Category Archives: หนังไทยย้อนยุค

รีวิวหนังไทย อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

 

สปอยหนัง “อันธพาล” ผลงานกำกับล่าสุดของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ น่าจะเป็นอีกหนังไทยที่โดดเด่นของปีนี้ และน่าจะได้เข้าชิงรางวัลด้านภาพยนตร์จากหลายสำนักเมื่อมีการประกาศกันปีหน้าครับ เพราะเป็นหนังไทยที่มีงานสร้างที่มีความละเอียด ปราณีต มีการแสดงอันยอดเยี่ยม และมีวิธีการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และน่าสนใจในแบบที่ยังไม่เคยเห็นหนังไทยเรื่องไหนทำมาก่อน นอกจากนี้แล้วยังเป็นหนังไทยที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าควรให้การสนับสนุนครับ

 

เนื้อเรื่อง อันธพาล

เรื่องราวของ อันตรธาน ครองเมือง บอกเล่าเกี่ยวกับนักเลงดังแห่งพระนครในยุคร็อคแอนด์โรลล์ สมัยที่เจมส์ ดีน และ เอลวิส เพรสลี่ เป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นยุคนั้น มีตัวละครอันเป็นที่คุ้นเคยเพราะเคยถูกบอกเล่าเป็นหนังมาก่อนอย่างแดง ไบเล่, ปุ๊ ระเบิดขวด และดำ เอสโซ่ ใน “2499 อันธพาลครองเมือง” ของผู้กำกับนนทรีย์ นิมิบุตร แต่อย่างที่ชื่อหนังที่ดูจะกินความกว้างกว่า ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นเหตุการณ์ในพ.ศ.ไหน “อันธพาล”ของก้องเกียรติมีขอบเขตของเรื่องราวที่กว้างกว่า มีตัวละครเด่นเยอะกว่า และขณะที่ “2499 อันธพาลครองเมือง” เน้นไปที่แดง ไบเล่ หนัง “อันธพาล” จะเน้นไปที่ตัวละครจ๊อด เฮาดี้ มือขวาและมิตรแท้ข้างกายของแดง ไบเล่ แทน

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

ดูเหมือนว่าจุดมุ่งหมายในการสร้างหนัง “อันธพาล” ของก้องเกียรติ ก็คือต้องการสร้างหนังแนวแก๊งสเตอร์ว่าด้วยวงการมาเฟียในประเทศไทย และอยากบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ก็ยังขยายขอบเขตของเรื่องราวไปถึงแง่มุมทางประวัติศาสตร์ วิถีและเส้นทางชีวิตของคนที่เข้ามาในวงการนี้ว่าต้องเจอกับอะไรและจะมีจุดจบอย่างไร มุมมองของผู้คนที่ร่วมสมัยกับตัวละครต่อวงการนี้เป็นอย่างไร ซึ่งก้องเกียรติมีวิธีการในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจด้วยการเอาการเล่าเรื่องแบบหนังปกติทั่วไปมาผสมกับรูปแบบของสารคดี โดยให้จ๊อด เฮาดี้ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เป็นจุดศูนย์กลางและจุดเชื่อมต่อของทั้งหมดที่กล่าวมา ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

สิ่งที่ผู้กำกับนำเสนอเรื่อง อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล ผู้กำกับก้องเกียรติให้เรารู้จักกับจ๊อด เฮาดี้ ก่อน ด้วยภาพของคนหนุ่มขี้เกรงใจ สุภาพ เป็นที่รักของทั้งแม่และน้องสาว ก่อนที่จะได้เห็นภาพที่ตรงกันข้ามในฐานะนักเลงใจเด็ดที่ฆ่าคนได้โดยไม่ยั้งมือ และโหดเหี้ยม ผู้เป็นมือขวาและมิตรคู่กายของแดง ไบเล่ (สมชาย เข็มกลัด)

จ๊อดเป็นเด็กช่างกลมาก่อน และเข้าสู่วงการนักเลงโดยการชักชวนของแดง ซึ่งจ๊อดรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตอนที่มาช่วยเขาระหว่างมีเรื่องวิวาทกับโรงเรียนช่างกลคู่อริ แดงพาจ๊อดไปเป็นนักเลงลูกน้องของเฮียหลอ มาเฟียกระหายอำนาจและปลิ้นปล้อน

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

ขณะที่แนะนำให้เรารู้จักและบอกเล่าเรื่องราวของจ๊อด ผู้กำกับก้องเกียรติก็ใช้เทคนิคของหนังสารคดีด้วยการให้ผู้คนที่รู้เรื่องราวของยุคโน้นมาช่วยเล่าในลักษณะการให้สัมภาษณ์ พร้อมทั้งแทรกภาพข่าวเก่าๆ มาประกอบ เพื่อช่วยบอกเล่าส่วนที่เป็นภาคผนวกและเกร็ดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัวละคร และวงการนี้ เช่นฉากที่จ๊อดดวลกับเฮียเซ้ง (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ผู้กำกับก็ให้คนที่รู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเล่าเสริมถึงวิธีการดวลที่เรียกว่า “มัดมือดวลมีด” ที่จ๊อดกับเฮียเซ้งใช้นั้นเป็นยังไง หรือขณะที่พูดถึงตัวละครบางตัวเช่นแดง ไบเล่ หรือ ปุ๊ ระเบิดขวด ก็ให้ผู้คนมาเล่าเสริมว่ามุมมองที่คนสมัยนั้นที่มีต่อทั้งคู่เป็นยังไง เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ผู้กำกับก้องเกียรติให้สัมภาษณ์ว่าได้แรงบันดาลใจจาก District 9 ส่วนตอนที่ผมดูนั้นนึกถึงหนังฉายทีวีเรื่อง Execution of Justice ว่าด้วยการคดีฆาตกรรมฮาร์วี่ มิลค์ ที่ใช้การสัมภาษณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาเล่าคู่ไปกับส่วนที่เป็นภาพยนตร์

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเล่าเรื่องวงในของมาเฟียผ่านมุมมองของเปี๊ยก (กฤษฎา สุภาพพร้อม) เด็กวัยรุ่นที่อาศัยและทำงานอยู่ในโรงหนังที่แดงกับจ๊อดชอบไปดูหนังบ่อยๆ เปี๊ยกมีเพื่อนรักชื่อธง (สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และทั้งคู่ก็มีแดงกับจ๊อดเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต มองภาพของนักเลงรุ่นใหญ่ยุคนั้นว่าเป็นอะไรที่เท่ ใครไปไหนก็เกรงกลัวและนบนอบ จึงอยากที่จะเข้าแก๊งและเจริญรอยตาม ทำให้หนังมีส่วนคล้ายคลึงกับ The Godfather: Part II เพิ่มเข้ามา และหนึ่งชั่วโมงแรกของหนังก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องทั้งสามขนานกันไป มีการตัดต่อสลับไปมา มีการเล่าเรื่องทั้งไปข้างหน้าและย้อนหลังแบบโดดไปโดดมาคล้าย The Social Network

ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างลูกเล่นของการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ และน่ายกย่องในความกล้าหาญที่จะฉีกขนบการเล่าเรื่องหนังให้แตกต่างจากหนังไทยด้วยกัน แต่อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก้องเกียรติยังใช้การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เหล่านี้ได้ยังไม่ลงตัวดีพอ โดยเฉพาะช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง ทั้งนี้เพราะทั้งสามวิธีการเล่าเรื่องเหมือนจะมีเรื่องราวของมันเอง และหนังเล่าเรื่องโดยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามส่วนเกือบเท่าๆกัน มีการให้รายละเอียดที่ยิบย่อยเกินไป ทำให้มาชิงความเด่นของกันและกัน และฉุดรั้งไม่ให้อารมณ์ดราม่าของหนังในช่วงนี้ไปได้สุดทาง แม้ว่ามันจะดูเก๋ไก๋ก็ตาม อันธพาน คลองเมือง 2555

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

 

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่หลังจากจ๊อด เฮาดี้พ้นโทษออกจากคุกหลังจากการปราบปรามอันธพาลด้วยกฎหมายอันเฉียบขาดของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หนังมีวิธีการเล่าเรื่องที่ลงตัวมากขึ้น และทำให้ความเข้มข้นตามแบบหนังแก๊งสเตอร์กลับมาน่าติดตามมากขึ้น หนังลดทอนส่วนที่เป็นสารคดีให้มาเป็นเพียงส่วนเสริมจริงๆ มากขึ้น ขณะที่ส่วนที่เป็นมุมมองของเปี๊ยกก็ค่อยๆ ลดหน้าที่ลงกลายเป็นการทำหน้าที่ของโครงเรื่องรองแทน

เรื่องราวครึ่งหลังเน้นไปที่การแย่งชิงความเป็นใหญ่ของมาเฟีย โดยแต่ละเจ้าพ่อก็มีนักเลงเด่นๆเป็นลูกน้องของตัวเอง จ๊อดยังคงเป็นหมากในเกมชิงอำนาจของเฮียหลอ โดยมีเปี๊ยก, ธง, และน้าหำ (บุญส่ง นาคภู่) เป็นลูกน้อง แล้วกลายเป็นม้าศึกที่จะถูกฆ่าหลังเลิกใช้เมื่อเฮียหลอหันไปเลือกใช้โอวตี่ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) นักเลงนักฆ่าที่ทั้งบ้า ทั้งเหี้ยมโหด เป็นหมากตัวใหม่ ทำให้แก๊งของจ๊อดต้องแตกคอกัน ขณะเดียวกัน จ๊อดก็ต้องหนีการตามล่าของผู้การคำนึง (วสุ แสงสิงแก้ว) ผู้ที่ไม่เคยคำนึงถึงวิธีในการปราบมาเฟีย และสะท้อนด้านมืดของผู้มีอำนาจทางกฎหมาย ทำพาไปสู่ฉากตามล่าล้างแค้นในตอนจบที่ทั้งตื่นเต้น ลุ้น และสะเทือนใจ

 

รีวิวหนังไทย อันธพาล

องค์ประกอบที่ควรได้รับการยกย่องอีกอย่างของหนังก็คือองค์ประกอบด้านศิลป์ ทั้งการสร้างฉาก การกำกับศิลป์ การออกแบบเครื่องแต่งกายและทรงผม งานเทคนิคภาพ และดนตรีประกอบ ที่ช่วยเนรมิตรพระนครยุค 60-70 ได้อย่างเนียบจนเหมือนพาเราหลุดเข้าสู่ยุคนั้นไปด้วยได้เลย ทั้งยังเสริมโทนดิบเถื่อนและรุนแรงอันเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของผู้กำกับก้องเกียรติให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้และดีมาก แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือบุญส่ง นาคภู่ เป็นบทน้าหำ นักเลงเก่าขี้คุยผู้ที่อยากหลุดพ้นจากเส้นทางนักเลงไปใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไป เป็นบทที่ทั้งดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เราเคยเห็นว่ามีอยู่จริง และบางขณะก็ทรงพลัง ส่วนกฤษดา สุโกศล แคลมป์ ก็ยอดเยี่ยมในการสร้างบุคลิกของจ๊อดให้ดูเป็นปุถุชนทั่วไป และมีเสน่ห์ขึ้นจอ พาให้ชวนติดตามหนัง

 

 

