Author Archives: QM

ขุนพันธ์ 3 ภาพยนตร์ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่พันธ์ุไทย

ขุนพันธ์ 3 ภาพปก

ขุนพันธ์ 3 ความมันส์สะใจแอคชั่นจัดเต็มพล็อตเรื่องเข้มข้น

ขุนพันธ์ 3 คือภาพยนตร์ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่สายพันธ์ไทยของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจัดเต็มหนังแอ็คชันฟอร์มยักษ์รับต้นปี และตอบแทนแฟนหนังขุนพันธ์ที่ติดตามกันมา 10 ปี ถือเป็นทีเด็ดหนังไทยย้อนยุค ประจำปีนี้เลยทีเดียว

ซึ่งเนื้อหาในภาคที่ 3 เกี่ยวกับการผลกระทบจากสงครามที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2493 ที่ส่งผลให้บ้านเมืองได้รับความเสียหาย ในขณะที่ชุมโจรเสือร้ายกำลังรุกล้ามไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจสุดเก่งที่มุ่งมั่นในความยุติธรรมถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจจับกุมเสือร้าย 2 คนที่หลบหนีอยู่และเป็นผู้ก่อกวนอำนาจรัฐ

การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่ เรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร เชิญติดตามได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในจักรวาลของสาวกซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์ไทย ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และการแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีของสังคม ตัวละครเอกเป็นคนที่ชำนาญในการศึกษาและมีกล้ามจัดด้านอาคม

ภาคหนังนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการต่อสู้ เจ้าขุนมูลนายแสดงถึงความตั้งใจในการรวบรวมอำนาจและมีความกรุณากับตนเองเป็นสำคัญ ตลอดเนื้อเรื่องเราเห็นการรักษาชีวิตของผู้คนต่างๆ ที่ต้องทำการที่อาจแย่งกินของคนอื่นโดยไม่สนใจความถูกต้อง

ดังนั้นนี่คือเรื่องราวในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์ไทย ที่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นหนังไตรภาค และภาคนี้คือ ‘ขุนพันธ์ 3’ ภาคสุดท้ายซึ่งจะสรุปเรื่องราวไว้

ท่านสามารถดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ความคมชัดระดับ 4k ได้ทาง doonungvip.com

นี่คือภาคที่สามของภาพยนตร์จักรวาล ขุนพันธ์ ผลงานจากก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ผู้คนพูดถึงเกี่ยวกับเขาและผลงานเรื่อยๆ

อีกทั้งยังมีผลงานภาพยนตร์อื่นๆ ที่เขาได้ทำ เช่น “ลองของ” ในปี 24548, “ไชยา”, “เฉือน”, “อันธพาล”, “Take Me Home : สุขสันต์วันกลับบ้าน” และ “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” โดยภาค “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” เป็นภาคต่อของภาคแรกที่ชื่อว่า “ขุนพันธ์” 

แม้ว่าภาคต่อจะเข้าฉายก่อนแต่ภาคแรก นอกจากนี้ยังมีผลงานเขียนบทภาพยนตร์และละครอีกจำนวนมาก และผลงานในการแสดงอีกด้วย เขาได้รับความชื่นชมและยอมรับจากผู้ชมตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย และเขากลายเป็นผู้กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ไทยภาคต่างๆในวันนี้

ขุนพันธ์ 3 นักแสดงนำ

ขุนพันธ์ 3 เรื่องย่อ

ขุนพันธ์ 3 เรื่องย่อ เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนปีทศวรรษ พ.ศ. เหตุการณ์ในปี 2493 ทำให้เมืองยังคงประสบปัญหาจากภัยสงคราม ทำให้ขาดแคลนข้าวและราคาขึ้นสูง สิ่งที่สร้างความตกใจยิ่งขึ้นคือสัตว์ป่าที่อันตรายเช่นเดิมยังคงอยู่

ในส่วนของข้าราชการก็ยังมีการทุจริตต่าง ๆ อยู่ นายตำรวจขวัญพันธ์ (ประสิทธิ์ ชนะเวทย์ จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘อินทรีแดง’, ‘ชัมบาลา’ และ ‘ชั่วฟ้าดินสลาย’) ที่คิดจะลองหาผ่องปลอดภัยกับครูนุ่น (พลอย ชิดจันทร์ จากหนังเรื่อง ‘รับน้องสยองขวัญ’ และ ‘สวยลากไส้’) ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสองตัวสัตว์ป่าอันตรายอีกครั้ง คือสัตว์ป่ามเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘พี่มากพระโขนง’ และ ‘ขุนแผน ฟ้าฟื้น’) และสัตว์ป่าดำ (โตโน่ ภาคิน จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘ส้ม ปลา น้อย’ และ ‘Love Syndrome รักโง่ ๆ’)

ขุนพันธ์ 3 อนันดา

สิ่งนี้ทำให้เขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ร้ายที่แก่งใหญ่ที่มีลำน้ำที่มีจระเข้ยักษ์อาศัยอยู่ ทว่า การกลับมาของเขาก็คล้ายจะไม่เหมือนในครั้งก่อน เมื่ออาคมขลังในตัวเริ่มสั่นคลอน การต่อกรกับเหล่าร้ายจึงต้องสู้กับเวลา และอาจเป็นไปได้ว่า มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์อาจต้องกลายเป็นผู้ถูกล่าเสียเอง

ขุนพันธ์ 3 หนังซูเปอร์ฮีโร่ไทยที่บอกเล่าเรื่องราวความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ในส่วนของพล็อตเรื่องก็ถือว่าเดินเรื่องได้อย่างกระชับเช่นกัน เริ่มด้วยการอธิบายจุดเริ่มต้นของเรื่อง ปมของเรื่อง และจุดคลี่คลายของเรื่อง บทถือว่าเข้มข้นสมจริง

ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงท้ายเรื่องจะมีความแฟนตาซีอยู่มาก ส่วนการแสดงต้องคำนึงถึงนักแสดงระดับซุปตาร์หลายคน เช่น อนันดา มาริโอ้ โตโน่ ต่างก็เข้าถึงคาแรกเตอร์ของตน ให้คนดูเชื่อจริงๆว่าชุดตัวละครและฉากหนังย้อนยุคมาก เพราะเป็นหนังย้อนยุค. มันเหมือนจริงมาก

ขุนพันธ์ 3 ฉากแอ็คชั่น

ส่วนตัวผู้เขียนหนังเรื่องนี้คือนักแสดงที่แสดงเป็นตัวละครที่ดีจริงๆ ฉากบู๊ของทั้งคู่สนุกที่สุด ดราม่าที่สุด และถ่ายทอดอารมณ์ได้สุดยอดจริงๆ เราชอบเสื้อผ้าแนววินเทจ ที่ทั้งเท่และเฟี้ยวสุดๆ ทั้งเป็นหนังที่สนุกสนานมีเนื้อเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังฮีโร่ไทย มีทั้งการใช้เวทมนตร์ การต่อสู้ และการใช้อาวุธก็เป็นแบบไทยๆ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอคชั่น รักหนังฮีโร่ไทย รักเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ รถยนต์ และสถานที่ ต้องดูหนังเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ

ตัวละคร ขุนพันธ์ 3 ใหม่ที่ปรากฏในภาคนี้น่าสนใจ

ในภาคก่อนหน้านี้มีเสือใหม่เข้ามาเป็นสมาชิก และภาคนี้ก็เช่นกัน มีสมาชิกอย่างเสือมเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ) ซึ่งเป็นจอมโจรร้ายหน้าใหม่ที่เข้าร่วมกลุ่มโจรเชิ้ตขาว มีความฉลาดและความว่องไว

แม้ว่าเขาจะไม่เหลือเหล่ากับเสือคนอื่น แต่ก็มีคาถาที่เป็นอุปสรรคทำให้หลีกเลี่ยงความตายได้ เสือมเหศวรยอมที่จะเป็นคนนอกกฎหมายเพราะเกลียดชังความเหลื่อมล้ำในสังคม

ในเวลาเดียวกันก็มีคุณธรรมในส่วนใจที่ไม่น้อยกว่าขุนพันธ์ เขามีเพื่อนสาวที่สวยงามชื่อสาวิตรี (ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา) เธอเป็นหมอสาวที่คิดแบบคนรุ่นใหม่ และช่วยเหลือในการรักษาคนไข้ในศูนย์รักษาคนไข้ลับของเสือมเหศวร

