Category Archives: หนังไทยมาใหม่

สปอยหนัง 4 Kings

สปอยหนัง 4 Kings

สปอยหนัง 4 Kings

 

 

ประเภท: ดราม่า / อาชญากรรม

ผู้กำกับ: พุฒิพงษ์ นาคทอง

นำแสดงโดย: อารักษ์ อมรศุภศิริ, อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี, ภูมิ รังษีธนานนท์, ณัฏฐ์ กิจจริต

ความยาว: 139 นาที

กำหนดฉายในไทย: 9 ธันวาคม 2021 (ในโรงภาพยนตร์)

 

เรื่องย่อ 4 Kings

สปอยหนัง เรื่องย่อ: จากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนักเรียนช่าง 4 สถาบัน สู่ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้พบเจอ เมื่อความคึกคะนองในช่วงวัย สร้างมิตรภาพ และศัตรูมาพร้อมกัน
เป็นอีกโปรเจกต์หนังที่ใช้เวลาเดินทางมาอย่างยาวนานทีเดียวกว่าที่ พุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับที่จบจากวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธารามจะเริ่มไล่ล่าความฝันการเป็นนักสร้างหนัง โดยไต่เต้าจากเด็กกองจนมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้กับ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ได้ในที่สุด และเขาก็พกพาเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาในสมัยเรียนเขียนออกมาเป็นบทหนังออกเร่หาทุนเป็นเวลาหลายปีจนแทบนึกว่าโครงการจะล่มไปเสียแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็ได้มาทำหนังยาวกับค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด ค่ายหนังไทยหน้าใหม่ที่ดูมีวิสัยทัศน์น่าสนใจทีเดียว

 

สปอยหนัง 4 Kings

 

และอาจด้วยการฝ่าฟันผลักดันความฝันนี้มาอย่างยาวนาน เหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากเล่ามันได้ถูกเคี่ยวถูกบ่มจนได้ที่ เค้นเนื้อเน้น ๆ ดีกรีแรงออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ถ้าถามว่าความรู้สึกมันคล้ายหนังเรื่องไหน ก็คงเป็น ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ ในแบบฉบับที่จริงจังขึ้น และคมคายสมจริงขึ้นตามยุคสมัย ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

จุดเด่น 4 Kings

จุดเด่นของหนังคือการได้เด็กช่างตัวจริงที่ไปคลุกวงในเด็กช่างเด็กเทคนิคยุค 90s มาจริง ๆ จนได้วัตถุดิบที่สมจริงมาปรุงการเล่าเรื่อง แต่ละรายละเอียดในหนังเป็นการผสมผสานหลากหลายชีวิตและบทเรียนจากคนมากมายกว่าจะนำมาผูกสร้างเป็นตัวละครแต่ละตัว แม้จะยืนพื้นจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงและหลายคนก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ทว่าผู้กำกับก็ฉลาดพอที่จะทำให้มันเป็นเรื่องแต่งเพื่อไม่ให้กระทบคนจริง ๆ ที่ว่ามา และในแง่ดีคือมันใส่ลูกขยี้ลูกดราม่าชีวิตบัดซบให้ตัวละครได้มากขึ้นด้วย

 

สปอยหนัง 4 Kings

 

ต้องชมอย่างแรกเลยคือ การคัดเลือกนักแสดงมาเล่น ถือว่าดีมาก ๆ ไม่เห็นการคัดแบบเข้าท่าเข้าทางยกทีมยกเรื่องขนาดนี้มานานแล้ว ด้วยจำนวนตัวละครที่ค่อนข้างมากในเรื่อง ทีมสร้างจึงเลือกให้ศูนย์กลางเรื่องราวอยู่ที่ตัวละคร บิลลี่ อินทร ของ จ๋าย ไทยทศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ที่เป็นเหมือนผู้นำพาผู้ชมไปรู้จักโลกของเขาที่มีเพื่อนสนิท 2 คนคือ ดา อินทร ที่รับบทโดยเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ที่เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นใหม่และเป็นหัวโจกของกลุ่มเพื่อน และอีกคนคือ รูแปง อินทร ที่รับบทโดย ภูมิ ภูมิ รังษีธนานนท์ ซึ่งเป็นตัวแสบในกลุ่มโรงเรียนอินทรอาชีวะ

 

สปอยหนัง 4 Kings

จริงแล้วชื่อ 4 kings ตัวจริง ก็บอกในตัวอยู่แล้วว่ามี 4 สถาบันที่เป็นคู่แค้นกัน แต่เรื่องราวจะเล่าผ่านสายตาฝั่ง อินทรอาชีวะ เป็นหลัก โดยเจาะไปที่คู่ปรับตัวฉกาจอย่าง เทคโนโลยีประชาชล (ซึ่งเพี้ยนชื่อมาจากของจริงคือ เทคโนโลยีประชาชื่น) ที่มีตัวละครนำอย่าง มด ชล หัวโจกของกลุ่ม รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ และ โอ๋ ชล ที่เป็นเหมือนมือขวารับบทโดย นัท ณัฏฐ์ กิจจริต

และจะยังมีอีก 2 สถาบันสุดแสบอย่าง กนกอาชีวะ และช่างกลบุรณพนธ์ เป็นตัวสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ โดยเล่าผ่านตัวนำอย่าง บ่าง กนก ที่รับบทโดย แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์ หรือ แหลม 25Hours และ เอก บู รับบทโดย ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ ซึ่งหนังฉลาดในการค่อย ๆ พาจากกลุ่มอินทรไปรู้จักกลุ่มอื่น ผ่านตัวละครของบิลลี่ที่มีเหตุให้ต้องเข้าไปร่วมหัวจมท้ายกับ โอ๋ ชล และ เอก บู ในช่วงเวลาหนึ่ง

และยังฉลาดในการใส่ตัวละครตัวป่วนที่เข้าไปปั่นสถานการณ์ให้วุ่นวายหนักข้อโดยไม่เลือกหน้าอย่างกลุ่มเด็กเจ้าถิ่นที่เรียกว่าเด็กบ้านที่นำแก๊งโดย ยาท เด็กบ้าน รับบทโดย บิ๊ก อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล หรือ D Gerrard และเมื่อหนังแนะนำตัวละครสำคัญ ๆ ได้ครบ ทั้งยังให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่บ้างเป็นศัตรูอยู่ร่วมโลกไม่ได้ บ้างเป็นศัตรูที่ยอมรับให้เกียรติกัน บ้างก็เป็นมิตรที่อยู่คนละขั้วและต้องเลือกอยู่เสมอว่าระหว่างสถาบันกับเพื่อนน้ำหนักสิ่งไหนสูงกว่ากัน ซึ่งทำให้เนื้อหามันมีมิติความซับซ้อนที่ดีพอจะทำให้เกิดสถานการณ์ชวนเอาใจช่วยตัวละครมากมาย

 

สปอยหนัง 4 Kings

 

และที่ชอบมากอีกประการคือการสร้างบทสนทนา หนังเรื่องนี้มีบทสนทนาที่ดีมาก ๆ เกิดขึ้นระหว่างความขัดแย้งของตัวละครที่คมคายมาก ๆ ไม่ใช่เพียงระหว่างศัตรู แต่ระหว่างลูกกับพ่อแม่ เพื่อนกับเพื่อน ครูกับศิษย์ คนรักกับคนรัก และแม้ตัวเรื่องมันจะเป็นอะไรที่ดราม่าเชย ๆ แบบที่เราเห็นในหนังสะท้อนสังคมแทบทุกเรื่อง ทว่าบทสนทนาในเรื่องกลับทำให้มันแตกต่างและน่าจดจำอย่างไม่น่าเชื่อ

ที่สำคัญมันไม่ได้แค่ชวนคิดชวนถกเถียงเท่านั้น แต่มันยังเปี่ยมด้วยทัศนคติที่ดี และเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากพอจริง ๆ และสำคัญอย่างยิ่งที่มันไม่ได้ตัดสินตัวละครจากสิ่งที่สังคมให้ค่าเลย ในเรื่องนี้ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอ เด็กก็อาจมีเหตุผลที่ดีกว่าก็ได้ในมุมมองของเขา อะไรเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากในการเป็นหนังสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งในยุคแห่งเหตุและผลเช่นนี้

และแม้จะมีสิ่งดีมากมาย แต่หนังก็มีจุดด้อยสำคัญอยู่ นั่นคือมันไม่ตอบรับความคาดหวังของผู้ชมที่อยากดูหนังบู๊มัน ๆ แรง ๆ แบบลูกผู้ชายตามที่หน้าหนังนำเสนอไว้ได้มากพอ หนังแทบจะตัดส่วนรุนแรงอย่างภาพการตีกันแบบกดข้ามไปเลยด้วยซ้ำ และฉากใหญ่ที่คนรอคาดหวังอย่าง คอนเสิร์ตช็อต ชาร์จ ช็อก ที่เป็นตำนาน ก็แทบไม่คุ้มแก่การรอคอยเท่าไรเลย พอประกอบกับความยาวของหนังที่มากถึง 2 ชั่วโมงครึ่งแบบที่เส้นเรื่องเยอะมาก ใครหวังมาดูหนังแอ็กชันก็น่าจะมีผิดหวังไปพอสมควร แต่ส่วนตัวมองว่าใครที่ดูแล้วเอาข้อด้อยนี้มาตัดสินหนังทั้งเรื่องก็ออกจะใจร้ายไปสักหน่อย เช่นเดียวกับที่ตัวละครในหนังพูดไว้ว่า “เห็นมันเป็นอย่างนั้น ใครทำลงก็เ_ี้ยเกินไปแล้วล่ะ”

และนี่คือสิ่งสำคัญมาก ใครที่กำลังตัดสินใจไปดู ต้องเข้าใจก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแอ็กชันแบบเด็กเกเรตีกันแบบพวกหนังเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่วัยรุ่นกำลังนิยม แต่มันคือหนังดราม่าหนังชีวิตที่เข้มข้นมาก ๆ และความรุนแรงด้านภาพก็ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญเลย เพราะความรุนแรงต่ออารมณ์และความรู้สึกผู้ชมนั้นมันสาหัสสากรรจ์กว่ามาก ๆ ต่อให้เป็นผู้ชายแมน ๆ ยังไง คุณก็มีโอกาสโดนสักฉากในหนังที่ทำเอาน้ำตาร่วงได้แน่นอน นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วจะอยากบอกต่อใครสักคนเลยว่า ของมันดีจริง ๆ

 

สปอยหนัง 4 Kings

องค์ประกอบต่างๆ ใน 4 kings อาชีวะยุค 90’s เต็มเรื่อง อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เพราะยังคงมีช่องว่างและจุดโหว่ปะปนอยู่ตลอดทาง แต่เนื้อหาที่เข้มข้นของหนังก็สามารถช่วยกลบเกลื่อนอุดรอยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผู้ชมมองข้ามไปในบางจุด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของหนังนั้น ถือว่าสอบผ่านและทำดีใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปูเรื่องราวและสร้างมิติให้กับตัวละครต่างๆ

รวมไปทั้งการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เก็บทุกเม็ดของความสภาพสังคมในยุค 90 ที่สัมผัสเห็นได้ถึงงานละเอียดที่ทีมงานและผู้สร้างบรรจงใส่มาทั้งในรูปแบบนามและวัตถุที่้ต้องขอยกนิ้วให้กับการทำการบ้านที่ดีใช้ได้อย่างหนังเรื่องนี้เลย แต่น่าเสียดายที่ในช่วงครึ่งหลังของหนังนั้น ค่อนข้างยืดเยื้อไปนิด ด้วยการใส่นู้นนี่เข้ามามากเกินจำเป็น หากมีการตัดทอนและปรุงแต่งให้กระชับกว่านี้หน่อย ลดไปอีกสัก 10 นาที เชื่อว่าอาจจะดีกว่านี้

 

 

และแน่นอนว่าจุดเด่นหลักๆ ของหนังเรื่องนี้คือทีมนักแสดง ที่ต้องยกย่องและยอมใจในการคัดเลือกแคสติ้งชุดนี้เข้ามาประชันบทบาทอย่างถึงพริกถึงขิง ทีมนักแสดงชายของหนัง 4Kings ถือว่าเป็นทีมคุณภาพชุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ พวกเขาสามารถขับและบิวต์มิติของตัวละครที่ได้รับเป็นอย่างดี นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่หนังเรื่องนี้สามารถได้นักแสดงที่ถ่ายทอดได้เข้าถึงบทแทบจะทุกตัวละคร

เพียงลำพัง “เป้ อารักษ์” อาจจะไม่สามารถพยุงหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องได้ ถึงแม้ว่าการแสดงของเขาจะไม่ได้แย่เลยก็ตาม แต่กลับได้พลังส่งเสริมที่ดีจากเพื่อนๆ นักแสดงสมทบ ไม่ว่าจะเป็น “ภูมิ รังษีธนานนท์” หรือ “อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี” (จ๋าย ไททศมิตร) โดยเฉพาะรายหลัง ถือว่าเป็นการโชว์ศักยภาพทางการแสดงที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก

 

สรุป 4 Kings

หนังยังมี “โจ๊ก-อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ” ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเขาเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทกับคาแรกเตอร์แนวนี้ได้ดีอยู่แล้ว และเขาก็ยังเล่นได้ดีตามมาตรฐาน “ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ” ก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูได้ไม่น้อย โดยเฉพาะซีนอารมณ์ที่เล่นได้ดีถึงกับขนลุก แต่คนที่โดดเด่นสุดๆ ก็ต้องยกให้ “ณัฏฐ์ กิจจริต” ที่อินเนอร์แรง แอคติ้งได้ และทุกซีนที่มีเขาอยู่ด้วยนั้น ขับอารมณ์ออกมาได้ดีถึงใจ

และนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เราสามารถพูดอย่าเต็มปากได้ว่า 4 kings Full Movie อาชีวะยุค 90 เป็นหนึ่งไทยที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ อีกทั้งยังเชื่อเหลือเกินว่า หนังน่าจะมีบทบาทไม่น้อยบนเวทีแจกรางวัลจากสถาบันต่างๆ ในช่วงต้นปีหน้า เพราะอย่างน้อยๆ ทีมนักแสดงของหนังเรื่องนี้ก็คือความโดดเด่นที่ลงตัว เผลอๆ ที่นั่งประจำสาขานักแสดงนำชายและสมทบชายอาจจะถูกจับจองเอาไว้แล้ว

 

 

โดยสรุปแล้วนั้น 4 kings อาชีวะยุค 90 ถือว่าเป็นดราม่าแอคชั่นที่น่าจะมาช่วยลบคำสมประมาทและปรับทัศนคติใหม่ให้กับคนไทยที่มีต่อหนังไทยในยุคหลังๆ และนี่คือหนังไทยที่คนไทยอยากจะเห็นแบบนี้บ้าง แม้ว่าจะมานานๆ ครั้ง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปในทุกๆ องค์ประกอบ แต่จุดเด่นจุดดีของหนังก็ยังมีมากกว่าจุดด้อย เชื่อว่าตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ คนดูจะคุ้มค่าไปกับการเสพเรื่องราวของพวกเขา

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง Detention Netflix อาถรรพ์โรงเรียนเลือด ซีรีส์ไต้หวัน ดัดแปลงจากเกมสยองขวัญในชื่อเดียวกัน เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ก่อนจะกลายมาเป็นซีรีส์ล่าสุดนี้ โดยในส่วนของเวอร์ชั่นภาพยนตร์ จะเป็นเรื่องราวของ ฟานรุ่ยซิง จากในยุค 1962 สำหรับในฉบับซีรีส์ จะเป็นการเล่าในยุค 1990s บอกเล่าเรื่องราวของ หลิวอวิ๋นเซียง ที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนกรีนวูดแห่งเดียวกัน รับชมได้ใน Netflix ทั้งหมด 8 ตอนจบ

 

เรื่องย่อ อาถรรพ์โรงเรียนเลือด

เรื่องย่อ ความตาย การต่อต้าน และความสิ้นหวัง ทั้งหมดเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมของไต้หวันยุคทศวรรษ 1960 เหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างได้ถูกลบกลบไว้ในอาคารร้างของโรงเรียนและถูกสั่งให้ใครก็ตามห้ามเข้าใกล้ จนกระทั่งนักเรียนใหม่คนหนึ่งได้รุกล้ำเขตหวงห้ามและค้นพบความลับที่น่าตกใจในอีกหลายสิบปีต่อมา

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

 

จากเกมแก้ปริศนาแนวสยองขวัญสัญชาติไต้หวันที่ลือชื่อของค่าย Red Candle Games ในปี 2017 ได้รับการกล่าวขวัญในแง่การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและแหลมคม ในการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์เลือด White Terror ของไต้หวันในยุคต่อต้านเผด็จการและการล่าสังหารคอมมิวนิสต์ในช่วงทศวรรษ 1960 มาผสมผสานกับเนื้อหาชวนติดตามกับความลับของตัวละครที่แสนจะดราม่าสะเทือนอารมณ์ แถมยังเวียนวนอยู่กับความเชื่อ ผี ปีศาจที่หลอกหลอนไม่ให้เราได้หลุดพ้นไปจากฉากหลังที่เป็นอาคารร้างในโรงเรียนได้โดยง่าย ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง จะปล่อยตอนใหม่ออกมาเป็นรายสัปดาห์ ยาวจนถึงช่วงสิ้นปี โดยจะมีจำนวนตอนทั้งหมด 8 ตอนด้วยกันซึ่งเนื้อเรื่องจะเล่าผ่านตัวนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ได้ค้นพบกับความลี้ลับสุดดำมืดที่โรงเรียนของเธอซ่อนอยู่ พร้อมเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ถาโถมเข้ามาพร้อมจะเอาชีวิตของเธอ

Detention ฉบับทีวีซี่รี่ส์เป็นผลงานจากการร่วมมือของ Netflix และช่อง PTV ของประเทศไต้หวัน โดยมีดาราแสดงนำคือ Lingwei Lee แสดงเป็น Yunxiang Liu และ Ning Han แสดงเป็น Ruixin Fang

และนอกจากการที่ตัวเกม Detention ถูกนำไปดัดแปลงเป็นซี่รี่ส์ฉบับบคนแสดง ทางทีมผู้พัฒนาอย่าง Red Candle ยังออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าสองเกมของพวกเขาทั้ง Detention และ Devotion ยังถูกบันทึกชื่อไว้ในหมวด “สื่อเอเชียตะวันออกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์” จากมหาวิทยาลัย Harvard อีกด้วย กลายเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จที่ทางค่ายเกมคุณภาพแบบนี้สมควรได้รับอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเหมือนเป็นฟ้าหลังฝนหลังจากประเด็นร้อนที่ทางค่ายต้องเจอจากเหล่าแฟนๆ เกมชาวจีนที่พากัน Review Bomb เกมใหม่ของพวกเขาอย่าง Devotion เนื่องจากภายในเกมมีภาพโปสเตอร์ว่าร้ายประธานาธิบดีของประเทศจีน จนเป็นเหตุให้ในตอนนั้น Devotion ถูกถอนจากร้านค้า Steam เป็นการชั่วคราว

อีกด้านหนึ่ง Detention พาเราย้อนกลับไปในยุค 1960 จะบอกเล่าเรื่องราวของ Fang Ray Shin เด็กนักเรียนความจำเสื่อมที่ติดอยู่ในโรงเรียนร้างแถมยังเต็มไปด้วยปริศนาและเหตุการณ์แปลกๆ มากมายที่ทำให้เธอต้องพยายามเอาตัวรอดออกมาให้ได้ ตลอดเกมก็จะมีการไขปริศนาไปทีละนิดๆ ทำให้เรารู้ว่าเบื้องหลังของ Fang  อาจจะไม่สวยงามอย่างที่คิด

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

 

งานศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ การเล่นแบบมุมมองด้านข้างที่แปลกตา และการเล่าเรื่องสุดซับซ้อน คือความสำเร็จของเกมในปี 2017

