รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
เรื่องย่อ เขาเรียกผมว่าความรัก
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
รีวิว เขาเรียกผมว่าความรัก
ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย
สปอยหนัง ในยุคปัจจุบันที่มีวงดนตรีเกิดใหม่มากมาย คุณยังคิดถึงวงดนตรีคุณภาพอย่างบอดี้แสลม ,So Cool ,โมเดิร์นด็อก ,พาราด็อกซ์ และอื่น ๆ อยู่อีกหรือไม่ หากคุณยังคิดถึงพวกเขาเหล่านั้นก็แนะนำให้หาหนังเรื่อง “SuckSeed ห่วยขั้นเทพ” มาดูกันให้ได้เลย แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนกับตัวเองหลุดไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง แต่ก่อนจะไปหาหนังมาดูก็สามารถมาอ่านรีวิวคร่าว ๆ จากเรากันก่อนได้เรื่องย่อหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ หนังไทยnetflix
หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เป็ด” “คุ้ง” และ “เอ็กซ์”ที่ตัดสินใจก่อตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้นมาด้วยเป้าหมายที่อยากจะเป็นนักดนตรีระดับประเทศ แต่เพราะเวลานี้พวกเขาเป็นคนที่ห่วยในด้านการเล่นดนตรีและร้องเพลงในระดับขั้นเทพจนถูกเพื่อนร่วมชั้นและคนอื่นมองแบบดูถูกแต่ก็ไม่ย่อท้อจึงได้ตั้งชื่อวงของตัวเองว่า “SuckSeed” ขึ้นมา
พวกเขาต้องพยายามเพิ่มทักษะให้ตัวเองเก่งพอก่อนจะไปแข่งงานประกวดวงดนตรีของค่ายเพลงดังระดับประเทศให้ได้ ทว่ามันกลับยากมากยิ่งขึ้นเมื่อทั้งเป็ดและคุ้งต่างหลงรัก “เอิญ” เพื่อนวัยเด็กที่เพิ่งย้ายเข้ามาเหมือนกัน เธอเป็นคนร้องเพลงเก่ง แต่กลับไปเป็นนักร้องนำให้วงอารีน่าซึ่งเป็นวงดนตรีคู่แข่งของโรงเรียนตัวสำคัญป๊อปปูล่าร์เกินเบอร์ที่มีเป้าหมายจะไปแข่งในงานระดับชาตินี้เหมือนกัน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่! ดูหนังฟรี
ความน่าสนใจของหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ
ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพมีความน่าสนใจตรงที่ตัวละคร “เป็ด” “คุ้ง” และ “เอ็กซ์” เหมือนถูกสร้างให้มาเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่อยากสร้างวงดนตรีเป็นของตัวเองแต่มีทักษะในระดับห่วย อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ SuckSeed กลายเป็นหนังที่โด่งดังมากในหมู่วัยรุ่น ณ ตอนที่เข้าโรงภาพยนตร์ก็คือ มีนักร้องนำจากวงดนตรีระดับเทพของไทยเรามารับเชิญให้ร้องเพลงดังประจำวงตัวเองในฉากต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ของทั้งสามกันอย่างลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นอารมณ์อินเลิฟตกหลุมรัก อารมณ์อกหัก หรืออารมณ์ท้อแท้
ทำให้เรากลับมาคิดถึงพวกเขาอีกครั้ง และทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักเพลงเก่ามากยิ่งขึ้นด้วยจนกลับมาฮิตอีกครั้ง ในตัวหนังทำให้เราเห็นถึงการฝึกซ้อมที่ต้องอาศัยความพยามยามเล่นบ้างจริงจังบ้าง และไหนจะมีเรื่องความรักวัยเรียนเข้ามาโดยพระเอกหรือก็คือ “เป็ด”นี่ล่ะที่ดันไปตกหลุมรักนางเอกที่เพิ่งปฏิเสธ “คุ้ง”ไป กลายเป็นว่านางเอกเองก็ตกหลุมรักพระเอกด้วยเช่นกันเพราะเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถึงขนาดแต่งเพลงที่ชื่อว่า “เพลงที่ฉันไม่ได้แต่ง” ให้นางเอกซึ่งนางก็นำไปร้องบนเวทีประกวดการแข่งขันระดับชาติ ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง 037
พอคุ้งรู้เข้าก็เหมือนพระเอกทรยศความไว้ใจของเพื่อนจนกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของวงSuckSeed ที่ทำให้เราได้รับบทเรียนในด้านมิตรภาพของเพื่อนด้วย ทุกคนสามารถมีความรักได้แต่ก็ต้องมีในทางที่เหมาะสม หนังเรื่องนี้มีเพลงประกอบไพเราะมากมายเลยนะคะ ลองไปหาฟังกันได้ แต่ที่เราชอบที่สุดก็คือ “ทุ้มอยู่ในใจ” ที่เก้า จิรายุร้องคู่กับณัฐชานี่ล่ะ
ข้อคิดดี ๆ จากหนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ
หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพได้สอนให้เรารู้ว่า ทุกคนย่อมมีดนตรีอยู่ในหัวใจ แม้คุณจะเป็นคนที่เล่นดนตรีห่วยก็ตามแต่เมื่อมีความพยายามและกำลังใจในหมู่เพื่อนฝูงที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เดี๋ยวทักษะที่ห่วยขั้นเทพมันก็จะเพิ่มเป็นต้นใหญ่ได้ขึ้นมาเอง
นอกจากนั้นการซื่อสัตย์และการคงเส้นคงวาก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ทำให้อุปสรรคต่าง ๆ มาสั่นคลอนมิตรภาพของเพื่อนได้ ทุกอย่างมันคือบททดสอบให้เราเติบโตขึ้นเพื่อเป็นคนเก่ง
เป็นภาพยนตร์จากค่ายหนังไทยที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง GTH ภาพยนตร์ได้ผู้กำกับอย่าง ชยนพ บุญประกอบ หรือพี่หมู มากับกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งพี่หมูนั้นได้กำกับหนังดังหลายๆ เรื่องที่เรารู้จักกันดีอย่าง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ, พรจากฟ้า, friend zone ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน และอื่นๆ อีกมากมาย
Suck Seed ภาพยนตร์ไทยแจ้งเกิดนักแสดงอย่าง เก้า จิรายุ(เป็ด) พีช พชร(คุ้ง) แนท ณัฐชา(เอิญ) เอิร์ธ ธวัช(เอ็ก) ท้อป ณภัทร(ตวง) รับบทหลักของเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดของนักแสดงวัยรุ่นที่ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา ซักซี้ด ได้ฉายไปเมื่อวันที่ 17มีนาคม 2554 ซึ่งใช้ทุนสร้าง 20ล้านบาทแล้วได้กวาดรายได้ไปถึง 78.32ล้านบาท อีกทั้งได้ไปฉายที่งานเทศกาลหนังไทเป ฟิล์ม เฟสติวัล ที่ประเทศไต้หวันอีกด้วย
ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ มันคือภาพยนตร์วัยรุ่นแนวดนตรีที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นสุดห่วย อย่างคุ้งผู้ที่มีแฝดชื่อเค ซึ่งคุ้งและเคนั้นถึงหน้าจะเหมือนกันมากแต่นิสัยและการกระทำนั้นต่างกันมาก เคนั้นเป็นหนุ่มฮอตแสนเท่ที่เป็นนักกีต้าของวงชื่อดังของโรงรียน ส่วนคุ้งนั้นเป็นแฝดอีกคนที่ไม่เอาอ่าว ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยและเปลี่ยนงานอดิเรกหรือสิ่งที่ทำไปตามใจตัวเอง ซึ่งเขาจะมีเป็ดเป็นเพื่อนสมัยเด็กๆ ที่คอยติดสอยห้อยตามไปทุกที่
เป็ด ตัวเอกของเรื่อง รับบทโดย เก้า จิรายุ ชีวิตเขานั้นห่วยมากในด้านการตัดสินใจขี้ขาดและเป็นคนขี้อาย แค่จะบอกชอบผู้หญิงที่ตัวเองรักยังไม่กล้าที่จะบอก ซึ่งผู้หญิงคนนั้น ก็คือ เอิญ สุดท้ายเป็ดก็ไม่ได้บอกความรู้สึกให้เอิญรู้ อีกทั้งยังมีข่าวลือว่า คุ้งโทรไปสารภาพรักกับเอิญ ซึ่งทำให้เอิญเสียใจมาก ทำให้เป็ดไม่กล้าจะบอกความจริงว่าคนที่โทรไปนั้นคือ เขานั่นเอง ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง facebook
ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ รีวิวหนังไทย จนเวลาผ่านเลยไป คุ้งและเป็ด ได้เติบโตกันจนอยู่มัธยม ปีที่ 6 เอิญก็ได้ย้ายกลับเข้ามาเรียนที่เดียวกันกับคุ้งและเป็ดแล้วเรื่องราววุ่นๆ จึงเกิดขึ้น เมื่อคุ้งได้เกิดหลงรักเอิญขึ้นมา เพราะความสวยของเอิญ บวกกับความทรงจำในสมัยก่อน ซึ่งเป็นตอนที่เอิญเสียใจมันทำให้คุ้งกลับรู้สึกชอบเอิญ ส่วนเป็ดที่รู้ว่าเอิญกลับมาเรียนด้วยกันความรู้สึกต่างๆ ก็หวนคืนกลับมา
คุ้งรู้ว่าเอิญเล่นดนตรีเป็น คุ้งเลยชวนเอิญมาตั้งวงด้วย แล้วได้ชวนเป็ดมาด้วย ซึ่งเป็ดได้รับเลือกให้เล่นเบส คุ้งเป็นนักร้องนำและกีต้าร์ เอิญได้เล่นกีต้าร์ จากนั้นเขาจึงชวน เอ็กหนุ่มนักกีฬา ที่ได้มาเป็นมือกลองของวง ที่บ้านทำร้านเบเกอรี่ โดยมีคุณพ่อสนับสนุนยกห้องเก็บอุปกรณ์ทำขนมปังเป็นห้องซ้อมให้พวกเพื่อนๆ ซึ่งเอ็กนั้นก็มีความห่วยเหมือนกัน เขานั้นได้ชอบหญิงสาวสวยคนหนึ่งแต่ก็ถูกทอมแย่งไป หลังจากตั้งวงดนตรี พวกเขาก็จะไปประกวดฮอตเวฟ ซึ่งกติกาก็คือการแต่งเพลงรักที่ห้ามมีคำว่ารัก แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เอิญนั้นต้องออกจากวงไปทำให้พวกเขาทั้ง 3คนต้องมาตั้งวงและทำเพลงเข้าประกวด ซึ่งการรวมตัวของพวกห่วยที่หวังจะชนะฮอตเวฟจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าดึงดูด
สิ่งที่หน้าสนใจของหนังเรื่องนี้ คงเป็นการที่แทรกเพลงต่างๆ ให้เข้ากับเนื้อเรื่องที่ทำให้คนอินกันสุดๆ แต่ถ้าพูดแบบนี้ผู้อ่านคงคิดว่าเรื่องอื่นๆ เขาก็ทำกันเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่หนังเรื่องแตกต่างและทำให้ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากคือการที่มีการถ่ายทำเอ็มวีของเพลงต่างเข้ามาผสมกับเนื้อเรื่องและได้นักร้องของเพลงมาร่วมแสดง ได้แก่เพลง ก่อน ที่ได้พี่ป๊อดโมเดิร์นด็อก เพลงมีแต่เธอที่ได้ต้าพาราด็อก เพลงน้ำตาที่ ได้แด๊กซ์บิ๊กแอส ยิ่งโตยิ่งสวยที่ได้ ปูแบล็คเฮด ความเชื่อ วงบอดี้แสลม และเลี้ยงส่ง ที่ได้โจ๊กโซคูลมาร่วมแสดงและสร้างสรสันให้กับภาพยต์เรื่องนี้อีกด้วย
แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำให้คนดูรู้สึกแปลกใจและยังคงเป็นสิ่งใหม่ที่วงการภาพยนต์คงเป็นเรื่องของการเล่าเรื่องโดยมีภาพอนิเมชั่นประกอบเข้ากับตัวหนัง ซึ่งทำให้หนังนั้นมีมิติที่แตกต่างจากหนังวัยรุ่นที่ผ่านๆ มา ส่วนในด้านการแสดงต้องบอกเลยว่าเก้าจิรายุทำได้ดีมาก แต่นักแสดงนำคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า ซึ่งถ้าในตอนนั้นแต่ละคนยังคงเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของวงการเลยก็ว่าได้ แต่ที่ต้อง ตบมือให้คงเป็นการแสดงของพีช พชร ที่เล่นเป็นแฝดที่มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้วและเขายังทำได้ดีมากอีกด้วย เรียกได้ว่าการแสดงของพวกเขานั้นเป็นตัวส่งให้หนังมีชีวิตชาวามากยิ่งขึ้น
การที่หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจอีกอย่างคงเป็นเรื่องราวความรักในหลายๆ แง่มุม ของตัวละคร และเรื่องราวมิตรภาพของเพื่อน ที่แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปก็ไม่อาจทำให้มิตรภาพของเราจางหายไปได้ ซึ่งตัวหนังทำได้ดีมากในการให้แง่คิดและยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นที่สนใจในการเล่นดนตรีอีกด้วย
หนังเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยไม่ว่าวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ใครๆ ก็สามารถดูได้ ซึ่งหนังสร้างความเฮฮาสนุกสนานและความประทับใจในทุก ๆด้านทุกแง่มุม DooDiDo ผู้เขียนให้คะแนนรีวิวเรื่องนี้ 9/10 คะแนน หากใครอยากรับชมก็ลองหาชมดูได้ที่ทางช่องสตรีมมิ่งต่างๆ ได้เลยจ้า
“หนังวัยรุ่น” จัดเป็นหนึ่งในประเภทของหนังปราบเซียน คือไม่ใช่ว่ามันไม่ทำเงิน กำกับยากหรืออะไร แต่เพราะเป็นหนังประเภทที่คนทำมาเยอะ(มาก)แล้ว และยากที่จะฉีกแนวจากหนังวัยรุ่นทั่วไป คือถ้าเราหลับตาดูก็จะนึกภาพตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบได้เลย ซักซีด หวยขั้นเทพ ภาค1
เริ่มต้นด้วยพระเอกหล่อ นางเอกสวยใส -> ฝันอยากจะตั้งวงดนตรี/ประกวดเต้น/แข่งกีฬา -> เจออุปสรรค ที่บ้านไม่เห็นด้วย เล่นไม่เก่ง อุปกรณ์ไม่ดี -> ปิ๊งสาว -> จบที่งานประกวด พลิกชนะเลิศ ได้รางวัล สาวชอบ ที่บ้านยอมรับ Happy Ending จบ .. แค่นี้ก็รู้สึกถึงความเอียน~~~~
Suck Seed ห่วยขั้นเทพ มีหน้าหนังที่เหมือนข้างบนว่าไว้ทุกประการ .. เด็กวัยรุ่น ตั้งวงดนตรี ประกวด Hot Wave ปิ๊งสาว มีอุปสรรคที่ทุกคนเป็นตัวห่วย .. มีเพียง 2 อย่างที่ทำให้ก่อนจะดูแล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าจะดี คือนางเอก (น้องแนท ณัฐชา นวลแจ่ม) ที่เล่นดนตรีเอง และโปสเตอร์หนังมีโลโก้ GTH ประกันคุณภาพอยู่ต้องชมทีมงานแคสนักแสดงของ GTH ที่เลือกนักแสดงได้ตรงกับบทและดูเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ GTH ในการปั้นนักแสดงหน้าใหม่ โดยการเลือกนักแสดงให้เป๊ะกับบท พอแสดงออกมาก็ดูดีสมกับตัวละคร
ไล่มาตั้งแต่ บอล ต่าย season change, ซันนี่ นุ่น เอ๋ เพื่อนสนิท, แพตตี้ ปิดเทอมใหญ่, พีค สายลับจับบ้านเล็ก, หนูนา กวนมึนโฮ และต่อไปเราคงจะได้เห็น เก้า แนท เอิร์ท พีช Suck Seed
สรุปแล้วชอบครับ แตกต่างจากหนังวัยรุ่นทั่วไป นักแสดงทุกคนก็สมบทบาทดี เสียดายที่ช่วงไคลแม๊กยังเรียกอารมณ์ได้ไม่จี๊ดเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วโดนเลยทีเดียว หนังสนุกมาก ดูแล้วรู้สึกเสียดายที่ทำไมสมัยเราเป็นวัยรุ่นถึงไม่มีหนังแบบนี้บ้าง ซักซีด หวยขั้นเทพ เต็มเรื่อง imovie
ช่วงนึงของหนังก็ทำให้นึกว่า เออ ชีวิตวัยรุ่นมันก็มีแค่ เพื่อน ดนตรี กีฬา กะโชว์หญิงนี่หว่า .. ก็แล้วมันต้องมีอะไรมากกว่านั้นด้วยเหรอ ? เกิดมาเป็นวัยรุ่นได้แค่ครั้งเดียว มันก็ต้องขอทำอะไรมันส์ๆ กะเค้าบ้าง … ซักซี๊ดนึง
รีวิว อันธพาล Gangster
รีวิว มึงกู…เพื่อนกันจนวันตาย
รีวิวหนัง นาคี 2
สปอยหนัง เรื่องราวของ “สร้อย” (อุรัสยา เสปอร์บันด์) สาวดอนไม้ป่า ผู้เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อ และ ศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี อันลึกลับ เธอช่วยยายขายดอกไม้ถวายเจ้าแม่ และคอยดูแลเทวาลัยแห่งนี้ สร้อยจึงมีความผูกพันกับเจ้าแม่นาคีเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ “ร.ต.อ.ป้องปราบ” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ถูกย้ายมาประจำที่ สภ.ดอนไม้ป่า ก็เกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้นอย่างมากมาย โดยหลายคดีเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และมีเงื่อนงำที่คลี่คลายไม่ได้ โดยชาวบ้านต่างปักใจว่าเป็นฝีมือของ
เจ้าแม่นาคี ที่กำลังออกอาละวาดอีกครั้งและเหตุการณ์ยิ่งพาให้ชาวบ้านต่างแน่ใจว่า สร้อย เป็นร่างประทับของเจ้าแม่นาคี แม้แต่ตัวสารวัตรป้องปราบเองซึ่งไม่เคยเชื่อในเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติ ยังลังเลต่อคำกล่าวหาที่สร้อยได้รับ จนทำให้เขาต้องค้นหาความจริงเบื้องหลังคดีลึกลับในดอนไม้ป่าแห่งนี้ เตรียมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ศรัทธา สิ่งที่ไม่เห็น หนังไทยย้อนยุค
ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง ‘นาคี ๒’ ผลงานการกำกับหนังใหญ่อีกครั้ง ของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง หลังจากเว้นมือนับจาก ชิงหมาเถิด (2553) หนังเสียดสีสังคมและการเมืองไทย แล้วไปทำละครป้อนคนดูทางโทรทัศน์อยู่นาน ซึ่งเราคงได้ข่าวกันว่าเพิ่งล้มป่วยกะทันหันจากการทำงาน แต่ตัวหนัง นาคี 2 นั้นโชคดีที่ได้กำกับจนจบก่อนแล้ว
หนังเรื่องนี้เป็นการสานต่อกระแสของละครฮิตเรื่อง นาคี ซึ่งป๋าอ๊อฟได้กำกับจนเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อ 2 ปีก่อน (เช่นเดียวกับเพลงประกอบ คู่คอง ของ ก้อง ห้วยไร่ ที่ดังระเบิดไม่แพ้กัน)
โดยตอนเป็นละครนั้นได้ แต้ว ณฐพร และ เคน ภูภูมิ ประกบฉากกัน จากบทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม นักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงทางสยองขวัญ ผลงานขึ้นชื่อก็มีคุ้นหูอย่าง แก้วขนเหล็ก นั่นเอง ซึ่งในภาค 2 นี้ก็ยังใช้บทประพันธ์ของ ตรี อภิรุม มา คิดโครงเรื่องสานต่อเป็นเรื่องราวอีกราว 20 ปีต่อมาจากละคร โดยพงษ์พัฒน์คิดเรื่อง แล้วได้ทีมเขียนบทที่นำโดย โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับและมือเขียนบทแนวธริลเลอร์มือต้น ๆ ของไทยมาเขียน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
ซึ่งทำให้พล็อตที่ดูเชยมาก ๆ อย่างตำรวจหนุ่มชาวกรุงเข้ามาช่วยเหลือสาวสวยบ้านป่า จากคดีเหนือธรรมชาติ ที่ชาวบ้านต่างใส่ร้ายว่าเธอคือต้นเหตุ แต่เพราะวิธีการเล่าแบบหนังสืบสวน ปนสยองขวัญ ก็ทำให้เรื่องดูสนุกน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยบ่อยนัก ส่วนจุดพร่องของการเล่าเรื่องก็มีบ้างคือการตัดตอนรวบรัดแบบกะว่าคนดูละครไทยจะเข้าใจได้อยู่แล้ว เช่น ไม่มีฉากที่ทำให้คู่พระนางรักกัน แต่ตอนจบทั้งคู่ก็จะรักกันได้ เพราะเป็นละครไทย การอนุมานใช้ความเคยชินของคนดูละครไทยอะไรแบบนั้น ก็อาจมองเป็นจุดด้อยหนึ่งของหนังได้เช่นกัน เพราะหนังในเวลาที่เท่ากันอาจเลือกวางเรื่องและอารมณ์ให้ชัดกว่านี้
ทีมงานหนังยังได้มือรางวัลอีกหลายรายมาร่วมงาน ทั้ง สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพฝีมือโกอินเตอร์ที่ล่าสุดเพิ่งทำหนังชิงออสการ์อย่าง Call Me By Your Name มารับหน้าที่กำกับภาพด้วย ซึ่งงานภาพของเรื่องนี้หลายซีนดูโดดเด่น ทั้งการใช้แสงลงในฉาก และการใช้สีตัดได้อย่างน่าสนใจ ดีเกินหน้าหนังทั่วไปอยู่หลายฉากเลย และด้านการตัดต่อก็ยังได้ ลี ชาตะเมธีกุล มือต้น ๆ ของไทยที่นาน ๆ จะรับงานตัดต่อหนังใหญ่มาตัดต่ออีกด้วย
ฝ่ายศิลป์ของหนังเองก็นับว่าเนี้ยบมาก ฉากโรงพักโดนถล่มนี่คือมาสเตอร์พีซเลย ต้องบอกว่าเป็นการรวมทีมผู้สร้างที่ไม่ธรรมดา จนได้งานที่ยกระดับโปรดักชั่นจากละครขึ้นมาสมศักดิ์ศรีภาพยนตร์จอเงิน ใครดูตัวอย่างจากทีวีจากจอคอมแล้วร้องอี๋ บอกเลยว่าของจริงในโรงดูดีไม่น้อยหน้าหนังสัตว์ประหลาดของเมืองนอกเลยล่ะ ถ้านับแค่ว่ามันเป็นหนังสืบสวนสยองขวัญ สัตว์ประหลาดยักษ์ นี่น่าจะเป็นหนังไทยเบอร์ต้นในแนวทางนี้เลย ยังนึกเรื่องอื่นที่ดีเทียบเท่าไม่ค่อยออก
และในครั้งนี้ก็ได้นำคู่ขวัญละครไทยอย่าง ญาญ่า อุรัสยา และ ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ต่างก็ลองผ่านงานจอเงินมาแล้วทั้งคู่ อย่าง ญาญ่า ก็เพิ่งมี น้อง.พี่.ที่รัก ส่วนณเดชน์ ก็ยังจำฝีไม้ลายมือจาก คู่กรรม ได้ดี และในเรื่องนี้ยังมารับบทนำร่วมกันประกบกับคู่ขวัญเดิมอย่างแต้วและเคนอีก อย่างที่บอกว่าบทรักของหนังไม่ค่อยเด่นนัก แต่ด้วยความหวานนอกจอของญาญ่า-ฌเดชน์ ก็มากพอให้เรารู้สึกว่าตัวละครมันรักกันได้ล่ะ ก็นักแสดงเขารักกันนี่นา
หนังยังใช้เสน่ห์กลิ่นอายแบบอีสานทั้งฉากหลัง หมู่บ้าน ความเชื่อ ภาษาถิ่น ได้อย่างดีและมีเอกลักษณ์ คนอีสานน่าจะชอบอกชอบใจ ส่วนคนภาคอื่นก็ฟังเพลินสำเนียงสวย และก็รู้เรื่องเพราะหนังมีซับแปลให้อ่านเรียบร้อย สบายใจ ส่วนตัวคือชอบนะครับ ภาษาทางอีสานมันมีความสวยของมันอยู่ แล้วยังทำให้บริบทหนังมันดูสมจริงสมบูรณ์ขึ้นด้วย ที่สำคัญยังทำให้การเล่นบทตลกของ อี๊ด โปงลางฯ กับ ปอยฝ้าย มาลัยพร ในบทคู่หูตำรวจเสียงอีสานดูตลกขึ้นจมด้วย ทำให้ช่วงต้นของหนังดูสนุกขึ้นด้วย
จุดอ่อนของหนังไทยอย่างเรื่องของซีจีต่าง ๆ ต้องยอมใจผู้สร้างที่แม้ทุนมากขึ้น โดยมีให้กับการทำซีจีนับ 20 ล้านบาท และมีตัวเลือกจะใช้บริษัทต่างชาติที่ผ่านงานระดับโลกมาทำก็ตาม แต่ป๋าอ๊อฟแกหัวชนฝาให้เป็นหนังเมดอินไทยแลนด์ จึงใช้บริการ Fatcat บริษัทที่ทำกราฟฟิกให้ในละคร นาคี มาสานต่องานเดิม ด้วยความละเอียดและทุนที่มากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเหมือนกันเพราะ หนังทำออกมาได้ใกล้เคียงงานสากลแบบไม่อายเลย มีที่หลุด ๆ อยู่บ้างก็เรียกว่าน้อยจนให้อภัยได้
นอกจากดนตรีประกอบที่ผสมความทันสมัยกับสำเนียงเพลงอีสานหวนไห้ได้อย่างน่าสนใจแล้ว เพลงประกอบหนังอย่าง สายแนนหัวใจ ของ ก้อง ห้วยไร่ เจ้าเก่าเองก็น่าจะติดหูและเป็นที่นิยมได้ไม่ยากเช่นกัน นี่พอหนังจบไม่อยากลุกเลย ฟังเพลงไปอินดีมาก
หลังจากที่ได้กระแสตอบรับที่ดีจากการออกอากาศในช่อง 3 เมื่อปี 59 ล่าสุด ละคร “นาคี” ก็ได้เพิ่มภาคต่อเป็นภาพยนตร์ “นาคี ๒” จากฝีมือของผู้กำกับเดิม อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และได้นักแสดงนำคู่เดิม คือ แต้ว ณฐพร, เคน ภูภูมิ ตบเท้าร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา และณเดชน์ คูกิมิยะ รับบทนำคู่กันในภาคนี้ หนังฟรี หนังใหม่
เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นต่อจากภาคแรก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น 60 ปี คือปี 60 โดยถ่ายทอดผ่าน 2 ตัวละครหลัก ได้แก่ สร้อย (รับบทโดย ญาญ่า) เด็กสาวขายดอกไม้ที่เติบโตมากับตำนานเจ้าแม่นาคี และสารวัตรป้องปราบ (ณเดชน์) ตำรวจที่ถูกย้ายมาประจำในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อ โดยดำเนินเรื่องแบบยึดเค้าโครงเดิมคือ ความเชื่อเรื่องพญานาค หรือ “เจ้าแม่นาคี” ในภาคอีสานเป็นหลัก
เริ่มต้นที่นักแสดงนำอย่าง ณเดชน์ และญาญ่า ด้วยความที่ทั้งคู่ผ่านงานแสดงบนจอภาพยนตร์มาแล้วทั้งคู่ รวมทั้งผลงานบนจอแก้วอีกนับไม่ถ้วน นั่นทำให้เรื่องแอคติ้งไม่ต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้ง 2 คนสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้สมฝีมือ และโดยเฉพาะกับญาญ่า ที่ในหนังเรื่องนี้ได้เผยมุมที่คนดูอาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยการพูดภาษาอีสานตลอดทั้งเรื่อง ส่วนคำแก้ว และทศพลจากภาคที่แล้ว แม้ว่าจะมีฉากออกมาให้เห็นไม่มากอย่างที่เราคิด แต่เรื่องการแสดงก็ทำได้ดีแบบไม่น่าผิดหวัง
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในหนังเรื่องนี้เลยก็คือ CG ที่อลังการและสมจริงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับละคร หลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นกันไปแล้วในภาคแรก รวมถึงในตัวอย่างหนัง แต่เมื่อไปอยู่บนจอยักษ์แล้ว ก็ทำให้ได้อรรถรสและความสมจริงมากขึ้นอีก ซึ่ง CG อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
แม้ว่าจะในภาคที่แล้วจะชูเรื่องราวความรักมาควบคู่กับความเชื่อ แต่ในภาคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอก ไม่ได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นมากนัก บวกกับการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ จึงอาจทำให้ดูแล้วเบื่ออยู่บ้าง แต่ก็ได้ 2 นักแสดงสมทบอย่าง อี๊ด โปงลางสะออน และปอยฝ้าย มาลัยพร ซึ่งรับบทจ่าและดาบตำรวจ มาสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้อยู่เป็นระยะๆ
อย่างที่ได้เล่าไปแล้วในตอนต้น ด้วยความที่เนื้อหาหนังเน้นเรื่องของความเชื่อ และประเพณีเป็นหลัก บวกกับการเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ และคลายปมอย่างรวดเร็วในตอนท้าย ทำให้ “นาคี ๒” อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ตรงใจคนที่ไม่อินเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือผีสางมากนัก แต่สำหรับแฟนละครที่เคยอินกับภาคแรกมาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ และความอลังการบนจอยักษ์ของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่คุณรอคอย โดยนาคี ๒ จะเข้าฉายในวันที่ 18 ต.ค. ทุกโรงภาพยนตร์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ
รีวิวหนังไทย เทอมสองสยองขวัญ หนังสยองขวัญสุดหลอน ซึ่งสามารถ ทำจิต คุณตก เรื่องใหม่ที่เล่าขานถึงตำนานความสยองในรั้วมหา’ลัย โดยถูกแบ่งออกเป็น 3 ตอน หลากอารมณ์จาก 3 ผู้กำกับที่เริ่มต้นด้วย คุณพลอย ภัทรภร จะกำกับในเรื่องของ “เชียร์ปีสุดท้าย” ที่ออกแนวดราม่า ต่อด้วยคุณก๋วยเตี๋ยว จตุพงศ์ ที่รับหน้าที่กำกับในเรื่องของ “เดอะซี” ที่จะออกแล้ว แอ็คชั่น ผสมกับความระทึกขวัญ และปิดท้ายด้วยคุณต้น เอกภณ ในเรื่องของ “ตึกวิทย์เก่า” ที่จะเป็นแนวคอเมดี้
ค่ายสหมงคลฟิล์มอาจจะไม่ใช่ค่ายเบอร์หนึ่งหนังไทยในยุคนี้ ยิ่งการประกาศโปรเจกต์หนังไทยในปีนี้ที่จำนวนและความใหญ่ของตัวหนังนั้นแผ่วลงจากยุครุ่งเรืองอย่างมาก แต่ศักยภาพความแข็งแกร่งที่เป็นพี่ใหญ่ของอุตสาหกรรมในอดีตก็ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะการให้โอกาสคลื่นลูกใหม่จากหลากหลายสถาบันการศึกษาที่มีแววได้เข้าสู่การทำหนังโรงและมีทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์คอยฟูมฟักอีกที
เริ่มด้วยเมื่อเฟรชชีของคณะฯ ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์เหมือนเช่นทุกๆ ปี แต่แล้ว “เมษา” นักศึกษาปีหนึ่งกลับได้ยินและเห็น “บางอย่าง” ในห้องเชียร์โดยไม่คาดฝัน นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและ “ต่าย” เพื่อนสนิทต้องเปลี่ยนไป และห้องเชียร์รุ่นนี้อาจจะกลายเป็นรุ่นสุดท้ายของมหา’ลัย! “เทอมสอง สยองขวัญ: เชียร์ปีสุดท้าย” นำแสดงโดย “มิวสิค BNK48-แพรวา สุธรรมพงษ์” และ “แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน”
“เตียงซี ที่ใครก็สงสัยว่า เตียงใคร” เรื่องเล่าในวันสถาปนาฯ “ผีนักศึกษาแพทย์” จะกลับมานอนที่ “เตียงซี” ของเขาทุกปี แต่ปีนี้ “แทน” นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งจำเป็นต้องอยู่หอเพียงคนเดียวในคืนนั้น เขาจะเอาชีวิตรอดจากการเผชิญหน้ากับเจ้าของเตียงซีในตำนานได้หรือไม่ “เทอมสอง สยองขวัญ: เดอะซี” นำแสดงโดย “เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” และ “นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์”
และสุดท้ายกับ “ชุดครุย ที่ใครก็สงสัยว่า ชุดใคร”ใครๆ ก็ไม่กล้าย่างกรายไปที่ “ตึกวิทย์เก่า” ที่มีตำนานสยองขวัญเป็นที่เลื่องลือ แต่ไม่ใช่เขาคนนี้ “กอล์ฟ” น้องชายสุดบื้อที่ดันเอาของมาส่งให้ “มีน” พี่สาว ผิดตึก! เลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยน และอาจนำพาสองพี่น้องและผองเพื่อนสู่ขิตไปตลอดกาล “เทอมสอง สยองขวัญ: ตึกวิทย์เก่า” นำแสดงโดย “กิต Three Man Down-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์” และ เบลล์-“เขมิศรา พลเดช”
‘เทอมสอง สยองขวัญ’ เป็นหนังสั้นความยาวประมาณ 45 นาทีจำนวน 3 เรื่องที่เรียงร้อยกัน โดยแต่ละเรื่องก็ได้ผู้กำกับ ทีมโปรดักชัน และทีมนักแสดงที่ต่างกัน แต่ทั้งหมดจะทำงานผ่านผู้วางโครงเรื่องเดียวกันคือ Hidden Agenda ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นนามแฝงของบุคคลหรือของทีม ซึ่งแต่ละเรื่องก็ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันในทางใดทางหนึ่งทั้งตัวละคร สถานที่ หรือกิมมิกที่ใช้ เหมือนว่าหนังมีจุดร่วมแค่ว่าเป็นเรื่องเล่าสยองขวัญในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น และตัวหนังก็ไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนว่าทำไมต้องเป็น เทอมสอง ที่ทำให้ชื่อหนังมันมีสัมผัสจำง่าย เพราะเทอมที่ 2 แทบไม่ได้ถูกใช้ในเรื่องราวเลย แถมไม่ได้สื่อถึงการมี 3 เรื่องสั้นด้วย (หรืออาจมีคำตอบอยู่ในการให้สัมภาษณ์ของทีมสร้างก็ต้องขออภัยที่ไม่ทราบ) เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
เทอมสองสยองขวัญ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าไม่ได้ดูหนังผีไทยที่น่ากลัวแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกประทับใจมากและก็ดูเพลินมากๆอีกด้วย นอกจากเป็นหนังที่ดูเพลินแล้วต้องบอกเลยว่าครบรสอีกด้วยครับ เพราะด้วยความที่หนังเรื่องนี้นั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 ตอน ที่เป็นคนละอารมณ์กันเลยมันเลยทำให้คนดูอย่างเรามีสมาธิในการดูมากเลยครับ ซึ่งแอดขอแบ่งเป็นเรื่องๆไปนะครับ
มาเริ่มกันที่เรื่องที่ 1 “เชียร์ปีสุดท้าย” ในเรื่องนี้จะเป็นออกแนวดราม่าจ๋าๆเลยที่ดูแล้วซึ้งแถมน่ากลัวสุดๆ เพราะด้วยบรรยากาศต่างๆ ที่ชวนขนหัวลุก พร้อมด้วยที่แอดเคยผ่านจุดนี้มามันเลยทำให้หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวแอดเองนั้นเข้ามหาลัยในปีแรกที่ต้องอยู่เชียร์จนดึกดื่นแล้วก็ไม่พ้นกับเรื่องราวของความสยองขวัญ บอกเลยน่ากลัวจริงครับเรื่องนี้ แถมมีทั้งฉากตุ้งแฉ ที่ทำให้คนดูต้องสะดุ้งกันเป็นแถวอีกด้วยครับ
ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กใหม่ 2 คนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ต่าย (แคร์ – ปาณิสรา ริกุลสุรกาน) เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่าย ขณะที่ เมษา (มิวสิค – แพรวา สุธรรมพงษ์) เป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัวและชอบมีพฤติกรรมแปลก ๆ ยิ่งเมื่อการซ้อมเชียร์มาถึงเมษาก็ยิ่งทำตัวประหลาดจนเพื่อนรอบข้างหวาดกลัว ต่ายที่เป็นคนกลางต้องดูแลเพื่อนสนิทและรับมือกับสายตาหวาดระแวงของเพื่อนใหม่คนอื่น ๆ ไปด้วย นำมาสู่การตัดสินใจที่ยากลำบากของต่าย
ผู้กำกับสาวอย่าง พลอย-ภัทรภร วีระศักดิ์วงศ์ สามารถใช้ความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่แวดล้อมด้วยสถานการณ์ชวนอึดอัดกดดันจากทั้งคนทั้งผีได้อย่างน่าสนใจ เนื้อในที่เป็นหนังดราม่าความสัมพันธ์และช่วงวัยในการเปลี่ยนผ่านจากเพื่อนมัธยมสู่เพื่อนมหาวิทยาลัยก็เป็นฐานที่แข็งแรงของตอนนี้ ซึ่งตัวแคร์และมิวสิคก็มีเคมีที่เข้ากันได้ดีช่วยทำให้รู้สึกสมจริงขึ้นมาก
แต่จุดแข็งที่ต้องชื่นชมเป็นความโดดเด่นของหนังคือ จังหวะการเล่าและการสร้างบรรยากาศผ่านงานภาพ งานออกแบบศิลป์ และงานเสียงต่าง ๆ นั้นทำได้ดีทีเดียวมีทั้งความขลังแบบไทยและท่าทีการเล่าแบบสากลได้ลงตัว ต้องบอกว่าผู้สร้างมีสัญชาตญาณในการเล่าเรื่องผีที่ดี ใส่ใจรายละเอียดได้ลงตัว เป็นการเปิดหัวหนังที่น่าตื่นตาเมื่อพิจารณาว่านี่คือหนังของคลื่นลูกใหม่
ส่วนเรื่องที่ 2 อย่าง “เดอะซี” เรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าไม่ค่อยน่ากลัวครับแต่ทำให้คนดูลุ้นจนตัวโก่งเลยทีเดียว ด้วยความที่ตัวนำของเรื่องอย่าง แทน ที่รับบทโดย เจมส์-ธีรดนย์ นั้นต้องหนีเอาตัวรอดจากผีรุ่นพี่สุดอาฆาต ส่วนเรื่องผีในเรื่องที่ 2 นี้ ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร ออกแนวเป็นซอมบี้สะมากกว่าครับ
ในคืนวันสถาปนาของมหาวิทยาลัยแพทย์มีเรื่องเล่าว่ารุ่นพี่ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 40 ปีก่อนจะกลับมายังเตียงที่เขาเคยอยู่ คืนวันสถาปนาจึงมักไม่มีใครอยู่หอพักเลยมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งปีนี้ แทน (เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กแพทย์ปี 1 ซึ่งมีโรคประจำตัวตัดสินใจไม่กลับบ้านและอยู่หอเพียงลำพังเพื่อเตรียมสอบวันรุ่งขึ้น ทั้งที่แฟนสาว (นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) ได้เตือนเอาไว้แล้ว
เป็นอีกเรื่องราวที่มักได้ฟังเกี่ยวกับผีในรั้วมหาวิทยาลัยในลักษณะการกลับมาเฉพาะวันพิเศษ แต่ผู้กำกับ ก๋วยเตี๋ยว-จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ก็ฉลาดในการใช้แนวทางหนังระทึกขวัญที่ตัวละครหลักต้องหนีสัตว์ประหลาดเพียงลำพังในพื้นที่ปิด มาปรับเข้ากับหนังผีไทยที่ปกติเป็นวิญญาณที่ผลุบโผล่ได้โดยไม่อิงสถานที่จึงไม่ค่อยเหมาะกับรูปแบบหนังหนีเอาตัวรอดแบบต้องแอบและเปลี่ยนที่ซ่อน แต่พอตีโจทย์ผีเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้จึงทำให้หนังดูน่าสนใจไม่น้อย หนังฟรี หนังใหม่
จุดแข็งอีกอย่างของหนังที่ต้องชมคือการแสดงแบบทุ่มสุดตัวของเจมส์ที่แบกหนังเพียงลำพัง และอีกประการที่เป็นดาบสองคมคือการนำเทคนิคกระตุ้นประสาทผู้ชมด้วยแสงกระพริบที่ทำให้รู้สึกกดดันเหมือนตัวละคร แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชมหนังไหลลื่นได้ลำบาก และแม้แสงกระพริบจะสนองต่อพลอตแต่พอมากไปก็ทำให้รู้สึกน่ารำคาญกับอาการไฟตกตลอดเรื่องจนดูไม่สมเหตุสมผลไปเสียแทนด้วย และตัวหนังก็หาทางลงได้อย่างไม่เหนือคาดนักอาจเป็นจุดอ่อนของพวกหนังพลอตหวือหวาที่ทางลงมักธรรมดาแบบเพลย์เซฟหรือไม่ก็เป๋เป็นหนังห่วยไปเลย ยังดีที่เรื่องนี้ยังเป็นแค่อย่างแรก
เรื่องสุดท้ายกับ “ตึกวิทย์เก่า” บอกเลยว่าอันนี้คือพีคที่สุดของหนังแล้วครับ ทำให้ความน่ากลัวของหนังเรื่องนี้หมดไปเลย เพราะเรื่องที่ 3 นี้ แม่งฉีกทุกกฏเกณฑ์ของหนังผีเลยครับ ที่ดูแล้วฮากระจาย แต่ก็ยังมีกลิ่นอายความหลอนนิดหน่อย ที่เกือบทำให้เราลืมไปเลยว่านี่มันหนังผีนะโว้ยย (5555)
มีน (เบลล์ – เขมิศรา พลเดช) นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ต้องทำงานดึกกับเพื่อน ๆ แต่ทว่าโน้ตบุ๊กที่ต้องใช้ทำงานของเธอถูกน้องชายไม่เอาไหนที่กำลังตามง้อแฟนสาวอย่าง กอล์ฟ (กิต – กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์) เอาไปใช้ เธอจึงโทรตามให้น้องชายเอามาคืนที่คณะ ขณะที่รอน้องชาย มีนจึงเล่าเรื่องผีที่ตึกเก่าของคณะหลายเรื่องให้เพื่อนฟัง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่กอล์ฟได้มาถึงและเข้าใจว่าตึกคณะเก่านั้นคือที่พี่สาวของเขาอยู่
ผู้กำกับ ต้น-เอกภณ เศรษฐสุข แสดงความชัดเจนว่าหนังจะเป็นซิตคอมที่เล่นกับสถานการณ์ที่ตัวละครกอล์ฟไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอผีอยู่ และพยายามยั่วล้อกับขนบการเจอผีหลอกต่าง ๆ รวมถึงข้อขัดแย้งของผีในคณะวิทยาศาสตร์ที่ไม่ควรเชื่อเรื่องงมงาย และมีกิมมิกในการเล่นกับผีที่ชัดเจนทั้งทางเดิน ชุดครุย และขวดยา เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยการเป็นหนังตลกที่ปิดท้ายเองก็ช่วยปรับอารมณ์ผู้ชมให้เบาสบายขึ้นเมื่อออกจากโรงด้วย
แต่น่าเสียดายพอสมควร แม้จะเป็นหนังที่ดูองค์ประกอบแข็งแรงในหลายจุด แต่การนำมาปรุงรวมกันยังไม่แม่นในเรื่องของจังหวะการเล่าการตัดต่อที่ดีพอ ถ้าแนะนำคงอยากให้ลองปรับจังหวะหนังให้แม่นขึ้นทั้งการหลอกและการขยี้มุก น่าสนใจว่าหนังใช้วิธีการตัดแบบพวกยูทูบเบอร์มาใช้หลายครั้งซึ่งอาจจะทำงานได้ดีบนจอเล็ก ๆ แต่พอมาอยู่บนจอใหญ่การฟรีซภาพแล้วซูมหรือแทรกกราฟิกล้น ๆ มันดันดูทำให้คุณภาพระดับหนังโรงห่วยลงไปแทน
อีกประการคือหนังมีนักแสดงที่ถือว่าของแรงพอสมควร กล่าวคือคาแรกเตอร์จัดมีความเป็นตัวเองสูงมาก เมื่อผู้สร้างคุมกับความพยศของกิตไม่ลง มู้ดและโทนของหนังจึงถูกกิตกลืนกินเป็นหนังของเขาไปเสียหมดอย่างน่าเสียดาย จนจบทั้ง 3 เรื่องบางทีอาจมีแต่หน้ากิตติดหัวกลับบ้านไป
แต่ก็ต้องบอกว่าในบรรดาทั้ง 3 ตอน ตอนตึกคณะวิทย์นี้มีโจทย์สำหรับทีมสร้างที่ยากที่สุดในการทำออกมาให้ดี ยิ่งบทสรุปของหนังที่ไม่รู้จะลงแบบไหนก็ยัดเยียดวิธีการแก้ปัญหา และคำพูดสอนคนดูใส่ปากตัวละครไปดื้อ ๆ แบบนั้น ก็ยิ่งทำให้หนังดุไม่มีอะไรให้จดจำเข้าไปอีก
และจุดอ่อนสำคัญที่ทั้ง 3 เรื่องมีร่วมกันอีกประการคือวิธีการนำเสนอผี ซึ่งถ้าไม่พึ่งซีจีที่ดูลอยหลอกตาไปเลย ก็เป็นการใช้เมกอัปที่กึ่ง ๆ จะน่ากลัวและตลกชวนขำไปพร้อมกัน เป็นเรื่องสำคัญที่ทีมงานต้องบริหารจัดการงบประมาณที่มีแล้วหาทางออกที่ลงตัวที่สุดในการสร้างตัวละครที่เป็นหัวใจของหนังอย่างเหล่าผี ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว พี่นาค ภาค 1
รีวิวหนังไทย เรื่องย่อ โหน่ง หนุ่มหล่อที่อยู่ ในช่วง วัยเบญจเพสสุดซวย ที่ถูกหักอก และ เขากำลัง ตกงานในเวลาเดียวกัน เขาหอบหิ้วความเสียใจขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับไปพักใจที่บ้านเกิด แต่กลับซวยซํ้าสอง เมื่อไปเจอกับเพื่อนเก่าอย่าง บอลลูน เฟิร์ส และก๊อต แก๊งกระเทยเพื่อนซี้ หอบหิ้วดีกรีแฟชั่นนิสต้า ที่หวังเคลมโหน่งอย่างออกนอกหน้าจนโหน่งเอือมระอา แต่เพื่อนซี้มีอันต้องซี้ไปจริงๆ เมื่อรถโดยสารที่พวกเขานั่งมา
เกิดอุบัติเหตุจนทําให้ก๊อตเสียชีวิต ทั้งสามโศกเศร้า และยังหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตกลงปลงใจจับมือพากันไปบวชล้างซวย แต่เคราะห์ซํ้ากรรมซัดขัดใจตุ๊ด เมื่อวัดที่ทั้งสามคนตั้งใจไปขอบวชนั้น มีเรื่องเล่าขานว่าวัดนี้มีผีพี่นาคที่เฮี้ยนแรงขั้นสุด เกิดเป็นอาถรรพ์อันน่าสะพรึงรอคอยอยู่ งานบวชก็ต้องมี เรื่องผีก็โผล่มา กลายเป็นความผวาเลเวลอัพ ทั้งสามจึงรวมพลังตั้งสติวีนวัดแตก เพื่อให้ได้บวชอย่างที่ตั้งใจ แต่การบวชครั้งนี้จะลุล่วงสมปรารถนา หรือพวกเขาจะกลายเป็นผีนาคเฝ้าวัดสานต่อตํานานสยองพี่นาคคนต่อไปต้องติดตามชม
ค่ายไฟว์สตาร์ส่งหนังผีประจำปีมาเสิร์ฟตลาดหนังไทยอีกครั้ง โดยนำผู้กำกับอย่าง ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ เจ้าของผลงานผีตลกบทซับซ้อนอย่าง มอญซ่อนผี (2558) กลับมาทำงานกับพลอตแปลกล้อกับหนังผีไทยระดับตำนานตั้งแต่ชื่อ ซึ่งคงตั้งต้นไอเดียด้วย นางนาก + พี่มากพระโขนง + พลอตผีไม่กลัวพระ + ความเชื่อเรื่องการบวชนาค กลายมาเป็น พี่นาค ได้น่าสนใจดีทีเดียว
หนังขึ้นชื่อว่าเป็นหนังผีตลกอีกเรื่องหนึ่ง แบบว่าทำมายังไงก็ไม่ขาดทุน ในส่วนของความเป็นผีนั้นต้องชื่นชม ผกก. ที่มาจากสายงานกำกับศิลป์หนังไทยมาหลายต่อหลายเรื่อง ลองมาหมดแล้วแทบทุกแนว จึงแม่นในการสร้างบรรยากาศความหลอนได้สะพรึงมาก ทั้งวัดป่ากลางหุบเขาไร้ผู้คน ศาลเพียงตาที่ตั้งให้นาคที่ตายไปก่อนได้บวชจนมีตำนานว่าใครมาบวชวัดนี้ก็มักจะต้องตายไปก่อน ฉากการแห่นาคผีที่ทั้งขบวนเป็นคนไร้หัว และลานรูปปั้นพระอรหันต์เป็นสิบเป็นร้อยที่วัดใหญ่ชอบปั้นรายล้อมพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ทั้งที่น่าจะอุ่นใจศักดิ์สิทธิ์ ก็เอามาขยี้ได้น่ากลัวด้วยเช่นกัน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
ตัวผีพี่นาคได้ ชิน-ชินวุฒ อินทรคูสิน มารับบทผีอาฆาตที่มีเป้าหมายแน่นอน แต่ก็ยากจะทำให้พึงพอใจ ซึ่งไอ้ความไม่ชัดเจนนี้ก็เป็นสูตรของผีแค้นที่เหมือนไร้เหตุผล คุยกันไม่รู้เรื่อง แถมหยิบพระพุทธรูป เดินในวัดวาแบบไม่เกรงกลัวใด ๆ ก็ทำให้เราต้องเอาใจช่วยฝั่งมนุษย์กับพระพอสมควร นับว่าดึงสูตรสำเร็จที่ดีในการเป็นหนังผีมาใช้ได้ลงตัวทั้งบรรยากาศ และตัวผีเอง
ในด้านความบันเทิงก็ใช้สูตรตุ๊ดสูตรคำสบถ ตามแนวหนังผีที่ไฟว์สตาร์ถนัดมาก่อนจากพวก หอแต๋วแตก มาใช้ แต่ข้อดีคือหย่อนลงตามเหมาะสมไม่ได้ถึงกับยอมเสียแกนเรื่องเพื่อสร้างสถานการณ์ตลกอย่างที่หนังไทยบางเรื่องทำ และการได้ เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี หรือ เอม ตามใจตุ๊ด มาจับคู่ปล่อยฮากับ เจมส์-ภูวดล เวชวงศา ที่คนหลังปรับลุคเป็นตุ๊ดบ้าผู้ชายได้ลืมภาพเดิมไปมาก ก็เรียกว่าลงตัวมากกว่าที่คาด แม้จะมีบ้างที่ดูบทต่อล้อต่อเถียงจะต่อไม่ติดเป๊ะแต่เคมีโดยรวมถือว่าพยุงหนังได้ไม่น่าเบื่อ
ในขณะที่ฝั่งดราม่าแกนหลักเป็นหน้าที่ของ ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ ที่มีดราม่าเรื่องพ่อบีบบังคับ และตัวเขาไม่มีความต้องการบวชไม่ได้ศรัทธา ซึ่งจะเป็นตัวที่ต้องนำพาผู้ชมเรียนรู้ผ่านการพัฒนาตัวละครนี้ให้ซาบซึ้งกับความหมายของการบวช โดยมีดอกไม้หนึ่งเดียวอย่างพลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล มาเป็นตัวเสริมให้พระเอกเข้าใจตัวเองมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนทางผู้สร้างก็มีทัศนคติและความตั้งใจดีในการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าแห่งผ้าเหลือง ผ่านกิมมิกนาคในตำนานพุทธศาสนาที่ปรารถนาจะบวชแต่บวชไม่ได้ เช่นเดียวกับผีนาคที่อยากบวชแต่ก็บวชไม่ได้ ในขณะที่คนที่บวชได้อย่างพระเอกกลับไม่ได้มีความใส่ใจเล็งเห็นผลในสิ่งที่เขามีสิทธิ์อย่างสบาย ๆ นี้เลย
แต่กระนั้นการเล่าเรื่องผ่านเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงนี้เองที่เป็นเรื่องน่าติง เพราะครึ่งเรื่องแรกดูปูหลายอย่างมาดีทั้งมู้ดความน่ากลัว ความตลก ปมดราม่าของตัวละคร และปมปริศนาของเรื่องราว แต่ทว่าพอหนังเข้าครึ่งหลัง กลับเล่นง่ายด้วยมุกที่คนดูเดาได้จนจบแต่ตัวละครยังใบ้อึ้งจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างน่าเวทนา ทั้งความแข็งแรงของการเล่าเรื่องก็เริ่มล้าไอเดียและพึ่งพิงการใช้แฟลชแบ็กขยายความเอาง่าย ๆ อย่างไม่จำเป็น
ซึ่งส่วนมากเป็นฉากสำคัญในพัฒนาการความคิดของพระเอกด้วย ยิ่งหนังเดินเรื่องไปมากขึ้น ๆ เราก็ยิ่งเห็นบาดแผลในการจะประสานฉากจบที่คิดไว้ การหาแลนดิ้งสวย ๆ ให้ตัวเองเป็นความพยายามที่เราในฐานะคนดูเหนื่อยอยู่พอสมควร แต่กระนั้นฉากหลังไคลแม็กซ์ที่หนังยังเก็บมุกเด็ดไว้ ก็ถือว่ามาได้เหนือคาดหมายพอสมควร แม้จะไม่มีหักมุมใหญ่ให้น่าจดจำ แต่หนังก็เก็บเล็กประสมน้อยจนพอผ่านมาตรฐานหนังไทยที่พอไปวัดไปวาได้เช่นกัน (ก็แน่ล่ะทั้งเรื่องเล่นกันอยู่ในวัดนี่นะ 55) เป็นอีกหนึ่งหนังที่บันเทิงน่าจะถูกใจคอหนังผีตลกไทยครับ
” พี่นาค ” ภาพยนตร์ไทยแนวผีสยองขวัญ สั่นประสาท ที่หยิบยกพล็อตเรื่องของการบวชนาคมาเป็นปมต้นเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมด ทำให้ผู้ชมต้องมาหาคำตอบของคำโปรยในหน้าหนังที่ว่า ” ถ้ากูไม่ได้บวช ก็ไม่มีใครได้บวช ” หนังได้เปิดปมไว้ให้เราสงสัย ผีพี่นาคทำไมไม่ให้คนอื่นบวช ทำไมพี่นาคจึงกลายเป็นผี เรามาร่วมกันหาคำตอบได้ในภาพยนตร์เรื่อง พี่นาค กันนะครับ
เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของ 3 เพื่อนซี้ที่มีเหตุต้องไปบวชที่วัดป่าแห่งหนึ่ง บอลลูน (เอม วิทวัส) ได้บนบานสารกล่าวไว้ว่าถ้าถูกรางวัลจะมาแก้บนด้วยการบวชพร้อมกับเพื่อน ๆ นั่นก็คือ เฟิร์ส (เจมส์ ภูริพรรธน์) สองตุ๊ดเพื่อนซี้ และ โหน่ง (ออกัส วชิรวิชญ์) เพื่อนหนุ่มหล่อที่ต้องมาบวชล้างซวยในวัยเบญจเพส เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกครั้ง เพราะวัดที่พวกเขากำลังจะมาบวชนี้มีตำนานว่าใครมาบวชที่นี่ไม่ได้ จะต้องมีอันเป็นไปทุกคน
ทั้งสามเลยจะคิดหนีกลับไม่บวชแล้ว แต่ก็ไม่ได้อีกคือใครหนีก็ตายอีกเหมือนกัน ทำให้ทั้ง 3 ต้องพยายามบวชให้สำเร็จให้จงได้ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับ ผีพี่นาคนน (ชิน ชินวุฒ) ที่คอยหลอกหลอนเพื่อไม่ให้พวกเขาได้บวช แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ คิดหาวิธีแก้ไข และหาทางที่จะบวชในวัดแห่งนี้ให้ได้ เรื่องที่พวกเขาจะต้องเจอจะน่ากลัวมากน้อยสักเพียงไหน และพวกเขาจะสามารถบวชได้หรือไม่ คุณก็ลองไปหาดูได้ในหนังกันให้เต็ม 2 ตานะครับ เรามาเอาใจช่วยพวกเขาไปด้วยกันพี่นาค
องค์ประกอบของหนัง
การแสดงของนักแสดง
ในหนังเรื่องนี้ตัวแสดงมีไม่มาก แต่ทุกตัวมีบทบาทสำคัญในเรื่องแทบทุกตัว การตีบทบาทของ เอม และ เจมส์ ที่รับบทตุ๊ด 2 ตัวละครนี้คือตัวเรียกเสียงฮาชั้นดีเลยก็ว่าได้ ส่วนออกัสนี่เป็นบทพระเอกที่คอยมาดึงเนื้อเรื่องไม่ให้หลุด เรียกว่ามาคอยคุมโทนหนังให้ไปได้สวย ด้านคุณ เอ้ ชุติมา นี่ก็ตีบทแตกใช้ได้เลยแสดงเก่งมาก ยิ่งตอนเข้าซีนอารมณ์กับ ชิน ชินวุฒ ถือได้ว่าถ่ายทอดการแสดงออกมาเรียกน้ำตาของคนดูได้เลยพี่นาค หนังฟรี หนังใหม่
ได้เห็นและรับรู้ถึงความกตัญญูของลูกที่อยากบวชให้แม่บังเกิดเกล้าสักครั้ง แม้ว่าตัวจะตายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณก็อยากจะบวชทดแทนบุญคุณแม่อยู่ ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในความรักของลูกที่มีต่อแม่อย่างเที่ยงแท้
หนังเรื่อง พี่นาค เป็นหนังสนุกครบทุกความบันเทิงอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำให้ผู้ที่ยังไม่เคยรับชมลองไปหาชมกันนะครับ รับรองว่าสนุกครบทุกอรรถรสจริง ๆ เรื่องนี้ รวมไว้หมดทุกความ ทั้งความน่ากลัว ความขำ ความซึ้ง ความตื่นเต้น ดูแล้วคุณจะได้รับความสุขอย่างแน่นอนครับ สิบปากว่าก็คงไม่เท่ากับตาเห็นนะครับ
สไตล์หนังผี-ตลกของค่ายไฟว์สตาร์โปรดักชั่นนั้น เอาเข้าจริงแล้วแทบทุกเรื่องในรอบ 4-5 ปีหลังมานี้ เหมือนกับค่ายนี้จะมีสูตรสำเร็จเดียวกันไปหมดแทบทุกเรื่อง คือการเอาเน็ตไอดอลหรือเซเล็บในโลกไซเบอร์มาเป็นตัวละครเอกของเรื่อง แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นการหวังผลเชิงการตลาด นั่นคือการเอาคนดังและเป็นกระแสนิยมมาเป็นคนเรียกแขกเข้าโรงหนัง มากกว่าตั้งใจจะขายเรื่องราวในภาพยนตร์จริงๆ
กรณีของพี่นาคก็ไม่ต่างกัน เมื่อชื่อของชิน-ชินวุฒ อินทรคูสิน นักแสดงและนักร้องชื่อดัง อาจจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่เรียกแขกให้มาชมภาพยนตร์ได้เท่ากับ ชื่อของเอม ตามใจตุ๊ด (วิทวัส รัตนบุญบารมี) เน็ตไอดอลที่มีรายการทางช่อง Youtube ซึ่งมีผู้กดติดตามช่องของเขากว่า 1 ล้าน 1 แสนคน (ซึ่งเราอาจจะเรียกได้ว่าเขาเป็นไมโครเซเลบริตี้ที่มีคนรู้จักไม่แพ้กับนักแสดงวัยรุ่นในวงการบันเทิงหลายๆคนเลยทีเดียว)
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนัง “พี่นาค” โฟกัสไปที่โหน่ง (ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์) หนุ่มวัยเบญจเพส ที่เพิ่งอกหักและตกงานมาหมาดๆ เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิด แต่ระหว่างที่ขึ้นรถทัวร์ เขากลับรู้สึกดวงซวยเมื่อตัวเองดันไปเจอเพื่อนเก่าอย่างบอลลูน เฟิร์ธ และก็อต สาวซี้แกงค์กะเทยที่แอ้วโหน่งจนเขาต้องเอือมระอา ความซวยเกิดขึ้นเมื่อรถทัวร์เกิดอุบัติเหตุส่งผลให้ก็อตเสียชีวิต
เพื่อนสามคนที่เหลืออยู่จึงมองว่านี่อาจจะเป็นอาถรรพ์เบญจเพส ประกอบกับบอลลูนเพิ่งสำเหนียกได้ว่า เขาเคยบนว่าจะบวชที่วัดแห่งหนึ่ง ทั้งสามจึงตัดสินใจว่าจะไปขอบวช แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยก็คือวัดที่พวกเขาเลือกมีเรื่องน่ากลัวรอพวกเขาอยู่ นั่นก็คือวิญญาณอาฆาตจากนาคตนหนึ่งที่เสียชีวิตก่อนเข้าร่มกาสาวพัสตร์ ทำให้เขาจองเวรคนอื่นๆที่จะบวชที่วัดแห่งนี้ให้มีอันเป็นไป กว่าที่ทั้งสามจะตระหนักได้ว่าอันตรายรอพวกเขาอยู่ ก็สายเกินไปเสียแล้ว
จะว่าไป “พี่นาค” เป็นหนังที่ว่าด้วยตัวละครหลักของเรื่องต้องวิ่งหนีผีอย่างหัวซุกหัวซุน ความสนุกคือการที่ตัวละครต้องหาทางรอดจากวิญญาณร้าย ในขณะเดียวกันหนังก็ต้องหาจังหวะผ่อนคลายผู้ชมด้วยการใส่มุกตลกเพื่อให้คนดูไม่ตึงเครียดจนเกินไป แต่ปัญหาประการใหญ่ของหนังเรื่องนี้คือบทภาพยนตร์ที่เราอาจจะพูดได้ว่า หลังจากที่ 10 นาทีแรกผ่านไป ตัวเรื่องราวก็แทบจะไม่คืบหน้าไปไหนเลยจนกระทั่งหนังผ่านไป 1 ชั่วโมง
แถมวิธีการออกแบบตัวละครในหนังเรื่องก็จัดได้ว่า น่ารำคาญและไม่ค่อยใช้สมองในการแก้ไขสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครเลือกจะออกมาฝึกท่องคำขานนาคหน้าพระพุทธรูปในยามวิกาลทั้งที่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีผีออกอาละวาด หรือ ตัวละครออกมาเข้าห้องน้ำกลางคืนและเห็นเงาตะคุ่มๆและตัดสินใจเดินตามไป เป็นต้น พฤติกรรมงี่เง่าแบบนี้ แม้เราจะเข้าใจได้ว่าหนังออกแบบมาเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น แต่เมื่อเรามองในมุมของความสมเหตุสมผลแล้ว มันกลับยิ่งทำให้เราไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครมากเท่านั้น
น่าเสียดายที่เราคาดหวังความบันเทิงจาก “พี่นาค” ว่ามันจะต้องตลกขบขันหรือน่าขนลุกตกใจบ้าง แต่ตลอดความยาวกว่า 106 นาที จัดได้ว่าเป็นความยาวนานเหมือนเราเข้าบำเพ็ญทุกรกิริยาประการหนึ่ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้
รีวิวหนังไทย สืบเนื่องจากความสำเร็จของ ATM เออรัก เออเร่อ (2555) ที่ทำรายได้รวมกว่า 150 ล้าน กับ พี่มากพระโขนง (2556) ที่ยอดรวมทะลุหลักพันล้าน บวกกับความล้มเหลวเมื่อกลางปี 2557 ของ ฝากไว้..ในกายเธอ ทางค่ายหนังไทยยักษ์ใหญ่จึงต้องฝากความหวังครั้งสุดท้ายของปีไว้กับ เมษ ธราธร ผู้กำกับฯ เจ้าของผลงาน ATM เออรัก เออเร่อ ให้กอบกู้ชื่อเสียงและหน้าตากลับมาสู่ GTH อีกครั้ง!
ถ้าอ้างอิงจากผลงานเก่าๆ ที่ทะลุ 100 ล้านแบบลอยตัวของ GTH จะเห็นว่าหลายเรื่องเป็นหนังแนวตลก (comedy) เช่น กวน มึน โฮ, ATM เออรัก เออเร่อ, และ พี่มากพระโขนง ซึ่งวิเคราะห์ที่มาของรายได้ได้หลายทาง
การพีอาร์และการตลาดที่สายแข็งเหนือยุทธภพของค่าย
ดารานักแสดงที่ไม่ได้หล่อสวยโอเวอร์แต่มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ และเข้าถึงง่าย
กระแสปากต่อปาก และพลังแห่งโซเชียลเน็ตเวิร์ก (ทั้งทางบวกและทางลบ)
มุกตลกที่เน้นสายแมสและชนชั้นกลางเป็นหลัก
“ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานหนังตลกของ GTH ที่มีจุดแข็งตาม 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น (โดยเฉพาะคลิปพระนางเต้นเพลง “ABC ชักกระตุก” นี่เราชอบมาก) แต่แข็งแกร่งกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมาของ GTH ตรงที่ “อาศัยกินบุญเก่า” ของชื่อค่าย, ชื่อ ATM เออรัก เออเร่อ, ชื่อของพระนาง รวมถึงชื่อตัวประกอบอย่างบร๊ะเจ้าโจ๊ก (เช่นเดียวกับกรณีตุ๊กตาผี Annabelle ที่มีคนหลงไปดูเยอะเพราะความฮอตของ The Conjuring) ได้อย่างสบายๆ
สำหรับเนื้อเรืองก็ประมาณว่า คายะ(แสดงโดยโซระอาโออิ) ต้องการจะเลิกกับแฟนของเธอ ยิม(ซันนี่) ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เข้ากันได้เรื่องเดียวคือเรื่องจุดจุดจุด….คือไม่ต้องการการสื่อสารอะไรใดๆทั้งสิ้นว่างั้น คายะก็เลยวานให้ติวเตอร์เพลง(ไอซ์ ปรีชญา)ไปแปลคำพูดเพื่อบอกเลิกเป็นภาษาไทยให้(จากภาษาอังกฤษ) ครูเพลงเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษที่ท่าทางจะชื่อดังและร่ำรวยพอสมควรดูจากบ้านและไลฟ์สไตล์ของเธอ
คายะติดสินบนให้กับครูเพลงเป็นกระเป๋าหลุยส์ เธอจึงยอมตกลงรับงานนี้ โดยเมื่อเธอไปแปลให้ยิม บอกว่าคายะไปอเมริกาแล้วและเธอก็คงไม่กลับมาอีกขอให้ยิมโชคดี ส่วนยิมก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเนื่องจากแฟนหนี เขาจึงบังคับให้ติวเตอร์เพลงมาติวภาษาอังกฤษเพื่อไปตามคายะ โดยขู่ติวเตอร์เพลงจนติวเตอร์เพลงต้องยอมจำนนทำงานนี้ ในระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ค่อยๆรักกันค่ะหลังจากนี้จะเป็นสปอยล์และความรู้สึกหลังดูนะคะ ใครไม่อยากดูอย่าเลื่อนลงไปนะ
เอาเรื่องความรู้สึกก่อนคือหนังก็ทำได้ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโอ้ว ว้าว วู้ว เฮ้ยยย สนุกโคตรๆๆๆๆหรืออลังการโคตร อะไรแบบนี้ค่ะ มันเป็นแบบมาตรฐานหนังไทยตลกฟีลกู้ดทั่วๆไป มุขแป้กไม่แป้กมั่ง หนังดำเนินเรื่องเร็วส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษไม่มีแปลเลยสงสารแม่ที่ไปดูด้วยดูไม่เข้าใจตอนนั้นๆ เพราะบางตอนทำได้ดีมากเช่น ตอน 1 minute speech ที่ให้พูดถึงคำว่า mole
แล้วพฤกษ์(ตัวละครในเรื่องที่นางเอกเคยชอบตอนแรก) บอกว่า mole หรือไฝนั้นเลือกที่ๆมันจะเกิดขึ้นมาไม่ได้ คนเรามักจะตามหาคนที่มีไฝที่เดียวกันเพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นพรหมลิขิตแต่มันอาจจะไม่เจอเลยก็ได้ทั้งชีวิต น่าแปลกที่ว่าไฝนั้นเหมือนกันกับโชคชะตา โชคชะตาเลือกที่จะเกิดที่จะเป็นไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะลิขิตชีวิตตัวเองได้ หลังจากนั้นพฤกษ์ก็เอาปากกามาจุดเป็นไฝที่เดียวกันนางเอก เป็นคำพูดหรูหราโลกสวยที่น่าประทับใจค่ะ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
อีกตรงหนึ่งก็คือตอนจบที่นางเอกบอกว่า เจ้าหญิงซิลเดอเรลล่าในโลกแห่งความเป็นจริง อาจจะไม่ได้ต้องการเจ้าชายรูปงาม แต่ต้องการช่างทำรองเท้าธรรมดา และช่างทำรองเท้า อาจจะไม่ต้องการซินเดอเรลล่าก็ได้ เรื่องราวเหล่านี้อาจจะไม่จบแบบสมบูรณ์หรือ happily ever after เสมอไป แสดงถึงเรื่องของความรัก คนไปดูหนังรักมักจะเจอฉากจบที่ตัวละครแต่งงาน แฮปปี้ แต่ดูๆไปพบว่านั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นของชีวิตคู่ นอกจากนี้หลายคู่ต้องจบด้วยการเลิกกัน
ส่วนมุขในเรื่องดูขาดๆเกินๆสนุกดีแต่มันดูล้น บางอันดูขาด แต่ตัดภาพได้ดีมากค่ะ ตัดต่อได้ดึงอารมณ์คนทั้งๆที่เป็นฉากธรรมดาๆแต่ทำให้ซึ้งหรือรู้สึกน่ารักกินใจได้ ชีวิตนางเอกดูสมบูรณ์เกินไป เรื่องดูเวอร์ๆ แต่อย่างว่ามันเป็นหนัง ต้องทำใจว่าความเว่อร์มันก็มีอยู่แล้ว ถ้าไปดูหนังชีวิตเรียลมันก็คงไม่สนุก
ความต่างระหว่างพระเอกกับนางเอกมีมาก พระเอกดูจน ดูซกมก นางเอกดูไฮโซ และกลับไม่เลือกคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าบางครั้งความรักเราก็เลือกไม่ได้ว่าจะรักคนที่อยู่ในสังคมเดียวกัน หรือคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าหรือแม้จะฝืนหลักการของสังคมเช่น ติวเตอร์รักกับนักเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสียจรรยาบรรณในสายตาคนส่วนใหญ่
นางเอกจึงมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ตอนท้ายสุดและยินยอมที่จะคบกับพระเอกในที่สุด นางเอกน่ารักค่ะเรื่องนี้ เต้นตลกดีตอนจบ ด้วยความที่เป็นหนังรักสำหรับวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นๆเราไปดูแล้วเลยไม่อินมาก แต่ก็ตลกมุขพี่โจ๊กฆ่าจิ้งจกด้วยง่ามตูดนี่แหละ ฮามาก แล้วก็มุขของพฤกษ์ที่บอกว่าผมมีชีวิตเพื่อเพลง ไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิต มุขนี่อย่างฮา
บางมุขก็แนวตึ่งโป๊ะคาเฟ่ไปนิด สรุปหนังดูเพลินอย่าไปคิดมากอีกเรื่องหนึ่ง อ้อ พระเอกนี่ก็ประหยัดจริงจังคือเอาน้ำซุปข้าวมันไก่มารวมทำเป็นซุปมาม่า สุดยอดเลยวิธีนี้ ขนาดซุปแข็งเป็นวุ้นยังเวฟได้ แถมกัขฬระนักเลงจนน้องที่ไปดูด้วยกันบอกเป็นตูๆเลือกคุณพฤกษ์แสนไฮโซ
มุขที่เราชอบ ชอบตอนพระเอกสัมภาษณ์งานค่ะ มันมั่วได้ใจมาก นางเอกก็ช่างเก็งข้อสอบมาถูกเหลือเกิน ช่วยเหลือพระเอกขนาดนี้เราว่าเป็นใครๆก็หลงรักนะ ชุดตอนเธอไปกับพระเอกที่เป็นล่ามที่บอกว่าให้ใส่ชุดคล้ายงานแต่งสวยมากค่ะ สรุปรวมๆอีกที ไปดูอย่าไปคาดหวังอะไรมาก เอาฟีลกู๊ดแนว GTH พอค่ะ
ที่เราชอบคือโซระ อาโออิ เธอแสดงดีนะคะ น่ารักมากด้วยถึงแม้จะออกแนวอีโรติคไปนิด แต่มันไม่ได้น่าเกลียดมากค่ะ แค่ส่อ ซันนี่เล่นได้เข้ากับบทดี ดูดีมาก ไอซ์นางเอก น่ารักทุกท่วงท่า ส่วนไม่ชอบคือ มันไม่เรียลเลย ไม่เหมือนโลกแห่งความเป็นจริง ออกการ์ตูนๆ เข้าใจว่าเป็นฟีลนิยมหนังสมัยนี้ และก็ไม่ได้ซึ้งขนาดนั้นตามที่หนังรักควรจะเป็น เผลอๆบางคนไปเชียร์คุณพฤกษ์พระรองด้วยซ้ำ ให้คะแนนความเพลิน
ในวันหยุดที่เป็นวันพุธอย่างนี้ อาจจะดูเป็นเรื่องดีก็ได้ที่มีหนังใหม่รอบสื่อให้ดู ไม่ต้องรีบต้องร้อนตะเกียกตะกายไปดู แต่ที่ไหนได้ กลับพบตัวเองติดแหง็กอยู่บนถนนท่ามกลางจราจรที่ติดขัด เหมือนตัวเองคิดผิดที่เลือกเดินทางในแบบนี้ แม้ว่าสุดท้ายจะมาถึงโรงหนังทันเวลา และได้พบกับหนังเรื่องใหม่จากค่ายหนัง GTH หนังคอมิดี้ที่ผสมเอาความโรแมนติกพ่วงเอาสิ่งที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของค่ายๆ นี้เสมอมาอยู่ในนี้ด้วย
สองนักแสดงนำจากหนัง ‘ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้’
หนังเรื่องนี้มีทั้ง ไอซ์ ประกบ ซันนี่ ‘ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้’ จากผู้กำกับจากหนัง ‘ATM เออรัก..เออเร่อ’ ที่กลับมาพร้อมกับนางเอกคนเดิม แต่เรื่องราวเปลี่ยนไป จากเรื่องเพี้ยนๆ ฮาๆ กลายเป็นเรื่องที่รับกับการเข้ามาของ AEC
เรื่องราวของวิศวกรช่างซ่อมบำรุงอย่าง “ยิม” (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ที่กำลังถูกแฟนสาวชาวญี่ปุ่นอย่าง “คายะ” (โซระ อาโออิ) ขอบอกเลิกและบอกลาไปอยู่อเมริกาด้วยเหตุผลที่พวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง และเพราะเขาไม่รู้ภาษาอังกฤษจึงเลือกที่จะเรียนรู้ภาษาเพื่อสอบสัมภาษณ์ให้ผ่านไปทำงานที่เดียวกับเธอให้ได้ และนั่นทำให้เขาเลือกมาเรียนกับ “เพลง” (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) ซึ่งดันเป็นติวเตอร์คนเดียวกันที่สอนภาษาอังกฤษให้กับคายะอีก ทำให้เพลงต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก
ว่าจะเป็นตัวกลางในการเลิกกันดี หรือทำให้สองคนกลับไปพบกันอีกครั้งดี
แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เมื่อเพลงเองก็รู้สึกดีอยู่กับศิษย์หนุ่มหล่อรวยที่ดูจะเก่งภาษาซะจนไม่รู้มาเรียนทำไม อย่าง “คุณพฤกษ์” (ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ) เรื่องชุลมุนวุ่นรักเกิดขึ้น ก็เมื่อความรักของเธอกับศิษย์หล่อรวยกำลังถูกป่วนจากศิษย์ผู้หยาบคายที่พูดอังกฤษไม่ได้เอาเสียเลยน่ะสิ หนังฟรี หนังใหม่
สิ่งที่คิดหลังดูหนังเรื่องนี้จบก็คือ จากที่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะมีแต่ฉากตลก ขำ ฮากลิ้ง กลับกลายเป็นว่าหนังมีมากกว่านั้น มันคือหนังที่รวมทั้ง Comedy และ Romance เข้าด้วยกัน ครึ่งแรกเราอาจจะชวนหัวไปกับมุกโน่นนี่นั่นที่บ้างก็ทำได้อยู่หมัด แม้บ้างก็ฟังแล้วฝืดๆ บ้างก็ดูน่าเกลียดเกินก็มี แต่กับครึ่งหลัง ‘ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้’ ทิ้งเทไปที่แง่มุมความรักมากขึ้นและก็ทำได้ค่อนข้างดี เมื่อหยิบจับเอาภาษาอังกฤษ(ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังมีปัญหากับมัน)มาเป็นแกนในการสร้างพล็อตและใช้ได้อย่างลงตัว
ถ้าจะพูดนักแสดงเป็นคนๆ ไป อาโออิในเรื่องนี้ไม่ได้รับบทบาทแค่เป็นสาวสวยญี่ปุ่นหุ่นดีที่มารักกับพระเอก แต่กลับได้บทบาทที่มีสำคัญต่อการกระทำของพระเอก เธอมีบทพูดมากขึ้น แม้สำเนียงอังกฤษของเธอจะฟังยากอยู่สักหน่อย โจ๊ก โซคูล และตุ๊ยตุ่ย คือส่วนผสมที่สร้างความฮาให้กับหนัง อาจจะยังดูไม่ได้สำคัญกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าฮาตุ๊ยตุ่ยมาก อีกคนที่ฮาได้อย่างเซอร์ไพรส์ก็คือ ตู่ ภพธร บทหนุ่มหล่อรวยดูจะไปกันได้กับภาพลักษณ์ของเขา แถมยังได้บทพูดที่คมคายพอๆ กันกับไอซ์ ที่นอกจากจะสวยแล้ว ยังแสดงบทตลกได้ดีเช่นเคย ส่วนซันนี่ คงไม่ต้องสงสัยในความเป็นตลกหน้าตายของเขามากนัก เพราะเขาก็ทำมันได้มาตลอดอยู่แล้ว
แต่บางมุกในหนังเรื่องนี้ยังดูจะเซอร์ไพรส์เมื่อเขากล้าจะเอามาเล่น
ซึ่งก็แน่นอนว่า คงไม่ใช่ทุกมุกที่ผมจะชื่นชอบ แต่เมื่อดูโดยรวมของหนังแล้วพาร์ทโรแมนติกของหนังทำได้น่าประทับใจมาก จากที่จะมานั่งขำ กลับกลายว่าต้องมานั่งน้ำตาไหลในหนังตลก ดูๆ ไปก็ให้รู้สึกว่า คุณครูเพลงนี่จะแต่งตัวสวยเซ็กซี่ไปไหน แต่ครูก็น่ารักมากจนบางครั้งก็หลุดโฟกัสจากเรื่องไปเลย หนังมีกำแพงอยู่หน่อยๆ เรื่องภาษาและการอ่านซับไตเติล แต่นั่นกลับเป็นส่วนหลักๆ เลยที่ให้มันกลายเป็นหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
บทหนังร้อยเรียงไว้อย่างดี หยิบจับเอามาใช้ได้เหมาะเจาะ ทำให้ฉากโรแมนติกช่างแสนพีค ขณะมุกเลี่ยนๆ ก็ถูกวางเอาไว้อย่างถูกที่ การ tie-in สินค้าในหนังทำได้ค่อนข้างแนบเนียนไม่ดูโดด แถมยังสอนคนดูให้รู้จักภาษาอังกฤษอีกต่างหาก ไม่พอ ยังมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ เหมือนเป็น Easter Egg ให้แฟนตัวยงของค่ายนี้ได้ยิ้มย่องเมื่อยามได้เห็น ดูเหมือนว่า…หนัง GTH เริ่มจะกลับมาเข้าฟอร์มอีกครั้งแล้วนะ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว แฟนเดย์..แฟนกันแค่วนเดียว
รีวิวหนังไทย เมื่อวานนี้ (31 สิงหาคม 2559) เราได้มีโอกาส ไปชมภาพยนตร์ ที่โครตหน้าตื่นเต้นอ่ะทุกคน เพราะเป็นภาพยนต์ เบอร์แรกจากค่ายน้องใหม่ เลยทีเดียว แต่บอกไว้ก่อนว่า….ไม่ใหม่ประสบการณ์นะค้าบ อย่าง GDH ที่ประเดิมด้วยภาพยนตร์ที่จะเรียกว่าโรแมนติก็ไม่เชิง แต่ก็มีความอิ่มในด้านของความรู้สึกประมาณหนึ่ง กับ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ผลงานชิ้นล่าสุดจาก โต้ง บรรจง ปิสัญธนกูล ผู้กำกับพันล้านจากภาพยนตร์เรื่อง พี่มากพระขโนง ซึ่งเมื่อช่วงค่ำวานนี้ก็เป็นรอบพิเศษก่อนที่จะเข้าฉายจริงในวันนี้ (1 กันยายน 2559) แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว เป็นเรื่องราวของ เด่นชัย (เต๋อ ฉันทวิทย์ ธนะเสวี) พนักงานไอทีของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งสุดแสนจะปากหมาและไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครที่ดันไปตกหลุมรัก นุ้ย (มิว นิษฐา จิรยั่งยืน) มาร์เก็ตติ้งสาวในออฟฟิศเดียวกัน เด่นชัยสามารถจดจำทุกรายละเอียด ทุกอิริยาบทของนุ้ยได้ในทุกๆ อย่าง แต่ว่ายังไงหมาก็ยังเป็นหมา มันก็คงทำได้แค่เพียงมองเครื่องบินจากด้านล่าง ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกอย่างที่คิดเป็นจริงได้ สาวสวยอย่าง นุ้ย มารักกับคนที่อยู่นอกสังคม อย่าง เด่นชัย ได้อย่างไร
ภาพยนตร์เรื่อง แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว หากจะมองเผินๆ แล้วก็ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าผลงานของ โต้ง บรรจง อย่าง กวนมึนโฮ ว่ากันว่า แฟนเดย์ ใช้เวลาปั้นถึง 3 ปี ได้มือเขียนบทคู่บุญและเป็นนักแสดง อย่าง เต๋อ ฉันทวิทย์ มาร่วมงานกันอีกครั้ง ซึ่งจากที่ได้ฟังคอมเมนต์จากหลายๆ คนที่มีโอกาสได้ไปชมในรอบสื่อบ้างก็มีทั้งที่ประทับใจ เข้าใจในความรู้สึกและความเป็นตัวละคร บ้างก็มีทั้งที่บอกว่านี่อาจจะเป็นก้าวแรกที่ดีของบ้านหนังหลังใหม่ อย่างนี้ GDH นี้ แต่อาจจะเป็นก้าวถอยหลังของการทำหนังในแบบที่แตกต่างของโต้ง ในแง่ของเนื้อเรื่องโดยรวมอาจจะไมีมีอะไรที่หวือหวามากนัก ดูไปเรื่อยๆ อาจไม่มีอะไรแปลกใหม่ หากแต่ว่าเป็นการหยิบเอาเรื่องราวที่เราเคยได้รู้ได้เห็นมาเล่าให้ละเอียด และมีมิติของความรู้สึกมายิ่งขึ้น
จุดเปลี่ยนเดียวของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่จู่ๆ นางเอกนั้นก็เกิดอาการบางอย่างกับตัวเองที่เรียกว่าโรคความจำเสื่อมชั่วคราวระหว่างเล่นสกี ซึ่งถือได้ว่าเรื่องนี้ก็ทำการบ้านมาดีพอสมควรให้แง่ของรายละเอียด ซึ่งซีนนี้เป็นเหมือนประตูที่พาให้คนดูเข้าไปเห็นความรู้สึกนึกคิดและการกระทำในอีกด้านของตัวละคร เต๋อ ฉันทวิทย์ แสดงเป็น เด่นชัย ออกมาได้อย่างสมบทบาท แสดงความเป็น Looser ได้อย่างเต็มเปี่ยมเอามากๆ เล่นซะเราเชื่อสนิทใจ ส่วน มิว นิษฐา นี่ก็แสดงออกถึงความสดใสได้ทุกครั้งที่ยิ้ม แววตาที่เป็นประกาย ต่อให้เด่นชัยไม่พูดเธอเป็นอย่างไร แต่ก็เชื่อได้ว่าคนดูก็น่าจะเห็นเช่นกัน ชอบมากเวลาที่สองคนนี้เข้าคู่ มันเป็นความรู้สึกที่อึมครึม ไม่ถึงกับฟิน แต่ก็ทำให้อิ่มและยิ้มได้เป็นระยะ ชอบในความที่ไม่มีอะไร แต่ก็ดูมีอะไร คล้ายกับว่าตัวละครทั้งสองเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน (จริงๆ แล้วอยากให้ไปชม ไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะมีความสุขไปซะทั้งเรื่องหรอก)
อีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่องนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็เห็นจะเป็นเรื่องของภาพ โดยเฉพาะการยกกองไปถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่นที่มีให้เราได้ชมกว่าครึ่งเรื่อง ก็ถือได้ว่าเป็นความแตกต่างจากเรื่องก่อนซึ่งอยู่ที่เกาหลี แต่ก็ยังคงความเป็น บรรจงสไตล์ เอาไว้ได้มาก ยอมรับว่าภาพสวยมาก สวยจริงๆ เหมือนกำลังดูภาพวาดยังไงอย่างงั้น (นี่ไม่ได้เวอร์นะ) ประกอบตัวละครที่อยู่ในจุดที่เรียกว่าพอดี การมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การเคลื่อนไหว ก็เลยกลายเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์ เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
คราวนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะดี หรือจะดับ แต่ตัวเราเองก็ถือว่าประทับใจในระดับหนึ่ง ขอให้คะแนนสำหรับ แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว ภาพรวมเอาไว้ด้วยความเป็นกลาง 7/10 ก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าตัวหนังจะออกมาดี สร้างความรู้สึกให้กับผู้ชมได้ขนาดนี้ แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรแปลกใหม่ออกมาให้ผู้ชมได้จดจำมากสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่รอยยิ้มและแววตาของมิวนี่แหละที่เราและคนดูหนังคนอื่นๆ จะจำได้ อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ GDH ในการเป็นผู้สร้างหนังไทยที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ลงตัวไปซะหมด ฝากให้เพื่อนไปชมกันด้วยนะ สนับสนุนหนังไทย เข้าฉายวันนี้เป็นวันแรก …
แฟนเดย์ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า One day เป็นหนังแนวโรแมนติก-ดราม่าจากค่าย GDH 559 ผลงานการกำกับของบรรจง ปิสัญธนะกูล นำแสดงโดยเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวีและมิว นิษฐา จิรยั่งยืน
เรื่องราวเกิดขึ้นจากเรื่องของเด่นชัย(เต๋อ ฉันทวิชช์) พนักงานด้านไอทีของบริษัทแห่งหนึ่ง เขาออกจะเป็นผู้ชายที่จืดชืดและดูไร้ตัวตนในสายตาของเพื่อนร่วมงาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของเขา คือ คุณนุ้ย(มิว นิษฐา) พนักงานสาวสวยคนหนึ่งจากแผนกการตลาด เขาคงเริ่มแอบชอบคุณนุ้ยและเริ่มพัฒนาเป็นแอบรัก เหมือนเป็นแฟนพันธุ์แท้ ตั้งแต่ตอนที่คุณนุ้ยได้เห็นเขามีตัวตนในสายตาเป็นครั้งแรก
แต่เหมือนคุณนุ้ยก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีการกระทำแบบนั้นอยู่ เธอเป็นผู้หญิงอีกคนของ ท้อป(ตุ้ย ธีรภัทร์) หัวหน้าของทั้งสองคน ทั้งที่เธอก็รู้อยู่ว่าท้อปมีภรรยาแล้ว และก็ได้แต่เชื่อว่าท้อปจะหย่าขาดจากภรรยาจริง ๆ
ที่บริษัทของทั้งคู่ได้พาไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งด้วยอะไรบางอย่างทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นแฟนกัน แม้ว่านั่นจะยาวนานแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่เด่นชัยจะจัดการกับหนึ่งวันนั้นอย่างไร หนังฟรี หนังใหม่
ตัวบทของหนังเรื่องค่อนข้างดี มีการแสดงออกถึงความไร้ตัวตน ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับความ loser นั้น และความรู้สึกของการเป็น ‘เมียน้อย’ ของนุ้ยที่ดูน่าเกลียดในทีแรก แต่พอได้รู้จักกับเธอนานเข้าจึงเริ่มเข้าใจเหตุผลขึ้นมาบ้าง
อีกสิ่งที่ถือว่าดีมากคือฉากการถ่ายทำที่ทุ่มทุนไปถ่ายทำกันถึงฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ภาพในทุก ๆ ฉากการถ่ายทำนั้นดูสวยงามและชวนหลงใหล การนำเพลงเก่า ๆ มานำเสนอก็เช่นกัน ล้วนแต่เป็นเพลงที่คุ้นหูและเมื่อได้ยินอีกครั้งจึงติดหูได้ในเวลาไม่นาน
เด่นชัย คือตัวแทนของคนพื้น ๆ บ้าน ๆ ดูไม่มีอะไรโดดเด่น และไม่ได้อยู่ในสายตาของใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เด่นชัยมี คือ ความทุ่มเท ที่มากเกินคนปกติ เราจะเห็นได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนกระทั่งจบ ว่าเด่นชัยคือตัวละครที่มีความพยายามมากจริง ๆ และแม้ว่าการกระทำของเขาจะใกล้เคียงกับการเห่า ‘เครื่องบิน’ แต่ความจริงใจและตรงไปตรงมานั้นคงทำให้เครื่องบินร่อนลงมาจอดข้างเขาได้สักวัน
คุณนุ้ย คือ ตัวแทนของผู้หญิงหัวปัจจุบัน ดูสนุกสนานร่าเริง คนทั่วไปอาจมองเธออย่างนั้น แม้ว่าทัศนคติที่หลาย ๆ คน มีต่อเมียน้อยนั้นจะไม่ดีนัก แต่นุ้ยเป็นตัวละครอีกตัวที่เป็นเมียน้อยได้ซื่อตรงและดูเจียมตัวอย่างน่าประหลาด เธอดูน่าสงสารและน่าเห็นใจ คนดูอาจจะเผลอเอาใจช่วยเธอในบางครั้งก็ได้
ท็อป คือ ตัวแทนของผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ เต็มไปด้วยคำหว่านล้อมให้คนเชื่อ การเสนอและให้ความหวังแบบส่งเดชนั้นทำให้ผู้หญิงซื่อ ๆ แบบนุ้ยเชื่อและพร้อมจะทำตาม การกระทำของท้อปนั้นมีเพียงลมปาก ปราศจากความจริงใจ
แฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียวหนังเรื่องนี้ถูกสร้างตอนจบไว้ 2 รูปแบบ ซึ่งไม่ว่าจะรูปแบบไหนสุดท้ายปลายทางก็ไม่ค่อยต่างกัน แต่อย่างไรซะหนังเรื่องนี้ก็ได้สะท้อนมุมมองไว้หลาย ๆ อย่างทีเดียว
แต่ผมไม่ลืมนี่ครับ
หากอยากสัมผัสบรรยากาศประเทศญี่ปุ่น กับความรักที่แฝงไปด้วยหลายแง่มุม ก็สามารถกดรับชมทาง True ID ได้โดยคลิกที่นี่ แล้วแฟนเดย์จะกลายมาเป็นวันของคุณ
ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรกของค่ายหนังชื่อใหม่แต่ยังคงความเก๋าไว้เช่นเคยอย่าง
GDH ด้วยหนังโรแมนติกดราม่าที่ผู้กำกับร้อยล้านหน้าตี๋
โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล อยากลองทำอะไรใหม่ๆ มากไปกว่าหนังฮาที่เขาอยู่มือ
เรื่องนี้ดึงเอาพระเอกระดับแม่เหล็ก เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
โคจรมาเจอกับนางเอกนัยน์ตาเศร้าที่ทำเราใจละลายอย่าง มิว-นิษฐา
จิรยั่งยืน แล้วจูงมือพาคนดูเที่ยวฮอกไกโดในหนึ่งวันที่เขาทั้งคู่จะเป็นแฟนกัน…ได้แค่วันเดียว
นอกจากเมจิกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในทุกฉากที่มิว นิษฐา ปรากฏตัว ไม่ว่าเธอจะพูด
หัวเราะ ร้องไห้ รอยยิ้มกว้างและนัยน์ตากลมโตที่เจือด้วยความเศร้าก็โดดเด่นออกมานอกจอกระทบใจเราทุกครั้งแล้ว
เรายังชอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หนังเลือกมาใช้เสริมเส้นโรแมนติกและพล็อตความทรงจำ
อย่างตุ๊กตากาชาปอง ตราประทับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ที่ช่วยให้เรื่องน่ารักพลิกกลับมาเป็นฉากซึ้งๆ
ได้ไม่ยาก
ถึงอย่างนั้น ใน แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ก็มีหลายอย่างที่น่าเสียดายไม่น้อย
อย่างช่วงแรกๆ ของหนังที่ปูตัวละครเด่นชัยกับนุ้ยให้คนดูรู้จักอาจยืดยาวไปหน่อย ฟีลลิ่งช่วงกลางเรื่องหลายฉากก็พานให้นึกว่ากำลังดูโฆษณาการท่องเที่ยวฮอกไกโดไม่น้อย
(ซึ่งก็ชวนให้เราอยากไปเล่นสกีที่ฮอกไกโดจริงๆ นะ) แต่สิ่งที่ช่วยขยับความสัมพันธ์ของนุ้ยและเด่นชัยให้ใกล้ชิดและรู้สึกดีต่อกัน
ในฐานะว่าวันนี้ฉันจำแฟนของฉันไม่ได้ กลับไม่มีมากเท่าที่เราหวัง
สารภาพว่าเราแอบตะขิดตะขวงใจเล็กๆ
ตอนแรกที่ฟังพล็อตว่าจะเป็นได้จริงไหม ไอ้อาการความจำเสื่อมชั่วคราว (Transient Global Amnesia: TGA)
ที่ถูกเอามาใช้เป็นสถานการณ์หลักให้นุ้ย นางเอกของเรื่องสูญเสียความทรงจำไปแค่วันเดียว
สบโอกาสพอดีให้เด่นชัย พนักงานไอทีเข้าสังคมไม่เก่งที่แอบชอบนุ้ยอยู่ไกลๆ ได้สวมรอยเป็นแฟนนุ้ยเสียเลย
แต่พอได้ดูจริงๆ สถานการณ์ในเรื่องก็ถูกออกแบบมาให้การเป็นแฟนกันแค่วันเดียว ‘เข้ารูปเข้ารอย’ จนเรายอมรับได้ แถมยังแอบเอาใจช่วยให้วันที่เด่นชัยมีความสุขนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
(ซึ่งจะมีอะไรหักมุมมากน้อยแค่ไหน ขอชวนให้ไปหาคำตอบกันเอาเองในโรงภาพยนตร์) ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว เมย์ไหน…ไฟแรงเฟร่อ
รีวิวหนังไทย ตอนแรกที่เห็นโปสเตอร์หน้า ของหนัง เรื่อง เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ ความรู้สึกคือ หนังดูติ๊งต๊อง ไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ และดูขายเฉพาะกลุ่ม พูดตรงๆ ก็คือมันดูไม่แพงเอาเสียเลย และน่าจะเป็นหนังแนวเน้นขายดารามากกว่า แต่พอ GTH ปล่อยตัวอย่างเต็มๆ และคลิปฐานันดรออกมาให้ดู เออ ปรากฏว่าข้างในมันดูมีอะไรและน่าสนใจกว่าที่คิด หนังไทยnetflix
บางทีมันอาจจะจริงอย่างที่เขาว่า Don’t judge a movie by its poster. ดังนั้นเราต้องไปพิสูจน์เอง
เรื่องย่อ เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ
ป๋อง (แบงค์-ธิติ) แบ่งนักเรียนในโรงเรียนเป็นฐานันดรต่างๆ คือ คนทั่วไป, อันธพาล, เด็กเนิร์ด, นักกีฬา, คนหน้าตาดี, และนักกิจกรรมตัวท็อป โดยจัดตัวเองเป็นบุคคลผู้ไม่มีฐานันดร ไร้ตัวตน ไม่มีคนสนใจ แต่คนไม่มีศักดิ์อย่างป๋องก็ดันไปแอบชอบมิ้ง (ฟรัง-นรีกุล) นักกิจกรรมตัวท็อป ว่าที่ประธานสีคนต่อไป ทั้งที่เธอไม่เคยเหลียวแลเขาเลย
จนวันนึงป๋องได้รู้จักกับเมย์ไหน (ปันปัน-สุทัตตา) ผู้หญิงเก็บตัว ไม่เข้าสังคม และไม่มีฐานันดรเช่นเดียวกับเขาป๋องล่วงรู้ความลับของเมย์ไหนว่าเธอแอบชอบพี่เฟม (ต่อ-ธนภพ) สุดฮอต ผู้เป็นทั้งนักกีฬา หน้าตาดี และประธานสี แล้วป๋องยังรู้อีกว่า เมย์ไหนเลือกที่จะไร้ตัวตนเพราะเธออยู่กับใครไม่ค่อยได้ ร่างกายของเธอจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาเหมือนปลาไหลไฟฟ้าทุกทีที่เหนื่อย ตื่นเต้น หรือตกใจ
ทั้งสองตกลงเป็นเพื่อนกัน รักษาความลับของกันและกัน ค่อยๆ สนิทกัน และช่วยกันจีบมิ้ง-เฟมตัวท็อปของโรงเรียนอย่างลับๆ
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ
หมู ชยนพ ผู้กำกับ “SuckSeed ห่วยขั้นเทพ” กลับมานำเสนอชีวิต loser / underdog ของเด็กวัยรุ่นม.ปลายอีกครั้ง โดยเอาความเป็นหนัง GTH มาผสมผสานกับอะนิเมะแบบที่เขาชอบ (นี่บางทีก็สงสัยว่า เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลาไหลหรือปิกาจู)
เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ เป็นหนังวัยรุ่น rom-com ที่ไม่ใช่แค่โอเวอร์แอ็คติ้งตามสไตล์ GTH แต่ยังเพิ่มความเป็นการ์ตูนอะนิเมะแบบโอเฟร่อได้อีก แล้วซาวนด์ประกอบนี่ก็ไม่รู้จะเอาฮาไปไหน ในส่วนของมุกตลกอาจฮาบ้างไม่ฮาบ้าง ขึ้นอยู่กับอายุ วัย หรือประสบการณ์ส่วนบุคคล แต่ก็คลายเครียดได้อยู่
ในส่วนของความซึ้ง เราว่ามันก็ซึ้งนะ มีเสี่ยวบ้างไรบ้าง กระตุ้นต่อมมโนบ้างไรบ้าง แต่มันก็มีความโรแมนติกแบบน่ารักๆ แบบเด็กๆ ที่ชวนอมยิ้ม เออ โดยส่วนตัวเราชอบพาร์ทดราม่ามากกว่าพาร์ทตลก ถึงแม้มันจะดราม่าไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ เพราะแม่งชอบตลกแทรก แต่โดยรวมก็สนุกดี
เสียดายก็แต่ประเด็นเรื่องฐานันดร และประเด็นเรื่องการพยายามมีตัวตน (ไหนๆ ก็ชื่อหนังว่า “เมย์ไหนฯ” อะ เก๊ตปะ) ที่น่าจะทำให้สุดควบคู่ไปกับความตลกโปกฮาและรักโรแมนติกกุ๊กกิ๊กไปด้วยซะหน่อย นี่อะไรไม่รู้ 80% เป็นมุก “อีไฟช็อต”
ตอนปล่อยโฆษณาโปรโมต หนังทำท่าทางเหมือนจะเน้นประเด็นเรื่องฐานันดรในโรงเรียน และช่วงฉากเปิดของหนังก็ยังเปิดด้วยการแนะนำฐานันดรต่างๆ ในโรงเรียน เช่น พวกอันธพาล, เด็กเนิร์ด, นักกีฬา, คนหน้าตาดี, นักกิจกรรมตัวท็อป, จนไปถึงกลุ่มจัณฑาลผู้ไร้ตัวตน แต่สุดท้ายแล้วหนังก็ไม่ได้เน้นให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวให้สุด
80% ของหนังแทบไม่เน้นการนำเสนอเรื่องฐานันดรเท่าไหร่ ก็นั่นแหละ ไปเน้นเอาฮาและเน้นเอาฉากกุ๊กกิ๊กตามประสา จนกระทั่งกลับมาโผล่อีกทีก็ช่วงท้ายๆ เรื่อง ซึ่งเหมือนจู่ๆ ก็วกกลับมา และยังดูมีความพยายามมากเกินไปจนดูขาดความเป็นธรรมชาติ เช่น การเล่นคำระหว่างคำว่า ฐานันดร “ศักดิ์” กับ “ศักย์” ไฟฟ้า แต่จริงๆ ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะหนังมันเซอร์เรียลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับการ์ตูนสั้นหลายเรื่อง ตัวละครส่วนใหญ่ค่อนข้างแบนราบและมีคาแรกเตอร์แบบการ์ตู๊นการ์ตูน (ตามความตั้งใจของผู้กำกับนั่นแหละ) อย่างเช่น เมย์ลีด (ต้าเหนิง กัญญาวีร์) และเดอะแก๊ง (แพรว นฤภรกมล) นี่ดูสวยใสไร้สมอง แถมยังชอบใช้กำลังและเล่นพรรคเล่นพวก แต่เราก็ชอบนะ คาแรกเตอร์ชัดดี ตลกดี มีมุกเป็นของตัวเอง ดูดีมีซิกเนเจอร์
มีติดใจตรงคาแรกเตอร์ (และหน้าตา) ของป๋องนิดหน่อย หน้าตาก็ดี๊ดี บุคลิกนิสัยก็ดูเป็นคนปกติและเฟรนด์ลี่ดี แต่ทำไม้ทำไมถึงกลายเป็นคนไร้ตัวตนไปซะได้ก็ไม่รู้ (แต่ก็เข้าใจนะ ถ้าป๋องจืดกว่านี้ หนังก็คงไม่สนุกแบบนี้)
อย่างไรก็ตาม เราชื่นชมที่เด็กๆ นักแสดงนำแสดงได้ดีมีพัฒนาการ ถึงแม้ในภาพรวม เราจะยังสลัดภาพ “ฮอร์โมนส์” ของพวกเขาออกได้ไม่หมด 100% แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุกคนมีความตั้งใจเกินร้อย และทำได้ดีตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย
อย่างปันปันนี่ไม่ค่อยสงสัย นางเล่นหนังเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่แบงค์กับต่อนี่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เรา แบงค์แสดงดีเกินคาด ในเรื่องนี้ได้เห็นแล้วว่าน้องคนนี้ “เล่นตลกก็ได้ เล่นดราม่าก็ถึง” อนาคตไกลได้อีก ส่วนต่อในเรื่องนี้นี่เวรี่หล่อเกาหลีออร่าพุ่ง 4×100 เมตร ที่สำคัญต่อเล่นบ้าๆ บอๆ ชนิดไม่ห่วงหล่อเลยทีเดียว คนละเรื่องกับไผ่-ฮอร์โมนส์เลย
บทของพี่เฟม (ต่อ-ธนภพ) เป็นตัวแทนของฐานันดรคนหน้าตาดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า ถ้าเกิดมารูปร่างหน้าตาดี ทำอะไรก็ดูดี ป็อปปูล่าร์ ไปไหนมาไหนก็เหมือนมีสปอตไลท์ติดตามตัวเป็น GPS แถมยังมีอิทธิพลต่อคนฐานันดรอื่นอีก แล้วยิ่งถ้าหน้าตาดีแล้วยังมีความสามารถ เช่น เล่นกีฬาได้ ความหน้าตาดีนั้นก็จะเป็นบันไดให้เขาไปถึงจุดสูงสุดได้โดยใช้ความพยายามน้อยกว่าคนที่หน้าตาดีอย่างเดียวหรือมีความสามารถอย่างเดียว
ฐานันดรตัวท็อป เช่น บทของมิ้ง (ฟรัง-นรีกุล) เป็นกลุ่มนักเรียนที่มีพาวเวอร์ มีความเป็นผู้นำ และจริงจังกับการทำกิจกรรมมาก คนบางคนก็เหมือนเกิดมาเพื่ออยู่ในฐานันดรนี้โดยกำเนิด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวท็อปบางคนก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้มีจุดยืน มีตัวตนในโรงเรียน หรืออยู่ในสายตาของใครสักคนบ้าง ทั้งๆ ที่ที่จริงแล้ว เขาอาจจะไม่ได้อยากมาเหนื่อยหรือรับผิดชอบอะไรหนักหนาขนาดนี้เลยก็ได้
ฐานันดรเด็กเนิร์ด มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือแว่นและตำรา เนิร์ดจริงๆ มีหลายระดับ หนักหน่อยคือเรียนเอาเป็นเอาตาย เลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษ จะทำอะไรก็ต้องเอาเกรดมาล่อ ไม่สนใจกิจกรรม ไม่สนใจวิชายิบย่อย เช่น ศิลปะ งานไม้ งานประดิษฐ์ หรือวิชาใดใดที่ไม่ใช่เชิงวิชาการหรือไม่เกี่ยวกับเป้าหมายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝันของพวกเขาโดยตรง
ส่วนคนชายขอบหรือบุคคลไร้ศักดินา มีสองประเภทย่อยใหญ่ๆ ได้แก่ คนที่สังคมไม่ยอมรับ ไม่ให้ความสำคัญ ไม่เห็นค่า อย่างเช่น บทของป๋อง (แบงค์-ธิติ) กับ คนที่พิเศษ แปลกแยก แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น เมย์ไหน (ปันปัน-สุทัตตา) แล้วคนกลุ่มนี้จะมีความแปลกตรงที่ ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่ชอบใครเลย ก็จะไปชอบตัวท็อปไปเลย หนังฟรี หนังใหม่
เราคิดว่า การที่เราเห็นบุคคลไร้ตัวตนไปชอบบุคคลตัวท็อปไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่ว่าเขาไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเสมอไป เราคิดว่า บางทีคนพวกนี้ก็แค่กลัวการมีความรัก กลัวการไม่ยอมรับหรือการปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก กลัวคนคนนั้นจะเข้ากับเขาไม่ได้อย่างที่เขาเข้ากับใครไม่ได้ ดังนั้นบางครั้งการแอบชอบและแอบมอง (คนที่เป็นไปไม่ได้) อยู่ข้างเดียวที่มุมมุมหนึ่ง ก็เป็นการสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากความผิดหวังอย่างหนึ่ง และขณะเดียวกัน ก็ยังมีความสุขกับการแอบรักไปได้ด้วยเช่นกัน
เพราะคนบางคนจะรู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็ต่อเมื่อเขาได้รักใครสักคน เช่นเดียวกับคนบางคนที่จะรู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็ต่อเมื่อมีคนมารัก (ไม่ว่าจะรู้ตัวกันหรือไม่ก็ตาม) ซึ่งมันก็ไม่มีความรักแบบไหนดีกว่าแบบไหน ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนว่าใครจะ value ตัวเองจากความรักแบบไหนมากกว่ากัน แต่ไม่ใช่ว่า พอคนที่เรารักเขาไม่รักเราตอบ เรารู้สึกตัวเองไม่มีค่าทันที รู้สึกที่ตัวเองทำมาทั้งหมดไร้ค่า อันนี้ไม่ใช่ละ… ปรับทัศนคติด่วน
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง คนที่รักกันจริง เขาจะพยายามหาทางให้อยู่ด้วยกันได้เอง แต่ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พยายาม หรือเลือกที่จะไป คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครผิดใครถูก มีแต่ใช่หรือไม่ใช่
วันนึง เราจะเจอคนที่รู้จักเราจริงทั้งข้อดีข้อเสียของเราแล้วเขายังรับเราได้และพยายามปรับตัวให้อยู่กับเราได้… เมื่อถึงวันนั้นแล้ว ก็อย่าปล่อยให้คนคนนั้นหลุดมือไปเป็นอันขาด เพราะเขามีค่า… เขาเห็นคุณค่าของเราและรักเราในแบบที่เราเป็น (แต่เอาจริงๆ นะ จริงๆ แล้ว ทุกคนล้วนมีค่ากันทั้งนั้นแหละ no matter what!)
ที่สำคัญ จำไว้ว่า สำหรับความรักก็ต้องพยายามและให้กันทั้งสองฝ่ายนะ ถ้าเป็นฝ่ายพยายามฝ่ายเดียว หรือให้อยู่ฝ่ายเดียว มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือพลีกายถวายหัวทำอะไรเพื่อเขาขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ เห็นหรือไม่เห็น คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี
ส่วนคนฐานันดรสูงๆ อย่างพี่เฟมกับมิ้ง จะหันมาสนใจคนฐานันดรต่ำๆ หรือไม่นั้น อย่างที่เราก็เห็นกันถมเถไปในชีวิตจริงและละครหลังข่าว มันเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับคนฐานันดรสูงคนนั้นเขา value อะไรมากกว่ากัน ถ้าเขา value ชื่อเสียงเงินทองมากกว่าความรักความสุข เขาก็คงไม่หาเรื่องลดศักดินาตัวเองให้เหลือห้าไร่
แต่มันก็มีเหมือนกันนะ คนชั้นสูงที่เบื่อและชาชินกับแสงสีเสียงหรือการมีคนมานิยมชมชอบ แล้วพอเจอคนที่ไม่รู้จักเขา ไม่สนใจคลั่งไคล้เขา เขาจะไม่เข้าใจ เขาจะสนใจคนคนนั้นเป็นพิเศษ เขาจะรู้สึกว่าคนคนนี้น่าค้นหาและคงไม่ทำตัวน่ารำคาญใส่เขาแบบพวกติ่งชั้นต่ำ (นั่นไง ละครอีกละ)
ซึ่งทั้งนี้เราก็ต้องไปลุ้นกันต่อไปว่ารักหลายเส้าใน เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ จะลงเอยอย่างไร พี่เฟมกับมิ้งจะหันมาสนใจเมย์ไหนกับป๋องหรือเปล่า แล้วจะรับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้หรือไม่… (สับสน เข้าใจยาก สมกับเป็น “วัยว้าวุ่น” จริงๆ)
ความรู้สึก… ก็มีหลายชั้น หลายระดับ เช่นเดียวกับฐานันดร บางทีมันอาจเป็นแค่ความปลื้ม ความชอบ ความคลั่งไคล้ ความพิศวาส หรือแค่ความรู้สึกดี… แต่มันไม่ใช่ “ความรัก” ซึ่งเราต้องค่อยๆ ไตร่ตรองดูให้ดี มันใช้วัตถุหรือพฤติกรรมภายนอกชี้วัดไม่ได้เสมอไปอย่างตอนแยกชั้นฐานันดร เนาะ… ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์