ขุนพันธ์ 3 มาริโอ้

ส่วนเสือดำ (โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) คือตัวละครที่มีความคิดเด็ดเดี่ยวและดุเดือดอยู่ในใจ มีอารมณ์ที่เห็นใจลึกและกวนใจ

อีกทั้งยังมีความเกลียดชังต่อตำรวจอยู่ภายใน เขาเป็นคนที่มีความคิดตรงข้ามกับปกติ เรียกว่าเป็นคนที่โต้แย้งกับความคิดที่ไอ้แหวกไอ้เหวกเสมอ นอกจากนี้ นี่คือจุดที่พลทหารระดับสูงกว่า มีภูมิภัทร ถาวรศิริ เขาก็คือตัวละครที่ไม่เชื่อในดนตรีเสียงร้อง

ถึงแม้ว่าเขารู้จักดนตรี แต่ก็ยังชวนปวดร้าวอยู่หน่อยๆ ว่าเขาคือคนที่แปลกแยก พร้อมทั้งยังมีสิ่งของต่างๆ หรืออาจะเป็นคนที่จำนวนสติปัญญามากขนาดนั้น

งานโปรดักชั่น ขุนพันธ์ 3 เห็นได้ชัดว่าทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก

หนังภาคนี้มีชื่อภาคเป็นของตนเองและชื่อเต็มว่า ‘ขุนพันธ์ 3: วันพิพากษา’ หรือ ‘Khun Pan 3: Judgement Day’ ซึ่งในหนังมีเรื่องราวที่เดินหน้าไปตลอดโดยไม่หยุดยั้ง บางฉากของหนังนั้นมืดเกินไปหรือไม่ชัดเจน บางช็อตที่ดูตลกอาจไม่สมบูรณ์ แต่โดยรวมแล้วหนังนี้ยังเป็นความบันเทิงที่ดีโดยรวม มีการเล่นใหญ่ พร้อมกับดนตรีประกอบที่ชวนให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับเรื่องราว

ขุนพันธ์ 3 ประกาศจับ

หนังนี้ยาวถึง 156 นาทีและตั้งคำถามเกี่ยวกับความถูกผิด ทำให้เรื่องมีความหนักแน่น พาร์ทแฟนตาซีก็มีความสำเร็จเช่นกันด้วยตัวละครที่อ้างอิงจากหนังเรื่องก่อนๆ บางฉากยังทำให้นึกถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่ รวมถึงเซอร์ไพรซ์ที่ทำให้คนทั้งโรงปรบมือร้องยินดี หนังนี้ถือเป็นหนังที่บันเทิงสุดอยู่

รีวิวหนัง ขุนพันธ์ 3 บทสรุปภาพยนตร์

ในขณะที่หนังวางมาอย่างสนุกสนาน ทุ่มทุนสร้าง ระเบิดตูมตาม พร้อมเซอร์ไพร์สที่ต้องปรบมือให้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแก่นแท้ของจักรวาลหนังซูเปอร์ฮีโร่ไทย จะเขียนเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชาวบ้านถูกทอดทิ้งจากรัฐ หากท้องถิ่น ผู้แข็งแกร่งเลือกใช้กำลังบีบบังคับคนจนไม่มีทางเลือกตั้งแก๊งโจรชำแหละคนจน ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเพราะพึ่งรัฐไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใจไม่อยากเป็นโจร

ขุนพันธ์ 3 ฉากตัดผม

แต่เมื่อมีคนถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของสิ่งที่เขาทำ เขาก็ต้องค้นหาด้วยตัวเอง

ขุนพันธ์ยังเป็นผู้ชายธรรมดาที่บางครั้งก็ล้มเหลว ไม่ใช่ฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ

ถึงกับงงกับฉากจบที่แทรกระหว่างเอนด์เครดิตเหมือนขุนพันธ์เป็นหนังไตรภาค แต่โบนัสที่เพิ่มเข้ามาทำให้เราคิดว่าเขาต้องการภาคต่อ

ความรู้สึกหลังดูจบ

ส่วนตัวผู้เขียนเมื่อดูจบและอาจทำให้ต้องตะโกนออกมาว่า โครตตตตตมันส์ พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ และนักแสดงทั้งหมดที่มีการโปรโมททางโฆษณาก็ไม่เกินจริงเลย

หนังนี้ออกแบบมาเพื่อที่จะทำให้ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นภาคที่มีฉากแอ็คชันอย่างเต็มที่โดยไม่ให้เหล่าแฟนหนังได้พักผ่อน ฉากแอ็คชันในหนังดูเหมือนว่าผู้กำกับเอาเทคนิคที่ยังไม่ได้แสดงในภาคที่แล้วมาใช้ในภาคนี้ทั้งหมดเพื่อให้ได้เห็นฟัลเม่และนักแสดงที่มีการทำงานที่ดีในหนังแอ็คชันที่ดูชอบได้

ในส่วนของเนื้อหาในภาคนี้ยังคงมีความเข้มข้นอยู่และมีการพัฒนาเนื้อหาที่ดุเดือดกว่าสองภาคแรกอีกด้วย

ตอนนี้ขุนที่โดนโจมตีทางด้านการวิสามัญได้ถูกถามถึงว่าทำเกินกว่าเหตุในการจับกุมผู้ร้ายหรือไม่ ซึ่งทำให้เขาต้องออกจากราชการและกลับไปใช้ชีวิตกับภรรยาของเขาชื่อ ครูนุ่น ซึ่งกำลังท้องใกล้คลอด ก่อนที่เขาจะถูกเรียกกลับมาทำภารกิจสุดท้ายในการล่าสองเสือที่เหลืออยู่ นั่นคือเสือดำและเสือมเหศวร ในขณะเดียวกัน สภาพอาคมและความคงกระพันของขุนก็เริ่มเสื่อมลง

ภาคนี้เราได้เห็นว่าความเป็นมนุษย์ของขุนมีอยู่มากที่สุด โดยเขามีความต้องการจะรอดชีวิตและกลับไปหาเมียและลูกของเขา เราได้เห็นมุมการเกิดความกลัวของขุนที่เราไม่เคยเห็นในภาคก่อน บางครั้งเขาอาจเก่งและกายกรรมมาก แต่เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์เหมือนเรา

ขุนพันธ์ 3 นักแสดงนำ มาริโอ้

สรุปสั้นๆ: ในภาคนี้, มาริโอ้และโตโน่ได้รับบทบาทของสองเสือ: เสือมเหศวรและเสือดำ ทั้งคู่ผ่านการสอบผ่านอย่างไร้ข้อกังขา บทบาทเสือมเหศวรที่มาริโอ้แสดงเป็นการแตกต่างจากผลงานอื่นๆ ของเขาซึ่งมักจะเป็นคอมเมดี้ ในบทบาทนี้เขาแสดงความเท่ในมาดของเสือมเหศวรอย่างมาก เหมือนจะลบภาพน่ารักของมาริโอ้แต่เป็นการโชว์ความเข้มข้นไปในสไตล์สุภาพบุรุษจอมโจร

แม้ว่าคำพูดทั้งหมดในบทความนี้จะถูกเสวนาในทิศทางที่ดี แต่หนังยังคงมีข้อบกพร่องที่มากเกินไปในบางส่วน แต่เนื่องจากระยะเวลาของหนังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บางส่วนอาจมีจังหวะที่ทำให้ดูอืดอาดเนื่องจากการเล่นให้ปล่อยของพลังในฉากแอ็คชันต่อเนื่อง และเมื่อถึงจุดที่ต้องเล่าเนื้อเรื่องต่อไป

มันอาจจะเหนื่อยขึ้นเพราะต้องรอคอยโอกาสในการดึงอารมณ์ความโกรธที่มีอยู่ออกมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง.