“อันธพาล” อาจไม่ใช่หนังที่ดีพร้อมหรือสมบูรณ์แบบเต็มร้อย แต่เป็นหนังที่มีองค์ประกอบทุกส่วนของงานสร้างดีเลิศ และมีความพยายามอันน่าชื่นชมของผู้กำกับก้องเกียรติในการสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีลูกเล่นที่แปลกแตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลพอให้นักดูหนังควรให้การสนับสนุนหนังเรื่องนี้ครับ นางเอก หนัง อันธพาล

นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้และดีมาก แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือบุญส่ง นาคภู่ เป็นบทน้าหำ นักเลงเก่าขี้คุยผู้ที่อยากหลุดพ้นจากเส้นทางนักเลงไปใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไป เป็นบทที่ทั้งดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เราเคยเห็นว่ามีอยู่จริง และบางขณะก็ทรงพลัง ส่วนกฤษดา สุโกศล แคลมป์ ก็ยอดเยี่ยมในการสร้างบุคลิกของจ๊อดให้ดูเป็นปุถุชนทั่วไป และมีเสน่ห์ขึ้นจอ พาให้ชวนติดตามหนัง

 

วิจารณ์เรื่อง อันธพาล

รีวิวหนังไทย อันธพาล โครงสร้าง โครงเรื่องแบบ Classical Design เป็นโครงเรื่องที่พบบ่อยที่สุดสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชม ผู้ฟังในวงกว้างได้อย่างมากตัวละครเอกของเรื่องมักจะต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับชีวิต ตัวละครที่เป็นอุปสรรคของเค้าเองโดยการทำทุกวิธีทางให้ตัวเองเป็นผู้นำ เหตุการณ์ในเรื่องมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ไปจนถึงบทสรุปตอบจบของต่ละฝ่าย ในชีวิตระหว่างกลุ่มวัยรุ่น ที่ทำให้ชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนไป

ความขัดแย้ง ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง ความขัดแย้งเช่นนี้พบบ่อยที่พระเอกจะเป็นฮีโร่โดย พระเอกจะออกแนวบุคลิกที่เรียกว่าใจเย็นมีน้ำใจกว่า เปรียบเหมือนเป็นฝ่ายธรรมะ ไม่ต่อยหาเรื่องใครก่อน ส่วนเพื่อน อีกฝ้านเปรียบเหมือนฝ่าย อธรรม ที่ชอบทะเลาะวิวาท หาเรื่องคนไปทั่ว

ตัวละคร อัน ต พา ร คลอง เมือง 2012 นักแสดง ตัวละครมีบุคลิกกลม ( Round Character ) เป็นตัวละครที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว มีความลึกซึ้งและเข้าใจได้ยากกว่าตัวละครที่มีบุคลิกแบน มีลักษณะคล้ายชีวิตจริงของคนในสังคม เพราะพระเอก จะรักเพื่อนมาก ช่วยเหลือเพื่อน พิชิตพาล อภิบาลคนดี แต่ในอีกมุมนึงบางครั้งก้อ ลืมคนรักของเค้าไปชั่วคณะ แต่เค้าก็รักและเคารพแม่ ถึงแม้จะมีเหตุการทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยครั้ง

 

 

แก่นเรื่อง เป็นแก่นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต มุ่งนำเสนอเรื่องจริงของชีวิต ประสปการณ์การณ์ธรรมชาติ ของมนุษย์ และจุดจบของความเป็นนักเลง และ อันธพาล

ฉาก ตรอกไบเลย์ ย่านพระนคร หรือ กรุงเทพ ในปัจจุบัน และ เพราะ ที่อยู่อาศัยของพระเอก และเพื่อนๆของเค้าอยู่ย่านนั้นกันหมด และ มีฉากที่อู่ตะเภาด้วย เพราะ พระเอก หรือ แดง และพวกเพื่อนๆ ถูก รัฐบาล สั่งจับตาย

สัญลักษณ์พิเศษ มีการใช้สัญลักษณ์พิเศษทางภาพ คือ ล๊อกเกต เจมส์ดีน ของพระเอกกับนางเอก เพลง Elvis Presley ที่เปิดประกอบฉาก และ น้ำยี่ห้อ ไบเลย์ และปืนคู่กายของพระเอก และ กางเกงยีน Wrangler ที่นิยมกันในสมัยนั้น ดูหนังออนไลน์

มุมมองในการเล่าเรื่อง มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของบุคคลที่ 3 โดยการเล่าเรื่องผู้เล่าเป็นเพื่อนสนิทของพระเอก จะเป็นผู้ดำเนินเรื่อง เล่าเรื่อง ชีวิตวัยโก๋ เพราะบุคคลผู้เลานสี้ เป็นคนสนิทของพระเอกในเรื่อง

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

 

สปอยหนัง เมื่อกฎหมายที่ตนเองศรัทธาเล่นงานจนถูกพักราชการ ขุนพันธรักษ์ราชเดช (อนันดา เอเวอริงแฮม) จึงตัดสินใจเล่นนอกกฎด้วยการแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มโจรเชิ้ตดำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสุพรรณบุรีนำโดย เสือฝ้าย (พ.อ. วันชนะ สวัสดี) และเสือไบ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) จนอุดมการณ์ตำรวจถูกสั่นคลอนด้วยคำสัตย์ของโจร และขณะเดียวกันทางการตำรวจก็ส่ง อัศวิน (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) นายตำรวจหนุ่มนักเรียนนอกไฟแรงมาประจำที่สุพรรณบุรีเพื่อปราบปรามเหล่าโจรเรียกศรัทธาจากประชาชน และยิ่งขุนพันธ์อยู่กับโจรนานเท่าไหร่เบื้องหลังสกปรกในวงการตำรวจก็ยิ่งถูกขุดขึ้นมาจนสุดท้ายขุนพันธ์ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างโจรที่เป็นดั่งวีรบุรุษหรือเข้าข้างตำรวจที่เลวยิ่งกว่าอาชญากร

หลังห่างหายไป 2 ปีในที่สุด ก้องเกียรติ โขมศิริ ก็ได้ฤกษ์นำขุนพันธ์ ๒ ออกฉาย แม้ว่าเสียงวิจารณ์ของภาคแรกจะออกมาแบบก้ำกึ่ง คือเสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่าหนังสนุกดีแต่บทหนังดูจะมั่วซั่วมากและซีจีเข้าขั้นโคม่า แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแสดงและการดีไซน์คาแรกเตอร์ตัวละครที่โดดเด่นคือจุดแข็งสำคัญของหนังภาคแรก ซึ่งก็น่าดีใจที่ ก้องเกียรติ ยังคงสานต่อจุดดีของหนังภาคแรก แถมยังกลับมาเล่นใหญ่กว่าเดิมเพราะต้องเล่าเรื่องราวของตัวละครใหม่ที่มีเรื่องราวของตัวเองทั้ง เสือฝ้าย และ เสือไบ ที่ออกแบบมาอย่างเท่จนผู้พันเบิร์ดและเป้ อารักษ์ ได้ควงปืนเล่นฉากแอ็คชั่นสุดเว่อร์วังได้ระดับน้องๆหนังฮีโร่มาร์เวลเลย แถมพัฒนางานเทคนิคด้านภาพให้สมศักดิ์ศรีหนังเกี่ยวกับอาคม แนบเนียนขึ่้นเยอะ และบทหนังยังสร้างประเด็นที่น่าสนใจทั้งเรื่องของคำสัตย์สาบานในหมู่โจร และการต่อสู้ในใจของขุนพันธ์เองว่าเขายังคงเป็นตำรวจหรือไม่สร้างความเข้นข้นให้เรื่องราวน่าสนใจอยู่ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

นอกจากนี้หนังยังดีไซน์ตัวละครแวดล้อมได้น่าสนใจดีท้้ง อัศวิน นายตำรวจที่ถูกไฟคลอกจนต้องแปลงร่างเป็น เรด สกัล เอ้ย..เป็นมนุษย์หน้ากากดูน่าขนลุกอย่างกับผู้ร้ายหลุดมาจากหนังฮีโร่มาร์เวล หรือจะเป็นบรรดาตัวละครสาวๆทั้ง บุศรา (ก้อย รัชวินทร์ วงศิวิริยะ) มาเฟียสาวเจ้าของบาร์เหล้าเขตปลอดกฎหมายก็ให้อารมณ์นางนกต่อทรงเสน่ห์สุดอันตราย และ ทับทิม (อาภา ภาวิไล) คนรักของเสื้อไบที่มีปูมหลังแสนเศร้า ก็สร้างสีสันได้เป็นอย่างดีจนทำให้ขุนพันธ์ ๒ กลายเป็นหนังที่อุดมด้วยตัวละครที่ถูกออกแบบมาอย่างน่าสนใจมากมายเดินไปเดินมาในเรื่อง แม้ว่าท้ายที่สุดจะกลายเป็นภาระที่บทหนังยังคงไม่สามารถเล่าเรื่องได้ลงตัวเท่าใดนักแต่อย่างน้อยคราวนี้ก้องเกียรติก็ไม่ได้ให้เราเสียเวลาดูฉาก เซนๆ อย่าง “ศึกนี้อยู่ที่ใจ” อันเป็นของแสลงจากหนังภาคแรกแล้ว

 

จุดที่ยังผิดพลาดของหนัง ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2 จุดที่ยังคงผิดพลาดอย่างน่าเสียดายเช่นเดิมคงหนีไม่พ้นว่า ผ่านมาภาค 2 แล้วเราก็ยังไม่ได้รู้จัก ขุนพันธ์ ดีขึ้นกว่าเดิมนัก เพราะแม้ว่าประวัติของท่านจะแพร่หลายแต่ในเชิงสื่อภาพยนตร์เราก็อยากรู้จักตัวละครนี้มากกว่าแค่สถานะ ตำรวจผู้แก่กล้าอาคม โดยมียังมีจุดที่หนังละเลยที่จะสำรวจทั้งทัศนคติของตนต่อกฎหมายในมือมาเฟีย หรือแม้กระทั่งว่าอะไรที่หล่อหลอมให้ท่านมาสนใจเรื่องวิชาอาคมก็จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักตัวละครและอยากลุ้นกับภารกิจต่างๆมากขึ้น แต่กลับไปเล่าเรื่องราวของเสือไบเป็นตุเป็นตะจนเรารู้จักเรื่องราวของมหาโจรมากกว่าตัวพระเอกเองเสียอีก ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลในระหว่างทางแต่อย่างน้อย ขุนพันธ์ ๒ ก็ยังมีมนตร์มากพอจะทำให้คนดูสนุกไปกัยหนังได้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที หนังก็สามารถเอนเตอร์เทนเราด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ คาแรกเตอร์เท่ๆของเสือไบของ เป้ อารักษ์ และหน้าสวยๆของ ก้อย รัชวินทร์และ แม็กกี้ อาภา แค่นี้ก็เพลินจนลืมเวลาแล้วครับ ดูหนังฟรี

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

วันนี้เจอกันอีกแล้วค่ะ ไม่รู้จะทำอะไรดูหนังไทยกันดีกว่า หลังจากที่ดูหนังฝรั่งมาหลายวันแล้ว วันนี้คิดยังไงไม่รู้เลยไป ค้นหาหนังขุนพันธ์ 2 มาดูซึ่งเรื่องนี้จำได้ว่าเคยดูมานานมากแล้ว ต้องดอีกรอบเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำกันอีกรอบ จะได้มาสปอยล์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพราะดูนานมากแล้ว ก็รู้สึกจะหลง ๆ ลืม ๆไปบ้างแล้ว พร้อมแล้วเราไปอ่านสปอยล์หนังขุนพันธ์ 2 กันดีกว่าค่ะ