ความดีในการเล่าเรื่องที่ดั่งนิยายดี ๆ หรือหนังดี ๆ เรื่องหนึ่ง จึงไม่พ้นที่สุดท้ายมันก็ได้รับการตีความเป็นฉบับหนังโรงจนได้ในปี 2019 ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมในการดัดแปลงวิธีการเล่าเรื่องให้เหมาะสมขึ้นได้ ทั้งยังรักษาความดีของเรื่องเล่าในเกมได้อย่างครบถ้วน และในปีนี้เน็ตฟลิกซ์ก็ได้รับไม้ต่อในการพัฒนาฉบับซีรีส์ของ Detention และความน่าสนใจคือตัวซีรีส์ก็มีวิธีการเล่าที่ฉีกออกไปได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

หากเล่าอย่างรวบรัดถึงความต่าง โดยพิจารณาจาก 2 ตอนแรกของซีรีส์ ที่เห็นได้ชัดคือตัวซีรีส์ได้เปลี่ยนตัวละครนำที่แทนสายตาผู้ชมจากเดิมในฉบับเกมและหนังจะเป็น นักเรียนในยุค 1960 อย่าง ฟาง และ เว่ย ที่ตื่นขึ้นมาในโรงเรียนที่กลายสภาพเป็นอาคารร้าง และสิ่งแปลกประหลาดราวกับมิติสยองขวัญใน Silent Hill ซึ่งต้องหาทางแก้ปริศนาเพื่อออกจากโรงเรียนให้ได้ ในขณะเดียวกันก็จะได้รับรู้อดีตที่หายไปจากความทรงจำของทั้งคู่และคำเฉลยที่กระชากอารมณ์ผู้ชม

 

ฉบับหนังปี 2019 ที่ให้บรรยากาศแบบ Silent Hill

แต่สำหรับซีรีส์ จะพลิกมาเล่าเหตุการณ์ในช่วงปี 2000 ผ่านสายตาของนักเรียนใหม่ที่ย้ายมาจากอังกฤษ และมีอาการผิดปกติเห็นภาพหลอนอย่าง อวิ๋นเซียง ที่ต้องปรับตัวกับการแปลกถิ่นในชนบท ทั้งวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่ฝังอยู่ในการเล่าเรียน ผู้ใหญ่กำหนดกรอบให้เด็กในทุกเรื่องผ่านคำว่า วินัย มีการลงโทษคนที่พฤติกรรมแย่ที่สุดของทั้งชาย-หญิงในห้อง ด้วยการให้แขวนป้ายคอคำว่า มาร ให้เพื่อน ๆ รุมรังเกียจ

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

 

หนึ่งในฉากที่ตัวเอกมาโรงเรียนใหม่ครั้งแรก สะท้อนดั่งการเดินเข้าสู่คุกหรือกรมทหารจากทั้งภาพและเสียง

และการขบถแรกของเด็กหัวนอกอย่างอวิ๋นเซียง คือการแอบขึ้นไปสำรวจเขตหวงห้ามของโรงเรียนอย่างอาคารร้างหานชุ่ย ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามมา ทั้งการได้พบกับนักเรียนเลวของห้องอย่าง เหวินเลี่ยง ที่อยากจะหนีออกจากกรงขังที่เรียกว่าเมืองชนบทไปเมืองหลวง และเลิกสืบทอดกิจการผู้ดูแลศาลเจ้าประจำเมืองของครอบครัวเสียที นอกจากนี้พวกเขายังได้เป็นพยานในการฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนาของรุ่นพี่สาวที่มากระโดดตึกตายต่อหน้าพวกเขา และอวิ๋นเซียงก็เริ่มเข้าไปพัวพันกับวิญญาณในอดีตทีละน้อย อาถรรพ์โรงเรียนเลือด พากย์ไทย

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด จากซีรี่ย์สู่เกม

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง สำหรับใครที่เล่นเกมหรือดูหนังมา จะรู้สึกว่าตัวซีรีส์มีการเล่าที่ดึงดูดน้อยกว่า ฮุกเข้าเรื่องช้ากว่า แต่กลับน่าสนใจในการแทรกรายละเอียดที่เราจะได้เห็นความเกี่ยวเนื่องกับตัวเอกในฉบับเกมและหนังอยู่โดยตลอด ทั้งบ้านที่อวิ๋นเซียงย้ายมาอยู่น่าจะเป็นบ้านหลังเดิมของฟาง ขณะที่ทางเหวินเลี่ยงก็จะต้องดูแลลุงเว่ยที่ดูไม่ปกติมีอาการสั่นกลัวตลอดเวลา นอกจากนี้ภูมิหลังเรื่องครอบครัวของอวิ๋นเซียงก็ยังละม้ายกับฟางมาก และเหตุการณ์ครูหนุ่มหัวทันสมัยก็ยังชูกลิ่นของรักสามเส้าในชั้นเรียนอีกครั้งด้วย

เรียกว่าดึงกลิ่นของเนื้อหาออริจินอลมาใช้ต่อยอดเป็นเสมือนภาคต่อ ที่มีการยั่วล้อคล้ายคลึงของเดิมราวกับเหตุการณ์จะกลับมาซ้ำรอยกรรมอีกครั้งร่ำไป ซึ่งก็น่าสนใจอยู่สำหรับแฟนเดิม แม้ว่ากันตามตรงว่าความสนุกมันยังไม่ค่อยโดนใจนัก เพราะเนื้อหาต้องยืดและปูให้เป็นซีรีส์ยาว และยังไม่เปิดโอกาสให้ซีจีหนัก ๆ ทำงานนัก แต่เท่าที่ใช้แบบง่าย ๆ และโผล่มาแค่ไม่กี่นาทีใน 2 ตอนนี้ก็ได้บรรยากาศหลอนเอาการเหมือนกัน น่าเสียดายว่าผีตัวหลักนั้นยังไม่ค่อยน่ากลัวมากเท่าไร

และสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมดูหนังมาก่อน ซีรีส์นี้ก็ค่อย ๆ หยอดปมสงสัยให้ผู้ชมอยู่เรื่อย ๆ จัดได้ว่าเป็นแนวดราม่าสยองขวัญที่เนิบ ๆ หน่อย อาจจะถูกโฉลกคอหนังที่ชอบรายละเอียดและการแตกแขนงเส้นเรื่องความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในขณะที่สายหวือหวาผาดโผนน่าจะยังไม่โดนเท่าใดนัก เพราะผียังทำงานไม่ค่อยหนัก แถมดูทรงที่เรื่องปูมาในตอนที่ 2 ก็พอจับเค้าลางได้ว่าอาจจะพลิกไปเล่าเรื่องในแบบพวกละครน้ำเน่าความสัมพันธ์ตัวละคร มากกว่าการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อย่างเดิม อาถรรพ์โรงเรียนเลือด pantip

แต่กระนั้นการเปรียบเปรยที่ซีรีส์ใช้ในการเล่าว่าการศึกษาในยุคใหม่ ที่ยังกรอบจำกัดและริดรอนอิสระทางการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ของเด็ก ด้วยวิธีคิดแบบผู้ใหญ่ที่รักในอำนาจและเรียกร้องความเคารพยำเกรงด้วยการข่มขู่ ก็ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เด็กที่รู้สึกต้องการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นนักเรียนเลวอยู่ทุกยุคสมัย และก็อาจเป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่ผู้ใหญ่อาศัยอำนาจในมือทำการริดรอนใบอ่อนทางความคิดของเยาวชนที่กำลังแตกช่อชูสวยงามลง ซึ่งบางครั้งก็เป็นการถอนรากถอนโคนริดรอนชีวิตของเหล่านักเรียนเลวเหล่านั้นลงด้วย น่าสนใจทีเดียว

 

 

เปิดตำนานโรงเรียนสยอง

Detention ดำเนินเรื่องราวในประเทศไต้หวันปี 1960 ในยุคที่ประเทศมีศึกสงครามระหว่างกลุ่มคอมมิวนิสต์จากแผ่นดินใหญ่ และไต้หวันที่ต่อเนื่องยาวนานมาหลายปี มีการประกาศกฎอัยการศึกจัดการผู้เห็นต่างอย่างโหดเหี้ยม นำพาไปสู่เหตุการณ์สยองมากมาย ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Wei Chung Ting และ Fang Rei Shin ที่ต้องติดอยู่ในโรงเรียน Greenwood เนื่องจากมีพายุใหญ่เข้ามาตัดเส้นทางสัญจรจนไม่สามารถกลับบ้านได้ จนกระทั่งเกิดอะไรบางอย่างขึ้นทำให้ Wei ตายไปโดยที่ Rey ไม่ทราบสาเหตุ การเดินทางรอบโรงเรียนผีสิงเพื่อค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเริ่มต้นขึ้น ดูหนัง อาถรรพ์โรงเรียนเลือด พากย์ไทย

หากดูผิวเผินเราจะเห็นว่า Detention ใช้พลอตเรื่องที่มีอยู่ค่อนข้างโหลและใช้กันจนเกร่อในตลาดหนังผีฝั่งเอเชีย ทั้งตัวเอกหญิง เรื่องลึกลับในโรงเรียน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็ต้องบอกว่าจุดหักมุมและการดำเนินเรื่องของเกมนี้นั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ตัวเกมค่อย ๆ เฉลยปมที่ถูกซ่อนเอาไว้ในจิตใจของตัวละครออกมาเรื่อย ๆ และสอดแทรกประเด็นทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในไต้หวันยุคของเจียงไคเช็คที่มีการปราบปรามผู้เห็นต่างในช่วงนั้นอย่างเข้มข้น ผนวกรวมกับความเชื่อทางศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าได้อย่างลงตัว ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นฝั่งเอเชียในบ้านเรานั้น “อิน” กับเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนขอยกให้ Detention เป็นเกมผีที่มีเนื้อเรื่องดีมากเกมหนึ่ง เพราะมันสามารถผนวกรวมเหตุการณ์จริง ความเชื่อทางศาสนา หลอมรวมกับช่วงเวลาชีวิตในวัยเรียนได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวที่เรียบง่ายแต่ลึกล้ำ แสดงให้เราเห็นถึงห้วงความคิดของวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่วุ่นวายได้เป็นอย่างดี นำพาไปสู่ฉากจบที่คาดไม่ถึงได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว

โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องของเกมจัดว่ายอดเยี่ยมมาก มีการวางปมปริศนาที่น่าติดตามและค่อย ๆ เฉลยแบบให้ผู้เล่นรู้สึกอินได้ไม่ยากนัก คนที่ชอบเสพย์และติดตามเนื้อเรื่องนั้นไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

 

อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สปอยหนัง

สิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญมากที่สุดในเกมแนวสยองขวัญก็คือการนำเสนอ เพราะถ้าหากนำเสนอได้ไม่ดีก็จะทำให้ความน่ากลัวที่เป็นจุดเด่นที่สุดของเกมลดลงไปหลายเท่า ซึ่ง Detention ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดเต็มในเรื่องของการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ในเกมได้อย่างน่ากลัวแบบสุด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกะเอาบรรยากาศของโรงเรียนอันเป็นเวทีหลักของเกม ที่เหมือนกับถูกแกะออกมาจากโรงเรียนยุคเก่าที่มีอยู่จริงได้ยอดเยี่ยมมาก ชวนให้ผู้เขียนคิดถึงโรงเรียนประถมในสมัยเด็กขึ้นมาเลย

และโดยปกติโรงเรียนที่ในเวลากลางคืนนั้นดูน่ากลัวอยู่แล้ว ก็ได้รับการเสริมให้ดูน่าขนลุกขึ้นไปอีกจากงานศิลป์ต่าง ๆ ที่ผนวกเรื่องของความเชื่อในเรื่องของศาสนาเข้าไปในเกม เสียงประกอบอันยอดเยี่ยม และจังหวะการใช้ Jump Scare ที่ลงตัวอย่างมาก ขนาดที่ว่าตัวของผู้เขียนเองที่ชินชากับเกมผีมาแล้วยังรู้สึกทึ่งในสิ่งที่ใส่เข้ามาในเกมอย่างมาก อาจเป็นเพราะการนำเสนอที่มาในแบบตะวันออกที่คุ้นเคยนี่เองที่ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั่นเอง

 

 

นอกจากนั้นตัวเกมยังแทรกเกร็ดต่าง ๆ ที่น่าสนใจเข้าไปมากมาย นอกจากเรื่องของความเชื่อทางด้านศาสนาอย่างที่กล่าวไปแล้ว นัยยะทางการเมืองที่มีต่อเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาไต้หวันที่มีอยู่จริงในยุคของเจียงไคเช็คนั้นก็ถูกหยิบมานั้นเสนอแบบไม่ยั้ง แสดงให้เห็นว่าผู้คนในยุคนั้นเจ็บปวดกับกฎอัยการศึกที่ยาวนานเกือบสี่สิบปีนี้อย่างไร รวมไปถึงการปราบปรามคนเห็นต่างด้วยวิธีอำมหิตที่ถูกนำไปผูกกับเนื้อเรื่องได้ยอดเยี่ยม เรียกว่าการนำเสนอในเกมนี้มีการส่งเสริมเนื้อเรื่องให้เด่นชัดซึ่งกันและกันอย่างมากทีเดียว Detention (2020 ซับไทย)

แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่ตัวเกมใช้การนำเสนอในรูปแบบของงานศิลป์สไตล์การ์ตูนสองมิติ ที่อาจจะทำให้มิติของฉากและความชัดลึกของงานภาพนั้นรู้สึกว่าจับต้องได้ยากมากกว่าแบบสามมิติ แม้จะมีงานศิลป์และการสร้างบรรยากาศที่ดูคุ้นเคย แต่บางครั้งผู้เขียนก็รู้สึกว่า ถ้าเป็นการนำเสนอในแบบกึ่ง ๆ สามมิติที่ผสมความชัดลึกในการตัดเข้าฉากต่าง ๆ มาด้วยก็น่าจะทำให้บางจุดดูน่าสนใจมากขึ้น แต่โดยรวมแล้วเป็นเพียงแค่จุดติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง

แฝด สปอยหนัง

แฝด สปอยหนัง

แฝด สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง หากใครที่กำลังตามหาหนังไทยที่มีความหลอนสั่นประสาทอยู่แล้วล่ะก็เราขอแนะนำหนังเรื่อง “แฝด” เลยค่ะ ชื่อภาษาอังกฤษคือ “Alone” เป็นหนังของทางค่าย GTH ในปี 2007 โดยได้ผู้กำกับหลัก คือ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่เคยเป็นผู้กำกับในหนัง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ และได้นักแสดงนำอย่างมาช่า วัฒนพานิช มาเล่นเป็นนางเอกด้วย
แค่ชื่อของผู้กำกับกับนักแสดงมากฝีมือระดับประเทศก็ทำให้อยากดูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะคะ งั้นเราตามไปอ่านรีวิวกันเลยดีกว่าก่อนที่จะดูหนังเต็ม

 

เรื่องย่อแฝด

 

แฝด สปอยหนัง

 

แฝด เรื่องย่อ หนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “พิมพ์” ที่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองไทยหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนที่ประเทศเกาหลี เพราะได้ข่าวการป่วยหนักของแม่ เมื่อได้กลับมาอยู่บ้านเกิดที่จากไปนานหลายปีทำให้อดีตต่าง ๆ ที่เจ็บปวดของเธอเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตกับ “พลอย” แฝดน้องที่ตัวติดกันพลันกลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่เกิด “พิมพ์”กับ “พลอย”ก็เป็นแฝดสยามที่ตัวติดกัน ทุกคนมองว่าพวกเธอเป็นตัวประหลาด แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ยังคงรักกันเสมอ จวบจนโตขึ้นพวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแยกกัน แต่การผ่าตัดผิดพลาดทำให้พลอยเสียชีวิต พิมพ์ที่ได้กลับมาบ้านจึงต้องคอยหลบหนีจากอดีตและวิญญาณของพลอยที่ตามหลอกหลอนโดยไม่รู้สาเหตุ เธอจะสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างเป็นสุขหรือไม่ แล้วแฝดเธอจะหายแค้นได้หรือเปล่า รอชมกัน ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

ความน่าสนใจของหนัง แฝด

แฝด สปอยหนัง มีความน่าสนใจตรงที่ตัวหนังได้ใช้เรื่องราวของแฝดสยามที่มีเพียงไม่กี่คู่ในประเทศไทยมาเป็นจุดที่ดึงดูดคนเข้ามาดูและทำให้เราอยากรู้ว่าเหตุใดแฝดที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตดูรักกันดี เมื่อมีฝ่ายหนึ่งตายไปก็เลือกที่จะมาตามหลอกหลอนราวกับแค้นเคืองแฝดพี่ถึงขนาดนั้น

หนังจะมีสแกรี่จั๊มป์ค่อนข้างเยอะ เล่นกับความสลัวของตัวบ้านหลังใหญ่ได้คุ้มจนหลอนตาม ๆ กันทำเอาเรานอนไม่หลับไปเลยเมื่อนึกถึงฉากติดตามที่ตอนพิมพ์นอนบนเตียงมีขาของผีแฝดน้องห้อยต่องแต่งลงมา โชคดีที่ทุกครั้งพระเอกที่เป็นแฟนพิมพ์ก็มักจะมาช่วยเอาไว้เสมอซึ่งหนังก็จะค่อย ๆ เฉลยตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไปหลังจากที่ปล่อยความกลัวขั้นสุดมากมายจนทำให้เราไม่เข้าใจผีพลอยเลยจริง ๆ ว่าจะแค้นอะไรขนาดนั้น

 

แฝด สปอยหนัง

 

โดยหนังได้มีการเล่าเรื่องย้อนไปถึงตอนที่คู่แฝดเจอพระเอกที่มารักษาขาที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองเมาเข้ารับการผ่าตัดแยกร่างกัน ด้วยความที่พระเอกเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเธอเหมือนคนอื่นทำให้ทั้งคู่สนิทกัน มักใช้เวลาว่างในโรงพยาบาลออกมานั่งเป็นแบบให้พระเอกวาดรูป จากความสนิทจึงทำให้แฝดพิมพ์กับพลอยต่างตกหลุมรักพระเอกเหมือนกัน เฮ้ย!

