรรมต่อกัน ให้คิดว่ามันเป็นธรรมดาของจิตใจมนุษย์
แค่ชื่อของผู้กำกับกับนักแสดงมากฝีมือระดับประเทศก็ทำให้อยากดูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะคะ งั้นเราตามไปอ่านรีวิวกันเลยดีกว่าก่อนที่จะดูหนังเต็ม

หนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “พิมพ์” ที่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองไทยหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนที่ประเทศเกาหลี เพราะได้ข่าวการป่วยหนักของแม่ เมื่อได้กลับมาอยู่บ้านเกิดที่จากไปนานหลายปีทำให้อดีตต่าง ๆ ที่เจ็บปวดของเธอเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตกับ “พลอย” แฝดน้องที่ตัวติดกันพลันกลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่เกิด “พิมพ์”กับ “พลอย”ก็เป็นแฝดสยามที่ตัวติดกัน ทุกคนมองว่าพวกเธอเป็นตัวประหลาด แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ยังคงรักกันเสมอ จวบจนโตขึ้นพวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแยกกัน แต่การผ่าตัดผิดพลาดทำให้พลอยเสียชีวิต พิมพ์ที่ได้กลับมาบ้านจึงต้องคอยหลบหนีจากอดีตและวิญญาณของพลอยที่ตามหลอกหลอนโดยไม่รู้สาเหตุ เธอจะสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างเป็นสุขหรือไม่ แล้วแฝดเธอจะหายแค้นได้หรือเปล่า

 

แฝด สปอยหนัง

 

มีความน่าสนใจตรงที่ตัวหนังได้ใช้เรื่องราวของแฝดสยามที่มีเพียงไม่กี่คู่ในประเทศไทยมาเป็นจุดที่ดึงดูดคนเข้ามาดูและทำให้เราอยากรู้ว่าเหตุใดแฝดที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตดูรักกันดี เมื่อมีฝ่ายหนึ่งตายไปก็เลือกที่จะมาตามหลอกหลอนราวกับแค้นเคืองแฝดพี่ถึงขนาดนั้น

หนังจะมีสแกรี่จั๊มป์ค่อนข้างเยอะ เล่นกับความสลัวของตัวบ้านหลังใหญ่ได้คุ้มจนหลอนตาม ๆ กันทำเอาเรานอนไม่หลับไปเลยเมื่อนึกถึงฉากติดตามที่ตอนพิมพ์นอนบนเตียงมีขาของผีแฝดน้องห้อยต่องแต่งลงมา โชคดีที่ทุกครั้งพระเอกที่เป็นแฟนพิมพ์ก็มักจะมาช่วยเอาไว้เสมอซึ่งหนังก็จะค่อย ๆ เฉลยตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไปหลังจากที่ปล่อยความกลัวขั้นสุดมากมายจนทำให้เราไม่เข้าใจผีพลอยเลยจริงๆ ว่าจะแค้นอะไรขนาดนั้น

โดยหนังได้มีการเล่าเรื่องย้อนไปถึงตอนที่คู่แฝดเจอพระเอกที่มารักษาขาที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองเมาเข้ารับการผ่าตัดแยกร่างกัน ด้วยความที่พระเอกเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเธอเหมือนคนอื่นทำให้ทั้งคู่สนิทกัน มักใช้เวลาว่างในโรงพยาบาลออกมานั่งเป็นแบบให้พระเอกวาดรูป จากความสนิทจึงทำให้แฝดพิมพ์กับพลอยต่างตกหลุมรักพระเอกเหมือนกัน เฮ้ย!
แต่สุดท้ายพระเอกก็หลงรักพิมพ์ทำให้พลอยเริ่มเกลียดพิมพ์จนสุดท้ายก็กินยาฆ่าตัวตาย หลังการผ่าตัดแยกร่างสำเร็จ พิมพ์ก็ได้ไปเรียนเมืองนอกกับพระเอก แต่เรื่องมันกลับมีจุดพีคอีกชั้นที่บางคนอาจเดาออก แต่ไม่ขอบอกดีกว่า ไม่ดูกันเอาเอง แต่เป็นเราเราเองก็เจ็บปวดแทนวิญญาณแฝดเหมือนกัน พี่น้องทำกันได้ แฝด เกิดจาก

 

ความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าในตัวเอง แฝด

แฝด สปอยหนัง ชีวิตของพิมและพลอย มีความทุกข์ภาคบังคับ ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เป็นความทุกข์ที่เหมือนกับ นกในกรงใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะมีอิสระ แต่อิสระก็มีขอบเขตอยู่แค่ภายในกรง หากอยากจะไปไหนได้ไกลกว่านั้น ก็จำต้องพึ่งคนเลี้ยงให้ยกกรงพามันไป พิมกับพลอยก็เช่นกัน ชีวิตที่แม้จะมีอิสระเสรี แต่มันก็มีขอบเขต

พิมตาย พลอยก็ต้องตายตาม (ด้วยเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ยิ่งถ้าใช้อวัยวะสำคัญร่วมกันยิ่งตายเร็วขึ้น)ดังนั้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่ง ไม่อนุญาติ ไม่ยอมเดินตาม อีกฝ่ายก็หมดสิทธิจะทำอะไรดั่งใจคิด
เราก็จะเห็นว่า การเป็นแฝดสยาม สิ่งที่ต้องสูญเสียคือ การมีชีวิตเป็นของตัวเอง…โดยธรรมชาติ ตามทฤษฎีทางจิตวิทยา เด็กทุกคนเมื่อโตขึ้นจะต้องผ่านช่วงพัฒนาการที่เรียกว่า autonomy คือความอยากเป็นตัวของตัวเอง และ ความต้องการมีอิสระ( independence ) เด็กเริ่มที่จะแยกจากพ่อแม่โดยพ่อแม่ไม่ต้องตามติดตลอดเวลา เริ่มมีชีวิตส่วนตัว เมื่อผ่านช่วงนี้ไปได้ เด็กก็จะเติบโตเป็นวัยรุ่นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

 

 

แต่พิมและพลอย จะโตเพียงใด ก็ ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้น เชื่อเลยว่า แฝดสยามทุกคู่แม้จะรักกันมากเพียงใด อย่างน้อยในเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ก็ย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงความรู้สึกที่ผุดแวบขึ้นมากับการ ‘อยากเป็นอิสระ’
ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์แบบในหนัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ พิม จะประกาศออกมาชัดเจนถึงความรู้สึกไม่ต้องการอีกฝ่าย ซึ่งแท้จริงแล้ว ในตอนนั้นมันก็อาจเป็นแค่ คำตัดพ้อของเธอเท่านั้นไม่ได้คิดตัดอีกฝ่ายออกไปจริงจัง
แต่คำตัดพ้อนั้น กลับเป็นชนวนเริ่มต้นไปสู่จุดแตกหัก จุดแตกหักที่ทำให้สองตัวละครต้องแยกจากกัน ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นแค่เรื่องของผู้ชาย แต่หากมองเข้าไปภายในจิตใจจะพบ ปัจจัยสำคัญจริงๆ นั่นคือ ความรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง (low self esteem & self worth) ความรู้สึกนี้เองที่เป็นบ่อเกิดเริ่มต้น ที่ทำให้ เธอเริ่มกินยาฆ่าตัวตาย ก่อนจะไปสิ้นสุดที่การทำร้ายพิม

 

แฝด สปอยหนัง

ภาพยนตร์ แฝด ได้ให้แง่คิดกับเราว่าความรักและความหลงย่อมทำลายมิตรภาพของมนุษย์ที่รักกันมากได้แม้แต่พี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่เว้น ฉะนั้นเราควรรักทุกคนแบบพอดี อย่ารักมาก ควรรักแบบกลาง ๆ เผื่อใจเพื่อที่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตจะได้ไม่เสียใจในตัวคนที่รักจนไปไหนไม่ได้และเอาแต่ผูกเวรกรรมต่อกัน ให้คิดว่ามันเป็นธรรมดาของจิตใจมนุษย์
แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ”แฝด”…ก่อนเข้าโรงหนัง น้องคนหนึ่งบอกผมว่า ผมน่าจะชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมีประเด็นทางจิตวิทยาที่น่าจะเข้าทางชอบ ผมเองก็คิดมาก่อนแล้วว่าผมน่าจะชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ ผู้กำกับคู่ดูโอ บรรจง ปิสัญธนะกูล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ จาก ชัตเตอร์ 1ใน 3 หนังผีที่มาชอบมากที่สุด (อีกสองคือ ตู้ซ่อนผี และ Ringu หรือ The ring เวอร์ชั่นญี่ปุ่น)
หนังเริ่มต้นเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

พิม อาศัยอยู่กับคนรักที่เกาหลี ในงานวันเกิดของเธอ เพื่อนๆจัดงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองวันเกิด และ แน่นอน กิจกรรมสุดฮิตในปาร์ตี้คือ การดูหมอ เพื่อนของเธออ่านไพ่ของเธอแล้วบอกเธอว่า เธอเองเป็นคนมีอะไรมักจะเก็บไว้ไม่พูดออกมา ไพ่ทำนายทายทักว่า สิ่งที่เธอสูญเสียไปกำลังจะกลับมาบางสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะกลับมาทวงถามแล้วก็ตามมาด้วยข่าวร้ายที่ว่า แม่ของเธอเส้นเลือดในสมองแตก เธอจึงต้องรีบกลับเมืองไทยพร้อมกับคนรักและที่นั่น คำทำนายของไพ่ ก็กลายเป็นจริง เมื่อ คนดูและ วี – คนรักของเธอ จะได้ไปรู้จักกับอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาเคียงคู่กับพิม นั่นคือ พลอย คู่แฝดสยาม ที่ พิมเล่าให้ฟังว่า เสียชีวิตจากการผ่าตัดแยกร่างเป็นความผิดผม ที่ดันเคยไปอ่านเนื้อหาพล็อตใกล้เคียงประมาณนี้มาก่อนแล้ว ในนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับแฝด(แต่ไม่สยาม) จาก หนังสือ โกธ คดีตัดข้อมือ ที่พูดถึง แฝดคนหนึ่งเข้าสวมรอยชีวิตอีกคนที่ตายไป หนังสือบรรยายให้เราเข้าใจผิดไปเป็นอีกคน ซึ่งทั้งสองคนนั้นมีบุคลิกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แถมตัวเองยังชอบดูหนังผี และ ชอบอ่านนิยายลึกลับเขย่าขวัญสยองขวัญกระตุกขวัญสะเทือนขวัญ …ขวัญฯลฯ

 

 

ดังนั้น ถึงแม้ว่า ก่อนไปดูแฝด ผมพยายามจะไม่อ่านกระทู้ที่เล่าถึงหนังมาก และ ตั้งใจว่าจะไม่พยายามเดาเนื้อเรื่องแล้วก็ตาม แต่เพราะ ยุคสมัยที่หนังผีเฟื่องฟู และ พล็อตหนังผีถูกสร้างมาซ้ำๆหลายต่อหลายเรื่อง คนที่ชอบอ่านหรือชอบดูหนังแนวนี้บ่อยๆก็ย่อมจะ เดาเนื้อหาได้ แม้จะไม่ตั้งใจ

จริงๆ ต้องชมความกล้า ที่ท้าทายคนดู ด้วยคำใบ้ตั้งแต่ตอนต้นๆ แต่หากผู้กำกับคิดจะใบ้ตั้งแต่ต้นเช่นนี้ หนังน่าจะมีปมประเด็นอะไรหลงเหลือไว้บ้าง เหมือนอย่าง The Prestige ที่ผู้กำกับ คริส โนแลน ก็ส่งคำใบ้ให้คนดูตลอดเวลา แต่ ถึงเราจะทายได้ ก็ใช่ว่า จะรู้ทุกอย่างของหนัง เช่นเดียวกันกับ ชัตเตอร์ หรือ ตู้ซ่อนผี ที่แม้ว่าจะเดาได้หนึ่ง แต่หนังก็ยังมีประเด็นซุกซ่อนอีกหนึ่งให้เซอร์ไพรส์ เหมือนมี 2 twist บิดหักมุมให้อึ้งและหลอนทิ้งทวนก่อนเดินออกจากโรงหนัง หรือ หนังบางเรื่องไม่ได้เน้นการหักมุมอย่าง Ringu ก็ยังมีประเด็นที่แอบไว้ให้ประหลาดใจตามรายทาง และ น่าติดตามไปสู่จุดหมายตอนท้าย ด้วยอยากรู้บทลงเอยว่าจะเป็นเช่นไร หรือ One missed call หนังผีโคตรน่ากลัวที่ใส่ประเด็นจิตวิทยาจนดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ดูจบ เราก็ยังมีอะไรให้ต้องมาตีความ เช่นเดียวกับ เปนชู้กับผี ก็ยังมีอะไร ให้เซอร์ไพรส์มีประเด็นให้ขบคิดมาถกกันต่อ ว่าใครเป็นหรือไม่เป็นผี…ถึงแม้ผมจะบ่นผิดหวังในพล็อตเรื่อง แต่ผมชอบ บทที่เล่นกับ “ความเป็นฝาแฝด” ให้เราได้เข้าใจว่า แฝด 037

สปอยหนัง แรงเงา 2

สปอยหนัง แรงเงา 2

สปอยหนัง แรงเงา 2

 

 

สปอยหนัง “แรงเงา 2 เป็นละครตลก” นี่คือประโยคแรกที่เราได้ยินเพื่อนพูดกันในช่วงแรกๆ ที่ละครภาคต่อฟอร์มยักษ์ของบ้านพระรามสี่ออนแอร์ เหตุไฉนกันที่ละครที่เคยยืนหนึ่งเรื่องเรตติ้งเมื่อ 7 ปีก่อน กลายมาเป็นเพียงละครตลกที่ใครๆ ก็แซวขรมทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งยังสร้างปรากฏการณ์สะเทือนช่องด้วยการรวบรัดตัดจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในวันนี้ (4 มิถุนายน) หลังจากฉายมาได้เพียง 10 ตอน จากทั้งหมด 14 ตอน ตัดห้วนขนาดที่ละครอีกฟากอย่าง ‘หัวใจศิลา’ ที่ฉายมาตั้งแต่ก่อน แรงเงา 2 จะมา ตอนนี้ยังเดินทางไม่ถึงตอนอวสานเลย งงไหมล่ะ?