ผลสรุปที่สุดถ้าพูดถึง “ขุนพันธ์ 3” คือว่าเป็นหนังไทยที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์มาก เพราะมีความสนุกเท่ากับหนังฮอลลีวู้ด อาจไม่เป็นหนังที่ดีอย่างยอดเยี่ยม

แต่ทีมงานนักแสดงและผู้สร้างไม่ดูถูกคนดูและแสดงความตั้งใจในการส่งท้ายแฟรนไชส์นี้ ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นงานแบบนี้ออกมาให้ชมอีกหรือไม่ อยากให้ลองเปิดใจเพื่อให้รู้ว่าวงการหนังไทยถ้าตั้งใจทำก็ไม่แพ้ใครเลย

อ่านรีวิวเรื่องนี้จบแล้ว เราอยากให้ทุกท่านตามไปอ่านรีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยตลกแสนสนุกสนานอีกเรื่อง รับรองคุณจะไม่ผิดหวัง

บ้านเช่า บูชายัญ บ้านเช่าสยองขวัญ คนเช่าบ้านต้องรีบดู

บ้านเช่า บูชายัญ ภาพปก

รีวิว บ้านเช่า บูชายัญ

บ้านเช่า บูชายัญ กับกระแสการกลับมาของหนังไทยมาใหม่ แนวสยองขวัญในไตรมาตรแรกของปี 2566 กับเรื่องราวอันลึกลับของการเปิดบ้านให้เป็นบ้านเช่าของคู่สามี-ภรรยา ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวของนักแสดงคุณภาพระดับซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์และมิว นิษฐา

การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ และการนำสไตล์ของหนังสืบสวนสอบสวนมาใช้ในการเล่าเรื่อง ทำให้เนื้อหามีความซับซ้อน และน่าติดตามเป็นอย่างมาก การันตีคุณภาพจากการเป็นภาพยนตร์ไทยที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดในปี 2566 หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของการเข้าฉาย

เรียกได้ว่าถือเป็น 1 ในภาพยนตร์ไทยที่คุณไม่ควรพลาดในปี 2566 กันเลยทีเดียว ท่านผู้อ่านสามารถติดตามดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ได้อย่างจุใจได้ที่ doonungvip.com กดได้ที่ลิงก์เลยค่ะ

บ้านเช่า บูชายัญ ฉากกินข้าว

ข้อมูลทั่วไป บ้านเช่า บูชายัญ

“บ้านเช่า บูชายัญ” (อังกฤษ: Home for Rent) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญและอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง ภาพยนตร์นี้ผลิตโดย บริษัท จอกว้าง ฟิล์ม และ เอ็นเอท สตูดิโอ

และจัดจำหน่ายโดย บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า โดยการกำกับของ โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ และนำแสดงโดย นิษฐา คูหาเปรมกิจ, ศุกลวัฒน์ คณารศ, และ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล เข้าฉายครั้งแรกในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2566

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เกี่ยวกับคู่สามี-ภรรยาที่ตัดสินใจเปิดบ้านให้คนเช่า แต่อยู่ๆสิ่งที่ผิดปกติก็ได้เกิดขึ้นเมื่อผู้เป็นภรรยาค้นพบว่าผู้เช่าของพวกเขามีความลึกลับและกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่

ในขณะเดียวกันสามีของเธอก็เริ่มแสดงท่าทีที่แปลกไปจากเดิม ภาพยนตร์นี้นำเสนอความสยองขวัญที่สะท้อนความไม่แน่นอนและอารมณ์ที่ผิดปกติของตัวละคร และยังเล่าเรื่องราวในมุมมองของคู่สามี-ภรรยาที่ผู้ชมอาจพบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไปจากเดิม ทั้งหมดนี้มีผลทำให้เกิดความสงสัยและความลึกลับในบ้านเช่าหลังนี้

บ้านเช่า บูชายัญ เวียร์

ภาพยนตร์เปิดตัวอย่างสำเร็จในวันแรกของการเข้าฉายทางเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 โดยมีรายได้ในวันแรก 4.51 ล้านบาท รายได้รวมทั่วประเทศถึง 9.10 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลตอบรับที่ดีและเป็นภาพยนตร์ไทยที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดในปี 2566

หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของการเข้าฉาย (ฉายอย่างเป็นทางการถึง 4 วัน) ภาพยนตร์ได้ทำรายได้รวมทั้งประเทศไปถึง 16.33 ล้านบาท หรือรายได้รวมทั่วประเทศถึง 29.90 ล้านบาท ในช่วงเวลา 18 วันของการฉาย ภาพยนตร์ได้ทำรายได้รวมทั่วประเทศถึง 74.58 ล้านบาท (ณ วันที่ 23 เมษายน 2566) ในปัจจุบันภาพยนตร์มีรายได้จากพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ อยู่ที่ 41.23 ล้านบาท (ณ วันที่ 27 เมษายน 2566) 

ประเภท: สยองขวัญ / ดราม่า

ผู้กำกับ: โสภณ ศักดาพิศิษฏ์

นำแสดงโดย: นิษฐา คูหาเปรมกิจ, ศุกลวัฒน์ คณารส

ความยาว: 124 นาที

กำหนดฉายในไทย: 6 เมษายน 2023 (ในโรงภาพยนตร์)

เรื่องย่อ บ้านเช่า บูชายัญ

เนื้อเรื่องของเริ่มขึ้นเมื่อ สองสามีภรรยาชื่อหนิงและกวิน ที่เป็นพ่อแม่ลูกหนึ่ง ตัดสินใจที่จะปล่อยบ้านของตนเพื่อเปิดเป็นบ้านเช่าให้แก่ราตรี เขมารักษ์ แม้ในตอนแรกกวินจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ แต่กลับเปลี่ยนใจยินยอมหลังจากได้พูดคุยกับราตรี

จากนั้นทั้งสามคนได้ย้ายออกจากบ้านเดิมเพื่ออยู่ในหอพัก

บ้านเช่า บูชายัญ นางเอก

เรื่องที่น่าตกใจได้เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนบ้านส่งข้อความและรูปภาพมาให้พวกเขา ที่เป็นการแสดงว่าราตรีกำลังประกอบพิธีกรรมบางอย่างโดยการนำเครื่องรางจากขนอีกาและซากศพของอีกามาประดับรอบบ้าน และทุกคืนในตีสี่ จะมีเสียงสวดพระคำประหลาดออกมา

จากนั้นหนิงได้พยายามตามหาความจริงเกี่ยวกับผู้เช่า ภาพยนตร์เพิ่มความสนุกและความลึกลับเมื่อเธอเริ่มสงสัยว่ากวินอาจจะมีส่วนหนึ่งใน “ลัทธิ” ที่แปลก ประหลาดนี้

นักแสดงและบทบาทที่ได้รับ

ศุกลวัฒน์ คณารศ รับบท กวิน

นิษฐา จิรยั่งยืน รับบท หนิง

เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท ราตรี เขมารักษ์

ธัญญภัสร์ มยุรลีลา รับบท อิง

น้ำฝน ภักดี รับบท นุช

สุพิทักษ์ ฉัตรสุริยาวงศ์ รับบท ต้อม

บ้านเช่า บูชายัญ พระเอก

ในส่วนของการแสดง หนังได้ให้โอกาสแก่นักแสดงในการมีช่องว่างให้นักแสดงได้พัฒนาและปล่อยพลังในการแสดงออกมาอย่างเต็มที่

มิว นิษฐา ถือเป็นตัวยืนเรื่องในครึ่งแรกของหนัง ที่เรียกให้เห็นพลังการแสดงที่น่าประทับใจ ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งเธอทำออกมาได้อย่างเต็มเหนี่ยว และแสดงถึงความสามารถในการแสดงของเธออย่างชัดเจน

ในครึ่งหลังของหนัง การเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อให้แสงไฟสาดสู่เวียร์ ศุกลวัฒน์ ทำให้เราเห็นพลังการแสดงที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นบทบาทที่คาดเดาได้แล้ว แต่เวียร์ ได้ทำออกมาอย่างมืออาชีพและนำเสนอได้ด้วยความน่าเชื่อถือ

น้องกัสจัง ก็เป็นซุปเปอร์เซอร์ไพรส์ในหนัง แม้เป็นนักแสดงเด็กแต่การแสดงของเธอในบทบาทนี้ทำได้ด้วยความสามารถและความเป็นมืออาชีพ และน่าประทับใจ แม้เรื่องราวอาจจะมีเพียงบทเสริมสมทบในครั้งแรก แต่เนื้อหาที่แนบเนียนทำให้เราเห็นพลังการแสดงของเธอ

การดำเนินเรื่อง บ้านเช่า บูชายัญ

เรื่องราวเริ่มต้นจากคู่สามีภรรยา กวิน (ศุกลวัฒน์ คณารศ) หนิง (นิษฐา คูหาเปรมกิจ) และ อิง ลูกสาววัย 7 ขวบ ที่ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเพื่อไปอาศัยอยู่ที่คอนโดมีเนียม และปล่อยบ้านให้คนมาเช่า จนกระทั่งมีผู้เช่าอย่าง ราตรี (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) คุณหมอวัยเกษียณ และ นุช ลูกสาว คู่แม่ลูกที่ดูแปลกประหลาดมาขอเช่าบ้านหลังนี้ นับแต่นั้นก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น

