Tag Archives: หนังเก่าไทยน่าดู

รีวิว ร่างทรง

รีวิว ร่างทรง

รีวิว ร่างทรง

สวัสดีครับทุกคนวันนี้ก็อยู่กับ แบงค์ รีวิวหนังอีกแล้วนะครับ วันนี้เราจะมาคุย
เรื่องย่อ: เรื่องราวการสืบทอดทายาทร่างทรง ย่าบาหยัน ของครอบครัวหนึ่งในภาคอีสานของไทย เมื่อทายาทรุ่นปัจจุบันไม่อยากรับช่วงต่อแต่ก็ไม่อาจฝืนชะตาได้ นำมาสู่เรื่องราวเขย่าขวัญคนทั้งโลก!
รีวิว ร่างทรง
เรื่องเกริ่นขึ้นใน ปี 2018 ทีมงานสารคดีทำข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวร่างทรงในไทย และไปพบเจ้าของเรื่องอย่าง ป้านิ่ม (เอี้ยง-สวนีย์ อุทุมมา) ที่เป็นร่างทรง ‘ย่าบาหยัน’ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่นในจังหวัดเลย ที่น่าสนใจคือย่าบาหยันจะสืบทอดกันต่อเฉพาะลูกหลานที่เป็นผู้หญิงในตระกูลของป้านิ่มเท่านั้น โดยคนที่มีแนวโน้มรับต่อในปัจจุบันมากที่สุดคือ มิ้งค์ (ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร) ลูกของพี่สาวป้านิ่มนั่นเอง ทำให้ทีมสารคดีขออนุญาตมาถ่ายทำป้านิ่มและครอบครัวในปี 2019 จนได้มาเจอเรื่องราวต่าง ๆ และตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อของสารคดีจากเรื่องว่าร่างทรงคืออะไร มาเป็นเรื่องของการสืบทอดร่างทรงแทน
รีวิว ร่างทรง
เรื่องราวที่เราจะได้รับชมทั้งหมดในหนังเรื่อง “ร่างทรง” จึงมาจากสายตาของทีมงานสารคดีนี้ทั้งสิ้น
ร่างทรง
นี่คือการกลับมารับงานหนังสยองขวัญครั้งล่าสุดของ โต้ง – บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับชั้นแนวหน้าในปัจจุบันของไทยจากทั้งผลงานปลุกกระแสผีไทยจาก “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” (2547) จนมาถึงสร้างประวัติศาสตร์หนังไทยพันล้านจากหนังสยองปนขำเรื่อง “พี่มากพระโขนง” (2556) ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเขาในทุกย่างก้าว
และการก้าวรอบนี้ก็เรียกว่าเป็นบันไดก้าวแรกสู่ระดับนานาชาติของบรรจงอย่างแท้จริง เพราะเขาได้รับการทาบทามให้ร่วมงานกับผู้กำกับเกาหลีชื่อดังระดับเวทีนานาชาติอย่าง นาฮงจิน ที่เคยมีผลงานแนวสยองขวัญเรื่อง “The Wailing” (2016) ที่ได้รสชาติสยองชวนคิดที่น่าสนใจ และหนังเรื่อง “ร่างทรง” ก็ไปคว้าอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีมาได้ด้วยอย่างงดงามเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พร้อมคำชื่นชมในดีกรีความโหดขนหัวลุกของหนัง แน่นอนว่านี่คือความภูมิใจของคนไทยอย่างแท้จริงแล้ว โดยไม่ต้องสนใจว่าหนังจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี

รีวิว ร่างทรง

รีวิว ร่างทรง

ถ้าจะนับว่าอะไรที่ นาฮงจิน ส่งผลด้านดีต่อหนังนอกไปจากโครงเรื่องตั้งต้นที่เดิมเขาตั้งใจไว้ทำ “The Wailing” ภาค 2 นั่นก็คือ แนวทางการสร้างฉากและบรรยากาศของหนัง ที่กลิ่นฝนชื้นในชนบทดูเยือกเย็น ชวนเร้นลับ และภาพแปลกตาของพิธีกรรมความเชื่อที่แฝงอยู่ในชีวิตของคนได้อย่างน่าทึ่ง ฉากหลังเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ขาดไปรับรองหนังมีกร่อยลงแน่ ๆ
และต้องบอกว่าดีไซน์ของทีมงานคนไทยไม่ใช่ย่อย ๆ เลย ไม่ว่าจะฉากหุบผาที่สถิตของรูปปั้นย่าบาหยัน รวมถึงตึกร้างที่รากไม้ชอนไชเป็นทรวดทรงน่าขนลุก นี่คือ 2 ฉากเด่น ที่แค่เห็นไม่ต้องเอาดนตรีหรืออะไรเข้าช่วยก็ชวนขนลุกแล้ว พอประกอบกับดนตรีที่สร้างอารมณ์ร่วมมาก ๆ และการแสดงแบบเหมือนประทับร่างของนักแสดงสายฝีมือล้วน ๆ ทั้งตัวหลัก ตัวรอง ตัวประกอบ (เนี้ยบยันตัวประกอบนี่สำหรับหนังไทยคือคุณภาพสูงมาก) และบทหนังที่ปั่นหัวคนดูไปมา มันจึงเป็นหนังที่มีพลังสูงมาก ต้องปรบมือในการเลือกใช้นักแสดงที่เอาชื่อชั้นฝีมือเข้าว่าจริง ๆ
ครึ่งหลังของหนังเพียว ๆ จัดได้ว่า ตึงเครียด ปั่นประสาท ขนหัวลุก น่ากลัวมาก ๆ บางช่วงทำเอาคลื่นไส้มวนท้อง อาจเพราะความมืดของโรง การเคลื่อนภาพที่สมจริงสั่นไหวเหมือนอยู่ในสถานการณ์ ดนตรีที่โหมกระหน่ำ การตัดต่อที่ฉับไว ต้องยกความดีครึ่งหนึ่งให้กับการชมในโรงภาพยนตร์จริง ๆ ถ้าจอเล็กกว่านี้ มืดน้อยกว่านี้ ดนตรีไม่ดังอย่างนี้ มันคงไม่ได้ผลตามที่คนทำหนังต้องการนัก แล้วเรื่องไล่ระดับอารมณ์ได้ดีไม่มีหย่อนแบบอัดแล้วอัดเล่าใส่หัวใจคนดูตลอดครึ่งเรื่องหลัง จนอยากปรบมือให้ดัง ๆ
อีกความน่าชื่นชมของหนังคือความรุนแรงของเรื่องที่กล้าท้าทายข้อห้ามจารีตสังคมไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างน่าชื่นชมในความฉลาดไม่โฉ่งฉ่าง คงเล่าไม่ได้ว่าทาบูที่โดนขยี้ย่ำนั่นเป็นอะไรบ้าง แต่เห็นความจงใจลองของตรงนี้ชัดเจน ถ้าฝีมือการเล่าด้อยกว่านี้ รับรองไม่ผ่านหน่วยงานหั่น-แบนของไทยแน่นอน (และชื่อ GDH ก็อาจเป็นเกราะช่วยประมาณหนึ่ง) และที่สำคัญอาจกลายเป็นหนังไร้รสนิยมไปได้ง่าย ๆ ทีเดียวกับการเล่นของโสมมทั้งทางสายตาและทางจิตใจแบบนี้ ขอปรบมือดัง ๆ ให้อีกรอบ
บุญส่ง นาคภู่ เป็นอีกหนึ่งคนเบื้องหลังที่มาทำเบื้องหน้าได้สุดติ่ง ละสายตาจากเขาเวลาอยู่บนจอไม่ได้จริง ๆ
อีกส่วนที่ก้ำกึ่งว่าจะดีหรือไม่ดี แต่ส่วนตัวชอบกว่าครึ่งหลังเพียว ๆ เสียอีก คือการหย่อนรายละเอียดในชีวิตของตัวละครได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องที่พี่น้องไม่เต็มใจเป็นร่างทรง จนถึงขั้นมีความพยายามหนีปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ๆ หรือการหนีไปพึ่งพระเจ้าอีกศาสนา อะไรพวกนี้น่าสนใจมาก ๆ ถ้าเป็นหนังสารคดีจริง ๆ เราคงเห็นแง่มุมพวกนี้ประเทืองปัญญาเราได้อีกมาก แต่เมื่อมันอยู่ในหนังสยองมันเลยมีที่ทางได้จำกัด และทำให้ครึ่งแรกของหนังคาบลูกคาบดอกระหว่างความน่าสนใจกับความน่าเบื่อ เพราะมันประดิษฐ์เล่าผ่านการให้สัมภาษณ์ตัวละครต่าง ๆ อยู่มาก บทสนทนาเองก็ค่อนข้างเยอะเพื่อปูภูมิหลังและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังในช่วงที่ภาพยังเล่าเรื่องลึกซึ้งด้วยตนเองลำบาก
และการตัดต่อ อาจรวมถึงการเล่าเรื่อง แม้จะทำได้ดีมาตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็เห็นความแปลกอยู่บ้างเหมือนกันเช่น ความพยายามหลอกให้หลงทางแต่หลงไม่สุด เพราะแอบหยอดอยู่ว่าไม่ใช่นะ ทำให้พอเฉลยก็ไม่ได้รู้สึกว้าวนัก ซึ่งมีการตัดต่อที่ดูลำดับแปลก ๆ อยู่เช่นกัน จากที่ปกติควรให้คนดูตะลึงว่าเข้าใจผิด แล้วค่อยไปดูผลอีกด้าน กลับเลือกไปให้ดูผลอีกด้านที่ทำให้คนเดาออกทันทีก่อนที่จะไปตกใจกับการเฉลยหนังฟรี  หนังใหม่

ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบ

อย่างที่กล่าวไปว่าหนังมีจุดแข็งดี ๆ มากเลยทีเดียว แต่โชคร้ายที่หนังมีเนื้องอกของมันเองอยู่
ไม่แน่ใจว่าวิธีการนำเสนอที่มาลงปลงใจกับแนวทางสารคดีนี้ใครเป็นคนต้นคิดหรือชี้ขาด ข้อดีของมันแน่ ๆ คือการสร้างสภาวะสมจริงด้วยรูปแบบที่คนคุ้นชินว่ากำลังดูความจริง ทั้งเคลื่อนกล้องถือถ่าย มีเสียงทีมงานถามคำถาม การเข้าไปปรากฏกายของทีมงานเป็นระยะ เพื่อให้ดูเรียล แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามว่าด้วยตัวเนื้อหาและสิ่งดี ๆ มากมายที่หนังมีอยู่แล้วจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้แนวทางสารคดีปลอมมานำเสนอ เพราะสิ่งที่ถูกทำลายแน่ ๆ คือการจดจ้องแช่ภาพหรือเน้นความสวยงามความขลังของฉากที่ถูกคิดมาอย่างดี และคนดูเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกถูกถีบออกมาระหว่างเคลิบเคลิ้มใหลลงในหนังทันที เมื่อตระหนักได้ว่านี่มีทีมงานปลอม ๆ อยู่และทั้งหมดคือหนังสารคดีปลอม
ในช่วงแรกยังคงรู้สึกแค่ว่าวิธีการสารคดีนี้มันเป็นเนื้องอกของหนัง คือเกินจำเป็น แต่ก็ยังประคองตัวอยู่ไปได้เรื่อย ๆ จนสถานการณ์มันเดินหน้ารุนแรงขึ้น ตัวละครเริ่มอาละวาดมากขึ้น เนื้องอกนี้ก็เริ่มกลายพันธุ์เป็นเนื้อร้ายไปในที่สุด
ในช่วงแรกสารคดีปลอมทำหน้าที่แค่ตามถ่ายมีคำถามบ้างแต่ก็ยังเห็นความพยายามไม่เข้าร่วมกับตัวเจ้าเรื่อง ใช้การสื่อสารกับคนดูผ่านทางข้อความบนพื้นสีดำเป็นระยะ ที่ว่ามันก็เป็นเพียงเนื้องอก จนกระทั่งเมื่อทีมงานถ่ายติดยายตาบอดในงานศพแล้วไม่มีคำถามใด ๆ ว่านั่นคนหรือผี ไม่มีแม้ความตกใจกับฟุตล้ำค่าที่ตนเพิ่งถ่ายได้ เราจึงเริ่มตั้งคำถามกับทีมงานสารคดีในเรื่องว่า ตรงนั้นเป็นคนจริง ๆ อยู่ไหม? และเมื่อตัวละครมิ้งค์เริ่มอาละวาดใส่คนรอบข้าง ตากล้องที่ตามถ่ายใกล้มิ้งค์ที่สุดกลับกลายเป็นสุญญากาศที่มิ้งค์ข้ามผ่านไปเฉย ๆ ทั้งที่ถ้าเราเป็นมิ้งค์อยากอาละวาดใส่อะไรใส่อย่าง ตากล้องที่มาตามถ่ายตลอดเวลานี่ล่ะน่าจะโดนก่อนเพื่อน
ตอนนี้เนื้องอกเริ่มไปดันอวัยวะรอบ ๆ ให้ทำงานผิดปกติให้เห็นแล้ว และเริ่มชัดขึ้นไปอีกเมื่อมิ้งค์มีอาการป่วยในที่ทำงาน แต่นอกจากกล้องกลับไม่มีใครเลยทั้งเพื่อนร่วมงาน พี่น้อง เจ้านาย ที่จะตามไปดู สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในชีวิตจริงคงรู้สึกประหลาดกับจักรวาลในหนัง ยิ่งการที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐเอาหลักฐานฉาวโฉ่ในที่ทำงานตัวเองมาให้คนนอกอย่างทีมงานสารคดีดูหมดเปลือกให้เสี่ยงต่อความเสื่อมเสียออกไปอีก เรายิ่งรู้สึกว่า เมืองเลยในหนัง น่าจะเป็นจังหวัดอีกมิติคู่ขนานกับเมืองเลยในไทยที่เรารู้จักแล้วล่ะ
พอเบียดบังอวัยวะอื่นจนทำงานผิดเพี้ยน ในที่สุดเนื้องอกก็เผยตัวว่า ตูนี่ล่ะคือเนื้อร้ายในที่สุด เมื่อสถานการณ์ในหนังตึงเครียดถึงขีดสุด เรารู้สึกชัดเจนแล้วว่ากล้องสารคดีไม่มีคนอยู่ข้างหลัง ทีมงานที่เราเห็นถูกถ่ายติดเข้ามาบ้างนั่นก็ไม่ใช่คนที่มีชีวิตจิตใจ ไอ้เรื่องความไม่เมตตา ไม่เข้าช่วยเหลือคนตรงหน้า อันนี้พอแถได้ว่าพวกเขายึดถือหลักการของสารคดีแบบไม่มีส่วนร่วมอย่างเหนียวแน่น แต่ถึงขนาดไม่มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดนั้นไม่น่าจะใช่แล้ว หลายครั้งที่สถานการณ์จวนเจียนเป็นหรือตายที่ถ้าเป็นคนปกติต้องตัดสินใจหนีทั้งกล้องไปแล้ว แต่พวกทีมงานสารคดีในหนังกลับยังอยู่แบบงง ๆ และหลายครั้งที่มันจวนตัวถ้าเป็นเราคงเลือกหยิบอาวุธใกล้มือมาปัดป้องภัยตรงหน้า แต่พวกเขาเลือกหยิบกล้องมาถ่ายตัวเองที่กำลังมีอันตรายเสียแทน นั่นดูไม่น่าใช่คนในชีวิตจริงที่เราจะเชื่อได้
และหนักสุดก็คือเมื่อเรื่องราวมันไปสู่บทสรุป มันจะเกิดคำถามว่า เมื่อมันไม่ใช่หนังแนว Found Footage ที่มักมีคำอธิบายมาก่อนในต้นเรื่อง แล้วหนังเรื่องนี้ใครเป็นคนทำ? ไอ้ข้อความที่สื่อสารกับผู้ชมบนพื้นดำมาตลอดเรื่องคืออะไร?
นี่เป็นบาดแผลใหญ่ที่ผู้สร้าง “ร่างทรง” ละเลยไปแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่คิดใส่รายละเอียดในตัวละครไว้อย่างดิบดีน่าสนใจ เลือกนักแสดงมาถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงพริกถึงขิง แต่ตัวละครที่อยู่กับผู้ชมตลอดเรื่องอย่างทีมงานสารคดี ผู้สร้างกลับลืมใส่ความเป็นมนุษย์ลงไป ที่เจ็บปวดที่สุดคือตัวละครหลังกล้องสารคดีพวกนี้นี่ล่ะที่ทำหน้าที่เล่าเรื่องแทนสายตาผู้ชมตลอดเรื่อง หนังที่ออกแบบคิดงานมาอย่างดีเสียเวลาสร้างไปหลายปีเพื่อให้คนอินให้คนดำดิ่งแยกความจริงกับเรื่องสมมติออกได้ยาก จึงพังลงด้วยความไม่น่าเชื่อของตัวแทนการเล่าเรื่องที่ว่ามานี้เอง
น่าเสียดายนะครับ
อีกองค์ประกอบหนึ่งที่คงต้องชื่นชมในหนังเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นงานออกแบบศิลป์ในฉากต่างๆ พิธีกรรมที่จัดฉากขึ้นมาดูมีมนต์ขลังในแบบที่ไม่ต้องพยายาม ทีมงานทำการบ้านในเรื่องนี้ค่อนข้างน่าพอใจ ยิ่งมาผนวกกับบรรยากาศโลเคชั่นป่าฝนริมโขง แถวพื้นที่ จ.เลย และภาคอีสานตอนบน ยิ่งเพิ่มโทนบรรยากาศของหนังให้ดูมีความเลื่อมใสอยู่ไม่น้อย
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น ร่างทรง ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบใดๆ การใช้สูตร Mockumentary ของหนังเกือบจะล้มเหลว ในขณะที่บทหนังก็ดูยังไม่แข็งแรงเพียงพอ หนังพยายามบิ้วท์ความกลัวและความสยองขวัญมากเกินไป เปิดเรื่องมาด้วย ประเด็น ที่ชัดเจน และ น่าสนใจ แต่ดันเบนเข็มไปแตะต้องสูตรสำเร็จความน่ากลัวแบบเดิมๆ ที่ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกบันเทิงตามด้วยสักเท่าไหร่ จากการเปิดตัวร่างทรงแบบสวยๆ มาปิดท้ายกลายเป็นงานคนทรงที่เละเทะข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด และโดยสรุปแล้ว…ความสะพรึงของหนังก็ยังไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้น

รีวิว อีเรียมซิ่ง

รีวิว อีเรียมซิ่ง

รีวิว อีเรียมซิ่ง

 

 

รีวิวหนังไทย ความจริงชื่อของ อีเรียมซิ่ง ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในโปรแกรมมาตั้งแต่ต้นปี 2020 แล้ว ล่ะนะ ทุกคน และนี่น่าจะเป็นหนังไทย ตกค้าง มาจากช่วง การระบาด ของเชื้อไวรัส โควิด19 เมื่อตอนต้นปี ที่อยู่ในการรับรู้ ของคนไทย มากที่สุดแล้ว รวมถึงแอดด้วย ฮ่าๆๆ
รีวิว อีเรียมซิ่ง
และหลังจากที่เลื่อนไปมาจนลงตัวในที่สุดเราก็จะได้เห็นเบลล่า ราณี แคมเปน ในมาดอีเรียมวีรสตรีแห่งบางน้ำกร่อยกันแล้ว
เมื่อโจรปากแดงสุดโฉดออกล่าพรหมจรรย์สาว ๆ เพื่อความเป็นอมตะ และจุดหมายของมันคือ อีเรียม (ราณี แคมเปน) สาวแสบแห่งบางน้ำกร่อยที่ต้องรวบรวมความกล้าและของดีของหลวงพ่อไปช่วยแม่และแรม (ณปภา ตันตระกูล) พี่สาวกุลสตรีแสนเรียบร้อยของนาง แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง (เดียร์ริส สุภัทรภณ กสิกรรม) เพื่อนกะเทยร่วมเรือน, ศรฆ้อนมหากาฬ (น้าค่อม ชวนชื่น), โตโล่บิน (โรเบิร์ต สายควัน) และ หมอ (บอล เชิญยิ้ม) หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่
สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจในตัวหนังอย่าง อีเรียมซิ่ง คงหนีไม่พ้นบรรดามุกกาว ๆ สไตล์หนังผจญภัยตลกและการได้เห็นเบลล่า ราณีมาทำหน้าเป็นและเล่นมุกสไตล์ตลกคาเฟ่พร้อมเสริมทัพด้วยบรรดานักแสดงตลกขาประจำทั้งน้าค่อม คุณโรเบิร์ต สายควันและคุณบอล เชิญยิ้มที่เห็นหน้าก็การันตีได้เลยว่าหนังต้องสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้แน่นอน แต่ผิดคาดเราไม่แน่ใจว่าด้วยความที่หนังออกฉายช้าหรือตัวหน้งจริงมีปัญหาการถ่ายทำอะไรหรือเปล่าถึงทำให้มันออกมาเป็นต้มยำที่ไม่จี๊ดจ๊าดและดูจืดชืดเกินไปหน่อย
รีวิว อีเรียมซิ่ง
ปัญหาแรกต้องยอมรับเลยว่าตัวบทหนังดูจะยังไม่สามารถทำให้เรารักอีเรียมได้มากพอจะเอาใจช่วยนางเท่าไหร่นัก คือจากตัวอย่างเราเห็นเรียมเปิ่นฮาและก๋ากั่นยังไงตัวหนังจริงก็ไม่ได้ให้อะไรเรามากกกว่านั้นสักเท่าไหร่ และยิ่งการให้เบลลาเล่นมุกตลกแบบรวมฮิตทั้งมุก “ท่านเกียรติผู้มีแขก” มุกปักตะไคร้ หรือบรรดามุกสังขารต่าง ๆ ก็ทำให้เบลลาดูเป็นหุ่นยนต์ก๊อปปี้มุกตลกมากกว่าจะสร้างเสน่ห์ให้เธอเหมือนอย่างบทแม่การะเกดในบุพเพสันนิวาส แม้ว่าต้องยอมรับว่าเธอก็เล่นตลกแบบไม่ห่วงสวยจนสร้างความครื้นเครงให้หนังได้อยู่บ้างก็ตาม
ส่วนปัญหาต่อมาแม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์การเป็นหนังผจญภัยสไตล์นิยายเพชรพระอุมาที่มีทั้งจระเข้ยักษ์ งูเห่าเพลิง มีคาถาอาคมแต่ด้วยคุณภาพงานสร้าง CG ต่าง ๆ ที่ทำได้ไม่ถึงพอมันอยู่ในหนังก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรนักและด้วยจังหวะหนังที่เหมือนถูกบังคับท่าไม้ตายให้เป็นหนังตลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบมันเลยถูกนำเสนอแบบขอไปที แถมยังต้องเจียดเวลาของหนังมาให้น้าค่อม โรเบิร์ตสายควันและบอล เชิญยิ้ม ได้เล่นมุกสังขารปากบวมตัวบวมอะไรอีก จนฉากผจญภัยที่ควรสร้างความตื่นเต้นหมดพลังไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิว อีเรียมซิ่ง

รีวิว อีเรียมซิ่ง

แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สนุกไปกับมันอยู่บ้างโดยเฉพาะการมีอยู่ของแพท ณปภา ตันตระกูล ที่สามารถฉายเสน่ห์ในมุกโดนวางยาว่านราคะที่ทั้งเซ็กซี่และฮาสุด ๆ รวมไปถึงมุกบีตบ็อกซ์ที่ต้องยอมรับเลยว่าขโมยซีนเบลลาเห็น ๆ แถมการปรากฎโฉมของแพทในชุดเกาะอกแบบไทย ๆ ยังน่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว
และอีกส่วนที่ดีงามมากของหนัง อีเรียมซิ่ง คือคอนเซ็ปต์ของการแอบหยอกหนังนอกทั้งดนตรีประกอบฉากที่อีเรียมเตรียมไฝ่ว์นี่อย่างกับดนตรีในเทรลเลอร์ Wonder Woman 1984 หรือการคิดคอนเซ็ปต์ให้บรรดาแก๊งน้าค่อม คุณโรเบิร์ตและคุณบอลได้กลายเป็น Thor, Captain America และ Doctor Strange แบบเพี้ยน ๆ ก็เรียกเสียงฮาได้ดีเลยทีเดียว และเป็นจุดแข็งแรงที่ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของนักแสดงตลกทั้ง 3 ท่านที่ถือเป็น MVP ที่ทำให้หนังอย่าง อีเรียมซิ่ง ยังคงมีความสนุกอยู่บ้าง
อีเรียมซิ่ง เป็นภาพยนตร์ไทยซึ่งอันที่จริงต้องเข้าฉายไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นๆ แต่เพราะพิษ Covid-19 ทำให้ต้องเลื่อนฉายมาจนป่านนี้ และกลายเป็นงานภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของพี่โรเบิร์ต สายควัน ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ และหากใครกำลังมองหางานที่จะรับชมเพื่อ Tribute ให้แก อีเรียมซิ่งก็สามารถเป็น 1 ในตัวเลือกนั้นได้อย่างไม่ยากไม่เย็น แต่ถ้าจะไปดูเอาสนุก เอาบันเทิงตามที่หน้าหนังได้โฆษณาไว้… อีเรียมซิ่งก็ยังเป็นคำตอบที่ใช่อยู่ดี เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยฮาจัดส่งท้ายปีที่สามารถไปดูกันได้โดยไม่ติดขิดตะขวงใดๆ
อีเรียมซิ่ง เป็นผลงานกำกับลำดับที่ 4 ของผู้กำกับ “ตุ๋ย” พฤกษ์ เอมะรุจิ ถัดจาก ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ และ ไบค์แมนทั้ง 2 ภาค ซึ่งส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าแกเป็นเหมือน Legacy ของ “ยอร์ช” ฤกษ์ชัย พวงเพชร อดีตผู้กำกับดังที่ตอนนี้ก็นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ค่าย “รฤกษ์” ซึ่งทำหนังเรื่องนี้นี่แหละ เนื่องจากพวกจังหวะยิงมุกหรือการคัทฉากเพื่อให้เกิดเป็นซีนลั่นๆ ขึ้นมานี่คล้ายสไตล์ของคุณยาร์ชสมัยทำหนังซีรีส์ “ส่ายหน้า” มากๆ และด้วยความที่ผมค่อนข้างซื้อมุกสไตล์นี้อยู่พอสมควร เลยค่อนข้างไฮป์ตอนไบค์แมนภาคแรกมากๆ แม้ภาค 2 จะดรอปมาหน่อยแต่ในภาพรวมผู้กำกับพฤกษืก็ยังไม่สิ้นเครดิตในสายตาผมนัก และผมยินดีจริงๆ ที่อีเรียมซิ่งเหมือนเป็นงานคืนฟอร์มเบาๆ ของแกอีกครั้ง แม้เนื้อเรื่องกับพล็อตจะธรรมดาไปหน่อย แต่การเล่าเรื่องที่จงใจให้คอนทราสต์กับยุคสมัยและการรัวมุกจากดาวตลกและดาราสายฮาระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็ช่วยให้อีเรียมซิ่งกลายเป็นเมนูธรรมดาที่อิ่มอร่อยไปโดยปริยาย
อีเรียมซิ่ง เป็นหนังตลกที่มาแรงมากมาก เข้าฉายเพียงไม่นานก็ปักธงจะมุ่งสู่ร้อยล้านแล้ว ด้วยหน้าหนังตอนแรก แอบนึกว่านี่เป็นหนังตลกที่ออกมาดาษดื่น แต่พอได้ข้อมูลว่าเป็นของค่ายรฤก เราก็แอบวางใจ เพราะผลงานของค่ายนี้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าแม้จะเป็นหนังตลกตบมุก แต่ก็ได้เสียงหัวเราะแน่นอน
พลอตเรื่องของหนังเรื่องนี้จริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องของ เรียม ที่อิจฉา แรม พี่สาวของตน ซึ่งมีคนรักเยอะ เพราะเป็นสาวเรียบร้อย ตามแบบอย่างกุลสตรีในอุดมคติ แบบกรอบของสังคมสมัยก่อน ในขณะที่เรียมเป็นสาวห้าว ทะมัดทะแมง เล่นต่อสู้กับผู้ชาย
บทหนังเดินเป็นเส้นตรง ๆ ตามสไตล์หนังขายตลกในลักษณะคาเฟ่ แต่ก็มีการผูกโยงเรื่องกันแบบหลวม ๆ แม้ว่าโครงเรื่องหลักจะเดาได้ไม่ยาก แต่ก็ทำออกมาได้ตลก และมีมุกที่อาศัยเซอไพร์สหลายอย่าง ซึ่งบางมุกอาจจะเหมาะกับคนที่ตามข่าวสารวงการบันเทิงอยู่แล้วนิดหน่อย แต่ถึงไม่ได้ตามผมก็ว่ายังฮาได้ครับ

สรุปโดยรวม 

โดยรวมหนังเรื่องนี้ขายขำ เอาฮา ใครอยากดูหนังคลายเครียดผมแนะนำเลยครับ จังหวะตบมุกเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยเลย ใครชอบหนังของค่ายนี้อย่าง ไบค์แมน เรื่องนี้ก็มาในสไตล์เดียวกันครับ
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ เรียม ตัวอิจฉาประจำหมู่บ้านบางน้ำกร่อย เพราะเธอเติบโตมากับการถูกเปรียบเทียบกับ แรม พี่สาวที่แสนจะเรียบร้อยและเป็นกุลสตรี ทำให้เธอมักจะคลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆ และญาติๆ ที่เป็นผู้ชายมากกว่า ฝึกวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวเป็นงานอดิเรก แม่ของเรียมได้แต่กลุ้มใจและคิดไม่ตก กระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะการมาของแก๊งโจรฟันแดง ที่ต้องหญิงสาวพรหมจรรย์ไปสังเวยบูชา และเรียมก็คือเป้าหมายของพวกมัน ทำให้เธอต้องลุกขึ้นสู้
การกลับมาสู่จอใหญ่ของนางเอกซุปตาร์แถวหน้า “เบลล่า ราณี” ที่พลิกคาแรกเตอร์ต้องมาเล่นตลกสุดโต่ง ในฐานะ “อีเรียมซิ่ง” หนังตลกไทยที่ถือว่าเข็นออกมาได้ถูกช่วงเวลา หลังจากที่เลื่อนฉายมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา และสามารถบอกได้ว่าผลงานชิ้นนี้อาจจะกลายเป็นอีกมาสเตอร์พีชเรื่องสำคัญของนางเอกสาวผู้นี้เลยก็ว่าได้
ความจริงชื่อของอีเรียมซิ่งผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในโปรแกรมมาตั้งแต่ต้นปี 2020 แล้วและนี่น่าจะเป็นหนังไทยตกค้างมาจากช่วงการระบาดของโควิด19เมื่อตอนต้นปีที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยมากที่สุดแล้ว และหลังจากที่เลื่อนไปมาจนลงตัวในที่สุดเราก็จะได้เห็นเบลล่า ราณี แคมเปน ในมาดอีเรียมวีรสตรีแห่งบางน้ำกร่อยกันแล้ว
อีเรียมซิ่ง เป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องล่าสุดของ “พฤกษ์ เอมะรุจิ” หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้ดีจากหนังไบค์แมน ทั้ง 2 ภาค กลับมาในคราวนี้เขายังคงหยิบเอาประสบการณ์และสิ่งที่เขาทำเอาไว้ได้ดีจากเรื่องก่อน นั่นก็คืองานออกแบบและสร้างจังหวะเชิงขบขันที่อยู่ในหนัง กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่ดีในเรื่องจังหวะของหนัง
เมื่อโจรปากแดงสุดโฉดออกล่าพรหมจรรย์สาว ๆ เพื่อความเป็นอมตะ และจุดหมายของมันคือ อีเรียม (ราณี แคมเปน) สาวแสบแห่งบางน้ำกร่อยที่ต้องรวบรวมความกล้าและของดีของหลวงพ่อไปช่วยแม่และแรม (ณปภา ตันตระกูล) พี่สาวกุลสตรีแสนเรียบร้อยของนาง
แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง (เดียร์ริส สุภัทรภณ กสิกรรม) เพื่อนกะเทยร่วมเรือน, ศรฆ้อนมหากาฬ (น้าค่อม ชวนชื่น), โตโล่บิน (โรเบิร์ต สายควัน) และ หมอ (บอล เชิญยิ้ม) หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่
สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจ
สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจดูหนังออนไลน์ในตัวหนังอย่าง อีเรียมซิ่ง คงหนีไม่พ้นบรรดามุกกาว ๆ สไตล์หนังผจญภัยตลกและการได้เห็นเบลล่า ราณีมาทำหน้าเป็นและเล่นมุกสไตล์ตลกคาเฟ่พร้อมเสริมทัพด้วยบรรดานักแสดงตลกขาประจำทั้งน้าค่อม คุณโรเบิร์ต สายควัน
และคุณบอล เชิญยิ้มที่เห็นหน้าก็การันตีได้เลยว่าหนังต้องสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้แน่นอน แต่ผิดคาดเราไม่แน่ใจว่าด้วยความที่หนังออกฉายช้าหรือตัวหน้งจริงมีปัญหาการถ่ายทำอะไรหรือเปล่าถึงทำให้มันออกมาเป็นต้มยำที่ไม่จี๊ดจ๊าดและดูจืดชืดเกินไปหน่อย
แม้ว่ามุกตลกในหนังที่ใส่เข้ามาจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาและแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่นัก แต่การแสดงของ เบลล่า ราณี ก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เธอสามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด
โชว์ทักษะการแสดงบ้าๆ บอๆ และไม่กลัวสวยออกมาได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการหยอดมุกที่ดูเข้าขากับนักแสดงตลกมืออาชีพได้อย่างลงตัวและไม่มีติดขัดสักฉาก
หากดูที่หน้าจอทีวีในเวลาก็น่าจะเป็น เบลลา ราณี ในอีกคาแรกเตอร์กับละครเรื่องแซ่บ แต่หากมาอยู่บนจอใหญ่ก็จะได้เห็นเธอในอีกคาแรกเตอร์ที่พลิกขั้วเป็นสาวชาวบ้านที่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ความก๋ากั๋น
และสร้างอารมณ์ขันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นการงัดทักษะการแสดงของนักแสดงสาวผู้นี้ออกมาและได้ปล่อยของในอีกมุมอีกด้านที่ไม่ค่อยได้เห็นเธอในมุมนี้เท่าไหร่
ปัญหาของหนังเรื่องนี้
ปัญหาแรกต้องยอมรับเลยว่าตัวบทหนังดูจะยังไม่สามารถทำให้เรารักอีเรียมได้มากพอจะเอาใจช่วยนางเท่าไหร่นัก คือจากตัวอย่างเราเห็นเรียมเปิ่นฮาและก๋ากั่นยังไงตัวหนังจริงก็ไม่ได้ให้อะไรเรามากกกว่านั้นสักเท่าไหร่ และยิ่งการให้เบลลาเล่นมุกตลกแบบรวมฮิตทั้งมุก “ท่านเกียรติผู้มีแขก” มุกปักตะไคร้
หรือบรรดามุกสังขารต่าง ๆ ก็ทำให้เบลลาดูเป็นหุ่นยนต์ก๊อปปี้มุกตลกมากกว่าจะสร้างเสน่ห์ให้เธอเหมือนอย่างบทแม่การะเกดในบุพเพสันนิวาส แม้ว่าต้องยอมรับว่าเธอก็เล่นตลกแบบไม่ห่วงสวยจนสร้างความครื้นเครงให้หนังได้อยู่บ้างก็ตาม
ส่วนปัญหาต่อมาแม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์การเป็นหนังผจญภัยสไตล์นิยายเพชรพระอุมาที่มีทั้งจระเข้ยักษ์ งูเห่าเพลิง มีคาถาอาคมแต่ด้วยคุณภาพงานสร้าง CG ต่าง ๆ ที่ทำได้ไม่ถึงพอมันอยู่ในหนังก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรนักและด้วยจังหวะหนังที่เหมือนถูกบังคับท่าไม้ตายให้เป็นหนังตลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
มันเลยถูกนำเสนอแบบขอไปที แถมยังต้องเจียดเวลาของหนังมาให้น้าค่อม โรเบิร์ตสายควันและบอล เชิญยิ้ม ได้เล่นมุกสังขารปากบวมตัวบวมอะไรอีก จนฉากผจญภัยที่ควรสร้างความตื่นเต้นหมดพลังไปอย่างน่าเสียดาย
แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สนุกไปกับมันอยู่บ้างโดยเฉพาะการมีอยู่ของแพท ณปภา ตันตระกูล ที่สามารถฉายเสน่ห์ในมุกโดนวางยาว่านราคะที่ทั้งเซ็กซี่และฮาสุด ๆ รวมไปถึงมุกบีตบ็อกซ์ที่ต้องยอมรับเลยว่าขโมยซีนเบลลาเห็น ๆ แถมการปรากฎโฉมของแพทในชุดเกาะอกแบบไทย ๆ ยังน่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว
และอีกส่วนที่ดีงามมากของหนัง อีเรียมซิ่ง คือคอนเซ็ปต์ของการแอบหยอกหนังนอกทั้งดนตรีประกอบฉากที่อีเรียมเตรียมไฝ่ว์นี่อย่างกับดนตรีในเทรลเลอร์ Wonder Woman 1984 หรือการคิดคอนเซ็ปต์ให้บรรดาแก๊งน้าค่อม  ดูหนังออนไลน์
คุณโรเบิร์ตและคุณบอลได้กลายเป็น Thor, Captain America และ Doctor Strange แบบเพี้ยน ๆ ก็เรียกเสียงฮาได้ดีเลยทีเดียว และเป็นจุดแข็งแรงที่ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของนักแสดงตลกทั้ง 3 ท่านที่ถือเป็น MVP ที่ทำให้หนังอย่าง อีเรียมซิ่ง ยังคงมีความสนุกอยู่บ้าง
โดยรวม
โดยภาพรวมของ อีเรียมซิ่ง ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์คนดูในทุกๆ ทาง แม้ว่าจะเป็นเพียงหนังตลกสูตรสำเร็จเรื่องหนึ่งก็ตาม แต่ภายใต้ความสำเร็จรูปในแบบต่างๆ ก็สามารถสร้างอรรถรสความบันเทิงให้กับคนดูได้อย่างตรงไปตรงมา ตลอดระยะเวลากว่าชั่วโมงครึ่งของหนังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนดูได้ ผ่อนคลายและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาได้แบบไม่เคอะเขิน
และที่สำคัญหนังยังมาพร้อมกับการเซอร์ไพรส์แบบคำโตๆ ที่ทำให้คนดูต้องร้องว้าวที่เป็นไฮไลท์เด่นอีกส่วนหนึ่งของหนัง และยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับหนังเข้าไปอีก

รีวิว ส้มปลาน้อย

รีวิว ส้มปลาน้อย

รีวิว ส้มปลาน้อย

 

 

รีวิวหนังใหม่ล่าสุด สวัสดีครับทุกคน วันนี้ก็อยู่กับผม รีวิว หนังเช่นเคย วันนี้ เรามารีวิว หนังสำหรับครอบครัวกันบ้างดีกว่า หนังตลก หนังขำขัน เพื่อครอบครัว  รีวิวหนัง ส้ม ปลา น้อย เป็นหนังไทยเรื่องสุดท้ายในโปรแกรมปี 2564 โดยเข้าฉายตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม
เป็นเรื่องที่ 2 ในจักรวาลส้ม เริ่มจาก ส่ม ภัค เสี่ยน ในปี 2560 ที่ลูกสาวพี่หม่ำบุษราคม วงษ์คำเหลาเป็นผู้กำกับ ครั้งนั้นได้รับเสียงชมมากมายว่าเป็นหนังตลกโรแมนติกที่ดูเพลินให้ความรู้สึกอิ่มเอม ผิดกับหนังตลกไทยทั่วไปมาก ครั้งนั้นก็แสดงโดยพี่หม่ำ และโตโน่ เมื่อเราทราบข่าวว่าเรื่องใหม่ รีวิวหนัง ส้ม ปลา น้อย นี้ พี่หม่ำกำกับเอง (ร่วมกับบดีกร โลหะชาละ) เราเองก็หวั่นใจ เกรงว่าทิศทางของหนังจะเปลี่ยนไปเพราะเพิ่งได้ชม คุณชายใหญ่ มาไม่นาน อีกทั้งหนังตัวอย่างยังได้เห็นมุกคลาสสิกที่แสดงโดยสินน้องชายพี่หม่ำเรื่องเลขท้ายสองตัว 89 ทำให้เรานึกไปถึงมุกผึ้งต่อยในวงษ์คำเหลาที่ค่ายหนังคิดว่ามันเป็นมุกเด็ดถึงขนาดตัดออกมาให้ชมในตัวอย่าง ดูแล้วอึ้ง ขนาดตัวอย่างยังทำให้เราอึ้งได้ขนาดนี้ ที่เหลือในเรื่องมันจะขนาดไหน
รีวิว ส้มปลาน้อย
แต่หลังจากได้ดูหนังความรู้สึกก็ดีขึ้นเยอะครับ ความหวั่นวิตกต่างๆ หายไปหมด หนังเรื่องนี้ดูได้เพลินอารมณ์ประมาณพวกไทบ้าน อีหล่าเอ๋ย ส้มป่อย เป็นหนังตลกโรแมนติกที่นำเสนอชีวิตตามวิถีชาวบ้านได้ค่อนข้างสมจริง จะเว้นก็แต่มุกต่างๆ ที่มันมากเกินไป หนังยาวแค่ชั่วโมงครึ่งพยายามอัดมุกอัดเพลงมาอย่างแน่น แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคนที่ชอบแบบนี้เขาก็คงมีอยู่มาก สังเกตอาการจากผู้ชมที่มีอยู่หนึ่งแถวในรอบแรกดูเขาก็น่าจะชอบๆ กันอยู่ มีเสียงหัวเราะเป็นระยะ แต่สำหรับคนที่เฉยชากับมุกและเพลงก็ไม่ได้ฝืนใจในการรับชมอะไรนัก เพราะเนื้อเรื่องและการแสดงที่มีสเน่ห์ดึงดูดของดาราทุกคนในเรื่องยังชวนให้น่าติดตามไปจนจบ
นำแสดงโดย หม่ำ จ๊กมก รับบทพระคนเดิมกับภาคที่แล้วแต่ย้ายวัดจากนครพนมมายโสธร, โตโน่ ภาคิน รับบทใหม่และบทเดิมจากภาคที่แล้โดยมีไข่มุก รุ่งรัตน์ นางเอกภาคที่แล้วมาปรากฏตัวให้คนดูเชื่อว่าเป็นจักรวาลเดียวกับส่มภัคเสี่ยนด้วย สำหรับภาคนี้ นางเอกคือ อุ้ม อิษยา ต้องเลือกพระเอกสองคนระหว่างโตโน่และ ครูเต้ย อภิวัฒน์ ที่นิสัยดีทั้งคู่ มีดาราลูกทุ่งสมทบอีกมากมาย รับบทพ่อแม่ที่สร้างสีสันได้ดี ทั้ง ฝน ธนสุนทร, สุนารี ราชสีมา และมีการไว้อาลัยดาราลูกทุ่งระดับตำนาน พรศักดิ์ ส่องแสง อย่างสมเกียรติ
รีวิว ส้มปลาน้อย
เรื่องย่อเท่าที่ปรากฏให้เห็นในตัวอย่างหนังแบบไม่สปอยล์ คือ แม่ค้าส้มตำ ส้ม มีหนุ่มมาชอบถึงสองคนเป็นคนดีทั้งคู่ คนแรกคือโตโน่ บ้านใกล้เรื่องเคียงขยันขันแข็งช่วยเหลือครอบครัวได้ทุกอย่าง อีกคนก็ครูเต้ยหนุ่มรวยแต่ก็นิสัยดีเอาใจเก่ง แม่ฝนชอบครูเต้ย พ่อพรศักดิ์ชอบโตโน่ ส่วนเธอชอบทั้งสองคน จนในที่สุดถึงเวลาจะต้องเลือก ทุกคนจึงไปปรึกษาพระมหาชัยหม่ำ ถ้าไม่สปอยล์ก็เล่าได้แค่นี้นะครับ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตามต่อในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ฉายแล้ววันนี้ คนดูไม่ค่อยมี อุดหนุนหนังไทยเรื่องนี้ไม่เสียใจและไม่ผิดหวังมากเท่าบางเรื่องแน่นอนครับ

รีวิว ส้มปลาน้อย

รีวิว ส้มปลาน้อย

เป็นแนว หนังไทยตลก ที่ถ่ายทำในต่างจังหวัด พูดภาษาท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านเรา เป็นภาษาที่น่ารัก ฟังแล้วก็เกิดความสนุก ตามไปด้วยจริง ๆ เรียกเสียงฮา ได้ตลอดทั้งเรื่อง สำหรับเรื่องส้มปลาน้อยนี้ เค้าบอกกันว่า เป็นภาคต่อมาจาก ส้มผักเสี้ยนที่เคยเรียกเสียงฮา มาก่อนแล้วเช่นกัน
หนังเรื่องส้มปลาน้อย เป็นชื่อเรียกของตัวละคร ของแต่ละคน ส้มที่นำแสดงโดย น้องอุ้มอิษยา เป็นแม่ค้าส้มตำ ในจังหวัดยโสธร ส่วนคุณปลาแสดงโดย ครูเต้ยที่เป็นผู้ดี มาจากกรุงเทพ และน้อยแสดงโดย หนุ่มโตโน่เป็นคนทำส้มปลาน้อย ที่ส่งให้ร้านส้มตำขาย
น้อยคงชอบเค้าแหละดูออก แต่ไม่กล้าบอก ดูแล้วเหมือนกึ่ง ๆ รักสามเส้านะ ที่ไม่รู้จะเลือกใครดี คือจะเลือกคนที่เรารัก หรือคนที่รักเรา มีตัวละครเด็ด ที่ทำให้เกิด ความฮาอยู่เสมอ ๆ คือพระมหาชัย ที่เป็นที่เคารพแถวนั้น นำแสดงโดย หม่ำ ดาราตลกของเมืองไทย
ที่มีคุณภาพเก่ง ในทุกด้านจริง ๆ สำหรับตลกอาวุโสท่านนี้ มีผลงานอย่างมากมายสำหรับ หนังไทย หม่ำ ที่ออกมาให้บรรดาแฟน ๆ บริหารกราม กันอย่างต่อเนื่อง หากใครที่เคยดู ส้มผักเสี้ยนมาแล้ว ก็จะเข้าใจเรื่อง ได้ง่ายมากขึ้น เพราะเรื่องนี้เหมือน อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับ ส้ม ภัค เสี้ยน ที่ได้อารมณ์บ้าน ๆ ซึ่งแต่ละฉาก ดูแล้วผ่อนคลาย อย่าบอกใครเลยเชียวค่ะ ในหนังทำออกมาได้ดี ทำให้เราได้รู้สึก ถึงอารมณ์ทั้งในฉาก ที่เป็นอารมณ์เมือง เมื่ออยู่ในกรุงเทพ ซึ่งทำให้นึกถึงความรัก ของสาวน้อยที่อยู่ แต่ในต่างจังหวัด ซึ่งแตกต่างกับอีกคน ที่อยู่ในเมืองมาโดยตลอด
ก็จะเอาอกเอาใจเก่ง และดูแล้วเหมือน จะสนิทสนมมากกว่า คือกล้าที่จะพูด กล้าที่จะทำ เหมือนจะรวย ๆ มีฐานะที่นึกไปถึง ความสะดวกสบาย ดูมีอนาคตมากกว่า เข้ามาในชีวิต
ซึ่งทำให้สาวน้อย ต้องคิดและเลือกว่า จะเป็นใครดีนะ ในขณะที่อีกคน มีแต่ความจริงใจ แต่ไม่มีตังค์ ไม่มีความสะดวกสบาย ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบ พระก็เลยมีโอกาส เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อมีความรักก็พยายามไปปรึกษาพระ
จะได้เห็นว่าในต่างจังหวัด พระก็จะมีอิทธิพลบางอย่าง คล้ายจิตแพทย์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นจุดรวมใจ ทำให้มีบทบาท ในวิถีชีวิตของชุมชนนั้น ๆ
ในเรื่องก็จะมีการ นำเอาอาหารพื้นเมือง มาผสมผสาน ในการบอกรักของหนุ่ม ๆ สาว ๆ เช่นการเอาข้าวจี่ มาทำเป็นรูปหัวใจ ดูไปแล้วก็น่ารัก คลาสสิกไปอีกแบบ ซึ่งเหตุการณ์ในแต่ละพาร์ท ที่เอามารวมกัน ได้เหมาะสมอย่างลงตัว
ดารานักแสดงส่วนใหญ่ ก็จะเป็นที่รู้จัก คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทำให้การแสดงร่วมกัน ดูแล้วเป็นธรรมชาติ เหมือนเราได้ไปอยู่ ในชุมชนนั้น ๆ ด้วย
ทำให้เราเห็น ชีวิตท้องถิ่นของ วัยรุ่นยุคใหม่ ก็จะมีในส่วนของ เรื่องปาฏิหาริย์ มีมาเกี่ยวข้องตามสไตล์ และความเชื่อของชาวบ้าน แต่ละมุขที่นำออกมาแสดง และถ่ายทอดให้เห็น ก็เรียกว่าดีงามสมราคา

ความรู้สึกโดยรวม

โดยรวมแล้วก็ถือว่า เป็นหนังรักที่ มีความเป็นมินิมอล ดูแล้วไม่เครียด เหมาะกับช่วงนี้ ที่คนส่วนใหญ่ พากันเครียดไปตาม ๆ ดูหนัง กันกับปัญหา ระดับหมู่บ้าน ระดับประเทศ หรือระดับโลก ทำให้เราได้มีโอกาสยิ้ม และชวนให้หัวเราะ ที่ดูได้ทุกวัย
ยิ่งหนุ่มสาววัยใส เหมาะมากค่ะ ไม่เยอะเกินไป พอเหมาะพอสมควรที่ สอดแทรกชีวิต และความเป็นอยู่ ที่สะท้อนให้เห็น ถึงวิถีชีวิต ที่มีการช่วยเหลือกัน เป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง และท้ายที่สุด ก็คงต้องแล้วแต่เรา ว่าจะเลือกชีวิต ไปในแนวทางไหน ความโชคดีคือ ได้เห็นชีวิตจริง ในจังหวัดยโสธร และพื้นที่ใกล้ ๆ โดยรอบด้วย ดูหนังออนไลน์
หนังเรื่องนี้เป็นการจับมือกัน ระหว่าง M39 กับ หม่ำ จ๊กม๊ก ที่ปกติ M39 มักจะสร้างหนัง ที่เป็นทาเก็ทคนเมือง บางเรื่องก็จะเป็น ทาเก็ทแบบนอกเมือง เป็นการทำหนัง ที่มีคุณภาพ ที่เชื่อถือได้ หากคุณเคยติดตาม รีวิวหนังไทย ก็จะทราบว่า มีหลายเรื่องที่ เป็นผลงานยอดนิยม มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ มานำเสนออยู่ตลอดตาม เว็บหนังเด็ด ให้เราเลือกที่จะ หาความสุขจากหนังเหล่านี้ รีวิวหนังไทย ส้ม ปลา น้อย
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ ดูหนังเรื่องส้มปลาน้อยเต็มเรื่อง หรือยังไม่ได้ ไปให้กำลังใจ เหล่านักแสดงอารมณ์ดีเหล่านี้ น่าจะต้องหาเวลา จูงมือคนสำคัญ ไปขยับเหงือกขยับกราม กับหนังดีอีกเรื่อง ของคนไทย
ใครที่ต้องการจะ Feel Good ชั่วโมงนี้ต้องยกให้เค้าเลยค่ะ แต่หากบางท่าน ยังเป็นกังวลเรื่องการแพร่ระบาด สำหรับการไปชม ในโรงภาพยนตร์ ก็คงต้องรอ ส้ม ปลา น้อย เต็ม เรื่อง ออนไลน์ ตามเว็บหรือแอพดูหนัง ที่คุณถนัดหรือ เป็นสมาชิกอยู่ได้เลยนะคะ ดูหนัง 4k
รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ สำหรับหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็น choice ที่ไม่เลวที่จะเลือกชม ลองดูว่าหนังเรื่องนี้ ใช่ทางของคุณหรือไม่ เค้าเริ่มเข้าฉายกันมาตั้งแต่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วนะคะและกำลังฉาย อยู่ในขณะนี้ ตามโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ในเครือ Major Cineplex ดูหนังออนไลน์ 4k
เรียกว่าเป็นหนังไทย ที่ดูแล้วผ่อนคลาย หัวเราะทั้งเรื่อง แค่เห็นชื่อนักแสดง และผู้กำกับก็รู้เลยว่า หนังเรื่องนี้จะฮามากแค่ไหน ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ต้องหาเวลา พาครอบครัวไปดูนะ เพราะเป็นภาพยนตร์ ที่ดูสนุกทั้งครอบครัวจริงๆ