แต่สุดท้ายพระเอกก็หลงรักพิมพ์ทำให้พลอยเริ่มเกลียดพิมพ์จนสุดท้ายก็กินยาฆ่าตัวตาย หลังการผ่าตัดแยกร่างสำเร็จ พิมพ์ก็ได้ไปเรียนเมืองนอกกับพระเอก แต่เรื่องมันกลับมีจุดพีคอีกชั้นที่บางคนอาจเดาออก แต่ไม่ขอบอกดีกว่า ไม่ดูกันเอาเอง แต่เป็นเราเราเองก็เจ็บปวดแทนวิญญาณแฝดเหมือนกัน พี่น้องทำกันได้

 

แฝด สปอยหนัง

หนัง Alone ได้ให้แง่คิดกับเราว่าความรักและความหลงย่อมทำลายมิตรภาพของมนุษย์ที่รักกันมากได้แม้แต่พี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่เว้น ฉะนั้นเราควรรักทุกคนแบบพอดี อย่ารักมาก ควรรักแบบกลาง ๆ เผื่อใจเพื่อที่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตจะได้ไม่เสียใจในตัวคนที่รักจนไปไหนไม่ได้และเอาแต่ผูกเวรกรรมต่อกัน ให้คิดว่ามันเป็นธรรมดาของจิตใจมนุษย์
แค่ชื่อของผู้กำกับกับนักแสดงมากฝีมือระดับประเทศก็ทำให้อยากดูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะคะ งั้นเราตามไปอ่านรีวิวกันเลยดีกว่าก่อนที่จะดูหนังเต็ม

หนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “พิมพ์” ที่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองไทยหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนที่ประเทศเกาหลี เพราะได้ข่าวการป่วยหนักของแม่ เมื่อได้กลับมาอยู่บ้านเกิดที่จากไปนานหลายปีทำให้อดีตต่าง ๆ ที่เจ็บปวดของเธอเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตกับ “พลอย” แฝดน้องที่ตัวติดกันพลันกลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่เกิด “พิมพ์”กับ “พลอย”ก็เป็นแฝดสยามที่ตัวติดกัน ทุกคนมองว่าพวกเธอเป็นตัวประหลาด แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ยังคงรักกันเสมอ จวบจนโตขึ้นพวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแยกกัน แต่การผ่าตัดผิดพลาดทำให้พลอยเสียชีวิต พิมพ์ที่ได้กลับมาบ้านจึงต้องคอยหลบหนีจากอดีตและวิญญาณของพลอยที่ตามหลอกหลอนโดยไม่รู้สาเหตุ เธอจะสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างเป็นสุขหรือไม่ แล้วแฝดเธอจะหายแค้นได้หรือเปล่า

 

แฝด สปอยหนัง

 

มีความน่าสนใจตรงที่ตัวหนังได้ใช้เรื่องราวของแฝดสยามที่มีเพียงไม่กี่คู่ในประเทศไทยมาเป็นจุดที่ดึงดูดคนเข้ามาดูและทำให้เราอยากรู้ว่าเหตุใดแฝดที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตดูรักกันดี เมื่อมีฝ่ายหนึ่งตายไปก็เลือกที่จะมาตามหลอกหลอนราวกับแค้นเคืองแฝดพี่ถึงขนาดนั้น

หนังจะมีสแกรี่จั๊มป์ค่อนข้างเยอะ เล่นกับความสลัวของตัวบ้านหลังใหญ่ได้คุ้มจนหลอนตาม ๆ กันทำเอาเรานอนไม่หลับไปเลยเมื่อนึกถึงฉากติดตามที่ตอนพิมพ์นอนบนเตียงมีขาของผีแฝดน้องห้อยต่องแต่งลงมา โชคดีที่ทุกครั้งพระเอกที่เป็นแฟนพิมพ์ก็มักจะมาช่วยเอาไว้เสมอซึ่งหนังก็จะค่อย ๆ เฉลยตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไปหลังจากที่ปล่อยความกลัวขั้นสุดมากมายจนทำให้เราไม่เข้าใจผีพลอยเลยจริงๆ ว่าจะแค้นอะไรขนาดนั้น

โดยหนังได้มีการเล่าเรื่องย้อนไปถึงตอนที่คู่แฝดเจอพระเอกที่มารักษาขาที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองเมาเข้ารับการผ่าตัดแยกร่างกัน ด้วยความที่พระเอกเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเธอเหมือนคนอื่นทำให้ทั้งคู่สนิทกัน มักใช้เวลาว่างในโรงพยาบาลออกมานั่งเป็นแบบให้พระเอกวาดรูป จากความสนิทจึงทำให้แฝดพิมพ์กับพลอยต่างตกหลุมรักพระเอกเหมือนกัน เฮ้ย!
แต่สุดท้ายพระเอกก็หลงรักพิมพ์ทำให้พลอยเริ่มเกลียดพิมพ์จนสุดท้ายก็กินยาฆ่าตัวตาย หลังการผ่าตัดแยกร่างสำเร็จ พิมพ์ก็ได้ไปเรียนเมืองนอกกับพระเอก แต่เรื่องมันกลับมีจุดพีคอีกชั้นที่บางคนอาจเดาออก แต่ไม่ขอบอกดีกว่า ไม่ดูกันเอาเอง แต่เป็นเราเราเองก็เจ็บปวดแทนวิญญาณแฝดเหมือนกัน พี่น้องทำกันได้ แฝด เกิดจาก

 

ความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าในตัวเอง แฝด

แฝด สปอยหนัง ชีวิตของพิมและพลอย มีความทุกข์ภาคบังคับ ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เป็นความทุกข์ที่เหมือนกับ นกในกรงใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะมีอิสระ แต่อิสระก็มีขอบเขตอยู่แค่ภายในกรง หากอยากจะไปไหนได้ไกลกว่านั้น ก็จำต้องพึ่งคนเลี้ยงให้ยกกรงพามันไป พิมกับพลอยก็เช่นกัน ชีวิตที่แม้จะมีอิสระเสรี แต่มันก็มีขอบเขต

พิมตาย พลอยก็ต้องตายตาม (ด้วยเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ยิ่งถ้าใช้อวัยวะสำคัญร่วมกันยิ่งตายเร็วขึ้น)ดังนั้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่ง ไม่อนุญาติ ไม่ยอมเดินตาม อีกฝ่ายก็หมดสิทธิจะทำอะไรดั่งใจคิด
เราก็จะเห็นว่า การเป็นแฝดสยาม สิ่งที่ต้องสูญเสียคือ การมีชีวิตเป็นของตัวเอง…โดยธรรมชาติ ตามทฤษฎีทางจิตวิทยา เด็กทุกคนเมื่อโตขึ้นจะต้องผ่านช่วงพัฒนาการที่เรียกว่า autonomy คือความอยากเป็นตัวของตัวเอง และ ความต้องการมีอิสระ( independence ) เด็กเริ่มที่จะแยกจากพ่อแม่โดยพ่อแม่ไม่ต้องตามติดตลอดเวลา เริ่มมีชีวิตส่วนตัว เมื่อผ่านช่วงนี้ไปได้ เด็กก็จะเติบโตเป็นวัยรุ่นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

 

 

แต่พิมและพลอย จะโตเพียงใด ก็ ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้น เชื่อเลยว่า แฝดสยามทุกคู่แม้จะรักกันมากเพียงใด อย่างน้อยในเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ก็ย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงความรู้สึกที่ผุดแวบขึ้นมากับการ ‘อยากเป็นอิสระ’
ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์แบบในหนัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ พิม จะประกาศออกมาชัดเจนถึงความรู้สึกไม่ต้องการอีกฝ่าย ซึ่งแท้จริงแล้ว ในตอนนั้นมันก็อาจเป็นแค่ คำตัดพ้อของเธอเท่านั้นไม่ได้คิดตัดอีกฝ่ายออกไปจริงจัง
แต่คำตัดพ้อนั้น กลับเป็นชนวนเริ่มต้นไปสู่จุดแตกหัก จุดแตกหักที่ทำให้สองตัวละครต้องแยกจากกัน ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นแค่เรื่องของผู้ชาย แต่หากมองเข้าไปภายในจิตใจจะพบ ปัจจัยสำคัญจริงๆ นั่นคือ ความรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง (low self esteem & self worth) ความรู้สึกนี้เองที่เป็นบ่อเกิดเริ่มต้น ที่ทำให้ เธอเริ่มกินยาฆ่าตัวตาย ก่อนจะไปสิ้นสุดที่การทำร้ายพิม

 

แฝด สปอยหนัง

ภาพยนตร์ แฝด ได้ให้แง่คิดกับเราว่าความรักและความหลงย่อมทำลายมิตรภาพของมนุษย์ที่รักกันมากได้แม้แต่พี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่เว้น ฉะนั้นเราควรรักทุกคนแบบพอดี อย่ารักมาก ควรรักแบบกลาง ๆ เผื่อใจเพื่อที่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตจะได้ไม่เสียใจในตัวคนที่รักจนไปไหนไม่ได้และเอาแต่ผูกเวรกรรมต่อกัน ให้คิดว่ามันเป็นธรรมดาของจิตใจมนุษย์
แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ”แฝด”…ก่อนเข้าโรงหนัง น้องคนหนึ่งบอกผมว่า ผมน่าจะชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมีประเด็นทางจิตวิทยาที่น่าจะเข้าทางชอบ ผมเองก็คิดมาก่อนแล้วว่าผมน่าจะชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ ผู้กำกับคู่ดูโอ บรรจง ปิสัญธนะกูล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ จาก ชัตเตอร์ 1ใน 3 หนังผีที่มาชอบมากที่สุด (อีกสองคือ ตู้ซ่อนผี และ Ringu หรือ The ring เวอร์ชั่นญี่ปุ่น)
หนังเริ่มต้นเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

พิม อาศัยอยู่กับคนรักที่เกาหลี ในงานวันเกิดของเธอ เพื่อนๆจัดงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองวันเกิด และ แน่นอน กิจกรรมสุดฮิตในปาร์ตี้คือ การดูหมอ เพื่อนของเธออ่านไพ่ของเธอแล้วบอกเธอว่า เธอเองเป็นคนมีอะไรมักจะเก็บไว้ไม่พูดออกมา ไพ่ทำนายทายทักว่า สิ่งที่เธอสูญเสียไปกำลังจะกลับมาบางสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะกลับมาทวงถามแล้วก็ตามมาด้วยข่าวร้ายที่ว่า แม่ของเธอเส้นเลือดในสมองแตก เธอจึงต้องรีบกลับเมืองไทยพร้อมกับคนรักและที่นั่น คำทำนายของไพ่ ก็กลายเป็นจริง เมื่อ คนดูและ วี – คนรักของเธอ จะได้ไปรู้จักกับอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาเคียงคู่กับพิม นั่นคือ พลอย คู่แฝดสยาม ที่ พิมเล่าให้ฟังว่า เสียชีวิตจากการผ่าตัดแยกร่างเป็นความผิดผม ที่ดันเคยไปอ่านเนื้อหาพล็อตใกล้เคียงประมาณนี้มาก่อนแล้ว ในนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับแฝด(แต่ไม่สยาม) จาก หนังสือ โกธ คดีตัดข้อมือ ที่พูดถึง แฝดคนหนึ่งเข้าสวมรอยชีวิตอีกคนที่ตายไป หนังสือบรรยายให้เราเข้าใจผิดไปเป็นอีกคน ซึ่งทั้งสองคนนั้นมีบุคลิกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แถมตัวเองยังชอบดูหนังผี และ ชอบอ่านนิยายลึกลับเขย่าขวัญสยองขวัญกระตุกขวัญสะเทือนขวัญ …ขวัญฯลฯ

 

 

ดังนั้น ถึงแม้ว่า ก่อนไปดูแฝด ผมพยายามจะไม่อ่านกระทู้ที่เล่าถึงหนังมาก และ ตั้งใจว่าจะไม่พยายามเดาเนื้อเรื่องแล้วก็ตาม แต่เพราะ ยุคสมัยที่หนังผีเฟื่องฟู และ พล็อตหนังผีถูกสร้างมาซ้ำๆหลายต่อหลายเรื่อง คนที่ชอบอ่านหรือชอบดูหนังแนวนี้บ่อยๆก็ย่อมจะ เดาเนื้อหาได้ แม้จะไม่ตั้งใจ

จริงๆ ต้องชมความกล้า ที่ท้าทายคนดู ด้วยคำใบ้ตั้งแต่ตอนต้นๆ แต่หากผู้กำกับคิดจะใบ้ตั้งแต่ต้นเช่นนี้ หนังน่าจะมีปมประเด็นอะไรหลงเหลือไว้บ้าง เหมือนอย่าง The Prestige ที่ผู้กำกับ คริส โนแลน ก็ส่งคำใบ้ให้คนดูตลอดเวลา แต่ ถึงเราจะทายได้ ก็ใช่ว่า จะรู้ทุกอย่างของหนัง เช่นเดียวกันกับ ชัตเตอร์ หรือ ตู้ซ่อนผี ที่แม้ว่าจะเดาได้หนึ่ง แต่หนังก็ยังมีประเด็นซุกซ่อนอีกหนึ่งให้เซอร์ไพรส์ เหมือนมี 2 twist บิดหักมุมให้อึ้งและหลอนทิ้งทวนก่อนเดินออกจากโรงหนัง หรือ หนังบางเรื่องไม่ได้เน้นการหักมุมอย่าง Ringu ก็ยังมีประเด็นที่แอบไว้ให้ประหลาดใจตามรายทาง และ น่าติดตามไปสู่จุดหมายตอนท้าย ด้วยอยากรู้บทลงเอยว่าจะเป็นเช่นไร หรือ One missed call หนังผีโคตรน่ากลัวที่ใส่ประเด็นจิตวิทยาจนดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ดูจบ เราก็ยังมีอะไรให้ต้องมาตีความ เช่นเดียวกับ เปนชู้กับผี ก็ยังมีอะไร ให้เซอร์ไพรส์มีประเด็นให้ขบคิดมาถกกันต่อ ว่าใครเป็นหรือไม่เป็นผี…ถึงแม้ผมจะบ่นผิดหวังในพล็อตเรื่อง แต่ผมชอบ บทที่เล่นกับ “ความเป็นฝาแฝด” ให้เราได้เข้าใจว่า แฝด 037

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

 

สปอยหนัง ภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 The Holy Man III เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ โน้ต เชิญยิ้ม โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นน้อย วงพรู ที่มารับบทเป็น น้อย ในอดีตเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ แต่เมื่อเขาเริ่มอยากพยายามจะหลีกหนีความวุ่นวาย และความจริงที่เขากำลังจะต้องเผชิญ เขาจึงเลือกทางที่หวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ

การบวชเป็นพระ ซึ่งเมื่อเป็นพระแล้วเขาก็ยังเป็นพระที่ขวางโลกและรักความยุติธรรมเช่นเดิม คนต่อมาคืออุ๋ย บูดาเบลส มารับบทเป็น พระประเสริฐ คนต่อมาคือโยกเยก เชิญยิ้ม มารับบทเป็น พระโยกเยก คนต่อมาคือโน้ต เชิญยิ้ม มารับบทเป็น ตาส่ง มัคนายกประจำวัด และคนต่อมาคือเอ็ม บูดาเบลสและแจ็ค แฟนฉัน ที่มารับบทเป็น เด็กวัดตัวแสบ ที่มักจะคอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่ประจำๆ โดยภาพยนตร์เรื่อง หลวง พี่ เท่ ง 3 Netflix 

 

เรื่องย่อ หลวงพี่เท่ง 3

เปิดเรื่องราวมาที่ น้อย ชายหนุ่มที่ในอดีตนั้นเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์มาก่อน แต่ด้วยความที่ในใจเขานั้นอยากจะพบความสงบและพยายามจะหลีกหนีจากโลกรวมไปถึงเรื่องราวความจริงสุดเลวร้ายที่เขานั้นยังไม่พร้อมจะรับมือและหนทางที่เขาเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง จากที่ในอดีตเคยเป็นนักร้องหนุ่ม ปัจจุบันเป็นพระ

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

โดยถึงแม้จะเป็น พระน้อย แล้วเขาก็ยังคงความเป็นตัวเองเอาไว้ เขายังคงขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจาขวานผ่าซากและเป็นคนตรงๆเหมือนไม้บรรทัดอยู่ โดยอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาได้ตัดสินใจมาบวชก็คือเขาเบื่อสังคม เบื่อความแตกแยก แต่ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวัง เพราะขนาดในวัดที่เค้าบวชก็ยังมี เหล่าพระ และเด็กวัดตัวแสบที่มักจะคอยมาสร้างความวุ่นวายใจให้เขาและวัดอยู่เสมอ แล้วเรื่องราวของพระน้อยจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะสามารถ ปรับตัวให้เขากับชีวิตใหม่ได้ไหม ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

การทำภาพยนต์ หลวงพี่เท่ง 3 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง การทำภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญๆ นั้น ผู้กำกับหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะทำ อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ และเมื่อทำออกมาแล้วก็เสี่ยงกับการถูกเซ็นเซอร์จากทาง ก.บ.ว. ตัดในส่วนที่ทางผู้กำกับตั้งใจนำเสนอออกไป เหตุผลเพราะว่า ไม่สมควรที่จะอ้างหรือกล่าวถึงในสถาบันนั้นๆ สถาบันครอบครัวอาจจะไม่เท่าไหร่

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

แต่ถ้าเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน “ศาสนา” ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม “โน้ต เชิญยิ้ม” ผู้กำกับดาวตลกมือทองของไทยเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง “หลวงพี่เท่ง 3” ผ่านกองเซ็นเซอร์ ก็ถึงกับน้ำตาไหล ที่รอดพ้นกรรไกรจากกองเซ็นเซอร์อย่างหวุดหวิด ก็อย่างที่บอก ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระเกี่ยวกับศาสนาทำง่ายซะที่ไหน!!

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

หลวงพี่ เท่ ง 2 ปัญหาจากกองเซ็นเซอร์ที่ผ่านไปก็คงเหมือนการยกภูเขาออกจากอก เพราะก่อนหน้านั้นปัญหาในการหาตัวนักแสดงที่จะมาเล่นเป็น “หลวงพี่เท่ง” ในภาคนี้ก็สาหัสสากรรจ์ไม่แพ้กัน เพราะติดปัญหาบางประการที่จะเอาพระเองตลกอย่าง “เท่ง เถิดเทิง” มาเล่นได้ ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแล้วในภาคที่สอง ในภาคนั้นแก้ปัญหาโดยการให้ “โจอี้บอย” มาเล่นแทน ส่วนภาคนี้แก้ปัญหาโดยให้ “น้อย” วงพรู มาเล่น

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

 

หลวงพี่เท่ง 3 เป็นเรื่องราวของ “น้อย” (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และความจริงที่ตนเองได้รับ โดยหนทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้น คือการบวช แต่ “พระน้อย” ยังคงเป็นตัวของตัวเอง เป็นพระที่ขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงเหมือนไม่บรรทัด ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อคนไทยไม่รักกัน เบื่อความแตกแยกแต่เส้นทางในชีวิตเส้นนี้ไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่บวช ยังมี “พระประเสริฐ” (อุ๋ย บูดาเบลส), “พระโยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม), “ตาส่ง” (โน๊ต เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัด และเด็กวัดตัวแสบอีก 2 คน

 

หลวงพี่เท่ง 3 สปอยหนัง

ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้นพระน้อยยังต้องพบกับเหตุการณ์อลหม่านป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกแก๊งขโมยเศียรพระอีกต่างหาก งานนี้พระน้อยจะสงบเหมือนดังที่หวังไว้หรือไม่ต้องเข้าไปติดตามเองครับ ก่อนอื่นผมขอปรบมือดังๆให้กับ คุณโน้ต เชิญยิ้ม ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สามารถนำเรื่องของศาสนามาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ถึง 3 ภาคแล้วและโดยเฉพาะภาคนี้ แม้ว่ามุขตลกในเนื้อเรื่องทั้งหมดยังคงเท่าๆเดิมหรืออาจจะมากกว่านิดหน่อยแต่สิ่งที่เห็นชัดๆเลยคือเรื่องการสอดแทรกในเรื่องของ “ธรรมะ” ที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้มากขึ้นกว่าสองภาคที่ผ่านมาและคำสอนต่างๆก็กลมกลืนไปกับบทหนัง

ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดในหลักคำสอนต่างๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าจากประสมการณ์สองเรื่องที่ผ่านมา ทำให้คุณโน้ตเห็นจุดบกพร่องต่างๆ และนำมาแก้ไขปรับปรุงจนเกือบจะเข้าที่ได้ในภาคนี้ การโน้มนาวให้คนดูเชื่อในคำสอนของศาสนาหรืออย่างน้อยก็ผ่านหูผู้ดูให้คิดตามได้ คุณโน้ตก็ทำได้อย่างแนบเนียน เนื้อเรื่องที่ไหลไปตามเหตุการณ์ต่างๆ เกือบดีแล้ว ถ้าไม่มีฉากที่ต้องการแสดงมุข อย่างฉากนักมวยซึ่งไม่มีก็ได้เข้าใจว่าต้องการเล่นมุขมากกว่าในฉากนี้ หรือในฉากที่เด็กวัดตัวแสบสองคนนอนแช่อยู่ในน้ำแล้วคุยกัน ไม่ต้องมีก็ได้ ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้หนังเสียแต่ก็เขาใจว่าต้องการเล่นมุขก็ไม่ว่ากัน มีอยู่ฉากเดียวที่ผมคิดว่าเป็นฉากที่แย่มากๆ หลวงพี่เท่ง 3 037

