บุษบา สปอยหนัง
ชื่อภาพยนตร์ : บุษบา
ผู้กำกับ : ชัยวัฒน์ สีตลาศัย
นักแสดงนำ : กรีน อัษฎาพร, เจฟฟรี เบญจกุล, โย่ง อนุสรณ์
ประเภท : สยองขวัญ
นับว่าเป็นความกล้าหาญของคนทำภาพยนตร์ไทยอีกค่ายหนึ่งที่เอาหนังที่ผู้แสดงมิได้ล่อใจอะไรมากมายมาฉายในตอนท่กระแส หนังไทยมาใหม่ บ้านพวกเราไม่ค่อยดีเยอะแค่ไหน กับหนังผีที่ถ้าหากเป็นเมื่อราวๆ 10 กว่าปีกลายจะเป็นหนังที่ขายได้แน่ๆ แต่ว่ากับเดี๋ยวนี้ สำหรับผมมีความรู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่หนังจะล่อใจผู้ชมให้ซื้อตั๋วไปดูได้ กับเรื่องนี้ จำเป็นต้องขอขอบคุณมากรอบสื่อจาก filmframe production ด้วยครับ
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ “มินตรา” หรือ “มินท์” นักเต้นแนว Contemporary Dance ที่กําลังเดินทางตามความฝันของคุณเป็นการเป็นนักเต้นที่เป็นที่รู้จักระดับโลก คุณได้รับการทาบทามให้ร่วมออดิชั่นในกการแสดงเรื่องรามเกียรติ์ที่ประสมประสานระหว่างรำไทยกับโมเดิร์นแดนซ์เข้าด้วยกัน โดยที่คุณจำต้องเข้ารับการทดลองใน บท “นางสีดา” การแสดงคราวนี้จัดขึ้นโดยบริษัท Organizer ที่ใหญ่อันดับที่หนึ่งของประเทศ ซึ่งผู้ครอบครองเป็น “ทศ” ทศถูกใจมินท์ตั้งแต่ต้นที่ได้พบแต่ว่าติดตรงที่ตัวเขาเองมีเมียอยู่แล้ว
ผู้ที่มินท์ถูกใจเปลี่ยนไปเป็น “เมษ” ผู้กํากับการแสดงงานคราวนี้ แต่ว่าเมื่อคุณจำต้องให้ทัศนคติเกี่ยวกับนางสีดา เมษได้ตกลงใจเลือก “จีน่า” มินท์เก็บซ่อนความผิดหวังเอาไว้ แม้กระนั้นก็ยังยอมร่วมการแสดงคราวนี้ถัดไป ด้วยการเป็นนักเต้นสำรอง วันเดียวกันนั้นเองที่กลุ่มนักเต้นเริ่มเอ่ยถึงกระแสข่าวลือที่ ว่า 2 – 3 ปีกลายในสตูดิโอที่นี้เคยมีนางรําที่กําลังจะสวมบทนางสีดาหายตัวไป บรรยากาศเริ่มดูราวกับว่ามีอะไรซ่อนอยู่ ในเวลาเดียวกันก็มีผีนางรำคนหนึ่ง มารอปรากฎตัวด้านข้างตัวมินท์แล้วก็มานะช่วยทำให้คุณได้บทนางสีดาอย่างที่เธอต้องการ มินท์พยายามหาคำตอบว่าที่ผีนางรำมาช่วยตนเพื่ออยากอะไรกันแน่ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์
บุษบา สปอยหนัง
บทหนังดูมีการผสมผสานกันระหว่างความลึกลับบวกกับการสืบสวนอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง หนังผีส่วนใหญ่จะอิงแนวนี้เป็นหลัก เพราะมันไม่ได้ไปหลอนกับความน่ากลัวของผีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการสืบเสาะหาความจริงที่ให้หนังสามารถเล่นกับตรงนี้ได้ และอาจมีการหักมุมเล็กๆ เพื่อความเซอร์ไพร์ส ซึ่งเรื่องนี้การดำเนินเรื่องการลำดับเรื่องยังแปลกๆ อยู่บ้าง เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรที่เดาไม่ได้ และตอนจบที่เหมือนจะหักมุมแต่ก็ไม่ได้ทำให้เซอร์ไพร์สอะไรเท่าไหร่ รวมไปถึงการเอา รามเกียรติ์ มาดัดแปลงเป็น Contemporary Dance ที่หนังยังสื่อออกมาได้ไม่ดีพอ คือคนดูไม่ได้อินไปกับความเป็น นางสีดา ที่นักแสดงต้องการบทนี้นักหนา
จุดแข็งของหนังเรื่องนี้
จุดแข็งเลยของเรื่องคือ ความเป็นหนังผีไทยนี่แหละ ที่เอกลักษณ์คือเรื่องของความหลอนและการผล่ออกมาหลอกคนดูในแต่ละดอก เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างดีครับ ถือว่าหลอกให้สะดุ้งได้ในหลายๆ จังหวะ ทั้งตอนมีผีหรือตอนไม่มีผี ด้วยบรรยากาศและความน่ากลัวของตัวผีบุษบาเอง มาได้จังหวะจะโคนแบบคนดูสะดุ้งหลายทีอยู่นะ
ตัวนักแสดงสำหรับผม กรีน อัษฎาพร สอบผ่านครับ ถึงจะดูยังไม่พริ้วกับหนังใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็ทำได้ดี และแบกรับหนังเอาไว้ได้ ส่วน โย่ง อาร์มแชร์ ส่วนตัวผมว่ายังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็พอได้ เพราะพี่แกก็ไม่ใช่นักแสดงอาชีพนี่นา ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่
เอาเป็นว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังผีไทยที่เข้าสูตรและมาตรฐานของหนังผีไทยแหละครับ เพียงแต่สิ่งที่ผมหวังคืออยากให้มีอะไรที่แปลกใหม่มากขึ้นกว่านี้สักหน่อย จะดีมากครับ สำหรับใครที่อยากดูหนังผีไทย ก็ลองไปดูกันครับ
พล็อตเรื่อง
พล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แต่วิธีการเล่าเรื่องราวใน “บุษบา” นั้นแค่คนดูเห็นหน้านักแสดงแต่ละคนในเรื่อง ก็เดาได้แล้วว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น นางเอกก็แสดงเป็นนางเอกผู้แสนดีตลอดเวลา พระเอกก็ขี้เก๊กห่วงหล่อ บรรดานางร้ายก็ต้องจิกตา แต่งตัวโป้ๆจริตเกินเบอร์ ส่วนคุณนายก็ต้องเล่นแบบใหญ่ๆรัชดาลัยต้องกราบ ซึ่งวิธีการแสดงของนักแสดงในหนังเรื่องนี้เหมือนกับเล่นละครหลังข่าวมากกว่า จะเป็นการแสดงในภาพยนตร์
ยังไม่รวมไปถึงความเชยตกยุคของบทภาพยนตร์ ที่เหมือนทีมงานไปค้นคว้าหนังสยองขวัญสืบสวนสอบสวนราว 20 ปีที่แล้วมาอ้างอิงเป็นพล็อตเรื่อง อาทิ ตัวละครในเรื่องต้องเดินเข้าไปในเขตพื้นที่แปะป้ายห้ามเข้า ฉากตัวละครโดนผีหลอกแต่ที่จริงคือความฝัน โรงละครที่น้ำรั่วกันอยู่ตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าท่อแตก หาช่างซ่อมไม่ได้ หรือผีเฮี้ยนจนทำให้การประปานครหลวงไม่อาจจะมาซ่อมโรงละครที่จะเปิดทำการแสดงในไม่กี่วัน
ความไม่สมเหตุสมผลของโลเคชั่น ปัญหานี้น่าจะการเลือกโลเคชั่นที่มีไม่มีความคล้ายคลึงกันของสถานที่ ทำให้คนดูไม่รู้สึกร่วมไปว่าบรรดาห้องหับต่างๆในหนังเรื่องนี้คือสถานที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องซ้อมเต้น (เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา) โรงละครที่เหมือนถ่ายในย่านใจกลางเมือง โซนออฟฟิศของตัวคณะละครที่งานสถาปัตยกรรมดูไม่กลมกลืนไปส่วนที่เหลือ ชั้นบนของตึกที่เก่าทรุดโทรม เหมือนไปถ่ายที่ห้องเรียนของมหาวิทยาลัยรัฐฯ ย่านสุขุมวิท เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะคนดู ไม่ได้มีโอกาสมองเห็น “รูปทรงภาพนอก” ของโรงละครแห่งนี้ก็เป็นได้ ทำให้เราไม่มีโอกาสเข้าใจลักษณะโดยรวมของสถานที่แห่งนี้ และทำให้สถานที่ในหนัง (ในความรู้สึกคนดู) กระจัดกระจาย ไม่เป็นพื้นที่อันหนึ่งอันเดียวกัน