เมื่อหนิงเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของผู้เช่า ทั้งการแขวนเครื่องรางที่ทำจากขนนกอีกา แขวนซากอีกาไว้รอบบ้าน และทุก ๆ 04.00 น. ชาวบ้านรอบข้างก็มักได้ยินเสียงสวดประหลาด ๆ สร้างความหวาดกลัวให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง

จนกระทั่งกวินเองก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกไป และมีรอยสักสัญลักษณ์สามเหลี่ยมที่ดูไม่น่าไว้วางใจ และอิง ลูกสาวตัวน้อยที่เข้าไปพัวพันกับอันตรายบางอย่างที่มองไม่เห็น

ฉากผี

เรื่องราวนี้กลายเป็นการผสมผสานระหว่างความลึกลับและความสยองขวัญในบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและความสนุกในการตามหาความจริงของตัวละครในเรื่อง

ผู้ชมจะได้รับความสนุกสนานจากการตามล่าหาความจริงของเรื่องราวลึกลับและเปิดเผยสิ่งที่แฝงอยู่ในบ้านหลังนั้น ความน่าติดตามของเรื่องราวเกิดขึ้นจากการมองเห็นผ่านมุมมองของหลาย ๆ ตัวละคร ที่ทำให้ผู้ชมได้เข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อพวกเขาและบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่

ในการเล่าเรื่อง ผู้กำกับได้ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อเรียบเรียงเรื่องให้มีความน่าสนใจและเข้าใจได้ง่ายตามลำดับของตัวละครและเนื้อหา

  1. การค่อยเผยปม การเล่าเนื้อหาที่เริ่มจากการรู้น้อยที่สุด และรู้มากขึ้นเรื่อยๆ จากตัวละครหนิงและค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเส้นเรื่องที่รู้มากขึ้น ผ่านกวินและคุณหมอราตรี เป็นวิธีที่ช่วยสร้างความตึงเครียดให้กับผู้ชม และทำให้ผู้ชม ต้องติดตามเรื่องราวในหนังอย่างใจจดจ่อเพื่อค้นหาคำตอบ
  2. เนื้อหาแบบสามเหลี่ยม การเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่างตัวละครหลายคน ที่ครอบคลุมความลึกลับและความน่ากลัว ช่วยเชื่อมโยงเรื่องราวให้มีความสัมพันธ์และมีความเชื่อถือได้มากขึ้น
  3. การใช้ตัวละครเป็นเครื่องมือ การใช้ตัวละครต่างๆ เป็นช่องทางในการเปิดเผยเรื่องราว โดยเริ่มจากหนิงที่รู้น้อยที่สุด ผ่านกวินที่เป็นคนรู้มากขึ้น และสุดท้ายถึงคุณหมอราตรีที่มีความรู้และความลึกลับมากที่สุด
  4. การใช้ Flashback การนำผู้ชมย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ในอดีตที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผย ช่วยให้ผู้ชมได้เห็นภาพรวมของเรื่องราวและความลึกลับเพิ่มเติม
  5. การเล่าที่ไม่เป็นลำดับเส้นตรง เช่น เริ่มจากเนื้อเรื่องในอดีตแล้วพุ่งไปสู่ปัจจุบัน หรือเริ่มจากจุดความสำคัญในเนื้อเรื่องแล้วกลับมาเติมรายละเอียดทีหลัง ทำให้ผู้ชมต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ผลสุดท้ายคือการเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อนและมีความสมดุลของความหลอนและความลับที่มืดมิด ที่สามารถดึงดูดผู้ชมให้ติดตามเนื้อหาไปจนจบ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิค Jump Scare หรือตัวละครผีในทางเนื้อหาเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการใช้การเล่าเรื่องอย่างลงตัวและสร้างความน่าสนใจในแบบที่แตกต่างออกไปจากหนังอื่นๆ

การผสมผสานความลึกลับและความหลอนในลัทธิแฟนตาซีที่ไม่เหมือนใคร ทำให้หนังนี้เป็นผลงานที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก

ความรู้สึกหลังดู

หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและความมืดมิดที่ไม่เหมือนใครในแง่ของเนื้อเรื่อง ถึงแม้จะมีผีและวิญญาณปรากฏตัวอยู่ในเรื่อง

แต่ความสนุกและความลึกลับมาจากบรรยากาศลี้ลับที่ถูกสร้างขึ้นอย่างดีเยี่ยม มีเสียงปริศนาที่ควบคู่ไปกับลัทธิประหลาดที่มีความแฟนตาซีรวมอยู่ด้วยกัน เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้เรื่องราวนี้น่าติดตาม หนังเรื่องนี้ได้สร้างความสมดุลของธีมแฟนตาซีและความหลอนอย่างลงตัว หากเรื่องราวเน้นทางคำสาป ความลับของลัทธิประหลาด

ถือว่าหนังทำสำเร็จอย่างมากในการแสดงอารมณ์และความตึงเครียดของผู้ชม ด้วยฉากความสยองขวัญที่ไม่คาดฝัน ทั้งหลอกล่อและเน้นความมืดมิดได้อย่างลงตัว ไม่ใช่แค่การใช้เทคนิค Jump Scare เพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าผีและวิญญาณจะเป็นตัวเรื่องหลัก แต่บรรยากาศและลัทธิประหลาดที่ปรากฏอยู่ร่วมด้วยก็เป็นสิ่งที่ทำให้ความลึกลับของเรื่องนี้เติมเต็มขึ้นอย่างมาก

หนังเรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ผสมผสานธีมแฟนตาซีและความหลอนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สามารถสร้างความรู้สึกตึงเครียดและคลุมเครือด้วยไปด้วยความลึกลับได้อย่างมีคุณภาพ

ป้าเจ้าของบ้าน

ภาพยนตร์เต็มไปด้วยจุดเด่นที่ทำให้หนังนี้เป็นผลงานสยองขวัญที่น่าสนใจและควรไปรับชม:

1.บทลึกลับและมีความลับที่ซ่อนอยู่: หนังนี้มีความลึกลับและความสปอยล์อารมณ์ที่ไม่ง่ายต่อการเดาได้ มีความลับที่หลบซ่อนอยู่ภายในเรื่องที่มากเกินจากตัวอย่าง จึงทำให้ผู้ชมต้องไปดูเพื่อค้นหาคำตอบเอง

2.บรรยากาศความหลอน: หนังไม่เน้นการหลอกลวงด้วยฉากผีหลอกตา แต่เน้นการสร้างบรรยากาศความหลอนอย่างมาก ทำให้ความละเอียดอ่อนและความรู้สึกอินกับหนังของผู้ชมเพิ่มมากขึ้น

3.เลือกสถานที่สำหรับการถ่ายทำอย่างชาญฉลาด: การเลือกบ้านยุคเก่าเป็นสถานที่ในการถ่ายทำช่วยสร้างบรรยากาศขรึมขลังและเป็นนัยบอกถึงระยะเวลาของเนื้อเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

4.การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและไม่ยากที่จะเข้าใจ การนำสไตล์ของหนังสืบสวนสอบสวนมาใช้ในการเล่าเรื่องทำให้เนื้อหามีความซับซ้อน แต่ก็ยังเข้าใจได้ง่าย ทำให้ผู้ชมสามารถเชื่อถือได้ว่าเรื่องราวนี้ถูกกลั่นกรองเป็นอย่างดี

5.การสะท้อนปมดราม่าและปัญหาเศรษฐกิจ: หนังเรื่องนี้สะท้อนปมดราม่าของครอบครัวและปัญหาเศรษฐกิจอย่างแยบยล มีความเชื่อมโยงเรื่องราวในโลกที่แท้จริงกับโลกภาพยนตร์อย่างน่าสนใจ

สรุปภาพรวม

สรุปภาพรวม หนังอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่สมบูรณ์แบบไปซะทีเดียว แต่ก็เป็นผลงานที่ทางเราแนะนำให้ไปรับชมกันในโรงภาพยนตร์นะคะ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มีอรรถรสของความสยองที่ก่อให้เกิดความหลอนในใจ

รวมถึงความเฉลียวฉลาดในเรื่องดราม่าและเรื่องราวของลัทธิลึกลับที่เชื่อมต่อกับมนุษย์ในระดับที่น่าสนใจ การแสดงของนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ เช่น เวียร์ ศุกลวัฒน์, มิว นิษฐา และ ต่าย เพ็ญพักตร์ ได้รับคำชมเป็นอย่างมาก

พวกเขาได้ถ่ายทอดบทบาทของตัวละครแต่ละตัวออกมาได้อย่างดีและนำเสนอออกมาได้ดีทั้งความอารมณ์และความเชื่อถือ