 

 

ก็คือฉากที่มีหมอทำขวัญนาคทั้งสามคน ออกมาแหล่ขวัญนาคโดยพูดถึงพ่อแม่ของนาคในทางที่ไม่ดี ผมว่าทางผู้สร้างต้องการเล่นมุขตลก แต่มุกนี้ไม่ตลกเลยมุกนี้เล่นเอาพ่อแม่มาว่าในงานมงคลของลูกถึงแม้ว่าเรื่องที่หมอทำขวัญนากกล่าวออกมาจะเป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่สมควรเอามาพูดในงานบวชเช่นนี้ฉากนี้ไม่ตลกเลยแถมแย่มากอีกต่างหาก ส่วนเรื่องธรรมมะที่แทรกเข้ามาตั้งแต่ต้นเรื่องและแทรกมาเรื่อยๆ จนถึงจบเรื่องก็ยังมีคำสอนอยู่ อันนี้ดีครับอันนี้เห็นด้วยมากๆ เลย ในเรื่องของการแสดง ผมว่าคุณน้อย แสดงเหมือนพระโรคจิตจัง แต่แค่เหมือนเฉยๆนะเพราะในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่า คุณน้อยเป็นโรคจิต เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ขวางโลก และอาจจะพูดตรงไปสักหน่อย เวลาพูดมักใส่อารมณ์ ดูแล้วทำให้นึกถึงคาแร็คเตอร์ในตอนที่คุณน้อยเล่นเรื่อง “13 เกมสยอง” เลยเหมือนจริงๆในบทของพระประเสรินั้น จะเรียกเสียงฮาเสียมากกว่า แต่ผมว่าคุณอุ๋ยเล่นดีนะครับเหมือนเป็นพระจริงๆ ส่วนพระเด๋อ หรือ หลวงตาเชื่อมนั้น ยังไม่สำรวมเท่าไหร่

 

เรื่องราวของหนัง หลวงพี่เท่ง 3

หลวงพี่เท่ง 3 สปอย สำหรับหลวงพี่เท่ง 3 นี้ มี “น้อย วงพรู” มารับบท “พระน้อย” หนังเปิดเรื่องด้วยคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคนหน้าเหมือนทีมชิงร้อยฯ หม่ำ เท่ง โหน่ง ตุ๊กกี้ และ อุ๋ย บุดดาเบลส ที่แต่งหญิง กำลังเล่นตลก เรียกเสียงฮาให้กับบรรดาเสี่ยๆ ที่มาใช้บริการ มุกแรกนี้มีฮาบ้าง แต่ทว่าดูเหมือนว่าพอเห็นว่าตลกก็ปล่อยนาน จนกลายจากฮา มาเป็นความจืด และมาปิดฉากที่ “น้อย โพธิ์งาม” ที่รับบทแม่ของ “เซิร์ช” มานั่งพร้อมกับเครื่องบายศรี เพื่อต้องการให้ลูกชายบวชเรียน และอุ๋ยบอกแม่ว่า จะบวชให้..และเมื่อถึงเวลาบวช มุกก็ถูกปล่อยมาอีกครั้งอย่างที่เห็นในหนังตัวอย่าง ที่อุ๋ยต้องถูกลงแป้งจนขาวโพลน ก็ไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็นการล้อเล่นกับศาสนาหรือเปล่า?

กระทั่งถึงคราวแห่นาค ก็นำ “ซูซี่ ตีสิบ” มานำขบวนโห่ ซึ่งซูซี่มีบทบาทแค่นี้จริงๆ น้อยกว่า “ยายแหวว ตีสิบ” ที่ยังพอมีบทบาทคู่กับจตุรงค์ ม๊กจ๊กกับการโต้คารมกันทุกเช้าเวลาใส่บาตรให้กับหลวงตาเชื่อม ซึ่งถ้าจะดูกันจริงๆ แล้ว ทั้งซูซี่ ทั้งยายแหวว ความจริง ไม่จำเป็นเลยสำหรับในหนัง แต่น่าจะเพราะมาจากรายการตีสิบทั้งคู่ จึงเหมือนนำมาเพื่อปั่นกระแสกะให้ดังเหมือนโปงลางฯ

 

 

และระหว่างที่ เสริฐ บวชนี่เองที่ “น้อย วงพรู” มาเห็นจึงอยากบวชบ้าง กลายเป็นว่า ครั้งนี้มีพระบวชใหม่ 2 รูป คือ พระประเสริฐ หรือเจ้าตัวเรียกร้องให้เรียก พระ Search (เซิร์ช) และ พระน้อย

การทำภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญๆ นั้น ผู้กำกับหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะทำ อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ และเมื่อทำออกมาแล้วก็เสี่ยงกับการถูกเซ็นเซอร์จากทาง ก.บ.ว. ตัดในส่วนที่ทางผู้กำกับตั้งใจนำเสนอออกไป เหตุผลเพราะว่า ไม่สมควรที่จะอ้างหรือกล่าวถึงในสถาบันนั้นๆ สถาบันครอบครัวอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน “ศาสนา” ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม “โน้ต เชิญยิ้ม” ผู้กำกับดาวตลกมือทองของไทยเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 1

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

 

สปอยหนัง ผลงานกำกับของ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ และ ภูวนิตย์ ผลดี (สองผู้กำกับจาก โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง ที่ออกฉายไปเมื่อปีพ.ศ. 2560)
ดูแลการผลิตโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ รับชมได้แล้วทาง Netflix

ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นค่ายหนังไทยที่กล้าผลิตหนังแนวทางใหม่ ๆ มาสร้างความคึกคักให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จนต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ GMM ก็ยังได้ผลิตผลงานคุณภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกับ Mono Films ทำค่าย T-Moment ที่แม้จะมีหนังแค่ 3 เรื่องถ้วนได้แก่ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตรก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง

และหลังเปิดตัวความร่วมมือล่าสุดกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ และถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป็นทางการของคนตระกูลวรลักษณ์ ทั้งวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิศรุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดและผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายชิมลางก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังสแลชเชอร์คอมเมดี้เรื่องนี้นี่เอง หนังไทยมาใหม่

 

เนื้อเรื่อง บอสฉัน ขยันเชือด 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด หนังเล่าเรื่องราวของเหล่าพนักงานบริษัทนกกระทาคู่ เมื่อ เมษา, โบกี้ และ หลิน สามสาวแห่งทีมมาร์เกตติ้งของบริษัท ได้แอบไปล่วงรู้เรื่องราวความลับอันดำมืดของ คุณต้น บอสใหญ่ของพวกเขาว่าน่าจะเป็นฆาตกรโรคจิตฆ่าต่อเนื่องที่ออกตามล่าฆ่าพนักงานสาวออฟฟิศ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว พวกเธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร ปฏิบัติการขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความจริงที่แสนระทึกจึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมี ดร. อัง เป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง

ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตคู่หูยูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นต้องใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทผลิตเสื้อยืด แต่หลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอรวมถึง หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอเปิดเผยว่าคุณต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกเธอจึงต้องหาทางพิสูจน์ความจริงก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป บอสฉันขยันเชือด เรื่องย่อ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

หนังได้ ภูวนิตย์ ผลดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ มาร่วมกันรังสรรค์เรื่องราวแนบสืบสวนสอบสวนคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากพิจารณาจากไอเดียตั้งต้นที่มันตั้งใจหยอกล้อกันระหว่างงานออฟฟิศที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับเจ้านายอย่างคุณต้นก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
อีกทั้งการได้มุกดานักแสดงสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีพระเอกเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ แค่นี้ตัวหนังก็สามารถเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

ข้อสังเกตประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยคือการปูความสัมพันธ์ของตัวละครโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามตรงว่าแม้ฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ แต่กว่าหนังจะมาปูความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ปาไปองก์สองของหนังแล้ว ที่สำคัญความขัดแย้งของทั้งคู่ยังนำเสนอออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ง้องแง้งกันมากกว่า และยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยตัวละครเพื่อนสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวเท่าไหร่เข้าไปอีก
ประการต่อมาคือการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตคนดูอดคาดหวังไม่ได้เลยว่าตัวหนังควรออกมาระทึกและมีคนตายรายทางจนสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งเรื่องการฆาตกรรมเป็นเพียงอดีตที่เกิดขึ้นนานนับปีแค่ศพเดียว แล้วหนังก็เสียเวลาจับแพะชนแกะรายทางเอาทั้งความสงสัยแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร จงวิลาส) จนเราอดสงสัยในระดับสติปัญญาของนักสืบ 3 สาวไม่ได้เลย ที่สำคัญคือจุดหักมุมของมันก็มาในแบบจับยัดมากกว่าจะมีการปูปมนี้มาแต่ต้นไปอย่างน่าเสียดาย

ประการสุดท้ายเลยคืองานกำกับของหนังยังไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกตามตัวละครหรือสถานการณ์ในเรื่อง ทั้งที่หนังมีฉากที่เอื้อต่อการทำให้คนดูตามติดและอกสั่นขวัญแขวนได้เพียบทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปจนถึงไคลแมกซ์ของหนังที่แม้จะทำให้คนดูได้หัวเราะและสนุกสนานบ้าง แต่จังหวะของมันก็เอื่อยจนผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ ทั้งการกำกับการแสดงที่เหมือนผู้กำกับเองก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ตัวละครรีแอ็กกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไงจนดูประดักประเดิด มุกที่ให้หลินฮุ่ยเอาตัวชนกับฆาตกรก็ดูเป็นมุกสังขารที่เกินความเข้าใจไปหน่อยจนมันดูกระอักกระอ่วนเกินจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ครับ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

แต่กระนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีมาก ๆ แต่ดันมาตอนจบคือคำพูดของฆาตกรที่ว่าด้วยสังคมการทำงานแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นสายที่เอาคนรู้จักหรือมีความสัมพันธ์เข้ามาทำงานด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหากหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทยที่มีบทหนังวิพากษ์สังคมการเมืองที่ทำงานที่เฉียบคมมาก ๆ อย่างไรก็ดีหากใครจะเข้าไปเสพหนังสนุก ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็ถือว่ายังตอบโจทย์อยู่ดีครับ
บอสฉันขยันเชือด (My Boss is a Killer) ภาพยนตร์เรื่องแรกจากค่าย TAI Major ของคุณ วิสูตร และ วิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งแต่เดิมได้วางกำหนดการฉายเป็นวันที่ 28 มกราคม 2564 แต่ต้องถูกพิษโควิด-19 ที่ระบาดรอบใหม่สังเวยไป จนต้องเลื่อนโปรแกรมฉายมาเป็น 1 เมษายน 2564 แทน บอสฉันขยันเชือด pantip

 

ความรู้สึกหลังดูจบ บอสฉัน ขยันเชือด

หนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยสนุกเลยฮะ เดินเรื่องวนเวียนไม่ไปข้างหน้าซะที และด้วยความยาวหนังประมาณ 2 ชั่วโมงจึงกลายเป็น 2 ชั่วโมงที่อืดอาดยืดยาดมาก แถมปูมหลังของตัวละครที่พยายามสอดแทรกเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้หนังมันเมคเซนต์อะไรเท่าไหร่นัก

ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวผู้กำกับเองหรือได้โจทย์มาจากทางค่ายนะฮะ ถึงได้ตีความและเล่าหนังออกมาในทิศทางแบบนี้ คือหนังไม่มีความชัดเจนในแนวทางใดแนวทางหนึ่งเลย เราจึงได้เห็นว่าหนังมีทั้งความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังตลก (จุดนี้จะเห็นได้ตั้งแต่โปสเตอร์แล้วที่ทำให้คนดูรับรู้ว่านี่เป็นหนังตลกนะ) แต่มันก็ไม่ตลกเลย มุกแป๊กมาก ก็มีบางซีนที่พอให้ขำ หึหึ ได้บ้างแต่จากที่สังเกต คนดูทั้งโรงก็ไม่ได้ หึหึ กันทุกคนนะ

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

 

หนังมีทั้งความ “พยายาม” จะเป็นหนังตลกร้ายจิกกัดสังคมแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ถึง ทั้งๆ ที่เรื่องราวในแวดวงพนักงานออฟฟิศ มีอะไรให้เอามาเล่นได้อีกเยอะ แต่หนังก็ไม่เอามาเล่น (แค่แตะๆ พอให้เห็นว่ากำลังเล่าเรื่องของพนักงานบริษัทอยู่นะ)

และสุดท้ายหนังยังมีความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญหักมุม ซึ่งในพาร์ทนี้แมวโอเคนะ โดยเฉพาะในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเนี้ย ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย เพียงแต่ว่ามันถูกความอืดอาดยืดยาดน่าเบื่อที่ทำให้มีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่หนังจะจบครอบงำมาเกือบทั้งเรื่องแล้ว พอมาถึงจุดไคลแมกซ์อารมณ์มันเลยไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น

 

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด

สิ่งที่ต้องขอชมเชยมากที่สุดสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือการแสดงของคุณ ดีเจเผือก ฮะ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการและศักยภาพทางด้านการแสดงของเขาอย่างชัดเจนเลยฮะ สามารถทำให้เรา “เชื่อ” ในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อกับเราได้
หนึ่งในหนังไทยกองทัพใหญ่ที่จะเรียงคิวฉายต่อเนื่องในเดือนเมษายนนี้ ก็คือ “บอสฉัน..ขยันเชือด” หรือมีชื่อภาษาอังกฤษเก๋ๆ ว่า My Boss is a Serial Killer ที่ถือว่าเป็นหนังที่ประเดิมเปิดค่าย ไท เมเจอร์ ของ คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่เดิมจะออกฉายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่เพราะโควิด-19 ยังเล่นอยู่ ก็ได้เลื่อนฉายมาเรื่อยๆ และลงตัวในช่วงใกล้เทศกาลวันสงกรานต์แบบนี้ บอสฉันขยันเชือด วิกิ

บอสฉัน..ขยันเชือด มาพร้อมกับเรื่องราวชวนพิศวงในออฟฟิศ เมื่อแก๊งหนุ่มสาวอยู่ๆ ก็ไปแอบล่วงรู้ความลับของเจ้านายตัวเองว่า บอสใหญ่ของพวกเขาเคยมีอดีตเป็นฆาตกรโรคจิตต่อเนื่อง แล้วเรื่องนี้จะแอบอยู่เฉยได้อย่างไร เมื่อออฟฟิศลุกเป็นไฟ ปฏิบัติขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความลับอันแสนระทึกที่มาพร้อมกับความสนุกและเสียงหัวเราะจึงได้เกิดขึ้น

 

 

ก่อนอื่นใดก็ต้องยอมรับเลยว่า My Boss is a Serial Killer นับว่าเป็นหนังไทยที่ค่อนข้างมีสไตล์ที่แปลกและแหวกแนวจากหนังไทยเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมา เราไม่ค่อยจะได้เห็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนแกมตลกโปกฮา กลิ่นอายคล้ายๆ กับนิยายของ ‘อกาธา คริสตี’ อะไรทำนองนั้น แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในท้ายที่สุด หนังไทยเรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถตีโจทย์และถ่ายทอดเรื่องราวที่หนังควรจะเป็นได้ออกมาได้ถูกที่ถูกทางในแบบที่ควรจะเป็น

กลายเป็นว่า บอสฉัน..ขยันเชือด จะเป็นหนังสืบสวนสอบสวนก็ไปไม่สุดทาง จะเป็นหนังตลกก็แทบไม่มีอะไรให้หัวเราะ หรือจะเป็นหนังฆาตกรรมเขย่าขวัญหักมุมก็ยังไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาของหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นความสะเปะสะปะ หากเปรียบเป็นเมนูอาหารสักชามหนึ่ง ก็เป็นแกงที่ค่อนข้างจืด เผลอๆ เกือบจะไม่มีรสชาติอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

โครงเรื่อง บอสฉัน ขยันเชือด

รีวิวบอสฉัน ขยันเชือด โครงเรื่องของหนังค่อนข้างน่าสนใจ แต่กลับตีความและตีโจทย์ออกมากับบทหนังที่อ่อนปวกเปียกที่เป็นปัญหาหลักๆ ของหนังไทยส่วนใหญ่ บทของหนังเรื่องนี้ไม่สามารถสร้างมิติใดๆ ได้เลย ถึงแม้ว่าจะเห็นถึงความพยายามมากๆ แล้วก็ตาม แต่ที่ส่งออกมาถึงคนดูกลายเป็นความไม่ลงตัวอะไรเลยสักอย่าง กลายเป็นหนังที่แค่…ดูได้เรื่อย แอบน่าเบื่อไปสักหน่อย ถึงจะได้ทีมนักแสดงที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว
ทีมนักแสดงชั้นนำในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “ก้อง สหรัถ”, “ไอซ์ ปรีชญา”, “มุกดา นรินทร์รักษ์” หรือ “เผือก พงศธร” พวกเขาต่างทำหน้าที่การแสดงของตัวเองได้อย่างเต็มที่และค่อนข้างโดดเด่นดี โดยเฉพาะ น้องมุกดา ที่ออร่าเฉิดจรัสในหนังเรื่องนี้มาก เมื่อผนวกขึ้นจอคู่กับ ไอซ์ ยิ่งส่งเสริมให้คนดูจับตาจอได้เป็นอย่างดี แต่การแสดงของพวกเขากลับไม่ช่วยอะไรเลย เพราะความอ่อนของบทหนังที่เหมือนหลงทางอยู่เรื่อยๆ

 

 

ตลอดความยาว 2 ชั่วโมงของหนัง มีทั้งมุมที่น่าติดตามและมุมที่น่าหงุดหงิด หนังมีการปูเรื่องออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แต่อยู่ๆ ก็ทิ้งเอาไว้กลางทาง และการจับนู้นโยงนี่ใส่เข้ามาแบบไม่สนใจความสมเหตุสมผลเลยสักนิด แน่นอนว่าหนังมีประเด็นหักมุมและฉากที่ไม่คาดคิด แต่แล้วยังไง…เพราะสุดท้าย หนังเรื่องนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรที่น่าจดจำเลยสักนิดเดียว บอสฉันขยันเชือด เต็มเรื่อง พากย์ไทย

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

 

 

ความจริงชื่อของอีเรียมซิ่งผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในโปรแกรมมาตั้งแต่ต้นปี 2020 แล้วและนี่น่าจะเป็นหนังไทยตกค้างมาจากช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อตอนต้นปีที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยมากที่สุดแล้ว และหลังจากที่เลื่อนไปมาจนลงตัวในที่สุดเราก็จะได้เห็นเบลล่า ราณี แคมเปน ในมาดอีเรียมวีรสตรีแห่งบางน้ำกร่อยกันแล้ว สปอยหนัง

เนื้อเรื่อง อีเรียมซิ่ง

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง เมื่อโจรปากแดงสุดโฉดออกล่าพรหมจรรย์สาว ๆ เพื่อความเป็นอมตะ และจุดหมายของมันคือ อีเรียม (ราณี แคมเปน) สาวแสบแห่งบางน้ำกร่อยที่ต้องรวบรวมความกล้าและของดีของหลวงพ่อไปช่วยแม่และแรม (ณปภา ตันตระกูล) พี่สาวกุลสตรีแสนเรียบร้อยของนาง

แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง (เดียร์ริส สุภัทรภณ กสิกรรม) เพื่อนกะเทยร่วมเรือน, ศรฆ้อนมหากาฬ (น้าค่อม ชวนชื่น), โตโล่บิน (โรเบิร์ต สายควัน) และ หมอ (บอล เชิญยิ้ม) หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่ หนังไทยมาใหม่

 

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

 