จริงๆ ละคร ‘แรงเงา’ มีแฟนๆ ชื่นชอบอยู่มากมาย ตั้งแต่เวอร์ชันของแอน ทองประสม และเคน ธีรเดช เมื่อปี พ.ศ. 2544 ก่อนจะมาเป็นเวอร์ชันพีกสุดๆ ในปี พ.ศ. 2555 แรงเงา เป็นบทประพันธ์ของ นันทนา วีระชน ผู้เคยฝากผลงานเยี่ยมๆ อย่าง ปีกมาร, เมียแต่ง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในละครที่นำเสนอเรื่องราวประเภทเมียน้อย-เมียหลวงที่มีบริบทของสังคม และสถาบันครอบครัวเป็นตัวเสริมกำลังความแข็งแกร่งอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ชมอยากติดตามคือการแก้แค้นแทนฝาแฝดของ ‘มุนินทร์’ สาวมั่น ฉลาด และมีเสน่ห์ เธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ไม่ยอมคน แข็งแกร่ง และมีเหตุมีผลในการกระทำ

แต่กลับกัน ในภาคนี้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และไม่ใช่แค่เธอ แต่เราหมายถึงทุกตัวละครในโลกของ แรงเงา ภาคนี้ อารมณ์และการตัดสินใจของตัวละครที่พลิกไปพลิกมาประหนึ่งว่าระยะเวลา 4 ปีที่ห่างหายกันไป (ในช่วงเวลาของละคร) พวกเขาประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อระบบความจำและบุคลิกภาพก็เป็นได้ และนี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ แรงเงา 2 เป็นละครที่แฟนๆ ผิดหวัง แต่หากมองเป็นละครตลกเรื่องหนึ่ง เราถือว่าพวกเขาทำได้โอเคทีเดียว เพราะมันเผลอเรียกเสียงหัวเราะเราได้เสมออย่างไม่รู้ตัว ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

เรื่องย่อ แรงเงา 2

งานแต่งงานของ วีกิจ และ มุนินทร์ ก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที เรือนหอที่กำลังจะสร้างเสร็จ แต่ทั้งสองก็ยังมีทัศนคติที่แตกต่างกันกับการใช้ชีวิตคู่ แต่ยังไงก็ตามทั้งสองก็ยังประนีประนอมในความรัก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ตาม

อาการป่วยเป็นอัมพาตของ นพนภา เริ่มหายเป็นปกติแต่ก็ยังเดินไม่คล่องเท่าไหร่ เธอกลับมามอีอำนาจในบ้านตามเดิม นพนภาเธอโกรธมากที่ เจนภพ พาลูกสาวอย่าง ต้อม ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แถมยังลาออกจากราชการ นพนภาเธอไม่อยากจะเชื่อเลย และเธอนั้นยังคิดว่าเจนภพหนีเธอไปเพราะเธอเป็นอัมพาต เรื่องเดียวที่นพนภานั้นไม่แย้งคือ ต่อ และ ก้อง คู่รักที่อยู่ในบ้าน เพราะก้องเป็นคนที่ฝึกกายภาพและบำบัดนพนภา อีกทั้งยังมีมุนินทร์ที่ต่างก็รักใคร่กันเป็นอย่างดี
เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นก่อนถึงวันแต่ง เมื่อ นางพิณ เมื่อของมุนินทร์ได้เข้ามาจัดการเรียกค่าสินสอดเพิ่มขึ้นเกินเหตุ และงานนั้นก็ต้องจัดแบบอลังการตามค่านิยม งานนี้นางพิณมีปากเสียงกับนพนภาซึ่งเป็นแม่งานแทน สร้อยคำ วีกิจและมุนินทร์พยายามที่จะไกล่เกลี่ยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นไม่มีความบาดหมางกัน แรงเงา 2 เต็ม เรื่อง

 

สปอยหนัง แรงเงา 2

 

เมื่อถึงวันแต่งงานของทั้งสอง แขกเริ่มมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในงานมี รัชนก ปรากฏตัวขึ้นในฐานะแขกวีไอพี โดยมีพวกสมุนมาทั้งทีม ทั้งประพงส์ ศักดิ์ชาย และลูกน้องอาวุธครบมือ ปิดห้องงานเลี้ยงและเข้ามาอวยพรให้วีกิจและมุนินทร์ได้ครองรักกันไปจน “วันตาย”
ขณะที่ทั้งคู่ใหม่ปลามันกำลังไปฮันนีมูน มุนินทร์ได้ขับรถชนเด็กสาวคนหนึ่งอย่าง ฤทัย เป็นเหตุให้ทริปฮันนีมูนทั้งคู่ต้องล้มเลิกไป จากอุบัติเหตุทำให้ฤทัยสลบไป แต่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาเธอกลับจำอะไรไม่ได้เลย มุนินทร์จำเป็นต้องรับภาระดูแลเพราะต้องรับผิดชอบ วีกิจและมุนินทร์ตัดสินใจรับอุปการะฤทัยจนกว่าจะจำความได้

การตัดสินของทั้งคู่ ทำให้คนรอบข้างต่อต้าน โดยเฉพาะนพนภาที่มองว่าฤทัยน่าจะมาไม่ดี แต่ก็ห้ามความเป็นมนุษยธรรมของวีกิจและมุนินทร์ไม่ได้ ฤทัยอากาศเริ่มดีขึ้น แต่บางครั้งเธอก็มีอาการแปลกทางจิตจนทำให้วีกิจต้องเข้าไปปลอบฤทัยให้คลายความกลัวอยู่บ่อยๆ ซึ่งฤทัยจะกอดวีกิจแน่นไม่ปล่อย และมีท่าทีเย้ายวนทางเพศสัมพันธ์กับวีกิจอยู่บ่อยครั้งเมื่ออยู่ลับหลังมุนินทร์

 

สปอยหนัง แรงเงา 2

 

สปอยหนัง แรงเงา 2

 

แรงเงา 2 นักแสดง ถ้าหากเราพูดถึงเรื่องความคาดหวังจากผู้ชม ‘แรงเงา 2’ คงได้สิ่งนั้นไปเต็มๆ เพราะละครเรื่องนี้เคยอยู่ในฐานะละครที่ฮอตฮิตติดลมบนจนคว้าเรตติ้งสูงสุดประจำปีนั้นไปครอบครอง มีการนิยามวันที่ละครออนแอร์ว่าเป็น ‘วันแรงเงาแห่งชาติ’ แถมกระแสของนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ต้องนับว่าเป็นจุดสูงสุดหนึ่งในชีวิตการทำงานของเธอ (สูสีกับบทใจเริงเหลือเกิน) แต่เมื่อภาคใหม่นี้ออนแอร์ ก็ดูเหมือน แรงเงา จะกลายเป็นเพียงเงาลางๆ ไม่มีตัวตนไปเสีย ทั้งๆ ที่ได้ทีมนักแสดงเดิมกลับมาแบบครบถ้วน ผู้กำกับคนเดิมอย่าง เติม-ชนินทร ประเสริฐประศาสน์ บทประพันธ์จากนันทนา วีระชน เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือเรื่อง ‘บท’ เพราะได้ทีมที่ชื่อว่า ‘Anonymous’ มาเขียนบท

 

การดำเนินเรื่อง แรงเงา 2

สปอยหนัง แรงเงา 2 ตัวหนังพยายามดำเนินเรื่องด้วยแก่นแห้งๆ ที่ว่าด้วย ‘การที่มุนินทร์จะถูกเอาคืนบ้าง’ หมายถึงภาคที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้ มาในภาคนี้เธอจะต้องได้รับบทเรียนคืนไป แต่กลายเป็นว่าคนที่ควรได้รับบทเรียนคืนไปคือผู้จัดละครและช่องมากกว่า ที่ปล่อยผ่านละครเรื่องนี้มาสู่สายตาประชาชนแบบงงๆ ได้อย่างไร?

 

สปอยหนัง แรงเงา 2

 

โอเค เราเข้าใจว่าภาคนี้มุนินทร์จะต้องถูกแก้แค้นเอาคืนจากตัวละครทั้ง รัชนกแอนด์เดอะแก๊งก็ดี หนูฤทัยก็ดี หรือทีมกระทรวงเก่าก็ดี แต่บทละครกลับพาให้มุนินทร์กลายไปเป็นผู้หญิงอ่อนไหว อ่อนแอ ไม่ทันคน ราวกับคนเขียนบทไม่เคยได้ดูละครภาคแรกอย่างนั้นแหละ! และการแก้แค้นที่ดูไม่สมเหตุสมผลของตัวละครอื่นๆ ก็ยิ่งพาให้เรื่องราวไม่น่าติดตาม และเมื่อมีแต่ตัวละครกระทำอะไรบางอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผลหรือ ‘ไม่ฉลาด’ แฟนๆ ก็พร้อมตีจากได้ง่ายๆ เลย
บทโทรทัศน์นับเป็นข้อเสียที่สุดของ แรงเงา 2 ที่ทำให้ตัวละครมีพัฒนาการแบบผิดวิสัยมากๆ ทำให้ตัวละครที่ผู้ชมเคยรู้จักเปลี่ยนไปอย่างไม่มีชั้นเชิง ซึ่งหลังจากฟังบทสัมภาษณ์นักแสดงนำจากหลายๆ รายการแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เรื่องราวจะค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ผู้ชมจะได้รู้ว่าแต่ละตัวละครมีปมหรือมีพัฒนาการความแค้นนี้มาจากอะไร พวกเขาทำแบบนี้เพราะอะไร” แต่โทษที เผอิญผู้ชมอาจไม่มีเวลาดูมากขนาดนั้น หรือเป็นเพราะเรื่องราวมันไม่น่าติดตามจริงๆ เราจึงไม่อินไปกับเรื่องราวที่พวกเขากำลังเล่าเท่าไรเลย และอาจบอกได้ว่าระยะเวลาที่ แรงเงา ร้างหน้าจอไป 7 ปีก่อนจะมีภาคต่อ นับเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับแฟนละคร

 

ตัวละครหนัง แรงเงา 2

สปอยหนัง แรงเงา 2 สิ่งหนึ่งที่ยังคงเข้มข้นมากๆ ในโลกของ แรงเงา คืออากัปกิริยาสอดรู้สอดเห็น ความสาระแนของตัวละครที่จะต้องรู้ทุกเรื่อง ออกความคิดเห็นกับทุกสิ่ง ก่อนจะจบด้วยการมีซีนเพื่อพูดประโยคเด็ดไว้สำหรับตัดมาทำเป็นไฮไลต์ลงยูทูบสำหรับแฟนๆ ที่ไม่อยากดูเต็มๆ เรื่อง แรงเงา 2 มอบความขุ่นเคืองให้แฟนๆ ตั้งแต่ในตอนแรกๆ ที่ปล่อยแก๊งตัวละครสเตรทที่มี ‘มาร์ก’ รับบทโดยมิค-บรมวุฒิ เป็นหัวโจก มานั่งๆ ยืนๆ พูดจาแดกดันประชดประชันจิกกัดตัวละครเอก ประหนึ่งเด็กมัธยมสาวดักรอคู่อริที่โรงอาหารตอนกลางวันหลังออดดัง ตลกสิ! ละครอาจจะอยากลองนำเสนอภาพใหม่ๆ ของสังคมไทยก็เป็นได้ ที่ให้ตัวละครจับกลุ่มนินทาคนอื่นอย่างออกรสเหมือนละครไทยเรื่องอื่นๆ แต่เปลี่ยนภาพจากเพศหญิงเป็นเพศชาย ก็ดูจะเป็นเหตุผลที่ใกล้เคียงที่สุดที่เราอยากจะเข้าใจผู้เขียนบทแล้ว

 

 

หรือจริงๆ แล้ว แรงเงา 2 ต้องการทำตัวเองเป็นละครล้อเลียน (Parody) เนื่องด้วยบริบทของตัวละครที่มีพัฒนาการแบบงงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบที่จะอ้างไม่ได้ว่ามันเป็นธรรมชาติของคน เพราะมันดูเกินจริงไปมาก รวมถึงบทละครที่ยัดใส่ปากไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมขำได้เรื่อยๆ ซึ่งเราขอยกให้ซีนนี้เป็นที่สุดของเรื่อง ถ้าหากละครจับทางนี้มาตั้งแต่ต้นก็คงตลกดี ทั้งการที่ให้ตัวละครของ ‘มุนินทร์’ ที่รับบทโดยเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ มาพูดประโยคเดิมของตัวเธอเองในโลกความเป็นจริงที่เธอตอบสัมภาษณ์สื่อในงานหนึ่งที่ว่า “นายว่าคำถามแบบนี้มันน่าตอบมั้ย? เป็นฉัน ฉันไม่ถามนะ มารยาทนิดหนึ่งอะค่ะ” ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการขำเอิ๊กอ๊ากในความไม่สมประดีของบท เป็นการแค่นหัวเราะถึงความประดักประเดิดที่ไม่รู้ว่าจะดราม่าให้สุด หรือจะคอเมดี้ให้สุดดีสักทางแรงเงา 2 ไปไม่ถึงฝัน แรงเงา 2 pantip

 

สปอยหนัง แรงเงา 2

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้ แรงเงา 2 ไปไม่ถึงฝั่งฝันคือการเลือกเวลาออนแอร์ต่อจากละครอย่าง ‘กรงกรรม’ ที่เรตติ้งสูงสุดของช่องไปก่อนแล้ว ซึ่งได้คำชื่นชมทั้งเรื่องบท การแสดง และโปรดักชันไปแบบเต็มคราบ ฉะนั้นฐานแฟนละครในช่วงวันจันทร์ถึงอังคารก็หนาแน่นมากพอจะส่งไม้ต่อให้ได้ แต่ต้องบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดที่รุนแรงมากจริงๆ สำหรับช่องที่เลือกการออนแอร์ในช่วงเวลานี้ ทั้งยังคาดหวังให้แฟน แรงเงา เดิมมาช่วยสนับสนุนและชมละครภาคต่อนี้ แต่กลับตาลปัตรกลายเป็นยิ่งฉายยิ่งโดนสวนกลับด้วยความคิดเห็นแง่ลบจากงานสร้างที่ไม่ประณีต

 

 

สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดละครทุกช่องในยุคนี้ต้องจดจำกรณีนี้ไว้คือ ต่อให้คุณมั่นใจมากแค่ไหนว่าผลิตภัณฑ์ในมือของคุณแข็งแรงมากพอจะออกสู่ตลาดได้ คุณต้องคิดทบทวนให้ดีๆ เพราะปัจจุบันผู้ชมมีทางเลือกร้อยแปดไว้เลือกสิ่งที่เขาสนใจ ไม่ใช่แค่เพียงละครจากช่องใหญ่ๆ ที่สู้กันอย่างสนุกสนาน แต่เราหมายถึงซีรีส์ออนไลน์ หรือซีรีส์ต่างประเทศมากมายที่เข้าถึงง่ายมากในปัจจุบัน และเราเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ วงการโทรทัศน์เองก็ต้องปรับตัวให้มากพอที่จะหยิบยื่นงานคุณภาพให้กับผู้ชม เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองในโลกยุคนี้ที่ทุกคนพร้อมใจจะเทคุณได้ทุกเมื่อเช่นกัน

ไม่รู้ว่าบทสรุปของตัวละครจะพินาศขนาดไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถนิยามการดูละครเรื่องนี้ของเราได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือเพลงประกอบละครที่เต้น-นรารักษ์ ร้องไว้ว่า

“อยากกลั้นใจให้ตายไปเลยตอนนี้ ไม่ต้องมีสักเสี้ยวนาทีให้รับรู้อะไร” แรงเงา 2 ตอนจบ

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

 

 

ประเภท: ระทึกขวัญ / สยองขวัญ สปอยหนัง

ผู้กำกับ: เลิศศิริ บุญมี, วุฒิชัย วงศ์นภดล

นำแสดงโดย: กรภัทร์ เกิดพันธุ์, เฌอปราง อารีย์กุล, ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์

ความยาว: 113 นาที

กำหนดฉายในไทย: 21 เมษายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

 

slr กล้องติดตาย หนังไทยสยองขวัญแอ็คชั่น ผสมจิตวิทยาแนวใหม่ กับหลายความเชื่อ ทั้งเรื่องปีศาจ และความเชื่อของคนโบราณ ที่ว่าการถ่ายภาพคือ การดูดพลังและวิญญาณ เนื้อหาชวนติดตาม มุมภาพใหม่ โทนเร้าอารมณ์ ภาพยนตร์สยองขวัญแอ็คชั่น จิตวิทยา ผสานแนว coming of ageแนวใหม่ กับความเชื่อโบราณที่ว่า การถ่ายภาพ คือ การถูกดูดวิญญาณ

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

slr มาจากคำว่า single lense reflex หรือ กล้องฟิล์ม นั่นแหละ หนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ผี แต่เป็น ปีศาจ ไม่เหมือนกับ shutter

ความเชื่อเรื่อง การถ่ายภาพ = การถูกดูดพลังหรือวิญญาณ ที่มาจากความเชื่อของคุณยายของ ผู้กำกับ มาร์ค-เลิศศิริ บุญมี ว่าคนสมัยก่อนไม่ชอบถ่ายรูปเพราะเชื่อว่าจะถูกดูดพลังไป แต่มาร์คมองว่ามันก็สอดคล้องวิทยาศาสตร์ตรงที่ กล้องคือกล่องเก็บภาพ ภาพคือแสง แสงคือพลัง กล้องเก็บแสงคือเก็บพลังส่วนหนึ่งของเรา ไปไว้ในฟิล์มนั่นเอง ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

เรื่องย่อ slr กล้องติดตาย

แดน (นนน-กรภัทร์) นักศึกษาหนุ่มที่กำลังมุ่งมั่นทำธีสิสจบ ด้วยการถ่ายภาพ แต่ถ่ายยังไงก็ไม่โดนใจอาจารย์เอ็ม อาจารย์เจ้าของธีสิส ทำให้เขาอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้ไปตามฝันที่นิวยอร์ก พร้อมกับ เพื่อนและคนรัก อย่าง น้ำ และ เกรซ (เฌอปราง) (นนท์-ศดานนท์) จนกระทั่ง อาจารย์เอ็ม ได้มอบกล้อง slr ตัวหนึ่งมาให้แดน แนะให้ใช้กล้องตัวนี้ ทำธีสิส ให้ได้ โดยโจทย์คือ ถ่ายภาพบุคคลมาให้ได้ 7 คน ภายใน 14 วัน แต่ใครจะรู้ว่า… หลังจากถ่ายภาพไป คนที่ถูกแดนถ่าย กลับทยอย เสียชีวิตไปทีละคน จนกลายเป็นพวกเขา เข้าไปพัวพันกับความเชื่อในลัทธิปีศาจ ที่มีความตายเป็นเดิมพัน!