ฉากผี

สิ่งที่น่าประทับใจและเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงคือการแสดงของน้องกัสจัง ที่ให้ความประทับใจ ไม่เล่นใหญ่เกินไปและสามารถปรับคาแรกเตอร์ให้เข้ากับบทบาทได้ดีมากๆ เหมือนนักแสดงมืออาชีพ น่าประทับใจจริงๆ

ในภาพรวมของภาพยนตร์ เป็นหนังที่ผสมผสานความสยองขวัญและดราม่า ในสไตล์พี่จิม (ผู้กำกับ)โดยให้ความสำคัญกับความบันเทิงและความน่าสนใจ ซึ่งสามารถรวมธีมแฟนตาซีลงในนั้นได้อย่างลงตัว และวิธีการเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อนแต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่หาได้ยากในภาพยนตร์ไทย

อ่านรีวิว บ้านเช่า บูชายัญ หนังผีเรื่องเด็ดจบแล้ว เราขอแนะนำหนักรักคู่แฝดที่สร้างความประทับให้กับผู้ชมหลายคน You & Me & Me เธอกับฉันกับฉัน ผลงานการสร้างของ GDH เชิญตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ

You & Me & Me เธอกับฉันกับฉัน (2023) รีวิวหนังไทยกลิ่นยุค Y2K

You & Me & Me ภาพปก

You & Me & Me เรื่องราวรักวุ่น ๆ ของวัยรุ่น Y2K

กลับมาในวันนี้เราอยากจะมา แนะนำหนังไทยมาใหม่ ภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีกระแสดีมาก ๆ นั่นก็คือเรื่อง You & Me & Me เธอกับฉันกับฉัน (2023) ภาพยนตร์แนวโรแมนติกฟีลกู้ดในยุคมิลเลนเนียลของไทยที่เข้าฉายให้ชมกันแล้ว มีให้รับชมทาง Netflix ด้วย 

ใครที่เคยสงสัยว่า หนังฟีลกู๊ด ของสไตล์ค่าย GDH (หรือค่ายก่อนหน้านั้น) การรอคอยกำลังจะจบลง กับผลงานใหม่อย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่จะชวนคุณผู้ชมย้อนอดีตสู่ความทรงจำในวัยเด็ก และความรักครั้งแรกของวัยรุ่น

แต่ความแตกต่างของโปรเจกต์นี้ คือการใช้ตัวละครนำเป็นฝาแฝด และพาคุณผู้ชมเข้าสู่โลกของฝาแฝดที่มีรายละเอียดมากมายที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนผ่านสองผู้กำกับฝาแฝดหญิง วรรณแวว และ แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ ผู้ที่ทำงานเบื้องหลังของค่ายหนังนี้มาอย่างยาวนาน

กำกับการแสดงโดยผู้กำกับพันล้าน โต้ง บรรจง ก่อนจะได้รับโอกาสกำกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกพร้อมเครดิตการันตี

สำหรับใครที่พลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ เพื่อน ๆ ทุกคนสามารถร่วมย้อนยุคและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของปี 1999 ได้ที่ (เว็บหนัง) หรือจะลองแวะอ่านรีวิวของเราที่ด่านล่างนี้ได้เลยค่ะ

“You and Me & Me” (ยู แอนด์ มี แอนด์ มี) เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่าสัญชาติไทย อำนวยการสร้างโดย GDH จะพาผู้ชมย้อนกลับไปในปี 1999 และสัมผัสบรรยากาศของแมลงยุคสหัสวรรษ ผู้เขียนบทและผู้กำกับ: แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์, แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์

สิ่งแรกที่ชื่นชมคือการแสดงของทุกคนในเรื่องที่เรียลมาก มีเพียงเล็กน้อยที่ทำให้นักแสดงรู้สึกแข็งกระด้างหรือไม่เข้าที่สำหรับบทบาทนี้ ส่วนนักแสดงหลักอย่าง “ใบปอ-ธิติยา จิรพรศิลป์” ที่รับบทแฝดยูมิได้อย่างยอดเยี่ยม 

หลายคนเข้าใจผิดว่าเธอมีฝาแฝดจริงๆ รวมถึงอีกหนึ่งตัวละครที่ขาดไม่ได้ซึ่งต้องเป็นสแตนด์อินของยูมี

นอกจากนั้น การแสดงของนักแสดงที่เหลือในละครก็ดีมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของยูและมีมี่ ย่าของยูและมีหมาก (ครูสอนพิณ) หรือแม้แต่ลูกๆ ที่มาเรียนพิณจากครู โดยส่วนตัวชอบ ยู กับ มี้ เด็กสองคนที่เล่นพิณมาก เธอพบว่าผมหยิกน่ารักมาก

สามารถรับชม You and Me & Me เต็มเรื่อง ความชัดระดับ 4K ได้ที่ doonungvip.com

You & Me & Me ฉากวิวสวย

You & Me & Me เธอกับฉันกับฉัน เรื่องย่อ

เธอกับฉันกับฉัน เรื่องย่อ หนังเล่าถึงเรื่องราวของฝาแฝดตัวน้อย ยู และ มี ที่ใช้ทุกอย่างในชีวิตร่วมกันตั้งแต่เกิด ทุกคนคือโลกของกันและกัน จนกระทั่งวันหนึ่งมีเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันชื่อ หมาก ได้เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเขา

เขากลายเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา พวกเขาจะผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนนี้ไปได้หรือไม่? มาหาคำตอบไปด้วยกันค่ะ

นางเอก

ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือ mood and tone โดนใจวัยรุ่น ภาพสวย เรื่องราวย้อนไปในปี 1999 ปีแห่งสหัสวรรษใหม่ ปีนี้กับประเด็น Y2K ที่คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

จริงๆ แล้วเป็นประเด็นที่ผุดขึ้นมาหลายครั้งในวัฒนธรรมสมัยนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่เรื่องราวก็ดีพอๆ กับที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และมันก็เข้ากับการกลับมาของแฟชั่นเก่าแก่นับพันปี

ดังนั้นจึงมีบรรยากาศที่หวนคิดถึงฝูงชน โดยมีไข่อีสเตอร์จำนวนมากเพื่อดึงดูดผู้คนเหล่านั้นให้เข้ามา จึงเป็นหนังฟีลกู้ดในแบบซิกเนเจอร์ของจีดีเอช

และที่เด็ดไม่พูดถึงไม่ได้คือเสน่ห์และแสงดาวของดาราหน้าใหม่ “น้องใบปอ” ที่เล่นแฝด “ยูแอนด์มี” เนียนมาก นึกว่าเป็นอีกคนจริง ๆ แถมน้องก็น่ารัก (เสียดายหน้าม้าก็แค่นั้น) แววดีมีอนาคต และอนาคตนั้น ใบเฟิร์น 2 ก็ได้ (แต่ไม่เอาดีกว่าเพราะเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด)

ส่วนน้องแอนโทนี่ก็น่ารักเป็นธรรมชาติ ถ้าคนจริงๆ เข้าถึงง่ายและเป็นมิตรเหมือน “หมาก” ในเรื่อง อนาคตของหนุ่มสาวคงไม่ยากเย็นนัก

You & Me & Me ความสัมพันธ์ในครอบครัวแตกแยก

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์ที่วุ่นวายระหว่างตระกูล Yu และตระกูล Mi และครอบครัวของไหม

การที่พ่อแม่ของไหมเลิกกัน ทำให้ไหมต้องออกจากโรงเรียนจากกรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่ที่จังหวัดนครพนม ด้วยเหตุผลเดียวกัน ยูกับมี้จึงต้องไปบ้านคุณย่าที่นครพนมในช่วงปิดเทอม

ส่วนตัวชอบฉากที่ไมบอกไม่รักแล้วบอกเลิก ดีที่สุดคืออยู่กับความสัมพันธ์ เพราะในชีวิตจริงมีหลายครอบครัว พ่อแม่ก็คิดถึงลูกและหวังว่าครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกัน แม้ว่าการเลิกกันอาจจะดีกว่าทะเลาะกับลูก

You & Me & Me พระเอก

เป็นอีกฉากหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ  เพราะหลายคนที่มีพี่น้องต้องเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะลูกแฝดที่จะรู้สึกได้เวลาที่อีกฝ่ายรู้สึกแย่หรือมีเหตุการณ์อันตราย ราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