เมื่อโจรปากแดงสุดโฉดออกล่าพรหมจรรย์สาว ๆ เพื่อความเป็นอมตะ และจุดหมายของมันคือ อีเรียม (ราณี แคมเปน) สาวแสบแห่งบางน้ำกร่อยที่ต้องรวบรวมความกล้าและของดีของหลวงพ่อไปช่วยแม่และแรม (ณปภา ตันตระกูล) พี่สาวกุลสตรีแสนเรียบร้อยของนาง แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง (เดียร์ริส สุภัทรภณ กสิกรรม) เพื่อนกะเทยร่วมเรือน, ศรฆ้อนมหากาฬ (น้าค่อม ชวนชื่น), โตโล่บิน (โรเบิร์ต สายควัน) และ หมอ (บอล เชิญยิ้ม) หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่ ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจในตัวหนังอย่าง อีเรียมซิ่ง คงหนีไม่พ้นบรรดามุกกาว ๆ สไตล์หนังผจญภัยตลกและการได้เห็นเบลล่า ราณีมาทำหน้าเป็นและเล่นมุกสไตล์ตลกคาเฟ่พร้อมเสริมทัพด้วยบรรดานักแสดงตลกขาประจำทั้งน้าค่อม คุณโรเบิร์ต สายควันและคุณบอล เชิญยิ้มที่เห็นหน้าก็การันตีได้เลยว่าหนังต้องสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้แน่นอน แต่ผิดคาดเราไม่แน่ใจว่าด้วยความที่หนังออกฉายช้าหรือตัวหน้งจริงมีปัญหาการถ่ายทำอะไรหรือเปล่าถึงทำให้มันออกมาเป็นต้มยำที่ไม่จี๊ดจ๊าดและดูจืดชืดเกินไปหน่อย

ปัญหาแรกต้องยอมรับเลยว่าตัวบทหนังดูจะยังไม่สามารถทำให้เรารักอีเรียมได้มากพอจะเอาใจช่วยนางเท่าไหร่นัก คือจากตัวอย่างเราเห็นเรียมเปิ่นฮาและก๋ากั่นยังไงตัวหนังจริงก็ไม่ได้ให้อะไรเรามากกกว่านั้นสักเท่าไหร่ และยิ่งการให้เบลลาเล่นมุกตลกแบบรวมฮิตทั้งมุก “ท่านเกียรติผู้มีแขก” มุกปักตะไคร้ หรือบรรดามุกสังขารต่าง ๆ ก็ทำให้เบลลาดูเป็นหุ่นยนต์ก๊อปปี้มุกตลกมากกว่าจะสร้างเสน่ห์ให้เธอเหมือนอย่างบทแม่การะเกดในบุพเพสันนิวาส แม้ว่าต้องยอมรับว่าเธอก็เล่นตลกแบบไม่ห่วงสวยจนสร้างความครื้นเครงให้หนังได้อยู่บ้างก็ตามส่วนปัญหาต่อมาแม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์การเป็นหนังผจญภัยสไตล์นิยายเพชรพระอุมาที่มีทั้งจระเข้ยักษ์

 

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

 

งูเห่าเพลิง มีคาถาอาคมแต่ด้วยคุณภาพงานสร้าง CG ต่าง ๆ ที่ทำได้ไม่ถึงพอมันอยู่ในหนังก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรนักและด้วยจังหวะหนังที่เหมือนถูกบังคับท่าไม้ตายให้เป็นหนังตลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบมันเลยถูกนำเสนอแบบขอไปที แถมยังต้องเจียดเวลาของหนังมาให้น้าค่อม โรเบิร์ตสายควันและบอล เชิญยิ้ม ได้เล่นมุกสังขารปากบวมตัวบวมอะไรอีก จนฉากผจญภัยที่ควรสร้างความตื่นเต้นหมดพลังไปอย่างน่าเสียดาย

แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สนุกไปกับมันอยู่บ้างโดยเฉพาะการมีอยู่ของแพท ณปภา ตันตระกูล ที่สามารถฉายเสน่ห์ในมุกโดนวางยาว่านราคะที่ทั้งเซ็กซี่และฮาสุด ๆ รวมไปถึงมุกบีตบ็อกซ์ที่ต้องยอมรับเลยว่าขโมยซีนเบลลาเห็น ๆ แถมการปรากฎโฉมของแพทในชุดเกาะอกแบบไทย ๆ ยังน่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว ดูหนังอีเรียมซิ่ง netflix

และอีกส่วนที่ดีงามมากของหนัง อีเรียมซิ่ง คือคอนเซ็ปต์ของการแอบหยอกหนังนอกทั้งดนตรีประกอบฉากที่อีเรียมเตรียมไฝ่ว์นี่อย่างกับดนตรีในเทรลเลอร์ Wonder Woman 1984 หรือการคิดคอนเซ็ปต์ให้บรรดาแก๊งน้าค่อม คุณโรเบิร์ตและคุณบอลได้กลายเป็น Thor, Captain America และ Doctor Strange แบบเพี้ยน ๆ ก็เรียกเสียงฮาได้ดีเลยทีเดียว และเป็นจุดแข็งแรงที่ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของนักแสดงตลกทั้ง 3 ท่านที่ถือเป็น MVP ที่ทำให้หนังอย่าง อีเรียมซิ่ง ยังคงมีความสนุกอยู่บ้าง

 

อีเรียมซิ่ง หนังใหม่ไทยที่มาพร้อมกับความฮา

อีเรียมซิ่ง เป็นภาพยนตร์ไทยซึ่งอันที่จริงต้องเข้าฉายไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นๆ แต่เพราะพิษ Covid-19 ทำให้ต้องเลื่อนฉายมาจนป่านนี้ และกลายเป็นงานภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของพี่โรเบิร์ต สายควัน ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ และหากใครกำลังมองหางานที่จะรับชมเพื่อ Tribute ให้แก อีเรียมซิ่งก็สามารถเป็น 1 ในตัวเลือกนั้นได้อย่างไม่ยากไม่เย็น แต่ถ้าจะไปดูเอาสนุก เอาบันเทิงตามที่หน้าหนังได้โฆษณาไว้… อีเรียมซิ่งก็ยังเป็นคำตอบที่ใช่อยู่ดี เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยฮาจัดส่งท้ายปีที่สามารถไปดูกันได้โดยไม่ติดขิดตะขวงใดๆ

อีเรียมซิ่ง เป็นผลงานกำกับลำดับที่ 4 ของผู้กำกับ “ตุ๋ย” พฤกษ์ เอมะรุจิ ถัดจาก ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ และ ไบค์แมนทั้ง 2 ภาค ซึ่งส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าแกเป็นเหมือน Legacy ของ “ยอร์ช” ฤกษ์ชัย พวงเพชร อดีตผู้กำกับดังที่ตอนนี้ก็นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ค่าย “รฤกษ์” ซึ่งทำหนังเรื่องนี้นี่แหละ เนื่องจากพวกจังหวะยิงมุกหรือการคัทฉากเพื่อให้เกิดเป็นซีนลั่นๆ ขึ้นมานี่คล้ายสไตล์ของคุณยาร์ชสมัยทำหนังซีรีส์ “ส่ายหน้า” มากๆ อี เรียมซิ่ง 037

 

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

 

และด้วยความที่ผมค่อนข้างซื้อมุกสไตล์นี้อยู่พอสมควร เลยค่อนข้างไฮป์ตอนไบค์แมนภาคแรกมากๆ แม้ภาค 2 จะดรอปมาหน่อยแต่ในภาพรวมผู้กำกับพฤกษืก็ยังไม่สิ้นเครดิตในสายตาผมนัก และผมยินดีจริงๆ ที่อีเรียมซิ่งเหมือนเป็นงานคืนฟอร์มเบาๆ ของแกอีกครั้ง แม้เนื้อเรื่องกับพล็อตจะธรรมดาไปหน่อย แต่การเล่าเรื่องที่จงใจให้คอนทราสต์กับยุคสมัยและการรัวมุกจากดาวตลกและดาราสายฮาระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็ช่วยให้อีเรียมซิ่งกลายเป็นเมนูธรรมดาที่อิ่มอร่อยไปโดยปริยาย

อีเรียมซิ่ง เป็นหนังตลกที่มาแรงมากมาก เข้าฉายเพียงไม่นานก็ปักธงจะมุ่งสู่ร้อยล้านแล้ว ด้วยหน้าหนังตอนแรก แอบนึกว่านี่เป็นหนังตลกที่ออกมาดาษดื่น แต่พอได้ข้อมูลว่าเป็นของค่ายรฤก เราก็แอบวางใจ เพราะผลงานของค่ายนี้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าแม้จะเป็นหนังตลกตบมุก แต่ก็ได้เสียงหัวเราะแน่นอน

 

พล็อตของหนัง อีเรียมซิ่ง

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง พล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้จริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องของ เรียม ที่อิจฉา แรม พี่สาวของตน ซึ่งมีคนรักเยอะ เพราะเป็นสาวเรียบร้อย ตามแบบอย่างกุลสตรีในอุดมคติ แบบกรอบของสังคมสมัยก่อน ในขณะที่เรียมเป็นสาวห้าว ทะมัดทะแมง เล่นต่อสู้กับผู้ชาย

บทหนังเดินเป็นเส้นตรง ๆ ตามสไตล์หนังขายตลกในลักษณะคาเฟ่ แต่ก็มีการผูกโยงเรื่องกันแบบหลวม ๆ แม้ว่าโครงเรื่องหลักจะเดาได้ไม่ยาก แต่ก็ทำออกมาได้ตลก และมีมุกที่อาศัยเซอไพร์สหลายอย่าง ซึ่งบางมุกอาจจะเหมาะกับคนที่ตามข่าวสารวงการบันเทิงอยู่แล้วนิดหน่อย แต่ถึงไม่ได้ตามผมก็ว่ายังฮาได้ครับ โดยรวมหนังเรื่องนี้ขายขำ เอาฮา ใครอยากดูหนังคลายเครียดผมแนะนำเลยครับ จังหวะตบมุกเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยเลย ใครชอบหนังของค่ายนี้อย่าง ไบค์แมน เรื่องนี้ก็มาในสไตล์เดียวกันครับ ดูหนังอีเรียมซิ่ง doomovie

 

 

สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจ

สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจดูหนังออนไลน์ในตัวหนังอย่าง อีเรียมซิ่ง คงหนีไม่พ้นบรรดามุกกาว ๆ สไตล์หนังผจญภัยตลกและการได้เห็นเบลล่า ราณีมาทำหน้าเป็นและเล่นมุกสไตล์ตลกคาเฟ่พร้อมเสริมทัพด้วยบรรดานักแสดงตลกขาประจำทั้งน้าค่อม คุณโรเบิร์ต สายควัน และคุณบอล เชิญยิ้มที่เห็นหน้าก็การันตีได้เลยว่าหนังต้องสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้แน่นอน แต่ผิดคาดเราไม่แน่ใจว่าด้วยความที่หนังออกฉายช้าหรือตัวหน้งจริงมีปัญหาการถ่ายทำอะไรหรือเปล่าถึงทำให้มันออกมาเป็นต้มยำที่ไม่จี๊ดจ๊าดและดูจืดชืดเกินไปหน่อย

แม้ว่ามุกตลกในหนังที่ใส่เข้ามาจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาและแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่นัก แต่การแสดงของ เบลล่า ราณี ก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เธอสามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด โชว์ทักษะการแสดงบ้าๆ บอๆ และไม่กลัวสวยออกมาได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการหยอดมุกที่ดูเข้าขากับนักแสดงตลกมืออาชีพได้อย่างลงตัวและไม่มีติดขัดสักฉาก หากดูที่หน้าจอทีวีในเวลาก็น่าจะเป็น เบลลา ราณี

ในอีกคาแรกเตอร์กับละครเรื่องแซ่บ แต่หากมาอยู่บนจอใหญ่ก็จะได้เห็นเธอในอีกคาแรกเตอร์ที่พลิกขั้วเป็นสาวชาวบ้านที่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ความก๋ากั๋น และสร้างอารมณ์ขันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นการงัดทักษะการแสดงของนักแสดงสาวผู้นี้ออกมาและได้ปล่อยของในอีกมุมอีกด้านที่ไม่ค่อยได้เห็นเธอในมุมนี้เท่าไหร่

 

รีวิวหนัง อีเรียมซิ่ง

ปัญหาแรกต้องยอมรับเลยว่าตัวบทหนังดูจะยังไม่สามารถทำให้เรารักอีเรียมได้มากพอจะเอาใจช่วยนางเท่าไหร่นัก คือจากตัวอย่างเราเห็นเรียมเปิ่นฮาและก๋ากั่นยังไงตัวหนังจริงก็ไม่ได้ให้อะไรเรามากกกว่านั้นสักเท่าไหร่ และยิ่งการให้เบลลาเล่นมุกตลกแบบรวมฮิตทั้งมุก “ท่านเกียรติผู้มีแขก” มุกปักตะไคร้ หรือบรรดามุกสังขารต่าง ๆ ก็ทำให้เบลลาดูเป็นหุ่นยนต์ก๊อปปี้มุกตลกมากกว่าจะสร้างเสน่ห์ให้เธอเหมือนอย่างบทแม่การะเกดในบุพเพสันนิวาส แม้ว่าต้องยอมรับว่าเธอก็เล่นตลกแบบไม่ห่วงสวยจนสร้างความครื้นเครงให้หนังได้อยู่บ้างก็ตาม

ส่วนปัญหาต่อมาแม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์การเป็นหนังผจญภัยสไตล์นิยายเพชรพระอุมาที่มีทั้งจระเข้ยักษ์ งูเห่าเพลิง มีคาถาอาคมแต่ด้วยคุณภาพงานสร้าง CG ต่าง ๆ ที่ทำได้ไม่ถึงพอมันอยู่ในหนังก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรนักและด้วยจังหวะหนังที่เหมือนถูกบังคับท่าไม้ตายให้เป็นหนังตลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ มันเลยถูกนำเสนอแบบขอไปที แถมยังต้องเจียดเวลาของหนังมาให้น้าค่อม โรเบิร์ตสายควันและบอล เชิญยิ้ม ได้เล่นมุกสังขารปากบวมตัวบวมอะไรอีก จนฉากผจญภัยที่ควรสร้างความตื่นเต้นหมดพลังไปอย่างน่าเสียดาย

แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สนุกไปกับมันอยู่บ้างโดยเฉพาะการมีอยู่ของแพท ณปภา ตันตระกูล ที่สามารถฉายเสน่ห์ในมุกโดนวางยาว่านราคะที่ทั้งเซ็กซี่และฮาสุด ๆ รวมไปถึงมุกบีตบ็อกซ์ที่ต้องยอมรับเลยว่าขโมยซีนเบลลาเห็น ๆ แถมการปรากฎโฉมของแพทในชุดเกาะอกแบบไทย ๆ ยังน่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว และอีกส่วนที่ดีงามมากของหนัง อีเรียมซิ่ง คือคอนเซ็ปต์ของการแอบหยอกหนังนอกทั้งดนตรีประกอบฉากที่อีเรียมเตรียมไฝ่ว์นี่อย่างกับดนตรีในเทรลเลอร์ Wonder Woman 1984 หรือการคิดคอนเซ็ปต์ให้บรรดาแก๊งน้าค่อม  ดูหนังออนไลน์

 

 

คุณโรเบิร์ตและคุณบอลได้กลายเป็น Thor, Captain America และ Doctor Strange แบบเพี้ยน ๆ ก็เรียกเสียงฮาได้ดีเลยทีเดียว และเป็นจุดแข็งแรงที่ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของนักแสดงตลกทั้ง 3 ท่านที่ถือเป็น MVP ที่ทำให้หนังอย่าง อีเรียมซิ่ง ยังคงมีความสนุกอยู่บ้าง

โดยรวม

โดยภาพรวมของ อีเรียมซิ่ง ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์คนดูในทุกๆ ทาง แม้ว่าจะเป็นเพียงหนังตลกสูตรสำเร็จเรื่องหนึ่งก็ตาม แต่ภายใต้ความสำเร็จรูปในแบบต่างๆ ก็สามารถสร้างอรรถรสความบันเทิงให้กับคนดูได้อย่างตรงไปตรงมา ตลอดระยะเวลากว่าชั่วโมงครึ่งของหนังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนดูได้ ผ่อนคลายและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาได้แบบไม่เคอะเขิน และที่สำคัญหนังยังมาพร้อมกับการเซอร์ไพรส์แบบคำโตๆ ที่ทำให้คนดูต้องร้องว้าวที่เป็นไฮไลท์เด่นอีกส่วนหนึ่งของหนัง และยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับหนังเข้าไปอีก ดูอีเรียมซิ่ง hd พากย์ไทย

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

สปอยหนัง หลังจากเรารอคอยการเข้าฉายของ Mother Gamer หรือ เกมเมอร์เกมแม่ กันมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายในที่สุดวันนี้ Mother Gamer หนังที่หอบโจทย์ยากอย่างการทำหนังวัยรุ่นเกี่ยวกับกีฬาอีสปอร์ตโดยมีเกม ROV เกมโมบา (MOBA – multiplayer online battle arena ) ยอดฮิตเป็นแกนกลางของความสัมพันธ์ตัวละครที่พร้อมจะเติบโตผ่านวิวาทะทางความคิดระหว่างเด็กยุคใหม่กับผู้ใหญ่ยุคนี้ก็จะได้เข้าฉายเพื่อพิสูจน์ตัวเองในสนามโรงภาพยนตร์เสียที หนังไทยมาใหม่

 

เรื่องย่อ เกมเมอร์ เกมแม่

กล่าวอย่างสั้น ๆ หนังเล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่าง เบญจมาศ (พิยดา อัครเศรณี) ครูคณิตศาสตร์ที่มองว่ามือถือคือศัตรูต่อการเรียน กับ โอม (ต้นหน ตันติเวชกุล) ลูกชายนักกีฬาอีสปอร์ตที่เหตุเกิดจากฝ่ายแรกไปขัดขวางความฝันของลูกชาย และเพื่อให้หนทางในสายกีฬาอีสปอร์ตต้องดับลง เบญจมาศจึงก่อปาร์ตี้ตั้งทีมอีสปอร์ตชื่อ Ohm Gaga ร่วมกับ กอบศักดิ์ (ลภัส งามเชวง) นักเรียนหลังห้องจอมเก๋าในฐานะอดีตสมาชิกของทีม Higher ที่โอมสังกัดอยู่เพื่อหวังโค่นทีมของลูกชายโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังให้บทเรียนสำคัญในฐานะแม่และครู

เสือ ยรรยง คุรุอังกูร ยังคงทำหนังวัยรุ่นในภาษาที่เข้าใจวัยรุ่นเจนนี้อย่างแท้จริง โดยในเกมเมอร์เกมแม่ก็มี ROV ที่กำลังมาทดสอบความสัมพันธ์ของแม่กับลูกชายวัยรุ่นยุคที่การเล่นเกมกลายเป็นกีฬาที่ทำเงินได้ และการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เบญจมาศแม้จะเป็นแม่ที่ยังไม่ได้ชราในแง่สังขารแต่ต้องยอมรับว่าสังคมที่เด็กกล้าพูดกล้าทำและความรู้ความสามารถในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการเล่นเกมที่กลายเป็นอาชีพก็กลับผลักไสเธอให้กลายเป็นคนตกยุคอย่างช่วยไม่ได้
ยิ่งเรามาพิจารณาข้อมูลที่หนังให้เราเกี่ยวกับตัวเบญจมาศต้้งแต่ต้นเรื่องที่หนังแสดงให้เห็นว่าเธอเข้มงวดกับลูกเพียงใดในยุคที่การศึกษานอกจากคะแนนสอบยังมีคะแนนนอกระบบที่วัดตามค่าเงินบาทที่ผู้ปกครองจะยอมแลกกับโอกาสของลูกแล้วก็ยิ่งทำให้เห็นว่าในเกมที่อำนาจอยู่ที่ผู้ใหญ่เธอสอนโอมให้เล่นตามกติกาที่ไม่แฟร์กับเขามาทั้งชีวิตเพื่อหวังให้โอมเดินในเส้นทางสู่ความสำเร็จตามอุดมคติการศึกษาสร้างอนาคต ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

