รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

 

สปอยหนัง เรื่องราวของ “สร้อย” (อุรัสยา เสปอร์บันด์) สาวดอนไม้ป่า ผู้เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อ และ ศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี อันลึกลับ เธอช่วยยายขายดอกไม้ถวายเจ้าแม่ และคอยดูแลเทวาลัยแห่งนี้ สร้อยจึงมีความผูกพันกับเจ้าแม่นาคีเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ “ร.ต.อ.ป้องปราบ” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ถูกย้ายมาประจำที่ สภ.ดอนไม้ป่า ก็เกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้นอย่างมากมาย โดยหลายคดีเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และมีเงื่อนงำที่คลี่คลายไม่ได้ โดยชาวบ้านต่างปักใจว่าเป็นฝีมือของ

 

รีวิวหนัง นาคี 2

 

เจ้าแม่นาคี ที่กำลังออกอาละวาดอีกครั้งและเหตุการณ์ยิ่งพาให้ชาวบ้านต่างแน่ใจว่า สร้อย เป็นร่างประทับของเจ้าแม่นาคี แม้แต่ตัวสารวัตรป้องปราบเองซึ่งไม่เคยเชื่อในเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติ ยังลังเลต่อคำกล่าวหาที่สร้อยได้รับ จนทำให้เขาต้องค้นหาความจริงเบื้องหลังคดีลึกลับในดอนไม้ป่าแห่งนี้ เตรียมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ศรัทธา สิ่งที่ไม่เห็น หนังไทยย้อนยุค

 

ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง ‘นาคี ๒’ ผลงานการกำกับหนังใหญ่อีกครั้ง ของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง หลังจากเว้นมือนับจาก ชิงหมาเถิด (2553) หนังเสียดสีสังคมและการเมืองไทย แล้วไปทำละครป้อนคนดูทางโทรทัศน์อยู่นาน  ซึ่งเราคงได้ข่าวกันว่าเพิ่งล้มป่วยกะทันหันจากการทำงาน แต่ตัวหนัง นาคี 2 นั้นโชคดีที่ได้กำกับจนจบก่อนแล้ว

 

หนังเรื่องนี้เป็นการสานต่อกระแสของละครฮิตเรื่อง นาคี ซึ่งป๋าอ๊อฟได้กำกับจนเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อ 2 ปีก่อน (เช่นเดียวกับเพลงประกอบ คู่คอง ของ ก้อง ห้วยไร่ ที่ดังระเบิดไม่แพ้กัน)

 

รีวิวหนัง นาคี 2

 

โดยตอนเป็นละครนั้นได้ แต้ว ณฐพร และ เคน ภูภูมิ ประกบฉากกัน จากบทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม นักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงทางสยองขวัญ ผลงานขึ้นชื่อก็มีคุ้นหูอย่าง แก้วขนเหล็ก นั่นเอง ซึ่งในภาค 2 นี้ก็ยังใช้บทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม มา คิดโครงเรื่องสานต่อเป็นเรื่องราวอีกราว 20 ปีต่อมาจากละคร โดยพงษ์พัฒน์คิดเรื่อง แล้วได้ทีมเขียนบทที่นำโดย โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับและมือเขียนบทแนวธริลเลอร์มือต้น ๆ ของไทยมาเขียน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิวหนัง นาคี 2

รีวิวหนัง นาคี 2

ซึ่งทำให้พล็อตที่ดูเชยมาก ๆ อย่างตำรวจหนุ่มชาวกรุงเข้ามาช่วยเหลือสาวสวยบ้านป่า จากคดีเหนือธรรมชาติ ที่ชาวบ้านต่างใส่ร้ายว่าเธอคือต้นเหตุ แต่เพราะวิธีการเล่าแบบหนังสืบสวน ปนสยองขวัญ ก็ทำให้เรื่องดูสนุกน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยบ่อยนัก ส่วนจุดพร่องของการเล่าเรื่องก็มีบ้างคือการตัดตอนรวบรัดแบบกะว่าคนดูละครไทยจะเข้าใจได้อยู่แล้ว เช่น ไม่มีฉากที่ทำให้คู่พระนางรักกัน แต่ตอนจบทั้งคู่ก็จะรักกันได้ เพราะเป็นละครไทย การอนุมานใช้ความเคยชินของคนดูละครไทยอะไรแบบนั้น ก็อาจมองเป็นจุดด้อยหนึ่งของหนังได้เช่นกัน เพราะหนังในเวลาที่เท่ากันอาจเลือกวางเรื่องและอารมณ์ให้ชัดกว่านี้

