Category Archives: หนังไทยย้อนยุค

รีวิวละครไทย นางนาค สะใภ้พระโขนง นางนาคฉบับใหม่ที่ นำแสดงโดย เก้า จิรายุ และ มายด์ 4EVE

นางนาค สะใภ้พระโขนง

พี่มากก็เท่ซะด้วย..ทีนี้ก็ลำบากว้าวุ่นแม่นาคเลย แฮ่!!! สวัสดีจ้าาาเพื่อนๆ ทุกคนและในวันนี้เรามีละครโทรทัศน์ไทย แนวไลฟ์สไตล์คอมเมดี้ มาแนะนำเพื่อนๆทุกคนนะจ๊ะ นั่นก็คือเรื่อง นางนาค สะใภ้พระโขนง

โดยละครเรื่องนี้ก็ เล่าเรื่องราวความรักของนางนาคและพี่มาก เรื่องราวอุปสรรคความรักระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ ที่เป็นกุญแจสำคัญในเหตุการณ์ต่างๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานสะใภ้พระโขนง

เป็นผลงานการผลิตโดย รฤก โปรดั๊กชั่น และกำกับการแสดงโดย นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ แสดงนำโดย จิรายุ ละอองมณี พระเอกสุดหล่อ เจ้าของวลีฮิต (ทีนี้ก็ลำบากว้าวุ่นเลย) ตอนนี้นั่นเอง , อาทิตยา ตรีบุดารักษา (มายด์ 4EVE)

และ รัดเกล้า อามระดิษ ละครเรื่องนี้ได้ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ เวลา 19:00 น. และตอนนี้มาฉายทางสตรีมมิงบนเน็ตฟลิกซ์แล้วด้วยนะคะ  โดยเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักครั้งนี้ของคนและผีจะเป็นอย่างไร ? ติดตามต่อได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยจ้า  ช่องทางการรับชม  ดูหนังฟรีออนไลน์

นางนาค สะใภ้พระโขนง

เรื่องย่อ นางนาค สะใภ้พระโขนง

นางนาค สะใภ้พระโขนง เรื่องย่อ เรื่องราวความรักของ มาก (เก้า จิรายุ) ชายหนุ่มพระโขนงที่ตกหลุมรัก นาค (มายด์ 4EVE) สาวสวยลูกขุนนางแห่งอยุธยาที่ตัดสินใจหนีตามมากมาเป็นสะใภ้ที่พระโขนง กลับพบปัญหาความรักเมื่อแม่เหมือน (ต๊งเหน่ง รัดเกล้า) ไม่ถูกในสะใภ้คนนี้ เพราะตนมีคนที่หมายมั่นอยากที่จะให้เป็นสะใภ้อยู่แล้ว ก็เลยคอยกลั่นแกล้งนาคสารพัดสารพัน 

จนถึงวันที่พี่มากจำต้องออกไปรบ ทำให้นาคที่ตั้งท้องจำเป็นต้องอยู่คนเดียวรวมทั้งเสียชีวิตเพราะเหตุว่าออกลูก ซึ่งเอามาสู่เรื่องราวความอลหม่านเมื่อนาคจำเป็นต้องกลายเป็นผี ไม่ยอมไปสู่สุขคติ และตามพยาบาทผู้ที่เคยทำร้ายตนเอาไว้

โดยละครเรื่อง นางนาค สะใภ้พระโขนง เป็นละครที่ออกอากาศทางช่อง Workpoint Channel เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังรอละครเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องผีที่นำมาสร้าง

เป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ละครเวที ฯลฯ แล้ว เรื่องนี้ ก็คุ้นเคยกับเราเช่นกัน เรื่องนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ “เก้า จิรายุ ละอองมณี” และ “มายด์ อธิตยา ตรีบูดารักษ์” (Mind 4EVE) ร่วมแสดงด้วย 

สิ่งที่น่าสนใจมากต่อไปคือแม่สามีและลูกสะใภ้ที่พา เนื้อหาของเรื่องจึงกลายมาเป็น “นางนาค” และ “พี่มาก” อุปสรรครัก เป็นเรื่องราวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งพลาดไม่ได้แล้ว มาติดตามอ่านต่อกันได้เลยค่ะ

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิวหนังไทยย้อนยุค ส่วนตัวผู้เขียนหลังจากดูจบแล้ว ต้องบอกว่าเป็นละครที่ชวนให้ชมตั้งแต่ตัวอย่างหนังออกฉาย ผู้เขียนยอมรับตามตรงว่า เราถูกน้องมายด์ 4EVE ตกเข้าเต็มๆเลยค่ะ โดยเฉพาะหน้าตาและรอยยิ้มหวานๆ เหมาะกับตัวละคร นางนาค จริงๆ

แต่เวอร์ชั่นนี้แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนมาก ตรงที่ผ๔้ชมได้เห็นถึงที่มาและที่ไป ว่าทำไม แม่นาค จึงบ้าดีเดือดหลังจากการตายของพี่มาก รวมไปถึงมุมหวาน ๆ น่ารัก ๆ ของ แม่นาค ก่อนที่จะกลายเป็นสะใภ้พระโขนง

ส่วน เก้า จิรายุ ก็ยังคงเป็นนักแสดงมากความสามารถเหมือนเดิม ไม่ว่าจะบททะเล้น ตลก ประทับใจ หรือเศร้าก็ทำให้ผู้ชมอินตามได้

ซี่งพี่มากในเรื่องนี้ก็ดูมีหลากหลายมุมที่น่าติดตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าคู่ตั้งแต่จีบกันก่อนพากันมาพระโขนง เป็นเคมีที่ความหวานฟิน แล้วก็ชวนหัวเราะได้ตลอดทั้งซีนเลย

ความเป็นมาของละคร นางนาค สะใภ้พระโขนง

“แม่นาคพระโขนง” แม้จะถูกสร้างขึ้นมาหลายครั้งเพื่อความบันเทิงก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ได้รับความสนใจก็เพราะเนื้อหาของเรื่องเป็นตำนานที่สืบทอดกันมาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระโขนงในอดีต

เล่าเรื่องราวของ “แม่นาค” ผีที่ตายแล้วที่ชาวบ้านยังคงเห็นมารออยู่ที่ท่าเรือทุกคืนเพื่อตามหาสามีสุดที่รัก “พี่มาก” ที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ ดังที่คุณเห็นแม่นาคมีผมยาว มีเข็มขัด และผ้าเตี่ยว อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน

เมื่อพี่มากกลับมาเห็นภรรยาและลูกๆ รออยู่ ก็ดีใจมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลูกๆ อยู่กับแม่นากที่บ้านเหมือนคู่แต่งงานธรรมดาโดยไม่รู้ว่าอยู่กับผี ชาวบ้าน และเพื่อนสนิทพยายามบอกความจริงแต่ก็ไม่ฟัง จนได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าแม่นาคเป็นผี

จึงหนีไปที่วัด ทำให้แม่นาคโกรธมาก และโกรธมาก รบกวนเธอจนชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว แต่ในที่สุดแม่นาคก็ยอมรับความจริงว่าเธอเป็นผีและไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนได้

เรื่องราวก็จบลงเช่นนี้ ด้วยเรื่องหลักนี้ “แม่นาค” หรือ “นางนาค” จึงกลายเป็นเรื่อง “ผี” ยอดนิยม มีการตีความในรูปแบบใหม่ เล่าเรื่องราวใหม่ๆ ในการผลิตภาพยนตร์และละคร

แต่ว่ายังคงฉากเรื่องราวสำคัญไว้ อาทิเช่น ฉากแม่นาคยืนคอยพี่มากที่ท่าน้ำ ฉากแม่นาคตำน้ำพริกแล้วมะนาวตกลงไปที่ใต้ถุน จึงใช้มือยาวๆหยิบมะนาวขึ้นมา อื่นๆอีกมากมาย

และ “แม่นาค” มีทั้งที่สะกดด้วย ก. ไก่ (แม่นาค) และสะกดด้วยค.ควาย (แม่นาค) ชื่อเรื่องก็แตกต่างกันไป “แม่นาค” บ้าง “พี่มาก” บ้าง แต่ก็ยังคงความเป็นเรื่องราวของ “แม่นาคพระโขนง” ไว้นั่นเอง

รวมทั้งสำหรับละครเรื่องนี้ ใช้ชื่อว่า “นางนาค สะใภ้พระโขนง” เล่าเรื่องราว “นางนาค” ผิดแผกแตกต่างกว่าทุกๆเรื่องที่เคยสร้างกันมา โดยเล่าราวชีวิตของ “นาค” ที่เจอ “พี่มาก” หนแรก จนถึงไปเป็นลูกสะใภ้อยู่ที่พระโขนงว่ากำเนิดอะไรขึ้นบ้างก่อนจะตายตั้งกลม !

เคมีความน่ารักของพระเอก-นางเอก

ซึ่งละคะเรื่องนี้ก็ได้นักแสดงนำอย่าง “เก้า จิรายุ”พระเอกหนุ่มหล่อที่ตอนนี้กำลัง มีวลีฮิตเต็มทั่วบ้านทั่วเมือง  และ “Mind 4EVE” ร่วมงานกันครั้งแรก เคมีน่ารัก ของทั้งสองคู่เข้ากันดีมาก “เก้า” รับบท “พี่มาก” ชายหนุ่มที่เพิ่งมีรักแรกพบ เขาได้พบกับ “มายด์” 

และมีความน่ารักในตัวละคร “นางนาค” เขามีความเข้มงวดเหมือนชายหนุ่มและมีความไร้เดียงสาที่น่าประทับใจ ฉากพี่มากเล่นลิเกจีบนางนาคบนเวทีเป็นฉากเฮฮาและเก้าก็น่ารักมากเลยค่ะ

ผู้เขียนขอบอกเลยว่าเริ่มเห็นใจนางนาคตั้งแต่ยังไม่ได้เดินทางมาพระโขนงกันอย่างยิ่งจริงๆ เรียกว่าอินไปกับรายละเอียดของเรื่องได้ตั้งแต่ฉากแรกที่แม่เสมือนเผยตัวกันอย่างยิ่งจริงๆ อีกผู้แสดงที่พวกเราถูกใจมากมายๆก็คือ “เชิด” ที่รับบทโดย “เจแปน”

ชอบเคมีความเป็นมิตรรักของ “เชิด” กับ “พี่มาก” ที่รับส่งบทกันได้อย่างเข้าขากันแบบกวนๆจะว่าไปก็ถูกใจทั้งสองมาตั้งแต่ “ตลกหกฉากครับจารย์” แล้ว เมื่อมาร่วมงานกันอีกในเรื่องนี้จึงไม่พลาดที่จะติดตามไปทุกๆตอนอย่างแน่อน

รายชื่อนักแสดงนำคนอื่นๆในเรื่อง

ต๊งเหน่ง รัดเกล้า อามระดิษ  รับบท  แม่เหมือน (แม่ของพี่มาก)

เฟม ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล  รับบท  เรือง

เจแปน ภาณุพรรณ จันทนะวงษ์  รับบท  เชิด

ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม  รับบท  กาก้า

โอนีล ฐิตินันท์ คลังเพชร  รับบท  หมวยลั้ง

เทล เดชาธร วสุรัตต์  รับบท  เปี๊ยก

นางนาค สะใภ้พระโขนง

แอน วาสนา พูนผล  รับบท  แม่ทองคำ (แม่ของนาค)

กลิ้ง กฤตย์ อัทธเสรี  รับบท  ขุนประจัน (พ่อของนาค)

ต๊อก ศุภกร กิจสุวรรณ  รับบท  หมื่นไวพลานุภาพ

หมู กลศ อัทธเสรี  รับบท  ตาโย่ง (พ่อเลี้ยงของพี่มาก)

เด๋อ ดอกสะเดา  รับบท  ตาฉ่ำ

พวง เชิญยิ้ม  รับบท  หลวงตามั่น

หยา จรรยา ธนาสว่างกุล  รับบท  ป้าจันทร์

ภาพรวมของละครเรื่อง นางนาค สะใภ้พระโขนง

ผู้เขียนขอให้คะแนนละครเรื่องนี้ 9/10 คะแนนเลยจ้า เคมีพระนางใหม่ดีมาก เข้ากับตัวละครและสามารถเข้าใจอารมณ์ของตัวละครได้ มีเรื่องราวตีความที่น่าสนใจหลายรสชาติ

บ้างก็ซึ้ง บ้างก็ตลก บ้างก็ดราม่า และยังมีเครื่องแต่งกาย รูปภาพ และเสียงที่ดูเหมาะสมและลงตัวอีกด้วย หากใครเป็นแฟนละครแม่นาคอยู่แล้วรับรองว่าต้องชอบ

นางนาค สะใภ้พระโขนง

เป็นละครที่มีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เนื้อเรื่องกระชับ ตัดต่อได้รวดเร็ว EP.1 ควรแนะนำนักแสดงหลักและแสดงตัวละครของแต่ละคนให้ชัดเจน โดยเฉพาะตัวละครที่ “เหมือนแม่” นำไปสู่โศกนาฏกรรมของเรื่องราวความรักลูกสะใภ้ทำให้เราผู้ชมไม่ชอบตั้งแต่ต้น

ตำนานรับของพี่มากและนางนาคในครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบไหน แฟน ๆ สามารถติดตามได้พร้อมกันในละคร นางนาค สะใภ้พระโขนง

หมอหลวง สุดยอดละครย้อนยุค ผลงานเรื่องเยี่ยมของมาริโอ้ และช่อง 3HD

หมอหลวง ภาพปก

H1 รีวิว หมอหลวง

หมอหลวง หนังไทยย้อนยุค ละครโทรทัศน์แนวโรแมนติกแฟนตาซีข้ามเวลา ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลามตั้งแต่การออกอากาศในตอนแรก และเป็นกระแสที่น่าติดตามอย่างมาก โดยละครเรื่องนี้มีความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทยที่น่าสนใจและการหลงไหลในความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยต่างๆ ซึ่งได้ถูกร้อยเรียงในละครเรื่องนี้อย่างเข้มข้นและน่าติดตาม

การเปิดตัวของละครเป็นที่ประสบความสำเร็จมากๆ โดยมีเรตติ้งสูงถึง 6.01 ในกรุงเทพมหานครและเรตติ้งทั่วประเทศ ในวันแรกของการออกอากาศ. ละคร “หมอหลวง” มีความน่าสนใจในการนำเสนอเรื่องราวและบรรยากาศในละครที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล ทำให้ผู้ชมต้องติดตามเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง แบบแทบจะอดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวเลยทีเดียว เพื่อนๆสามารถรับชมละครสนุกๆได้ทาง doonungvip.com เว็บหนังออนไลน์วีไอพี คุณภาพความคมชัดระดับ 4K ตามไปรับชมกันได้เลยค่ะ

มาริโอ้

ข้อมูลทั่วไป

ละครโทรทัศน์ “หมอหลวง” เป็นผลงานละครไทยที่มีเนื้อหาผสมผสานระหว่างแนวย้อนยุค,ตลก, และดรามาเข้าด้วยกัน ละครนี้ถูกผลิตโดยผู้จัด ปิยะ เศวตพิกุล และ รวมถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักแสดงนำระดับแนวหน้าของเมืองไทย คือ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่รับบทเป็น ทองอ้น และ คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ที่รับบทเป็น บัว ร่วมกับนักแสดงอื่น ๆ ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้ ได้ออกอากาศในช่อง 3 ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566 ในวันจันทร์และอังคารเวลา 20:25 น.

เนื้อเรื่องของละครนี้เกิดขึ้นในยุคสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีนักศึกษาแพทย์ชื่ออัคริมาย้อนยุคกลับมาในหมู่บ้านสำนักดาบบ้านครูหาญ ซึ่งมีการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและสนุกสนานสำหรับผู้ชมผ่านการผสมผสานของตัวละครที่สนุกและตลกพร้อมกับการให้ความรู้เรื่องสมุนไพรต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในเรื่องราว.