ในเรื่องจะกล่าวถึงขุนพันธ์ซึ่งถูกพักราชการ เนื่องจากได้ทำการจับกุมเกินกว่าเหตุ และทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ขุนพันธ์ต้องปราบขุนโจรชุดดำ นั้นก็คือเสือฝ้ายและเสือใบผู้มีวิชาอาคมที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน ในขณะที่ขุนพันธ์ถูกพักราชการอยู่นั้นขุนพันธ์ ใช้วิธีเข้าพวกชุมโจรผ่านแม่สื่อที่โรงเหล้า ผู้รู้ทุกเรื่องในสุพรรณบุรี

เสือฝ้าย เสือใบ และเสือบุตรต้องดื่มน้ำร่วมสาบานว่า ทั้งสามคนจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป ถ้าใครผิดคำสาบานให้มีอันเป็นไป ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด แต่แล้วมาวันนึงเสือฝ้ายได้ถูกล้อมยิงจนบาดเจ็บ ต้องใช้วิชาอาคมคลายกระสุนออกจากร่างกาย เมื่อหายดีจึงรู้ว่าเพื่อนเป็นคนสั่งมาเก็บ เสือฝ้ายต้องไปตามเก็บเพื่อนเขาทิ้ง ขุนพันธ์ 2 เต็มเรื่อง ตอน จบ

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

 

ในขณะที่ขุนพันธ์พักราชการได้มีคนมาเป็นสารวัตรคนใหม่ เพื่อมาประจำการแทนขุนพันธ์ แต่ก็ต้องโดนยิงและโดนไฟเผา แต่เขาไม่ตายเพราะเขาได้เรียนรู้วิชาอาคม เพื่อที่จะปราบเสือฝ้าย แต่ก็มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อนายใหญ่ของทางการได้สั่งเก็บชุมโจรชุดดำ เสือฝ้ายที่คิดจะมาเป็นใหญ่ จึงได้หักหลังชุมโจร ทำให้เสือใบกับเสือบุตรนั้นต้องร่วมมือกัน

ในขณะที่เสือฝ้ายกำลังขับรถอยู่ได้ถูกซุ้มยิ่ง และใช้ค้อนทุบที่หัวจนตาย เสือบุตรได้เผยตัวเองว่าเป็นขุนพันธ์ จนทำให้เสือใบได้รู้ความจริง ขุนพันธ์ได้บอกกับเสือใบให้มอบตัว แต่เสือใบได้ตอบกลับไปว่า เรื่องมอบตัวไม่น่าเป็นไปได้ ต่อมาทั้งสองคนก็ได้ถูกตำรวจไล่ตามมาเอาของกลางที่ผิดกฎหมาย ในการต่อสู้ครั้งนี้ต้องใช้วิชาอาคมสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงยังไง และจะเป็นการสู้กันครั้งสุดท้ายหรือไม่ ต้องไปติดตามทาง Netflix หรือทางกล่องทรูไอดีทีวีนะคะ
จากกระแสที่ได้รับการตอบรับจากภาคแรกเป็นอย่างดี จึงได้ดีภาคสองตามมา เปิดภาคสองมาก็ยิงกระหน่ำ กันตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ยังคงคุณภาพต่อจากภาคแรกได้ดี และมีการปรับปรุงพัฒนาหลายอย่างให้ดีกว่าเดิม สนุก ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟค ภาพ เสียง การแสดงและยังคงความมันแอคชั่นไว้ได้ยอดเยี่ยม ตอนจบยังขัดใจคนดูอยู่ ยังจบไม่ค่อยสมบูรณ์ คิดว่าน่าจะมีภาค 3 ต่อหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ชอบมากค่ะ ถึงจะเดาได้บ้างแต่ก็หักมุมเล็กน้อย แล้วก็ได้แง่คฺิดดีค่ะ หนังไม่น่าเบื่อดูแล้วไม่ง่วง ส่วนตัวก็ดูสนุกดีค่ะ ดีกว่าภาคแรกเยอะ หวังว่าภาคต่อไป จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขุนพันธ์ตายไปแล้ว

 

พล็อตเรื่อง ขุนพันธ์ 2

พล็อตเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยซับซ้อน สามารถเดาตอนจบได้ แม้ว่าเราจะพอเดาตอนจบได้ แต่เรากลับเดาตัวละครไม่ได้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิต ซึ่งนั่นทำให้เราอยากรู้ว่า ทำไมตัวละครนี้ทำแบบนี้ไปเพื้ออะไรทำเพื่ออะไร
จุดที่ยังคงผิดพลาดอย่างน่าเสียดายเช่นเดิมคงหนีไม่พ้นว่า ผ่านมาภาค 2 แล้วเราก็ยังไม่ได้รู้จัก ขุนพันธ์ ดีขึ้นกว่าเดิมนัก เพราะแม้ว่าประวัติของท่านจะแพร่หลายแต่ในเชิงสื่อภาพยนตร์เราก็อยากรู้จักตัวละครนี้มากกว่าแค่สถานะ ตำรวจผู้แก่กล้าอาคม โดยมียังมีจุดที่หนังละเลยที่จะสำรวจทั้งทัศนคติของตนต่อกฎหมายในมือมาเฟีย หรือแม้กระทั่งว่าอะไรที่หล่อหลอมให้ท่านมาสนใจเรื่องวิชาอาคมก็จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักตัวละครและอยากลุ้นกับภารกิจต่างๆมากขึ้น แต่กลับไปเล่าเรื่องราวของเสือไบเป็นตุเป็นตะจนเรารู้จักเรื่องราวของมหาโจรมากกว่าตัวพระเอกเองเสียอีก

 

 

แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลในระหว่างทางแต่อย่างน้อย ขุนพันธ์ ๒ ก็ยังมีมนตร์มากพอจะทำให้คนดูสนุกไปกับหนังได้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที หนังก็สามารถเอนเตอร์เทนเราด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ คาแรคเตอร์เท่ๆของเสือไบของ เป้ อารักษ์ และหน้าสวยๆของ ก้อย รัชวินทร์และ แม็กกี้ อาภา แค่นี้ก็เพลินจนลืมเวลาแล้วครับ หนัง ขุนพันธ์ 2 เต็มเรื่อง movie2free

 

รีวิว ขุนพันธ์ 2

ด้วยความที่ภาคแรกสร้างความเซอร์ไพรส์ในเรื่องของการหยิบเอาตัวละครขุนพันธ์ บุคคลที่มีอยู่จริงมานำเสนอในรูปแบบหนังไทยตัวละครเท่ๆ ลุยแอ็กชั่นดุเดือดได้อย่างอึกทึกถึงใจเกินคาด นั่นจึงทำให้เราค่อนข้างคาดหวังกับภาคสองพอสมควร เพราะการที่หนังไทยสร้างคาแร็กเตอร์ตัวละครให้คนดูอยากเห็นภาคต่อตามมาได้ แสดงว่าคาแร็กเตอร์นั้นต้องแมสและได้ใจคนดูได้มากยังไงล่ะ แน่นอนว่าขุนพันธ์ก็เป็นหนึ่งในคาแร็กเตอร์ที่น่าจดจำ
การมีภาคสอง ที่ใช้ชื่อตอนในหนังว่า ‘ปราบเสือสุพรรณ’ ออกมา จึงถือเป็นโจทย์ที่หิน จะทำให้คนดูฟินเหมือนเดิมมั้ยนั้น คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่า ไม่เหมือนเดิมแฮะ แน่นอนว่าพอภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคนี้จึงเพิ่มสเกลของเรื่องให้ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการใส่ตัวละครเข้ามาอีกเพียบ เอาดีๆ เหมือนจะเฉียบ แต่พอตัวละครเยอะ ปมบางอย่างเลยออกมาเลอะเทอะไปหน่อย จนบางประเด็นก็เหมือนเล่นใหญ่ตอนแรกๆ พอบทจะหาข้อสรุป ก็กลับเล่นท่าง่ายๆ ซะงั้น
แต่นั่นไม่ใช่จุดด้อยที่ทำให้หนังดร็อปนะ เอาตรงๆ คือหนังไม่เวิร์กเท่าภาคแรก แต่แปลกที่เรายังสนุกไปกับมันได้ทั้งเรื่อง ด้วยความที่หนังยังมาเบอร์แอ็กชั่นไทยๆ ในสไตล์หนังเควนติน ทาแรนติโน่ ผสมงานแฟนตาซีที่พาขุนพันธ์ไปสู่การเป็นเอ็กซ์เมนอย่างเต็มตัวนี่แหละ สามารถทำให้เราบันเทิงไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังได้ พูดง่ายๆ คือชวนติดตามดี อาจจะมีการตัดต่อที่ขาดความสมูธไปบ้าง โดยภาคนี้ท่านขุนต้องแฝงตัวไปอยู่กับโจรหล่อ
ยิงกันกระหน่ำ เลือดฉ่ำจอเลยจ้าในส่วนของตัวอนันดากับบทขุนพันธ์ ก็ยังคงเป็นอนันดาในแบบที่เราคุ้นชินกันดี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ขนาดมีฉากเปลือยเห็นก้นยังไม่รู้สึกว้าวอะไร ที่โดดเด่นเลยในภาคนี้จริงๆ ต้องยกให้บทเสือใบของเป้ อารักษ์ คือเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก กวนดี เท่ด้วย แม้จะสมทบ แต่ก็ขโมยซีนได้ตลอด ถือว่าเขียนคาแร็กเตอร์นี้ได้ดูสมเหตุสมผลมากที่สุดแล้วในหนัง (สามารถขยายจักรวาลของหนังขุนพันธ์ด้วยตัวละครนี้ต่อได้เลย) ขณะที่บทเสือฝ้ายของผู้พันเบิร์ด ก็ไม่ค่อยพลิกเท่าไหร่ เพราะมาดดูมีอำนาจอยู่แล้ว ขุนพันธ์ 2 037

 

 

ส่วนสตรีสองนางที่เสริมเข้ามาในเรื่องอย่างบุษรา (ก้อย รัชวิน) และทับทิม (แม็กกี้ อาภา) ที่มาแนวนางโลมตัวแม่และตัวลูก ก็ถือเป็นไม้ประดับที่ยังไม่จับใจเท่าไรนัก น่าจะมีลูกเล่นให้โชว์มากกว่านี้ และสุดท้ายเลยตัวร้ายหลักๆ ของเรื่อง นายตำรวจอัศวิน คือพี่จะมาแนวตัวร้ายแบบหนังแอ็กชั่นฮีโร่ค่าย Marvel หรือ DC จริงๆ เหรอ แอบขาดความสมเหตุสมผลสุด แต่ก็สร้างสีสันแบบจิตๆ ดีนะเออ (นี่ตอนใส่ชุดเอี๊ยม นึกว่ามนุษย์เพนกวิน แงๆ) ใครอยากเสพหนังไทยแอ็กชั่นโหดๆ เส้นเรื่องตำรวจปราบโจรที่เล่าเรื่องชวนติดตาม ต้องลองไปตำ!

 

สรุป ขุนพันธ์ 2

รีวิว ขุนพันธ์ 2 วีรบุรุษนักรบของกรมตำรวจ บุรุษร่างเล็กนัยต์ตาคมดุดุจตาเสือ หนวดเขี้ยว คิ้วหนา ประหนึ่งนักรบกล้าแห่งบางระจัน อดีตนักเรียนนายร้อยสามพราน รุ่น พ.ศ. 2472 ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า (ยอดวิชาคงกระพัน / นะจังงัง / มหาอุด ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธ) เพราะเป็นศิษย์ฆราวาสแห่งสำนักเขาอ้อ นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญเพลงมวยไทย เพลงดาบสายทักษิณ กระบี่กระบองและวิชาการต่อสู้อีกหลายแขนง และชำนาญในวิชาแพทย์แผนโบราณ ว่านและสมุนไพรต่างๆ
วีรกรรมที่เด่นชัดที่สุดคือกการปราบโจรร้ายต่างๆทั้ง เสือฝ้าย เสือดำ เสือมเหศวร (โดย เสือมเหศวรนี่ เป็นตัวละครพระเอกหนัง “ฟ้าทะลายโจร” แต่ตัวจริงถูกวิสามัญโดยขุนพันธ์) และการปราบ “อะแวสะดอ ตาเละ” เจ้าพ่อเขาบูโด นอกจากนี้ขุนพันธ์ฯยังได้รับพระราชทานรางวัลจากเจ้าเมืองรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ส่งมีดพกเล่มหนึ่ง มาให้ ดูหนัง ขุนพันธ์ 2 เต็ม

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

 

 

สปอยหนัง yes or no อยากรัก ก็รักเลย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2553 กำกับโดยสรัสวดี วงศ์สมเพ็ชรนำเสนอมุมมองการรักเพศเดียวกันในผู้หญิง เป็นเรื่องราวของนักศึกษามหาวิทยาลัยในที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมห้องพักเดียวกัน ดูแลกันจนพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นความรัก บทภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากหนังสือสองเล่มโดย ลลนล “yes รักนี้ใช่เลย” และ “no ก็ว่าจะไม่รัก” โดยสำนักพิมพ์สีม่วงอ่อนและ comeon

 

เนื้อเรื่อง yes or no อยากรัก ก็รักเลย

พาย (ออม-สุชารัตน์) สาวน้อยแสนหวาน ดาวเด่นของมหา’ลัย ต้องย้ายออกจากห้องของหอพัก นศ.หญิง เพราะสุดจะทนกับเพื่อนร่วมห้องเก่าอย่าง “เจน” (ดิว-อริสรา) สาวสวยเซ็กซี่อารมณ์สุดแปรปรวน การย้ายห้องเพื่อหนีปัญหาของเพื่อน ทำให้พายเองก็ต้องเจอกับรูมเมทคนใหม่อย่าง “คิม” (ติ๊นา-ศุภนาฎ) เด็กคณะเกษตรฯ หน้าตาน่ารักแถมเท่ห์จนเหมือนผู้ชายมาก..การมาเรียนวันแรกที่นี่ของคิม ทำให้ เจน ที่กำลังเฮิร์ทจากแฟนทอมคนเก่า กลับมามีชีวิตสดชื่นทันที หนังไทยย้อนยุค

 

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

 

แต่ พาย เธอกลับตั้งแง่ใส่ คิม ตั้งแต่วันแรกที่เจอ เพราะเธอไม่ชอบทอมบอยเท่าไหร่นัก แต่ด้วยนิสัยของคิมที่เป็นคนชอบเทคแคร์ การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องเล็กๆ ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้กัน สนิทกันมากขึ้น จนเกิดความรู้สึกพิเศษเกินเพื่อน พาย เริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจตัวเอง ส่วน คิม ก็สับสนและคิดไม่ต่างจากพายเท่าไหร่นัก

การมาอยู่หอพักในมหา’ลัยของ พาย นั้นได้รับการดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดีจากหนุ่ม “แวน” (บอล-สรณัฐ) ชายหนุ่มมาดเท่ห์ อบอุ่น โรแมนติกและใจดี ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ แวน ได้รับไฟเขียวจากครอบครัวของพาย โดยเฉพาะแม่ของพายที่คาดหวังว่าพายและแวน จะได้เป็นแฟนกัน และแน่นอน แวน นั้นแอบรักพายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

ตัวละครเรื่อง yes or no อยากรัก ก็รักเลย

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนไปของตัวละครทีละขั้นและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นโดยตัวละครและคนรอบข้าง เดิมพายและแม่เกลียดทอม ส่วนคิมก็ไม่เคยชอบใครไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อทั้งสองคนได้มาเป็นเพื่อนร่วมห้องพักกัน ความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปเป็นลำดับ ขณะที่มีพี่แวนมาจีบพายและเจนมาจีบคิม คิมและพายต้องค้นหาตัวเองและฝ่าฟันอุปสรรคในบริบทของสังคมไทยเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักที่ตนเองต้องการ จนในที่สุดสองคนก็รักกันและคบกันอย่างเปิดเผยโดยที่สังคมรอบข้างและคนใกล้ตัวรับรู้

 

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

 

yes or no 2.5 เต็มเรื่อง อยากรัก ก็รักเลย ถูกจัดอยู่ในเรต 4 “น 15+” ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งดูจากหน้าปก ก็แน่นอนว่าเป็นนิยายวัยรุ่นแนว y ตามสมัยนิยม เดี๋ยวนี้วัยรุ่นเค้าไม่อ่านนิยายรักแล้ว

 

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

พายมีปัญหากับเพื่อนร่วมห้องในหอพักจึงต้องย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับคิม แรกทีเดียวนั้นพายรังเกียจที่คิมมีพฤติกรรมคล้ายทอม ทั้งหน้าตาและอากัปกิริยาคล้ายผู้ชาย จึงลากเทปสีแดงกั้นเขตในห้อง ห้ามมิให้คิมล่วงล้ำข้ามไปถึงตัวพาย คิมปฏิเสธว่าตนเองมิใช่ทอมและถามว่าทอมคืออะไร คิมบอกพายว่ายังไม่เคยชอบใครไม่ว่าหญิงหรือชาย และพูดต่อไปว่าถ้าเราชอบใครสักคน ชอบที่จะอยู่กับเขา ชอบที่จะเล่นกับเขา แต่เขาดันเป็นผู้หญิง เราก็กลายเป็นทอมเลยใช่หรือเปล่า แล้วความเป็นเราจะเปลี่ยนไปไหม เราก็ยังเป็นคนเดิม แต่จะมีใครมองเห็นบ้างไหมนอกจากจะตราหน้าว่าเราเป็นทอม yes or no 3 เต็มเรื่อง

 

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

 

คิมผูกมิตรกับพายด้วยการทำอาหารในหม้อหุงข้าวแล้วชวนให้พายทาน โดยยื่นข้ามเส้นแดงไปให้ ทั้งสองจึงรู้จักกันมากขึ้น คิมเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว ส่วนพายชอบเลี้ยงปลา คิมได้โอกาสจึงถามพายว่าทำไมเลี้ยงปลาตัวเดียว พายจึงอธิบายให้ฟังว่าปลาดุต้องเลี้ยงตัวเดียว คิมจึงถือโอกาสแซวว่าเหมือนเจ้าของ และถามต่อว่ามีปลาที่เป็นทอมหรือปลาที่ไม่ชอบทอมบ้างไหม พายตอบได้เพียงว่ามีปลาที่รักเพศเดียวกัน แต่พายงอนไปเมื่อรู้ว่าคำถามถึงปลาที่ไม่ชอบทอมเป็นการกระทบตนอีก คิมต้องตามหาร้านน้าอินเพราะพ่อฝากไวน์มาส่ง คิมหาร้านไม่พบจนในที่สุดพายต้องพาไปโดยถือเป็นการตอบแทนอาหารของคิม ตั้งแต่นั้นมาคิมก็ไปมาหาสู่ที่ร้านน้าอิน ทั้งไปทานขนม เล่นดนตรี และได้น้าอินเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ

ฝนตกน้ำเข้าห้องพักของทั้งคู่ เตียงของพายเปียก คิมจึงข้ามเส้นแดงเข้าช่วยเหลือ และเสนอให้พายนอนเตียงคิม ส่วนคิมนอนพื้นได้เพราะคิมเป็นลูกชาวสวน จากนั้นฟ้าคะนองจนไฟฟ้าดับคิมจึงเข้าไปกอดพาย ทั้งสองจุดเทียนเล่นเงาเป็นรูปนกอยู่ในห้อง ความสัมพันธ์จึงพัฒนาขึ้นเป็นลำดับโดยไม่ถูกกีดกันโดยเส้นแดงแบ่งเขตอีกต่อไป ทั้งสองเรียนรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายชอบและไม่ชอบและเลื่อนเตียงมาติดกัน

 

ด้านการแสดงและด้านต่างๆ yes or no อยากรัก ก็รักเลย

รีวิวหนัง yes or no อยากรัก ก็รักเลย ด้านการแสดง ขอพูดถึงนางเอกของเรื่อง ออม-สุชารัตน์ ที่เคยผ่านผลงานจากภาพยนตร์ ปายอินเลิฟ มาแล้ว ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง yes or no อยากรักก็รักเลย ถือว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของสาวออม ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยความสามารถที่มีเกินร้อยของเธอบวกกับด้านการศึกษาที่จบเอกการแสดงจากรั่วมหา’ลัย มามาดๆ ทำให้สาวออมได้คะแนนด้านการแสดงไปเต็มๆกับบทนี้ มากันที่พระเอกสาวหล่อของเรื่อง ติ๊นา-ศุภนาฎ เรียกว่าเป็นน้องใหม่แกะกล่อง แต่ก็เป็นกล่องคุณภาพซะด้วย น้องติ๊นาทำได้ดีมากในเรื่องของการแสดง เรียกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แจ้งเกิดสาวหล่อดาวรุ่งคนใหม่ขอวงการ ที่สาวๆเห็นเป็นต้องกรี๊ด ด้วยบุคลิคน่ารักอบอุ่นของติ๊นาทำให้เรื่องนี้เธอได้คะแนนจากเหล่าชะนีเทียมไปไม่น้อย ส่วนนักแสดงท่านอื่นก็แสดงได้ดีมาก

 

 

ด้านภาพ แสง สี เสียง ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ภาพสวย วิวและโรเกชั่นก็สวย ถึงฉากสวยใหญ่จะอยู่ในห้องและมหาวิทยาลัย แต่ก็นับว่าเป็นการเลือกมุมภาพที่ลงตัว ถ่ายทอดออกมาได้สวยงาม yes or no คนที่ใช่ ใครที่ชอบ

 

รีวิว yes or no อยากรัก ก็รักเลย

ชื่อภาษาไทย Yes or No อยากรัก ก็รักเลย จัดจำหน่ายโดย Come On Sweet กำหนดฉาย 16 ธันวาคม 2553 เรื่องย่อ Yes or No อยากรัก ก็รักเลย “พาย” (ออม-สุชารัตน์) สาวน้อยแสนหวาน ดาวเด่นของมหา’ลัย ต้องย้ายออกจากห้องของหอพัก นศ.หญิง เพราะสุดจะทนกับเพื่อนร่วมห้องเก่าอย่าง “เจน” (ดิว-อริสรา) สาวสวยเซ็กซี่อารมณ์สุดแปรปรวน การย้ายห้องเพื่อหนีปัญหาของเพื่อน ทำให้พายเองก็ต้องเจอกับรูมเมทคนใหม่อย่าง “คิม” (ติ๊นา-ศุภนาฎ) เด็กคณะเกษตรฯ หน้าตาน่ารักแถมเท่ห์จนเหมือนผู้ชายมาก..การมาเรียนวันแรกที่นี่ของคิม ทำให้ เจน ที่กำลังเฮิร์ทจากแฟนทอมคนเก่า กลับมามีชีวิตสดชื่นทันที แต่ พายเธอกลับตั้งแง่ใส่ คิม ตั้งแต่วันแรกที่เจอ เพราะเธอไม่ชอบทอมบอยเท่าไหร่นัก แต่ด้วยนิสัยของคิมที่เป็นคนชอบเทคแคร์ การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องเล็กๆ ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้กัน สนิทกันมากขึ้น จนเกิดความรู้สึกพิเศษเกินเพื่อน พาย เริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจตัวเอง

ส่วน คิม ก็สับสนและคิดไม่ต่างจากพายเท่าไหร่นัก.. การมาอยู่หอพักในมหา’ลัยของ พาย นั้นได้รับการดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดีจากหนุ่ม “แวน” (บอล-สรณัฐ) ชายหนุ่มมาดเท่ห์ อบอุ่น โรแมนติกและใจดี ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ แวน ได้รับไฟเขียวจากครอบครัวของพาย โดยเฉพาะแม่ของพายที่คาดหวังว่าพายและแวน จะได้เป็นแฟนกัน และแน่นอน แวน นั้นแอบรักพายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว… เรื่องราว ความรักของทั้งสี่ คน มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่สังคมเข้าใจ ความวุ่นวาย สับสน ในใจของ เธอและเธอ บทสรุปแล้ว..มันจะเป็นอย่างไร…? เพราะคำว่า “รัก”…เกิดขึ้นกับใครก็ได้ กับเพศไหนก็ได้ …เพราะสุดท้ายรักก็คือ “รัก” รายชื่อนักแสดงนำ ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ออม-สุชารัตน์ มานะยิ่ง ติ๊นา-ศุภนาฎ จิตตลีลา บอล-สรณัฐ ยุปานันท์ อิน บูโดกัน ผู้กำกับ สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร

 

 

ถือว่าเป็นหนังรักทางเลือกใหม่ ที่ผู้กำกับ นาย-สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร ตั้งใจนำเสนอ แม้จะไม่เคยผ่ายงานด้านการกำกับภาพยนตร์มาก่อน แต่สำหรับ yes or no? อยากรักก็รักเลย ดูจะเป็นคำตอบให้ผู้กำกับหญิงคนนี้สอบผ่านได้แบบสวยงาม เพราะการถ่ายทอดเรื่องราวที่กลมกร่อมและลงตัว ได้เห็นความน่ารักของตัวละคร ความใสซื่อของพระเอกที่มีต่อนางเอก และที่สำคัญเข้าใจถึงอารมณ์ของหนังได้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังรักฉาบฉวย แต่เป็นความอบอุ่นความจริงใจที่ตัวละคร คิม มีต่อ พาย ถึงแม้จะเป็นหนังรักฟอร์มเล็กๆ แต่ฝีมือการกำกับไม่ทำให้ตกฟอร์มอย่างแน่นอนค่ะ ขอเป็นกำกัลใจให้คุณผู้กำกับ

เรียกว่าเป็นหนังรักทางเลือกใหม่ จากค่ายเล็กๆ ที่ดูจะเปิดตัวแรง ด้วยการกล้าที่จะส่งหนังรักโรแมนติก “หญิงรักหญิง” ออกสู่ตลาดภาพยนตร์ แต่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป เพราะคนดูเริ่มจะรับได้กับสิ่งที่ผู้ผลิตและผู้กำกับภาพยนตร์(ไทย) กล้าที่จะนำเสนอภาพยนตร์ในแง่มุมที่แตกต่างไปกว่าเดิม ไม่ว่าจะหนัง “ชายรักชาย” หรือ “หญิงรักหญิง” ก็ดูจะกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว เลยทำให้รู้สึกได้ว่าวงการภาพยนตร์ไทยเปิดกว้างมากขึ้นที่จะทำหนังรักทางเลือกใหม่ ออกสู่สายตาคนดู ที่จะมีภาพยนตร์ที่หลากหลายแนว หลากหลายรูปแบบมาให้คนดูได้เลือกชมกัน

ซึ่ง yes or no อยากรักก็รักเลย ก็เป็นหนังไทยอีกเรื่อง ที่น่าชม และทำในเข้าใจมุมมองของคำว่า “หญิงรักหญิง” เพิ่มมากขึ้น หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงแค่รักฉาบฉวย แต่คุณค่าของมันกลับทำให้รู้ว่า ผู้หญิงห้าว หรือ สาวหล่อ ก็มีดีไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน yes or no อยากรัก ก็รักเลย pantip

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

สปอยหนัง แต่หนังเรื่องนี้กลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมทั้งโรงได้ตั้งแต่ฉากแรกๆ แม้ฉากนั้นอาจจะดูโอเวอร์ ไม่สมจริงไปบ้างแต่ยอมรับว่า รีวิวหนัง สตรีเหล็ก ตบโลกแตก เรียกเสียงหัวเราะจากคนเส้นลึกอย่างผม ได้ ตลอดทั้งเรื่องยังมีการปล่อยมุกฮาสอดแทรกให้ได้ขำตลอด โดยเฉพาะทีมนักแสดง ที่ต้องขอปรบมือให้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ แทค ศรันยู แจ๊ส ชวนชื่น ตุ๊กกี้ และคนอื่นๆ พวกเขาสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ตลอดเวลาด้วยการแสดงที่ตลกแนบเนียนแบบเป็นธรรมชาติมากๆ โดยเฉพาะ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แสดงได้ “สาว” สมบทบาทมากจริงๆ หนังไทยน้อยยุค

 

เนื้อหาของภาพยนต์ สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ตลกที่เน้นเอาฮาแบบไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่หากได้สอดแทรกข้อคิดเชิงสะท้อนสังคมในเรื่องเพศที่ 3 ไว้อีกด้วย หากถามผมว่า “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้ เมื่อเทียบกับ “สตรีเหล็ก” ใน เวอร์ชั่นก่อนๆ แล้วอันไหนดีกว่า ผมคงไม่อาจนำไปวิจารณ์เปรียบเทียบกันได้ เพราะแต่ละภาคหรือแต่ละครั้งที่สร้างนั้น ผู้สร้างผู้กำกับ ย่อมวิธีการนำเสนอและการเล่าเรื่องในแบบที่แตกต่างกันออกไป ดูหนังฟรี
ในส่วนของ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนักแสดง ขอชมว่าเลือกสีมาได้ ฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ในหลายฉาก มีการโชว์เสื้อผ้าหน้าผมแบบอลังการสุดๆ แม้แต่ชุดกีฬาที่นักวอลเลย์บอลในเรื่องสวมใส่ แต่ละชุดก็สวยสดใสทั้งนั้น ยังไม่นับฉากที่มี

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

การถ่ายทำตามสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดลำปาง ซึ่งงดงามมีเสน่ห์ ดูเพลินไปเลยสำหรับคนที่รักธรรมชาติและวิวสวยๆ
สตรีเหล็กในภาคนี้เป็นคล้ายๆการรีบูท เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องนั้นจะอยู่ในปี พศ 2530 ครับ เป็นเรื่องราวชีวิตของกลุ่มคนที่เป็นเกย์ตุ้ดกะเทยที่รักในการเล่นกีฬาวอลเล่บอลและได้ลงแข่งขัน ซึ่งก็เหมือนกับภาคก่อนแหละครับ ดูหนังออนไลน์

 

ข้อดีของหนัง สตรีเหล็ก

ข้อดีของหนังเรื่องนี้ เน้นไปที่ความฮาครับ ซึ่งระดับความฮาขอยกให้ไปเลย แต่ละมุขนี่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั้งโรงเลย โดยเฉพาะตัวผม แต่ในสตรีเหล็กภาคนี้นั้นจะออกแนวตลกสุภาพหน่อยครับ พวกคำหยาบๆมากๆ ไม่ค่อยมีเหมือนในเรื่องหอแต๋วแตก

ส่วนเรื่องนักแสดงก็จะเป็นแก๊งซ์เดิมๆที่เราเห็นในหนังของพี่พจน์ครับ กลุ่มของสตรีเหล็กก็มาจากนักแสดง ม6/5 ดูหนัง ซึ่งขอบอกว่าน้องๆสามารถทำได้ดีมากในเรื่องของการแอ๊บเป็นตุ้ดเป็นแต๋ว สามารถทำให้เชื่อว่าน้องเค้าเป็นกันจริงๆ มีมุมเล็กน่ารักๆ ให้ฟิน ดูแล้วฟินไปและฮาไปด้วย และมีทีมรุ่นพี่ที่เป็นเหล่าเพศที่สามอีกมากมายที่มาร่วมกันสร้างสีสันครับ และเนื่องจากหนังเรื่องนี้นย้อนไปในสมัยอดีตซึ่งผมก็ยังไม่เกิด ทีมงานก็เก็บรายละเอียดได้ดีครับ เช่น พวกโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะเพลงนี่ ผมชอบมากเลยครับ ทำให้หนังดูมีกิมมิคในตัวเองมากยิ่งขึ้น

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

ตอนหลังก็มีเหล่านายแบบมาแข่งฟุตบอลในแมทสุดท้าย ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น แทนไท แอ๊บแตกด้วย ผมนี่ฮาเลย ฮ่าๆ อ่อๆๆ เรื่องนี้มีฉากวันปีใหม่ด้วยครับ เหมือนจงใจจะ Happy New Year ผู้ชมไปในตัว และก็มีฉากที่แทคกับแจ๊คชวนชื่น เป็นของกันและกันด้วย ฮ่าๆ สตรีเหล็ก 2
สุดท้าย ถ้าใครอยากจะไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อคลายเครียดเอาฮาก็ไปดูเถอะครับรับรองไม่ผิดหวัง ส่วนใครที่ซีเรียสมากก็ไม่ต้องดูมัน รอดูในเว็บแทน ฮ่าๆ สำหรับเรื่องนี้ ผมให้คะแนน 6.5/10 ครับ เพราะคิดว่าหนังมันยังไม่สุด เอาไปแค่นี้ก่อนละกัน

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

เมื่อครูบี๋ (สิริธนา หงส์โสภณ) โค้ชคนใหม่ก้าวเข้ามา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็เกิดขึ้นกับทีมวอลเล่ย์บอลชายประจำจังหวัดลำปาง ซึ่งยังไม่เคยรู้รสชาติของชัยชนะมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว โค้ชคนใหม่พยายามทุกวิถีทาง ที่จะสร้างทีมให้แข็งแกร่ง มล (สหภาพ วีระฆามินทร์) และ จุง (ชัยชาญ นิ่มพูลสวัสดิ์) นักตบลูกยางฝีมือก๋ากั่น เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่กลับสร้างความอึดอัดให้กับคนอื่นๆ จนพากันลาออกไป เพราะทั้งคู่เป็นกะเทย คงเหลือแต่
ชัย (เจษฎาภรณ์ ผลดี) มือเซ็ตตัวฉกาจ ที่พยายามทำใจ แต่ผู้เล่นแค่ 3 คน ไม่สามารถเป็นทีมได้ วิทย์ (เอกชัย บูรณผานิต), โหน่ง (โจโจ้ ไมอ๊อกชิ) และเปีย (กกกร เบญจาธิกูล) เพื่อนร่วมทีมของมลและจุงสมัยเรียน จึงต้องเข้ามาช่วยเสริมกำลัง

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

 