แต่แล้วปัจจุบันในเวลาของโอมก๋็กลายเป็นอนาคตที่เบญจมาศไม่เข้าใจทันทีเมื่อกีฬาอีสปอร์ตได้กลายเป็นเส้นทางที่ลูกเลือกเป๋็นอาชีพ โดยคนเป็นแม่ในฐานะครูในระบบการศึกษาไทยได้แต่ต่อต้านการเล่นเกมของนักเรียนจนถึงขั้นออกแคมเปญห้องเรียนปลอดมือถือเพื่อหวังอัปเงินเดือนด้วยผลงานเสริมหลักสูตรในเกมที่ผู้ชี้ถูกผิดคือผู้มีอำนาจในองค์กรนั้น ๆ แต่สำหรับในเกมที่เธอหวังจะชนะโอม เบญจมาศกลับเลือกทางลัดด้วย “ข้อตกลงแบบไทย ๆ ” กับกอบศักดิ์ให้ตั้งทีมกีฬาอีสปอร์ตแลกกับการช่วยให้จบ ม.6 หลังถูกยื่นคำขาดจากทีม Higher ให้จ่ายค่าเสียหายหลักแสนหากต้องการให้โอมออกจากทีม ดูหนังฟรี

ดังนั้นเมื่อกติกาของโลกผู้ใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนใจโอมได้ เบญจมาศจึงจำใจต้องลงสนามในเกมของเด็กยุคนี้ ซึ่ง ณ. จุดนี้เองที่หนังเริ่มให้เบญจมาศกลายเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ที่หนังพาคนดูในฝั่งคนไม่เล่นเกมได้เกาะไปทำความเข้าใจกับทั้งเกม ROV ที่มีศัพท์แสงสุดบรรเจิดมากมายและพาไปรู้จักกับกีฬาอีสปอร์ตว่ามันมีการแข่งขันจริงจังแค่ไหน ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกของผู้ชมในวงกว้างได้อย่างชาญฉลาดยิ่งเพราะผู้กำกับใช้บริบทในหนังมาบอกเล่ามันโดยอิงเกม ROV ตั้งแต่ฉากกอบ

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

ศักดิ์เล่นเกมในห้องเรียนวิชาสังคมไปจนถึงบทเรียน ROV 101 ที่เบญจมาศได้กลายสถานะเป๋็นนักเรียนบ้าง
กล่าวมาถึงตรงนี้คงชัดเจนแล้วว่าตัวละครเบญจมาศคือตัวแบกหนังทั้งเรื่องอย่างแท้จริงและถือเป็นโชคดีของผู้กำกับ (และคนดู) ที่มันได้ อ้อม พิยดา อัครเศรณี นางเอกยุค 90s ที่มารับบทแม่และครูอย่างเบญจมาศ เพราะเธอสามารถทำให้คนดูเชื่อว่าทุกการกระทำที่ผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมเซ็นเอกสารให้โอมไปเข้าทีม Higher หรือการหลอกใช้เด็กตั้งทีมมาโค่นทีมลูกชายล้วนนำเสนอด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบของตัวละครที่ดูมีเลือดเนื้อจิตใจจนคนดูสัมผัสได้

และทีละน้อยนอกจากดรามาของแม่ที่การตัดสินใจไม่ได้ถูกต้อง 100% หนังยังพาให้เบญจมาศค่อย ๆ เข้าสู่โลกแห่ง ROV ด้วยอุปสรรคในการทำทีมที่มีทั้งการซื้อตัวผู้เล่นหรือแม้แต่ความกากในการเล่นเกมของเธอเองก็เริ่มทำให้เริ่มตาสว่างว่าแม้แต่คนเป็นครูก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง เชื่อว่าคนดูจะต้องลุ้นระทึกและหลงรักอ้อม พิยดากับซีนแอบเล่น ROV ในห้องส้วมบนรถโดยสารคณะครูที่หนังทำออกมาน่ารักทีเดียว

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

และในขณะเดียวกันแม้หนังจะมีแกนกลางที่ความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกแต่หนังก็สร้างตัวละครอย่างกอบศักดิ์ที่เป็นตัวแทนนักเรียนหลังห้องสุดเก๋าที่เกรดของวิชาในระบบการศึกษาอาจทำให้เขาถูกมองว่าเป็นคนโง่แต่ในโลกของเกมกอบศักดิ์คือฮีโร แต่ลึก ๆ แล้วมันก็สะท้อนภาพของวัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้เห็นภาพเพราะแม้เกรดในสมุดพกจะต่ำเตี้ยแค่ไหนการที่กอบศักดิ์มาเจอครูเบญจมาศก็นับว่าเป็นโชคดีของทั้งคู่เพราะในขณะที่กอบศักดิ์ขาดผู้ใหญ่มามองเห็นคุณค่าของเขาในฐานะเกมเมอร์ ด้านครูเบญจมาศเองก็ขาดคนช่วยลดช่องว่างระหว่างใจระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอยู่ด้วยเหมือนกัน เกมเมอร์เกมแม่เต็มเรื่องพากย์ไทย facebook

ดังนั้นภาพที่ครูเบญจมาศต้องถูกบังคับให้มาเล่น ROV ร่วมกับบรรดาลูกทีม Ohm Gaga เลยแปรเปลี่ยนจากการพยายามเอาชนะลูกชายมาเป็นการเปิดใจยอมรับเส้นทางใหม่ ๆ ของเยาวชนชาวเกมเมอร์ และ ROV ยังสามารถผสานความรู้เดิมอย่างคณิตศาสตร์มาปรับใช้กับการวางแผนได้ดีทีเดียว และแม้ว่าหนังเรื่องเดียวจะไม่ได้ทำให้ภาพของเด็กติดเกมดีขึ้นแต่เชื่อว่าตัวหนังมันได้เสนอทางเลือกของการเล่นเกมอย่างฉลาดเอาไว้แล้วเหมือนการใช้ชีวิตที่ฉลาดที่ทั้งกอบศักดิ์และครูเบญจมาศได้เรียนรู้มันร่วมกัน

แต่กระนั้นบทหนังเองก็ยอมแลกดรามาและความสัมพันธ์แม่ลูกที่ค่อย ๆ หายไปหลังโอมกับเบญจมาศเริ่มมีปัญหากันเพื่อเทเวลาแทบทั้งหมดไปกับการเรียนรู้ของเบญจมาศในโลกของ ROV ซึ่งในด้านหนึ่งมันก็ทำให้พัฒนาการด้านความสัมพันธ์แม่ลูกในตอนท้ายไม่หนักแน่นเท่าที่ึควรแต่มันกลับส่งผลต่อฉากการฝึกเล่น ROVแต่ละฉากที่ผู้กำกับดีไซน์ช่วยให้คนดูเข้าใจตัวเกมและวงการอีสปอร์ตในเบื้องต้นได้ดีมากเรียกได้ยอมเจ็บกับการสูญเสียการเล่าดรามาไปกับสีสันอันฉูดฉาดของวงการเกมแทน แม้จะทำให้หนังไม่ลงตัวเท่าที่ควรก็ตาม เกม เม อ ร์ เกมแม่ Facebook

 

สรุปโดยรวม เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่ ทิ้งท้ายขอพูดถึงเหล่าบรรดานักแสดงวัยรุ่นกันบ้าง เติร์ด ลภัส งามเชวง มีเสน่ห์ในแบบแบดบอยมาก ๆ ในบทของกอบศักดิ์ดูแล้วเชื่อได้เลยว่าจะเป็นคนพาเบญจมาศสู่โลกของเกมเมอร์เหมือนมอร์เฟียสฉบับกวน ๆ ที่จะพานีโอตื่นจาก The Matrix ยังไงยังงั้น ส่วน ต้นหน ตันติเวชกุล นี่เสียดายมากเพราะดรามjาช่วงท้ายของหนังเขาทำได้ดีมากแต่ด้วยช่วงเวลาที่หนังให้เขาถือว่าน้อยเกินไปจริง ๆ ส่วน วี วีรยา จาง ในบทมะปรางแม้จะให้ความสดใสกับหนังแต่บทของเธอแทบไม่มีผลอะไรกับเรื่องนอกจากเพิ่มซีนโรแมนติกให้กับกอบศักดิ์

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

 

โดยภาพรวมแล้วขอสรุปว่า เกมเมอร์เกมแม่ อาจยังไม่ใช่หนังที่ลงตัวนักในส่วนของบทภาพยนตร์แต่งานดีไซน์แต่ละซีนของหนังน่าสนใจและน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียวเพื่อให้คนไม่เล่น ROV อย่างผมเข้าใจในกติกาของตัวเกมและสนุกไปกับฉากแข่งขันในหนัง และยังมีการแสดงที่เชื่อมือได้ทั้งจาก อ้อม พิยดา อัครเศรณี กับ เติร์ด ลภัส งามเชวง มาทำให้หนังดูสนุกและน่าประทับใจจนอยากให้มีโอกาสที่ครอบครัวที่มีลูกเล่นเกมได้มาดูด้วยกันเพราะหนังนำเสนอวงการอีสปอร์ตได้เข้าใจง่ายและไม่มองผู้ใหญ่ในแง่ร้ายเกินไปเป็นการนำเสนอที่น่าจะกระชับพื้นที่ “ช่องว่างระหว่างใจ” ของผู้ปกครองและลูก ๆ เหล่าเกมเมอร์ได้ดีทีเดียว
เรียกว่า “Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่” เป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่มีความกล้าที่จะฉีกแนวเดิมๆ ด้วยการหยิบเอาพล็อตเรื่องของ e-Sport มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ

 

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่

เมื่อคำสั่งห้ามของแม่ใช้ไม่ได้ผล เบญจมาศจึงต้องหาทางสกัดกั้นไม่ให้โอมก้าวไปสู่ชัยชนะ ด้วยการยื่นข้อเสนอให้ “กอบศักดิ์” (เติร์ด ลภัส) เด็กหลังห้องอดีตโปรเพลเยอร์ของ Higher มาช่วยตั้งทีมอีสปอร์ตหน้าใหม่ “Ohmgaga” เพื่อแลกกับที่เบญจมาศจะช่วยให้กอบศักดิ์เรียนจบ กอบศักดิ์เลยพาเหล่าเกมเมอร์ตัวจี๊ดมาร่วมทีม Ohmgaga ทั้ง “มะปราง” (วี วีรยา) สาวเปรี้ยวสุดเท่, “ไกด์” (บอส ธนบัตร) นักวางแผนฝีมือฉกาจ, “แบงค์” (นนท์ ศุภวัจน์) สายเปย์ตัวเป้ง และ “แม็ก” (เตชินท์ ณัฐชนน) จอมโวยวายจากร้านเกม

แต่สิ่งที่เบญจมาศไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็คือ เธอต้องลงสนามในฐานะนักกีฬาของทีม เคียงข้างกับกอบศักดิ์ผู้พยายามพิสูจน์ตัวเอง พร้อมเผชิญหน้ากับโอมลูกชายที่อยากขีดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง

 

 

บนเส้นทางแห่งการแข่งขันเกม RoV แบตเทิลครั้งนี้ “เกมเมอร์” หรือ “เกมแม่” ใครกันแน่จะเป็นผู้ชนะ
ไม่ต้องรู้เรื่องเกมก็ดูหนังได้
คำถามที่หลายคนอยากรู้ก็คือ ไม่ได้เล่นเกมนี้จะดูหนังรู้เรื่องมั้ย ตอบเลยค่ะ ดูรู้เรื่องและสนุกไปกับหนังได้เพลิน ๆ เลยค่ะ เพราะในหนังเองจะมีการค่อย ๆ ปูพื้นมาให้บ้าง ส่วนใครที่เป็นแฟนเกม ROV อยู่แล้วน่าจะทำให้อินกับเนื้อเรื่องไม่ยาก รวมถึงยังมีคนในวงการ e-Sport ที่คุ้นตามาร่วมแจมหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นักกีฬา e-Sport ตัวจริง รวมถึงนักพากย์เกม หนัง rov เกม เม อ ร์ เกมแม่ เต็มเรื่อง

 

ความต่างระหว่างคนสองยุค เกมเมอร์ เกมแม่

รีวิว เกมเมอร์ เกมแม่ ส่วนเนื้อเรื่องเรียกว่าค่อนข้างเดินเป็นเส้นตรงตามสูตรสำเร็จ คาดเดาตอนจบได้ไม่ยาก มีการจิกกัดสังคมไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครอง-เด็ก, ระบบการศึกษาจนไปถึงการเล่นเกมเอง มีหยอดมุกตลกมาเป็นช่วงๆให้คนดูได้ผ่อนคลาย บทค่อนให้คะแนนกลางๆมีหลายประเด็นที่หนังปูไว้แต่ไม่ขยี้ต่อให้สุด ตัวหนังไม่ได้เล่าถึง Background ของหลายตัวละครหลักเท่าที่ควร นอกจากนั้นนักแสดงหลายคนน่าจะมีผลสำคัญต่อเนื้อเรื่องหรือบางประเด็นกลับไม่เล่นต่อซะงั้น หายไปดื้อๆ

สิ่งที่โดดเด่นคือเรื่องของโปรดักชั่นที่ใส่ Visual Effect ที่จัดเต็มแสงสีเสียง เหมือนเรากำลังเล่นเกมอยู่ มีการทดลองมุมกล้องแปลก ๆ ทำให้ดูตื่นตาตื่นใจ ซีนการแข่งขันเกมก็ทำออกมาสนุกทำให้เราลุ้น เอาใจช่วยตามไปด้วย ที่สำคัญยังใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างฉากดวลกันตัวต่อตัวนั้นท่าทางการสู้นั้นเอามาจากตัวละครในเกมจริง ๆเลยค่ะ
หนังนำเสนอความแตกต่างระหว่างคนสองยุคระหว่างครูเบญและโอม ซึ่งครูเบญก็เหมือนตัวแทนของผู้ใหญ่ที่เติบโตในสภาพสังคมแบบเก่า ยึดติดว่าการเรียนสูง ๆ เรียนให้เก่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีความสำเร็จในอนาคต มีความเจ้ากี้เจ้าการกำหนดชีวิตลูกให้เป็นอย่างที่ตัวเองเป็นโดยที่ไม่เคยถามเลยว่าลูกของเธอต้องการอะไร เธอมอง “เด็กเล่นเกม = เด็กติดเกม” ทั้งที่ไม่เคยลงไปสัมผัสด้วยตัวเองให้รู้ว่าเกมดีไม่ดียังไงน่าเสียดายที่หนังน่าจะเพิ่มปมของตัวละครนี้ว่าเคยเจออะไรมาบ้างถึงให้ให้เธอเป็นแบบนี้

 

 

ฝั่งของโอมถือเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตในยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟู มีนวัตกรรมและอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนนั้นก็คือ e-Sport เอาเกมแข่งเป็นกีฬา มีการฝึกซ้อม วางแผน เล่นเป็นทีม กลายเป็น Entertainment รูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ยิ่งนักกีฬาที่มีชื่อเสียงนั้นทำรายได้เป็นหลักแสนหลักล้านต่อเดือนก็มี

ตัวโอมถือเป็นเด็กที่โชคดีรู้ตัวว่าชอบอะไร โดยเฉพาะเรื่องพรสวรรค์ด้านการเล่นเกม แต่เขาเองก็พยายามแบกความหวังของแม่ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดทั้งเรื่องของการเรียนและการเล่นเกม แต่สุดท้ายกลับเป็น ผู้ใหญ่เองที่ไม่เคยถามความต้องการของลูกเลย ว่าจริงๆแล้วลูกเธอชอบไม่ชอบอะไร จนทำเกิดการแตกหักกับแม่ขึ้นมา

ฝั่งของทีม “Ohmgaga” เรียกว่าเป็นตัวแทนของเด็กเล่นเกมที่โตมาจากสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้จริงๆ ถ้าเพิ่มแรงจูงใจของแต่ละคนในการเข้าร่วมทีมน่าจะทำให้ดูสนุกกว่านี้ เพราะการรวมตัวเหมือนง่ายเกินไป อยากรวมก็รวมเหมือนเพื่อนชวนเล่นเกมก็มา

ในส่วนของไคลแมกซ์นั้นถ้าหากมีการสร้างปมของตัวละครแต่ละตัวให้ลึกขึ้นน่าจะทำให้ลุ้นได้มากกว่านี้
โดยรวมแล้ว Mother Gamer แม้จะยังไม่ได้เป็นหนังที่สมบูรณ์ไปทุกด้าน แต่มาตรฐานที่ทำออกมาบอกได้เลยว่าหนังไทยไม่แพ้ใคร ยิ่งถ้าเล่น ROV อยู่แล้วยิ่งทำให้ดูหนังสนุกขึ้นอีก หรือพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากรู้ว่าเด็กเล่นเกมสมัยนี้เป็นยังไงก็สามารถติดตามชมได้ในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ 10 กันยายนเป็นต้นไป เกม เม อ ร์ เกมแม่ เต็ม เรื่อง พากย์ไทย imovie

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

 

สปอยหนัง มาแรงไม่หยุดแบบฉุดไม่อยู่กับ “บุพเพสันนิวาส 2” หนังฟอร์มยักษ์น้ำดีที่พลิกจากละครดังระดับตำนานที่สร้างกระแสออเจ้าฟีเวอร์ด้วยประวัติศาสตร์ของยุคกรุงศรีอยุธยา สู่การปรับโฉมเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเปิดตัวไปเพียงแค่วันเดียวก็กอบโกยรายได้ไปมากถึงกว่า 50 ล้านบาท หนังไทยมาใหม่

 

เรื่องย่อ บุพเพสันนิวาส 2

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว เรื่องราวของ “บุพเพสันนิวาส 2” เรียกได้ว่าปังปุริเยสืบไปในทุกภพชาติ เพราะเปลี่ยนบรรยากาศของความเป็นอยุธยากรุงเก่า สู่ setting ของยุครัตนโกสินทร์ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านตัวละครเอกคู่ขวัญอย่าง “ภพ” , “เกสร”, และ “เมธัส” ในยุคสมัยที่นายห้างหันแตรนำเรือเอ็กซ์เพรสเข้ามาขายในสยาม ดูหนังฟรี

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส 2” ยังคงสไตล์คล้ายกับละครกล่าวคือ การเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในรูปแบบที่ดูทันสมัย เข้าใจง่าย ยิ่งได้ปิ๊ง อดิสรณ์ ผู้กำกับมือทองระดับแนวหน้ามาควบคุมดูแลผลงาน ยิ่งมีความบันเทิงศิลป์ ตบมุขโบ๊ะบ๊ะกันอย่างไม่ดูยัดเยียด และให้กลิ่นอายของความเป็นไทยที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ บุพเพสันนิวาส 2 กำหนดฉาย

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

ถ้าจะให้รีวิว “บุพเพสันนิวาส 2” คงอดชมไม่ได้ว่าพล็อตเรื่อง ฉากต่างๆ ถูกรังสรรค์และจัดวางมาอย่างลงตัวเป็นพล็อตเรื่องที่คาดเดาไม่ค่อยได้ไม่ดูถูกคนดูและมีเสน่ห์ในแง่ที่เต็มไปด้วยมุขตลกแต่ก็เต็มไปด้วยสาระ เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์มากเช่นกัน ทั้งยังเป็น 3 นาทีที่ใส่ความเป็นไทยในรัตนโกสินทร์ลงไปได้ราวกับกิ่งทองใบหยก สำหรับใครที่มีความรู้ประวัติศาสตร์หรืออ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับยุคสมัยนั้นมาบ้าง จะยิ่งสนุกขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องปาลเลอกัวซ์ นายห้างหันแตร หมอบรัดเลย์ และสุนทรภู่

หนังใหม่เข้าโรงตัวเดินเรื่องอย่าง “ภพ”, “เกสร” , และ “เมธัส” ก็เดินเรื่องได้ดี แทบไม่มีที่ติ #โป๊ปเบลล่า คือนักแสดงที่เหมาะแก่การเป็นคู่พระนางของเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของ “พี่หมื่น-น้องการะเกด” และ “พี่ภพ-น้องเกสร” นอกจากนี้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้คุณจะได้เห็นพัฒนาการการแสดงอีกขั้นของไอซ์ พาริส อย่างแน่นอน

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

MVP ของเรื่อง ขอยกให้ “อาภู่ (สุนทรภู่)” เพราะออกมาไม่บ่อยมาก ทว่าทุกฉากที่ออกมามักสร้างความพีคไม่หยุด บางฉากเล่นมุขง่ายๆ ที่เราอาจเคยเห็นมาบ้าง แต่ด้วยตัวละคร จังหวะ กรู๊ฟ มันเข้ากันอย่างเพอร์เฟ็กต์จนกลั้นขำไว้ไม่ได้
ตัวละครที่เซอร์ไพรส์ที่สุด คือ “พี่ปี่” เพราะปกติผู้ชมมักจะเห็นปุ๊กกี้ในเวอร์ชันที่ตลก ขายขำ ออกมาฉากไหนก็ต้องร้องออกมาว่า “ฮ่าๆ” ดังๆ สักหนึ่งแมตช์ แต่ในเรื่องนี้จะได้เห็นมุมเศร้าของพี่ปี่ที่เล่นได้ถึงพริกถึงขิงสัมผัสได้ว่ามันเรียลมากจริงๆ

ตัวละครที่แคสต์ได้ดีที่สุด คือ “ปาลเลอกัวซ์” เพราะแทบจะถอดร่างจากรูปภาพปาลเลอกัวซ์ในประวัติศาสตร์มาเลย ราวกับนั่งไทม์แมชชีนโดเรมอนมาแสดงให้เราดู คาแร็กเตอร์ก็เล่นได้อย่างน่าเชื่อถือดูเป็นคนมีความรู้กูรูและมีความลึกลับซับซ้อนของความคิดในบางครั้ง

 

งานภาพ แสง สี ของหนัง บุพเพสันนิวาส 2

ในส่วนของงานภาพ แสง สี ของ “บุพเพสันนิวาส 2” GDH ทำได้ตามมาตรฐานของตนเอง เพราะงานภาพคม ละเอียด และค่อนข้างสมจริงเป็นอย่างมากจะมองไปทางไหนก็สวยไปเสียทุกฉากไม่ว่าจะเป็นฉากเอฟเฟ็กต์ ฉากบู๊ ฉากรักโรแมนติก และอื่น ๆ อีกมากมายที่รอให้คุณมาชมด้วยตาตนเอง บอกตามตรงว่า CG เรื่องนี้ต้องใช้คำว่า “เริ่ดไม่ไหว”
ในด้านของงานเสียง “บุพเพสันนิวาส 2” ซาวด์เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ใส่เข้ามาในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว งานเสียงที่ปังที่สุดคือเพลงประกอบภาพยนตร์ “ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง” ที่ได้นักร้องสาวพราวเสน่ห์อย่าง อิ๊งค์ วรันธร มาขับร้อง ความลงตัวของเพลง คือ การไม่ยัดเยียดความเป็นไทยมากจนดูขัดหู แต่เป็นการร้องสบายๆ ในสไตล์อิ๊งที่ฟังแล้วดูมีความไทยประยุกต์และชวนเคลิบเคลิ้ม เชื่อว่าหลายคนที่ดูภาพยนตร์จบไปจะต้องกลับไปเปิดเพลง “ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง” คลอไปตลอดวันตลอดคืน บุพเพสันนิวาส 2 ถอนตัว

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

 

สิ่งที่ชอบอีกหนึ่งอย่างของ “บุพเพสันนิวาส 2” คือ คำบรรยายภาพ เพราะเป็นภาษาอังกฤษที่สวยเข้ากับยุคสมัย มีการใช้คำภาษาอังกฤษโบราณมาประยุกต์กับการแปล เช่น คำว่า “thou” ที่เป็นสรรพนามภาษาอังกฤษในยุคสมัยก่อน
โดยรวมแล้ว ขอให้คะแนนรีวิว “บุพเพสันนิวาส 2” ที่ 9.8/10 ไม่รู้จะติอะไร แต่ขอหักคะแนนที่เอาพี่ปี่ออกมาน้อยไปหน่อย เพราะค่อนข้างคาดหวังกับตัวละครนี้มาก ส่วนภาพ แสง สี เสียง มันไม่รู้จะติอะไร ไปนั่งดูในโรงฯ ก็อุทานในใจตลอดว่า “ว้าวววววว” ขอรับรองว่าการซื้อตัวหนังเข้าชม “บุพเพสันนิวาส 2” คือ คุ้มค่ามาก ก.ไก่ล้านตัวอย่างแน่นอน

 

ผลงานล่าสุดของ GDH บุพเพสันนิวาส 2

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว ถ้ายังจำกันได้ ในงานเปิดไลน์อัปผลงานของ GDH ที่ชื่อว่า ‘GDH Xtraordinary 2021 Line Up‘ ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว มีไตเติลอันหนึ่งที่เปิดตัวครั้งแรกในงานนั้นด้วย นั่นก็คือ ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ ที่ถือว่าฮือฮามาก เพราะว่าเป็นผลงานร่วมทุนครั้งแรกของ GDH และ ‘บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น’ หยิบเอาผลงานละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ (2561) ที่เคยสร้างกระแส ‘พีหมื่น-การะเกด’ ที่เคยกวาดเรตติงละครสูงทะลุถึง 18.6 ส่วนวันพุธ-พฤหัสบดีที่ออกอากาศเพลาใด เทรนด์ทวิตเตอร์ก็ติดอันดับมิได้ขาดสาย มาสร้างในรูปแบบภาพยนตร์นะออเจ้า

และถ้านึกย้อนไปเมื่อตอนละครฉายนอกจากกระแสความสนุกประทับใจ ฟินเวอร์ของละครแบบถล่มทลายแล้วไอเทมสิ่งละอันพันละน้อยในละครยังกลายมาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวไทยเพลานั้นแต่งตาม กินตามใช้ตามเที่ยวตามกันเป็นว่าเล่น ตั้งแต่กระแสการแต่งชุดไทย กุ้งเผา หมูกระทะ มะม่วงน้ำปลาหวาน พี่หมื่นแรปด่าการะเกด (เจ้าเป็นคนกำเริบ ฯ) โล้สำเภา พ่อม้ำน้ำ มนต์กฤษณะกาลี มีมพี่กิ๊ก สุวัจนี ฯลฯ แถมยังพาให้หนังสือนิยายต้นฉบับที่ประพันธ์โดย ‘รอมแพง’ (จันทร์ยวีร์ สมปรีดา) ขายดีจนพิมพ์ซ้ำนับไม่ถ้วน บุพเพสันนิวาส 2 ซูม

 

 

มาถึงปีนี้ ตัวหนัง ‘บุพเพฯ ๒’ ตัวหนังได้ ‘พี่ปิ๊ง’ (อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม) ผู้กำกับแห่ง ‘จอกว้างฟิล์ม’ เจ้าของผลงาน ‘รถไฟฟ้า มาหานะเธอ’ (2552) และละคร ‘น้ำตากามเทพ’ (2558) มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ แถมยังเปิ๊ดสะก๊าดด้วยการเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่เปิดขายโทเคนดิจิทัลเพื่อระดมทุนสร้างผ่าน ‘Destiny Token’ ที่ขายหมดเกลี้ยงไปแล้วเรียบร้อยได้มูลค่าระดมทุนรวม 265 ล้านบาท ส่วนรายชื่อผู้ระดมทุนก็จะได้รับการขึ้นเครดิตท้ายในฐานะ Executive Producer

 

หนัง GDH ที่ยังเหลือพื้นที่ให้ใส่ความเป็นแฟนตาซีจ๋าๆ รื้อสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ให้กับบุคคลในประวัติศาสตร์ (แบบไม่ต้องแคร์ว่าจะดูเป็นการลบหลู่หรือไม่) และยังเหลือพื้นที่ให้เล่าเรื่องแบบกาว ๆ หรือโบ๊ะบ๊ะแค่ไหนก็ได้ แต่ยังคงอยู่ในกรอบของความเป็นบุพเพฯ อยู่นั่นเองซึ่งถือว่าเป็นการหารครึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าโอเค เพราะถ้าขืนยัดความเป็นบทละครช่อง 3 หรือเอาวิธีการแบบจีดีเอชมาเล่าล้วน ๆ เลย มันอาจจะไม่เวิร์ก ออกมาไม่สนุกเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้

 

บุพเพสันนิวาส 2 รีวิว

ประกอบด้วยทุนสร้างที่ถือว่าค่อนข้างสูงตัวหนังก็เลยเล่นใหญ่ใส่เต็มทั้งโปรดักชันที่ทุ่มทุนสร้างงานเซตติง ฉาก พรอป ที่ถือว่าละเอียดใช้ได้ แม้งานซีจีอาจจะมีลอยนิด ๆ รวมทั้งตัวหนังเองก็ยังวางเรื่องราวใหญ่โต ที่เล่าตั้งแต่การบ้าน (คนรักกัน) ไปถึงเรื่องของการเมืองในประวัติศาสตร์ทำให้ตัวหนังยาวมากถึง 166 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 46 นาทีแน่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ต้องชมทีมเขียนบทนะครับว่าสามารถรักษาความเป็นแก่นของบุพเพฯ สำหรับแฟนๆ เอาไว้ได้ดีเลยแหละ คนเป็นแฟนๆ น่าจะชอบบุพเพฯ ภาคขยายนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

ในขณะที่ก็ยังสามารถหยอดมุกฮา โรแมนติกและรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์ในแบบฉบับของ GDH เอาไว้ได้อย่างมันมือเต็มเหนี่ยวและลงตัวมากเสียจนคนที่ไม่เคยดูละครมาก่อนก็สามารถดูไปด้วยได้แบบเพลินๆ และดูรู้เรื่อง พาร์ตฮาก็ได้ฮา พาร์ตโรแมนติกก็ได้ฟิน โดยเฉพาะคู่โป๊ป-เบลล่านี่ไม่ผิดหวังครับ เข้าคู่กันทีไรก็ได้ฟิน น่ารักน่าหยิกทุกฉากไปโป๊ปก็เล่นทั้งหล่อทั้งตลกได้พอดีๆ ส่วนเบลล่าก็มีเสน่ห์มาก สวยขึ้นกล้องสุดๆ อีกคนที่มีผลต่อเรื่องก็คือ ‘เมธัส’ (พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ซึ่งจริงๆ อีตานี่แหละคือตัวเดินเรื่องที่แท้จริง

 

 

แต่มันก็มีข้อสังเกตอีกนั่นแหละว่าพอเกิดอาการมันมือแล้วมันก็มีจุดที่เกิดอาการมันมือเกินไปอยู่เหมือนกันอาการแรกก็คือบางจังหวะของบางมุกที่แอบทำงานไม่เต็มสูบ บางจังหวะมุกที่ควรจะคมๆ หรือตั้งใจวางไว้ให้ฮากลับไม่คมแฮะ แต่มุกเล็กมุกน้อย มุกคำพูด หรือมุกจาก ‘พี่ปี่’ นี่คือฮาแตกมากๆ พี่ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) นี่คือฮาธรรมชาติจริงๆ อีกอย่างที่เกิดขึ้นคือการเล่าเรื่องในบางจังหวะก็เกิดอาการเตะถ่วงจนทำให้เรื่องหลวมและยืดยาวเกินความจำเป็น โดยเฉพาะไคลแมกซ์ที่แอบวางให้พลิกล็อกไปมาๆ จนยาวยืดตกท้องช้างไปบ้าง ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังมีความยาวมากเกินไปด้วย หากหนังเลือกหั่นฉากตัดซีนย้วยๆ ออกบ้างอาจทำให้ Pace สนุกกว่านี้ก็ได้

 

โดยรวมแล้ว ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ เป็นภาคขยายพหุจักรวาลของละครบุพเพสันนิวาสในแบบฉบับของ GDH ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นรอมคอมพีเรียดอิงประวัติศาสตร์สไตล์ ‘ออเจ้า’ ได้อย่างสนุกสนาน เป็นหนังแฟนเซอร์วิสที่แฟนละครหลงรักแต่ก็ยังมีพื้นที่กว้างให้คนที่ไม่เคยดูละครได้ตามทันแบบสนุก ๆ แม้ว่าจะมีความขาดๆเกินๆ มุกทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง และตัวหนังเกือบ 3 ชั่วโมงที่หลายคนอาจรู้สึกว่ามันยาวเกินไปแต่ก็ถือว่าเป็นความบันเทิงที่เหมาะเอาไว้ดูแบบเพลินๆ ได้ฮา ได้ฟินแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะอย่างน้อยดูแล้วก็น่าจะไม่เบะปากคว่ำแบบพี่กิ๊ก สุวัจนี บุพเพสันนิวาส 2 ดูฟรี

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

หนังไทยมาใหม่ ในบรรดาผีไทยประเภทต่างๆ สำหรับเรา ‘กระสือ’ ถือเป็นผีที่น่ากลัวน้อยที่สุด เพราะมองว่าเป็นภูตผีที่มีแค่ศีรษะ ตับ ม้าม ปอด และลำไส้ลอยไปลอยมา ดูแล้วไม่น่าจะมีความร้ายกาจสักเท่าไร
ในอดีตหนังที่เกี่ยวกับกระสือหลายๆ เรื่อง จึงถูกคุมโทนออกมาในแนวตลกขบขันเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็วางให้เป็นลูกคู่กับผีปอปเพื่อเป็นตัวสร้างสีสัน แต่สำหรับ แสงกระสือ ซึ่งถูกนำมาตีความโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่มีผลงานอย่าง เด็กใหม่ ตอน 2 และ Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย เขียนบทภาพยนตร์โดย ‘มะเดี่ยว’ – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล พร้อมกับได้ที่ปรึกษาด้านวิชวลอย่าง วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ก็ทำให้กระสือเวอร์ชันนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที
รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
จำ “จูบแรก” ของคุณได้ไหม? เด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านอันห่างไกล ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนอื่น แต่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนานที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่รู้ความจริง และพยายามปกป้องเธอจากการไล่ล่าของชาวบ้านที่หวาดกลัวผีกระสือ ความใกล้ชิดของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรัก ขณะที่อสูรกายอีกสายพันธุ์หนึ่งก็ต้องการหัวใจของเธอเพื่อความเป็นอมตะ หนทางที่เธอจะอยู่รอดคือหนีออกจากหมู่บ้าน หรือการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตามล่า… แล้วเขาจะปกป้องเธอได้หรือไม่
รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
     เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกรุงเทพฯ ยังถูกเรียกว่าพระนคร และในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวพระนครเท่าไรนักก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อ สาย (ณฑิรา พิพิธยากร) หญิงสาวที่ใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้เป็นนางพยาบาลคอยช่วยเหลือชาวบ้าน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย ซึ่งหนังก็บอกกับคนดูตรงๆ ว่าเธอคือกระสือ แต่ก็มีข้อสงสัยบางอย่างว่าในเมื่อสายได้รับการถ่ายทอดเชื้อกระสือมาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมถึงมาออกอาการในตอนโตช่วงนี้
     สายมีเพื่อนผู้ชายอยู่สองคนนั่นคือ เจิด (สพล อัศวมั่นคง) และ น้อย (โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) ซึ่งเจิดนั้นหลงรักและหมายมั่นว่าจะได้ครองคู่กับสายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนน้อยกลับเป็นคนที่สายมีใจให้ แต่น้อยก็จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ในพระนครเพื่อร่ำเรียนเป็นหมอ และมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้เขาต้องกลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกครั้ง พร้อมกับเหล่าผู้ล่ากระสืออีกหนึ่งกลุ่ม เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก

รีวิว แสงกระสือ ดีกว่าที่คิดเยอะมากกก
     เรื่องราวในช่วงครึ่งแรกเป็นการปูที่มาที่ไปของตัวละครหลัก และบอกเล่าถึงวิถีการใช้ชีวิตของคนในหมู่บ้าน ไปพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของกระสือ ซึ่งเนื้อเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างมีความเนิบช้าและเยิ่นเย้อไปสักหน่อย กว่าเรื่องราวจะถูกขมวดให้เข้มข้นและกดดันขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
     ทีมนักแสดงของ แสงกระสือ นั้น ทำออกมาได้ดีทั้งเรื่องของการแสดงที่ตัวละครหลักแทบจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ โดยเฉพาะฝีมือของ สพล อัศวมั่นคง ที่เราว่าผู้ชายคนนี้น่าจะพัฒนาจนเป็นนักแสดงที่ขายฝีมือได้ในอนาคต ส่วนทางด้านนางเอกนั้นแม้จะยังไม่เข้าที่อยู่บ้าง แต่การแสดงออกด้วยสายตาทำออกมาในระดับที่ถือว่าสอบผ่าน และ โอบ นิธิ ขวัญใจแม่ยกคนนี้ ต้องยอมรับว่าบทของน้อยมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องอย่างมาก ทำให้เขาต้องแบกความกดดันของหนังเอาไว้สูงจนในหลายๆ ฉาก ยังทำออกมาได้พอให้ผ่าน
     ในงานด้านโปรดักชัน ถือว่าทีมงานมีความตั้งใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสูงจนเห็นได้ชัดทั้งการจัดองค์ประกอบภาพที่วางแต่ละซีนได้อย่างสวยงาม การถ่ายภาพที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน และซีจีที่ทำออกมาได้อย่างไม่รู้สึกขัดตา และบทภาพยนตร์ที่เข้มแข็ง
     แม้งานโดยรวมของ แสงกระสือ จะจัดอยู่ในระดับเกรดเอของภาพยนตร์ไทย แต่ก็มาพร้อมกับข้อด้อยบางอย่าง นั่นคือไม่สามารถทำให้เรารู้สึกอินไปกับเรื่องราวของตัวละคร ทั้งประเด็นรักสามเส้า การเมืองในระดับหมู่บ้าน การมาของคนแปลกหน้าพร้อมกับการคลี่คลายปมบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ถูกขยี้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ ทำให้ความเข้มข้นในบางประเด็นที่กำลังเหมือนว่าจะมีความพิเศษนั้นอ่อนแรงลง
     งานด้านภาพเองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ลดทอนบรรยากาศของความขลังและความน่าสงสัยลงไป เนื่องจากความสวยงามในการจัดแสง และความสดใสของโทนภาพ ที่กลายเป็นดาบสองคมให้กับบรรยากาศของหนังไปบ้าง (ลองนึกถึงฉากที่ใกล้เคียงกันกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ใน เปนชู้กับผี ดู)
แต่สิ่งที่เราชอบใน แสงกระสือ คือการที่หนังกำลังบอกกับคนดูว่า สุดท้ายแม้ว่าเราจะกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาของใครก็ตาม แต่ถ้าใช้หัวใจในการมองไปที่คนคนนั้น เราจะไม่รู้สึกรังเกียจหรือหวาดกลัวในสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังเป็นอยู่แม้แต่น้อย
     เช่นเดียวกับธรรมชาติของกระสือที่เวลาถอดหัวออกจากร่างจะมีการเปล่งแสงประกายออกมา ท่ามกลางความมืดมิดของใจคน แสงของความรักก็ยังคงเปล่งประกายให้เราได้เห็นอยู่เสมอ แม้สุดท้ายเราจะพบกับความจริงที่น่าเศร้าว่ามนุษย์เลือกที่จะกลบฝังแสงสว่างนั้นให้จมหายไปในความมืด เพียงเพราะว่าแสงนั้นเกิดมาจากความผิดปกติที่เราไม่เคยเปิดใจยอมรับมัน