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

 

มาต่อคิวกันด้วยอีกหนึ่งหนังไทย ที่เดี๋ยวนี้เสิร์ฟต่อเนื่องกันทุกสัปดาห์เลยทีเดียว ล่าสุดติดเทรนด์ฮอตตั้งแต่วันแรกกับ #ชวนดูslrฉายวันแรก ที่เป็นการปรับโหมดมาสู่ความสะพรึงกลัวในหนังที่ดูเบื้องต้นแล้ว อาจจะรู้สึกซ้ำซากจำเจ กับ “slr กล้อง ติด ตาย” แต่ขอบอกเอาไว้เลยว่า อย่าเพิ่งตัดสินหนังจากเพียงแค่ตัวอย่างและใบปิดหนังเลย เพราะจะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรแอบซ่อนเอาไว้ที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้ แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานไปสุด ๆ ปนเปอารมณ์ต่าง ๆ เต็มไปหมด แต่ก็พอที่จะเป็นหนังผีไทยที่แตกต่างและพอจะพาไปไหนมาไหนด้วยได้อยู่

 

ผลงานหนัง slr กล้องติดตาย

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย ผลงานเรื่องนี้เป็นฝีมือของ 2 ผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหม่ “เลิศศิริ บุญมี” กับ “วุฒิชัย วงศ์นภดล” ที่พวกเขาแทบจะยังไม่มีชื่ออยู่ในวงการหนังไทยหรอก แต่ก็นับว่าเป็นการประเดิมเดบิวต์ผลงานเรื่องนี้ได้ค่อนข้างน่าพอใจอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะส่วนหนึ่งเป็นการปลุกปั้นผลักดันของผู้กำกับมือฉมัง “โขม ก้องเกียรติ” ที่มารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างและที่ปรึกษาให้กับหนังเรื่องนี้ด้วย เมื่อได้ครูที่ดี ผลงานออกมาจึงออกมาได้ในระดับที่พอถูไถไปได้

slr กล้อง ติด ตาย ที่ถ้าใครได้เห็นทีเซอร์ แน่นอนว่าจะต้องพาให้นึกไปถึงหนังไทยในตำนานอย่าง ‘ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ’ อะไรประมาณนั้นใช่ไหม? แต่บอกไว้เลยว่า…หนังเรื่องนี้แตกต่างจากทิศทางนั้นอย่างสิ้นเชิง เดินกันคนละทาง และมีคอนเซ็ปต์คนละแบบ เพียงแค่ใช้วิชาการถ่ายรูปเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการดำเนินเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนกันเพียงเท่านั้น โดยหนังเรื่องนี้มีแก่นเรื่องและจุดประสงค์ที่ค่อนข้างแข็งแรงและชัดเจนดี

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

 

ถึงแม้ว่าบทหนังจะยังคงค่อนสะเปะสะปะ ติดอยู่กับปัญหาจุดเดิม ๆ ของหนังไทยที่ยังแก้ไม่หาย บทหนังที่มีแก่นเรื่องหนักแน่นดี แต่ยังไม่กลมกล่อม และใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ยังไม่มีกิมมิกลูกเล่นอะไรที่ดึงดูดความสนใจได้มากเท่าไหร่ เพราะดันไปติดกลิ่นอายความเป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำของฝั่งฮอลลิวูดมาปนเปเอาไว้รายทาง จึงพลอยทำให้หนังเกือบ 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ มีจังหวะที่ดีปะปนไปกับจังหวะที่ยังไม่ดี

บอกตรง ๆ เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่อะไรที่คาดเดาได้ยากเลย ทุกอย่างปูทางและเปิดทางเอาไว้ให้คนดูกระจ่างตั้งแต่ตอนปูเรื่อง พอจะคาดถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ยากเย็นหนัก แต่การหยิบเอาประเด็นความเชื่อที่ค่อนข้างทะเยอทะยาน แหวกแนวไปจากหนังผีไทยเดิม ๆ ตรงจุดนี้ต้องชื่นชมในกล้าหาญของหนังเรื่องนี้ เพราะนี่อาจจะเป็นประเด็นที่ค่อนข้างไกลตัวคนไทย และอาจจะทำให้คนดูไม่รู้สึกคล้อยตามไปด้วยซ้ำ แต่ถือว่าผู้สร้างมีจุดยืนในเจตนานี้ด้วยดี และได้ปรุงแต่งรสชาติออกมาได้ค่อนข้างแปลกใหม่กับวงการหนังไทย แต่ยังธรรมดา ๆ ไปเหมือนเทียบกับแวดวงหนังสากล slr กล้องติด รีวิว

 

นักแสดงจุดอ่อนของเรื่อง slr กล้องติดตาย

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย กลุ่มนักแสดงที่ตอนแรกดูจะเป็นจุดอ่อนของเรื่องที่สุด กลับกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สุดของเรื่อง เคมีอาจยังดูไม่เข้ากันในที และอาจต้องใช้เวลาจูนกันอีกนิด แต่บทบาทส่วนตัวของแต่ละคนทำออกมาได้ดีและเกินคาดมาก โดยเฉพาะ นนน ที่ระเบิดฟอร์มอย่างเด่นชัด กลายเป็นอีกหนึ่งนักแสดงน่าจับตาไปโดยปริยาย

 

 

ในขณะที่มายเมนเฌอปรางมีพัฒนาการจากตอน homestay ได้อย่างน่าดูชม เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะปังทั้งเรื่อง แต่ชอบเป็นพิเศษคงเป็นช่วงแรกของเรื่องที่แสดงความเป็นคาแรคเตอร์ของสาวขี้เล่นขี้หยอดได้น่ารักมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยได้เห็นเลยเวลาเธออยู่ในวง รู้สึกตกหลุมรักขึ้นมาอีกรอบเลย SLR กล้อง ติด นักแสดง

แม้ว่า slr จะโปะหน้าว่าเป็นหนังสยองขวัญ และมีจัมป์สแกร์เป็นบางช่วง แต่ส่วนตัวรู้สึกได้ว่ามันไม่ได้เอาตายขนาดนั้น จริตของมันไปทางหนังสยองตะวันตกมากกว่า มีการพูดถึงความเชื่อ การบูชาซาตาน

 

สปอยหนัง slr กล้องติดตาย

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้รู้สึกประทับใจใน slr หนังผี ก็น่าจะเป็นองค์ประกอบงานสร้างและดีไซน์ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาในหนัง โดยเฉพาะโปรดักชั่นดีไซน์ต่าง ๆ ทั้งฉากที่รู้สึกพิถีพิถันและแปลกตาจากหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ดี การออกแบบมุมกล้องและแสงสีที่ใช้หนังเรื่องนี้ ผสมด้วยความเป็นหนังลึกลับอินดี้แบบฝรั่งหน่อย ๆ เข้าไป เป็นจุดเล็กน้อยที่ช่วยบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้ค่อนข้างน่าสนใจ แม้ว่าจังหวะในการเล่าเรื่องของหนังจะค่อนข้างโดดไปมา และพลอยทำให้อารมณ์ไม่ต่อเนื่องอยู่เนือง ๆ บ่อยก็ตาม

อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้แล้วว่า วิธีการเล่าเรื่องในหนัง slr กล้องติดตาย ยังไม่ใช่สิ่งที่โปรดปรานโดยส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก หนังยังมีจุดขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ความพยายามที่จะกระตุกขวัญผู้ชมด้วยมุกเดิม ๆ อาจจะเป็นการสร้างความน่ารำคาญ หรือความสุดโต่งในการถ่ายทอดเรื่องราว ที่ยอมรับว่าเกือบจะไปได้สุด แต่ก็ยังรู้สึกว่าหนังยังเก้กังติดอยู่กลางทางอยู่บ้าง เป็นองค์ประกอบที่น่าเสียดาย ที่ตรงจุดนี้หนังยังไม่สามารถซื้อใจไปได้

 

 

ขณะที่นักแสดงของ slr กล้องติดตาย ก็ถือว่าใช้งานนักแสดงเจนใหม่ที่เต็มไปด้วยศักยภาพทุกคน ไม่ว่าจะ “นนท กรภัทร์”, “เฌอปราง bnk48” หรือ “นนท์ ศดานนท์” พวกเขาทุ่มเทถ่ายทำบทบาทของตัวเองในหนังเรื่องนี้ได้เต็มที่ และหนังก็สามารถเกลี่ยบทให้กับทุกตัวละครนำได้ค่อนข้างดีใช้ได้ เพียงแต่มิติของคาแรกเตอร์ต่าง ๆ เหล่านั้นยังไม่ค่อยมีอะไรให้น่าสนใจเท่าไหร่ นอกจากแค่หนุ่มสาว 3 คนที่ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวบนความเชื่อของพวกเขา ทั้งที่น่าจะสามารถเค้นออกมาได้มากกว่านี้ แต่ก็เหมือนว่าการแสดงยังอยู่ในจุดเซฟโซนไปสักหน่อย

ว่ากันว่า ปี 2565 วงการหนังไทยจะรุกตลาดกับกระแสจักรวาลหนังมอนสเตอร์ไทย ๆ ชุดใหญ่ แต่คงต้องบอกว่า slr กล้อง ติด ตาย ก็น่าจะถูกยังอยู่ในจักรวาลนั้นไปด้วยเรื่องหนึ่งแล้ว เพราะมันไม่ใช่แค่เป็นหนังผี แต่ยังใส่ความสัตว์ประหลาดเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างแยบยล ถึงได้บอกว่าเป็นความทะเยอทะยานที่ไม่ค่อยจะเคยเห็นในวงการหนังไทยมาก่อน มันเป็นการพัฒนาที่ดี เพียงแต่ยังต้องพัฒนาต่อไปอีกกว่านี้ แต่ก็นับว่าหนังไทยเรื่องนี้พยายามมาได้ค่อนข้างถูกทางในระดับหนึ่งแล้ว SLR กล้อง ติด เต็มเรื่อง

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง ภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 The Holy Man III เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ โน้ต เชิญยิ้ม โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นน้อย วงพรู ที่มารับบทเป็น น้อย ในอดีตเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ แต่เมื่อเขาเริ่มอยากพยายามจะหลีกหนีความวุ่นวาย และความจริงที่เขากำลังจะต้องเผชิญ เขาจึงเลือกทางที่หวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ

การบวชเป็นพระ ซึ่งเมื่อเป็นพระแล้วเขาก็ยังเป็นพระที่ขวางโลกและรักความยุติธรรมเช่นเดิม คนต่อมาคืออุ๋ย บูดาเบลส มารับบทเป็น พระประเสริฐ คนต่อมาคือโยกเยก เชิญยิ้ม มารับบทเป็น พระโยกเยก คนต่อมาคือโน้ต เชิญยิ้ม มารับบทเป็น ตาส่ง มัคนายกประจำวัด และคนต่อมาคือเอ็ม บูดาเบลสและแจ็ค แฟนฉัน ที่มารับบทเป็น เด็กวัดตัวแสบ ที่มักจะคอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่ประจำๆ โดยภาพยนตร์เรื่อง หลวง พี่ เท่ ง 3 Netflix 

 

เรื่องย่อ หลวงพี่เท่ง 3

เปิดเรื่องราวมาที่ น้อย ชายหนุ่มที่ในอดีตนั้นเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์มาก่อน แต่ด้วยความที่ในใจเขานั้นอยากจะพบความสงบและพยายามจะหลีกหนีจากโลกรวมไปถึงเรื่องราวความจริงสุดเลวร้ายที่เขานั้นยังไม่พร้อมจะรับมือและหนทางที่เขาเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง จากที่ในอดีตเคยเป็นนักร้องหนุ่ม ปัจจุบันเป็นพระ

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

โดยถึงแม้จะเป็น พระน้อย แล้วเขาก็ยังคงความเป็นตัวเองเอาไว้ เขายังคงขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจาขวานผ่าซากและเป็นคนตรงๆเหมือนไม้บรรทัดอยู่ โดยอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาได้ตัดสินใจมาบวชก็คือเขาเบื่อสังคม เบื่อความแตกแยก แต่ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวัง เพราะขนาดในวัดที่เค้าบวชก็ยังมี เหล่าพระ และเด็กวัดตัวแสบที่มักจะคอยมาสร้างความวุ่นวายใจให้เขาและวัดอยู่เสมอ แล้วเรื่องราวของพระน้อยจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะสามารถ ปรับตัวให้เขากับชีวิตใหม่ได้ไหม ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

การทำภาพยนต์ หลวงพี่เท่ง 3 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง การทำภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญๆ นั้น ผู้กำกับหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะทำ อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ และเมื่อทำออกมาแล้วก็เสี่ยงกับการถูกเซ็นเซอร์จากทาง ก.บ.ว. ตัดในส่วนที่ทางผู้กำกับตั้งใจนำเสนอออกไป เหตุผลเพราะว่า ไม่สมควรที่จะอ้างหรือกล่าวถึงในสถาบันนั้นๆ สถาบันครอบครัวอาจจะไม่เท่าไหร่

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

แต่ถ้าเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน “ศาสนา” ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม “โน้ต เชิญยิ้ม” ผู้กำกับดาวตลกมือทองของไทยเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง “หลวงพี่เท่ง 3” ผ่านกองเซ็นเซอร์ ก็ถึงกับน้ำตาไหล ที่รอดพ้นกรรไกรจากกองเซ็นเซอร์อย่างหวุดหวิด ก็อย่างที่บอก ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระเกี่ยวกับศาสนาทำง่ายซะที่ไหน!!