อาจเป็นเพราะผู้กำกับหนังเรื่องนี้ คุณวรรณแววและคุณแวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ เป็นฝาแฝดกันด้วย แม้ว่าสิ่งนี้อาจไม่ใช่ความสามารถพิเศษที่แท้จริง แต่เป็นความผูกพันแบบพี่น้อง แต่ชอบซีรี่ย์นี้มาก

You & Me & Me เรื่องราวความสัมพันธ์แบบพี่น้อง

นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนพบว่าเป็นจริง นี่คือความสัมพันธ์ของฝาแฝดหรือพี่น้องที่มีอายุใกล้เคียงกัน ตั้งแต่ฉันจำความได้ มีคนอีกคนเข้ามาในชีวิตฉัน อาจมีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ

แต่พอนึกถึงวันที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีเขา นึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง ข้อดีของการมีพี่น้องก็เหมือนมีเพื่อนซี้มาทั้งชีวิต ถึงจะมีจุดบกพร่องแต่ก็มีบางอย่างที่ต้องต่อสู้และต่อสู้เพื่อให้ได้มา 

เหตุการณ์ Y2K ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ทรงผม ดนตรี นิตยสาร โทรศัพท์บ้าน ทามากัส ฯลฯ รวมถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่บอกว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสาน

ในเรื่องนี้จะเน้นไปที่เหตุการณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาในปี 2000 มากกว่าเรื่องอื่นๆ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์และเลขฐานสอง แต่จะให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่ทำนายวันสิ้นโลกมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมน้อยลง

คู่แฝด

สิ่งหนึ่งที่คิดว่าไม่เหมาะกับเรื่องนี้ น่าจะเป็นฉากเลิฟซีน ที่ดูจะไม่เข้าที่ในปี 2542 เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงไทยมักถูกปลูกฝังให้รู้จักรักตนเอง และยังไม่เปิดกว้างหรือเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเหมือนในปัจจุบัน แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้

มีฉากหนึ่งยูเสนอตัวว่าอยากจูบกับหมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกเล็กน้อยกับฉากนี้ ถึงจะรู้สึกว่าฉากนี้ยังไม่เหมาะกับยุคนี้แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นหนังรัก ต้องมีบางฉากที่รวดเร็ว

You & Me & Me เป็นหนังที่อบอุ่น เรียบง่าย ฟีลกู๊ด

บางคนอาจจะบอกว่าเป็นการเห็นแก่ตัวของ “มี” ที่จะบอกว่าวันนั้นไปสอบแทน “ยู” แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของมีนะ ตัวละครในเรื่องล้วนเป็นคนธรรมดา โลภ และหลงธรรมชาติ ทั้งคู่อิจฉาฝาแฝดของพวกเขา ทั้งคู่ต่างอิจฉาที่แฝดมีแฟน และเข้าใจว่า “ยู” อยากคบกับมาร์คทั้งสองขนาดไหน หรือความรู้สึกว่าแม่รักเราน้อยกว่าลูกคนอื่น ๆ ล้วนนำเสนอสถานการณ์ทางอารมณ์ที่แตกต่างกันไป

ทั้งหมดทำให้ซีนอารมณ์ต่างๆของตัวละครในหนัง เธอกับฉันกับฉัน ค่อนข้างที่จะมีมิติ ตัวละครมีความเป็นสีเทาๆ ไม่ได้ขาวหรือดำจนแบนเกินไป

You & Me & Me ฉากเศร้า

‘เธอกับฉันกับฉัน’ คือหนังที่ค่อยๆพาผู้ชมเข้าสู่โลกของฝาแฝด ที่ทั้งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

หลายอย่างอาจจะเป็นมุมอินไซด์ที่คนทั่วไปอาจไม่ได้รู้มาก่อน ทำให้เกิดพล็อตที่ทั้งสนุกสนานและยุ่งเหยิงได้มากมาย จากการที่เธอทั้งสองหน้าเหมือนกัน แทบจะเป็นคนๆเดียวกัน และในขณะเดียวกัน มันก็ถูกเล่าผ่านโครงเรื่องในลักษณะ รักแรก ผสมกับ รักสามเส้า ทำให้นอกจากมุมดีต่อใจแล้ว

ผู้ชมสามารถคาดเดาได้เลยว่า จะได้เจอมุมบีบหัวใจอย่างแน่นอน ทำให้หนังนอกจากจะน่าติดตามในปมเรื่องแฝดแล้ว ยังน่าจะทำให้ผู้ชมอินในประเด็นรักแรก หรือรักในวัยเรียนได้อีกด้วย

You & Me & Me เธอกับฉันกับฉัน บทสรุป

แต่สุดท้ายแล้ว เธอกับฉันกับฉัน นี่คือหนังไทยเรื่องหนึ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องดูซ้ำ (หรืออาจไม่จำเป็นต้องไปดูในโรงเลยก็ได้ อย่างที่เราบอก) เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่หรือมีคุณค่าอะไรมากไปกว่าการนำความทรงจำในวัยเยาว์กลับคืนมา รักแรกของวัยรุ่น ปิดเทอม อารมณ์เสีย ฯลฯ

ในส่วนของความรักสามารถเดาใจความของเรื่องได้ตั้งแต่ 5 นาทีแรกว่าพระเอกรักใคร ความวุ่นวายที่ตามมาจะเป็นรูปแบบใด? (ไม่นับเทรลเลอร์ที่เล่าเกือบหมด) และความรักแบบเด็กๆ ก็มักจะโหยหา (เช่น เด็กงอแง จะทำมั้ย) เลยทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราไม่อยากช่วยเท่าไหร่

นักแสดงหญิงคู่แฝด

ปัญหาการหย่าร้างบางส่วนหรือการแยกครอบครัวได้รับการแก้ไขแล้ว การแยกทางน่าจะเป็นประเด็นหลักของหนัง เพราะหนังซ่อนอะไรไว้เยอะ ทั้งฉากฮาๆ แบ่งเป็นซาลาเปา แบ่งฉากกินไอศกรีมยักษ์คู่กัน เป็นต้น

จะเห็นว่าขยี้ได้ถ้าตั้งใจจะขยี้แต่หนังไม่ขยี้ ก็ไปไม่สุด เพราะหนังเน้นความรัก ของสองพี่น้องฝาแฝดสุดมหัศจรรย์ ตอน รักสามเส้า (ถึงน้องใบปอกับน้องแอนนี่จะฮาก็เถอะ)

ความรู้สึกหลังรับชม You & Me & Me

เนื่องจากผู้กำกับเป็นแฝดเอง แวว-แวววรรณ จึงถ่ายทอดเรื่องราวของแฝดหญิงได้อย่างละมุนละไมและอบอุ่น อีกทั้งงานภาพที่วิจิตรงดงามโดยใช้นักแสดงคนเดียวด้วยเทคนิคที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ยังพยายามทำให้ตัวละครของ You และ Me โดดเด่นในใจผู้ชม มีทั้งรูปลักษณ์ ปาน ทรงผม สีเสื้อผ้า แม้กระทั่งนิสัยใจคอ อย่างหลังเป็นของ น้องใบปอ ที่เล่น 2 บทบาท แม้ว่านี่จะเป็นเพียงหนังเรื่องแรกแต่ออร่าของเธอก็ชัดเจนมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไปได้ไกลในอาชีพการแสดงของเธอ

You & Me & Me ฉากจบ

สรุปแล้วหนังเรื่อง เธอกับฉันกับฉัน เป็นภาพยนตร์ที่สะเทือนอารมณ์ อบอุ่นใจ ซาบซึ้ง และดราม่า และทำให้คุณรู้สึกดีกับความสัมพันธ์ของฉันกับฝาแฝด ของยูกับมี

แม้ว่าบางคนที่ผ่านมันมาจะเดาได้ก็ตาม ถือเป็นหนังโรแมนติกฟีลกู๊ดที่ย่อยง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องมีบทวิเคราะห์หรือทฤษฎีมากมายมาให้ปวดหัว สามารถดูได้เพลินๆ

พล็อตเรื่องเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่น้องและครอบครัว แม้ว่าตัวโลเคชั่นจะเป็นต่างจังหวัดซะเยอะ และเต็มไปด้วยสิ่งที่หนังนำเสนอ เป็นหนังที่ทุกคนที่เกิดก่อนปี 1990 สามารถหวนนึกถึงยุค Y2K ได้อย่างง่ายดาย

สำหรับผู้เขียนหรือ ใครชอบหนังแนวย้อนยุคหรืออยากย้อนเวลาสัมผัสบรรยากาศยุคนั้นก็ไม่ควรที่จะพลาดรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้