ทีมงานหนังยังได้มือรางวัลอีกหลายรายมาร่วมงาน ทั้ง สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพฝีมือโกอินเตอร์ที่ล่าสุดเพิ่งทำหนังชิงออสการ์อย่าง Call Me By Your Name มารับหน้าที่กำกับภาพด้วย ซึ่งงานภาพของเรื่องนี้หลายซีนดูโดดเด่น ทั้งการใช้แสงลงในฉาก และการใช้สีตัดได้อย่างน่าสนใจ ดีเกินหน้าหนังทั่วไปอยู่หลายฉากเลย และด้านการตัดต่อก็ยังได้ ลี ชาตะเมธีกุล มือต้น ๆ ของไทยที่นาน ๆ จะรับงานตัดต่อหนังใหญ่มาตัดต่ออีกด้วย

ฝ่ายศิลป์ของหนังเองก็นับว่าเนี้ยบมาก ฉากโรงพักโดนถล่มนี่คือมาสเตอร์พีซเลย ต้องบอกว่าเป็นการรวมทีมผู้สร้างที่ไม่ธรรมดา จนได้งานที่ยกระดับโปรดักชั่นจากละครขึ้นมาสมศักดิ์ศรีภาพยนตร์จอเงิน ใครดูตัวอย่างจากทีวีจากจอคอมแล้วร้องอี๋ บอกเลยว่าของจริงในโรงดูดีไม่น้อยหน้าหนังสัตว์ประหลาดของเมืองนอกเลยล่ะ ถ้านับแค่ว่ามันเป็นหนังสืบสวนสยองขวัญ สัตว์ประหลาดยักษ์ นี่น่าจะเป็นหนังไทยเบอร์ต้นในแนวทางนี้เลย ยังนึกเรื่องอื่นที่ดีเทียบเท่าไม่ค่อยออก

 

 

และในครั้งนี้ก็ได้นำคู่ขวัญละครไทยอย่าง ญาญ่า อุรัสยา และ ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ต่างก็ลองผ่านงานจอเงินมาแล้วทั้งคู่ อย่าง ญาญ่า ก็เพิ่งมี น้อง.พี่.ที่รัก ส่วนณเดชน์ ก็ยังจำฝีไม้ลายมือจาก คู่กรรม  ได้ดี และในเรื่องนี้ยังมารับบทนำร่วมกันประกบกับคู่ขวัญเดิมอย่างแต้วและเคนอีก อย่างที่บอกว่าบทรักของหนังไม่ค่อยเด่นนัก แต่ด้วยความหวานนอกจอของญาญ่า-ฌเดชน์ ก็มากพอให้เรารู้สึกว่าตัวละครมันรักกันได้ล่ะ ก็นักแสดงเขารักกันนี่นา

หนังยังใช้เสน่ห์กลิ่นอายแบบอีสานทั้งฉากหลัง หมู่บ้าน ความเชื่อ ภาษาถิ่น ได้อย่างดีและมีเอกลักษณ์ คนอีสานน่าจะชอบอกชอบใจ ส่วนคนภาคอื่นก็ฟังเพลินสำเนียงสวย และก็รู้เรื่องเพราะหนังมีซับแปลให้อ่านเรียบร้อย สบายใจ ส่วนตัวคือชอบนะครับ ภาษาทางอีสานมันมีความสวยของมันอยู่ แล้วยังทำให้บริบทหนังมันดูสมจริงสมบูรณ์ขึ้นด้วย ที่สำคัญยังทำให้การเล่นบทตลกของ อี๊ด โปงลางฯ กับ ปอยฝ้าย มาลัยพร ในบทคู่หูตำรวจเสียงอีสานดูตลกขึ้นจมด้วย ทำให้ช่วงต้นของหนังดูสนุกขึ้นด้วย

จุดอ่อนของหนังไทยอย่างเรื่องของซีจีต่าง ๆ ต้องยอมใจผู้สร้างที่แม้ทุนมากขึ้น โดยมีให้กับการทำซีจีนับ 20 ล้านบาท และมีตัวเลือกจะใช้บริษัทต่างชาติที่ผ่านงานระดับโลกมาทำก็ตาม แต่ป๋าอ๊อฟแกหัวชนฝาให้เป็นหนังเมดอินไทยแลนด์ จึงใช้บริการ Fatcat บริษัทที่ทำกราฟฟิกให้ในละคร นาคี มาสานต่องานเดิม ด้วยความละเอียดและทุนที่มากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเหมือนกันเพราะ หนังทำออกมาได้ใกล้เคียงงานสากลแบบไม่อายเลย มีที่หลุด ๆ อยู่บ้างก็เรียกว่าน้อยจนให้อภัยได้