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่ เท่ ง 2 ปัญหาจากกองเซ็นเซอร์ที่ผ่านไปก็คงเหมือนการยกภูเขาออกจากอก เพราะก่อนหน้านั้นปัญหาในการหาตัวนักแสดงที่จะมาเล่นเป็น “หลวงพี่เท่ง” ในภาคนี้ก็สาหัสสากรรจ์ไม่แพ้กัน เพราะติดปัญหาบางประการที่จะเอาพระเองตลกอย่าง “เท่ง เถิดเทิง” มาเล่นได้ ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแล้วในภาคที่สอง ในภาคนั้นแก้ปัญหาโดยการให้ “โจอี้บอย” มาเล่นแทน ส่วนภาคนี้แก้ปัญหาโดยให้ “น้อย” วงพรู มาเล่น

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

หลวงพี่เท่ง 3 เป็นเรื่องราวของ “น้อย” (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และความจริงที่ตนเองได้รับ โดยหนทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้น คือการบวช แต่ “พระน้อย” ยังคงเป็นตัวของตัวเอง เป็นพระที่ขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงเหมือนไม่บรรทัด ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อคนไทยไม่รักกัน เบื่อความแตกแยกแต่เส้นทางในชีวิตเส้นนี้ไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่บวช ยังมี “พระประเสริฐ” (อุ๋ย บูดาเบลส), “พระโยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม), “ตาส่ง” (โน๊ต เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัด และเด็กวัดตัวแสบอีก 2 คน

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้นพระน้อยยังต้องพบกับเหตุการณ์อลหม่านป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกแก๊งขโมยเศียรพระอีกต่างหาก งานนี้พระน้อยจะสงบเหมือนดังที่หวังไว้หรือไม่ต้องเข้าไปติดตามเองครับ ก่อนอื่นผมขอปรบมือดังๆให้กับ คุณโน้ต เชิญยิ้ม ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สามารถนำเรื่องของศาสนามาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ถึง 3 ภาคแล้วและโดยเฉพาะภาคนี้ แม้ว่ามุขตลกในเนื้อเรื่องทั้งหมดยังคงเท่าๆเดิมหรืออาจจะมากกว่านิดหน่อยแต่สิ่งที่เห็นชัดๆเลยคือเรื่องการสอดแทรกในเรื่องของ “ธรรมะ” ที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้มากขึ้นกว่าสองภาคที่ผ่านมาและคำสอนต่างๆก็กลมกลืนไปกับบทหนัง

ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดในหลักคำสอนต่างๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าจากประสมการณ์สองเรื่องที่ผ่านมา ทำให้คุณโน้ตเห็นจุดบกพร่องต่างๆ และนำมาแก้ไขปรับปรุงจนเกือบจะเข้าที่ได้ในภาคนี้ การโน้มนาวให้คนดูเชื่อในคำสอนของศาสนาหรืออย่างน้อยก็ผ่านหูผู้ดูให้คิดตามได้ คุณโน้ตก็ทำได้อย่างแนบเนียน เนื้อเรื่องที่ไหลไปตามเหตุการณ์ต่างๆ เกือบดีแล้ว ถ้าไม่มีฉากที่ต้องการแสดงมุข อย่างฉากนักมวยซึ่งไม่มีก็ได้เข้าใจว่าต้องการเล่นมุขมากกว่าในฉากนี้ หรือในฉากที่เด็กวัดตัวแสบสองคนนอนแช่อยู่ในน้ำแล้วคุยกัน ไม่ต้องมีก็ได้ ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้หนังเสียแต่ก็เขาใจว่าต้องการเล่นมุขก็ไม่ว่ากัน มีอยู่ฉากเดียวที่ผมคิดว่าเป็นฉากที่แย่มากๆ หลวงพี่เท่ง 3 037

 

 

ก็คือฉากที่มีหมอทำขวัญนาคทั้งสามคน ออกมาแหล่ขวัญนาคโดยพูดถึงพ่อแม่ของนาคในทางที่ไม่ดี ผมว่าทางผู้สร้างต้องการเล่นมุขตลก แต่มุกนี้ไม่ตลกเลยมุกนี้เล่นเอาพ่อแม่มาว่าในงานมงคลของลูกถึงแม้ว่าเรื่องที่หมอทำขวัญนากกล่าวออกมาจะเป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่สมควรเอามาพูดในงานบวชเช่นนี้ฉากนี้ไม่ตลกเลยแถมแย่มากอีกต่างหาก ส่วนเรื่องธรรมมะที่แทรกเข้ามาตั้งแต่ต้นเรื่องและแทรกมาเรื่อยๆ จนถึงจบเรื่องก็ยังมีคำสอนอยู่ อันนี้ดีครับอันนี้เห็นด้วยมากๆ เลย ในเรื่องของการแสดง ผมว่าคุณน้อย แสดงเหมือนพระโรคจิตจัง แต่แค่เหมือนเฉยๆนะเพราะในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่า คุณน้อยเป็นโรคจิต เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ขวางโลก และอาจจะพูดตรงไปสักหน่อย เวลาพูดมักใส่อารมณ์ ดูแล้วทำให้นึกถึงคาแร็คเตอร์ในตอนที่คุณน้อยเล่นเรื่อง “13 เกมสยอง” เลยเหมือนจริงๆในบทของพระประเสรินั้น จะเรียกเสียงฮาเสียมากกว่า แต่ผมว่าคุณอุ๋ยเล่นดีนะครับเหมือนเป็นพระจริงๆ ส่วนพระเด๋อ หรือ หลวงตาเชื่อมนั้น ยังไม่สำรวมเท่าไหร่

 

เรื่องราวของหนัง หลวงพี่เท่ง 3

หลวงพี่เท่ง 3 สปอย สำหรับหลวงพี่เท่ง 3 นี้ มี “น้อย วงพรู” มารับบท “พระน้อย” หนังเปิดเรื่องด้วยคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคนหน้าเหมือนทีมชิงร้อยฯ หม่ำ เท่ง โหน่ง ตุ๊กกี้ และ อุ๋ย บุดดาเบลส ที่แต่งหญิง กำลังเล่นตลก เรียกเสียงฮาให้กับบรรดาเสี่ยๆ ที่มาใช้บริการ มุกแรกนี้มีฮาบ้าง แต่ทว่าดูเหมือนว่าพอเห็นว่าตลกก็ปล่อยนาน จนกลายจากฮา มาเป็นความจืด และมาปิดฉากที่ “น้อย โพธิ์งาม” ที่รับบทแม่ของ “เซิร์ช” มานั่งพร้อมกับเครื่องบายศรี เพื่อต้องการให้ลูกชายบวชเรียน และอุ๋ยบอกแม่ว่า จะบวชให้..และเมื่อถึงเวลาบวช มุกก็ถูกปล่อยมาอีกครั้งอย่างที่เห็นในหนังตัวอย่าง ที่อุ๋ยต้องถูกลงแป้งจนขาวโพลน ก็ไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็นการล้อเล่นกับศาสนาหรือเปล่า?

กระทั่งถึงคราวแห่นาค ก็นำ “ซูซี่ ตีสิบ” มานำขบวนโห่ ซึ่งซูซี่มีบทบาทแค่นี้จริงๆ น้อยกว่า “ยายแหวว ตีสิบ” ที่ยังพอมีบทบาทคู่กับจตุรงค์ ม๊กจ๊กกับการโต้คารมกันทุกเช้าเวลาใส่บาตรให้กับหลวงตาเชื่อม ซึ่งถ้าจะดูกันจริงๆ แล้ว ทั้งซูซี่ ทั้งยายแหวว ความจริง ไม่จำเป็นเลยสำหรับในหนัง แต่น่าจะเพราะมาจากรายการตีสิบทั้งคู่ จึงเหมือนนำมาเพื่อปั่นกระแสกะให้ดังเหมือนโปงลางฯ

 

 

และระหว่างที่ เสริฐ บวชนี่เองที่ “น้อย วงพรู” มาเห็นจึงอยากบวชบ้าง กลายเป็นว่า ครั้งนี้มีพระบวชใหม่ 2 รูป คือ พระประเสริฐ หรือเจ้าตัวเรียกร้องให้เรียก พระ Search (เซิร์ช) และ พระน้อย

การทำภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญๆ นั้น ผู้กำกับหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะทำ อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ และเมื่อทำออกมาแล้วก็เสี่ยงกับการถูกเซ็นเซอร์จากทาง ก.บ.ว. ตัดในส่วนที่ทางผู้กำกับตั้งใจนำเสนอออกไป เหตุผลเพราะว่า ไม่สมควรที่จะอ้างหรือกล่าวถึงในสถาบันนั้นๆ สถาบันครอบครัวอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน “ศาสนา” ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม “โน้ต เชิญยิ้ม” ผู้กำกับดาวตลกมือทองของไทยเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 1

รีวิวหนังไทย อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

 

สปอยหนัง “อันธพาล” ผลงานกำกับล่าสุดของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ น่าจะเป็นอีกหนังไทยที่โดดเด่นของปีนี้ และน่าจะได้เข้าชิงรางวัลด้านภาพยนตร์จากหลายสำนักเมื่อมีการประกาศกันปีหน้าครับ เพราะเป็นหนังไทยที่มีงานสร้างที่มีความละเอียด ปราณีต มีการแสดงอันยอดเยี่ยม และมีวิธีการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และน่าสนใจในแบบที่ยังไม่เคยเห็นหนังไทยเรื่องไหนทำมาก่อน นอกจากนี้แล้วยังเป็นหนังไทยที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าควรให้การสนับสนุนครับ

 

เนื้อเรื่อง อันธพาล

เรื่องราวของ อันตรธาน ครองเมือง บอกเล่าเกี่ยวกับนักเลงดังแห่งพระนครในยุคร็อคแอนด์โรลล์ สมัยที่เจมส์ ดีน และ เอลวิส เพรสลี่ เป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นยุคนั้น มีตัวละครอันเป็นที่คุ้นเคยเพราะเคยถูกบอกเล่าเป็นหนังมาก่อนอย่างแดง ไบเล่, ปุ๊ ระเบิดขวด และดำ เอสโซ่ ใน “2499 อันธพาลครองเมือง” ของผู้กำกับนนทรีย์ นิมิบุตร แต่อย่างที่ชื่อหนังที่ดูจะกินความกว้างกว่า ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นเหตุการณ์ในพ.ศ.ไหน “อันธพาล”ของก้องเกียรติมีขอบเขตของเรื่องราวที่กว้างกว่า มีตัวละครเด่นเยอะกว่า และขณะที่ “2499 อันธพาลครองเมือง” เน้นไปที่แดง ไบเล่ หนัง “อันธพาล” จะเน้นไปที่ตัวละครจ๊อด เฮาดี้ มือขวาและมิตรแท้ข้างกายของแดง ไบเล่ แทน

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

ดูเหมือนว่าจุดมุ่งหมายในการสร้างหนัง “อันธพาล” ของก้องเกียรติ ก็คือต้องการสร้างหนังแนวแก๊งสเตอร์ว่าด้วยวงการมาเฟียในประเทศไทย และอยากบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ก็ยังขยายขอบเขตของเรื่องราวไปถึงแง่มุมทางประวัติศาสตร์ วิถีและเส้นทางชีวิตของคนที่เข้ามาในวงการนี้ว่าต้องเจอกับอะไรและจะมีจุดจบอย่างไร มุมมองของผู้คนที่ร่วมสมัยกับตัวละครต่อวงการนี้เป็นอย่างไร ซึ่งก้องเกียรติมีวิธีการในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจด้วยการเอาการเล่าเรื่องแบบหนังปกติทั่วไปมาผสมกับรูปแบบของสารคดี โดยให้จ๊อด เฮาดี้ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เป็นจุดศูนย์กลางและจุดเชื่อมต่อของทั้งหมดที่กล่าวมา ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

สิ่งที่ผู้กำกับนำเสนอเรื่อง อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล ผู้กำกับก้องเกียรติให้เรารู้จักกับจ๊อด เฮาดี้ ก่อน ด้วยภาพของคนหนุ่มขี้เกรงใจ สุภาพ เป็นที่รักของทั้งแม่และน้องสาว ก่อนที่จะได้เห็นภาพที่ตรงกันข้ามในฐานะนักเลงใจเด็ดที่ฆ่าคนได้โดยไม่ยั้งมือ และโหดเหี้ยม ผู้เป็นมือขวาและมิตรคู่กายของแดง ไบเล่ (สมชาย เข็มกลัด)

จ๊อดเป็นเด็กช่างกลมาก่อน และเข้าสู่วงการนักเลงโดยการชักชวนของแดง ซึ่งจ๊อดรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตอนที่มาช่วยเขาระหว่างมีเรื่องวิวาทกับโรงเรียนช่างกลคู่อริ แดงพาจ๊อดไปเป็นนักเลงลูกน้องของเฮียหลอ มาเฟียกระหายอำนาจและปลิ้นปล้อน

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

ขณะที่แนะนำให้เรารู้จักและบอกเล่าเรื่องราวของจ๊อด ผู้กำกับก้องเกียรติก็ใช้เทคนิคของหนังสารคดีด้วยการให้ผู้คนที่รู้เรื่องราวของยุคโน้นมาช่วยเล่าในลักษณะการให้สัมภาษณ์ พร้อมทั้งแทรกภาพข่าวเก่าๆ มาประกอบ เพื่อช่วยบอกเล่าส่วนที่เป็นภาคผนวกและเกร็ดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัวละคร และวงการนี้ เช่นฉากที่จ๊อดดวลกับเฮียเซ้ง (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ผู้กำกับก็ให้คนที่รู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเล่าเสริมถึงวิธีการดวลที่เรียกว่า “มัดมือดวลมีด” ที่จ๊อดกับเฮียเซ้งใช้นั้นเป็นยังไง หรือขณะที่พูดถึงตัวละครบางตัวเช่นแดง ไบเล่ หรือ ปุ๊ ระเบิดขวด ก็ให้ผู้คนมาเล่าเสริมว่ามุมมองที่คนสมัยนั้นที่มีต่อทั้งคู่เป็นยังไง เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ผู้กำกับก้องเกียรติให้สัมภาษณ์ว่าได้แรงบันดาลใจจาก District 9 ส่วนตอนที่ผมดูนั้นนึกถึงหนังฉายทีวีเรื่อง Execution of Justice ว่าด้วยการคดีฆาตกรรมฮาร์วี่ มิลค์ ที่ใช้การสัมภาษณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาเล่าคู่ไปกับส่วนที่เป็นภาพยนตร์

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเล่าเรื่องวงในของมาเฟียผ่านมุมมองของเปี๊ยก (กฤษฎา สุภาพพร้อม) เด็กวัยรุ่นที่อาศัยและทำงานอยู่ในโรงหนังที่แดงกับจ๊อดชอบไปดูหนังบ่อยๆ เปี๊ยกมีเพื่อนรักชื่อธง (สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และทั้งคู่ก็มีแดงกับจ๊อดเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต มองภาพของนักเลงรุ่นใหญ่ยุคนั้นว่าเป็นอะไรที่เท่ ใครไปไหนก็เกรงกลัวและนบนอบ จึงอยากที่จะเข้าแก๊งและเจริญรอยตาม ทำให้หนังมีส่วนคล้ายคลึงกับ The Godfather: Part II เพิ่มเข้ามา และหนึ่งชั่วโมงแรกของหนังก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องทั้งสามขนานกันไป มีการตัดต่อสลับไปมา มีการเล่าเรื่องทั้งไปข้างหน้าและย้อนหลังแบบโดดไปโดดมาคล้าย The Social Network

ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างลูกเล่นของการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ และน่ายกย่องในความกล้าหาญที่จะฉีกขนบการเล่าเรื่องหนังให้แตกต่างจากหนังไทยด้วยกัน แต่อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก้องเกียรติยังใช้การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เหล่านี้ได้ยังไม่ลงตัวดีพอ โดยเฉพาะช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง ทั้งนี้เพราะทั้งสามวิธีการเล่าเรื่องเหมือนจะมีเรื่องราวของมันเอง และหนังเล่าเรื่องโดยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามส่วนเกือบเท่าๆกัน มีการให้รายละเอียดที่ยิบย่อยเกินไป ทำให้มาชิงความเด่นของกันและกัน และฉุดรั้งไม่ให้อารมณ์ดราม่าของหนังในช่วงนี้ไปได้สุดทาง แม้ว่ามันจะดูเก๋ไก๋ก็ตาม อันธพาน คลองเมือง 2555

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่หลังจากจ๊อด เฮาดี้พ้นโทษออกจากคุกหลังจากการปราบปรามอันธพาลด้วยกฎหมายอันเฉียบขาดของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หนังมีวิธีการเล่าเรื่องที่ลงตัวมากขึ้น และทำให้ความเข้มข้นตามแบบหนังแก๊งสเตอร์กลับมาน่าติดตามมากขึ้น หนังลดทอนส่วนที่เป็นสารคดีให้มาเป็นเพียงส่วนเสริมจริงๆ มากขึ้น ขณะที่ส่วนที่เป็นมุมมองของเปี๊ยกก็ค่อยๆ ลดหน้าที่ลงกลายเป็นการทำหน้าที่ของโครงเรื่องรองแทน

เรื่องราวครึ่งหลังเน้นไปที่การแย่งชิงความเป็นใหญ่ของมาเฟีย โดยแต่ละเจ้าพ่อก็มีนักเลงเด่นๆเป็นลูกน้องของตัวเอง จ๊อดยังคงเป็นหมากในเกมชิงอำนาจของเฮียหลอ โดยมีเปี๊ยก, ธง, และน้าหำ (บุญส่ง นาคภู่) เป็นลูกน้อง แล้วกลายเป็นม้าศึกที่จะถูกฆ่าหลังเลิกใช้เมื่อเฮียหลอหันไปเลือกใช้โอวตี่ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) นักเลงนักฆ่าที่ทั้งบ้า ทั้งเหี้ยมโหด เป็นหมากตัวใหม่ ทำให้แก๊งของจ๊อดต้องแตกคอกัน ขณะเดียวกัน จ๊อดก็ต้องหนีการตามล่าของผู้การคำนึง (วสุ แสงสิงแก้ว) ผู้ที่ไม่เคยคำนึงถึงวิธีในการปราบมาเฟีย และสะท้อนด้านมืดของผู้มีอำนาจทางกฎหมาย ทำพาไปสู่ฉากตามล่าล้างแค้นในตอนจบที่ทั้งตื่นเต้น ลุ้น และสะเทือนใจ

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

องค์ประกอบที่ควรได้รับการยกย่องอีกอย่างของหนังก็คือองค์ประกอบด้านศิลป์ ทั้งการสร้างฉาก การกำกับศิลป์ การออกแบบเครื่องแต่งกายและทรงผม งานเทคนิคภาพ และดนตรีประกอบ ที่ช่วยเนรมิตรพระนครยุค 60-70 ได้อย่างเนียบจนเหมือนพาเราหลุดเข้าสู่ยุคนั้นไปด้วยได้เลย ทั้งยังเสริมโทนดิบเถื่อนและรุนแรงอันเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของผู้กำกับก้องเกียรติให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้และดีมาก แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือบุญส่ง นาคภู่ เป็นบทน้าหำ นักเลงเก่าขี้คุยผู้ที่อยากหลุดพ้นจากเส้นทางนักเลงไปใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไป เป็นบทที่ทั้งดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เราเคยเห็นว่ามีอยู่จริง และบางขณะก็ทรงพลัง ส่วนกฤษดา สุโกศล แคลมป์ ก็ยอดเยี่ยมในการสร้างบุคลิกของจ๊อดให้ดูเป็นปุถุชนทั่วไป และมีเสน่ห์ขึ้นจอ พาให้ชวนติดตามหนัง

 

 

“อันธพาล” อาจไม่ใช่หนังที่ดีพร้อมหรือสมบูรณ์แบบเต็มร้อย แต่เป็นหนังที่มีองค์ประกอบทุกส่วนของงานสร้างดีเลิศ และมีความพยายามอันน่าชื่นชมของผู้กำกับก้องเกียรติในการสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีลูกเล่นที่แปลกแตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลพอให้นักดูหนังควรให้การสนับสนุนหนังเรื่องนี้ครับ นางเอก หนัง อันธพาล

นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้และดีมาก แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือบุญส่ง นาคภู่ เป็นบทน้าหำ นักเลงเก่าขี้คุยผู้ที่อยากหลุดพ้นจากเส้นทางนักเลงไปใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไป เป็นบทที่ทั้งดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เราเคยเห็นว่ามีอยู่จริง และบางขณะก็ทรงพลัง ส่วนกฤษดา สุโกศล แคลมป์ ก็ยอดเยี่ยมในการสร้างบุคลิกของจ๊อดให้ดูเป็นปุถุชนทั่วไป และมีเสน่ห์ขึ้นจอ พาให้ชวนติดตามหนัง

 

วิจารณ์เรื่อง อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล โครงสร้าง โครงเรื่องแบบ Classical Design เป็นโครงเรื่องที่พบบ่อยที่สุดสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชม ผู้ฟังในวงกว้างได้อย่างมากตัวละครเอกของเรื่องมักจะต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับชีวิต ตัวละครที่เป็นอุปสรรคของเค้าเองโดยการทำทุกวิธีทางให้ตัวเองเป็นผู้นำ เหตุการณ์ในเรื่องมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ไปจนถึงบทสรุปตอบจบของต่ละฝ่าย ในชีวิตระหว่างกลุ่มวัยรุ่น ที่ทำให้ชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนไป

ความขัดแย้ง ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง ความขัดแย้งเช่นนี้พบบ่อยที่พระเอกจะเป็นฮีโร่โดย พระเอกจะออกแนวบุคลิกที่เรียกว่าใจเย็นมีน้ำใจกว่า เปรียบเหมือนเป็นฝ่ายธรรมะ ไม่ต่อยหาเรื่องใครก่อน ส่วนเพื่อน อีกฝ้านเปรียบเหมือนฝ่าย อธรรม ที่ชอบทะเลาะวิวาท หาเรื่องคนไปทั่ว

ตัวละคร อัน ต พา ร คลอง เมือง 2012 นักแสดง ตัวละครมีบุคลิกกลม ( Round Character ) เป็นตัวละครที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว มีความลึกซึ้งและเข้าใจได้ยากกว่าตัวละครที่มีบุคลิกแบน มีลักษณะคล้ายชีวิตจริงของคนในสังคม เพราะพระเอก จะรักเพื่อนมาก ช่วยเหลือเพื่อน พิชิตพาล อภิบาลคนดี แต่ในอีกมุมนึงบางครั้งก้อ ลืมคนรักของเค้าไปชั่วคณะ แต่เค้าก็รักและเคารพแม่ ถึงแม้จะมีเหตุการทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยครั้ง

 

 

แก่นเรื่อง เป็นแก่นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต มุ่งนำเสนอเรื่องจริงของชีวิต ประสปการณ์การณ์ธรรมชาติ ของมนุษย์ และจุดจบของความเป็นนักเลง และ อันธพาล

ฉาก ตรอกไบเลย์ ย่านพระนคร หรือ กรุงเทพ ในปัจจุบัน และ เพราะ ที่อยู่อาศัยของพระเอก และเพื่อนๆของเค้าอยู่ย่านนั้นกันหมด และ มีฉากที่อู่ตะเภาด้วย เพราะ พระเอก หรือ แดง และพวกเพื่อนๆ ถูก รัฐบาล สั่งจับตาย

สัญลักษณ์พิเศษ มีการใช้สัญลักษณ์พิเศษทางภาพ คือ ล๊อกเกต เจมส์ดีน ของพระเอกกับนางเอก เพลง Elvis Presley ที่เปิดประกอบฉาก และ น้ำยี่ห้อ ไบเลย์ และปืนคู่กายของพระเอก และ กางเกงยีน Wrangler ที่นิยมกันในสมัยนั้น ดูหนังออนไลน์

มุมมองในการเล่าเรื่อง มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของบุคคลที่ 3 โดยการเล่าเรื่องผู้เล่าเป็นเพื่อนสนิทของพระเอก จะเป็นผู้ดำเนินเรื่อง เล่าเรื่อง ชีวิตวัยโก๋ เพราะบุคคลผู้เลานสี้ เป็นคนสนิทของพระเอกในเรื่อง

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

 

 

สปอยหนัง ณ ปางน้อยในปี 1997 ดิว (โอม-ภวัต) เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากเชียงใหม่ได้พบและก่อความสัมพันธ์กับ ภพ (นนท์-ศดานนท์)เด็กหนุ่มลูกครึ่งจีนในพื้นที่ แต่ด้วยยุคสมัยที่ยังต่อต้านความรักระหว่างเพศเดียวกันก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพรากจากกัน จนกระทั่ง 23 ปีต่อมา ภพ (เวียร์ ศุกลวัฒน์) ได้หวนกลับมาเป็นครูยังปางน้อยอีกครั้งโดยมี อร (ญารินดา บุนนาค)ภรรยาของเขาติดตามมาด้วย แต่ในใจเขาก็ยังคงอยากตามหาดิวเพื่อสะสางเรื่องราวที่ติดค้างกันในอดีต ส่วนที่โรงเรียน ภพ ก็ได้มีโอกาสพบกับ หลิว (ปั๋น-ดริสา) เด็กสาวหัวดีแต่ดื้อที่ครูใหญ่ฝากให้ดูแล แต่แล้วความใกล้ชิดระหว่าง ภพ กับ หลิว ก็ทำให้เกิดข้อครหาขึ้น

 

เนื้อเรื่อง ดิว ไปด้วยกันนะ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า เนื้อหาต่อไปนี้พยายามจะเขียนไม่ให้สปอยล์ที่สุด แต่สำหรับใครที่เคยผ่านตาผลงานต้นฉบับของเกาหลีอย่าง Bungee Jumping of Their Own (번지점프를 하다) หนังโรแมนติกปี 2001 ที่ขึ้นชื่อเรื่องสร้างความเหวอแตกระดับหลายริกเตอร์กับบทสรุปความสัมพันธ์ของคู่รักที่ถูกความตายพลัดพรากในครึ่งเรื่องแรกที่สร้างทั้งความซาบซึ้งและชวนฉงนกับฉากจบอันเป็นปริศนาที่ให้คนดูคิดเอาเองก็ย่อมพอจะเดาปลายทางที่ ดิว..ไปด้วยกันนะ จะเดินทางไปถึงได้ไม่ยากนัก แต่โดยส่วนตัวแล้ว แม้จะถูกระบุยี่ห้อว่าเป็นหนังรีเมก แต่กับ Bungee Jumping of Their Own ก็ถือเป็นโจทย์ยากระดับคณิตศาสตร์โอลิมปิกเลยทีเดียว ด้วยว่าหนังผสมผสานทั้งความแฟนตาซี ความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ไปจนถึงความเลื่อนไหลทางเพศ ที่หนังต้นฉบับถ่ายทอดไว้ได้น่าประทับใจและชวนคิดจนถึงทุกวันนี้ แต่ในเมื่อมันมาอยู่ในมือของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีรกุล ที่เล่นยกเครื่องปั้นหน้าหนังและตัดสลับเหตุการณ์ตลอดจนเปลี่ยนรายละเอียดจนแทบเหมือนหนังคนละม้วนแล้วผสมผสานเรื่องราวบาดแผลในช่วงเวลาแห่งการเติบโตที่ตนถนัดลงไปก็ย่อมไม่อาจคาดหวังอะไรที่น้อยไปกว่าผลงานที่ท้าทายความคิดคนดูเหมือนผลงานที่ผ่านมา ดิวไปด้วยกันนะ เรื่องย่อ

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

 

ความกล้าหาญแรกที่มะเดี่ยวเลือกตัดผ่ายกเครื่องบทหนังโดยหยิบยกจุดพีคที่คอหนังต้นฉบับซูฮกมาไว้ในครึ่งแรกแทน ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องแลกกับการทิ้งเซอร์ไพร์สที่ Bungee Jumping of Their Own เคยมอบให้คนดู โดยหนังเปลี่ยนรายละเอียดความรักคู่พระนางต้นฉบับในวัยเรียนมหาวิทยาลัย กลายมาเป็น ดิว กับ ภพ วัยรุ่น ม.ปลายในโรงเรียนชนบทยุค 90 ที่เพลงอัลเธอเนทีฟอย่าง ก่อน ของโมเดิร์นด็อก หรือ ดีเกินไป ของ สไมล์ บัฟฟาโล ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนทางเลือกใหม่ ๆ ทั้งที่สังคมในสมัยนั้นยังใช้คำว่า เบี่ยงเบนทางเพศ และใช้กระบวนการทางทหารและแพทย์มาใช้บำบัดพฤติกรรมรักร่วมเพศอยู่เลย ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าการเซ็ตสถานการณ์ภายใต้การควบคุมของทหารเอย การจำกัดกรอบเรื่องเพศเอย เป็นกลไกของบทหนังที่พยายามบีบบังคับให้ตัวละครไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ และแม้เราจะไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าการจำกัดกรอบโลกทัศน์เรื่องเพศในหนังเป็นความจริงสักกี่มากน้อย แต่ในทางกลับกันมันก็ให้ภาพสังคมไทยที่ไร้ประชาธิปไตย หมดสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตตัวเองโดยเฉพาะกับเพศทางเลือกอย่าง LGBTQ และกล่าวอย่างไม่เกินจริงบทหนังของมะเดี่ยวยังละเอียดลออด้วยรายละเอียดด้านชาติพันธุ์ ความเชื่อ ที่ถูกส่งต่อผ่านระบบครอบครัวของทั้ง ดิว และ ภพ ที่ช่วยทำให้เรื่องราวมีมิติมากกว่าแค่เรื่อง เด็กผู้ชายสองคน มาจิ้นกันแบบผิวเผินและที่สำคัญประเด็นบาดแผลระหว่างทางเติบโตของวัยรุ่นที่มะเดี่ยวเคยปูไว้ตั้งแต่ รักแห่งสยาม เกรียนฟิกชัน หรือตอนแรกของ โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ ก็ถูกนำมาเน้นย้ำผ่านเรื่องราวของดิวและภพจนสามารถเชื่อมต่อเป็นจักรวาลหนังวัยรุ่นของมะเดี่ยวได้อย่างไม่ขัดเขินเลยทีเดียว ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