ถ้าอ่านจบแล้วยังอารมณ์ค้าง เราขอแนะนำรีวิวหนังเรื่อง ทิดน้อย ผลงานเรื่องสนุกของ เท่ง เถิดเทิง เชิญไปอ่านรีวิวกันก่อนได้เลยค่ะ

เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ หนังอาร์ต Netflix ได้พี่หม่ำมาร่วมแจมด้วย

เมอเด้อเหรอ ภาพปก

รีวิวหนัง เมอเด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ หนังไทยแนวสืบสวน

เมอร์เด้อเหรอ ฉากเลิฟซีน

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นสมาชิกของแอพสตรีมมิ่งอับดับหนึ่ง Netflix ก็คงจะได้สัมผัสประสบการณ์การดูหนังไทยเรื่องใหม่ที่มีชื่อเรื่องว่า The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ   

อ่านรีวิวจบแล้วเชิญทุกท่านรับชม เมอร์เด้อเหรอ หนังไทยNETFLIX แบบเต็มเรื่องได้ที่ doonungvip.com

ซึ่งทุกๆ คน อาจจะกังวลว่ามันเป็นภาพยนตร์อาชญากรรมอย่างแท้จริงหรือไม่  และบางคนก็อาจยังไม่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ หรือยังไม่มั่นใจว่าควรดูหรือไม่ ในวันนี้เราจะมาเสนอรีวิวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้คุณฟังกันค่ะ 

The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ จาก Netflix เป็นหนังไทยที่มีความจริง และความเข้มข้นในตัวเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นผู้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์สักเท่าไหร่

ตัวเขาเองจึงตัดสินใจทำลงสตรีมมิ่ง ด้วยการเขียนบทหนังอย่างเรื่อง DEEP แต่ผลงานเรื่องนี้ออกมาแย่มาก 

จากนั้นเขาได้ทำ The Whole Truth ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อย ต่อมาเขาตัดสินใจทำหนังแนวตลกไทย 

และคิดว่าอาจจะดีกว่าถ้าทำหนังลงโรงภาพยนตร์เพื่อเก็บเงินค่าตั๋ว แต่เขากลับพบว่ายากกว่าที่จะได้ผ่านนายทุนได้ เพราะไอเดียคอนเซ็ปต์หลายๆ อย่างที่มีความแปลกเกินไปจริงๆ

โดยเนื้อหาเรื่องนี้ มีความน่าดู เหมือนตัวอย่างในวีดีโออย่างแรกตั้งแต่ต้น ด้วยไอเดียที่สร้างความสนุกสนาน และน่าสนใจในแบบ ของแนวคาแรคเตอร์อีสานไทย

ซึ่งไม่เคยมีภาพยนตร์ ที่ไหนปรากฏมาก่อน ใครก็ตามที่ดูในช่วงแรกย่อมต้องมีความสนุกขี้นอย่างแทบจะทุกคน ที่เรื่องหยิบเรื่องเหล่านี้มารับชม

สิ่งเหล่านี้เช่น รอยสักไทย หรือมวยไทยตามแบบผู้ที่ชื่นชอบมวยไทย อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความเป็ยไทย เรื่องเงินหรือทองเท่าไหร่ก็ตามว่า งานฝีมือดีจนเป็นที่สุด

และคนไทยที่ดู ก็ต้องรู้ทั้งหมดเพราะไอเดียเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นตลอดเวลา แต่หนังเรื่องนี้ใช้ไอเดียเหล่านั้น ทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าประทับใจ และตื่นเต้นกับสิ่งที่เป็นที่จับตามองดูได้อย่างชัดเจน

เรื่องย่อ เมอเด้อเหรอ

เมอร์เด้อเหรอ เรื่องย่อ หนังเริ่มต้นด้วยการฆาตกรรม 7 ศพในคืนเดียว ที่เกิดขึ้นในฉากเดียวกัน 

แต่วิธีการเล่าเรื่องใช้การสืบสวนของสารวัตร หม่ำ จ๊กมก ซึ่งมีอคติเสี่ยงเข่าฝรั่งแต่งงานกับคนอีสานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

วิธีการเล่าเรื่องนี้ทำให้เรื่องมีความเร็ว และน่าติดตามมากโดยใช้ขั้นตอนในการสืบสวนพยานแต่ละคน หลักฐาน และเอกสารพัดที่พบมาเป็นตัวฉาก 

และไม่เล่าเรื่องตามลำดับ ย้อนกลับไปกลับมาในการสอบสวน โดยทุกคนจะมีซีนที่เป็นของตัวเอง

เมอร์เด้อเหรอ นักแสดง สุนารี

บางครั้งอาจตัดฉาก ที่เล่าเรื่องให้เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์สมมุติ แต่สุดท้ายผู้ชมจะต้องประเมินหาว่าสิ่งใดเป็นเรื่องจริงว่าจะเชื่อหรือไม่

ซึ่งนี่คือแนวทางในการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ของหนังไทยมันไม่ใหม่สำหรับคนที่ชอบดูหนังสืบสวนแฟนตาซีแปลกๆแบบนี้ 

แต่ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะใช้รูปแบบนี้ซ้ำ แต่เนื่องจากเป็นหนังไทยที่พูดอีสานเป็นหลัก ฝรั่งเป็นรอง และภาษากลางก็มีบ้าง พร้อมกับเหตุการณ์วุ่นวายแบบอีสานบ้านนา บวกฆาตกรรม 7 ศพ ทำให้เรื่องราวที่เล่ามาดูน่าติดตามมากยิ่งขึ้น

การดำเนินเรื่อง เมอร์เด้อเหรอ

และในหนังเรื่องนี้ ก็มีความสนุกสนใจตั้งแต่ต้นเรื่องด้วยไอเดียตลกในอีสานไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะมีหนังไทยตลกพื้นบ้านฉายออกมาก่อนแล้ว

เมื่อดูช่วงแรกนั้นทำให้เราหัวเราะไปทุกครั้งที่มีสิ่งตลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏขึ้น อย่างเช่น สักลายมวยไทยติด และชอบมวยไทย 

การสักตัวของคนไทยต่ออาหาร ที่อร่อยและคล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่คำพูดและพฤติกรรมของฝรั่งเกี่ยวกับเรื่องเงินและทอง ฉะนั้นคนที่ได้ดูเรื่องนี้จะต้องรู้สึกความสนุกตามมุกทุกตัวที่มีในเรื่องเนื่องจาก ไอเดียด้านบนเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วไป แต่ในกรณีนี้นำมาใช้เพื่อเล่าเรื่องให้น่าสะดุดตามได้อย่างเต็มที่

โดยที่หนังเรื่องนี้เล่าถึงการวางพล็อตเรื่อง เป็นเหตุที่ทำให้ ผกก.วิศิษฏ์ ตัดสินใจนำเสนอด้านภาพที่เขาถนัด

เมอร์เด้อเหรอ หม่ำ จ๊กม๊ก นักแสดงนำชาย

ในหนังมีการเล่นสีสันสไตล์จัดจ้าน โดยใช้สีขั้วเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม โดยผลงานนี้มีความดำเนินเนื้อเรื่องคล้ายกับหนังเรื่อง ฟ้าทะลายโจร

แต่ดูโบราณมากกว่าหนังเรื่อง “หมานคร” แน่นอนว่าผลงานเหล่านี้เป็นผลงานชั้นนำระดับโลกของผู้กำกับ วิศิษฏ์ทั้งหมด 

และเมื่อมีนักแสดงหน้าตลกยอดเยี่ยมของไทยอย่าง พี่หม่ำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ร่วมงานเข้ามา 

ก็ทำให้เกิดความสัมพันธ์กับผลงานการกำกับของหม่ำที่มีสีสันอีสานโดดเด่นเช่น “แหยม ยโสธร” 

โดยผู้ชมจะรับรู้ได้ว่าหนังนี้ต้องมีความขบขัน แต่เมื่อรับชมแล้วจะพบว่าหนังยังคงเล่าเรื่องอย่างจริงจังในครึ่งแรก ทำให้ผู้ชมอยากรู้คำตอบว่าเนื้อเรื่องจะไปในทิศทางไหน 

ดังนั้นเมื่อเรื่องมีความซับซ้อน ผกก.วิศิษฏ์ จึงพยายามใช้การเรียบเรียงที่ไม่ทำให้สับสนมากเกินไป หมายความว่า 

ตัวเรื่องอาจจะมีการเล่าเนื้อหาโดยการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์และผลัดกัน แต่เนื้อหาจะยังคงเดินไปตามลำดับของเหตุการณ์