หมอหลวง คิมเบอรี่

ประเภท ย้อนยุค/ตลก/ดรามา

กำกับโดย ชุดาภา จันทเขตต์

แสดงนำ มาริโอ้ เมาเร่อ/คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส

ผู้อำนวยการสร้าง ชุดาภา จันทเขตต์/ปิยะ เศวตพิกุล

สถานที่ถ่ายทำ สตูดิโอช่อง 3 หนองแขม เมืองโบราณ

ความยาวตอน 90 นาที

บริษัทผู้ผลิต โซนิกซ์ บูม 2013

นักแสดง

มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น ทองอ้น บุตรชายของหลวงชำนาญเวชที่เกิดกับ แม่พิกุล ได้พบรักกับบัว และสุดท้ายได้เป็นหมอหลวง ตามพ่อ และพี่ชาย

คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส รับบทเป็น บัว / อัคริมา หญิงยุคปัจจุบัน ย้อนอดีตมายังสมัยรัชกาลที่ 3 จนได้พบรักกับ ทองอ้น และได้จดสูตรตำราอาหารเป็นยาพร้อมกับตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์

มาสุ จรรยางค์ดีกุล รับบทเป็น ทองแท้ / คุณหลวง บุตรชายคนโตของหลวงชำนาญเวชที่เกิดกับแม่เทียบ

ณปภา ตันตระกูล รับบทเป็น ผาด / แพท เพื่อนของบัวในปัจจุบันชื่อแพท ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นชาวบ้านที่บัวมาอยู่ด้วยและได้เป็นเพื่อนกัน

ฉากในเรือ

ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบทเป็น หลวงชำนาญเวช (ทองคำ) พ่อของทองอ้นกับทองแท้

จริยา แอนโฟเน่ รับบทเป็น แม่เทียบ ภรรยาเอกของหลวงชำนาญเวช และแม่ของทองแท้

มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ รับบทเป็น แม่พิกุล ภรรยาคนที่สองของหลวงชำนาญเวช และแม่ของทองอ้น

ทัศน์พล วิวิธวรรธน์ รับบทเป็น พระองค์เจ้าพันพิชากร

ศิริลักษณ์ คอง รับบทเป็น คุณแม้นวาด

ภาณุเดช วัฒนสุชาติ รับบทเป็น พระยาบำเรอราชแพทย์ หมอหลวง อาจารย์ของหลวงชำนาญเวช

เรื่องย่อ หมอหลวง

เรื่องราวเริ่มต้นขณะที่ “บัว” (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส) นักศึกษาแพทย์ปี 4 กำลังผ่านวันที่ยากลำบาก เนื่องจากถูกอาจารย์หมอและเพื่อนนักศึกษาตำหนิและต่อว่าเธอ เธอรู้สึกเศร้ามาก ๆ และปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างเต็มที่

ในขณะที่พายุเซเปรสชันกำลังมาถึงกับส่งสายฟ้าฟาดมาโดนเธอ นำไปเข้าสู่มิติแห่งเวลาที่น่าสนใจมาอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยอยู่ในท่ามกายของ “บัว” และได้พบกับกลุ่มครูหาญ ซึ่งมี “ผาด” (แพท ณปภา) ที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายกับแพทย์เพื่อนนักศึกษาในโลกปัจจุบันอยู่ด้วย นี่เป็นเหตุที่ทำให้เธอเริ่มงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หมอหลวง นักแสดงนำชาย

นอกจากนี้บัวยังต้องพบกับเหตุการณ์ร้ายเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามาทำร้ายกลุ่มครูหาญ จนทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง แม้ว่า บัว จะถูกฟันเข้ากลางหลัง แต่ เดชะบุญที่ (หลวงชำนาญเวช หรือ หมอทองคำ) (ชาย ชาตโยดม) ทองแท้ (มาสุ จรรยางค์ดีกุล) และ ทองอ้น (มาริโอ้ เมาเร่อ) ทั้งสามคือ 3 พ่อลูกหมอที่มีความชำนาญในการแพทย์แผนไทยและมีชื่อเสียงตระกูลทอง ซึ่งมีความสามารถในการสืบทอดความรู้และช่วยเหลือกลุ่มครูหาญให้ได้รับการรักษาจนหายดี และให้พักอาศัยในบ้านตระกูลทอง 

และในตอนนั้นเองก็ได้มีพระบรมราชโองการให้จัดตั้งโรงเรียนหมอหลวง เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในวงกว้าง ด้วยการเปิดรับสมัครนักเรียนหมอหลวงจากผู้มีความรู้อ่านออกเขียนได้จากทั่วประเทศ แน่นอนว่าทองอ้นก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น แถมยังมีนักเรียนคนอื่น ๆ มาสมทบเพิ่มความความสนุกและเป็นสีสันในเรื่องราวของการตามล่าทำความฝันในการเป็นหมอหลวง ให้สำเร็จ

ความรู้สึกหลังดู หมอหลวง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ตัวละครทองเอกออกมา ก็สร้างความฮาให้คนดูแล้ว แถมยังเสริมความรู้เรื่องแพทย์แผนไทยและสมุนไพรให้คนดูอีกด้วย ทำให้การแพทย์แผนไทยกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจในวงกว้างมากขึ้น ครั้งนี้เราได้เห็นการเปิดเผยเนื้อหาการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยอย่างแท้จริง

ทุกครั้งเราจะได้เห็นการรักษาที่ละเอียดอ่อนในฉบับของหมอหลวง และด้วยตัวละครและเส้นเรื่องที่นำเสนอ พระ-นาง ต่างก็เป็นนักเรียนหมอที่มุ่งมั่นอย่างมาก แม้จะเกิดในยุคและสมัยที่ต่างกัน แต่จิตวิญญาณการเป็นหมอยังคงมีอยู่เสมอ ทำให้บทละครของเรื่องนี้มีสีสันและน่าสนใจมากขึ้น

เคมีพระนางที่ลงตัวแบบสุดๆที่ได้รับความสนใจจากทุกผู้ชม ความกวนของพระเอกคู่กับความแก่นแก้วอยากรู้อยากเห็นของนางเอก หรือความขี้อวดของพระเอกคู่กับความขี้แซะของนางเอก คู่นี้ที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา เป็นเพื่อนและคู่รักที่น่าติดตามอย่างมาก ชวนอมยิ้มและสนุกสนานมาก บทบาทของเด็ก ๆ ในเรื่องก็น่ารักมาก เช่นเณรและลูกชายของทองแท้ ความสัมพันธ์และการสนทนาของพวกเขาทำให้เรื่องราวสนุกและน่ารักมากขึ้น 

ฉากชันสูตรศพ

ด้านมิตรภาพในละครนี้เป็นจุดเด่นที่น่าทึ่งจริง ๆ มิตรภาพระหว่างพระนางและพระเอกแสดงให้เห็นถึงความสนุกและความสัมพันธ์ที่น่ารักระหว่างพวกเขา การเล่นแบบมีความเข้าใจและรักกันจริงในบทบาท ทำให้ความรักและความเข้าใจระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและน่าหลงใหล พวกเขามีความสามัคคีและความกล้าที่จะทำให้ความรักกันดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ

บทบาทของเจิดและทองอ้นมีเคมีที่ลงตัวมาก พวกเขาทำให้ความรักและความเข้าใจในระหว่างพวกเขาดูเป็นธรรมชาติและที่สำคัญคือมีความตลกขบขัน ความรักและความเข้าใจระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทำให้ละครนี้น่าดูและน่าติดตามอย่างแน่นอน เรื่องนี้กลายเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตร่วมกันที่สร้างความสุขและความรักในครอบครัวและมิตรภาพ ระหว่างเพื่อนที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ละครเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับการสอนและการเรียนในสมัยก่อน โดยการนำเสนอการแพทย์แผนไทยและการใช้สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวทำให้ละครนี้มีความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจมากขึ้น การเรียนรู้เรื่องการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนไทยและการค้นหาสมุนไพรก็เป็นส่วนสำคัญของภาพลักษณ์ของตัวละคร ทำให้พวกเขามีความโดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้น

นอกจากนี้ การเน้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการเรียนการสอน รวมถึงการสร้างเสียงหัวเราะและความสนุกในช่วงเรียนระหว่างครูและนักเรียน ทำให้การเรียนการสอนเป็นเรื่องสนุกและน่าสนใจมากขึ้น ละครนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สอนและสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าจดจำและน่าสนุก ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนมีความฝันเรียนต่อในสาขาการแพทย์แผนไทยด้วยความมั่นใจและความสนใจในสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย 

ละครเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัวและการให้ความสนใจกับครอบครัวอย่างมาก เรื่องราวที่เน้นการเรียนหมอโดยตรงตามแบบฉบับหมอโบราณและความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของครอบครัวที่เป็นหมอ ทั้งบ้านส่วนนี้เป็นเส้นเรื่องที่สร้างความสนใจและเป็นจุดเด่นของละคร นอกจากนี้ การเสริมเสียงต่อล้อและความสนุกในความขัดแย้งระหว่างตัวละครเป็นสิ่งที่เพิ่มความสนุกและน่าติดตามในละครนี้ การเปรียบเทียบความแตกต่างในความสัมพันธ์ของครอบครัวในสมัยก่อนและสมัยปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เรื่องนี้นำเสนอการเปรียบเทียบว่าในสมัยก่อนหมอมีเวลาให้กับครอบครัวและมีความสัมพันธ์อบอุ่นกันมากกว่าในสมัยปัจจุบันที่หมอมักมีกิจกรรมทางวิชาการและอาชีพที่มีตารางเวลาแน่นมากขึ้น การเน้นความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นข้อควรสอนและต้องการการใส่ใจและความเข้าใจต่อกัน เป็นความคิดที่น่าติดตามและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้แน่นอน ละครเรื่องนี้จึงมีคุณค่าทางการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในครอบครัวที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในสมัยปัจจุบันและยังสามารถให้ความบันเทิงและความสนุกในการรับชมได้อีกด้วย

จุดเด่นของละคร หมอหลวง

จุดเด่นของละครเรื่องนี้คือการเล่าถึงความเป็นมาของหมอบรัดเลย์ เลย์ และวัฒนธรรมไทยที่เป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้ การนำเสนอและสืบทอดวัฒนธรรมไทยในละครเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจและสอดคล้องกับ หมอ และบทบาทของหมอในสังคมไทย นอกจากนี้ การสอดแทรกความหมายในหลายๆ ด้านของเรื่องเช่น การผ่าตัดแรกของประเทศ การสู้รบ การทำอาหาร การแต่งตัว และการกล่าวบทกลอนของสุนทรภู่ เพิ่มความคล้ายคลึงและความหลากหลายในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าติดตามและนำความรู้ทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยไปต่อยอดในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความลงตัวของตัวละครและความหลากหลายของเนื้อหา และการแสดงของนักแสดงในละครนี้ ที่เติบโตขึ้นจากประสบการณ์และการเรียนรู้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ทำให้ละครเรื่องนี้มีความสนุกและน่าติดตามอย่างไม่ซ้ำซาก การผสมผสานของเนื้อหาที่ครอบคลุมและการแสดงที่ยอดเยี่ยม ละครเรื่องนี้จึงเป็นละครที่น่ารับชมและได้เปรียบในหลายๆด้าน

หมอหลวง พระเอกนางเอก

บทบาทของนักแสดงในการแสดงความเป็นหมอรักษาคนไข้และความมุ่งมั่นในการรักษาจริงๆ ของหมอในละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกความอบอุ่นและความเข้าใจในสายตากับตัวละครของหมอ และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้มีความเป็นมิตรและเป็นกำลังใจให้กันอย่างแท้จริง

การพบกับคนไข้ที่มีโรคต่างๆที่ไม่เคยพบมาก่อนเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกและท้าทายในการแสดงและการเรียนรู้เพิ่มเติมในสาขาแพทย์ นอกจากนี้ การสร้างความขำขันในฉากต่างๆ ในโรงเรียนหมอหลวงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครนี้น่าสนุกและน่าดูมากขึ้น ถึงแม้เรื่องการดูแลผู้ป่วยและการเป็นหมออาจจะเป็นเรื่องราวสั้นๆ ในแต่ละฉาก แต่มันสร้างความคล่องตัวและความคิดสร้างสรรค์ให้กับละครนี้อย่างมาก ถือเป็นความสำคัญที่ทำให้ละครนี้มีความหลากหลายและน่าสนใจในทุกด้านของเนื้อหาและความคิดของตัวละคร 

ละครเรื่องนี้ได้สร้างความรู้และข้อคิดที่ดีให้กับผู้ชม และยังเสนอแนวทางและความสนับสนุนในการสืบทอดวัฒนธรรมและคุณค่าในสังคมไทยให้แก่คนรุ่นหลังอย่างสร้างสรรค์ ละครเรื่องนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังมองเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมและคุณค่าทางสังคม และอาจสร้างความรู้สึกที่จะมีส่วนร่วมในการสืบทอดและปรับปรุงสิ่งดีๆ ในสังคมต่อไปด้วย หวังว่าละครเรื่องนี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจและแหล่งเรียนรู้ที่ดีให้กับผู้ชมในทุกวัย

สรุปภาพรวม หมอหลวง

การกลับมาของตัวละคร มาริโอ้ เมาเร่อ และ คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ในละคร อาจทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นภาคต่อของละครทองเอก หมอยา ท่าโฉลง แต่ ไม่ใช่ภาคต่อหรือเกี่ยวข้องกับละครทองเอก หมอยา ท่าโฉลง แต่เป็นเรื่องแยกต่างหากที่มีความคล้ายคลึงในตัวละครนำเท่านั้น โดยมีเนื้อหาและพล็อตแนวการแพทย์แผนโบราณที่น่าสนใจและมีคุณค่า

รวมถึงการนำเสนอประวัติศาสตร์และสมุนไพรไทยอย่างน่าสนใจเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่น่าติดตาม ละคร มีความคล้ายกับซีรีส์แนวการแพทย์แผนโบราณของเกาหลีที่มีคุณภาพ โดยการนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจและมีความหมาย รวมถึงมีความสนุกและมีคุณค่าของเรื่องราวที่นำเสนอในแต่ละตอนของละคร

หมอหลวง ฉากตื่นเต้น

สำหรับละคร แน่นอนว่าเป็นละครที่มีคุณค่าทั้งในด้านความสนุกและสาระ เนื่องจากเนื้อหาที่หลากหลายและมีการนำเสนอสมุนไพรและวัฒนธรรมไทยที่สำคัญในเรื่องนี้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจและสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยของเราอย่างชัดเจน แน่นอนว่าละครนี้ควรถูกเพิ่มในลิสต์ของคนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรักษาแบบโบราณและการแสดงให้เห็นถึงสรรพคุณสมุนไพรไทยในการรักษาคนไข้ได้อย่างชัดเจน

นอกเหนือจากความสนุกและความบันเทิง ละครเรื่องนี้ยังเน้นการเรียนรู้และการเสริมความรู้ทางการแพทย์ ด้วยการนำเสนอสมุนไพรและการรักษาด้วยวิธีแผนโบราณ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมที่สนใจด้านการแพทย์และสมุนไพรของไทยด้วยการรวมความฮาและความซับซ้อนในเนื้อเรื่อง ละคร  เป็นอีกหนึ่งละครที่ห้ามพลาดในลิสต์ของคนที่ต้องการความสนุกและความมีสาระในเวลาเดียวกัน

ก่อนจะจากกันไป ทีมงานของเราขออนุญาตแนะนำรีวิวหนังอีกเรื่อง เกมรักทรยศ The Betrayal (2023) ละครดังน้ำดีที่คุณต้องชอบอย่างไม่ต้องสงสัย ติดตามอ่านรีวิวกันได้เลยค่ะ

ขุนพันธ์ 3 ภาพยนตร์ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่พันธ์ุไทย

ขุนพันธ์ 3 ภาพปก

ขุนพันธ์ 3 ความมันส์สะใจแอคชั่นจัดเต็มพล็อตเรื่องเข้มข้น

ขุนพันธ์ 3 คือภาพยนตร์ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่สายพันธ์ไทยของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจัดเต็มหนังแอ็คชันฟอร์มยักษ์รับต้นปี และตอบแทนแฟนหนังขุนพันธ์ที่ติดตามกันมา 10 ปี ถือเป็นทีเด็ดหนังไทยย้อนยุค ประจำปีนี้เลยทีเดียว

ซึ่งเนื้อหาในภาคที่ 3 เกี่ยวกับการผลกระทบจากสงครามที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2493 ที่ส่งผลให้บ้านเมืองได้รับความเสียหาย ในขณะที่ชุมโจรเสือร้ายกำลังรุกล้ามไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจสุดเก่งที่มุ่งมั่นในความยุติธรรมถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจจับกุมเสือร้าย 2 คนที่หลบหนีอยู่และเป็นผู้ก่อกวนอำนาจรัฐ

การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่ เรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร เชิญติดตามได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในจักรวาลของสาวกซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์ไทย ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และการแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีของสังคม ตัวละครเอกเป็นคนที่ชำนาญในการศึกษาและมีกล้ามจัดด้านอาคม

ภาคหนังนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการต่อสู้ เจ้าขุนมูลนายแสดงถึงความตั้งใจในการรวบรวมอำนาจและมีความกรุณากับตนเองเป็นสำคัญ ตลอดเนื้อเรื่องเราเห็นการรักษาชีวิตของผู้คนต่างๆ ที่ต้องทำการที่อาจแย่งกินของคนอื่นโดยไม่สนใจความถูกต้อง

ดังนั้นนี่คือเรื่องราวในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์ไทย ที่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นหนังไตรภาค และภาคนี้คือ ‘ขุนพันธ์ 3’ ภาคสุดท้ายซึ่งจะสรุปเรื่องราวไว้

ท่านสามารถดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ความคมชัดระดับ 4k ได้ทาง doonungvip.com

นี่คือภาคที่สามของภาพยนตร์จักรวาล ขุนพันธ์ ผลงานจากก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ผู้คนพูดถึงเกี่ยวกับเขาและผลงานเรื่อยๆ

อีกทั้งยังมีผลงานภาพยนตร์อื่นๆ ที่เขาได้ทำ เช่น “ลองของ” ในปี 24548, “ไชยา”, “เฉือน”, “อันธพาล”, “Take Me Home : สุขสันต์วันกลับบ้าน” และ “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” โดยภาค “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” เป็นภาคต่อของภาคแรกที่ชื่อว่า “ขุนพันธ์” 

แม้ว่าภาคต่อจะเข้าฉายก่อนแต่ภาคแรก นอกจากนี้ยังมีผลงานเขียนบทภาพยนตร์และละครอีกจำนวนมาก และผลงานในการแสดงอีกด้วย เขาได้รับความชื่นชมและยอมรับจากผู้ชมตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย และเขากลายเป็นผู้กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ไทยภาคต่างๆในวันนี้

ขุนพันธ์ 3 นักแสดงนำ

ขุนพันธ์ 3 เรื่องย่อ

ขุนพันธ์ 3 เรื่องย่อ เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนปีทศวรรษ พ.ศ. เหตุการณ์ในปี 2493 ทำให้เมืองยังคงประสบปัญหาจากภัยสงคราม ทำให้ขาดแคลนข้าวและราคาขึ้นสูง สิ่งที่สร้างความตกใจยิ่งขึ้นคือสัตว์ป่าที่อันตรายเช่นเดิมยังคงอยู่

ในส่วนของข้าราชการก็ยังมีการทุจริตต่าง ๆ อยู่ นายตำรวจขวัญพันธ์ (ประสิทธิ์ ชนะเวทย์ จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘อินทรีแดง’, ‘ชัมบาลา’ และ ‘ชั่วฟ้าดินสลาย’) ที่คิดจะลองหาผ่องปลอดภัยกับครูนุ่น (พลอย ชิดจันทร์ จากหนังเรื่อง ‘รับน้องสยองขวัญ’ และ ‘สวยลากไส้’) ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสองตัวสัตว์ป่าอันตรายอีกครั้ง คือสัตว์ป่ามเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘พี่มากพระโขนง’ และ ‘ขุนแผน ฟ้าฟื้น’) และสัตว์ป่าดำ (โตโน่ ภาคิน จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘ส้ม ปลา น้อย’ และ ‘Love Syndrome รักโง่ ๆ’)

ขุนพันธ์ 3 อนันดา

สิ่งนี้ทำให้เขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ร้ายที่แก่งใหญ่ที่มีลำน้ำที่มีจระเข้ยักษ์อาศัยอยู่ ทว่า การกลับมาของเขาก็คล้ายจะไม่เหมือนในครั้งก่อน เมื่ออาคมขลังในตัวเริ่มสั่นคลอน การต่อกรกับเหล่าร้ายจึงต้องสู้กับเวลา และอาจเป็นไปได้ว่า มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์อาจต้องกลายเป็นผู้ถูกล่าเสียเอง

ขุนพันธ์ 3 หนังซูเปอร์ฮีโร่ไทยที่บอกเล่าเรื่องราวความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ในส่วนของพล็อตเรื่องก็ถือว่าเดินเรื่องได้อย่างกระชับเช่นกัน เริ่มด้วยการอธิบายจุดเริ่มต้นของเรื่อง ปมของเรื่อง และจุดคลี่คลายของเรื่อง บทถือว่าเข้มข้นสมจริง

ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงท้ายเรื่องจะมีความแฟนตาซีอยู่มาก ส่วนการแสดงต้องคำนึงถึงนักแสดงระดับซุปตาร์หลายคน เช่น อนันดา มาริโอ้ โตโน่ ต่างก็เข้าถึงคาแรกเตอร์ของตน ให้คนดูเชื่อจริงๆว่าชุดตัวละครและฉากหนังย้อนยุคมาก เพราะเป็นหนังย้อนยุค. มันเหมือนจริงมาก

ขุนพันธ์ 3 ฉากแอ็คชั่น

ส่วนตัวผู้เขียนหนังเรื่องนี้คือนักแสดงที่แสดงเป็นตัวละครที่ดีจริงๆ ฉากบู๊ของทั้งคู่สนุกที่สุด ดราม่าที่สุด และถ่ายทอดอารมณ์ได้สุดยอดจริงๆ เราชอบเสื้อผ้าแนววินเทจ ที่ทั้งเท่และเฟี้ยวสุดๆ ทั้งเป็นหนังที่สนุกสนานมีเนื้อเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังฮีโร่ไทย มีทั้งการใช้เวทมนตร์ การต่อสู้ และการใช้อาวุธก็เป็นแบบไทยๆ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอคชั่น รักหนังฮีโร่ไทย รักเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ รถยนต์ และสถานที่ ต้องดูหนังเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ

ตัวละคร ขุนพันธ์ 3 ใหม่ที่ปรากฏในภาคนี้น่าสนใจ

ในภาคก่อนหน้านี้มีเสือใหม่เข้ามาเป็นสมาชิก และภาคนี้ก็เช่นกัน มีสมาชิกอย่างเสือมเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ) ซึ่งเป็นจอมโจรร้ายหน้าใหม่ที่เข้าร่วมกลุ่มโจรเชิ้ตขาว มีความฉลาดและความว่องไว

แม้ว่าเขาจะไม่เหลือเหล่ากับเสือคนอื่น แต่ก็มีคาถาที่เป็นอุปสรรคทำให้หลีกเลี่ยงความตายได้ เสือมเหศวรยอมที่จะเป็นคนนอกกฎหมายเพราะเกลียดชังความเหลื่อมล้ำในสังคม

ในเวลาเดียวกันก็มีคุณธรรมในส่วนใจที่ไม่น้อยกว่าขุนพันธ์ เขามีเพื่อนสาวที่สวยงามชื่อสาวิตรี (ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา) เธอเป็นหมอสาวที่คิดแบบคนรุ่นใหม่ และช่วยเหลือในการรักษาคนไข้ในศูนย์รักษาคนไข้ลับของเสือมเหศวร

ขุนพันธ์ 3 มาริโอ้

ส่วนเสือดำ (โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) คือตัวละครที่มีความคิดเด็ดเดี่ยวและดุเดือดอยู่ในใจ มีอารมณ์ที่เห็นใจลึกและกวนใจ

อีกทั้งยังมีความเกลียดชังต่อตำรวจอยู่ภายใน เขาเป็นคนที่มีความคิดตรงข้ามกับปกติ เรียกว่าเป็นคนที่โต้แย้งกับความคิดที่ไอ้แหวกไอ้เหวกเสมอ นอกจากนี้ นี่คือจุดที่พลทหารระดับสูงกว่า มีภูมิภัทร ถาวรศิริ เขาก็คือตัวละครที่ไม่เชื่อในดนตรีเสียงร้อง

ถึงแม้ว่าเขารู้จักดนตรี แต่ก็ยังชวนปวดร้าวอยู่หน่อยๆ ว่าเขาคือคนที่แปลกแยก พร้อมทั้งยังมีสิ่งของต่างๆ หรืออาจะเป็นคนที่จำนวนสติปัญญามากขนาดนั้น

งานโปรดักชั่น ขุนพันธ์ 3 เห็นได้ชัดว่าทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก

หนังภาคนี้มีชื่อภาคเป็นของตนเองและชื่อเต็มว่า ‘ขุนพันธ์ 3: วันพิพากษา’ หรือ ‘Khun Pan 3: Judgement Day’ ซึ่งในหนังมีเรื่องราวที่เดินหน้าไปตลอดโดยไม่หยุดยั้ง บางฉากของหนังนั้นมืดเกินไปหรือไม่ชัดเจน บางช็อตที่ดูตลกอาจไม่สมบูรณ์ แต่โดยรวมแล้วหนังนี้ยังเป็นความบันเทิงที่ดีโดยรวม มีการเล่นใหญ่ พร้อมกับดนตรีประกอบที่ชวนให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับเรื่องราว

ขุนพันธ์ 3 ประกาศจับ

หนังนี้ยาวถึง 156 นาทีและตั้งคำถามเกี่ยวกับความถูกผิด ทำให้เรื่องมีความหนักแน่น พาร์ทแฟนตาซีก็มีความสำเร็จเช่นกันด้วยตัวละครที่อ้างอิงจากหนังเรื่องก่อนๆ บางฉากยังทำให้นึกถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่ รวมถึงเซอร์ไพรซ์ที่ทำให้คนทั้งโรงปรบมือร้องยินดี หนังนี้ถือเป็นหนังที่บันเทิงสุดอยู่

รีวิวหนัง ขุนพันธ์ 3 บทสรุปภาพยนตร์

ในขณะที่หนังวางมาอย่างสนุกสนาน ทุ่มทุนสร้าง ระเบิดตูมตาม พร้อมเซอร์ไพร์สที่ต้องปรบมือให้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแก่นแท้ของจักรวาลหนังซูเปอร์ฮีโร่ไทย จะเขียนเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชาวบ้านถูกทอดทิ้งจากรัฐ หากท้องถิ่น ผู้แข็งแกร่งเลือกใช้กำลังบีบบังคับคนจนไม่มีทางเลือกตั้งแก๊งโจรชำแหละคนจน ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเพราะพึ่งรัฐไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใจไม่อยากเป็นโจร

ขุนพันธ์ 3 ฉากตัดผม

แต่เมื่อมีคนถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของสิ่งที่เขาทำ เขาก็ต้องค้นหาด้วยตัวเอง

ขุนพันธ์ยังเป็นผู้ชายธรรมดาที่บางครั้งก็ล้มเหลว ไม่ใช่ฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ

ถึงกับงงกับฉากจบที่แทรกระหว่างเอนด์เครดิตเหมือนขุนพันธ์เป็นหนังไตรภาค แต่โบนัสที่เพิ่มเข้ามาทำให้เราคิดว่าเขาต้องการภาคต่อ

ความรู้สึกหลังดูจบ

ส่วนตัวผู้เขียนเมื่อดูจบและอาจทำให้ต้องตะโกนออกมาว่า โครตตตตตมันส์ พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ และนักแสดงทั้งหมดที่มีการโปรโมททางโฆษณาก็ไม่เกินจริงเลย

หนังนี้ออกแบบมาเพื่อที่จะทำให้ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นภาคที่มีฉากแอ็คชันอย่างเต็มที่โดยไม่ให้เหล่าแฟนหนังได้พักผ่อน ฉากแอ็คชันในหนังดูเหมือนว่าผู้กำกับเอาเทคนิคที่ยังไม่ได้แสดงในภาคที่แล้วมาใช้ในภาคนี้ทั้งหมดเพื่อให้ได้เห็นฟัลเม่และนักแสดงที่มีการทำงานที่ดีในหนังแอ็คชันที่ดูชอบได้

ในส่วนของเนื้อหาในภาคนี้ยังคงมีความเข้มข้นอยู่และมีการพัฒนาเนื้อหาที่ดุเดือดกว่าสองภาคแรกอีกด้วย

ตอนนี้ขุนที่โดนโจมตีทางด้านการวิสามัญได้ถูกถามถึงว่าทำเกินกว่าเหตุในการจับกุมผู้ร้ายหรือไม่ ซึ่งทำให้เขาต้องออกจากราชการและกลับไปใช้ชีวิตกับภรรยาของเขาชื่อ ครูนุ่น ซึ่งกำลังท้องใกล้คลอด ก่อนที่เขาจะถูกเรียกกลับมาทำภารกิจสุดท้ายในการล่าสองเสือที่เหลืออยู่ นั่นคือเสือดำและเสือมเหศวร ในขณะเดียวกัน สภาพอาคมและความคงกระพันของขุนก็เริ่มเสื่อมลง

ภาคนี้เราได้เห็นว่าความเป็นมนุษย์ของขุนมีอยู่มากที่สุด โดยเขามีความต้องการจะรอดชีวิตและกลับไปหาเมียและลูกของเขา เราได้เห็นมุมการเกิดความกลัวของขุนที่เราไม่เคยเห็นในภาคก่อน บางครั้งเขาอาจเก่งและกายกรรมมาก แต่เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์เหมือนเรา

ขุนพันธ์ 3 นักแสดงนำ มาริโอ้

สรุปสั้นๆ: ในภาคนี้, มาริโอ้และโตโน่ได้รับบทบาทของสองเสือ: เสือมเหศวรและเสือดำ ทั้งคู่ผ่านการสอบผ่านอย่างไร้ข้อกังขา บทบาทเสือมเหศวรที่มาริโอ้แสดงเป็นการแตกต่างจากผลงานอื่นๆ ของเขาซึ่งมักจะเป็นคอมเมดี้ ในบทบาทนี้เขาแสดงความเท่ในมาดของเสือมเหศวรอย่างมาก เหมือนจะลบภาพน่ารักของมาริโอ้แต่เป็นการโชว์ความเข้มข้นไปในสไตล์สุภาพบุรุษจอมโจร

แม้ว่าคำพูดทั้งหมดในบทความนี้จะถูกเสวนาในทิศทางที่ดี แต่หนังยังคงมีข้อบกพร่องที่มากเกินไปในบางส่วน แต่เนื่องจากระยะเวลาของหนังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บางส่วนอาจมีจังหวะที่ทำให้ดูอืดอาดเนื่องจากการเล่นให้ปล่อยของพลังในฉากแอ็คชันต่อเนื่อง และเมื่อถึงจุดที่ต้องเล่าเนื้อเรื่องต่อไป

มันอาจจะเหนื่อยขึ้นเพราะต้องรอคอยโอกาสในการดึงอารมณ์ความโกรธที่มีอยู่ออกมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง.

ผลสรุปที่สุดถ้าพูดถึง “ขุนพันธ์ 3” คือว่าเป็นหนังไทยที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์มาก เพราะมีความสนุกเท่ากับหนังฮอลลีวู้ด อาจไม่เป็นหนังที่ดีอย่างยอดเยี่ยม

แต่ทีมงานนักแสดงและผู้สร้างไม่ดูถูกคนดูและแสดงความตั้งใจในการส่งท้ายแฟรนไชส์นี้ ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นงานแบบนี้ออกมาให้ชมอีกหรือไม่ อยากให้ลองเปิดใจเพื่อให้รู้ว่าวงการหนังไทยถ้าตั้งใจทำก็ไม่แพ้ใครเลย

อ่านรีวิวเรื่องนี้จบแล้ว เราอยากให้ทุกท่านตามไปอ่านรีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยตลกแสนสนุกสนานอีกเรื่อง รับรองคุณจะไม่ผิดหวัง

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

รีวิวหนังไทยย้อนยุค  จะมา รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง 2549 ที่ พลอย และลูกของเธอ เขากำลังใช้ช่วงเวลาเป็นคืนสุดท้ายกับ ปาล สามีซึ่งเป็นนักการเมือง ก่อนที่เขาจะเดินทางลี้ภัยตามคำสั่งคณะรัฐประหารไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ติดตามรับชมกันได้เลย ที่ เว็บดูหนังเถื่อน

เนื้อเรื่องของหนัง

เหตุการณ์เรื่องราวของภาพยนตร์ พญาโศกพิโยคค่ำ  เป็นการเอารูปจากปี  2516 ตอนที่ พลอย อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น กำลังป่วยเข้าขั้นโคม่า ปราสาท ผู้เป็นพ่อหายตัวไปอย่างไร้วี่แวว ส่วน ไพลิน แม่ของเธอที่เพิ่งฟื้นตัวจากการรักษาอาการป่วยทางจิต กลับมาพบกับหมอประจำตระกูลอีกครั้ง เกิดเป็นรักในความลับที่ชวนเสน่หา

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

เมื่อสุริยุปราคาได้เข้ามาบดบังจนทุกสิ่งอย่างมันมืดดำ เรื่องราวบางอย่างก็เปลี่ยนแปลง เงาสุริยุปราคานั้นได้กลืนกินหมอให้หายไป และคายปราสาทที่หายตัวไปให้กลับมา บาดแผลจากอดีต ก่อตัวขึ้นเป็นความมืดมิดภายในใจ ห้วงเวลาที่สุริยุปราคาพาทุกอย่างให้หยุดนิ่งไป ชะตากรรมและอนาคตของครอบครัวนี้ ถูกครอบงำไว้ด้วยความรุนแรงและความหวาดกลัว ไม่มีใครรู้ว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ THEEDGE OF DAYBREAK หนังดี

ปี 2564 น่าจะเป็นปีที่ ไทยดูห่างหายไปเยอะเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ในสายการประกวดนานาชาติแล้วหนังไทยก็ยังคงไม่ได้ห่างหายไปตามจำนวนการสร้างที่ลดลง และ ‘พญาโศกพิโยคค่ำ (The Edge of Daybreak)’ ของ ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์

พญาโศกพิโยคค่ำ HDมาสเตอร์  เป็นหนังไทยเรื่องล่าสุดที่ไปคว้ารางวัล FIPRESCI Prize จากเวที International Film Festival Rotterdam 2021 (IFFR) จากประเทศเนเธอร์แลนด์มาได้สำเร็จ ในสายประกวด Tiger Awards Competition

หนังเรื่องนี้ได้ทำมาเลียนแบบ หนังเรื่อง ‘Wonderful Town เมืองเหงาซ่อนรัก’ (2550) ‘Mundane History เจ้านกกระจอก’ (2552) ‘Eternity ที่รัก’ (2554) และ ‘Vanishing Point’ (2558) ซึ่งเราคงเห็นได้ว่านี่คือตระกูลหนังที่ไม่ได้เน้นเรื่องของการขายวงกว้าง แต่เป็นหนังที่เน้นการถ่ายทอดตัวตนของผู้สร้างและบูชาความเป็นศิลปะในภาพยนตร์เสียมากกว่า

THEEDGE OF DAYBREAK หนังเอเชีย

อย่างเช่นเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ นั้น เล่าถึงการเมืองเรื่องภายนอกบ้าน ที่กัดกินจิตใจของหญิงสาว 3 รุ่นในครอบครัวนี้ บ้านเมืองที่เขาบอกว่ามันเป็นประชาธิปไตย แต่หลายครั้งหลายหนมันกลับอยู่ในคราบของเผด็จการ ทั้งยังถูกฝังกลบไม่ให้คนไทยส่วนใหญ่ได้จดจำ บ้านนี้เมืองนี้กลายเป็นเศษซากที่เน่าเปื่อยผุพัง รอวันชำระล้าง

เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องที่สุดยอดมากเพราะได้ไปโชว์บนเวทีโลกเมื่อช่วงต้นปีนี้ก็คือ “The Edge of Daybreak” ต้องเรียกว่าเป็นหนังนอกกระแสที่ชือไทยๆ คือ “พญาโศกพิโยคค่ำ” ผลงานของผู้กำกับ “ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์” ที่ได้ไปเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัม 2021 ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่จัดขึ้นครบรอบ 50 ปีในปีนี้ โดยหนังเรื่องนี้ได้รับโอกาสไปเปิดตัวฉายเป็นรอบปฐมทัศน์โลก และยังมีชื่อติดเข้าประกวดในสาย Tiger Competition เพื่อลุ้น “ไทเกอร์ อวอร์ดส์” และล่าสุดผลรางวัลก็ได้ประกาศออกมาแล้ว

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

The Edge of Daybreak Pantip  เป็นผลงานยอดเยี่ยม ซึ่งได้รับรางวัล FIPRESCI Award จากเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัม 2021 โดยรางวัลดังกล่าวเป็นเสียงโหวตและคะแนนความนิยมจากสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์จากทั่วโลก นั่นเท่ากับว่าบรรดาตัวแทนนักวิจารณ์จากที่ต่างๆ รู้สึกประทับใจและชื่นชมในผลงานหนังไทยเรื่องนี้ และได้เทใจเทคะแนนให้ ก่อนมอบรางวัลนี้ให้ เพื่อการสนับสนุนผลงานในฐานะหนังคุณภาพที่ควรค่าแก่นำไปพัฒนาต่อ

เรื่องราวปัญหาภายในสังคมและครอบครัว

โดยรวมๆแล้วในงานเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัมที่จะเกิดขึ้นนี้ เป็นการจัดงานณูปแบบออนไลน์ทั้งหมด และในงานประกาศผลรางวัลก็จัดขึ้นในรูปแบบสตรีมมิ่งเช่นเดียวกัน โดยรางวัลใหญ่ ไทเกอร์ อวอร์ดส์ ปีนี้ตกเป็นของ “Pebbles” หนังดราม่าเรื่องเล็กๆ จากทีมผู้สร้างหนังชาวอินเดีย ขณะที่ “The Dog Who Wouldn’t Be Quiet” หนังจากประเทศชิลี คว้ารางวัลใหญ่ในหมวด Big Screen Competition

ทั้งนี้ เรื่องย่อ พญาโศกพิโยคค่ำ นับว่าเป็นหนังไทยเรื่องแรกเลยที่ได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีระดับโลก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีหนังไทยนอกกระแสหลายๆ เรื่องคว้ารางวัลมาครองได้สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น “Vanishing Point” ของผู้กำกับ “เก่ง จักรวาล” หรือ “Wonderful Town” ของ “อาทิตย์ อัสสรัตน์”

พญาโศกพิโยคค่ำ เป็นหนังที่ดีมากเกี่ยวกับ ปัญหาของครอบครัวที่ประสบปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากการประท้วงในอดีต และเหตุการณืได้ต่อเนื่องมาจนถึงเหตุรัฐประหารปี 2006 ที่กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ทุกคนล้วนแต่มีจิตใจที่บอบช้ำจากการเจริญเติบโตกับเหตุการณ์ต่างๆ นำแสดงโดย “โดนัท มนัสนันท์”, “ชลัฏ ณ สงขลา” และ “สุนิดา รัตนากร” ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเข้าฉายเมืองไทยแต่อย่างใด