น่าเสียดายท่ามกลางความล้าสมัยของหนัง กลับมีประเด็นที่น่านำมาขับเน้นให้แซ่บกว่านี้ก็คือเรื่องของ “การชิงดีชิงเด่นของผู้หญิง” ที่ไม่ว่าจะต้องรบราฆ่าฟันกันให้ตายไปข้าง แต่สิ่งที่พวกเธอต้องการคือการใช้เสน่ห์ เรือนร่าง ความสะสวย เพื่อการคุมอำนาจเหนือผู้ชายและเป็นหลักประกันให้ชีวิตของตัวเองว่าจะได้สุขสบายต่อไปในภายภาคหน้า
บุษบา สปอยหนัง
เป็นหนังผีไทยอีกหนึ่งเรื่องที่หลอนติดตาแบบสุดจัด โดยการเล่นกับความคุ้นเคยของคนไทย นั่นคือ “ผีนางรำ” ที่มาพร้อมกับเสียงเพลงแบบไทยๆ แค่เห็นหรือได้ยินก็หลอนแล้ว และยิ่งมาผสมผสานกับการเต้นแนว Contemporary Dance ในเรื่องอีกด้วย บอกเลยว่า หลอนติดตาแบบขนหัวลุกกันสุดๆ
“มินท์” (กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) นักเต้นที่อยากมีชื่อเสียง ระดับนานาชาติ ได้เข้าร่วมออดิชั่นการแสดงเรื่อง รามเกียรติ์ เข้ารับบท “นางสีดา” ได้เจอกับ “ทศ” (เจฟฟี่-เบญจกุล) เจ้าของบริษัท Organizer ทศได้ชอบมินท์ ตั้งแต่แรกเห็น แต่คนที่มินท์ชอบกลับเป็น “เมษ” (โย่ง อาร์มแชร์) ผู้กำกับการแสดง เมษ เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อนาคตไกล แต่เจ้าชู้แพรวพราว จึงเป็นที่ต้องตาของบรรดาสาวๆ รวมทั้งมินท์ แต่เขาไม่ได้สนใจมินท์มากกว่าผู้ร่วมออดิชั่นคนอื่นๆ
แต่สิ่งที่น่าสงสัยของเรื่องนี้ คือ เมื่อ 2-3 ปีก่อน เรื่องลึกลับได้เกิดขึ้นที่สตูดิโอแห่งนี้ มีนางรำที่รับบท “นางสีดา” หายตัวไป จะเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ มินท์จึงต้องพยายามหาคำตอบเพราะเขาได้เห็น “ผีนางรำ” อยู่บ่อยครั้ง ขณะซ้อม
ตัวหนังเป็นแนว ลึกลับ สยองขวัญ โดยจะทำให้เราสงสัยครุ่นคิด ตอนต้นถึงกลางเรื่อง ว่าทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น และหนังจะค่อยๆเฉลยคำตอบออกมา ไปตามประเด็น ดำเนินเรื่องแบบเส้นตรง และยืดยาวไปนิดนึงตอนกลางเรื่อง มีหักมุมนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ
เรื่องเสียงกับภาพต้องบอกเลยว่า ลงตัวสุดๆในจังหวะที่ต้องลุ้นระทึก จนตัวเกร็ง หลอนแบบติดตาไม่พอ ยังติดหูอีกต่างหาก และยังคงมีจังหวะ Jump Scare หรือ ผีตุ้งแช่ อยู่ในฉากที่เหมาะสม ไม่บ่อยเกินไป ส่วนด้านการเล่าเรื่อง เหมือนว่าจะดูรีบๆเกินไป ยังไม่ทันได้อินกับฉากนั้นๆสักเท่าไหร่ ก็ตัดไปที่ฉากใหม่แล้ว และเป็นแบบนี้บ่อยมาก แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังผีไทยที่มาตรฐานดีมากๆ