ภายใต้ชื่อทีมสตรีเหล็ก เหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่ปากน้ำโพเกมส์ คือเป้าหมายของทีม วิบากกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดเส้นทางของการเป็นแชมป์ เหมือนจะทดสอบความแข็งแกร่งของกำลังกาย
และกำลังใจของทีมสตรีเหล็ก ทีมที่มีเป้าหมายเหมือนกัน โดยคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว กิตติผู้มีอำนาจในแวดวงกีฬา เมืองแมน อดีตสมาชิกทีมลำปาง ที่กลายมาเป็นหัวหน้าทีมคู่แข่งตัวเก็ง ต่างเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของด่านทดสอบที่จะพิสูจน์ใจ จนกว่าจะถึงวันแห่งการเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย โดยมีเหรียญทองเป็นเดิมพัน สตรีเหล็ก 4

 

หนังที่มาพร้อมกับความฮา สตรีเหล็ก

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก เมื่อแรกที่ผมได้ยินว่าภาพยนตร์เรื่อง “สตรีเหล็ก” จะกลับมาสร้างใหม่นั้น ผมคิดว่าไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยเพราะเป็นภาพยนตร์ที่เคยสร้างเคยฉายมาแล้ว รวมทั้งมั่นใจว่าของเก่าทำไว้ได้ดีมากๆ ด้วย ยิ่งพอเห็นชื่อผู้กำกับในเวอร์ชั่น “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้คือ “คุณพจน์ อานนท์” ด้วยแล้ว ผมอดคิดไปไม่ได้ว่า คงออกมาแนวฮาๆ คาดหวังสาระอะไรมากมายไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ผมเป็นคนที่สนับสนุนภาพยนตร์ไทย จึงตัดสินใจตีตั๋วไปดู “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายคือ วันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2557 โดยไม่คิดหรือคาดหวังอะไรมากมายนัก

แต่หนังเรื่องนี้กลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมทั้งโรงได้ตั้งแต่ฉากแรกๆ แม้ฉากนั้นอาจจะดูโอเวอร์ ไม่สมจริงไปบ้างแต่ยอมรับว่า เรียกเสียงหัวเราะจากคนเส้นลึกอย่างผม ได้ ตลอดทั้งเรื่องยังมีการปล่อยมุกฮาสอดแทรกให้ได้ขำตลอด โดยเฉพาะทีมนักแสดง ที่ต้องขอปรบมือให้ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ แทค ศรันยู แจ๊ส ชวนชื่น ตุ๊กกี้ และคนอื่นๆ พวกเขาสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ตลอดเวลาด้วยการแสดงที่ตลกแนบเนียนแบบเป็นธรรมชาติมากๆ โดยเฉพาะ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แสดงได้ “สาว” สมบทบาทมากจริงๆ

 

 

ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ตลกที่เน้นเอาฮาแบบไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่หากได้สอดแทรกข้อคิดเชิงสะท้อนสังคมในเรื่องเพศที่ 3 ไว้อีกด้วย หากถามผมว่า “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” นี้ เมื่อเทียบกับ “สตรีเหล็ก” ใน เวอร์ชั่นก่อนๆ แล้วอันไหนดีกว่า ผมคงไม่อาจนำไปวิจารณ์เปรียบเทียบกันได้ เพราะแต่ละภาคหรือแต่ละครั้งที่สร้างนั้น ผู้สร้างผู้กำกับ ย่อมวิธีการนำเสนอและการเล่าเรื่องในแบบที่แตกต่างกันออกไป
ในส่วนของ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนักแสดง ขอชมว่าเลือกสีมาได้ ฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ในหลายฉาก มีการโชว์เสื้อผ้าหน้าผมแบบอลังการสุดๆ แม้แต่ชุดกีฬาที่นักวอลเลย์บอลในเรื่องสวมใส่ แต่ละชุดก็สวยสดใสทั้งนั้น ยังไม่นับฉากที่มีการถ่ายทำตามสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดลำปาง ซึ่งงดงามมีเสน่ห์ ดูเพลินไปเลยสำหรับคนที่รักธรรมชาติและวิวสวยๆ สตรีเหล็ก ตัวจริง

 

รีวิวหนัง สตรีเหล็ก

ผมขอเริ่มจากข้อดีของหนังเรื่องนี้ไปก่อนนะครับและจะต่อด้วยข้อด้อย เริ่มจากสตรีเหล็กเวอร์ชั่นใหม่นี้จะเน้นไปที่ความฮาครับ ซึ่งระดับความฮาขอยกให้ไปเลย แต่ละมุขนี่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั้งโรงเลย โดยเฉพาะตัวผม แต่ในสตรีเหล็กภาคนี้นั้นจะออกแนว ตลกสุภาพหน่อยครับ พวกคำหยาบๆมากๆ ไม่ค่อยมีเหมือนในเรื่องหอแต๋วแตก ส่วนเรื่องนักแสดงก็จะเป็นแก๊งซ์เดิมๆที่เราเห็นในหนังของพี่พจน์ครับ กลุ่มของสตรีเหล็กก็มาจากนักแสดง
ม6/5 ซึ่งขอบอกว่าน้องๆสามารถทำได้ดีมากในเรื่องของการแอ๊บเป็นตุ้ดเป็นแต๋ว สามารถทำให้เชื่อว่าน้องเค้าเป็นกันจริงๆ มีมุมเล็กน่ารักๆ ให้ฟิน ดูแล้วฟินไปและฮาไปด้วย คนที่ฮามากที่สุดในเรื่องคงจะยกให้กับ คุณต๊อบ ชัยวัฒน์ครับ ผมแอบนึกว่าเป็นเดอะ ฮอล์ค ยักษ์ตัวเขียวอยู่ตลอดเวลา ฮามากกกกกกกกกกกกกกก และมีทีมรุ่นพี่ที่เป็นเหล่าเพศที่สามอีกมากมายที่มาร่วมกันสร้างสีสันครับ สตรีเหล็ก 1

 

 

และเนื่องจากหนังเรื่องนี้นย้อนไปในสมัยอดีตซึ่งผมก็ยังไม่เกิด ทีมงานก็เก็บรายละเอียดได้ดีครับ เช่น พวกโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะเพลงนี่ ผมชอบมากเลยครับ ทำให้หนังดูมีกิมมิคในตัวเองมากยิ่งขึ้น ตอนหลังก็มีเหล่านายแบบมาแข่งฟุตบอลในแมทสุดท้าย ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น แทนไท แอ๊บแตกด้วย ผมนี่ฮาเลย ฮ่าๆ อ่อๆๆ เรื่องนี้มีฉากวันปีใหม่ด้วยครับ เหมือนจงใจจะ Happy New Year ผู้ชมไปในตัว และก็มีฉากที่แทคกับแจ๊คชวนชื่น เป็นของกันและกันด้วย ฮ่าๆ โอเคข้อดีขอจบแค่นี้ก่อน ต่อไปมาดูข้อด้อยกันบ้างนะครับ

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

 

 

สปอยหนัง จะมีสักกี่คน ที่จะได้รู้จักและเข้าใจกับสิ่งๆนึ้ แม้บางคนจะเดินไขว้ขว้า ค้นหามันมากเท่าไหร่ ความรักนั้นยิ่งกลับเดินห่างออกไปไกลจากเราที่กำลังเดินหาอยู่ แต่ถ้าว่าความรักมันอาจเกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา โดยในบางทีความรักอาจจะวนเวียนอยู่รอบตัวเราทั้งๆที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ด้วยความบังเอิญ ที่ทำให้คนสองคนนั้นได้พบกัน ได้รักกัน สิ่งๆนั้นผมเรียกมันว่า ความรัก… ดูหนังออนไลน์

เรื่องย่อ เขาเรียกผมว่าความรัก

“เค้าเรียกผมว่า ความรัก”หนังรักอารมดี จากผู้กำกับ “วศิน ปกป้อง”หนึ่งในสอง ของ ผู้กำกับ “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก”ที่เคยสร้างกระแสหนังรักวัยรุ่นในเมื่อ 2ปีที่ ผ่านมา โดยกวาดรายได้จากคอหนังรักไปกว่า 80ล้านโดยที่ผ่านมาคู่หูอย่าง “เสนาเพชร”ได้แยกตัวออกไปคิดบทและกำกับหนังรักอย่าง 30+ โสด On Sale ในช่วงปีที่ผ่านมา หนังไทยย้อนยุค
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
มาถึงปีนี้จะปล่อยให้เพื่อนฉายเดี่ยวนำหน้าแบบนี้อยู่คนเดียวได้อย่างไร พี่ “วศิน ปกป้อง”จึงพลักดันโปรเจคหนัง “เค้าเรียกผมว่า ความรัก”นี้ขึ้นมาโดยได้นักแสดงสุดฮอตอย่าง เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ มาประกบคู่นางเอกหน้าใหม่ อย่าง โบว์ -ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์ และนักแสดงสมทบอย่าง สตาร์บัค , แจ๊ส ขวนชื่น , และตลกซุปเปอร์สตาร์อย่าง คอม ชวนชื่น มาเพิ่มสีสัน ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เมื่อย้อนไปในวัยเรียนเชื่อว่าทุกคนจะต้องมี “ป๊อปปี้เลิฟ” บ้างล่ะ เช่น แอบปลื้มรุ่นพี่ แอบชอบเพื่อนในห้องเดียวกัน บางคนก็สมหวังในความรัก แต่มีบางคนที่เสียใจ พอโตขึ้นได้ทำงานได้เกิดความใกล้ชิด บางคนก็มีอาการแอบชอบพี่ หรือเพื่อนที่ทำงาน แอบรักข้างเดียวโดยที่เขาไม่รู้ตัว พยายามเอาใจทุกอย่าง แต่ไม่ยอมบอกความรู้สึกทีมีต่อเขาออกไป เป็นอาการของคนปากแข็ง กลัวถ้าบอกแล้วเราจะเสียใจ แต่ไม่ได้คิดว่าถ้าไม่บอกเราก็จะเสียใจเหมือนกัน

 

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

ถ้าคุณเป็นคนปากแข็งไม่กล้าบอกความรู้สึกตัวเอง ขอแนะนำหนังเรื่อง “เค้าเรียกผมว่าความรัก” ผลงานของ “วศิน ปกป้อง” ผู้กำกับที่มีผลงานสร้างชื่อมาแล้วกับหนังเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ที่ทำให้หลายคนประทับใจกันมาแล้ว ในเรื่องนี้ได้พระเอกหล่อ มาดเซอร์ “เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ” มารับบท “คิว” หนุ่มมาดกวน ที่ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เขากลายเป็นกามเทพ และนางเอกน้องใหม่สาวสวย โบ–ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์ รับบท “เก้อ” สาวข้างบ้านคิว หน้าตาสวย มีหนุ่มๆ มารุมล้อม หนังเรื่องนี้จะทำให้หัวใจของคุณพองโต แล้วอยากพูดว่า “รัก” ดังๆ

เล่าเรื่องตอนเด็ก เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก ตั้งแต่เด็กจนวัยรุ่น คิว (เป้ – อารักษ์) เป็นหนุ่มหล่อ เท่ห์ และป๊อปปูล่าที่สุดในโรงเรียน วันหนึ่งก็มีเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะข้างบ้านอย่าง เก้อ (โบ – ธัญญะสุภางค์) มาแอบสารภาพรัก เขาจึงล้อเธอและแกล้งเธออย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของเก้อเลยแม้แต่น้อย วินาทีนั้นทำให้เก้อเสียใจมากจนถึงกับประกาศก้องว่า ” ถ้าวันใดที่เธอสวย ขึ้นมาเธอจะไม่มีวันรับรักคิวเด็ดขาด” ซึ่งคิวก็เชื่อว่าจะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน จนเมื่อเก้อโตขึ้นเธอสวยราวกับนางฟ้า หนุ่มๆ ต่างรุมล้อมเธอผิดกลับคิวเมื่อโตขึ้นความฮอต ความป๊อปปูล่าที่เคยมีก็กลับหดหาย กลายเป็นแค่หนุ่มเซลล์แมนห่วยๆ คนหนึ่งในบริษัทฯ ของบิ๊ก
เพื่อนเก่าสมัยประถมที่เคยถูกคิวแกล้งจนต้องย้ายโรงเรียนหนี คิวยังมี โจ (สตาร์บัคส์) หนุ่มเพื่อนซี้ ปากแข็ง ที่แอบหลงรัก มิว (เฟย์ จิรประภา) สาวสวยสุดมั่น คู่กัดกับโจ ทั้งคู่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ติดอยู่ที่ปากแข็งกันทั้งคู่
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
จนวันหนึ่งที่คิวเผลอคลิกเว็บไซต์หนึ่งเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ เขาถูกชักชวนให้เข้าไปประชุมลับกับองค์กรกามเทพ โดยกฎเหล็กขององค์กรนี้มีอยู่ว่า “กามเทพมีหน้าที่ทำให้คนอื่นรักกันเท่านั้น และไม่มีสิทธิ์ที่จะรักกับใครได้เลย” คิวจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ เพื่อกลับมาเป็นคนปกติ เมื่อคิวเห็นบิ๊กสนิทกับเก้อมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหึงหวง อยากบอกว่า “รักเก้อ” เขา เรียกผม ว่าความ รัก hd
แต่กลับพูดไม่ได้ เพราะยังเป็นกามเทพ

ความรู้สึกส่วนตัว เขาเรียกผมว่าความรัก

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก “เค้าเรียกผมว่า..ความรัก”เปนเรื่องราวของ คิว (เป้ อารักษ์) อดีตแบดบอยคนดังของโรงเรียน ผู้ไม่เคยเชื่อในความรัก เขาล้อเล่นกับความรักเป็นเรื่องฮาๆมาตลอด จนกระทั่งเขาหลงรัก เก้อ (โบ ธัญญะสุภางค์)สาวน้อยข้างบ้านเข้าอย่างจัง เธอกำลังจะทำให้เขารู้จักกับความรัก แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเธอคือคน ที่เขาเคยทำร้ายจิตใจและปฏิเสธความรักอย่างไร้เยื่อใยเมื่อ ครั้งยังเด็ก เธอจะเกลียดเขาไหม เขาจะต้องทำยังไงที่จะทำให้เธอรู้สึกดีและกลับมารักเขา…
เป็นหนังรักที่มีบทที่สามารถดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม ซึ่งนำเรื่องราวของกามเทพ มาตีความใหม่ในแบบของพี่ วศิน และสามารถทำให้คนดูเข้าถึง และเข้าใจความหมายของเหล่าบรรดา กามเทพ ในเรื่อง โดยผสมนำมุขตลกมากสอดแทรกกับความโรแมนติก ด้วยความหยาบคาย ได้อย่างลงตัว โดยได้ น้า คอม ชวนชื่น และแจ๊ส ชวนชื่น ตลกขาประจำของวงการหนังไทย มาสร้างสีสันทำหนังสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้ ไม่มากไม่น้อย ทำให้ตัวหนังมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
และตัวเอกอย่าง เป้ อารักษ์ และนางเอกใหม่อย่าง โบว์ – ธัญญะสุภางค์ ถึงแม้ตัวบทจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือพิเศษอะไรมาก แต่ทั้งคู่สามารถสื่อถึงบทและความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างดี ทำให้คนดูเชื่อ และอินกับความรักของตัวละครทั้งสองแต่น่าเสียดายที่หนังเน้นย้ำกับ คำว่าความรัก และ กามเทพ มากเกินไป ทำให้ตัวหนังเหลือความน่าสนใจแค่ไม่กี่ส่วน แต่ด้วยการที่ช่วงต้น ปูเรื่องมาดี มีมุขตลกคอยเสริม ทำให้หนังไม่น่าเกลียด จนไม่ให้อภัย ช่วงท้ายของเรื่อง ถึงแม้จะจับมาใส่รวมกันและรวดเร็วมากไปหน่อย ทำให้ไม่สามารถตราตรึงความรู้สึก เหมือนอย่าง”สิ่งเล็กๆที่เรียกรัก”และสามารถเดาทางสุดท้ายของตอนจบในเรื่องได้ แต่โดยรวมถือว่าสอบผ่าน ในเรื่องบท การแสดง และที่ชอบเป็นพิเศษคือ ซาวค์และเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่เลือกมาเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและเลือกใช้มันถูกจังหวะของอารมณ์
อาจจะไม่ใช้หนังรักที่กระแสแรง แต่เมื่อเราซื้อตั๋วเข้าไปชมแล้ว สามารถนั่งยิ้มได้ตลอดเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบและยังให้แง่คิดกับคนดูได้ว่า“เราไม่ควรมองข้ามความรักของใคร ถึงแม้ความรักนั้นเราอาจจะไม่ต้องการ แต่สักวันนึงมันอาจย้อนกลับมาในวันที่เราต้องการมันก้อได้…” เค้าเรียกผมว่าความรัก netflix

รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก

หนังเรื่องนี้สื่อถึง คนเราเมื่อมีโอกาสได้บอกคำว่า “รัก” เช่น รักพ่อ รักแม่ รักเพื่อน หรือคนที่เราแอบรัก ควรให้เขาเหล่านั้นรับรู้ อย่ามัวแต่ปากแข็งหรือเขินอาย ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เรานั่นแหละจะต้องเสียใจที่ไม่ได้พูดว่า “รัก”
หนังเรื่องนี้ ให้คะแนน 7 เต็ม 10 เพราะว่า ถ้าพูดถึงความเป็นจริง คงไม่มีองค์กรกามเทพแบบนี้อยู่ในโลก และความรักก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายอย่างนั้น คนเราจะรักกันจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่สำหรับเรื่องความตลก ขอบอกว่าจัดเต็มเพราะมีดาราตลกมากฝีมือย่าง น้าค่อม ชวนชื่น แจ๊ส ชวนชื่น มาสร้างสีสัน รวมถึงนักแสดงทุกคนก็รับส่งมุกตลกได้ดี ทำให้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมอยู่ตลอดเวลา
ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้โปรโมทน้อยหรือยังไง… หารูปในอินเตอร์เน็ตมาประกอบบทวิจารณ์ได้ยากมาก… สำหรับรูปนี้จะบอกว่า นักแสดงตลกในเรื่อง เป็นชุดเดียวกับสุดเขตเสลดเป็ด ที่ต้องบอกว่า ลงตัวมากๆ กับพระเอกเป้ อารักษ์ ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้หนังเรื่องเค้าเรียกผมว่าความรัก… “ฮา” เอามากๆ และเรียกว่าไต่ระดับความฮาจากฮาเล็กไปจนฮาใหญ่ เก็บทุกเม็ดทุกรายละเอียด ขำจนแทบลืมหายใจ… จนบางทีมากไป จนต้องตัดคะแนนการดำเนินเรื่องไปที่ 7 คะแนน
ฉากนี้เป็นฉากแต่งงานที่นายสตาร์บัคไปยืนมึนๆ ใส่คู่บ่าวสาว เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องไปดูกันเอง เรื่องนี้วิจารณ์ไม่ค่อยถนัด เพราะตัวอย่างหนังไม่บอกอะไรเลย แต่ในตัวหนังจริงๆ รายละเอียดเยอะและยาวมาก ถ้าวิจารณ์ไม่ดีเดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์… แต่รับรองด้วยคะแนนจากนาซีทีวีเลยว่า เรื่องนี้เด็ดจริงๆ  และตอนจบมีการหลอกคนดูด้วยว่าจะจบอีกแบบ แท้จริงแล้วจบอีกแบบ สรุปว่า “ฟิน” และ “อิ่มรัก” ไปตามๆ กัน…
อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีคู่รักหลายคู่ที่ออกมาให้เราเห็นมุมมองความรักแบบต่างๆ และมีอยู่คู่หนึ่งด้วยที่ไม่ใช่ความรักแบบธรรมดาทั่วไป  เป็นความรักที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ แต่หนังก็ทำออกมาไม่น่าเกลียด กลับดูลงตัวและมีชั้นเชิงในการนำเสนอ ในประเด็นที่ว่า บางคนมีโอกาสบอกรักกับคนที่รักแต่ไม่ทำ ในขณะที่บางคนจะตายวันไหนไม่รู้หรือไม่สามารถพูดคำว่ารักได้ด้วยซ้ำ… หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอก
เหนือจากเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ที่ถือเป็นหนังที่สามารถนำเสนอมุมมองความรักได้อย่างมีชั้นเชิง ต้องชมผู้กำกับ “วศิน ปกป้อง” จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเขาแล้ว ขอให้รักษาระดับนี้ต่อไป และสร้างสรรค์หนังไทยดีๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ นะครับ นาซีทีวีเป็นกำลังใจให้ สำหรับหนังเรื่องแรกที่กำกับแบบฉายเดี่ยวแถมยังเขียนบทเองด้วยนี้ “My name is Love เค้าเรียกผมว่าความรัก” รับคะแนน 8/10 คะแนนจากนาซีทีวีไปเลย เค้าเรียกผมว่าความรัก เต็มเรื่อง

รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

 

สปอยหนัง เรื่องราวของ “สร้อย” (อุรัสยา เสปอร์บันด์) สาวดอนไม้ป่า ผู้เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อ และ ศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี อันลึกลับ เธอช่วยยายขายดอกไม้ถวายเจ้าแม่ และคอยดูแลเทวาลัยแห่งนี้ สร้อยจึงมีความผูกพันกับเจ้าแม่นาคีเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ “ร.ต.อ.ป้องปราบ” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ถูกย้ายมาประจำที่ สภ.ดอนไม้ป่า ก็เกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้นอย่างมากมาย โดยหลายคดีเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และมีเงื่อนงำที่คลี่คลายไม่ได้ โดยชาวบ้านต่างปักใจว่าเป็นฝีมือของ

 

รีวิวหนัง นาคี 2

 

เจ้าแม่นาคี ที่กำลังออกอาละวาดอีกครั้งและเหตุการณ์ยิ่งพาให้ชาวบ้านต่างแน่ใจว่า สร้อย เป็นร่างประทับของเจ้าแม่นาคี แม้แต่ตัวสารวัตรป้องปราบเองซึ่งไม่เคยเชื่อในเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติ ยังลังเลต่อคำกล่าวหาที่สร้อยได้รับ จนทำให้เขาต้องค้นหาความจริงเบื้องหลังคดีลึกลับในดอนไม้ป่าแห่งนี้ เตรียมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ศรัทธา สิ่งที่ไม่เห็น หนังไทยย้อนยุค

 

ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง ‘นาคี ๒’ ผลงานการกำกับหนังใหญ่อีกครั้ง ของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง หลังจากเว้นมือนับจาก ชิงหมาเถิด (2553) หนังเสียดสีสังคมและการเมืองไทย แล้วไปทำละครป้อนคนดูทางโทรทัศน์อยู่นาน  ซึ่งเราคงได้ข่าวกันว่าเพิ่งล้มป่วยกะทันหันจากการทำงาน แต่ตัวหนัง นาคี 2 นั้นโชคดีที่ได้กำกับจนจบก่อนแล้ว