แต่แน่นอนล่ะว่าพอผ่าตัดและเปลี่ยนองค์ประกอบบทหนังใหม่ความท้าทายของมะเดี่ยวคือ ครึ่งเรื่องหลังที่ต้องคิดว่าทำยังไงให้ยังคงเรื่องราวความสัมพันธ์ต้องห้ามแบบหนังเกาหลีต้นฉบับไว้ได้ ซึ่งต้องยอมรับนะครับว่าพอย้ายจุดพีคมาไว้ตอนต้นและทำท่าเหมือนจะพูดเรื่องความหลากหลายทางเพศไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่กลับถูกบังคับให้เดินจุดพลิกผันตามบทหนังต้นฉบับจนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้การพูดเรื่อง LGBTQ แผ่วบางและหมดพลังทั้งที่อุตส่าห์ปูไว้ตอนต้นเรื่องเสียน่าสนใจและหนักแน่นจนไม่อาจคาดหวังอะไรที่น้อยไปกว่าความดุเดือดได้ แต่เมื่อถึงครึ่งหลังและหนังจำต้องเดินไปในทางที่ถูกกำหนดเลยกลายเป็นพลังของหนังมันแผ่วตามไปด้วย และแน่นอนอย่างที่บอกไปแล้วว่า ความเหวอแตก มันถูกยกไปกล่าวถึงในครึ่งเรื่องแรกแล้วเลยกลายเป็นว่าครึ่งหลังกับแนวทางที่หนังพยายามเดินไปให้เห็น “การซ้ำรอย” เพื่อนำไปสู่บทสรุปความรักของหัวใจดวงเดิมก็เลยดูไม่น่าเชื่อถือเท่าใดนัก ยังดีที่ได้การแสดงอันหนักแน่นของ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ญารินดา บุญนาค และ ปั๋น-ดริสา มาโอบอุ้มเรื่องราวภายใต้การกำกับที่ยังคงแม่นยำของมะเดี่ยวก็คงพอจะยกประโยชน์ให้จำเลยได้อยู่บ้าง

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

 

เช่นเคยที่หนังของมะเดี่ยวมักจะสร้างนักแสดงวัยรุ่นฝีมือฉกาจไว้ประดับวงการเสมอ สำหรับ ดิว..ไปด้วยกันนะ ก็ได้ นนท์-ศดานนท์ ที่เอาลุคแบดบอยมาทำให้ ภพ กลายเป็นหนุ่มในฝันของสาว ๆ ได้ไม่ยาก แถมบทดราม่าก็ยังแสดงได้ลื่นไหลทีเดียว รวมถึง ปั๋น ดริสา ที่บอกเลยว่างานเดบิวต์เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรที่น้อยไปกว่าบททดสอบโหดหินเลย ทั้งต้องรับบทเด็กมัธยมปลายหัวดื้อที่รู้สึกแปลกแยกจนต้องคบกับผู้ชายถ่อย ๆ แถมเธอยังต้องแบกจุดพลิกผันของเรื่องราวและถ่ายทอดออกมาให้น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งจากผลงานที่เห็นด้วยตาเปล่าแล้วก็ต้องบอกว่าเธอสอบผ่านได้อย่างสวยงาม และถือว่ามะเดี่ยว เคี่ยวกรำและเค้นเอาการแสดงที่ดีที่สุด ธรรมชาติที่สุดของเธอออกมาจนคนดูอดหลงรักเธอไม่ได้แน่นอน และไม่เพียงรุ่นเล็กเท่านั้นรุ่นใหญ่อย่าง อาภาศิริ นิติพน ก็ไม่ให้เสียชื่อ แม่แห่งชาติ เพราะเธอสามารถถ่ายทอดบทแม่ของดิวได้ชวนใจสลายมาก ๆ ใครดูซีนสารภาพความในใจกับดิวแล้วไม่ร้องไห้ก็ถือว่าใจแข็งมาก ส่วน เวียร์ ศุกลวัฒน์ ก็สานต่อโอกาสในการพิสูจน์ฝีมือบนจอเงินถัดจากหนังมนิลา โดยเขาสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่ติดค้างในใจของ ภพ ที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีบาดแผลได้อย่างน่าชื่นชม

 

หนังแนะนำ ดิว ไปด้วยกันนะ

กล่าวอย่างเป็นกลางที่สุดแล้ว ดิว…ไปด้วยกันนะ ก็จัดเป็นงานหนังไทยคุณภาพในระดับที่น่าสนับสนุนนั่นแหละครับ เพียงแต่การต้องเดินตามร่องรอยของหนังต้นฉบับอาจทำให้หนังไม่สามารถพูดประเด็นหลักอย่างเสรีภาพของ LGBTQ ในไทยได้อย่างหนักแน่นเหมือนที่ปูไว้ตอนแรก แต่เหนืออื่นใดมันคือหนังที่ดูแล้วทำงานกับหัวใจที่สุดเรื่องหนึ่งของปี ตั้งแต่ต้นเรื่องยันหนังจบขึ้นต้นเอนด์เครดิตว่าอุทิศให้แก่ นพดล ขันรัตน์ ผู้ถ่ายทอดช็อตโดรนสวย ๆ สื่อความหมายอันลึกซึ้งให้หนังแต่ไม่มีโอกาสได้ชมผลงานในวันนี้เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปเมื่อหลายเดือนก่อน ดังนั้นช็อตโดรนต่าง ๆ ในหนังจึงเป็นเหมือนของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาได้มอบให้ผู้กำกับและคนรักของเขาแทนคำขอบคุณที่อยู่ข้างกันตลอดเวลาที่เจ็บป่วย และคงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่ามันเป็นของขวัญที่งดงามที่สุดในโลก…

บรรยากาศภาคเหนือในปีพ.ศ. 2539 ที่ทำออกมาได้ถึงจนเราคิดถึง

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

 

ทั้งบรรยากาศเก่า ๆ ของเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในภาคเหนือ เมืองที่ใครทำอะไรก็รู้กันทั้งเมือง วิถีชีวิตของเด็กที่ต้องเข้าตัวเมืองเพื่อไปเรียนพิเศษ เพลงที่ฟังกันในสมัยนั้น การคุยกันผ่านเพจเจอร์ เสื้อผ้าหน้าผมในยุค 90 บรรยากาศในโรงเรียนมัธยมที่เราจะต้องคิดถึงไม่ว่าเราจะเป็นคนยุคไหน ดิวไปด้วยกันนะ ต้นฉบับ

ถึงแม้ว่าคอนเท้นท์เกี่ยวกับยุค 80-90 ในตอนนี้จะมีให้เราเห็นจนชินตา แต่เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติมากเรื่องหนึ่งจนเราไม่รู้สึกขัดอะไร แถมในพาร์ทอดีตยังเป็นเรื่องราวที่สวยงามที่สุดในเรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

 

รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

ประเด็นเรื่องการรักเพศเดียวกันที่หนักหน่วงกว่าเรื่องอื่นๆ ไม่เพียงการเน้นประเด็นที่ว่าการรักเพศเดียวกันเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเดียว แต่ยังมีประเด็นโรคเอดส์ระบาดโดยเฉพาะในกลุ่มของชายรักชาย ทำให้โรงเรียนปางน้อยออกกฎให้คนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศต้องไปรับการฝึกอบรมกับทหารอีกด้วย มันเริ่มทำให้เราเห็นความอึดอัดตั้งแต่เริ่มเรื่องกับประเด็นหนัก ๆ นี้ คนที่แสดงออกชัดเจนก็จะโดนแกล้งจากเพื่อน ๆ ส่วนคนที่ยังไม่แสดงออกก็ไม่กล้าที่จะเปิดตัว หรือแม้แต่การต้องออกไปฝึกกับค่ายทหารจนดึกเพื่อแก้พฤติกรรมเบี่ยงเบน แสดงให้เห็นว่าการรักเพศเดียวกันยังคงเป็นเรื่องที่ผิดในสังคม

 

 

หรือจะเป็นการโดน Bully จากเพื่อนๆ เมื่อรู้ว่าดิวชอบผู้ชายเหมือนกัน การไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวลามไปจนถึงการแตกหักกันในที่สุด ถึงแม้ในปัจจุบันจะดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วทำให้เห็นว่ามันยังเป็นปัญหาใหญ่มากจริง ๆ จนหลายเรื่องผ่านไปอย่างไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก

อีกประเด็นหนัก ๆ อย่างเรื่องของศีลธรรม ความถูกต้อง และความรัก ด้วยความที่ภพแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่เมื่อกลับมาเจอคนที่ทำให้คิดถึงอดีต ก็ทำทุกอย่างเหมือนว่าจะรื้อฟื้นเรื่องที่ฝังอยู่ในใจ แถมยังเป็นความรักของครูกับลูกศิษย์ที่ไม่สามารถมองแค่ความรักอย่างเดียวได้ แต่ต้องมีความถูกต้องเข้ามาเกี่ยวด้วย

 

จุดไฮไลท์ของหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ

จุดไฮไลท์ Climax ของเรื่องอย่างการกระโดดบันจี้จัมพ์ ที่ไม่ได้ทำให้เชื่อมากพอว่าตัวละครมีความสนใจจริง ๆ จนต้องเลือกทางเดินแบบนั้นในตอนจบของเรื่อง เลยทำให้เรารู้สึกว่าประเด็นมันอ่อนกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็เป็นจุดที่ทำให้เห็นว่ากล้าเล่นให้แตกต่างจากเรื่องอื่น ทำให้กลายเป็นหนังรักที่ไม่ธรรมดาเรื่องหนึ่งเลย ดิวไปด้วยกันนะ ช่อง7

สำหรับใครที่คาดหวังว่าดิวไปด้วยกันนะจะเป็นหนังชายรักชายคงจะผิดหวังนิดหน่อยด้วยหลายปมที่อยู่ในเรื่อง พาร์ทที่มีทั้งดิวและภพในอดีต พาร์ทปัจจุบันที่กลายเป็นภพกับหลิว แต่มันคือหนังรักแบบที่ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกวัย เพราะความผิดพลาดในอดีตที่ทำให้ตัวละครเลือกทางที่คิดว่าดีที่สุดในตอนนี้ มุ่งไปกับความรักอย่างเต็มที่เพราะไม่อยากจะสูญเสียไปอีก

หลายประเด็นในเรื่องนี้ทำให้เป็นหนังที่หากชอบก็ชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ชอบไปเลยเหมือนกัน จึงเป็นอีกเรื่องที่อยากให้เข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าเราจะเลือกเชื่อและอินไปกับสิ่งที่ภาพยนตร์นำเสนอหรือเปล่า
“ดิว” เป็นหนังที่ใช้คำว่า “ภาพยนตร์ดัดแปลง” ได้อย่างเหมาะสมมาก ต้นฉบับคือ Bungee Jumping of Their Own ภาพยนตร์จากปี 2001 ของเกาหลี เป็นยุคที่หนังเกาหลีเพิ่งจะพัฒนาหลังจากกระแสความสำเร็จของ il Mare ในปี 2000 ซึ่งการที่ผมเลือกไม่ใช้คำว่า รีเมคก็เพราะว่า ตัวละครถูกเปลี่ยนไปมากแบบสลับขั้วกันเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้อาจจะเพราะความมีเอกลักษณ์ของพี่มะเดียวล่ะมั้ง เพราะตอนแรกที่ได้เห็นทีเซอร์ของหนังเรื่องนี้ผมยังงงๆ เลยว่า ระดับมะเดียว จะมาทำงานรีเมคจริงหรอ? และเมื่อได้ดูผมก็บอกเลยว่าใช้คำว่า “รีเมค” ไม่ได้หรอก

 

 

ผมบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่าผมชอบ “รักแห่งสยาม” มาก และหน้าหนังของ “ดิว” ไม่ว่าจะเป็นทีเซอร์ หรือโปสเตอร์ก็เป็นแบบที่ผมสนใจ ทำให้อยากดูเรื่องนี้สุดๆ

ว่ากันด้วยเรื่อง “ดิว ไปด้วยกันนะ” เพียวๆ แบบไม่เคยดูเวอร์ชั่นเกาหลีมาก่อน
ย้อนกลับไป 23 ปีก่อน หนังเปิดฉากมาด้วยเมืองเล็กๆ ที่โคตรสงบอย่าง “ปางน้อย” ดิว นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายมาใหม่ กำลังเดินทางไปโรงเรียนผ่านเมืองที่ไม่มีผู้คนสักคนเดียว และถูกทักโดย “ภพ” พระเอกของเรา ทั้งคู่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงกันจนสนิทกันอย่างรวดเร็ว แต่ในสมัยนั้นความรักระหว่างเพศเดียวกันถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด และยอมรับไม่ได้ในสังคม ทำให้ทั้งคู่จำเป็นต้องจากกันในที่สุด แต่หลังจากนั้น 23 ปีให้หลัง โชคชะตาก็นำให้ ภพ และ ดิว ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่ไม่ใช้การกลับมาพบกันแบบธรรมดาๆ ทั่วไป และนั่นก็นำพาเรื่องราวทั้งหมดไปสู่ตอนจบที่อินดี้สุดๆ ดิวไปด้วยกันนะ pantip

สิ่งที่สะดุดตา และเหมือนเป็นลายเซ็นของพี่มะเดียวก็คงเป็นการหา โลเคชั่น, อุปกรณ์ย้อนยุค และการถ่ายภาพที่สวยมากๆ เอาจริงๆ นี่มันงานศิลปะชัดๆ มุมกล้องก็มีมุมแปลกใหม่ให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ และก็อย่างที่หลายๆ คนรู้ว่าต้นเรื่องมาของหนังก็เปิดประเด็น LGBTQ เลย แต่นักแสดงนำทุกคนถือว่าเล่นได้ดีนะ ดูมันค่อนข้างพอดีไม่เยอะไป ไม่น้อยไป ค่อนข้างดูเป็นชายที่ต้องแอบรักชายดี ก่อนดูผมแอบกังวลเรื่องนักแสดงเด็กอยู่เหมือนกัน แต่พอดูแล้วผมว่าผ่าน ทุกคนเลย

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

 

สปอยหนัง ผลงานกำกับของ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ และ ภูวนิตย์ ผลดี (สองผู้กำกับจาก โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง ที่ออกฉายไปเมื่อปีพ.ศ. 2560)
ดูแลการผลิตโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ รับชมได้แล้วทาง Netflix

ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นค่ายหนังไทยที่กล้าผลิตหนังแนวทางใหม่ ๆ มาสร้างความคึกคักให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จนต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ GMM ก็ยังได้ผลิตผลงานคุณภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกับ Mono Films ทำค่าย T-Moment ที่แม้จะมีหนังแค่ 3 เรื่องถ้วนได้แก่ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตรก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง

และหลังเปิดตัวความร่วมมือล่าสุดกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ และถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป็นทางการของคนตระกูลวรลักษณ์ ทั้งวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิศรุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดและผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายชิมลางก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังสแลชเชอร์คอมเมดี้เรื่องนี้นี่เอง หนังไทยมาใหม่

 

เนื้อเรื่อง บอสฉัน ขยันเชือด 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด หนังเล่าเรื่องราวของเหล่าพนักงานบริษัทนกกระทาคู่ เมื่อ เมษา, โบกี้ และ หลิน สามสาวแห่งทีมมาร์เกตติ้งของบริษัท ได้แอบไปล่วงรู้เรื่องราวความลับอันดำมืดของ คุณต้น บอสใหญ่ของพวกเขาว่าน่าจะเป็นฆาตกรโรคจิตฆ่าต่อเนื่องที่ออกตามล่าฆ่าพนักงานสาวออฟฟิศ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว พวกเธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร ปฏิบัติการขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความจริงที่แสนระทึกจึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมี ดร. อัง เป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง

ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตคู่หูยูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นต้องใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทผลิตเสื้อยืด แต่หลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอรวมถึง หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอเปิดเผยว่าคุณต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกเธอจึงต้องหาทางพิสูจน์ความจริงก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป บอสฉันขยันเชือด เรื่องย่อ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

หนังได้ ภูวนิตย์ ผลดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ มาร่วมกันรังสรรค์เรื่องราวแนบสืบสวนสอบสวนคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากพิจารณาจากไอเดียตั้งต้นที่มันตั้งใจหยอกล้อกันระหว่างงานออฟฟิศที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับเจ้านายอย่างคุณต้นก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
อีกทั้งการได้มุกดานักแสดงสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีพระเอกเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ แค่นี้ตัวหนังก็สามารถเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

ข้อสังเกตประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยคือการปูความสัมพันธ์ของตัวละครโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามตรงว่าแม้ฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ แต่กว่าหนังจะมาปูความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ปาไปองก์สองของหนังแล้ว ที่สำคัญความขัดแย้งของทั้งคู่ยังนำเสนอออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ง้องแง้งกันมากกว่า และยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยตัวละครเพื่อนสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวเท่าไหร่เข้าไปอีก
ประการต่อมาคือการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตคนดูอดคาดหวังไม่ได้เลยว่าตัวหนังควรออกมาระทึกและมีคนตายรายทางจนสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งเรื่องการฆาตกรรมเป็นเพียงอดีตที่เกิดขึ้นนานนับปีแค่ศพเดียว แล้วหนังก็เสียเวลาจับแพะชนแกะรายทางเอาทั้งความสงสัยแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร จงวิลาส) จนเราอดสงสัยในระดับสติปัญญาของนักสืบ 3 สาวไม่ได้เลย ที่สำคัญคือจุดหักมุมของมันก็มาในแบบจับยัดมากกว่าจะมีการปูปมนี้มาแต่ต้นไปอย่างน่าเสียดาย

ประการสุดท้ายเลยคืองานกำกับของหนังยังไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกตามตัวละครหรือสถานการณ์ในเรื่อง ทั้งที่หนังมีฉากที่เอื้อต่อการทำให้คนดูตามติดและอกสั่นขวัญแขวนได้เพียบทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปจนถึงไคลแมกซ์ของหนังที่แม้จะทำให้คนดูได้หัวเราะและสนุกสนานบ้าง แต่จังหวะของมันก็เอื่อยจนผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ ทั้งการกำกับการแสดงที่เหมือนผู้กำกับเองก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ตัวละครรีแอ็กกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไงจนดูประดักประเดิด มุกที่ให้หลินฮุ่ยเอาตัวชนกับฆาตกรก็ดูเป็นมุกสังขารที่เกินความเข้าใจไปหน่อยจนมันดูกระอักกระอ่วนเกินจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ครับ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

แต่กระนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีมาก ๆ แต่ดันมาตอนจบคือคำพูดของฆาตกรที่ว่าด้วยสังคมการทำงานแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นสายที่เอาคนรู้จักหรือมีความสัมพันธ์เข้ามาทำงานด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหากหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทยที่มีบทหนังวิพากษ์สังคมการเมืองที่ทำงานที่เฉียบคมมาก ๆ อย่างไรก็ดีหากใครจะเข้าไปเสพหนังสนุก ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็ถือว่ายังตอบโจทย์อยู่ดีครับ
บอสฉันขยันเชือด (My Boss is a Killer) ภาพยนตร์เรื่องแรกจากค่าย TAI Major ของคุณ วิสูตร และ วิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งแต่เดิมได้วางกำหนดการฉายเป็นวันที่ 28 มกราคม 2564 แต่ต้องถูกพิษโควิด-19 ที่ระบาดรอบใหม่สังเวยไป จนต้องเลื่อนโปรแกรมฉายมาเป็น 1 เมษายน 2564 แทน บอสฉันขยันเชือด pantip

 

ความรู้สึกหลังดูจบ บอสฉัน ขยันเชือด

หนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยสนุกเลยฮะ เดินเรื่องวนเวียนไม่ไปข้างหน้าซะที และด้วยความยาวหนังประมาณ 2 ชั่วโมงจึงกลายเป็น 2 ชั่วโมงที่อืดอาดยืดยาดมาก แถมปูมหลังของตัวละครที่พยายามสอดแทรกเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้หนังมันเมคเซนต์อะไรเท่าไหร่นัก

ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวผู้กำกับเองหรือได้โจทย์มาจากทางค่ายนะฮะ ถึงได้ตีความและเล่าหนังออกมาในทิศทางแบบนี้ คือหนังไม่มีความชัดเจนในแนวทางใดแนวทางหนึ่งเลย เราจึงได้เห็นว่าหนังมีทั้งความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังตลก (จุดนี้จะเห็นได้ตั้งแต่โปสเตอร์แล้วที่ทำให้คนดูรับรู้ว่านี่เป็นหนังตลกนะ) แต่มันก็ไม่ตลกเลย มุกแป๊กมาก ก็มีบางซีนที่พอให้ขำ หึหึ ได้บ้างแต่จากที่สังเกต คนดูทั้งโรงก็ไม่ได้ หึหึ กันทุกคนนะ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

หนังมีทั้งความ “พยายาม” จะเป็นหนังตลกร้ายจิกกัดสังคมแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ถึง ทั้งๆ ที่เรื่องราวในแวดวงพนักงานออฟฟิศ มีอะไรให้เอามาเล่นได้อีกเยอะ แต่หนังก็ไม่เอามาเล่น (แค่แตะๆ พอให้เห็นว่ากำลังเล่าเรื่องของพนักงานบริษัทอยู่นะ)

และสุดท้ายหนังยังมีความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญหักมุม ซึ่งในพาร์ทนี้แมวโอเคนะ โดยเฉพาะในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเนี้ย ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย เพียงแต่ว่ามันถูกความอืดอาดยืดยาดน่าเบื่อที่ทำให้มีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่หนังจะจบครอบงำมาเกือบทั้งเรื่องแล้ว พอมาถึงจุดไคลแมกซ์อารมณ์มันเลยไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

สิ่งที่ต้องขอชมเชยมากที่สุดสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือการแสดงของคุณ ดีเจเผือก ฮะ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการและศักยภาพทางด้านการแสดงของเขาอย่างชัดเจนเลยฮะ สามารถทำให้เรา “เชื่อ” ในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อกับเราได้
หนึ่งในหนังไทยกองทัพใหญ่ที่จะเรียงคิวฉายต่อเนื่องในเดือนเมษายนนี้ ก็คือ “บอสฉัน..ขยันเชือด” หรือมีชื่อภาษาอังกฤษเก๋ๆ ว่า My Boss is a Serial Killer ที่ถือว่าเป็นหนังที่ประเดิมเปิดค่าย ไท เมเจอร์ ของ คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่เดิมจะออกฉายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่เพราะโควิด-19 ยังเล่นอยู่ ก็ได้เลื่อนฉายมาเรื่อยๆ และลงตัวในช่วงใกล้เทศกาลวันสงกรานต์แบบนี้ บอสฉันขยันเชือด วิกิ

บอสฉัน..ขยันเชือด มาพร้อมกับเรื่องราวชวนพิศวงในออฟฟิศ เมื่อแก๊งหนุ่มสาวอยู่ๆ ก็ไปแอบล่วงรู้ความลับของเจ้านายตัวเองว่า บอสใหญ่ของพวกเขาเคยมีอดีตเป็นฆาตกรโรคจิตต่อเนื่อง แล้วเรื่องนี้จะแอบอยู่เฉยได้อย่างไร เมื่อออฟฟิศลุกเป็นไฟ ปฏิบัติขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความลับอันแสนระทึกที่มาพร้อมกับความสนุกและเสียงหัวเราะจึงได้เกิดขึ้น

 

 

ก่อนอื่นใดก็ต้องยอมรับเลยว่า My Boss is a Serial Killer นับว่าเป็นหนังไทยที่ค่อนข้างมีสไตล์ที่แปลกและแหวกแนวจากหนังไทยเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมา เราไม่ค่อยจะได้เห็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนแกมตลกโปกฮา กลิ่นอายคล้ายๆ กับนิยายของ ‘อกาธา คริสตี’ อะไรทำนองนั้น แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในท้ายที่สุด หนังไทยเรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถตีโจทย์และถ่ายทอดเรื่องราวที่หนังควรจะเป็นได้ออกมาได้ถูกที่ถูกทางในแบบที่ควรจะเป็น

กลายเป็นว่า บอสฉัน..ขยันเชือด จะเป็นหนังสืบสวนสอบสวนก็ไปไม่สุดทาง จะเป็นหนังตลกก็แทบไม่มีอะไรให้หัวเราะ หรือจะเป็นหนังฆาตกรรมเขย่าขวัญหักมุมก็ยังไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาของหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นความสะเปะสะปะ หากเปรียบเป็นเมนูอาหารสักชามหนึ่ง ก็เป็นแกงที่ค่อนข้างจืด เผลอๆ เกือบจะไม่มีรสชาติอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

โครงเรื่อง บอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด โครงเรื่องของหนังค่อนข้างน่าสนใจ แต่กลับตีความและตีโจทย์ออกมากับบทหนังที่อ่อนปวกเปียกที่เป็นปัญหาหลักๆ ของหนังไทยส่วนใหญ่ บทของหนังเรื่องนี้ไม่สามารถสร้างมิติใดๆ ได้เลย ถึงแม้ว่าจะเห็นถึงความพยายามมากๆ แล้วก็ตาม แต่ที่ส่งออกมาถึงคนดูกลายเป็นความไม่ลงตัวอะไรเลยสักอย่าง กลายเป็นหนังที่แค่…ดูได้เรื่อย แอบน่าเบื่อไปสักหน่อย ถึงจะได้ทีมนักแสดงที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว
ทีมนักแสดงชั้นนำในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “ก้อง สหรัถ”, “ไอซ์ ปรีชญา”, “มุกดา นรินทร์รักษ์” หรือ “เผือก พงศธร” พวกเขาต่างทำหน้าที่การแสดงของตัวเองได้อย่างเต็มที่และค่อนข้างโดดเด่นดี โดยเฉพาะ น้องมุกดา ที่ออร่าเฉิดจรัสในหนังเรื่องนี้มาก เมื่อผนวกขึ้นจอคู่กับ ไอซ์ ยิ่งส่งเสริมให้คนดูจับตาจอได้เป็นอย่างดี แต่การแสดงของพวกเขากลับไม่ช่วยอะไรเลย เพราะความอ่อนของบทหนังที่เหมือนหลงทางอยู่เรื่อยๆ

 

 

ตลอดความยาว 2 ชั่วโมงของหนัง มีทั้งมุมที่น่าติดตามและมุมที่น่าหงุดหงิด หนังมีการปูเรื่องออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แต่อยู่ๆ ก็ทิ้งเอาไว้กลางทาง และการจับนู้นโยงนี่ใส่เข้ามาแบบไม่สนใจความสมเหตุสมผลเลยสักนิด แน่นอนว่าหนังมีประเด็นหักมุมและฉากที่ไม่คาดคิด แต่แล้วยังไง…เพราะสุดท้าย หนังเรื่องนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรที่น่าจดจำเลยสักนิดเดียว บอสฉันขยันเชือด เต็มเรื่อง พากย์ไทย

รีวิว ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

 

สปอยหนัง เมื่อกฎหมายที่ตนเองศรัทธาเล่นงานจนถูกพักราชการ ขุนพันธรักษ์ราชเดช (อนันดา เอเวอริงแฮม) จึงตัดสินใจเล่นนอกกฎด้วยการแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มโจรเชิ้ตดำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสุพรรณบุรีนำโดย เสือฝ้าย (พ.อ. วันชนะ สวัสดี) และเสือไบ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) จนอุดมการณ์ตำรวจถูกสั่นคลอนด้วยคำสัตย์ของโจร และขณะเดียวกันทางการตำรวจก็ส่ง อัศวิน (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) นายตำรวจหนุ่มนักเรียนนอกไฟแรงมาประจำที่สุพรรณบุรีเพื่อปราบปรามเหล่าโจรเรียกศรัทธาจากประชาชน และยิ่งขุนพันธ์อยู่กับโจรนานเท่าไหร่เบื้องหลังสกปรกในวงการตำรวจก็ยิ่งถูกขุดขึ้นมาจนสุดท้ายขุนพันธ์ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างโจรที่เป็นดั่งวีรบุรุษหรือเข้าข้างตำรวจที่เลวยิ่งกว่าอาชญากร

หลังห่างหายไป 2 ปีในที่สุด ก้องเกียรติ โขมศิริ ก็ได้ฤกษ์นำขุนพันธ์ ๒ ออกฉาย แม้ว่าเสียงวิจารณ์ของภาคแรกจะออกมาแบบก้ำกึ่ง คือเสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่าหนังสนุกดีแต่บทหนังดูจะมั่วซั่วมากและซีจีเข้าขั้นโคม่า แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแสดงและการดีไซน์คาแรกเตอร์ตัวละครที่โดดเด่นคือจุดแข็งสำคัญของหนังภาคแรก ซึ่งก็น่าดีใจที่ ก้องเกียรติ ยังคงสานต่อจุดดีของหนังภาคแรก แถมยังกลับมาเล่นใหญ่กว่าเดิมเพราะต้องเล่าเรื่องราวของตัวละครใหม่ที่มีเรื่องราวของตัวเองทั้ง เสือฝ้าย และ เสือไบ ที่ออกแบบมาอย่างเท่จนผู้พันเบิร์ดและเป้ อารักษ์ ได้ควงปืนเล่นฉากแอ็คชั่นสุดเว่อร์วังได้ระดับน้องๆหนังฮีโร่มาร์เวลเลย แถมพัฒนางานเทคนิคด้านภาพให้สมศักดิ์ศรีหนังเกี่ยวกับอาคม แนบเนียนขึ่้นเยอะ และบทหนังยังสร้างประเด็นที่น่าสนใจทั้งเรื่องของคำสัตย์สาบานในหมู่โจร และการต่อสู้ในใจของขุนพันธ์เองว่าเขายังคงเป็นตำรวจหรือไม่สร้างความเข้นข้นให้เรื่องราวน่าสนใจอยู่ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

นอกจากนี้หนังยังดีไซน์ตัวละครแวดล้อมได้น่าสนใจดีท้้ง อัศวิน นายตำรวจที่ถูกไฟคลอกจนต้องแปลงร่างเป็น เรด สกัล เอ้ย..เป็นมนุษย์หน้ากากดูน่าขนลุกอย่างกับผู้ร้ายหลุดมาจากหนังฮีโร่มาร์เวล หรือจะเป็นบรรดาตัวละครสาวๆทั้ง บุศรา (ก้อย รัชวินทร์ วงศิวิริยะ) มาเฟียสาวเจ้าของบาร์เหล้าเขตปลอดกฎหมายก็ให้อารมณ์นางนกต่อทรงเสน่ห์สุดอันตราย และ ทับทิม (อาภา ภาวิไล) คนรักของเสื้อไบที่มีปูมหลังแสนเศร้า ก็สร้างสีสันได้เป็นอย่างดีจนทำให้ขุนพันธ์ ๒ กลายเป็นหนังที่อุดมด้วยตัวละครที่ถูกออกแบบมาอย่างน่าสนใจมากมายเดินไปเดินมาในเรื่อง แม้ว่าท้ายที่สุดจะกลายเป็นภาระที่บทหนังยังคงไม่สามารถเล่าเรื่องได้ลงตัวเท่าใดนักแต่อย่างน้อยคราวนี้ก้องเกียรติก็ไม่ได้ให้เราเสียเวลาดูฉาก เซนๆ อย่าง “ศึกนี้อยู่ที่ใจ” อันเป็นของแสลงจากหนังภาคแรกแล้ว