แนะนำให้ลองรับชมดูนะครับเผื่อจะชอบ

ได้เห็นจากข่าวแล้วเราจะรู้ได้ว่า The Edge of Daybreak ดูฟรี หรือ พญาโศกพิโยคค่ำ เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนดูและได้รับความนิยมจากคนดูในเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัมประจำปีนี้ แต่น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถคว้ารางวัลใหญ่ ไทเกอร์ อวอร์ดส์ กลับมาเชยชมที่เมืองไทยได้ แต่อย่างน้อยหนังก็ยังได้อีกหนึ่งรางวัลติดมือกลับบ้านได้อยู่

หนังได้ทำการเล่าเรื่อง สลับกันไปมา น่าสนใจมากๆ แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนหนังเรื่องอื่นคือ งานภาพที่เปลี่ยนเป็นสีขาวดำทั้งหมด ทำให้แม้แต่เลือดก็มองเห็นเป็นเพียงน้ำสีดำ แต่เพราะดนตรีประกอบนี่แหละที่ส่งเสริมให้ภาพต่าง ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือ เป็นหนังที่ไม่มีสีเลยสักนิด นัยยะของมันคือหนังงานศพดี ๆ นี่เอง ให้อารมณ์เหมือนจะไว้อาลัยให้กับการจากไปของบางสิ่ง เมื่อรวมกับดนตรีประกอบที่ใช้เครื่องดนตรีสองสามอย่างเล่นไม่เชิงเป็นทำนอง แต่ระคายหูสั่นเครือ เจือความเศร้าและปวดร้าวอยู่ข้างใน

นี่คือหนัง The Edge of Daybreak เต็มเรื่อง  ที่มีความยาวๆมากเรื่องแรกของผู้กำกับคนนี้  เขาได้สร้างหนังออกมาแนวศิลปะในแกลเลอรี่ ภาพทุกช็อต รวมเข้ากับดนตรีประกอบ สามารถวางตัวเป็นงานศิลป์ในแกลเลอรี่ได้ทั้งหมด เป็นส่วนที่ต้องใช้ความคิดในการตีความ ซึ่งก็ต้องอาศัยทั้งเวลาและประสบการณ์ของผู้ชม

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง

ตัวละครทุกคนในเรื่องนี้ แสดงได้ดีมากๆเลยทีเดียว แต่ที่โดดเด่นสุดก็เป็นโดนัทที่แสดงทั้งสีหน้า แววตา ของคนที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ ของคนที่เฝ้ารอคอยสามีมาตลอด ของคนที่เหงา ว่างเปล่า และรู้สึกผิด เธอทำได้ดีอย่างน่าทึ่งในฉากที่ต้องพูดไดอะล็อกยาว ๆ

จะเรียกว่า The Edge of Daybreak รีวิว บางคนคิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะดูยาก ผมคิดว่าอยู่ที่คนชอบนะ  เพราะว่าหลายๆฉากที่ชวนสงสัยว่า เขากำลังสื่อสารอะไร บางช่วงอาจพางุนงงในทีแรก ก่อนที่เรื่องราวจะถูกบอกเล่าจนเค้าลางบางอย่างมันชัดเจนขึ้น แต่ก็คงไม่แปลก ถ้าดูในครั้งแรกแล้วพบความไม่เข้าใจในหลายจุด จนอาจจะต้องใช้การพูดคุยสนทนาหาข้อมูล แล้วกลับไปดูซ้ำใหม่ซึ่งก็ย่อมจะเข้าใจได้มากขึ้น

รีวิว พญาโศกพิโยคค่ำ The Edge of Daybreak หนังไทยที่ได้รับรางวัล

สิ่งที่ชอบและชื่นชมก็คือ งานองค์ประกอบภาพที่ผสานกับงานดนตรีประกอบ ต่างส่งเสริมกันให้  ออกมาดูทรงพลัง แม้จะยังตีความได้ไม่ครบนัก เป็นงานหนังที่มีความเป็นศิลปะอยู่สูง แต่ก็เป็นกลิ่นใหม่ ๆ ที่นายแพทได้พาตัวเองเข้าไปพบ และก็หวังว่าใครหลายคนที่ได้อ่านบทรีวิวนี้จะได้ลองเปิดใจพาตัวเองเข้าไปพบเจอบ้าง สนใจติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ได้ที่ บอดี้ ศพ19

ชื่อภาพยนตร์ พญาโศกพิโยคค่ำ / The Edge of Daybreak
ผู้กำกับ ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์/Taiki Sakpisit
ผู้เขียนบท ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์/Taiki Sakpisit
นักแสดง มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล, ชลัฏ ณ สงขลา, สุนิดา รัตนากร, ชมัยภร แสงกระจ่าง
แนว/ประเภท Drama, History
เรท
ความยาว 114 นาที
ปี 2021
เข้าฉายในไทย 16 ธันวาคม 2021
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย 185 Films, Common Move, White Light, FahFuenFactory, SAC Gallery, Purin Pictures
The Edge of Daybreak

รีวิว ผ้าผีบอก Ghost cloth หนังไทยที่ตลก หัวเราะจนน้ำตาไหล

รีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยที่ตลก หัวเราะจนน้ำตาไหล

หากใครนอนอยู่บ้านเหงาๆ อยากหาหนังไทย สนุกๆดูซักเรื่อง วันนี้มีหนังมาแนะนำ เว็บดูหนังเถื่อน เป็นหนังแนว สยองปนฮา ของ 5 สาว BNK48, หยิ่น อานันท์, วอร์ วนรัตน์ และ บอส สหรัฐ  มาในเรื่อง  รีวิว ผ้าผีบอก Ghost cloth เริ่มต้นที่ชวนให้คิดว่าน่าจะออกมาเป็นหนังผี ยิ่งตัวอย่างหนังก็ยิ่งบอกชัดว่า นี่ท่าจะมาทางสายหนังฮาแต่ว่ามีผีเป็นส่วนประกอบ

เมื่อไปดูจริงๆ จึงได้พบว่า ‘ผ้าผีบอก’ เป็นหนัง รีวิวหนังไทยย้อนยุค  แฟนตาซีลึกลับตลก บวกโรแมนติกหน่อยๆ  บอกเลยว่าสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆ ได้อย่างมากโดยเฉพาะภาคเหนือ และ ภาคอีสาน ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นได้ที่นี่ 13 หมูป่า เรื่องเล่าจากในถ้ำ

รีวิว ผ้าผีบอก หนังผีไทย

มาตอนนี้ ได้มีโปรแกรมที่จะผลิตหนังขึ้นมา  iAM Films  ยังทำออกมาได้ดีเสมอเลยนะ ค่ายเองก็พยายามจะหาส่วนผสมใหม่ ๆ ให้กับภาพยนตร์ แม้ว่าจะดูโยนหินถามทางไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการเสิร์ฟอะไรใหม่ ๆ ให้แฟนคลับและคนดูหนังอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่ส่วนผสมแบบหนังอินดี้ (Where We Belong) การใส่ความเป็นอีสานบ้านเฮาใน ‘ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้’ (2563) หรือการใส่ส่วนผสมแนวแคนดิดใน ‘ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง’ (2564)

โดยมีหนังล่าสุดเรื่อง ‘ผ้าผีบอก’ เรื่องนี้ก็เหมือนเดิม ยังมีส่วนประกอบที่แม้จะยังไม่ได้ถึงกับกระชากฟีลจากไทบ้านมากนัก เพราะตัวหนังก็ยังหยิบเอาวัฒนธรรมภาคเหนือ-อีสานมาปรับใช้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ ส่วนผสมสูตรนี้ มาจากโปรดิวเซอร์อย่าง ‘มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ และได้ ‘อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์’ นักแสดงจากภาพยนตร์ของพี่มะเดี่ยว ทั้ง ’13 เกมสยอง’ (2549), ‘ฝัน หวาน อาย จูบ’ (2551) และ ‘หลุดสี่หลุด’ (2554) และเคยผ่านงานมิวสิกวิดีโอของทั้ง BNK48 และ CGM48 มานั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก

เรื่องย่อ ผ้าผีบอก

เหตุการณ์ได้เล่า บอกเหตุการณ์ เมื่อ พันปีก่อน เรื่องมีอยู่ ว่า พระมหาเทวีศรีมอย ซึ่งเป็นแม่ ของ ‘เจ้าหลวงรังสิมันต์’ (หยิ่น- อานันท์ หว่อง) เจ้าเมืองเวียงไชยเชษฐ์บุรี จึงได้มีการจัดการแข่งขัน ทอผ้า เพื่อเลือกหญิงสาว ที่เหมาะสมในการขึ้นมาเป็นชายา คู่บัลลังก์ เพราะเจ้าเมืองท่านทรงพระง้องแง้ง ไม่ยอมเลือกมเหสีสักที แต่กลายเป็นว่า ‘อัญญานางหอมนวล’ (วี- วีรยา จาง) แห่งนครผางาม หนึ่งในผู้แข่งทอผ้าในครานั้น กลับถูกรัดคอตายอย่างลึกลับในระหว่างทอผ้า โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ

รีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยที่ตลก หัวเราะจนน้ำตาไหล

และหนังได้เล่ามาจนถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน ‘บักคูณ/อชิ’ (วอร์ – วนรัตน์ รัศมีรัตน์) เป็นคนจัดทีมขึ้นมา เพื่่อที่จะถ่ายไลฟ์สด รายการผี  ได้ไปสัมผัสผ้าโบราณผืนหนึ่งที่บ้านของยายทวด วิญญาณของอัญญานางหอมนวลจึงปรากฏตัว เพื่อตามหาคนร้ายที่ฆ่านาง โดยมีผู้ต้องสงสัยคือเจ้านางองค์อื่น ๆ

ได้มีการให้เข้าร่วมการแข่งขันการทอผ้า ทั้ง ‘เก็ดถะวา’ (โมบายล์-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค), ‘สะบันงา’ (ปูเป้-จิรดาภา อินทจักร) และ ‘สาระปี’ (น้ำหนึ่ง-มิลิน ดอกเทียน) พ่วงมาด้วยข้าประจำตัวอย่าง ‘คำเคิบ/วีว่า’ (จีจี้- ณัฐกุล พิมพ์ธงชัยกุล) ร่วมเป็นผู้ต้องสงสัย การสืบสวนหาคนร้ายจากยุคพันปีก่อนจึงต้องเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่อชิและพวกจะต้องเผชิญกับอาถรรพ์ครั้งใหญ่

พล็อตเรื่องของหนัง

จริง ๆ แล้วตัวพล็อตเองมีความน่าสนใจล่ะนะครับ เพราะถือว่าเป็นส่วนผสมที่แปลกใหม่ดีสำหรับหนังไทยเลยแหละ โดยเฉพาะส่วนผสมของ “คอมมีดี้-สยองขวัญ-พีเรียด-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน” แถมยังจับเรื่องตำนานพื้นบ้าน ผสมกับแนวทางของละครแนวจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่ดูโบราณ แต่บอกไม่ได้ว่าอยู่ในยุคสมัยไหน

ทั้งหมดนี้เป็นแค่สถานที่ ที่สร้างมาไม่ได้เป็นสถานที่จริงแค่ สมมุติขึ้นมา (เฉย ๆ ว่าเป็นล้านนา) แอบแซวนิยายพีเรียดผ้าผลงานของ ‘พงศกร’ และก็มีแนวทางของหนังสไตล์ Whodunit (ไผฆ่าหอมนวล ? ) แถมยังบวกไซไฟนิด ๆ โรแมนติกหน่อย ๆ ด้วย (อืม ตกลงนี่มันหนังอะไรแล้วเนี่ย (555)

และในที่สุดก็เริ่มเดาเหตุการณ์กันออกแล้วสินะ ว่าตัวหนังจะออกมาเป็นอย่างไร ใช่ครับ มันออกมากาวมาก การ์ตูนโคตร ๆ แม้ตัวหนังในช่วงเริ่มแรกพยายามจะปูเรื่องให้เรารู้สึกน่ากลัว รู้สึกถึงความโหดเหี้ยมของคนที่ฆ่าหอมนวล แต่หลังจากนั้นตลอดทั้งความยาวหนัง 100 นาที มันก็กลายเป็นความกาว เหมือนกำลังดูอนิเมะอะไรแบบนั้นเลยครับ คือถ้าใครที่จะดูเอาความสยอง ดูความ Whodunit อยากเป็นนักสืบปัวโรต์ ไรงี้ ขอให้ล้มเลิกความคิดนั้นซะเลยนะครับ

โครงเรื่องของหนัง

พอดูไปเรื่อยๆ เราจะรู้ได้เลยว่า ผู้กำกับ คิดจะวางโครงเรื่อง ให้ดูซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เหมือนเวลาเราดูหนัง Whodunit ผนวกกับการเล่าเรื่องกรรมแต่ชาติปางก่อน ที่แต่ละคนล้วนมีความผูกพันกันอย่างบังเอิญไปด้วย แต่เพราะตรรกะและการกระทำของตัวละครนี่คือแบบ…เมิงจะไม่เอาจริงเอาจังอะไรกันซักอย่างบ้างเลยเรอะ (555) ทุกการกระทำ เหตุผลของตัวละคร ล้วนเป็นไปเพื่อความกาวล้วน ๆ แถมตัวละครยังมีพลังพิเศษ ก็ยิ่งดูเบียวเข้าไปอีก

รีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยที่ตลก หัวเราะจนน้ำตาไหล

โดยรวมทั้งหมดแล้ว หนังได้ทำออกมาแบบไร้ขีดจำกัดมากเกินไปนะ คือมันบันเทิงและฮาด้วยความเบียวและความอีหยังวะของมันจริง ๆ ทุกการกระทำในบทหรือด้นสด นี่คือคิดตามด้วยความ Realistic ไม่ได้จริง ๆ ยิ่งเล่าไปเรื่อย ๆ เหมือนทีมเขียนบทมันมือ ยิ่งใส่ความเบียว ความเหวอแตกหนักข้อขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งบางอันก็ได้ผล ดูแล้วก็ยังพอจะฮาไปกับความบ้าบอของมันได้ แต่บางอันก็ดูจะฝืน ๆ อยู่เหมือนกัน จนถึงไคลแม็กซ์ท้าย ๆ นี่คือเวรี่เบียวจนเหวอแตกกันไปเลยยยยย

หนังผีที่ตลกมาก

แต่ก็ด้วยความเป็นหนังที่ ค่อนข้างจะติดตลดไปหน่อย และหนังได้ทำออกไปแนว เหวอแตก จนแทบจะกลายเป็นหนังคัลต์ของ BNK48 แทรกแก้เลี่ยนด้วยพาร์ตดราม่าซึ้ง ๆ ที่ตัวบทขมวดปมไว้แล้วเก็บกลับได้ดี แต่ไอ้ความเล่น ๆ มันก็กลายเป็นข้อสังเกตได้เหมือนกัน เพราะบทที่ดูเหมือนจะออกแบบมาประมาณหนึ่ง

แต่พอมัวแต่เหวอไปกับความเบียวมาก ๆ แก่นสารของเรื่องก็เลยดูกลายเป็นการสั่งสอนแบบธรรมดา ๆ ไปเสียอย่างนั้น รวมถึงบทและการเรียบเรียงเรื่องราวในบางจุดดูจะยังเก็บงานไม่เรียบร้อยเท่าใดนัก เลยทำให้การเล่าเรื่องบางพาร์ตยังดูงง ๆ ไม่เข้าที่เข้าทางไปด้วย รวมทั้งยังทิ้ง Plot Hole ไว้เยอะมากแทบจะทั้งเรื่องเลย

และในด้านของนักแสดงต่างๆของเรื่องนี้  ยกตัวอย่างที่เด่นๆเลยก็ มี BNK48 เรามักจะเห็นปัญหาของการเฉลี่ยบทบาทของเมมเบอร์ที่จะหนักเฉพาะเมมเบอร์บางคน หรือการที่เมมเบอร์รับบทบาทในหนังบางเรื่องได้ไม่เข้าปากเข้าบท แต่กับหนังเรื่องนี้ ต้องชื่นชมว่าสามารถแก้เกมตรงจุดนี้ได้ค่อนข้างดีนะครับ อาจจะเพราะว่าจำนวนเมมเบอร์+หยิ่นวอร์+ทีมแก๊งรายการผีนั้นถือว่ากำลังดี ไม่เยอะเกิน สามารถเฉลี่ยแอร์ไทม์ได้ค่อนข้างดีเลย

รีวิว ผ้าผีบอก บทสรุป

และที่เป็นประเด็นหลักๆของหนังคือ การพัฒนาบทการแสดงของตัวละครแต่ละคน ที่ถือว่าค่อนข้างได้ผลเลยล่ะครับ สามารถหยิบเอาเสน่ห์ของแต่ละคน และแทรกความตลกออกมาได้น่าสนใจ ซึ่งแฟนคลับน่าจะพอดูออกครับว่าคาแรกเตอร์ไหนที่เอามาจากตัวเมมเบอร์จริง ๆ และนั่นก็ทำให้การแสดงของ BNK48 ถือว่าโตขึ้นไปอีกระดับ

แต่ในส่วนของตัวเอกของเรื่อง  คงจะหนีไม่พ้น ‘หอมนวล’ (วี BNK48) และ ‘บักคูณ’ (วอร์ วนรัตน์) ตัวพระนางหลักของเรื่อง ที่งานนี้ถือว่ามีความน่ารักชวนจิ้น วอร์เล่นได้ทั้งบทฮา ซึ้ง โรแมนติก ส่วนน้องวีก็ถือว่าสวยและขึ้นกล้องมากจริง ๆ ครับ เรียกว่างานนี้ #วอร์วี ต้องมาละนะครับ

รีวิว ผ้าผีบอก หนังไทยที่ตลก หัวเราะจนน้ำตาไหล

สรุปแล้วหนังเรื่อง ‘ผ้าผีบอก’  นี่อาจเป็นหนังที่คล้ายๆกับเรื่อง ‘หอแต๋วแตก’ เวอร์ชัน BNK48 ก็ได้ เพราะมันอุดมไปด้วยความวาไรตี้ครบรส ที่ใช้ความเบียวขั้นสุด ความกาว ล่อฮากันแบบไม่ต้องเกรงใจใคร

ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเกาะเกี่ยวความสยองขวัญ ตำนานผี และความบันเทิงแบบจักร ๆ วงศ์ ๆ มาสับ ๆ คลุกเคล้าจนกลายเป็นหนังผีตลกที่เหมาะกับการถอดสมองระหว่างดู เหมือนกำลังนั่งกินหมกกบอยู่หน้าฮ่านอย่างไรก็อย่างนั้นเลยครับ