 

หนังเรื่องนี้เป็นการสานต่อกระแสของละครฮิตเรื่อง นาคี ซึ่งป๋าอ๊อฟได้กำกับจนเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อ 2 ปีก่อน (เช่นเดียวกับเพลงประกอบ คู่คอง ของ ก้อง ห้วยไร่ ที่ดังระเบิดไม่แพ้กัน)

 

รีวิวหนัง นาคี 2

 

โดยตอนเป็นละครนั้นได้ แต้ว ณฐพร และ เคน ภูภูมิ ประกบฉากกัน จากบทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม นักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงทางสยองขวัญ ผลงานขึ้นชื่อก็มีคุ้นหูอย่าง แก้วขนเหล็ก นั่นเอง ซึ่งในภาค 2 นี้ก็ยังใช้บทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม มา คิดโครงเรื่องสานต่อเป็นเรื่องราวอีกราว 20 ปีต่อมาจากละคร โดยพงษ์พัฒน์คิดเรื่อง แล้วได้ทีมเขียนบทที่นำโดย โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับและมือเขียนบทแนวธริลเลอร์มือต้น ๆ ของไทยมาเขียน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

ซึ่งทำให้พล็อตที่ดูเชยมาก ๆ อย่างตำรวจหนุ่มชาวกรุงเข้ามาช่วยเหลือสาวสวยบ้านป่า จากคดีเหนือธรรมชาติ ที่ชาวบ้านต่างใส่ร้ายว่าเธอคือต้นเหตุ แต่เพราะวิธีการเล่าแบบหนังสืบสวน ปนสยองขวัญ ก็ทำให้เรื่องดูสนุกน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยบ่อยนัก ส่วนจุดพร่องของการเล่าเรื่องก็มีบ้างคือการตัดตอนรวบรัดแบบกะว่าคนดูละครไทยจะเข้าใจได้อยู่แล้ว เช่น ไม่มีฉากที่ทำให้คู่พระนางรักกัน แต่ตอนจบทั้งคู่ก็จะรักกันได้ เพราะเป็นละครไทย การอนุมานใช้ความเคยชินของคนดูละครไทยอะไรแบบนั้น ก็อาจมองเป็นจุดด้อยหนึ่งของหนังได้เช่นกัน เพราะหนังในเวลาที่เท่ากันอาจเลือกวางเรื่องและอารมณ์ให้ชัดกว่านี้

ทีมงานหนังยังได้มือรางวัลอีกหลายรายมาร่วมงาน ทั้ง สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพฝีมือโกอินเตอร์ที่ล่าสุดเพิ่งทำหนังชิงออสการ์อย่าง Call Me By Your Name มารับหน้าที่กำกับภาพด้วย ซึ่งงานภาพของเรื่องนี้หลายซีนดูโดดเด่น ทั้งการใช้แสงลงในฉาก และการใช้สีตัดได้อย่างน่าสนใจ ดีเกินหน้าหนังทั่วไปอยู่หลายฉากเลย และด้านการตัดต่อก็ยังได้ ลี ชาตะเมธีกุล มือต้น ๆ ของไทยที่นาน ๆ จะรับงานตัดต่อหนังใหญ่มาตัดต่ออีกด้วย

ฝ่ายศิลป์ของหนังเองก็นับว่าเนี้ยบมาก ฉากโรงพักโดนถล่มนี่คือมาสเตอร์พีซเลย ต้องบอกว่าเป็นการรวมทีมผู้สร้างที่ไม่ธรรมดา จนได้งานที่ยกระดับโปรดักชั่นจากละครขึ้นมาสมศักดิ์ศรีภาพยนตร์จอเงิน ใครดูตัวอย่างจากทีวีจากจอคอมแล้วร้องอี๋ บอกเลยว่าของจริงในโรงดูดีไม่น้อยหน้าหนังสัตว์ประหลาดของเมืองนอกเลยล่ะ ถ้านับแค่ว่ามันเป็นหนังสืบสวนสยองขวัญ สัตว์ประหลาดยักษ์ นี่น่าจะเป็นหนังไทยเบอร์ต้นในแนวทางนี้เลย ยังนึกเรื่องอื่นที่ดีเทียบเท่าไม่ค่อยออก

 

 

และในครั้งนี้ก็ได้นำคู่ขวัญละครไทยอย่าง ญาญ่า อุรัสยา และ ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ต่างก็ลองผ่านงานจอเงินมาแล้วทั้งคู่ อย่าง ญาญ่า ก็เพิ่งมี น้อง.พี่.ที่รัก ส่วนณเดชน์ ก็ยังจำฝีไม้ลายมือจาก คู่กรรม  ได้ดี และในเรื่องนี้ยังมารับบทนำร่วมกันประกบกับคู่ขวัญเดิมอย่างแต้วและเคนอีก อย่างที่บอกว่าบทรักของหนังไม่ค่อยเด่นนัก แต่ด้วยความหวานนอกจอของญาญ่า-ฌเดชน์ ก็มากพอให้เรารู้สึกว่าตัวละครมันรักกันได้ล่ะ ก็นักแสดงเขารักกันนี่นา

หนังยังใช้เสน่ห์กลิ่นอายแบบอีสานทั้งฉากหลัง หมู่บ้าน ความเชื่อ ภาษาถิ่น ได้อย่างดีและมีเอกลักษณ์ คนอีสานน่าจะชอบอกชอบใจ ส่วนคนภาคอื่นก็ฟังเพลินสำเนียงสวย และก็รู้เรื่องเพราะหนังมีซับแปลให้อ่านเรียบร้อย สบายใจ ส่วนตัวคือชอบนะครับ ภาษาทางอีสานมันมีความสวยของมันอยู่ แล้วยังทำให้บริบทหนังมันดูสมจริงสมบูรณ์ขึ้นด้วย ที่สำคัญยังทำให้การเล่นบทตลกของ อี๊ด โปงลางฯ กับ ปอยฝ้าย มาลัยพร ในบทคู่หูตำรวจเสียงอีสานดูตลกขึ้นจมด้วย ทำให้ช่วงต้นของหนังดูสนุกขึ้นด้วย

จุดอ่อนของหนังไทยอย่างเรื่องของซีจีต่าง ๆ ต้องยอมใจผู้สร้างที่แม้ทุนมากขึ้น โดยมีให้กับการทำซีจีนับ 20 ล้านบาท และมีตัวเลือกจะใช้บริษัทต่างชาติที่ผ่านงานระดับโลกมาทำก็ตาม แต่ป๋าอ๊อฟแกหัวชนฝาให้เป็นหนังเมดอินไทยแลนด์ จึงใช้บริการ Fatcat บริษัทที่ทำกราฟฟิกให้ในละคร นาคี มาสานต่องานเดิม ด้วยความละเอียดและทุนที่มากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเหมือนกันเพราะ หนังทำออกมาได้ใกล้เคียงงานสากลแบบไม่อายเลย มีที่หลุด ๆ อยู่บ้างก็เรียกว่าน้อยจนให้อภัยได้

นอกจากดนตรีประกอบที่ผสมความทันสมัยกับสำเนียงเพลงอีสานหวนไห้ได้อย่างน่าสนใจแล้ว เพลงประกอบหนังอย่าง สายแนนหัวใจ ของ ก้อง ห้วยไร่ เจ้าเก่าเองก็น่าจะติดหูและเป็นที่นิยมได้ไม่ยากเช่นกัน นี่พอหนังจบไม่อยากลุกเลย ฟังเพลงไปอินดีมาก

 

 

หลังจากที่ได้กระแสตอบรับที่ดีจากการออกอากาศในช่อง 3 เมื่อปี 59 ล่าสุด ละคร “นาคี” ก็ได้เพิ่มภาคต่อเป็นภาพยนตร์ “นาคี ๒” จากฝีมือของผู้กำกับเดิม อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และได้นักแสดงนำคู่เดิม คือ แต้ว ณฐพร, เคน ภูภูมิ ตบเท้าร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา และณเดชน์ คูกิมิยะ รับบทนำคู่กันในภาคนี้ หนังฟรี หนังใหม่

 

หนัง นาคี 2

เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นต่อจากภาคแรก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น 60 ปี คือปี 60 โดยถ่ายทอดผ่าน 2 ตัวละครหลัก ได้แก่ สร้อย (รับบทโดย ญาญ่า) เด็กสาวขายดอกไม้ที่เติบโตมากับตำนานเจ้าแม่นาคี และสารวัตรป้องปราบ (ณเดชน์) ตำรวจที่ถูกย้ายมาประจำในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อ โดยดำเนินเรื่องแบบยึดเค้าโครงเดิมคือ ความเชื่อเรื่องพญานาค หรือ “เจ้าแม่นาคี” ในภาคอีสานเป็นหลัก

 

 

เริ่มต้นที่นักแสดงนำอย่าง ณเดชน์ และญาญ่า ด้วยความที่ทั้งคู่ผ่านงานแสดงบนจอภาพยนตร์มาแล้วทั้งคู่ รวมทั้งผลงานบนจอแก้วอีกนับไม่ถ้วน นั่นทำให้เรื่องแอคติ้งไม่ต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้ง 2 คนสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้สมฝีมือ และโดยเฉพาะกับญาญ่า ที่ในหนังเรื่องนี้ได้เผยมุมที่คนดูอาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยการพูดภาษาอีสานตลอดทั้งเรื่อง ส่วนคำแก้ว และทศพลจากภาคที่แล้ว แม้ว่าจะมีฉากออกมาให้เห็นไม่มากอย่างที่เราคิด แต่เรื่องการแสดงก็ทำได้ดีแบบไม่น่าผิดหวัง

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในหนังเรื่องนี้เลยก็คือ CG ที่อลังการและสมจริงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับละคร หลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นกันไปแล้วในภาคแรก รวมถึงในตัวอย่างหนัง แต่เมื่อไปอยู่บนจอยักษ์แล้ว ก็ทำให้ได้อรรถรสและความสมจริงมากขึ้นอีก ซึ่ง CG อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

 

 

แม้ว่าจะในภาคที่แล้วจะชูเรื่องราวความรักมาควบคู่กับความเชื่อ แต่ในภาคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอก ไม่ได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นมากนัก บวกกับการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ จึงอาจทำให้ดูแล้วเบื่ออยู่บ้าง แต่ก็ได้ 2 นักแสดงสมทบอย่าง อี๊ด โปงลางสะออน และปอยฝ้าย มาลัยพร ซึ่งรับบทจ่าและดาบตำรวจ มาสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้อยู่เป็นระยะๆ

อย่างที่ได้เล่าไปแล้วในตอนต้น ด้วยความที่เนื้อหาหนังเน้นเรื่องของความเชื่อ และประเพณีเป็นหลัก บวกกับการเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ และคลายปมอย่างรวดเร็วในตอนท้าย ทำให้ “นาคี ๒” อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ตรงใจคนที่ไม่อินเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือผีสางมากนัก  แต่สำหรับแฟนละครที่เคยอินกับภาคแรกมาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ และความอลังการบนจอยักษ์ของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่คุณรอคอย โดยนาคี ๒ จะเข้าฉายในวันที่ 18 ต.ค. ทุกโรงภาพยนตร์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์