 

จุดที่ยังผิดพลาดของหนัง ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2 จุดที่ยังคงผิดพลาดอย่างน่าเสียดายเช่นเดิมคงหนีไม่พ้นว่า ผ่านมาภาค 2 แล้วเราก็ยังไม่ได้รู้จัก ขุนพันธ์ ดีขึ้นกว่าเดิมนัก เพราะแม้ว่าประวัติของท่านจะแพร่หลายแต่ในเชิงสื่อภาพยนตร์เราก็อยากรู้จักตัวละครนี้มากกว่าแค่สถานะ ตำรวจผู้แก่กล้าอาคม โดยมียังมีจุดที่หนังละเลยที่จะสำรวจทั้งทัศนคติของตนต่อกฎหมายในมือมาเฟีย หรือแม้กระทั่งว่าอะไรที่หล่อหลอมให้ท่านมาสนใจเรื่องวิชาอาคมก็จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักตัวละครและอยากลุ้นกับภารกิจต่างๆมากขึ้น แต่กลับไปเล่าเรื่องราวของเสือไบเป็นตุเป็นตะจนเรารู้จักเรื่องราวของมหาโจรมากกว่าตัวพระเอกเองเสียอีก ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลในระหว่างทางแต่อย่างน้อย ขุนพันธ์ ๒ ก็ยังมีมนตร์มากพอจะทำให้คนดูสนุกไปกัยหนังได้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที หนังก็สามารถเอนเตอร์เทนเราด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ คาแรกเตอร์เท่ๆของเสือไบของ เป้ อารักษ์ และหน้าสวยๆของ ก้อย รัชวินทร์และ แม็กกี้ อาภา แค่นี้ก็เพลินจนลืมเวลาแล้วครับ ดูหนังฟรี

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

วันนี้เจอกันอีกแล้วค่ะ ไม่รู้จะทำอะไรดูหนังไทยกันดีกว่า หลังจากที่ดูหนังฝรั่งมาหลายวันแล้ว วันนี้คิดยังไงไม่รู้เลยไป ค้นหาหนังขุนพันธ์ 2 มาดูซึ่งเรื่องนี้จำได้ว่าเคยดูมานานมากแล้ว ต้องดอีกรอบเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำกันอีกรอบ จะได้มาสปอยล์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพราะดูนานมากแล้ว ก็รู้สึกจะหลง ๆ ลืม ๆไปบ้างแล้ว พร้อมแล้วเราไปอ่านสปอยล์หนังขุนพันธ์ 2 กันดีกว่าค่ะ

ในเรื่องจะกล่าวถึงขุนพันธ์ซึ่งถูกพักราชการ เนื่องจากได้ทำการจับกุมเกินกว่าเหตุ และทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ขุนพันธ์ต้องปราบขุนโจรชุดดำ นั้นก็คือเสือฝ้ายและเสือใบผู้มีวิชาอาคมที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน ในขณะที่ขุนพันธ์ถูกพักราชการอยู่นั้นขุนพันธ์ ใช้วิธีเข้าพวกชุมโจรผ่านแม่สื่อที่โรงเหล้า ผู้รู้ทุกเรื่องในสุพรรณบุรี

เสือฝ้าย เสือใบ และเสือบุตรต้องดื่มน้ำร่วมสาบานว่า ทั้งสามคนจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป ถ้าใครผิดคำสาบานให้มีอันเป็นไป ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด แต่แล้วมาวันนึงเสือฝ้ายได้ถูกล้อมยิงจนบาดเจ็บ ต้องใช้วิชาอาคมคลายกระสุนออกจากร่างกาย เมื่อหายดีจึงรู้ว่าเพื่อนเป็นคนสั่งมาเก็บ เสือฝ้ายต้องไปตามเก็บเพื่อนเขาทิ้ง ขุนพันธ์ 2 เต็มเรื่อง ตอน จบ

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

ในขณะที่ขุนพันธ์พักราชการได้มีคนมาเป็นสารวัตรคนใหม่ เพื่อมาประจำการแทนขุนพันธ์ แต่ก็ต้องโดนยิงและโดนไฟเผา แต่เขาไม่ตายเพราะเขาได้เรียนรู้วิชาอาคม เพื่อที่จะปราบเสือฝ้าย แต่ก็มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อนายใหญ่ของทางการได้สั่งเก็บชุมโจรชุดดำ เสือฝ้ายที่คิดจะมาเป็นใหญ่ จึงได้หักหลังชุมโจร ทำให้เสือใบกับเสือบุตรนั้นต้องร่วมมือกัน

ในขณะที่เสือฝ้ายกำลังขับรถอยู่ได้ถูกซุ้มยิ่ง และใช้ค้อนทุบที่หัวจนตาย เสือบุตรได้เผยตัวเองว่าเป็นขุนพันธ์ จนทำให้เสือใบได้รู้ความจริง ขุนพันธ์ได้บอกกับเสือใบให้มอบตัว แต่เสือใบได้ตอบกลับไปว่า เรื่องมอบตัวไม่น่าเป็นไปได้ ต่อมาทั้งสองคนก็ได้ถูกตำรวจไล่ตามมาเอาของกลางที่ผิดกฎหมาย ในการต่อสู้ครั้งนี้ต้องใช้วิชาอาคมสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงยังไง และจะเป็นการสู้กันครั้งสุดท้ายหรือไม่ ต้องไปติดตามทาง Netflix หรือทางกล่องทรูไอดีทีวีนะคะ
จากกระแสที่ได้รับการตอบรับจากภาคแรกเป็นอย่างดี จึงได้ดีภาคสองตามมา เปิดภาคสองมาก็ยิงกระหน่ำ กันตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ยังคงคุณภาพต่อจากภาคแรกได้ดี และมีการปรับปรุงพัฒนาหลายอย่างให้ดีกว่าเดิม สนุก ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟค ภาพ เสียง การแสดงและยังคงความมันแอคชั่นไว้ได้ยอดเยี่ยม ตอนจบยังขัดใจคนดูอยู่ ยังจบไม่ค่อยสมบูรณ์ คิดว่าน่าจะมีภาค 3 ต่อหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ชอบมากค่ะ ถึงจะเดาได้บ้างแต่ก็หักมุมเล็กน้อย แล้วก็ได้แง่คฺิดดีค่ะ หนังไม่น่าเบื่อดูแล้วไม่ง่วง ส่วนตัวก็ดูสนุกดีค่ะ ดีกว่าภาคแรกเยอะ หวังว่าภาคต่อไป จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขุนพันธ์ตายไปแล้ว

 

พล็อตเรื่อง ขุนพันธ์ 2

พล็อตเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยซับซ้อน สามารถเดาตอนจบได้ แม้ว่าเราจะพอเดาตอนจบได้ แต่เรากลับเดาตัวละครไม่ได้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิต ซึ่งนั่นทำให้เราอยากรู้ว่า ทำไมตัวละครนี้ทำแบบนี้ไปเพื้ออะไรทำเพื่ออะไร
จุดที่ยังคงผิดพลาดอย่างน่าเสียดายเช่นเดิมคงหนีไม่พ้นว่า ผ่านมาภาค 2 แล้วเราก็ยังไม่ได้รู้จัก ขุนพันธ์ ดีขึ้นกว่าเดิมนัก เพราะแม้ว่าประวัติของท่านจะแพร่หลายแต่ในเชิงสื่อภาพยนตร์เราก็อยากรู้จักตัวละครนี้มากกว่าแค่สถานะ ตำรวจผู้แก่กล้าอาคม โดยมียังมีจุดที่หนังละเลยที่จะสำรวจทั้งทัศนคติของตนต่อกฎหมายในมือมาเฟีย หรือแม้กระทั่งว่าอะไรที่หล่อหลอมให้ท่านมาสนใจเรื่องวิชาอาคมก็จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักตัวละครและอยากลุ้นกับภารกิจต่างๆมากขึ้น แต่กลับไปเล่าเรื่องราวของเสือไบเป็นตุเป็นตะจนเรารู้จักเรื่องราวของมหาโจรมากกว่าตัวพระเอกเองเสียอีก

 

 

แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลในระหว่างทางแต่อย่างน้อย ขุนพันธ์ ๒ ก็ยังมีมนตร์มากพอจะทำให้คนดูสนุกไปกับหนังได้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที หนังก็สามารถเอนเตอร์เทนเราด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ คาแรคเตอร์เท่ๆของเสือไบของ เป้ อารักษ์ และหน้าสวยๆของ ก้อย รัชวินทร์และ แม็กกี้ อาภา แค่นี้ก็เพลินจนลืมเวลาแล้วครับ หนัง ขุนพันธ์ 2 เต็มเรื่อง movie2free

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

ด้วยความที่ภาคแรกสร้างความเซอร์ไพรส์ในเรื่องของการหยิบเอาตัวละครขุนพันธ์ บุคคลที่มีอยู่จริงมานำเสนอในรูปแบบหนังไทยตัวละครเท่ๆ ลุยแอ็กชั่นดุเดือดได้อย่างอึกทึกถึงใจเกินคาด นั่นจึงทำให้เราค่อนข้างคาดหวังกับภาคสองพอสมควร เพราะการที่หนังไทยสร้างคาแร็กเตอร์ตัวละครให้คนดูอยากเห็นภาคต่อตามมาได้ แสดงว่าคาแร็กเตอร์นั้นต้องแมสและได้ใจคนดูได้มากยังไงล่ะ แน่นอนว่าขุนพันธ์ก็เป็นหนึ่งในคาแร็กเตอร์ที่น่าจดจำ
การมีภาคสอง ที่ใช้ชื่อตอนในหนังว่า ‘ปราบเสือสุพรรณ’ ออกมา จึงถือเป็นโจทย์ที่หิน จะทำให้คนดูฟินเหมือนเดิมมั้ยนั้น คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่า ไม่เหมือนเดิมแฮะ แน่นอนว่าพอภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคนี้จึงเพิ่มสเกลของเรื่องให้ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการใส่ตัวละครเข้ามาอีกเพียบ เอาดีๆ เหมือนจะเฉียบ แต่พอตัวละครเยอะ ปมบางอย่างเลยออกมาเลอะเทอะไปหน่อย จนบางประเด็นก็เหมือนเล่นใหญ่ตอนแรกๆ พอบทจะหาข้อสรุป ก็กลับเล่นท่าง่ายๆ ซะงั้น
แต่นั่นไม่ใช่จุดด้อยที่ทำให้หนังดร็อปนะ เอาตรงๆ คือหนังไม่เวิร์กเท่าภาคแรก แต่แปลกที่เรายังสนุกไปกับมันได้ทั้งเรื่อง ด้วยความที่หนังยังมาเบอร์แอ็กชั่นไทยๆ ในสไตล์หนังเควนติน ทาแรนติโน่ ผสมงานแฟนตาซีที่พาขุนพันธ์ไปสู่การเป็นเอ็กซ์เมนอย่างเต็มตัวนี่แหละ สามารถทำให้เราบันเทิงไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังได้ พูดง่ายๆ คือชวนติดตามดี อาจจะมีการตัดต่อที่ขาดความสมูธไปบ้าง โดยภาคนี้ท่านขุนต้องแฝงตัวไปอยู่กับโจรหล่อ
ยิงกันกระหน่ำ เลือดฉ่ำจอเลยจ้าในส่วนของตัวอนันดากับบทขุนพันธ์ ก็ยังคงเป็นอนันดาในแบบที่เราคุ้นชินกันดี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ขนาดมีฉากเปลือยเห็นก้นยังไม่รู้สึกว้าวอะไร ที่โดดเด่นเลยในภาคนี้จริงๆ ต้องยกให้บทเสือใบของเป้ อารักษ์ คือเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก กวนดี เท่ด้วย แม้จะสมทบ แต่ก็ขโมยซีนได้ตลอด ถือว่าเขียนคาแร็กเตอร์นี้ได้ดูสมเหตุสมผลมากที่สุดแล้วในหนัง (สามารถขยายจักรวาลของหนังขุนพันธ์ด้วยตัวละครนี้ต่อได้เลย) ขณะที่บทเสือฝ้ายของผู้พันเบิร์ด ก็ไม่ค่อยพลิกเท่าไหร่ เพราะมาดดูมีอำนาจอยู่แล้ว ขุนพันธ์ 2 037

 

 

ส่วนสตรีสองนางที่เสริมเข้ามาในเรื่องอย่างบุษรา (ก้อย รัชวิน) และทับทิม (แม็กกี้ อาภา) ที่มาแนวนางโลมตัวแม่และตัวลูก ก็ถือเป็นไม้ประดับที่ยังไม่จับใจเท่าไรนัก น่าจะมีลูกเล่นให้โชว์มากกว่านี้ และสุดท้ายเลยตัวร้ายหลักๆ ของเรื่อง นายตำรวจอัศวิน คือพี่จะมาแนวตัวร้ายแบบหนังแอ็กชั่นฮีโร่ค่าย Marvel หรือ DC จริงๆ เหรอ แอบขาดความสมเหตุสมผลสุด แต่ก็สร้างสีสันแบบจิตๆ ดีนะเออ (นี่ตอนใส่ชุดเอี๊ยม นึกว่ามนุษย์เพนกวิน แงๆ) ใครอยากเสพหนังไทยแอ็กชั่นโหดๆ เส้นเรื่องตำรวจปราบโจรที่เล่าเรื่องชวนติดตาม ต้องลองไปตำ!

 

สรุป ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2 วีรบุรุษนักรบของกรมตำรวจ บุรุษร่างเล็กนัยต์ตาคมดุดุจตาเสือ หนวดเขี้ยว คิ้วหนา ประหนึ่งนักรบกล้าแห่งบางระจัน อดีตนักเรียนนายร้อยสามพราน รุ่น พ.ศ. 2472 ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า (ยอดวิชาคงกระพัน / นะจังงัง / มหาอุด ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธ) เพราะเป็นศิษย์ฆราวาสแห่งสำนักเขาอ้อ นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญเพลงมวยไทย เพลงดาบสายทักษิณ กระบี่กระบองและวิชาการต่อสู้อีกหลายแขนง และชำนาญในวิชาแพทย์แผนโบราณ ว่านและสมุนไพรต่างๆ
วีรกรรมที่เด่นชัดที่สุดคือกการปราบโจรร้ายต่างๆทั้ง เสือฝ้าย เสือดำ เสือมเหศวร (โดย เสือมเหศวรนี่ เป็นตัวละครพระเอกหนัง “ฟ้าทะลายโจร” แต่ตัวจริงถูกวิสามัญโดยขุนพันธ์) และการปราบ “อะแวสะดอ ตาเละ” เจ้าพ่อเขาบูโด นอกจากนี้ขุนพันธ์ฯยังได้รับพระราชทานรางวัลจากเจ้าเมืองรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ส่งมีดพกเล่มหนึ่ง มาให้ ดูหนัง ขุนพันธ์ 2 เต็ม