จนกระทั่งมีการทวนเหตุการณ์อีกครั้งในส่วนสุดท้ายของเรื่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องที่กล่าวถึงถือเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนที่น่าสนใจ แต่ไม่ยากเกินไป โดยยังสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม เมอร์เด้อเหรอ

ส่วนตัวเราที่ได้รับชมหนังเรื่องนี้แล้วนั้น คิดว่าภาพรวมของเหล่าดาราในเรื่องนี้เล่นได้ดีกว่าทุกเรื่องที่ดูมาใน Netflix

โดยเฉพาะเรื่องของ เจมส์ ลีฟเวอร์ ที่ไม่มีความจำ แต่เครดิตบอกว่าเขาเคยเล่นใน Netflix และเล่นในหลายเรื่องของโลก ในเรื่องนี้เขากลายเป็นเขยอีสานที่อยากช่วยเพื่อนแฟนและพ่อแม่ แต่เขาไม่รวยและมีความคิดอคติตลอดเรื่อง 

ในบทของเขา ที่แสดงเป็นตำรวจที่อคติได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ชมจะได้เกิดความสนุกกับรอยแผลที่อยู่ตรงปากทุกครั้งที่หนังฉาย

เมอร์เด้อเหรอ หม่ำ ฉากสอบสวน

แต่บทของเขาไม่ชัดเจนมากนัก (เพราะว่าเรื่องราวมีลักษณะคนย้อนอดีตหลายตัวละคร) แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือนางเอกที่แสดงโดยอิษยา ฮอสุวรรณ (เกรซจากหนังฉลาด เกม โกง) ที่สวยน่ารักทุกฉาก 

และบทที่เล่นเข้ากับรูปร่างและหน้าตาของเธอ ซึ่งเธอคือตัวดึงให้ผู้ชมติดตามเรื่องที่ดีกว่าเขยอีสานตัวเอกซึ่งเป็นคนร่างกายเธออย่างเดียว

จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง

ก่อนอื่นผู้เราต้องขอชื่นชมทีมแคสนักแสดงของภาพยนตร์ ที่สามารถแสดงบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยมเลยค่ะ 

โดยเฉพาะนักแสดงหลักที่ เล่นเป็นตัวละครเด็กที่สดใสออกมาได้ดีมากๆ โดยมีการเล่นบทที่น้องต้องเล่นคู่กับนักแสดงหลักที่เรียกว่าพี่หม่ำซึ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆ 

เพราะยิ่งพี่หม่ำสอบสวนน้องแสดง นั้นเราจะรู้สึกว่าทั้งคู่มีความลึกซึ้งอยู่ในใจ งานแสดงของทั้งคู่เป็นอย่างดีที่ไม่ค่อยพบในภาพยนตร์ไทยบ่อย ๆ

จุดเด่นภาพยนตร์ เมอร์เด้อเหรอ น่าสนใจมากๆ เพราะเรื่องราวของหนังดึงดูดใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมความทุกอย่างให้จบแบบที่ไม่มีคำถามค้างอยู่ ซึ่งเป็นลายเซ็นของผู้กำกับอยู่แล้ว 

และสำคัญที่สุดคือความเรียบง่าย ในการเรียบเรียงและเล่าเรื่องของหนังนี้ที่ถูกคิดโดยดีแล้ว ซึ่งหลังจากดูเราจะไม่เจองานระดับนี้ในภาพยนตร์ไทยเท่าไหร่นัก

เมอร์เด้อเหรอ ฉากตลก หนังไทย

หากพูดถึงความละเอียด ของทีมผู้สร้างหนังที่ดีมาก ๆ ตั้งแต่คอสตูม ชุดของจูน และการเสียดสีเกี่ยวกับเมียฝรั่ง ผู้หญิงที่ทำงานที่บาร์ เราคิกว่าหนังเรื่องนี้ไม่พูดถึง มากจนเกินไปค่ะ

ส่วนทางด้าน จุดด้อยเกี่ยวกับหนัง ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องตลกแต่ที่สิ้นสุดเป็นเรื่องสืบสวนฆาตกรรม มีประเด็นที่ทำให้ผู้ชมสงสัยว่าฆาตกรคือใครและศพตายได้อย่างไร ส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญมากในการสื่อสารหนัง

แต่กลับไม่มีการเฉลยที่น่าตื่นเต้นตามมา การเล่าเรื่องยาวและเปิดเผยทั้งหมดฉบับเต็ม ทำให้ผู้ชมประทับใจอย่างมาก 

ซึ่งเป็นคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน ซึ่งภาพรวมของหนัง มีคนหลายคนที่ไม่ชอบการพลิกสุดขั้วแบบนี้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังทำให้เรื่องดู ไม่สมเหตุผลมากขึ้น เหมือนหนังอินเดียที่พลิกตอนจบโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนทั้งหมด

รีวิวหนัง The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ภาพยนตร์เว้าอีสานเรื่องแรกจาก Netflix

สำหรับหนังเรื่องนี้ น่าจะถูกชื่นชมเพราะได้กระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม ให้สนุกสนานอย่างมากภายในแนวหนัง นอกจากนี้ยังมีการเล่นแบบดราม่าที่น่าเชื่อถือจากนักแสดงอุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ ในบทของทราย พยานที่เป็นเมียฝรั่ง เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา 

ในบทของพยานคนที่ 2 เป็นแม่ของทรายที่มาแบบไม่เด่นมาก แต่สามารถประคองทุกคนให้เข้าร่องได้อย่างดี และชนันทิชา ชัยภา ในบทของจูน ตัวหลักในเรื่องราว

พยานเด็กคนสุดท้ายที่เล่นหน้าเล่นตาได้น่ารักน่าชัง นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสายละครเวทีเช่นเจมส์ เลเวอร์ ในบทของเอิร์ล เป็นเขยฝรั่งสามีของทรายและผู้ต้องสงสัยหลักที่ทำให้เรารู้สึกสับสนว่าเขาน่าสงสารหรือน่ากลัวกันแน่

เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกร

หนังเรื่องนี้ใช้ตัวละครหม่ำ เป็นตัวแทนในการค้นหาความจริงแทนผู้ชม ผู้ชมรู้สึกงุนงงและได้เข้าใจอารมณ์ของหม่ำได้ง่าย 

เพราะมีการเข้าถึงง่ายและความสนใจคุ้นเคยกับตัวละครหม่ำ เราสามารถเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้ใช้กลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นผู้ชมในหลายวิธี

จุดที่สามารถพูดคำวิจารณ์เกี่ยวกับหนังได้ที่ไม่ใช่เรื่องหลักของเรื่องราวที่มุก นอกจากนี้ยังมีคำวิจารณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพในกราฟฟิกแสดงอารมณ์ของภาพ เช่น 

การเล่นสีที่ไม่เนียนตาในบางฉาก ชาววิจารณ์ยากที่จะกล่าวว่ามันเป็นความจงใจที่จะทำให้ดูดิบเหมือนหนังโบราณหรือไม่ แต่ถ้าทำให้เนียบเป็นไปตามสมัยก็น่าจะดี

สรุปโดยรวม

โดยสรุปแล้วหนัง ฆาตกรรมอิหยังวะ  ก็คือหนังไทยที่สร้างโดยผู้กำกับให้ฉายกับ Original Netflix คือคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นหนังที่ดีกว่าเรื่องก่อนอย่างมาก 

แต่ยังมีปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับเรื่องบทที่แปลกๆ ซึ่งไม่ลงตัวจนทำให้ไม่สามารถพูดถึงว่าเป็นหนังที่ดีได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีความสนุกในการเล่าเรื่องที่มีความแปลกๆ

เมอเด้อเหรอ หม่ำ จ๊กม๊ก ตำรวจสอบสวนคดี

และไอเดียจิกกัดของ คนอีสานที่ยังค่อนข้างจะต้อง ยิ้มได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นขอแนะนำให้คนดูได้ แต่ก็อย่าคาดหวังมากเกินไปก็พอค่ะ เพราะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ หนังสไตล์แบบนี้

ทีมงานกระซิบมาว่า เห็นหนังสีสดๆแบบนี้แล้วกลับทำให้นึกถึง หนังผีโมโนโทน The Medium ร่างทรง ถึงแม้สีสันของฟิล์มหนังจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความน่ากลัวระดับ 10 กระโหลก ยังทำให้ใครหลายคนบอกว่า จนถึงวันนี้ยังไม่กล้าเข้านอนคนเดียว