หนังไทยแนวแฟนตาซีเฮอร์เรอร์ที่โปรดักชั่นน่าดูมากถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้เลย  สำหรับหนังผีกระสือ ผีโบราณที่แปลกแหวกความรู้สึกคนยุคใหม่ แต่ก็ทำออกมาได้รสชาติสากลแต่มีความขลังในแบบไทยสูงมาก ใครเด็กยุค 90 น่าจะจำละครช่อง 7 ที่มีกระสือยายสายและเนื้อเพลง “กระสือกลางวันมันเป็นหญิง มีทุกสิ่งธรรมด๊า ธรรมดา” ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นอีกผีที่คู่ขวัญชาวไทยมาตลอดเช่นกันหนังฟรี  หนังใหม่

 

ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบ

รอบนี้ค่าย ทรานสฟอร์เมชั่น ได้นำผู้กำกับ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับ Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย มาถ่ายทอดจินตนาการเหนือจริง พร้อมด้วยดารานักแสดงรุ่นใหม่ในบทนำทั้ง โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร และ เกรท-สพล อัศวมั่นคง และยังเป็นการคืนจออีกครั้งของดารารุ่นใหญ่อย่าง เอ็ม-สุรศักดิ์ วงษ์ไทย ด้วย เรียกว่าทั้งโปรดักชั่น ซีจี ดารา น่าตื่นตาตื่นใจไปหมดทีเดียวเชียว
สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างมากคือความพิถีพิถันระดับงานคราฟต์ ของผู้สร้างหนัง คือ การถ่ายภาพ ไลท์ติ้ง โลเกชั่น อาร์ตไดฯ คอสตูม แต่งหน้า เทคนิคพิเศษ รวมถึงซีจี คือเนี้ยบมาก ทำดีต้องชมครับ ความตั้งใจนี่ถ่ายทอดมาให้เห็นในทุกเม็ดทุกดอกของหนังเลย และส่วนที่สำคัญมากคือ รสนิยมดี ดีตั้งแต่เริ่มคิดโปรเจ็กต์ พูดถึงกระสือเราก็ติดภาพเก่า ๆ แต่ผู้กำกับโดมกลับมองต่างออกไป ผีกระสือไม่ใช่ความแหวะ แต่มันคือความงดงามในแบบหนึ่ง แสงของกระสือคือแสงแห่งความยวนใจ ไม่ใช่ความสยอง
ผู้กำกับชี้ให้เห็นความต่างของเวอร์ชั่นนี้กับที่ผ่านมาว่า “ในฐานะคนดูหนังพอนึกถึงกระสือเรามักจะยึดติดกับผีสาวที่มีหัวกับไส้และกินอาจม แต่ทางทรานส์ฟอร์เมชั่นพูดขึ้นมาว่า แล้วทำไมเราไม่ทำออกมาให้มันดีล่ะ คำนี้ท้าทายผมมาก โจทย์ในหัวของผมก็คือจะทำยังไงให้ออกมาเป็นกระสือสวยงาม”
คำว่าสวยงามนี้สำคัญมากเหมือนเป็นคีย์ของโปรดักชั่นโดยรวมเลยทีเดียว และก็ตอบโจทย์การผสานงานอาร์ตกับงานบันเทิงที่ลงตัว นี่น่าจะเป็นปัจจัยความสำเร็จของหนังในตลาดเมืองนอกแน่ ๆ
สิ่งที่ต้องชมต่อมาคือ การแสดง คือเราต้องไม่ลืมว่า บทนำ 3 คนนั้น มีถึง 2 คนที่จัดได้ว่าหน้าใหม่เลย และอีก 1 คนอย่างโอบ-นิธิ ก็ยังอยู่ในช่วงของการพิสูจน์ตัวเอง ทว่าการแสดงของทั้งสาม คือเอาอยู่ ไม่ใช่เอาอยู่ธรรมดามันรีดเร้นพลังตั้งแต่หัวใจมาถึงสายตาในการแสดงทีเดียว ต้องยอมรับว่า เราไม่ค่อยเห็นหนังไทยที่ดึงพลังการแสดงด้วยสายตามากนัก ในขณะที่หนังต่างชาติเขาทำเป็นเรื่องปกติ การที่หนังเรื่องนี้ทั้งให้จังหวะเวลาที่พอดี ให้การกำกับการแสดงที่ถูกต้อง และได้การแสดงที่ตรงโจทย์สื่อความอย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นพลังด้านการแสดงที่ทำให้เราตราตรึงมากเช่นกัน นี่ยังไม่นับมาตรฐานการแสดงของดารารุ่นเก่าทั้งหลายที่มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องซึ่งดีเป็นทุนแล้ว และการแสดงของตัวประกอบที่ชัดเจนว่าไม่ได้คัดมาแบบขอไปที แต่ตัวประกอบทุกตัวมีเรื่องราวมีการแสดงที่ส่งหนังได้อย่างน่าสะพรึง
ในด้านเนื้อหา หนังได้มะเดี่ยว-ชูเกียรติ มาเขียนบท ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ดีในฐานะคนเขียนบทด้วย และแน่นอนเมื่อหนังขับมาทางความรักสามเส้า ความคิดจิตใจแบบมนุษย์ที่มิติซับซ้อน รวมถึงความเป็นดราม่าแบบย้อนยุค ก็เรียกว่าลงตัว ดึงศักยภาพของมะเดี่ยวออกมาได้เต็มที่ สิ่งหนึ่งที่บทของมะเดี่ยวทำได้ดีมากคือการไม่ทำให้ผู้ชมเบื่อแม้กราฟหนังจะเล่าไปแบบไม่มีจุดลุ้นนัก เพราะบทจะสอดแทรกจุดหักมุมมากให้ช็อกคนดูอยู่ทุกระยะอย่างชำนาญมือ
แล้วผู้กำกับหนังก็ไม่พลาดที่จะใช้บทที่ดีในการสร้างหนังที่ดี นี่จึงคือความสมบูรณ์ที่เราบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีและดูสนุก ไม่ได้สนุกในแบบหนังบันเทิงจ๋า แต่มันคือความสนุกของการดื่มด่ำไปกับรสทางอารมณ์ทั้งสุขเศร้า รักหวานซึ้ง การเสียสละ ความรันทดใจ อย่างยิ่งยวด ซึ่งคู่ควรกับคำว่า คลาสสิก จริง ๆ
การที่ แสงกระสือ นำตำนานที่คุ้นเคยของคนไทยมาเล่าใหม่ มันก็ทำให้เรื่องราวดูทันสมัยไม่เฉิ่มเชย ตอบโจทย์วัยรุ่นด้วยการผูกเรื่องความรัก 3 เส้าเข้ามาด้วย ก็เป็นอะไรที่สูตรสำเร็จแต่ก็ใช้ได้ผลทุกที ที่มาที่ไปของกระสือมีการอธิบายชัดเจนว่า เจ้าผีสางตัวนี้มันมาจากอะไร มีวิธีติดต่อ-กลายพันธ์อย่างไรบ้าง ซึ่งดู ๆ ไปแล้วก็ให้อารมณ์ผีซอมบี้แบบฉบับไทย ๆ นี่แหละ
งานโปรดักชั่น งานถ่ายภาพหรือสถานที่โลเคชั่นการถ่ายทำ บอกเลยว่าดูดีมาก โดยในเรื่องจะเล่าเรื่องราวในเขตชนบทห่างไกลจากเขตพระนคร อาคารสถานที่ให้บรรยากาศอึมครึมไม่น่าไว้วางใจ แม้กระทั่งในฉากตอนกลางวันก็ยังให้ความรู้สึกสยอง บวกกับดนตรีประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็พยายามบิ้วท์ เร่งเร้าอารมณ์ให้คนอินกับหนังเหลือเกิน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีและหายากทีเดียวที่หนังไทยมีดนตรีประกอบขับเคลื่อนอารมณ์คนดู
kiss2บทภาพยนตร์ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้แสงกระสือ ดูดีกว่าหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา มีปมปริศนาการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม มีลูกเล่นชั้นเชิงให้คิดตามตลอด ความดราม่าใส่ได้สุดหรือความรักของตัวละครหลักก็ทำได้ดี จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่แสนเศร้า และที่น่าสนใจก็คือภายใต้แวหนังสยอง-โรแมนติก มันก็มีความเป็นหนัง “แอ็คชั่น” แฝงนิดหน่อยด้วย เชื่อว่าหากนำส่วนของฉากแอ็คชั่นไปต่อยอดก็เรียกว่าน่าสนใจมาก ๆ ทีเดียว
ตัวละครหลักในเรื่องมีความสำคัญ แม้กระทั่งตัวละครรอง ๆ ก็ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลัก สามารถนำไปแก้ประเด็นที่ผูกไว้ บ่งบอกได้ว่าทีมงานใส่ใจกับบทตัวละครได้ดี นางเอกของเรื่อง (มินนี่ – ภัณฑิรา พิพิธยากร) แสดงดีมาก ทั้งในตอนที่เป็นคนหรือกระสือ ซึ่งการแสดงสีหน้าตอนเป็นผีเผลอ ๆ ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ที่สมทบก็ทำได้ดีไม่แพ้กันช่วยเสริมให้หนังมีสีสันมากขึ้น
ในอีกด้านเราอาจมองได้ว่านี่คือหนังแนวก้าวพ้นวัยในรูปแบบหนึ่ง เด็กสาวที่วันหนึ่งเธอต้องพบว่าชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจะรับมืออย่างไร หากเปรียบเปรยการเป็นกระสือก็อาจเหมือนการเติบโตด้านร่างกาย มีประจำเดือน ร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความเขินอายต้องหลบซ่อน แต่สุดท้ายเรื่องราวของกระสือก็เป็นการสอนว่าเราไม่อาจต่อต้านธรรมชาติของการเติบโตได้ ไม่ว่าทั้งด้านดีหรือด้านร้าย แค่ต้องเรียนรู้และยอมรับ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของตนเอง และผู้อื่น ความรู้และการเปิดใจกว้างคือหนทางชนะสิ่งที่ไม่รู้และความกลัว หนังเรื่องนี้จึงให้คุณค่าในหลายระดับ ทั้งความงาม ปัญญา และอารมณ์ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

หนังไทยมาใหม่ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นค่ายหนังไทยที่กล้าผลิตหนังแนวทางใหม่ ๆ แปลกๆ แหวกตาคนดู ฮ่าๆๆๆผ มาสร้างความคึกคักให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จนต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ GMM ก็ยังได้ผลิตผลงานคุณภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกับ Mono Films ทำค่าย T-Moment ที่แม้จะมีหนังแค่ 3 เรื่องถ้วนได้แก่ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตรก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง
รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด
และหลังเปิดตัวความร่วมมือล่าสุดกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ และถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป๋็นทางการของคนตระกูลวรลักษณ์ ทั้งวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิศรุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดและผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายชิมลางก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังสแลชเชอร์คอมเมดี้เรื่องนี้นี่เอง เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว บอสฉัน…ขยันเชือด

รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex
ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตคู่หูยูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นต้องใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทผลิตเสื้อยืด แต่หลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอรวมถึง หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอเปิดเผยว่าคุณต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกเธอจึงต้องหาทางพิสูจน์ความจริงก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป
หนังได้ ภูวนิตย์ ผลดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ มาร่วมกันรังสรรค์เรื่องราวแนบสืบสวนสอบสวนคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากพิจารณาจากไอเดียตั้งต้นที่มันตั้งใจหยอกล้อกันระหว่างงานออฟฟิศที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับเจ้านายอย่างคุณต้นก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
รีวิว บอสฉัน...ขยันเชือด
ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ในบท โบกี้
อีกทั้งการได้มุกดานักแสดงสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีพระเอกเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ แค่นี้ตัวหนังก็สามารถเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อสังเกตประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยคือการปูความสัมพันธ์ของตัวละครโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามตรงว่าแม้ฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ แต่กว่าหนังจะมาปูความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ปาไปองก์สองของหนังแล้ว ที่สำคัญความขัดแย้งของทั้งคู่ยังนำเสนอออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ง้องแง้งกันมากกว่า และยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยตัวละครเพื่อนสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวเท่าไหร่เข้าไปอีก
ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร ในบท หลินฮุ่ย นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ ในบท โจ๊ก
ประการต่อมาคือการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตคนดูอดคาดหวังไม่ได้เลยว่าตัวหนังควรออกมาระทึกและมีคนตายรายทางจนสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งเรื่องการฆาตกรรมเป็นเพียงอดีตที่เกิดขึ้นนานนับปีแค่ศพเดียว แล้วหนังก็เสียเวลาจับแพะชนแกะรายทางเอาทั้งความสงสัยแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร จงวิลาส) จนเราอดสงสัยในระดับสติปัญญาของนักสืบ 3 สาวไม่ได้เลย ที่สำคัญคือจุดหักมุมของมันก็มาในแบบจับยัดมากกว่าจะมีการปูปมนี้มาแต่ต้นไปอย่างน่าเสียดาย
เบื้องหลังฉากห้องนักบินในภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ใช้กล้อง Sony VENICE และเลนส์ Voigtlander
ประการสุดท้ายเลยคืองานกำกับของหนังยังไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกตามตัวละครหรือสถานการณ์ในเรื่อง ทั้งที่หนังมีฉากที่เอื้อต่อการทำให้คนดูตามติดและอกสั่นขวัญแขวนได้เพียบทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปจนถึงไคลแมกซ์ของหนังที่แม้จะทำให้คนดูได้หัวเราะและสนุกสนานบ้าง แต่จังหวะของมันก็เอื่อยจนผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ ทั้งการกำกับการแสดงที่เหมือนผู้กำกับเองก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ตัวละครรีแอ็กกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไงจนดูประดักประเดิด มุกที่ให้หลินฮุ่ยเอาตัวชนกับฆาตกรก็ดูเป็นมุกสังขารที่เกินความเข้าใจไปหน่อยจนมันดูกระอักกระอ่วนเกินจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ครับ หนังฟรี  หนังใหม่

ความรู้สึกหลังดูหลายๆอย่าง 

แต่กระนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีมาก ๆ แต่ดันมาตอนจบคือคำพูดของฆาตกรที่ว่าด้วยสังคมการทำงานแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นสายที่เอาคนรู้จักหรือมีความสัมพันธ์เข้ามาทำงานด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหากหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทยที่มีบทหนังวิพากษ์สังคมการเมืองที่ทำงานที่เฉียบคมมาก ๆ อย่างไรก็ดีหากใครจะเข้าไปเสพหนังสนุก ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็ถือว่ายังตอบโจทย์อยู่ดีครับ
ความรู้สึกหลังดูจบ
หนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยสนุกเลยฮะ เดินเรื่องวนเวียนไม่ไปข้างหน้าซะที และด้วยความยาวหนังประมาณ 2 ชั่วโมงจึงกลายเป็น 2 ชั่วโมงที่อืดอาดยืดยาดมาก แถมปูมหลังของตัวละครที่พยายามสอดแทรกเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้หนังมันเมคเซนต์อะไรเท่าไหร่นัก
ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวผู้กำกับเองหรือได้โจทย์มาจากทางค่ายนะฮะ ถึงได้ตีความและเล่าหนังออกมาในทิศทางแบบนี้ คือหนังไม่มีความชัดเจนในแนวทางใดแนวทางหนึ่งเลย เราจึงได้เห็นว่าหนังมีทั้งความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังตลก (จุดนี้จะเห็นได้ตั้งแต่โปสเตอร์แล้วที่ทำให้คนดูรับรู้ว่านี่เป็นหนังตลกนะ) แต่มันก็ไม่ตลกเลย มุกแป๊กมาก ก็มีบางซีนที่พอให้ขำ หึหึ ได้บ้างแต่จากที่สังเกต คนดูทั้งโรงก็ไม่ได้ หึหึ กันทุกคนนะ
หนังมีทั้งความ “พยายาม” จะเป็นหนังตลกร้ายจิกกัดสังคมแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ถึง ทั้งๆ ที่เรื่องราวในแวดวงพนักงานออฟฟิศ มีอะไรให้เอามาเล่นได้อีกเยอะ แต่หนังก็ไม่เอามาเล่น (แค่แตะๆ พอให้เห็นว่ากำลังเล่าเรื่องของพนักงานบริษัทอยู่นะ)
และสุดท้ายหนังยังมีความ “พยายาม” ที่จะเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญหักมุม ซึ่งในพาร์ทนี้แมวโอเคนะ โดยเฉพาะในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเนี้ย ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย เพียงแต่ว่ามันถูกความอืดอาดยืดยาดน่าเบื่อที่ทำให้มีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่หนังจะจบครอบงำมาเกือบทั้งเรื่องแล้ว พอมาถึงจุดไคลแมกซ์อารมณ์มันเลยไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น
สิ่งที่ต้องขอชมเชยมากที่สุดสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือการแสดงของคุณ ดีเจเผือก ฮะ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการและศักยภาพทางด้านการแสดงของเขาอย่างชัดเจนเลยฮะ สามารถทำให้เรา “เชื่อ” ในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อกับเราได้
สำหรับหนังเรื่อง My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือด เป็นหนังไทย อีกหนึ่งเรื่อง ที่เราคิดว่าพล็อตเรื่อง และ แนวของหนังได้ ดีมีความแปลกใหม่ และ น่าสนใจมาก ซึ่งจะไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในประเทศไทย โดยหนังมีการหยิบยกทฤษฎีทางจิตวิทยาเข้ามาพูดถึง และการดำเนินเรื่อง วางทามไลน์หรือนักแสดงภายในเรื่องทุกอย่างออกมาในทิศทางที่ดีโอเคเลย แต่การนำเสนอเรื่องราวนี้เรียกว่าขาดมิติหรือลูกเล่นภายในเรื่องสุด ๆ ไม่มีจุดไคลแมกซ์หรือจุดพีคทำให้คนดูรู้สึกเบื่อไม่ตื่นเต้น อีกทั้งในบางจุดของหนังก็รู้สึกถึงความไม่ Make Sence จับนั้นผสมนี่ ยำใส่กันจน งง ถึงขั้นจะต้องอุทานว่าอีหยังว่ะกันเลยเดียว! หรืออย่างในตอนจบที่มีฉากแอคชั่นต่อสู้กัน หนังต้องการพรีเซนต์ให้ดูตลกแต่เรากลับรู้สึกว่ามันดูพยายามจนทำให้แข็งทื่อไปซะงั้น
My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือดMy Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือดอีกทั้งในเรื่องนี้จะต้องมีพาร์ทของการสืบสวนแต่ไม่มีความเข้มข้นไปไม่สุด ออกไปแนวครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีช่องว่างเยอะเกิน ทำให้ดูไปหงุดหงิดไป กลับกลายเป็นหนังสืบสวน ระทึกขวัญก็ไม่ใช่ หรือจะไปในแนวตลกคอมเมดี้ก็ไม่เชิง เพราะหนังเรื่องนี้แทบมีมุขหรือฉากตลกที่น้อยมาก ถึงมีก็มียังฝืด ๆ
My Boss is a Serial Killer บอสฉัน ขยันเชือดบอก ตรง ๆ ว่า สำหรับเรื่อง My Boss is a Serial Killer บอสฉันขยันเชือด แอบเสียดายนักแสดงในเรื่องมาก เพราะเป็นนักแสดงชั้นนำที่โด่งดังที่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ก้อง สหรัถ , ไอซ์ ปรีชญา , มุกดา นรินทร์รักษ์ , เผือก พงศธร และนักแสดงสมทบอย่าง ผักกาด พอวิไล , โอ๊ต ปราโมทย์และ นอท สัณหณัฐ โดยในเรื่องนี้คนที่โดดเด่นน่าจับตามองก็คือ มุกดา นรินทร์รักษ์ ที่ก้าวขามาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้และเป็นMain Cast เรื่องแรกเลย นับว่าทุกบทบาทแสดงออกมาได้ดีและเต็มที่มาก ๆ ค่ะ จุดนี้ทางเราขอชื่มชม ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์