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยา สู่ยุครัตนโกสินทร์

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยาสู่ ยุครัตนโกสินทร์

รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยาสู่ ยุครัตนโกสินทร์

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว (2561) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า  รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒  ที่สร้างปรากฏการณ์ ละครโทรทัศน์ ทำให้ทุกคนรู้จัก ออเจ้า กันทั่วทั้งประเทศได้  ซึ่งเป็นละครแนวย้อนยุคคอมเมดี้ผสมผสานความโรแมนติก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

เว็บดูหนังเถื่อน จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของละครเรื่องดังกล่าว จนทำให้ต้องมีแผนในการสร้างภาคต่อที่ชื่อว่า พรหมลิขิต จนกลายเป็น รีวิวหนังไทยย้อนยุค  ชื่อเรื่องว่า  “บุพเพสันนิวาส 2” แต่ต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้พวกเขาต้องเลื่อนฉายมาหลายต่อหลายครั้งและถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์อีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ที่หยิบยกนำเอาละครชื่อดังมาจากแปลงเป็นภาพยนตร์เช่นเดียวกับเรื่อง เจ้าแม่นาคี

วันนี้ จะขอพาทุก ๆ รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ คนย้อนเวลากลับสู่ยุครัตนโกสินทร์ เมื่อ 177 ปีก่อน กับเรื่องราวความรัก พรหมลิขิตที่นำพา ภพ-เกสร มาเจอกัน และเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรักในยุครัตนโกสินทร์ให้เราได้กลับมาฟินอีกครั้ง และสามารถติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นได้ที่  ทิดน้อย

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ บทนำของเรื่อง

กอ่นหน้านี้เป็นละคร ออนแอร์อยู่ทางช่อง 3 ก็สร้างปรากฏการณ์กลายเป็นกระแส เป็นละครทีวีที่มีผู้ชมพูดถึงและเข้าชมเป็นประวัติการณ์ ด้วยเรื่องราวที่คนเคล้ากันทั้งความเป็นละครย้อนยุค บวกกับละครประวัติศาสตร์ แถมยังสร้างสรรค์บทได้ชวนหัว มีอะไรในนั้นให้หยิบออกมาพูดถึงในโลกโซเชียลได้เยอะแยะ ไม่แปลกเลย ถ้าวันหนึ่งจะมีคนหยิบมันมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่เขาไม่ได้นำมารีเมกแต่ใช้วิธีการสร้างเป็นภาคต่อ นั่นแหละ บุพเพสันนิวาส ๒ HD จึงกำเนิดขึ้นในวันนี้

ภาพยนต์เรื่องนี้ได้ถูกสร้างขึ้นจากความร่วมมื่อการสองค่าย คือ Broadcast Thai กับ GDH ปรุงมันออกมาจนเป็นภาพยนตร์ที่สานต่อเรื่องราวความรักข้ามภพข้ามชาติของตัวละครคู่หนึ่ง โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณี ยังคงเป็นคู่ขวัญคู่พระนางเช่นเดิม แต่เปลี่ยนมาเล่าเรื่องในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น พร้อมมีตัวละครที่มาจากตัวตนคนจริงในประวัติศาสตร์เข้ามาร่วมด้วย มาลองดูกันซิว่า หนังจะสานตาความสนุกจากละครได้มากน้อยเช่นไร

เรื่องย่อหนัง บุพเพสันนิวาส ๒

โดยหนังจะเล่าถึงเรื่องราวเหตุการโดยในภพนี้ พี่หมื่นได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ โดยกลายเป็น ภพ และในเรื่องได้เรียกว่า ขุนสมบัติบดี (โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ จากละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’) นายช่างหนุ่มผู้ยิ้มหวานที่สุดในประเทศสยามคนที่ฝันถึงแม่หญิงคนหนึ่งมาเนิ่นนานจนปักใจว่าเธอคือคู่บุพเพสันนิวาส

แต่มาก้ได้มาพบเจอหญิงงามที่ชื่อว่า เกสร (เบลล่า ราณี แคมเปญ จากหนังเรื่อง ‘อีเรียมซิ่ง’) หญิงที่มีหน้าตาตรงกันกับแม่หญิงการะเกดสาวในฝันของเขาเด๊ะๆ จึงไม่รอช้าเข้าไปจีบในทันที แต่เธอเป็นหญิงหัวก้าวหน้า เธอชอบจะไปเล่าเรียนและได้ภาษาจากบาดหลวงปาลเลอกัวซ์ เธอเลยไม่เชื่อเรื่องบุพเพฯ แถมยังไม่ชอบหน้าภพเข้าเสียอีก

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยาสู่ ยุครัตนโกสินทร์

และไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ที่ภพได้เจอ กับเกสรเขายังคงติดปากเรียกว่า ‘ออเจ้า’ ทุกครั้งไป คนที่เกสรสนใจกลับกลายเป็น เมธัส (ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต จากหนังเรื่อง ‘Ghost Lab’ และมินิซีรีส์ ‘Bad Genius’) ชายหนุ่มในโลกปัจจุบันที่ดันย้อนเวลากลับไปในอดีตยุคเดียวกับสองคนก่อนหน้าเข้าโดยบังเอิญ ทั้งยังเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่สยามกำลังเจรจาซื้อเรือหลวงเอกสเปรส เรือกลไฟจากเมืองลิเวอร์พูล ที่นายห้างหันแตรนำมาเสนอขาย แต่เรื่องราวเริ่มจะลุกลามบานปลายจนอาจทำให้ประวัติศาสตร์เกิดการเปลี่ยนแปลง นี่คือภารกิจรัก เคล้าภารกิจบ้านเมือง ที่ภพและเกสรจักต้องเผชิญ

Love Destiny The Movie

จนได้กลายเป็นเรื่องราว ของชายผู้หลงรักหญิงที่อยู่ในความทรงจำในชาติก่อน จนถึงขนาดอิดออดของถอนหมั้นกับคู่ที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้ มุ่งมั่นตามหาหญิงที่เป็นคู่บุพเพฯ แต่ดันมาพบเอาทีหลังว่า นางคือคนถูกหมายหมั้นกันเอาไว้ สุดท้ายต้องกลับลำไปจีบให้เธอรักเพื่อจะได้ครองคู่ตามที่สร้างบุญกรรมด้วยกันเอาไว้

ขณะที่เหตุการณ์ในชาติภพใหม่เปลี่ยนจากสมัยอยุธยา กลายมาเป็นรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ถ้าจะพูดอย่างจำเพาะเจาะจงลงไปก็คือสมัยรัชกาลที่สาม ที่ยุคนั้นรู้กันว่ารุ่งเรืองมากทั้งด้านการค้า วรรณกรรม และการเข้ามาของพวกยุโรป (ที่ชาวสยามเรียกพวกเขาว่า ชาววิลาศ) มีบาทหลวงปาลเลอร์กัวซ์ที่มาเผยแผ่ศาสนาแลอาศัยอยู่โบสถ์อัสสัมชัญ

หมอบรัดเลย์ที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาเช่นกันแต่เพราะความสนใจในการพิมพ์จึงได้เป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือฉบับแรกแห่งสยาม มีนายห้างหันแตรผู้นำทั้งกล้องถ่ายรูปเข้ามาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งแรก ทั้งยังเป็นคนนำเรือกลไฟเข้ามาเสนอขายกับเสด็จในกรมด้วย อีกทั้ง สมัยนั้นก็สยามยังรุ่งเรืองทางด้านวรรณกรรมเพราะมีกวีเอกของโลกของ สุนทรภู่ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นเช่นกัน บุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์สยามเหล่านี้ต่างก็มีพื้นที่โลดแล่นอยู่ในหนัง เกาะเกี่ยวไปกับตัวละครสำคัญๆ ของเรื่องทั้งสิ้น

หนังเรื่องนี้ทำออกมา เป็นเรื่่องราวที่เล่าสลับกันทั้งเรื่อง ระหว่างชาติของ ความรักของ ภพ และ เกสร และอีกภพชาตินึง พร้อมมี เมธัส หนุ่มจากอนาคตเป็นตัวสอดแทรก และพาร์ทการเมือง เมื่อเหตุการขายเรือกลไฟที่ลุกลามบานปลาย และการก้าวข้ามเวลามาของเมธัสที่อาจส่งผลให้ประวัติศาสตร์สุ่มเสี่ยงจะถูกเปลี่ยนแปลง ภพจึงตั้งปณิธานทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้เรื่องราวมันเป็นไปตามนั้น พร้อมๆ กันไปกับทำยังไงให้เกสรมีใจ

ถ้าจะให้บอกตรงๆก็เหมือนกันการเอาหนังที่ผู้ชมรู้ตอนจบมาตั้งแต่ก่อนดูอยู่แล้ว หนึ่งคือมันเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องบุพเพสันนิวาส กับมันเป็นเรื่องที่เอาประวัติศาสตร์มาขีดเขียนเป็นบทหนัง

ความน่าสนใจของหนัง

จึงไม่ต่างกับตอนเป็นละคร คือ การหยิบเอาตัวตนคนจริงในประวัติศาสตร์มารับใช้บทหนัง ทำให้ผู้ชมรู้สึกจับต้องพวกเขาได้มากกว่าจะเป็นแค่ตัวอักษรในหนังสือ แต่ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีตัวละครมากมายตามไปด้วย ลำบากในการจัดเรียงกันพอสมควร รวมทั้งยังต้องสร้างฉาก เสริมด้วยการใช้ซีจีมาปรับแต่งภาพให้ใกล้เคียงกับยุคสมัย ซึ่งจะว่าไป หนังก็ทำตรงนี้ได้ไม่ขี้เหร่เลย

ผมชื่นชอบที่หนังแทรกเอาภาพการ์ตูนที่บ่งบอกแผนที่ของตำแหน่งแห่งที่ของจุดต่างๆ ระหว่างเรื่องราวมาให้ เป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจ นอกเหนือไปจากกิมมิกต่างๆ ที่ถูกใส่เข้าไปหลายหลาก โดยเฉพาะเสื้อผ้าหน้าผมที่ส่งเสริมให้ตัวละครที่คู่กันแล้วไม่แคล้วกันได้ออกมาสวยหล่อตามที่อยากให้เป็น หรือเหล่าดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ภพมักจะใช้มันในการจีบเกสร แถมยังมีจุดเชื่อมโยงกับภาคละครได้อีกต่างหาก

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยาสู่ ยุครัตนโกสินทร์

แต่สิ่งที่รู้สึกว่า งง อยู่บ้าง ในระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็มีเช่นกัน แม้บางจุดของหนังจะใส่ความชวนจิ้นและชวนซึ้งมาให้ แฟนละครอาจได้พบกับสิ่งที่พวกเขารอคอยมาเนิ่นนาน แต่สำหรับนายแพทกลับพบว่า บางส่วนของหนังยังดูเยิ่นเย้อและยืดยาวเกินพอดี ราวกับหนังจะต้องการเก็บทุกเม็ดทุกมุกเพื่อเสิร์ฟมันให้กับคนที่รอคอยได้เต็มอิ่มมากที่สุด แต่บางส่วนอย่างพาร์ทการจีบกันของตัวละครหลักมันช่างดูธรรมดาและแห้งแล้ง หรือพาร์ทแอคชันบนเรือที่เยิ่นเย้อเชื่องช้า ทำให้หนังขาดความกลมกล่อมไปมากทีเดียว

หนังดี ที่คอหนังไทยไม่ควรพลาด

อีกทั้งด้วยความเป็นหนังที่ต้องเล่าเรื่องให้จบภายใน 2 ชั่วโมง 46 นาที ก็อาจทำให้ไม่สามารถนำความสนุกอย่างที่พบในละครมาทำให้ผู้ชมได้อินไปกับเรื่องราวได้ เราอาจจะได้พบส่วนผสมเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกหยิบใส่เข้ามาแต่ไม่อาจทำให้เราฟินได้มากพอ

แต่ก็ นักแสดงแต่ละคนต่างทำหน้าที่แสดงในบทบาทได้ดีมากเลยทีเดียว ไอซ์ พาริส กับบทเมธัสคือตัวละครแนวขโมยซีนในเรื่อง เขามีบทบาทสูงที่ทำให้เรื่องราวดำเนินไป พร้อมๆ กับการเป็นคนในอนาคตที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีต นนกุล ชานน ที่สวมบทเสด็จในกรม ส่วนบทที่ชวนรู้สึกแปลกประหลาดก็คงจะเป็น บทสุนทรภู่ ที่สวมบทบาทโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์ เป็นบทที่มาๆ ไปๆ บางทีก็แทรกเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ทำให้หนังมีอีกมุมที่เพิ่มเติมเข้ามา

หลายช็อตในหนังชวนขำคิกคัก แต่กลับไม่มีตรงไหนชวนขำคำโต ขณะที่บางส่วนก็กลับแป้กเสียอีก หนังเรื่องนี้จึงมีทั้งส่วนที่ดูดีน่าสนใจ ปะปนไปกับส่วนที่ลดทอนความสนุกลงไป จุดโดดเด่นที่สุดในใจนายแพทคือดนตรีประกอบที่ทำได้จึ้งมากๆ แม้หนังจะจบลงไปแต่ก็ยังเหลือฉากที่แถมท้ายในระหว่างกลางเครดิตที่ไม่ควรพลาด

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง บุพเพสันนิวาส ๒

บุพเพสันนิวาส ๒

มันเหมือนเป็นรักแรกพบของทั้งคู่แต่ชาติปางก่อน จากในละครมาเจอกันอีกทีในฉบับภาพยนตร์ เรื่องราวที่เกิดในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น นำพาบุคคลจริงในประวัติศาสตร์มาเจอกับตัวละคร หนังเล่าพาร์ทความรักสลับกับพาร์ทการเมืองที่อิงเกร็ดความจริงและนำมาเขียนใหม่ให้เกาะเกี่ยวกัน หนังมีทั้งมุกขำคิกคักกับมุกแป้ก แม้จะผูกเรื่อง

รีวิว บุพเพสันนิวาส ๒ สานต่อรักจากยุคอยุธยาสู่ ยุครัตนโกสินทร์

ชื่อภาพยนตร์     บุพเพสันนิวาส ๒ / Love Destiny the Movie

กำกับ    อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม

เขียนบท            Pattaranad Bhiboonsawade, เบ็ญจมาภรณ์ สระบัว, ทศพล ทิพย์ทินกร, อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม

แสดงนำ            ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, ราณี แคมเปน, พาริส อินทรโกมาลย์สุต, ชานน สันตินธรกุล, ปวีณ์นุช แพ่งนคร, นิมิตร ลักษมีพงศ์, สุวัจนี พานิชชีวะ, สุรพล พูนพิริยะ, Daniel B. Fraser, Jonathan Samson

แนว/ประเภท      History, Comedy, Romance

เรท       ไทย/ท

ความยาว           166 นาที

ปี          2022

สัญชาติ ไทย

เข้าฉายในไทย    28 กรกฎาคม 2022

ผลิต/จัดจำหน่าย จอกว้างฟิล์ม, GDH559, Broadcast Thai Television

Love Destiny the Movie

พล็อตและบท – 6.6

การแสดง – 7.2

การดำเนินเรื่อง – 5.5

เพลงและดนตรีประกอบ – 7.9

งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน – 7.3

6.9

 

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

 

 

บทประพันธ์ : จินโจว

บทโทรทัศน์ : สร้างสรรค์/นุขหน้าจอ

กำกับการแสดง : ชุดาภา จันทเขตต์

แนวละคร : พีเรียด คอมเมดี

ผลิต : บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด

ผู้จัด : ปิยะ เศวตพิกุล, ชุดาภา จันทเขตต์

สปอยหนัง แค่ปล่อยคลิปฮาเรียกน้ำย่อยตัวแรกออกมาเป็นน้ำจิ้ม ก็ทำเอาทวิตเตอร์แทบแตก!! กดไลค์กดแชร์กันกระหน่ำถูกจริตชาวโซเชี่ยลอย่างแรง ส่งให้คลิปละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” เวอร์ชั่น “ท่าโฉลง The Rapper #รับยาช่อง 3” ติดเทรนด์ทวิตเตอร์พุ่งขึ้นสู่อันดับ 4 ตั้งแต่ละครยังไม่ได้บอกวันดีเดย์ออกอากาศ ฟีดแบคดีเว่อร์เบอร์นี้ 2 ผู้จัด ค่ายโซนิกซ์ บูม 2013 ชุดาภา จันทเขตต์ ซึ่งพ่วงตำแหน่งผู้กำกับ, ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล และก๊วนนักแสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ, ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม ฯลฯ ไม่ปลื้มปริ่มยังไงไหว เตรียมปล่อยขบวนคลิปฮา un-cut ของ “ชาวท่าโฉลง” ออกมาอีกรัวๆ เรียกว่าไม่ทิ้งช่วงให้แฟนคลับได้หายใจหายคอ

 

เรื่องย่อ ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

“การเป็นหมอที่ดี คือคำนึงถึงคนไข้ ไม่ว่ายาไทย หรือยาเทศ ถ้าทำให้คนป่วยหายได้รักษาชีวิตไว้ได้ ยานั้นย่อมมีสรรพคุณที่ดี ไม่มีแบ่งแยกว่าอะไรวิเศษไปกว่ากัน”

พุทธศักราช ๒๔๑๙ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทองเอก หรือเจ้าเอก ถือกำเนิดมา ณ มณฑลกรุงเก่า ในครอบครัวของหมอยาที่สืบเนื่องวิชาแพทย์แผนไทยโบราณมาแต่ครั้งอยุธยายังเป็นราชธานี แต่เมื่อถึงวัยเพียง ๘ ปีโรคร้ายก็มาคร่าชีวิตของพ่อกับแม่ที่ยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงในฐานะหมอยา เพื่อรักษาคนไข้โรคห่า(กาฬโรค) ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนั้น ทิ้งเจ้าเอกที่ถูกแยกตัวให้ไปอยู่กับปู่ต้องเป็นกำพร้าแต่นั้นมา

พ่อหมอทองอิน ปู่ของเอก เคยเป็นหมอยาชื่อดัง แต่ครั้งหนึ่งขุนนางใหญ่แห่งกรุงเก่าได้สั่งให้ปู่รักษาลูกที่โดนหมาบ้ากัด ปู่อินรักษาอย่างสุดกำลังก็ไม่อาจยื้อชีวิตของเด็กน้อย หมอยาคู่แข่งของปู่ยุยงจนขุนนางนั้นโกรธแค้นว่าปู่รักษาไม่ดี เนรเทศปู่ไม่ให้รักษาใครอีก ปู่อินไม่ได้เกรงกลัวอะไรแต่รู้สึกเสียใจที่ทำให้เด็กตาย จึงย้ายมาอยู่บ้านท่าโฉลงอันไกลแสนไกลพร้อมกับวัยของทองเอก ที่กำลังเป็นหนุ่มหน้ามน มีความซุกซน และรักสนุก โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง

ด้วยจรรยาแพทย์ที่มีอย่างท่วมท้น ปู่หมอทองอินก็ไม่อาจเพิกเฉยเมื่อเห็นชาวบ้านที่น่าสงสารเจ็บป่วย ปู่ยื่นมือเข้าช่วยโดยได้รับการสนับสนุนจากหลวงตาเพชร ผู้เป็นที่เคารพนับถือประหนึ่งศูนย์รวมใจของชาวบ้าน หลวงตาส่งลูกศิษย์วัดคือ เปียก กับตุ่น มาศึกษาตำรายาของปู่หมอทองอิน คู่กับทองเอก ปู่หวังว่าจะช่วยทำให้ผู้คนในบ้านท่าโฉลงสุขภาพแข็งแรง จะได้เกิดปัญญา อยู่ในศีลในธรรม แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคนในชุมชนบ้านท่าโฉลง มีความเชื่อในภูติผีอยู่เป็นทุน และยังมีหมอผีเล่นอาคมได้ครอบงำจิตใจชาวบ้านจนแยกแยะไม่ได้ระหว่างศรัทธากับงมงาย

 

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

 

มีตำนานเล่าขานสืบกันมาว่าตรงท่าโฉลงนี้คือที่เอาศพลงทิ้งน้ำ คนจึงกลัวฝังใจไม่ใคร่จะมีคนกล้าย้ายมาอยู่จนกลายเป็นหมู่บ้านเงียบๆเหงาๆ ไม่ครึกครื้นเหมือนใครเขา ตกเย็นก็พากันปิดบ้านหนีผี มีแต่ความเงียบไม่มีใครกล้าออกมาเดินเพ่นพ่าน ทองเอก เปียก และตุ่น หนีปู่ไปเที่ยวซุกซน จนไปเจอกับผีปอบ(คนป่วย) ต้องหนีกันวุ่นวาย พอเช้ามาทองเอกก็ยังมาได้เห็นวิธีการไล่ผีอันแสนทารุณของหมอผีมั่นอีกด้วย

“กรี๊ดดด” “อีผีร้าย มึงออกไปจากร่างของเด็กสาวประเดี๋ยวนี้!” หมอผีมั่นฟาดหวายอาคมไปที่สาวน้อย ยิ่งสาดน้ำมนต์ใส่นางก็ยิ่งตัวสั่น ยิ่งสั่นหมอผีก็ยิ่งฟาด ยิ่งฟาดนางก็ยิ่งกรี๊ดจนเป็นลมไป“ผีออกแล้ว”ผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญความเก่งกาจของหมอผีมั่น แต่ทองเอกอดรนทนไม่ได้ตะโกนบอกว่าเด็กสาวเป็นเพียงไข้สูงกำลังเพ้อมาโดนน้ำแบบนี้จะยิ่งไปกันใหญ่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ตกใจว่าทองเอกลบหลู่วิญญาณ แต่ก็มีบางคนเห็นคล้อยตามทองเอก ทำให้หมอผีมั่นโกรธจัดประกาศตัวเป็นศัตรูกับทองเอกแต่นั้นมา ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

กว่าจะจบแฮปปี้เอนดิ้งก็ทำคนดูหัวหมุนไปหลายตลบ กับละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ทางช่อง 3 ที่แม้ว่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วก็ใส่ความฮาตลกทั้งท่าโฉลงส่งท้ายละครจนเกือบออกทะเล

เรียกว่าปิดฉากไปอย่างแฮปปี้ทุกคู่ ทุกบ้านท่าโฉลงจ้า ละครที่มีแต่ความฮาให้ได้หัวเราะหน้าจอกันตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย ที่แฟนละครรอติดตามแต่ก็มีความดราม่าเบาๆ กับเรื่องราวในละครที่ดูจะออกทะเลไปช่วงหนึ่ง เมื่อตัวละครนางเอกอย่าง ชบา (คิมเบอร์ลี) กลายเป็นแม่นาคพระโขนงแขนยาวเก็บมะนามขณะกอดกับ ทองเอก (มาริโอ้) ทำเอาแฟนละครตกใจและพูดถึงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสุดท้ายกลายเป็นฝันของตัวละครทองเอกที่กังวลจนฝันแปลกไป ก็ทำเอาโล่งใจกันทั้งท่าโฉลงและหน้าจอทีวีด้วย โดยละครทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ทำเรตติ้งตอนจบไปได้ถึง 8.5 ถือเป็นเรตติ้งที่สูงที่สุดของละคเรื่องนี้ ทองเอก หมอ ท่าโฉลง ตอนจบ

 

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

 

ฟีดแบคของคนดูทางทวิตเตอร์ที่พูดถึงละครผ่านแฮชแท็ก #ทองเอกหมอท่าโฉลง ep15 จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันจ้า

 

คาแรคเตอร์ตัวละคร

ทองเอก : ,มาริโอ้ เมาเร่อ
หนุ่มหน้ามนวัย 23 ปี มีความเฉลียวฉลาด และความชำนาญในเรื่องยาสมุนไพร สามารถ สัมผัส ดู ลิ้มชิมรส ดม แยกแยะตัวยา และสรรพคุณได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน อารมณ์ดี รักสนุกตามวัย โดยเฉพาะวัยที่แตกเนื้อหนุ่ม มุ่งหวังอยากจะมีคนรัก และมุ่งหวังจะเป็นหมอยาสมุนไพรเพื่อสืบเนื่องวิชาแพทย์แผนไทยโบราณให้คงอยู่ตลอดไป

ชบา : คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส
หญิงสาวที่อ่อนหวาน เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ (เฉพาะเวลาที่ต้องออกงานหรืออยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย) ความเป็นจริงแล้ว ชบาค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองสูง และนิสัยออกไปทางแก่นกล้า คล้ายเด็กผู้ชาย ไม่กลัวใคร แม้จะมีหน้าตาที่สะสวย แต่ความแก่นของชบาก็ไม่สามารถพิชิตใจของทองเอกได้ แต่ในที่สุด ความดี ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นของชบาต่างหาก ที่เอาชนะใจของทองเอกได้ในที่สุด

กล้า : ปรมะ อิ่มอโนทัย
ลูกชายเศรษฐีนีโรงสีข้าว ที่นอกจากจะมีเงิน เขายังมีความรักที่มั่นคงต่อชบา ยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชบา แต่กล้าก็ยังเผลอไผลไปกับความงามของผ่อง และความที่กล้าเป็นคู่อริกับทองเอก ทำให้กล้าแย่งชิงผ่องมาเป็นผู้หญิงของตนเองเพื่อเอาชนะ แต่ผู้หญิงที่กล้ารักจริงๆ และอยากจะได้มาเป็นภรรยา คือชบาคนเดียวเท่านั้น

 

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

 

ผ่อง : ภูริตา สุปินชุมภู
หญิงงาม กริยามารยาทเรียบร้อย ต่อหน้าคนทั่วไป ที่ครั้งนึงเคยเป็นโรคตุ่มน้ำพอง จนแม่(หมอผีมั่น) ต้องแยกให้ไปอยู่กลางป่าตามลำพัง และผู้คนยังคิดว่าเป็นผีปอบ ต่อมาทองเอกรักษาจนหาย กลายร่างเป็นสาวงามในพริบตา ทั้งสองคิดว่ามันคือ ชะตาฟ้าลิขิต ที่สวรรค์ส่งสาวงามมาเป็นคู่ของทองเอก แต่ความจริงผ่องไม่ได้มีจิตใจที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ผ่องกลับมีความทะเยอทะยาน เชื่อในคารมของแม่ว่า ผู้ชายรวยเท่านั้นที่จะเหมาะกับผ่อง

กลิ่น :ชญานิศ จ่ายเจริญ
น้องสาวผู้เรียบร้อยของกล้า ในขณะที่พี่ชายเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กลิ่นกลับมีนิสัยตรงกันข้าม พูดน้อย(ต่อยหนักไม่รู้ตัว) เรียบร้อย ชอบอ่านบทกวี ร่ายคำกลอนแอบหลงรักเพิ่ม ก็ไม่กล้าจะคุย จะพูดจาด้วย จะมีก็แต่ต่อบทกวีกันไปมาให้ได้เขินอายกันไป

 

สปอยหนัง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

ความเป็นมา : เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อน ในสี่หัวข้อหลัก คือ

 

 

  • ความรัก ครอบครัว ชุมชนและสังคม
  • ธรรมะ และพุทธศาสนา
  • ไสยศาสตร์ ภูติผีวิญญาน
  • ยารักษาโรค สมุนไพรไทย

โดยมีตัวละครในเรื่อง นำพาเรื่องไปในแนวทางคอมเมดี้ และสอดแทรกความรู้ ธรรมะ ความเชื่อ ยาสมุนไพรไทย ตลอดจนการรักษาแผนปัจจุบันที่เข้ามาในท้ายเรื่อง โดยมิได้ชักนำว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก เพราะเราเชื่อว่า ศรัทธาทำให้เกิดปฏิหาริย์ได้ ! ทองเอกหมอท่าโฉลงทุกตอน

 

การดำเนินเรื่อง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง

 

 

โดยการดำเนินเรื่อง จะทำให้คนดูแยกแยะ และเลือกที่จะเชื่อได้ด้วยตัวเอง เช่น ยาไทยก็ดี รักษาโรคได้มาช้านาน แต่เมื่อมียาฝรั่งและการแพทย์สมัยใหม่เข้ามา ที่รักษาตรงไปที่โรค ที่เชื้อโรค มิใช่แนวแก้อาการแบบยาไทย และยาไทยยังมิได้ถูกคิดค้น พัฒนาไป ณ จุดนั้น แต่อีกทางหนึ่ง เพียงแค่น้ำมนต์ของพระเกจิอาจารย์ดัง ก็สร้างศรัทธาหมู่ ให้ชาวบ้านหายจากโรคระบาดได้ (จากคอลัมน์ ห่าลง..โรคระบาดรุนแรงในอดีต โดย ท่าพระจันทร์ วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ 2557) ทำให้ตัวละครหลักของเรื่อง เข้าใจจิตใจมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ว่าทำไมเราถึงต้องมีศรัทธา เพราะศรัทธาสร้างกำลังใจ ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องมีศาสนา และไม่ว่าศาสนาไหน ก็สอนให้คนเป็นคนดี ทองเอกหมอท่าโฉลง ep1

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

 

 

ภาพยนตร์ Action 3D ที่จะทำให้ท่านมันไปกับสุดๆขั้นของการต่อสู้ครั้งใหม่ โดย จาพนม หนังไทยย้อนยุค เมื่อปัจจัยการฆาตกรรมของอาเสี่ยสุชาติเจ้าข­องปางช้างผู้กว้างขวาง เป็นการเช็ดกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย ที่โดยผู้ที่มีความชำนาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดทั้งปวงระบุผูกตัว ไอ้ขาม (จาพนม ยีรัมย์) เนื่องด้วยเขาเป็นคนในที่สุดที่ถูกเจออยู่ในท­ี่เกิดเหตุกับคนเสียชีวิต เขาก็เลยจะต้องแอบหนีจากการเข้าจับกุม แล้วก็การตามล่าเพื่อชำระแค้นจากหลานสาวแฝดข­องอาเสี่ยสุชาติ (จีแรงญาณิน วิสมิตะนันทน์ และก็ธีรดา คำเลื่องลือศรีดีเลิศ แม้กระนั้นโชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการแอบหนี ขาได้รับการเกื้อกูลจากนายสิบมาร์ค(กิน จ๊กม๊ก) ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดกา­รภารกิจบางสิ่งบางอย่าง

ขาหนีการตามล่า พร้อมทั้งการตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เป็นเหมือนทั้งเพื่อนรวมทั้งพี­่น้อง ซึ่งถูกขโมยไปเมื่อนับเป็นเวลาหลายวันก่อน ยิ่งหนี ขาม ก็ยิ่งจำต้องเข้าไปพันพัวกับหน่วยงานลึกลับที่­ถูกควบคุมด้วย แอล ซี (RZA)นายใหญ่ผู้ลุ่มหลงการสั่งสมนักสู้จาก­ทั้งโลกอย่างลับทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยจำนวน ไม่ว่าจะเป็น เวนตี้ (Twenty — หญิง รฐา โพธิ์สวยหรือ Number2 (มาริส) ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการ ไอ้ขาม เพื่อจุดหมายบางสิ่งของนายใหญ่ จัดเตรียมเจอกับการต่อสู้แบบสุดๆขั้นของ จา พนม ด้วยศิลป์การต่อสู้นานาประเภท เสี่ยงตายทุกวินาที และก็การออกแบบฉากต่อสู้เสี่ยงตายทุ่มทุนสร้­างสูงสุดของภาพยนตร์แอ๊คชั่นไทยที่ทั่วทั้งโลก­จำต้องจับตา พร้อมการถ่ายทำในระบบ มิติทุกขั้นตอน

 

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก

 

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

 

เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งค์มาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ “ไม้มวยไทยโบราณ” ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ “ตำนานมวยคชสาร”
ตั้งเครื่อง “ต้มยำกุ้ง”

 

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

 

การกลับมาแท็กทีมกันอีกครั้งของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, พนม ยีรัมย์ (โทนี จา) และ หม่ำ จ๊กม๊ก” ในภาพยนตร์แอคชั่นที่มาเพื่อสร้างปรากฏการณ์ทางรายได้ในระดับเมกาบล็อกบัสเตอร์ ทุ่มทุนสร้างกว่า 300 ล้านบาท สูงสุดรองจาก “สุริโยไท” (2544) ลงทุนยกกองไปถ่ายทำใน “ซิดนีย์ ออสเตรเลีย” พร้อมการมาถึงของแอคชั่นดีไซน์ที่สุดขั้วยิ่งกว่า “องค์บาก” (2546)

ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้องได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ “พ่อใหญ่” และ “ขอน” ช้างพ่อลูกที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึงอานุภาพของ “แม่ไม้มวยไทยบทใหม่” ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ “ตำนานมวยคชสาร” หนัง ต้มยำกุ้ง 1 pantip

 

พล็อตหนัง

ขามเป็นวันสุดท้ายของสายครอบครัวของยามที่เคยดูมากกว่าพระมหากษัตริย์ไทย ‘s ช้างศึก ตามเนื้อผ้า มีเพียงช้างที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่านั้นที่สามารถปกป้องบัลลังก์ได้สำเร็จ และได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดีในการเลี้ยงดูพวกมัน คำเติบโตขึ้นมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับช้าง พ่อใหญ่ และลูกวัวของเขา Kohrn ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ช้างถูกขโมยไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากนายสุเทพส.ส.ท้องถิ่นและลูกชายของเขาที่ร่วมมือกับคนล่าช้าง คำบุกบ้านนายสุเทพ ทุบตีนายพราน เขาไก่ชนสุเทพเข้าไปบอกเขาว่าช้างที่มีอยู่ในมือของจอห์นนี่ที่เวียดนาม คนร้ายที่ทำงานร้านอาหารไทยชื่อต้มยำกุ้ง Otob ในซิดนีย์ , ออสเตรเลีย

 

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

 

คำมาถึงซิดนีย์และถูกจับเป็นตัวประกันโดยทันทีโดยขโมยที่ปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่ มาร์ค เจ้าหน้าที่ตำรวจซิดนีย์( เพชรใต้ วงษ์คำเหลา ) ชาวไทย-ออสเตรเลียและริค หุ้นส่วนของเขา เข้ามุมโจรขณะจับขามด้วยปืนจ่ออย่างไรก็ตาม สารวัตรวินเซนต์ ตำรวจคนที่สองได้ติดตามขามตั้งแต่ออกจากสนามบิน อันดับแรกเขายิงขโมย หลังจากที่โจรตายเขาก็พยายามจะยิงใส่ขาม มาร์คที่งงกับการกระทำของวินเซนต์ ตั้งคำถามว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น Vincent โต้แย้งว่าคำไม่ใช่ตัวประกันและสั่งให้ Mark และ Rick นำตัวเขาไปซึ่งในที่สุดพวกเขาก็ทำ ในรถ คำบอกมาร์คว่ากำลังตามหาญาติ(แต่ไม่ได้บอกโดยตรงว่าคือช้าง) ระหว่างทาง พวกเขาพบจอห์นนี่ที่ร้านอาหารต้มยำกุ้ง ดูหนัง ต้มยำกุ้ง 2

 

สปอยหนัง ต้มยำกุ้ง 1

คำเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอยและกระตุ้นให้มาร์คกับริกจับกุมเขา แต่มาร์คแย้งว่าเขาทำไม่ได้เพราะคำไม่ได้เสนอหลักฐานการก่ออาชญากรรม คำทำให้รถชนกันหนีตำรวจ เขาตามจอห์นนี่ไปที่สะพาน แต่จอห์นนี่หนี บังคับให้ขามต่อสู้กับพรรคพวกของเขาคำบังคับลูกน้องคนหนึ่งให้พาเขาไปยังที่ซ่อนของจอห์นนี่ ขัดขวางการค้ายาเสพติด จอห์นนี่โกรธจัดเรียกผู้ชื่นชอบกีฬาผาดโผนนับไม่ถ้วนมาต่อสู้กับขาม หลังจากเอาชนะพวกอันธพาล คำก็หมดแรงและผล็อยหลับไปในตรอก โสเภณีชื่อปลา( บงกช คงมาลัย )ซึ่งพบคำก่อนหน้านี้เมื่อเขาเผชิญหน้ากับจอห์นนี่ พาเขาไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ ในยามหลับใหล เขาฝันถึงการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับช้างศึกและจตุรังคบาตผู้พิทักษ์ช้าง เมื่อปลาจากไปขามก็ตื่นมาเพราะเสียงไซเรนตำรวจจึงต้องหนี

มาร์คและริกถูกนำออกจากคดีนี้และได้รับมอบหมายใหม่เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับการประชุมผู้บัญชาการตำรวจกับนายซิม ในการประชุมครั้งนั้นปลาทำหน้าที่เป็นสาวปฏิคมและนักเต้นให้กับชายทั้งสอง ในระหว่างการประชุม คุณซิมและกรรมาธิการถูกฆ่าโดยใครบางคนที่วินเซนต์จ้าง อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมนั้นถูกจับได้จากกล้องของผู้บัญชาการ วินเซนต์ฆ่าริคและโยนความผิดให้มาร์ค มาร์คหนีแต่ถูกจับได้ในเวลาต่อมา

 

 

ด้วยความช่วยเหลือของปลา คำจึงเข้าไปในต้มยำกุ้งโอตอบ เขาต่อสู้เพื่อเข้าไปในพื้นที่ VIP และไปถึงห้องอาหารที่อยู่ด้านบนสุด คำถาม “ช้างของฉันอยู่ที่ไหน” และพบกับเสียงหัวเราะของจอห์นนี่และลูกน้องของเขา จอห์นนี่เยาะเย้ยขามด้วยระฆังของคาน สิ่งนี้ทำให้ Kham เดือดดาลและเขาต่อสู้และเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขา เขาเข้าไปในพื้นที่เก็บของซึ่งมีสัตว์ต่างถิ่นมากมายพร้อมที่จะฆ่าและกิน คำพบและปล่อยตัวมาร์คและคนให้เป็นอิสระ โดยหลบหนีไปได้ไม่กี่นาทีก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ในขณะเดียวกัน มาดามโรสได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแก๊งชาวจีนคนใหม่หลังจากที่เธอสังหารผู้สืบทอดที่เป็นไปได้อีกสองคน

 

สรุปหนัง

สารวัตรวินเซนต์เริ่มต้นการค้นหาคำและมาร์คที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในที่พุทธอาราม ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป อารามถูกจุดไฟเผาโดย Vincent และคนของเขา มาร์คและขามเชื่อว่าวัดและผู้อยู่อาศัยอาจตกอยู่ในอันตรายจึงตัดสินใจหันหลังกลับ เมื่อพวกเขามาถึง Kham ได้พบกับนักฆ่าสามคน: คาโปริสต้าที่ดุร้าย(ลาทีฟคราวเดอร์ ),ผู้เชี่ยวชาญวูซู( จอน ฟู )ที่ถือดาบและนักมวยปล้ำร่างยักษ์( นาธาน โจนส์ )คำเอาชนะผู้เชี่ยวชาญคาโปริสตาและวูซูแต่นักมวยปล้ำรายใหญ่พิสูจน์แล้วว่าแข็งแกร่งเกินไปสำหรับขาม นักมวยปล้ำได้เปรียบเหนือขาม แต่ตำรวจมาถึง และมาร์คก็มาช่วยเขาหนี พอรุ่งเช้าขามก็ออกเดินทางมาร์คถูกตำรวจหลายคนค้นพบและถูกส่งตัวไปจัดการกับสารวัตรวินเซนต์ ซึ่งปลาได้เปิดเผยว่าเป็นฆาตกร หนังต้มยำกุ้งภาค 2

คำมาถึงห้องประชุมที่มาดามโรสกำลังแถลงข่าว โคห์นวิ่งเข้ามาทำให้ทุกคนหวาดกลัวในขณะที่ขามต่อสู้กับพวกอันธพาล มาร์คจับกุมวินเซนต์ แต่จอห์นนี่มาถึงและยิงวินเซนต์จนเสียชีวิตเพื่อ “ตัดสิน”

 

 

คำพบว่าตัวเองอยู่กับ Kohrn ในห้องขนาดใหญ่ และเขาได้แสดงโครงกระดูกของพ่อใหญ่ที่ประดับด้วยเพชรพลอยเพื่อเป็นของขวัญให้กับมาดามโรส จากนั้นคนของเธอก็โจมตีขามและโจมตีพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมกว่าที่เคยเห็นมาโดยหักแขนและขาของผู้ชายจำนวนมาก นักมวยปล้ำจากวัดถูกเรียกเข้ามาพร้อมกับอีกสามคน โคห์นถูกเหวี่ยงทะลุกำแพงแก้ว และขามถูกกระแทกเข้ากับเครื่องประดับช้าง ทำให้กระดูกขาทั้งสองหลุดออกมา คำตระหนักดีว่าเส้นเอ็นเป็นส่วนที่เปราะบางและสำคัญที่สุดของช้างที่ต้องปกป้อง และด้วยความรู้นี้ เขาจึงเอาชนะนักมวยปล้ำที่ดุร้ายทั้งสี่โดยใช้ปลายกระดูกช้างที่แหลมคมผ่าเอ็นของพวกมัน เขาหยุดมาดามโรสก่อนที่เธอจะสามารถหลบหนีด้วยเฮลิคอปเตอร์และทั้งคู่ก็พุ่งเข้าชนห้องด้านล่าง การร่วงของขามหักด้วยงาของพ่อใหญ่

กลับมาที่ล็อบบี้ มาร์คเห็นปลา และสารวัตรลามอนด์เจ้านายของเขาให้อภัย เขาได้รับคู่หูใหม่ที่พูดภาษาไทย มาร์คถูกนักข่าวสัมภาษณ์เกี่ยวกับคำ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงบรรยายจากมาร์ค พร้อมแสดงฉากในวัยเด็กของขาม มาร์คอธิบายว่าคนไทยปฏิบัติต่อช้างเหมือนเป็นพี่น้องกัน และเกลียดชังคนที่ทำร้ายช้าง คนไทยรักความสงบ แต่ไม่ชอบคนใช้เสรีภาพ ในที่สุดขามก็กลับมาพบกับโคห์นอีกครั้ง หนังต้มยำกุ้งภาค1

สปอยหนัง แม่เบี้ย

สปอยหนัง แม่เบี้ย

 

 

แม่เบี้ย ภาพยนตร์ เป็นวรรณกรรมร่วมยุคของคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ (นักประพันธ์รางวัลซีไรต์ ปี 2527 จากเรื่อง ซอยเดียวกันถูกผลิตเป็น หนังไทยย้อนยุค ละครเวที รวมทั้งภาพยนตร์มาแล้วหลายครา เวอร์ชั่นที่พวกเรากำเนิดทันหน่อย รวมทั้งดังเป็น talk of the town เป็นเวอร์ชั่นที่ มะหมี่” นภคปภา นาคประสิทธิ์ เป็น เมขลา” รวมทั้ง กอล์ฟ” พุฒิชัย อมาตยกุล เป็น ชนะชล” สำหรับฉากเลิฟซีนสุดเร่าร้อนรวมทั้งท่าขูดมะพร้าวสุดเซ็กซี่ของนางเอกสาว

ภาพยนตร์ละเอียดอ่อนราคะ (Erotic) เรื่อง แม่เบี้ย” ฉบับแปลความหมายใหม่ของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุลหรือหม่อมน้อย” ก็เลยเป็นด้ามจับตามงมาตั้งแต่วันประกาศสร้าง เพราะเหตุว่าอย่างที่รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่า ระยะหลังหม่อมน้อยถูกใจสร้างภาพยนตร์อีโรติคจำพวกเล่นจริงเปลือยจริงเลิฟซีนจริงดุเด็ดเผ็ดร้อน ไม่ว่าจะเป็น ชั่วฟ้าดินสลาย (2553), อุโมงค์เขาหินเมือง (2554), แล้วก็ จัน ดารา (2555)

 

เรื่องย่อ แม่เบี้ย

ชนะชล (ชาคริต แย้มนาม) นักธุรกิจหนุ่มไฮโซรูปงาม มีความใฝ่ฝันจะมีบ้านเรือนไทยเป็นของตัวเองสักหลัง ภาคภูมิ (ฮัท เดอะสตาร์ 8) จึงแนะนำให้เขารู้จักกับเมย์หรือเมขลา (อ้อม กานต์พิสชา รองฯ Miss Thailand World 2009) สาวสวยเจ้าของเรือนไทยริมน้ำใน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ซึ่งครองตัวเป็นโสด อาศัยอยู่กับลุงทิม (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) คนเก่าคนแก่และบรรดาสาวรับใช้

 

รีวิวหนัง : แม่เบี้ย ที่ของคุณ - Pantip

 

ชนะชลกับเมขลาตกหลุมรักกันและมีสัมพันธ์สวาทกัน ทั้งๆ ที่ชนะชลก็มีลูกมีเมียอยู่แล้วคือไหมแก้ว (เนตรดาว ภัทรนันท์ สาวประเภทสองที่แจ้งเกิดจาก จัน ดารา) และเมขลาเองก็มีคู่นอนขาประจำอยู่แล้วคือเสี่ยพจน์ (ต๊อบ ชัยวัฒน์) นักการเมืองหนุ่มร่างบึ้ก ซึ่งเสี่ยพจน์เองก็มีลูกมีเมียอยู่แล้วด้วยเช่นกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าเมขลามีความผูกพันอย่างเร้นลับกับ “คุณ” งูเห่ายักษ์ที่เธอเลี้ยงไว้ประหนึ่งสัตว์เลี้ยงหรือญาติผู้ใหญ่มาตั้งแต่สมัยของคุณโกสุม (แม็กกี้ อาภา ภาวิไล) ผู้เป็นแม่ของเธอ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

วิเคราะห์ วิจารณ์ แม่เบี้ย

พอคนรู้ว่าเรามาดู “แม่เบี้ย Netflix” รอบ Royal Gala Charity Night สิ่งแรกที่ทุกคนถามถึงก็ไม่พ้นเกี่ยวกับฉากเลิฟซีนหรือฉากโป๊เปลือยในเรื่อง ดังนั้นเราจะขอรีวิวเรื่องฉาก 18+ ทั้งหลายเหล่านี้ก่อนเลยละกัน คนที่เข้ามาอ่านเพื่อสิ่งนี้จะได้รีบๆ อ่านให้มันจบๆ ไปเป็นเรื่องเป็นราว

ฉากโชว์เนื้อหนังมังสาใน “แม่เบี้ย” มีปริมาณที่ค่อนข้างเยอะและไม่มีเซ็นเซอร์เช่นเคย เนื้อนมไข่จัดเต็มจนอิ่มไปข้างแน่นอนเพราะทั้งเรื่องมีหลายฉากเลยที่เราจะได้เห็นหน้าอกหน้าใจดูมๆของสาว อ้อม กานต์พิสชากับแม็กกี้ อาภา รวมถึงตัวประกอบอื่นๆ แบบเป็นเต้าๆ เต็มสองตา และเห็นแช่หลายวินาทีอีกต่างหากถามว่าเปลือยแล้วเซ็กซี่มั้ยเปลือยแล้วโป๊มั้ยเราว่ามันก็เป็นศิลปะดีนะดูแพงนมส้วยสวยออกจากโรงแล้วนี่อยากจะบึ่งไปยันฮีซะเลยเดี๋ยวนั้น

 

แม่เบี้ย - ความลุ่มหลงแห่งอิสตรี จะเปิดความลับแห่งอสรพิษ - YouTube

 

ฝั่งนักแสดงชายก็แซ่บไม่แพ้ฝ่ายหญิง ต๊อบ ชัยวัฒน์ นี่โชว์ anatomy เต็มตัวแบบยิ่งใหญ่บะลักกัก หรือรุ่นน้องอย่าง ฮัท เดอะสตาร์ ก็โชว์ก้นขาวๆ ซิกแพ็กงามๆ ให้แฟนคลับน้ำลายสอกันจนแทบเช็ดไม่ทัน ส่วนพ่อหนุ่มไม้เลื้อย ชาคริต แย้มนาม พระเอกของเรื่องกลับไม่ค่อยมีฉากโชว์หุ่นเท่าไหร่เลย ก็แอบผิดหวังเล็กน้อย แต่จริงๆ ก็พอเข้าใจได้นะว่า 1. พี่คริตอายุอานามมากขึ้น หุ่นอาจไม่เช้งกระเด๊ะเท่าไหร่แล้ว 2. พี่คริตแต่งงานแล้ว มันก็ต้องเกรงใจภรรยากันบ้างนี๊สนึง

ฉากเลิฟซีนมีไม่ต่ำกว่า 5 ซีน ใหญ่เล็กแตกต่างกันไป แต่มีตลอดเรื่องเลย ทั้ง indoor ยัน outdoor เรียกได้ว่าเอะอะก็เอากัน เอะอะก็เอากัน จนบางครั้งนี่ก็สงสัยว่าตัณหามนุษย์มันรุนแรงขนาดนี้เลยจริงๆ หรอ เพราะบางซีนนี่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะเอากันอีกทำไม หักห้ามใจบ้างก็ได้นะโยมนะ

แต่จริงๆก็พอเข้าใจเหมือนกันนะว่า ฉากเซ็กส์แต่ละฉาก โดยเฉพาะตอนเมขลานอนกับเสี่ยพจน์หรือชนะชลเนี่ยเขาตั้งใจเซตเป็นฉากสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินเรื่อง ในวรรณคดีไทยแทบทุกเรื่องล้วนแต่มีฉากลักษณะมาแต่ไหนแต่ไรเป็นเรื่องปกติ แล้วหนังหม่อมที่ผ่านมาก็แอบเซอร์เรียลอยู่แล้ว คิดซะว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการนำเสนอสารของหม่อมก็แล้วกันนะ

 

สปอยหนัง แม่เบี้ย

บทภาคภูมิของ ฮัท เดอะสตาร์ เนี่ย จะมีบทเข้าพระเข้านางกับสาวเล็กสาวน้อยตลอดเรื่องแทบไม่ซ้ำหน้า เรียกได้ว่ามีฉากอะไรแบบนี้บ่อยกว่าชาคริตเองซะอีก เลิฟซีนของอีตาภาคภูมินี่จะไม่มีสาระอะไรมาก ไม่ค่อยมีความสำคัญกับเส้นเรื่อง มีเกี่ยวข้องกับเรื่องจริงๆ ก็แค่ซีนเดียวเองมั้งที่พีคๆ ส่วนนอกนั้นจะมีเพื่อบ่งบอกคาแรกเตอร์ของภาคภูมิว่า เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ และชอบมีอะไรกับเลขาฯ หรือสาวใช้เฉยๆ (ต่างกับเมขลาที่มักจะเลือกคู่นอนเป็นผู้ชายชั้นสูง…หล่อรวยมีตำแหน่ง)

แต่ก็นั่นแหละ นั่นเลยทำให้สีสันของเรื่องหรือซีนตลกส่วนใหญ่ตกเป็นของ ฮัท เดอะสตาร์ จนพูดได้เลยว่า ฮัทนี่ตัวขโมยซีนประจำเรื่องเลยนะ บทคือดันฮัทสุดชีวิต แถมในหนังยังมีฉากที่เปิดเพลงไทยที่ฮัทร้องคลอตลอดเรื่องจนนี่รู้สึกหลอนติดหูออกจากโรงมาเลย (นี่ยังไม่นับที่ในรอบกาล่าที่เราดูมีการแสดงมิวสิคัลก่อนเปิดเรื่องของฮัทกับคุณรัดเกล้าอีกนะ) งานนี้ฮัทไม่เกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะค่ะ

 

แม่เบี้ย [Official Teaser] Ver.5 - YouTube

 

ถ้าพูดถึงการแสดง แต่ละคนก็สอบผ่านนะ ไม่ได้ปังมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ อย่างน้อยคือเห็นความตั้งใจชัดและสปิริตอันแรงกล้าของนักแสดง อย่างฮัท นี่จะไม่อะไรมาก บทเพลย์บอย กะล่อนๆ มันเล่นไม่ยากอยู่ละ แต่นางเอก อ้อม กานต์พิสชา นี่ทุ่มสุดตัวเลยนะสำหรับหนังเรื่องแรก แม้แต่ แม็กกี้ อาภา ก็ยังทำเราเซอร์ไพรส์เลย

อันนี้พูดจริงๆ แบบไม่ได้อวยน้องตัวเองเลยนะ เราว่า แม็กกี้ อาภา นางเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลย นางเล่นดีมาก สวยมาก ถึงแม้บทคุณโกสุมจะออกมาไม่มาก ที่ออกส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเดินไปเดินมาสวยๆ แต่แต่ละซีนทุกซีนที่นางออกมามันมีพลัง

 

สปอยหนัง แม่เบี้ย

คือ แม็กกี้ เป็นนักแสดงที่ใช้แววตาเก่งมาก มันทำให้คนดูเชื่อและอินไปกับนางได้ในทุกบทบาทที่นางเล่น อันนี้เห็นมาตั้งแต่ “ผีห่าอโยธยา” ที่นางเล่นเป็นอีใบ้ละ เราว่านางมีพัฒนาการมาเรื่อยๆ อนาคตน่าจะไปได้ไกล และมีสิทธิเข้าชิงสมทบหญิงได้เลยสบายๆ งานนี้นางต้องเกิดสุดๆ ไม่รู้แหละ แม่เบี้ย 2564

ส่วนในละคร การตีความมีส่วนที่คล้ายกับในภาพยนตร์ ตรงสายสัมพันธ์ของเมขลากับงู และเมขลากับชนะชล แต่เพราะเป็นละคร เนื้อเรื่องเลยอาจจะยืด ๆ หน่อย มีการเพิ่มตัวละครขึ้นมาหลายตัว พร้อมทั้งสอดแทรกดราม่าการนอกใจ การมีชู้ เข้าไปในเนื้อหา แต่ในภาพยนตร์จะพูดถึงดราม่าการนอกใจน้อยหรือมองข้ามไปเลย หากต้องพูดถึงก็จะทำให้กระชับ ไม่มีการตบตีแย่งชิง มีเพียงแค่เสียใจและกระทำการแต่ฝ่ายเดียว แฟนละครไทยก็คงจะเข้าใจกันอยู่แล้วว่าซีนตบตีแย่งชิงคนรักจากมือที่สาม เป็นซีนคลาสสิกในละครไทย ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะพบเจอซีนเหล่านี้ใน แม่เบี้ย เวอร์ชั่นละคร

 

ตัวอย่างหนัง แม่เบี้ย2015 วิจิตรกามา ชาคริต เล่นดีมาก

 

นอกจากนี้ ในละครมีการพูดถึงเรือนไทยในลักษณะที่ลึกกว่าในภาพยนตร์ พูดถึงสาเหตุที่เป็นต้นกำเนิดของความสัมพันธ์ของคนกับงู เพิ่มความดราม่าด้วยการเพิ่มตัวละครที่อาศัยอยู่ในเรือนไทยขึ้นมาหลายคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน แถมยังโปรโมทละครด้วยแฮชแท็ก #งูเจ้าเรือนบาป แถมท้ายด้วยมีการเพิ่มบทตลก เพื่อเพิ่มสีสันตามฉบับละครช่อง 7 เช่นบท ‘บอกไม่ทัน’ ดูทีแรกก็ขำแล้ว พอมีทีที่สองยิ่งขำเข้าไปอีก คิดว่าคงจะมีบทนี้อีกหลายครั้ง เพิ่มรอยยิ้มให้คนดู

 

นักแสดงนำ

เวอร์ชั่นละคร ได้สาวสวยหุ่นดี นาว ทิสานาฎรับบทเป็น เมขลา เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของสาวนาว กับการรับบทดราม่าอีโรติก ซึ่งเธอแสดงได้ดีไม่ว่าจะดราม่า หรือซีนอารมณ์ที่เรียกน้ำตานองหน้า หรือซีนรักแสนแซ่บซี้ด จนต้องซู้ดปากสาวนาวทุ่มเทกับการแสดงมากทั้งบทคุยกับงูที่ต้องเล่นคนเดียว หรือฉากกระโดดน้ำในชุดไทย (มีหลายฉากซะด้วย) ยิ่งไปกว่านั้นเวลาใส่ชุดไทย สาวนาวเธอสวยปังทุกชุด แอบเซ็กซี่เล็กๆ เชื่อว่าบทเมขลาต้องส่งให้เธอดังเป็นพลุแตกตามรุ่นพี่นักแสดงที่เคยรับบทนี้กันมาอย่าง ฮันนี่ ภัสสร, แสงระวี อัศวรักษ์ และ มะหมี่ นภคปภา แน่นอน แม่เบี้ยช่อง 7

 

แม่เบี้ย' : จากความพิศวงฉบับวรรณกรรม สู่ความสมจริงฉบับภาพยนตร์ของ สมจริง​  ศรีสุภาพ

 

เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ได้สาวสวยหน้าไทย อ้อม กานต์พิศชา รับบทเป็นเมขลา คาแรกเตอร์ของเมขลาในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ค่อนข้างเข้มแข็งและมีความเป็น คนลึกลับ สูงกว่าในละคร สาวอ้อมทำได้ดี แสดงให้เห็นความเป็นตัวของตัวเองของสาวเมขลา มีการสูบบุหรี่ หมกหมุ่นในสัมพันธ์สวาท เข้มแข็ง ไม่เศร้านาน บทรักกับหนุ่ม ๆ ในเรื่องก็ร้อนแรงเช็ดน้ำลายไม่ทัน ส่วนความเซ็กซี่ก็เต็มสิบ

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

 

 

คงจะตั้งมั่นเอาดีกับแนวผีสิ่งเดียวแล้วล่ะ สปอยหนังไทย สำหรับผู้กำกับจิม งาม แรงพิศิษฏ์ ด้วยเหตุว่ารู้สึกจะไปได้สวย จิก็เลยสร้างภาพยนตร์ผีเฉลี่ยทุกๆปี ตั้งแต่ โปรแกรมหน้า วิญญาณพยาบาท (2551) ลัดดาแลนด์ (2554) รวมทั้ง ฝากไว้ในกายเธอ (2557) และมาถึง เพื่อน..ที่ระลึก” ผลงานกำกับเรื่องที่ ซึ่งจิม ยังคงพ่วงหน้าที่เขียนบทเองเหมือนเคย จิรับไอเดียมาจากพี่เก้ง จิระ มะลิกุล ที่มองเห็นข่าวสารว่าบรรดาฝรั่งในไทยขนานนามตึก สาทรยูนิคทาวเวอร์” ว่า “Bangkok Ghost Tower”ก็เลยมาคุยกับจิว่าน่าสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับผีอาคารร้างนะ บวกกับ วัน ชาติชั้นวรรณะดี ผู้อำนวยการผลิตก็ซื้อลิขสิทธิ์ไอเดียเรื่อง เพื่อนฝูงสองคนนัดหมายกันไปฆ่าตัวตายร่วมกัน แต่ว่าอีกคนกลับกลัวแล้วไม่ฆ่าตัวตายตาม จิก็นำอีกทั้ง ไอเดียรวมกันออกมาเป็นบทภาพยนตร์ เพื่อน..ที่ระลึก

 

เรื่องย่อ

เพื่อนที่ระลึก เรื่องย่อ เมื่อปี 2540 วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวของ อิ๊บ และ บุ๋ม ต้องพังครืนไปพร้อมๆ กัน ตึกคอนโดหรูใจกลางเมืองที่พ่อของพวกเธอลงทุนทำร่วมกันถูกระงับการก่อสร้างทั้งสองครอบครัวกลายเป็นบุคคลล้มละลาย พวกเธออับอายและปรับตัวไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงจึงตัดสินใจไปฆ่าตัวตายพร้อมกันบนตึกนั้นแต่ปรากฏว่าคนที่ตายกลับเป็นแค่อิ๊บเพียงคนเดียวทั้งที่ก่อนลั่นไกก็สัญญากันแล้วว่าจะตายด้วยกัน

 

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

 

ผ่านไป 20 ปี ในปี 2560 บุ๋ม (เมนเทอร์บี-น้ำทิพย์) เติบโตกลายเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และได้กลับไปที่ตึกนั้นอีกครั้งพร้อมกับ เบล ลูกสาวผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอหลังกลับจากตึกก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับเบลเช่น ละเมอกลางดึกพูดคนเดียว ทำร้ายตัวเองและสิ่งที่เบลทำในขณะที่ไม่รู้ตัวนั้นทำให้บุ๋มระลึกถึงอิ๊บและคิดว่านี่อาจเป็นการกลับมาทวงคำสัญญาของอิ๊บในวันนั้น ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

หน้าหนังมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เป็นจุดน่าสนใจ ทั้งพลอตเกี่ยวกับผีอาฆาตทวงสัญญาที่ว่าจะฆ่าตัวตายไปด้วยกัน เป็นชื่อภาษาอังกฤษของหนังด้วย “The Promise” ก็เป็นพลอตที่เหมาะมากสำหรับหนังผีซักเรื่อง และการที่ทีมงานได้รับอนุญาตจากเจ้าของตึก “สาทรยูนิคทาวเวอร์” ให้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำได้ ยิ่งเข้ากับธีมเรื่อง ตึกเองก็มีความสยองอยู่มาก เพราะเคยเป็นมีข่าวดังตอนปี 2557 ที่ช่างภาพไปเจอศพฝรั่งผูกคอตาย และเรื่องนี้ก็เป็นการกลับมาร่วมงานกันของเมนเทอร์บีและลิลลี่ลูกทีมของเธอเองจาก The Face Thailand Season 2  เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของทั้งคู่ด้วย

จิมดึงความน่ากลัวทัศนียภาพของตึกสาทรยูนิคมาใช้ได้อย่างสัมฤทธิ์ผลทั้งภาพโดรนจากภายนอกตึกกล้องบินวนรอบถ่ายจากมุมสูงทำให้เราได้เห็นมุมแปลกๆ ของตึกที่คุ้นตาคนกรุงเทพฯ มาตลอด 20 ปี มีทั้งความสวยและน่ากลัวรวมถึงฉากภายใน ก็ดึงซอกหลืบ ทางเดิน มืดๆ น้ำแฉะๆ มาใช้ในฉากสยองได้ดีเช่นกันดูแล้วเห็นพ้องกับที่ทีมงานได้เกริ่นไว้ว่าตึกสาทรยูนิคทาวเวอร์เปรียบได้กับอีก 1 ตัวละครของเรื่องนี้ ตัวตึกทำหน้าเชื่อม 2 ช่วงเวลาที่ห่างกัน 20 ปีได้ตรงโจทย์ที่สุด เป็นจุดที่ทำให้เกิดเรื่อง และจบเรื่อง

 

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

 

ชอบบทนำของหนังครับ กับการเล่าเรื่องในปี 2540  ชนวนเหตุจาก อิ๊บ กับ บุ๋ม 2 เพื่อนรักลูกสาวมหาเศรษฐีที่รวมหุ้นกันสร้างตึก”สาทรเสตท” (ชื่อตึกในเรื่องนี้) แล้วพ่อของทั้งคู่ก็อยู่ในกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่ร่วงไปพร้อมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ชีวิตของอิ๊บ กับ บุ๋ม พลิกจากสุขสบายมาลำบาก ความบีบคั้นรอบด้าน ทำให้ 2 สาวคิดสั้นและเลือกชั้น 47 สูงสุดของตึกเป็นที่นัดปลิดชีวิตด้วยกัน ฉากนี้ถือว่าช็อคคนดูได้โหด ได้แรงมาก

เรื่องราวในปี 2540 เป็นจุดที่ต้องชืนชมทีมงานที่ทำให้คนเคยผ่านยุคนั้นได้หวนคิดถึงบรรยากาศทั้งที่น่าจดจำและไม่น่าจดจำ ด้านความรู้สึกดี ๆ ทำให้เราได้หวนคิดถึงช่วงวันเวลาเคยวนเวียนกับ เพจเจอร์ ตู้สติกเกอร์ สเก็ตซ์น้ำแข็ง ส่วนด้านความทรงจำอันเลวร้ายก็คือบรรดาภาพฟุตเตจของวิบากกรรมที่บางคนได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในวันนั้น ก็ถือว่าทีมงานทำการบ้านตรงนี้มาได้ละเอียดดีครับ

 

วิเคราะห์ วิจารณ์หนัง เพื่อน.. ที่ระลึก

สำหรับหนังผีไทย เราคิดว่า เพื่อนที่ระลึก เรื่องจริง ก็ทำได้ดีอยู่ มีความน่ากลัวระดับหนึ่ง ไม่ได้น่ากลัวมากถึงขนาดออกจากโรงมาแล้วก็ยังรู้สึกหลอนตามตัวละครอะไร แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์ในแง่ความหลอน ความน่ากลัวและความสยองขวัญอย่างที่หนังผีฮอลลีวู้ดหลายเรื่องทำให้ไม่ได้

ผีเหี้ยมาก มี “ตุ้งแช่” ที่ “หลอก/ล่อคนดู” อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่น่าเกลียดที่เกลียดคือผีแม่งบ้าจัดหนักอาฆาตแค้นเบอร์แรงไร้เหตุผลขยันมาเช้ากลางวันเย็นชนิดไม่ให้พักให้ผ่อนดูแล้วนี่ก็รู้สึกเหนื่อย อยากให้หนังจบๆ ไวๆ เพราะกลัวหัวใจจะวายตายอีอิ๊บไปเสียก่อนบีหรือลิลลี่

 

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

 

คาแรกเตอร์ของบุ๋มเองก็มีส่วนอยู่บ้างที่ทำให้เรารู้สึกกลัวผีอิ๊บในหนังเรื่องนี้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะเราต้องอยู่กับตัวละครบุ๋มนี่ตลอดเวลา ซึ่งบุ๋มเป็นหญิงที่ค่อนข้างสตรองดูไม่กลัวผีเสียเลยแต่จะวิ่งเข้าไปท้าผีตลอดเวลา เอะอะอะไรก็กลับไปที่ตึกๆ แล้วชั้นที่เกิดเหตุนั่นก็อยู่ชั้นที่ 47 !!! ไม่รู้นางจะขยันเดินขึ้นเดินลงไปหาผีอะไรของนางนักหนา

 

เพื่อน..ที่ระลึก สปอยหนัง

จุดหนึ่งที่ชื่นชมสปิริตของ GDH ในขณะที่เป็นค่ายหนังเพื่อนที่ระลึก Pantip เรื่องจริง ของแกรมมี่ แต่กลับเลือก “เดียวดายกลางสายลม”ของ นรีกระจ่าง คันธมาส ซึ่งเป็นผลงานของค่ายวอร์เนอร์มิวสิคมาใช้เป็นเพลงธีมของหนัง เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากครับ เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม “ราชินีพระจันทร์” ออกมาปี 2537 ใกล้กับเหตุการณ์ในหนังปี 2540 อารมณ์เพลงหลอนเข้ากับบรรยากาศหนัง เนื้อหาก็หดหู่ ท้อถอยหมดหวัง เป็นเพลงในอันดับต้น ๆ ที่คนฟังแล้วอยากฆ่าตัวตาย ก็เข้ากับเนื้อหาของหนังที่อิ๊บฟังเพลงนี้ก่อนเข้าฉากฆ่าตัวตาย  บี น้ำทิพย์ คัฟเวอร์เพลงนี้มาใช้เป็นเวอร์ชั่นโปรโมตหนังด้วย อารมณ์ต่างจากต้นฉบับอยู่มากนะ

 

 

หนังยาวเกือบ 2 ชั่วโมง แต่เดินเรื่องได้เร็วพอตัดเข้าเรื่องราวในปีปัจจุบัน ก็ใช้เวลาไม่นานกับการกลับมาของ “อิ๊บ” ที่จัดเต็มตอบสนองคอหนังผีได้อย่างอิ่มเอม เพราะผีอิ๊บถือว่าแค้นและดุมาก ยิ่งเพิ่มโจทย์เรื่องกรอบเวลา ที่ผีอิ๊บจะต้องเอาชีวิตของเบลไปให้ได้ก่อนที่เบลจะอายุครบ 15 ปี ในอีก 6 วันข้างหน้าเพราะอิ๊บและบุ๋มก็อายุ 15 ในวันที่ทั้งคู่นัดกันฆ่าตัวตาย เราก็เลยได้ดูการรังควานของผีอิ๊บที่ตามแม่ลูกมาถึงที่พัก ก็เปิดโอกาสให้ใส่ฉากลุ้นผีได้ถี่ๆ มีทั้งหลอกให้ลุ้นเก้อ และลุ้นแล้วก็เจอตุ้งแช่แรง ๆ หนังเขียนมาให้แม่ลูกอยู่กันแค่ 2 คนในคอนโดหรู สถานะผู้หญิง 2 คนโดนผีหลอกกลางดึกจัดได้ว่าเป็นเหยื่อที่น่าสงสารในหนังผี แต่ขณะเดียวกันจุดนี้ก็กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ในบทหนังที่ไกลความเป็นจริง ชวนให้ตั้งคำถามว่าทำไมไม่หาใครมาอยู่ด้วยในสภาวะเช่นนี้

 

จุดแตกหักของหนัง

จุดแตกต่างอย่างหนึ่งที่ “เพื่อน..ที่ระลึก” เลือกใช้ให้แตกต่างจากขนบหนังผี คือการเล่นกับจินตนาการคนดู “เพื่อน..ที่ระลึก” เป็นหนังผีที่แทบไม่เห็นผี ตลอดเรื่อง เราเห็นร่างของผีอิ๊บน้อยมากไม่มีภาพผีน่ากลัวพุ่งเข้าใส่กล้องแต่ใช้ประโยชน์จากเสียง แสง ฉาก สร้างบรรยากาศหลอนได้สัมฤทธิ์ผล และที่สำคัญคือการแสดงของลิลลี่ ที่รับหน้าที่สื่ออารมณ์หลอนเองล้วนๆ เพราะบทเขียนให้เบล สื่อสารกับผีอิ๊บได้ หลายๆ ฉากคนดูก็ได้หลอนไปกับตัวเบลเนี่ยแหละไม่ใช่ผีอิ๊บหรอกบางทีเบลก็พูดกับอิ๊บบางทีเบลก็อยู่ในอากัปกิริยาที่เหมือนโดนผีเข้าจัดเป็นงานแรกที่ยากสำหรับลิลลี่ แต่เธอก็ทำได้ดีครับ

นอกจากตึกสาทรยูนิคทาวเวอร์ ทำหน้าที่สำคัญในหนังแล้วบรรดาอุปกรณ์สื่อสารเองก็มีบทบาทอย่างมาก ตอนต้นก็คือ “เพจเจอร์” ที่อิ๊บและบุ๋มสื่อสารกัน มีข้อความที่ทั้งคู่ส่งหากันค้างอยู่ในเครื่องเป็นสิ่งตอกย้ำคำสัญญา ผ่านมา 20 ปีโทรศัพท์มือถือก็รับหน้าที่สำคัญต่อ มันทำหน้าที่ทั้งในส่วนดราม่าและฉากหลอนของหนัง แม่ลูกโทรหากันหลายครั้งมากทั้งในยามแฮปปี้กุ๊กกิ๊กและในยามคับขันลุ้นระทึก ในทางตรงกันข้าม ผู้กำกับจิมก็ใช้มันทำหน้าที่ได้ดีมากในฉากหลอนชอบมากกับฉากในห้องมืดๆ แล้วตัวละครมองอะไรไม่เห็นจึงต้องมองภาพผ่านกล้องมือถือแทนเป็นฉากที่ชวนลุ้นมากจริงๆ อีกฉากที่ชอบมากคือฉากของ “หม่อน” ไม่บอกรายละเอียดครับไปลุ้นกันเองเถอะฉากนี้ โคตรสงสารเด็ก

 

 

สิ่งหนึ่งที่ต้องเน้นย้ำกันไว้ ว่าแม้ผีจะดุหนังจะหลอนรุนแรง แต่ปริมาณความหลอนของหนังก็ไม่ได้กลบเนื้อหาอารมณ์ในส่วนของดราม่าที่คลออยู่กับเรื่องราวตลอด ความรักความผูกพันของเพื่อนทั้งตอนเป็นและตอนตายที่กลายมาเป็นประเด็นของเรื่องราว และความรักของแม่ลูกที่มีต่อกัน สื่อให้เรารับรู้ผ่านการแสดงของบีและลิลลี่ โดยมีสื่อต่าง ๆ อย่างอัลบั้มภาพเก่า จดหมาย วอยซ์เมล ที่ทั้งคู่ต่างส่งหากันอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งหมดล้วนถูกใช้เป็นแรงขับเน้นพลังของตัวละครแม่ลูกให้ฮึดสู้กับผีอิ๊บทั้งยังเป็นการเปิดประเด็นให้คนดูคาดเดาว่าหนังจะลงเอยด้วยแม่ยอมเสียสละให้ลูก หรือจะพลิกเป็นลูกยอมเสียสละให้แม่ หนังลากช่วงท้ายต่ออีกยาวเหมือนหาทางออกสวย ๆ ไม่ได้ ไปดูเองแล้วกันว่าหนังจะหาทางออกกับโจทย์นี้ยังไง บทเขียนมาให้ตัวละครบุ๋มต้องทำหน้าที่เหนื่อยมาก เป็นบทที่ใช้งานบีได้คุ้มค่ามาก บทบุ๋มมีดิ่งลงสุดหดหู่ ฟูมฟาย ยอมแพ้ แล้วก็มีช่วงลูกบ้าขึ้น เดิมพันกับผีแบบที่เราก็คาดไม่ถึง มองเห็นถึงความทุ่มเทตั้งใจของบีจริง ๆ ครับ เล่นแบบไม่ห่วงสวยเลย เพื่อนที่ระลึก pantip

เป็นหนังผีที่เต็มไปด้วยฉากผีหลอกทั้งหลอนทั้งตุ้งแช่ โดยไม่ต้องมีภาพผีแหวะๆ น่ากลัวให้เห็นแม้ผลลัพธ์จะยังไม่ถึงขั้นงานระดับต้นๆ ของ GDH แต่ก็จัดได้ว่าเป็นงานในกลุ่มด้านบวกที่ควรค่าแก่เวลาและค่าตั๋วครับ