นอกจากดนตรีประกอบที่ผสมความทันสมัยกับสำเนียงเพลงอีสานหวนไห้ได้อย่างน่าสนใจแล้ว เพลงประกอบหนังอย่าง สายแนนหัวใจ ของ ก้อง ห้วยไร่ เจ้าเก่าเองก็น่าจะติดหูและเป็นที่นิยมได้ไม่ยากเช่นกัน นี่พอหนังจบไม่อยากลุกเลย ฟังเพลงไปอินดีมาก

 

 

หลังจากที่ได้กระแสตอบรับที่ดีจากการออกอากาศในช่อง 3 เมื่อปี 59 ล่าสุด ละคร “นาคี” ก็ได้เพิ่มภาคต่อเป็นภาพยนตร์ “นาคี ๒” จากฝีมือของผู้กำกับเดิม อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และได้นักแสดงนำคู่เดิม คือ แต้ว ณฐพร, เคน ภูภูมิ ตบเท้าร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา และณเดชน์ คูกิมิยะ รับบทนำคู่กันในภาคนี้ หนังฟรี หนังใหม่

 

หนัง นาคี 2

เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นต่อจากภาคแรก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น 60 ปี คือปี 60 โดยถ่ายทอดผ่าน 2 ตัวละครหลัก ได้แก่ สร้อย (รับบทโดย ญาญ่า) เด็กสาวขายดอกไม้ที่เติบโตมากับตำนานเจ้าแม่นาคี และสารวัตรป้องปราบ (ณเดชน์) ตำรวจที่ถูกย้ายมาประจำในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อ โดยดำเนินเรื่องแบบยึดเค้าโครงเดิมคือ ความเชื่อเรื่องพญานาค หรือ “เจ้าแม่นาคี” ในภาคอีสานเป็นหลัก

 

 

เริ่มต้นที่นักแสดงนำอย่าง ณเดชน์ และญาญ่า ด้วยความที่ทั้งคู่ผ่านงานแสดงบนจอภาพยนตร์มาแล้วทั้งคู่ รวมทั้งผลงานบนจอแก้วอีกนับไม่ถ้วน นั่นทำให้เรื่องแอคติ้งไม่ต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้ง 2 คนสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้สมฝีมือ และโดยเฉพาะกับญาญ่า ที่ในหนังเรื่องนี้ได้เผยมุมที่คนดูอาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยการพูดภาษาอีสานตลอดทั้งเรื่อง ส่วนคำแก้ว และทศพลจากภาคที่แล้ว แม้ว่าจะมีฉากออกมาให้เห็นไม่มากอย่างที่เราคิด แต่เรื่องการแสดงก็ทำได้ดีแบบไม่น่าผิดหวัง

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในหนังเรื่องนี้เลยก็คือ CG ที่อลังการและสมจริงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับละคร หลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นกันไปแล้วในภาคแรก รวมถึงในตัวอย่างหนัง แต่เมื่อไปอยู่บนจอยักษ์แล้ว ก็ทำให้ได้อรรถรสและความสมจริงมากขึ้นอีก ซึ่ง CG อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

 

 

แม้ว่าจะในภาคที่แล้วจะชูเรื่องราวความรักมาควบคู่กับความเชื่อ แต่ในภาคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอก ไม่ได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นมากนัก บวกกับการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ จึงอาจทำให้ดูแล้วเบื่ออยู่บ้าง แต่ก็ได้ 2 นักแสดงสมทบอย่าง อี๊ด โปงลางสะออน และปอยฝ้าย มาลัยพร ซึ่งรับบทจ่าและดาบตำรวจ มาสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้อยู่เป็นระยะๆ

อย่างที่ได้เล่าไปแล้วในตอนต้น ด้วยความที่เนื้อหาหนังเน้นเรื่องของความเชื่อ และประเพณีเป็นหลัก บวกกับการเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ และคลายปมอย่างรวดเร็วในตอนท้าย ทำให้ “นาคี ๒” อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ตรงใจคนที่ไม่อินเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือผีสางมากนัก  แต่สำหรับแฟนละครที่เคยอินกับภาคแรกมาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ และความอลังการบนจอยักษ์ของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่คุณรอคอย โดยนาคี ๒ จะเข้าฉายในวันที่ 18 ต.ค. ทุกโรงภาพยนตร์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *