รีวิว แฟนฉัน
รีวิว แฟนฉัน
ความรู้สึกส่วนตัว
รีวิว แฟนฉัน
รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)
รีวิวหนังใหม่ล่าสุด วันนี้เราจะมารีวิว หนังผี แนวรัก แบบน่าตลกๆ ฮาๆ มานำเสนอหนังไทย สุดฮา ให้ทุกท่านได้ลองไปดูคือเรื่อง พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak) สรุปเรื่องนี้เป็นหนังผี หนังตลก หนังรัก หนังซึ้ง หน้าดราม่าหรือว่าอะไรกันแน่ ไม่มีอะไรมาจำกัดความได้เลย ครบรสมาก นาค มาก เต๋อ เผือก เอ ชินใครที่ยังไม่รู้จักตำนานพี่มากแห่งพระโขนงก็มาฟังเรื่องย่อก่อน ส่วยใครที่รู้แล้วก็ข้ามส่วนนี้ไปได้ หรือถ้าลืมไปแล้วก็มารื้อฟื้นกัน พี่มากเนี่ยนะเป็นคนอินเตอร์หน่อยมีความฝรั่งในเรื่องนะ ตำนานเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้555 พี่มาก
ต้องไปสู้รบ เพราะปกป้องประเทศชาติ กับเพื่อน. ๆ 4 คนก็คือ เต๋อ เผือก เอ ชิน ในสมัยก่อนผู้ชายต้องออกรบปกป้องบ้านเมือง พ่อมากก็ต้องออกรบไปทั้ง ๆ ที่แม่นาคตั้งท้องอยู่ แต่ความเป็นชายชาติทหารก็จำต้องทำ พอพ่อมากรบจบก็กลับมาหาแม่นาค
แต่ไม่รู้เสียแล้วว่าแม่นาคได้ตายไปในขณะคลอดเจ้าแดง ทุกคนรู้แฟนคลับรู้ แม่นาคเมียไอ้มากได้ตายไปแล้ว แม่นาคไม่ยอมเป็นทาสไปเป็นวิญญาณเฉย ๆ หรอกค่ะ ฉันรอพี่มากที่ท่าน้ำทุกวัน ตามเสต็บผีไทย แต่เพราะ ใหม่ ดาวิกา แสดงก็เลยเป็นผีที่น่ารักเฉย หนังไทยที่เป็นพล็อตเรื่องผีต้องกลายมาเป็นหนังตลกเพราะแก๊งพ่อมาก แถมจบด้วยเรื่องซาบซึ้งใจของแม่นาค และพ่อมากอีก
“แม่นาคพระโขนง” คือตำนานผีที่น่าจะเรียกได้ว่าดังที่สุดในไทย ถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วหลายครั้งมาก (รวมถึงละครและละครเวที) ซึ่งก็มีการตีความที่แตกต่างกันออกไป ทั้งแบบตามตำนานดั้งเดิมอย่าง “แม่นาคพระโขนง” แบบจริงจังอย่าง ”นางนาก”แบบปัจจุบันอย่าง ”นาค รักแท้/วิญญาณ/ความตาย” หรือไปไกลสุดกู่อย่าง “แม่นาคอเมริกา” ก็เคยมาแล้ว แต่ที่เหมือนกันในทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา คือส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ตัว “แม่นาค” เท่านั้น แต่ “พี่มาก..พระโขนง” (ของแท้ต้องมีจุด 2 จุด) เลือกที่จะ
ตีความต่างออกไปอีกด้วยการไปเน้นที่ตัว “พี่มาก” แทน อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่มีการตีความมาแล้วหลายแบบ ส่วนตัวเลยอาจไม่ได้ตื่นเต้นรู้สึกพิเศษอะไรกับการตีความแบบพี่มากนัก แต่สิ่งที่ดึงดูดให้อยากไปดูเรื่องนี้จริงๆ ก็คือ การนำแก๊งค์สี่แพร่งและห้าแพร่ง มาใส่ไว้ในเรื่องด้วยในบท “เพื่อนพี่มาก”
หากใครเคยประทับใจบทบาทของ เผือก (พงศธร จงวิลาส) ชิน (อัฒรุต คงราศรี) เต๋อ (ณัฎฐพงษ์ ชาติพงศ์) และเอ (กันตพัฒน์ สีดา) จาก “คนกลาง” ในสี่แพร่ง และ ”คนกอง” ในห้าแพร่ง บอกได้เลยว่าจะไม่ผิดหวังกับบทบาทของพวกเขาในพี่มาก..พระ โขนง ทั้ง 4 คนยังคงคาแรกเตอร์แบบเดิม ชื่อเดิม และความฮาแบบเดิม (และดูเหมือนจะยิ่งกว่าเดิม) ไว้ไม่มีเปลี่ยน เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากการเที่ยวป่า หรือถ่ายหนัง มาเป็นเพื่อนกับพี่มากแทน ที่ต้องพยายามหาทางบอกมากให้ได้ว่านาคเป็นผี
นำมาซึ่งเสียงหัวเราะในแทบทุกฉากที่ 4 คนนี้ออกมา โดยเฉพาะเผือกกับชินนี่แค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว หลายฉากโดยเฉพาะฉากกินข้าวหรือฉากบนเรือนี่ฮากันแบบ Non-Stop เลยทีเดียวอันที่จริง มุขตลกและเหตุการณ์หลายอย่างของ 4 คนนี้ในพี่มาก..พระโขนง ชวนให้นึกถึงคนกองและคนกลางไม่น้อย ผู้กำกับ “บรรจง ปิสัญธนะกุล” เลือกหยิบเอาวัตถุดิบเดิมๆ ที่เคยใช้มาใช้ใหม่อีกครั้ง ในสถานการณ์แบบเดิมๆ ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อการ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
ถูกหาว่า ”หมดมุข” หรือ ”หากินกับของเก่า” มาก แต่ก็ถือว่าทั้งผู้กำกับและทีมงานทำการบ้านมาดี เลยทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อกับมุขเก่าๆ เหล่านี้นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนย้อนรำลึกความหลังเก่าๆ แทนอย่างไรก็ตาม ความเข้าขาและความฮาของแก็งค์ 4 คนนี้ ก็ชวนให้อดหวั่นใจไม่น้อยก่อนเข้าไปดูว่า จะแย่งซีน พี่มาก (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ แม่นาค (ดาวิกา โฮร์เน่) ไปหมดหรือป่าว ซึ่งก็พบว่า “จริง” แม่นาคอาจถือว่ารอดตัวไปเพราะความสวยของใหม่
จับตาจริงๆ ในทุกซีนที่ออกมา แต่กับมาริโอ้ในบทพี่มาก แม้จะตีความพี่มากเวอร์ชั่นใหม่ได้น่ารัก (และบ๊องแบ๊ว) ได้ดีไม่น้อย แต่ก็ยอมรับว่าช่วงแรกโดนแก๊งค์ 4 คนแย่งซีนไปเยอะทีเดียว เรียกได้ว่าแม้จะใช้ชื่อเรื่องว่าพี่มาก..พระโขนง แต่ตัวเดินเรื่องจริงๆ กลับเป็นเหล่าเพื่อนพี่มากไปแทน แต่ถึงกระนั้นพี่มากกับแม่นาคก็สามารถกลับมายึดจออย่างเต็มภาคภูมิในช่วงท้ายเรื่องโดยส่วนตัว แม้พี่มาก..พระโขนง จะมีหน้าหนังที่ขายความตลก (บวกน่ากลัว) ซึ่งยอมรับว่าทำได้ดีทีเดียว แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือ
“ความรัก” ของพี่มากและนาคที่ส่งมาถึงคนดูอย่างเราในช่วงท้ายเรื่อง เป็นช่วงที่หนังละวางความตลกและความน่ากลัว แต่มาโฟกัสที่ความรักแทน บทบาทของพี่มากและนาคที่ดูเหมือนจะกดไว้โดยความตลกของแก๊งค์สี่แพร่งในช่วงที่ผ่านมา ได้ฉายแสงออกมา และเป็นแสงที่น่าประทับใจเสียด้วย อย่างที่บอก หนังเรื่องนี้ใช้วัตถุดิบเก่าๆ จากสี่แพร่งและห้าแพร่งเสียเยอะ แม้แต่ในส่วนของตำนานแม่นาคเอง นอกจากความสมัยใหม่ในแง่คำพูดและคาแรกเตอร์ตัวละคร ที่เหลือก็ยังคงตามเส้นเรื่องตำนาน
เช่นเดิม ฉากจำต่างๆ เช่นความเฮี้ยนหรือเก็บมะนาวก็ยังคงไว้ตามเดิม ส่วนที่เปลี่ยนจริงๆ มีนิดเดียวช่วงท้ายเรื่อง แต่มันเป็นการเปลี่ยนที่ Impact และสดใหม่มาก จนทำให้อภัยและลืมการใช้มุขเก่าๆ ที่ผ่านมาในเรื่องทั้งหมดการเลือกเปลี่ยนบางส่วนในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้พี่มาก..พระโขนงแตกต่างจากแม่นาคทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา และทำให้เรารู้สึก “ซึ้ง” ไปกับความรักของมากและนาคเป็นอย่างมาก ที่จริงการที่นาคเลือกจะยังคงอยู่ ก็เพราะ “ความรัก” ที่มีต่อมาก แต่ที่ผ่าน
มา เรากลับไปติดกรอบที่ว่า ”ผี” กับ “คน” อยู่ร่วมกันไม่ได้ จะอยู่ร่วมกันได้ก็แต่ในสถานะที่ผีเป็นคนรับใช้ของคนอย่างเช่นกุมารทองเท่านั้น แต่กับผีอย่างแม่นาค ที่อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ที่มี ทำให้ชาวบ้านมองว่าแม่นาคมีสถานะที่ต่างไปจากคน และในเมื่อแม่นาคไม่ได้ควบคุมได้หมือนกุมารทอง ลงท้ายก็เลยกลายเป็นความกลัวและต่อต้าน ความรักในหนังแม่นาคเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา จึงมักลงท้ายด้วยการให้แม่นาค “เสียสละ” ความรักแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
ช่วงท้ายของพี่มาก..พระโขนงคือการกลับมาสู่สาเหตุของเรื่องราวนั่นก็คือ “ความรัก” เมื่อหนังเริ่มต้นด้วย “ความรัก” ก็ควรจบลงด้วย “ความรัก” ไม่ใช่ “ความกลัว” พี่มาก..พระโขนง จบลงอย่างสวยงามมากๆ ด้วยการโยนประเด็นเรื่อง “ความรัก” กลับมา
ให้เราคิดว่า ที่ว่ารักกันนั้นมันจำกัดอยู่เพียงแค่ “คน” เหรอ เรารักที่ตัวเขาหรือแค่ความเป็น “คน” ในตัวเขา หนังทำให้เราเห็นว่าความรักไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นั้น และในเมื่อทั้งคนทั้งผีต่างก็มีความรักได้ “ความรัก” นี่เองจึงเป็นเหมือนตัวที่ทำให้สถานะของ “คน” และ “ผี” ที่ดูเหมือนจะไม่เท่ากันให้เท่ากันได้ การแสดงออกความรักที่พี่มากมีต่อแม่นาคจึงเป็นส่วนที่ประทับที่สุดในเรื่องนี้ และเชื่อว่าทุกคนน่าจะประทับใจเช่นกัน นอกเหนือจากความสนุกและฮาที่แก๊งค์สี่แพร่งจัดให้เรา หนังฟรี หนังใหม่
สิ่งที่ประทับใจ รีวิว พี่มาก..พระโขนง (Pee Mak)
1.ภาพสวยมาก ถึงเนื้อเรื่องจะเป็นฟิลกลางคืนอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผีก็เลยต้องมืด ๆ ไว้ก่อน แต่ได้ภาพที่สวยเห็นทุกอย่างชัดเจน องค์ประกอบต่าง ๆ ดี
2.เป็นหนังตลกแหละแต่พล็อตเรื่องผีเป็นตัวนำ ก็ได้แก๊งพ่อมากมาอยู่ในเรื่องทุกฉากฮาหมด ดูคลายเครียดจากงานชิว ๆ
3.ความรักของแม่นาคก็ยังคงเป็นตำนานอยู่ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม แม่นาครอพี่มากที่ท่าน้ำทุกวัน ไม่ยอมไปไหน ความเสียใจที่ตายไปพร้อมกับลูกด้วยความเหงาเปลี่ยวที่ผัวไปรบ มันช่างโดดเดี่ยวจริง ๆ นะแม่นาค
4.ความรักของพ่อมาก ถึงแม้จะรู้ว่าเมียตัวเองตายแล้ว แต่ก็ยังคงรับไม่ได้ อยากอยู่ด้วยกันถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
5.ฉากสุดท้ายเป็นฉากสุดซึ้ง เป็นหนังไทยที่ดีเรื่องหนึ่งเลย
6.พี่มากในเรื่องก็คือน่ารักไม่ไหว อ้อนเมียเก่งที่ 1 แต่ตอนจบคือซึ้งมากจริง ๆ
ชื่อภาพยนตร์: พี่มาก..พระโขนง / Peemak
ผู้กำกับภาพยนตร์: บรรจง ปิสัญธนะกูล
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: บรรจง ปิสัญธนะกูล, นนตรา คุ้มวงศ์, ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
นักแสดงนำ: มาริโอ้ เมาเร่อ, ดาวิกา โฮร์เน่, ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, พงศธร จงวิลาส, วิวัฒน์ คงราศรี, กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข
แนว/ประเภท: Comedy, Horror, Drama
เรท: ไทย/น15+ , USA/
ความยาว: นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: GTH
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 28 มีนาคม 2556
รีวิว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก
รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90
รีวิวหนังใหม่ล่าสุด หนังเรื่องแรกจากค่าย เนรมิตรหนังฟิล์ม บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเปิดเรื่องมาด้วยฉาก บิลลี่ (จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) กำฃังขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกัน ลูกสาวโมโหจึงเดินลงจากรถไป และไปโดนลูกหลงของพวกเด็กช่างที่ตีกัน จากนั้นเรื่องราวก็จะเล่าย้อนกับไปในอดีต สมัยที่ บิลลี่ยังเป็น
วัยรุ่นเรียนอาชีวะที่สถาบันช่างกลอินทร เขามีเพื่อนสนิทอีก 2 คนได้แก่ ดา (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) และ รูแปง (ภูมิ รังษีธนานนท์) พวกเขาทั้ง 3 สนิทกันมาก ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากร่วมเป็นร่วมตายในการประจันหน้ากับสถาบันคู่อริมานักต่อนักซึ่งพวกเขามีคู่อริอยู่อีก 3 สถาบัน ได้แก่ เทคโนประชาชล, กนกอาชีวะ และ ช่างกลบุรณพนธ์ ซึ่งแต่ละสถาบันก็มีแต่ตัวแสบๆทั้งนั้น โดยเรื่องราวจะเล่าถึงวีรกรรมและเหตุการณ์ต่างๆที่เหล่าวัยรุ่นเลือดร้อนพวกนี้ต้องเจอ และถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่
ไม่มีวันลืม บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ทุกคนควรไปรับชมด้วยตาตัวเอง 4KINGS อาชีวะ ยุค 90 รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix พึ่งเช้า Netflix ได้มาไม่กี่วัน อย่างแรกเลยที่เห็นตั้งแต่หนังเริ่มยันจบ และรู้สึกประทับใจ ก็คืองานภาพ เพราะงานภาพเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก อาจจะไม่ถึงกับที่สุดแต่ถือว่าดี พอทัดเทียมกับหนังต่างชาติได้ สามารถถ่ายประเทศไทยออกมาได้ดูมีคลาส มีการคุมโทน รวมถึงคอสตูม
ในเรื่อง ก็ออกแบบได้ดี กลืนไปกับงานภาพอย่างสวยงาม ซึ่งจากที่ดูตัวอย่างก็คาดหวังไว้แล้วว่างานภาพน่าจะดี และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าเทียบจากหนังไทยที่ดูมาในปีนี้ งานภาพเรื่องนี้ถือเป็นอันดับต้นๆของปีเลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่นี้ ตัดมาที่ตัวการเล่าเรื่อง บทต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้มาตรฐาน ไม่แย่ และก็ไม่ถึงกับดีขนาดนั้น เพราะมันมีตรรกะของเด็กช่างในเรื่องบางอย่างที่มันแปลกๆ และไม่มีคำตอบ คือหนังพยายามจะให้เราคิดตลอดว่า ตีกันทำไม? แต่ดูจนจบก็ไม่ได้คำตอบ แต่พอไป
ฟังจากผู้กำกับให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่า มันเป็นเพราะวัยคึกคะนอง ไม่มีหัวคิด มันไม่มีเหตุผลอะไร มันเป็นแค่การกระทำที่ยั้งคิด และสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่ทำให้เด็กช่างในยุคนั้น คิดแบบนั้น ทำแบบนั้น ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพราะคนปกติทั่วไป พอโตขึ้นก็คงนึกย้อนถึงสิ่งที่เราเคยทำตอนเด็ก และคิดว่า ทำไปทำไม เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนแรกก่อนดูจบผมมองว่าบทไม่ได้หวือหวาอะไรมาก และก็คิดอยู่แล้วว่าหนังต้องมาแนวสอนให้ข้อคิด แต่มาชอบตรงบทสรุป เนี่ยแหละ ผมโรคจิตแหละมั้ง ไม่ชอบดูหนัง
ที่จบแบบแฮปปี้ เพราะมองว่าชีวิตจริง มันไม่ได้แฮปปี้แบบนั้นไปซะทั้งหมด เลยชอบดูหนังที่จบแบบคนดูเซ็ง แต่สมเหตุสมผลมากกว่า เรื่องนี้ถือว่าจบบทสรุปได้ดีทีเดียวต่อมาพูดถึงการแสดงในเรื่อง ซึ่งจากตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้ใช้นักแสดงค่อนข้างแปลกใหม่ ไม่ใช่ดาราที่เราคุ้นหน้ากันซักเท่าไหร่ แถมยังมีนักร้องอย่าง จ๋าย ไททศมิตร และ บิ๊ก D Gerrard และก็นักแสดงหน้าใหม่ๆไฟแรง อย่าง ณัฐ, ทู และ ภูมิ
แต่ขอบอกเลยว่า แคสมาดีมาก นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี ดีเลยแหละ การแสดงไม่โดด ทัดเทียมกันหมด ยกตัวอย่างการแสดงโดดๆก็ หนังไทยบางเรื่อง ที่อยู่ในซีนเดียวกัน คนนึงแสดงแบบละคร คือพูดจาที่คนธรรมดาไม่พูด แต่อีกคนแสดงแบบภาพยนตร์ ซีนนั้นมันจะขัดตาและดูแปลกๆไปทันที แต่เรื่องนี้นักแสดง แสดงไปในทางเดียวกันหมด แต่สิ่งที่เซอร์ไพรมากสำหรับผม คือไอสองนักร้องที่มาเล่นเรื่องนี้ แสดงดีอย่างกะดาราตัวจริง ทั้งจ๋าย และบิ๊ก ซึ่งตัวละครของจ๋าย เป็นตัวที่เด่น ๆ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
เลยแหละ คือเป็นเพื่อนตัวละครหลัก เห็นแกทั้งเรื่อง แกเลยได้โชว์สกิลการแสดง เห็นว่าแกเรียนการแสดงมา ถือว่าแกเล่นบทที่ได้รับได้ดีมาก โดยส่วนตัวผมว่าเล่นได้สมบูรณ์กว่า เป้ อารักษ์อีก เพราะยังมีบางซีนที่เป้ แสดงแล้วรู้สึกขัดๆ แปลกๆ
แต่จ๋ายนี่แสดงเป็นธรรมชาติมาก อีกคนที่เกินคาดเลย คือ บิ๊ก D Gerrrad มาเรื่องนี้เล่นเป็นเด็กบ้าน ที่ไม่เรียนหนังสือ แสดงบ้าได้ใจจริงๆ ถึงบางคนอาจจะดูว่าเล่นใหญ่ไปรึเปล่า แต่ผมมองว่ามันเหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวละครแล้ว มันเป็นคนบ้าๆเพี้ยนๆ มันก็
ต้องแบบนี้แหละ ถึงจะไม่ได้มีบทเยอะ แต่ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเรื่องเลย นอกจากสองคนนี้ คนอื่นๆก็เล่นได้ดี พี่โจ๊กที่เรื่องนี้รับบทเป็น มด ประชาชล แกก็แสดงได้สมบทบาทดี เท่เหมือนเดิม แม้กระทั่งพี่แหลม 25Hour ก็ยังเล่นออกมาได้ดีเลย แถมมีเซอร์ไพรตอนเอ็นเครดิต (ไปดูกันเอาเอง)
มาถึงซีนที่ชอบ ก็คงจะเป็นซีนตอนที่ บิลลี่ อินทร(จ๋าย),โอ๋ ประชาชล(ณัฐ) ,เอก BU(ทู) โดนจับไปอยู่บ้านเมตตา (น่าจะสถานพินิตแหละมั้ง) ช่วงที่ 3 คนนี้โดนจับนี่ชอบมาก ทำให้เห็นได้ว่า สุดท้ายแล้วพวกนี้มันก็แค่เด็กวัยรุ่น ตีกันตามเพื่อนตามพี่บอก
ไม่ได้มีอะไรเลย พอมันจนตรอกโดนจับมาอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้ คนที่ไปดูแล้วเป็นวัยรุ่นกำลังคึกคะนองก็คิดกันเองละกัน ว่ามันโคตรไม่มีเหตุผล ถึงต่อให้มีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การใช้กำลังมันไม่ใช่ทางออก ทุกปัญหาบทโลกนี้
แก้ได้ด้วยสมอง และสติ จำไว้แค่นี้พอครับ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังไทยที่เราไม่ค่อยได้เห็นแนวนี้มานานแล้ว ฟิลเหมือนไทยสมัยรุ่งเรื่อง ยุค90 ยุค2000 กล้าเล่นกล้าทำ ซึ่งชอบมาก เพราะปกติแล้ววงการภาพยนตร์ควรมีความหลากหลาย ถ้าอยากจะทำเงิน หนังฟรี หนังใหม่
รีวิว 4Kings (2022) อาชีวะยุค 90
กับมันจริงๆ (หมายถึงขายต่างชาติได้) ต้องเปิดกว้างให้คนทำงานได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างตรงไปตรงมา ลองผิดลองถูก จะได้เกิดการพัฒนา และเกิดการแข่งขัน จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณภาพมันจะดีขึ้นเองถ้าหากเกิดการแข่งขันกัน
ไม่ใช่ทำเพื่อให้บางคนสบายใจ ซึ่งจากเรื่องนี้ เป็นผลงานแรกของผู้กำกับคนนี้ ถือว่าเป็นงานแรกที่ทำออกมาได้ดีเลย และเป็นหนังเรื่องแรกของสตูดิโอ เนรมิตรหนังฟิล์ม ด้วย ที่กล้าที่จะลงทุนกับผู้กำกับหน้าใหม่ และแนวหนังที่ขายคนไทยยาก
แบบนี้
จริงแล้วชื่อ 4Kings ก็บอกในตัวอยู่แล้วว่ามี 4 สถาบันที่เป็นคู่แค้นกัน แต่เรื่องราวจะเล่าผ่านสายตาฝั่ง อินทรอาชีวะ เป็นหลัก โดยเจาะไปที่คู่ปรับตัวฉกาจอย่าง เทคโนโลยีประชาชล (ซึ่งเพี้ยนชื่อมาจากของจริงคือ เทคโนโลยีประชาชื่น) ที่มีตัวละครนำอย่าง มด ชล หัวโจกของกลุ่ม รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ
และ โอ๋ ชล ที่เป็นเหมือนมือขวารับบทโดย นัท ณัฏฐ์ กิจจริต และจะยังมีอีก 2 สถาบันสุดแสบอย่าง กนกอาชีวะ และช่างกลบุรณพนธ์ เป็นตัวสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ โดยเล่าผ่านตัวนำอย่าง บ่าง กนก ที่รับบทโดย แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์
หรือ แหลม 25Hours และ เอก บู รับบทโดย ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ ซึ่ง
หนังฉลาดในการค่อย ๆ พาจากกลุ่มอินทรไปรู้จักกลุ่มอื่น ผ่านตัวละครของบิลลี่ที่มีเหตุให้ต้องเข้าไปร่วมหัวจมท้ายกับ โอ๋ ชล และ เอก บู ในช่วงเวลาหนึ่ง และนี่คือสิ่งสำคัญมาก ใครที่กำลังตัดสินใจไปดู ต้องเข้าใจก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่
หนังแอ็กชันแบบเด็กเกเรตีกันแบบพวกหนังเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่วัยรุ่นกำลังนิยม
แต่มันคือหนังดราม่าหนังชีวิตที่เข้มข้นมาก ๆ และความรุนแรงด้านภาพก็ไม่ได้เป็น ส่วนสำคัญเลย เพราะความรุนแรงต่ออารมณ์และความรู้สึกผู้ชมนั้นมันสาหัสสากรรจ์กว่ามาก ๆ ต่อให้เป็นผู้ชายแมน ๆ ยังไง คุณก็มีโอกาสโดนสักฉากในหนังที่
ทำเอาน้ำตาร่วงได้แน่นอน นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วจะอยากบอกต่อใครสักคนเลยว่า ของมันดีจริง ๆ
รีวิว กวน มึน โฮ
รีวิวหนังใหม่ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่อง กวน มึน โฮ เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก คอมเมดี้ สุดอิน ผลงานการกำกับของ บรรจง ปิสัญธนะกูล ภาพยนตร์ บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง และ หญิงสาวชาวไทย ที่ต่างคนก็ต่างไปเที่ยวประเทศเกาหลีคนเดียว ทั้งคู่ ความบังเอิญทำให้พวกเขาทั้งสองได้พบกัน
ทั้งสองจึงทำข้อตกลงที่จะไม่บอกชื่อแก่กัน เพื่อจะได้ออกเที่ยวเกาหลีด้วยกันอย่างสบายใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นฉันทวิชช์ ธนะเสวี ที่มารับบทเป็น ด่าง (นามแฝง) ผู้ชายที่จะไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ด้วยรองเท้าแตะ และเสื้อยืดย้วย ๆ เขาเป็นคนเดียวในกรุ๊ปทัวร์ที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักมาด้วย ด้วยความเหงาและเดี่ยวดายของเขานี่เองที่ทำเขาเมา จนไม่สามารถตื่นทันทัวร์ได้
เขาจึงถูกทิ้งไว้ที่โรงแรมคนเดียว คนต่อมาคือหนึ่งธิดา โสภณ มารับบทเป็น (เม) หญิงสาวที่แอบแฟนไปเที่ยวประเทศเกาหลีเพียงคนเดียว เพราะต้องการที่จะไปงานแต่งเพื่อน และตามรอยซีรี่ย์เกาหลีที่เธอชอบ และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือ วรัทยา นิลคูหา ที่มารับบทเป็น ก้อย อดีตแฟนเก่าของด่าง
ที่เคยทิ้งเขาไปเพราะเขาไม่ได้ให้ความมั่นคงแก่เธอ เธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนใหม่ จนเมื่อเธอได้รับจดหมายจากด่าง เธอจึงเดินทางมาประเทศเกาหลีเพื่อบอกเขาว่าคนที่เธออยากแต่งงานด้วยจริง ๆ คือเขา โดยภาพยนตร์เรื่อง กวน มึน โฮ เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2553
รีวิว กวน มึน โฮ เปิดเรื่องราวมาที่ หนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนเพิ่งจะอกหักมา เลยตัดสินใจไปเที่ยวประเทศเกาหลีกับกรุ๊ปทัวร์ การไปเที่ยวครั้งนั้นของเขา เป็นการไปที่ชิวมาก ๆ เพราะเขาไม่มีสัมภาระใด ๆ มีแต่เสื้อผ้าชุดที่เขาใส่อยู่เพียงชุดเดียว และ เมื่อไปถึงเกาหลีความเหงา ก็ทำให้เขาดื่มเหล้าไปเยอะ จนไม่สามารถที่จะตื่นทันกรุ๊ปทัวร์ทัวร์ได้ เขาตกรถและถูกทิ้งไว้ที่โรงแรม แต่ความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะเขาได้มาเจอกับสาวไทยคนหนึ่ง ที่ก็มาเที่ยวคนเดียวเช่นกัน
เขาจึงขอช่วยให้สาวไทยคนนั้นเป็นไกด์นำเที่ยวให้ สาวคนนั้นตกลง และก่อนจะไปเที่ยวกันพวกเขาก็ได้ทำข้อตกลงกันว่า ขณะที่อยู่ที่เกาหลี พวกเขาจะไม่บอกชื่อกันและกัน เพื่อจะได้เที่ยวกันอย่างเต็มที่ และไม่ต้องรู้สึกอะไรเมื่อต้องแยกจากกัน แล้วเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ในซีรี่ย์เรื่อง กวน มึน โฮ
กระแสหนังเกาหลีในบ้านเราดูยังไงยังไงก็ยังคงมาแรงอยู่ ล่าสุดค่ายหนังอย่าง จีทีเอช ก็เลยจับเอากระแสเกาหลีฟีเวอร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ กับหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” ที่ครั้งนี้นอกจากแนวหนังที่บอกว่ากวนแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนแนวการกำกับของผู้ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
กำกับหนังแนวสยองอย่าง “โต้ง-บรรจง” ให้หันมากำกับหนังแนวฮาผสมรักโรแมนติกเรื่องนี้อีกด้วย พร้อมกันนี้ก็ยังได้ “เต๋อ-ฉันทวิชช์” เข้าร่วมขบวนเขียนบท โดยเขียนส่งให้ตัวเองกลายเป็นพระเอกของเรื่องไปซะเลย ส่วนนางเอกมาดมึนๆ น่ะเหรอ เค้าได้
จากการประกวดโครงการ ลักส์ ปั้นดาว “หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ” แหม! แค่พูดมาคร่าวๆ หนังเรื่องนี้ช่างมีความหลากหลายเสียนี่กระไร ยัง..ยังไม่หมดแค่นี้ หนังเรื่อง กวน มึน โฮ เขายังมีที่มา หรือเค้าโครงเรื่องมาจากหนังสือของ “ทรงกลด บางยี่ขัน” เรื่อง “สองเงาในเกาหลี”
สองเงาในเกาหลี เป็นเรื่องจริงของชายไทยคนหนึ่งที่แบกเป้ไปเที่ยวเกาหลีโดยลำพัง แต่โชคชะตาก็ทำให้เขาพบกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งซึ่งแบกเป้ไปเที่ยวเกาหลีตามลำพังเช่นกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร อาจจะไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าจนไม่อาจเรียกว่าเพื่อนได้ แต่ความรู้สึกดี ๆ ของทั้งสองคนที่มีให้กัน บางครั้งอาจทำให้เราเผลอเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ได้เป็นมากกว่าแค่เพื่อนเดินทางธรรมดา ๆ ที่บังเอิญมาเจอกัน
และเมื่อ “โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล” จับเอา พระเอกมาดกวนอย่าง “เต๋อ-ฉันวิชช์” กับนางเอกสุดมึนอย่าง “หนูนา” มาปะทะกันในเรื่อง กวน มึน โฮ ในส่วนของพาร์ทเรื่องที่เน้นไปทางกวน ต้องบอกเลยว่า “กวน จัง แก” จริงๆ โดยเรื่องเปิดมาที่ เต๋อ ที่มี
อาการเมาสุดๆ ถูกกลุ่มก๊วนเพื่อนตัวดีขับรถพามาส่งที่สนามบิน เพื่อให้เต๋อบินไปเที่ยวเกาหลี แค่นี้อาจจะเห็นว่าก็ไม่เห็นกวนอะไรนี่ ภาพมาส่งความกวนก็ตอนที่เห็น เต๋อ ลากแตะ มารวมกลุ่มกับแก๊งค์ทัวร์เกาหลีนี่แหละ ได้ไป 1 กวน และในพาร์ทนี้เองที่ ผกก. ทำให้คนดูเห็นว่ามีสาวหน้ามึนคนหนึ่งกำลังเดินทางขึ้นเครื่องบินมุ่งตรงสู่เกาหลีเช่นเดียวกัน แต่ความกวนและมึนกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์ประเทศเกาหลี เสียงจากแอร์โฮสเตจ แจ้งถึงอุณหภูมิของประเทศเกาหลีว่าอยู่ในช่วงหนาว (มาก) สำหรับคนไทย ให้เตรียมอุปกรณ์กันความหนาวให้พร้อมสรรพ แต่พระเอกของเรา ที่ไม่มีอะไรเลยจะทำยังไงล่ะ เพราะเพื่อนตัวดีมาส่งแต่ตัวจริงๆ ไม่มีสัมภาระติดตัวมาเลย เราคงไม่เฉลยน่ะนะ จุดเริ่มต้นการเดินทางของหนังที่แตกต่างจากหนังสือ เพราะในหนังสือจะบอกว่าทรงกลดมาเที่ยวด้วยตัวเอง แต่ในหนังเป็นการมากับคณะทัวร์
(ซึ่ง ผกก. ก็บอกแล้วว่ามีการปรับเปลี่ยน แค่ให้มีกลิ่นอายจากหนังสือเล็กๆ )เอาเป็นว่าหลังจากทั้งคู่มาเจอกัน ทั้ง “เต๋อ” และ “หนูนา” คน 2 คน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง มาเจอกัน ณ ที่อากาศหนาว ๆ สถานการณ์เป็นใจ การตกหลุมรักกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะมีใจให้กัน ความมัน ความฮา มันมีมาก่อนหน้านั้น
เพราะมุกที่เต๋อ เขียนใส่ หรือ เพิ่มเข้าไป ทำให้คนดูหัวเราะกันอย่างลืมตัวเลยทีเดียว อีกทั้งมุกต่างๆ ของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มุก ช้างกูอยู่ไหน หรือ เบยองจุน (พระเอกในเรื่อง Winter Love Song) ที่กลายเป็นพระเอกสุดหล่อ และฮอตฮิตในบ้านเขาและบ้านเราไปแล้ว (แต่ไม่บอกหรอกนะว่าเป็นยังไง เพราะเดี๋ยวจะเสียอรรถรสสำหรับคนที่จะไปชม) ก็ทำได้ดี เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างไม่ขาดสาย น่าจะพูดได้ว่า “ฮา จริง คุณ” ได้เลย หนังฟรี หนังใหม่
ขอพูดถึงฉากที่ผมชอบและอะไรหลายๆอย่างที่ได้เห็นจากหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้มาดูอีกครั้งนะครับส่วนแรกเลยคือการที่ทั้งสองคน ได้เจอและพูดคุยกัน เหมือนลด ความอคติต่อกันลงไป ตัวละครผู้ชายถูกเขียนบทสำหรับพูดกวนๆ คิดหรือพูดอะไร ที่ขัดกับคนอื่นไปหมด แต่ก็มีมุม ที่หวั่นไหวในเรื่องคือความรัก ไม่อาจเก็บเรื่องนี้ไปจากใจได้ และเขาก็หาคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่เสมอ ไม่ผิดแปลกอะไร ในเมื่อผู้ชายไม่พร้อมจะแต่งงาน อันนี้ก็ถือว่าเข้าใจได้นะ มันสามารถโดนทิ้งได้ตลอดเวลา โดยไม่มีใครนึกถึงระยะเวลาที่คบกัน งานแต่งผู้หญิงอยากมีช่วงเวลาแบบนั้น ซึ่งเราเห็นการแสดงของคุณเต๋อ ในฉากเพื่อนนางเอก มันชัดเจนว่าเขาเจ็บมากเพียงใด ส่วนตัวละครผู้หญิง การที่หลอกแฟนไม่ผิดอะไรหลอกแต่เรื่องแบบนี้ก็มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจได้ในมุมผู้ชาย ผู้หญิงบางเรื่องหรืออย่างที่อยากไปคนเดียวไม่อยากอยู่กับแฟน ตัวละครของหนูนา ที่ปะทะกับแฟนคือจุดที่ชี้ให้เห็นว่า
ผู้ชายส่วนใหญ่ ยังคิดว่าตัวเอง เป็นใหญ่กว่าผู้หญิงตลอด การที่ตัวละคร ไม่ทำความรู้จักชื่อ ถือเป็นความคิด ที่แตกต่าง ไม่มีใครคิดว่า หนังจะทำแบบนี้ เพราะโดยปกติ คนเราจะรู้กันแบบระยะสั้นก็ต้องเรียกชื่อ เพื่อให้ความเคารพ ซึ่งกันและกัน แต่สิ่งนี้ทำให้มัน แตกต่างไปจากภาพยนต์ เรื่องอื่นๆ ความเหงา เรื่องอกหัก ก็เกิดเป็น ความต้องการที่อยากมีให้สักคน มาเข้าใจ
ถึงตัวหนัง จะมีตลกมาก แต่ก็ยังถือว่า เป็นหนังที่ดี เพราะเราไม่ได้ดูแค่เรื่องราว แต่ยังให้เห็นการสะท้อน ความคิด และ การทำความเข้าใจ ของตัวละคร แต่ในความเป็นจริง ก็คงจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้หลอกน่าจะอยู่แค่ในหนังเป็นหนังที่หลังดูจบคือ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ น่าจะเล่นต่ออีกหน่อยนึง อย่างน้อยขอรู้ชื่อ พระเอกนางเอกก่อนได้มะ ทั้งเรื่องสรุปไม่มีใครรู้ชื่อนักแสดงนำเลย คือตอนจบกำลังจะบอกชื่อ หนังก็จบเลย มันค้างคามากเลยครับ นอกนั้นฉากอื่น ๆ คือดีหมดเลย
ยกเว้นแต่ตอนจบน่าจะเล่นไปให้สุดกว่านี้ จะดีมาก ปล. อยากให้มีภาคสอง แต่น่าจะฝันสลายเพราะหนังก็ฉายไปนานแล้ว อดเลย อาจจะค้างคานิดนึง แต่เดาว่าตอนจบมันต้องแฮปปี้แน่ ๆ เพราะพระเอก บอกรักผ่าน วิทยุพี่อ้อยพี่ฉอด ขนาดนั้น จนนางเอกร้องไห้ออกมาด้วยความซึ้งใจ
รีวิว น้องพี่ที่รัก
รีวิวหนังใหม่ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของสตูดิโอ GDH
รีวิว ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
รีวิว อ้ายคนหล่อลวง
รีวิว ร่างทรง
รีวิว อีเรียมซิ่ง